ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Day Month Year [KrisYeol, HunHan, LayMin]

    ลำดับตอนที่ #7 : LayMin Chapter 6 November

    • อัปเดตล่าสุด 8 ธ.ค. 59


    November 

    คิมมินซอกกับจางอี้ชิงอยู่เกาหลีมาได้หลายสัปดาห์แล้วในขณะที่เรื่องเพลงก็ยังไม่ค่อยจะคืบหน้าไปเท่าไหร่ ชานยอลเล่าให้ฟังว่าพี่คริส โปรดิวเซอร์ที่ได้ฟังเพลงของอี้ชิงเขาู้ความจริงหมดแล้วว่าชานยอลเอาเพลงของคนอื่นมาให้ช่วยประเมิน ตอนแรกก็มีเคืองนิดหน่อยที่ชานยอลไม่ยอมบอกความจริงแต่ตอนหลังก็รับปากแล้วว่าจะช่วยเพราะอยู่ดีๆ ก็เกิดถูกใจตัวโน้ตขึ้นมาดื้อๆ เลยบอกให้ชานยอลช่วยนัดเจ้าของเพลงมาเจอกันสักหน่อยแต่นัดทีไรก็มีงานด่วนเข้ามาตลอดเลยต้องเลื่อนมาสองครั้งแล้ว และครั้งนี้ก็ดูเหมือนว่ากำลังจะถูกเลื่อนออกไปเป็นครั้งที่สาม 

    เออ ฉันว่าเดี๋ยวฉันลองโทรหาไอ้พี่คริสดูอีกรอบดีกว่า ชานยอลเอ่ยขึ้นในขณะที่เริ่มสังเกตเห็นสีหน้าของจางอี้ชิงดูไม่ค่อยจะดีนัก 

    พอเถอะชานยอล ฉันเห็นนายพยายามที่จะโทรหาเขามาเป็นสิบๆ ครั้งแล้วตั้งแต่เรามานั่งกันอยู่ตรงนี้ อบใจมากแต่ฉันว่าพี่ิสของนายอาจจะกำลังยุ่งู่ ยังไงเราก็ลองรอต่อไปอีกสักนิดก็แล้วกัน ตกลงไหมอี้ชิง  

    มินซอกเอ่ยขึ้นและหันไปถามความเห็นหนุ่มชาวจีนที่นั่งอยู่ข้างกายบนโซฟาหนังตัวใหญ่ภายในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง อี้ชิงได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าและยิ้มให้เล็กน้อย แต่ภายใต้รอยยิ้มนั้นกลับไม่อาจซ่อนความหวาดหวั่นในใจของเขาได้ 

    นี่คงไม่ได้เป็นฝีมือของแม่อีกแล้วใช่ไหมอี้ชิงได้แต่คิดอยู่ในใจไม่กล้าพูดออกมาเพราะกลัวเหลือเกินว่ามันจะกลายเป็นความจริง มินซอกรู้ดีถึงความกังวลข้อนั้นจึงเอื้อมมือไปแต่มือของชายหนุ่มชาวจีนที่เขาใก้ชิดมาตลอดเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมาและค่อยๆ กุมมันไว้อย่างให้กำลังใจ 

    ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดีสิน่าสายตาของคนตัวเล็กบอกเช่นนั้น และอีกไม่กี่อึดใจก็เหมือนจะมีร่างสูงของใครคนหนึ่งเดินเข้ามาภายในร้าน 

    พี่คริส…” 

    ชานยอลลุกขึ้นโบกไม้โบกมืออย่างตื่นเต้น มินซอกกับอี้ชิงจึงรีบหันไปมองตาม แล้วมินซอกก็หันกลับมายิ้มให้กับจางอี้ชิงอย่างรู้สึกมีหวัง และสิ่งนั้นก็ทำให้ชายหนุ่มชาวจีนแท้ยิ้มตามออมาโดยไม่รู้ตัว 

     

     

    Day-Month-Year 

     

    ผ่านไปอีกหนึ่งวันที่เข้าใกล้ความฝันของจางี้ชิงมากขึ้น หลังจากที่ได้พูดคุยกับโปรดิวเซอร์หนุ่มเพื่อนของชานยอลลับมาอี้ชิงก็เอาแต่ขลุกอยู่กับกีต้าร์ตัวโปรดที่นำกลับมาจากประเทศจีนภายในโลกส่วนตัว เวลานั้นเขาไม่รู้หรอกว่ากำลังเป็นเป้าสายตาอันแสนคมเฉี่ยวของคนตัวเล็กที่อยู่ใกล้ๆ มินซอกเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือแล้วก็จ้องมองชายหนุ่มชาวจีนแท้ที่เขารักด้วยแววตาของความสุข จางอี้ชิงคือกำลังใจเดียวของเขานับตั้งแต่วันแรกที่พบ วันแรกของปีนี้ มินซอกทอดถอนใจ ุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วราวกับความฝัน สิบเดือนก่อนหน้านี้เขายังว่างเปล่าอยู่แท้ๆ สิบเดือนก่อนหน้านี้ชีวิตของคิมมินซอกยังมีแต่ตัวเอง ใครเลยจะนึกฝันว่าเวลาแค่นี้จะทำให้อะไรหลายๆ ย่างเปลี่ยนแปลงไปมากมายจนไม่สามารถถอยกลับไปอยู่ จุดๆ เดิมได้อีก 

    ในระหว่างที่ใจคิด อยู่ๆ คนตัวเล็กก็เกิดรู้สึกกลัวขึ้นมาว่าสักวันหนึ่งเขาต้องกลับไปอยู่ จุดๆ นั้นอีกครั้ง จุดที่ไม่มีจางอี้ชิงเป็นคนสำคัญอยู่ในชีวิต ขณะที่น้ำตาเริ่มจะเอ่อท้นขึ้นมาคลอขังอยู่ในดวงตาคู่สวย คิมมินซอกก็รีบงยหน้าขึ้นหวังจะซ่อนความกังวลทั้งหมดให้พ้นไปจากสายตาของคนที่เขารัก เผื่อว่าอี้ชิงจะหันมาเห็นเข้า คนตัวเล็กคงตอบคำถามไม่ได้หรอกว่าทำไม และหลังจากนั้นอีกไม่กี่อึดใจเสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือตรงหน้าของคิมมินซอกก็ดังขึ้น  

    ในขณะที่อี้ชิงหยุดเล่นกีต้าร์และหันมามอง มินซอกก็รีบคว้าโทรศัพท์ของตัวเองทันที ขากดรับสายอย่างรวดเร็ว 

    สวัสดีครับ...” 

    "สวัสดี... หวังว่าเธอคงจำเสียงฉันได้" ปลายสายตอบกลับมาอย่างช้าๆ เป็นภาษาอังกฤษ 

    "คุณ!"  

    "คิดได้แล้วหรอยังมินซอก ว่าควรจะรับข้อเสนอของฉัน" 

    "ผม..." ชายหนุ่มร่างเล็กหันไปเห็นว่าจางอี้ชิงกำลังมองอยู่อย่างห่วงๆ จึงตัดสินใจเดินออกไปคุยข้างนอกทันที 

    "ว่ายังไงมินซอก เลือกได้หรือยังระหว่างความฝันของเธอ กับความสุขบ้าๆ บอๆ ของลูกชายฉัน" 

    "ผมเข้าใจว่าผมปฏิเสธข้อเสนอของคุณไปแล้ว" 

    "ใจเย็นๆ ก่อนสิ คิดดูให้ดีๆ นะมินซอก เธออยู่กับลูกชายฉันแบบนี้ก็ไม่มีทางทำตามฝันของตัวเองได้สำเร็จหรอก ความฝันลมๆ แล้งๆ ของอี้ชิงก็เหมือนกัน เธอก็รู้ว่ามันจะไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ เพราะฉันไม่อนุญาตให้มันเป็น!" 

    "งั้นเหรอ... เดี๋ยวอีกไม่นานคุณก็จะได้รู้ ว่าเป็นไปได้ไหม" 

    "ไม่ต้องรอถึงขนาดนั้นหรอก ฉันรู้อยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้ ไม่งั้นฉันคงไม่กล้าเดิมพัน" 

    "จางชิงฮวา... คุณคิดผิดแล้ว ที่ปล่อยให้ผมกลับมาหาเขา" มินซอกกดวางสายเพื่อเป็นการตัดบทสนทนาอย่างไม่ใส่ใจคำพูดต่อไปของคุณนายจาง 

    "เธอจะเป็นคนพาลูกกลับมาหาฉันด้วยมือของเธอเอง มินซอก..." 

    ทันทีที่ชายหนุ่มร่างเล็กก้าวเข้ามาในห้อง้วยสีหน้าเครียดขรึม อี้ชิงก็วางกีต้าร์ลงและเดินเข้ามาหาด้วยความห่วงใย 

    นายไม่เป็นอะไรนะ 

    มินซอกพยักหน้าเล็กน้อยแทนคำตอบก่อนจะเดินไปนอนลงบนเตียงด้วยความเหนื่อยหน่าย อี้ชิงจึงเข้าไปนั่งลงข้างๆ 

    ถามได้ไหม ใครโทรมาเหรอ อี้ชิงเอ่ยขึ้นในขณะที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง มินซอกรีบลุกขึ้นคว้าโทรศัพท์มาดูด้วยท่าทางโมโห รู้สึกเหมือนโดนรังควานแบบที่จางอี้ชิงเคยโดน แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อสายเรียกเข้านั้นไม่ใช่เบอร์แปลกๆ ที่ไหนแต่เป็น 

    แม่  

     

     

    Day-Month-Year 

     

    หลังจากที่วางสายจากแม่ไปได้ไม่นาน ินซอกก็มานั่งอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ที่นี่เป็นร้านของเพื่อนแม่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากย่านหอพักของชายหนุ่มสักเท่าไหร่ แม่มาทำธุระแถวนี้เลยถือโอกาสนัดเจอเอาของกินของฝากมาให้ตามที่เคยทำอยู่เสมอในมัยที่เขายังเรียนไม่จบ 

    ได้ยินว่ามีเพื่อนมาอยู่ด้วยที่ห้องพักของลูกแม่ก็เลยทำอาหารมาเผื่อ ไม่รู้ว่าจะถูกปากึเปล่า อ้อ อย่าลืมแบ่งให้ปาร์คชานยอลด้วยนะ บังเอิญจริงๆ ที่มาอยู่ห้องข้างๆ ันแบบนี้ ม่เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มละไมอันสุดแสนจะอบอุ่นและอ่อนโยน 

    อบคุณครับแม่ ไหนดูซิว่ามีอะไรน่ากินบ้าง มินซอกเอ่ยขึ้นพลางทำท่าจะแกะห่อผ้าดูแล้วแม่ก็ตีมือเขาเบาๆ ไปหนึ่งเผียะ 

    นี่มินซอกแกะตรงนี้มีหวังคนอื่นคงไม่ได้กินกันพอดี จริงสิแม่มีของขวัญอีกอย่างจะมาให้ลูกด้วย”  

    องขวัญมินซอกทวนถามอย่างงงๆ ในขณะที่แม่หยิบกล่องใบเล็กๆ ผูกโบเอาไว้อย่างดีขึ้นมามอบให้ 

    ก็ของขวัญเนื่องในโอกาสที่ลูกทำตามฝันจนสำเร็จจนได้ยังไงล่ะ คำพูดของแม่ยิ่งทำให้มินซอกสับสนไปใหญ่ แม่ดีใจนะที่รู้ข่าวว่ามินซอกของแม่กำลังจะได้ทุนไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ตอนแรกที่มีเอกสารส่งไปถึงที่บ้านของเรา แม่ตื่นเต้นมากๆ เลยนะรู้ไหม ในที่สุดสิ่งที่ลูกทุ่มเททำอยู่ทุกลมหายใจก็สำเร็จ 

    “…”  

    มินซอกทั้งงง ทั้งตกใจแต่เมื่อเห็นแม่ดูมีความสุขมากมายเหลือเกินก็กลับทำให้เขารู้สึกละอายจนไม่กล้าจะปฏิเสธ ตั้งแต่ขึ้นปีใหม่มาจนจวนจะครบปีอีกครั้งแล้วนี้ มินซอกรู้ตัวดีว่าเขาไม่เหมือนเดิมเลยซักนิด แต่แม่ไม่รู้หรอกว่าความจริงแล้วเขาไม่ได้ทุ่มเทให้กับอนาคตของตัวเองจนถึงขนาดนั้น  

    "เปิดดูสิ"  

    เมื่อแม่ย้ำขึ้นมินซอก จึงต้องเปิดกล่องของขวัญดูอย่างขัดไม่ได้ แล้วก็เป็นนาฬิกาเรือนหนึ่ง... ซึ่งเท่าที่จำได้ชายหนุ่มร่างเล็กรู้ดีแก่ใจว่านาฬิการุ่นนี้แพงมากขนาดไหน และเขาเองก็เคยอยากได้มันมากเช่นกัน 

    "แม่..."  

    มิ นซอกกหันไปกอดผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ในขณะที่น้ำตาของเขาเริ่มไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่มันเกิดความผิดพลาดอะไรขึ้น แต่การจะถามแม่ให้เข้าใจกลับกลายเป็นสิ่งยากเหลือเกินเพราะชายหนุ่มร่างเล็กไม่อยากทำให้แม่ผิดหวัง เขาได้แต่ร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดแม่ราวกับตอนที่ยังเป็นเด็กเล็กๆ  

    ให้ตายสิ... ไม่ได้อยู่แบบนี้มานานแล้วสินะ มินซอกรู้สึกเหนื่อยเหลือเกินกับการวิ่งไปวิ่งมาในโลกข้างนอกอ้อมกอดของแม่ 

    "ขี้แยไม่เปลี่ยนเลยนะมินซอกของแม่..." ผู้หญิงที่อ่อนโยนที่สุดในชีวิตของชายหนุ่มร่างเล็กยกมือขึ้นลูบไปมาบนศีรษะของเขาเบาๆ เมื่อตั้งสติได้... มินซอก รีบจึงเอ่ยถามถึงเรื่องเอกสารเกี่ยวกับทุนการศึกษาที่แม่บอกว่ามันถูกส่งไป ที่บ้านของเขาทันที แม่ค้นกระเป๋าอีกพักใหญ่ ก็หยิบซองเอกสารหนาปึกออกมาให้ ข้างในเป็นเอกสารเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยดังๆ ในยุโรปหลายแห่งที่เขามีสิทธิ์เลือกจะไปเรียนต่อในระดับปริญญาโทได้ภายใต้ เงื่อนไขบางอย่าง แต่เมื่อพลิกดูจ่าหน้าซองดีๆ มินซอก ก็แทบจะโยนมันทิ้งลงให้ได้เสียตรงนั้นเพราะเจ้าของทุนการศึกษาที่ว่าก็คือ บริษัทในเครือของตระกูลจางภายใต้การควบคุมของคุณนายใหญ่ จางชิงฮวาผู้เอาแต่ใจ และไม่เคยยอมแพ้ใครนั่นเอง! 

     

     

    Day-Month-Year 

     

    หลังจากที่ส่งแม่กลับบ้านินซอกก็ได้แต่ครุ่นคิดหนักอยู่บนรถไฟฟ้าใต้ดินระหว่างทางกลับหอ เขาเปิดซองเอกสารที่ได้รับจากแม่ดูอีกครั้งพลางนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ประเทศจีน หลังจากที่แยกขึ้นรถคันละคันกับอี้ชิงตามแผนสับขาหลอกคุณจาง มินซอกก็ถูกลักพาตัวไปที่คฤหาสน์หลังใหญ่และฟื้นขึ้นมาในห้องส่วนตัวของอี้ชิง 

    ฟื้นแล้วเหรอเธอน่ะ ชื่อมินซอกใช่ไหม หญิงกลางคนที่ดูสวยสมวัยผู้หนึ่งเอ่ยถามเป็นภาษาอังกฤษเรียบๆ ขณะกำลังจ้องเขม็งมาที่เขาจากปลายเตียง แม้จะยังไม่สามารถรวบรวมสติสัมปะชัญญะได้ครบถ้วนแต่มินอกก็พอจะเดาออกได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้มีเป็นใคร 

    นี่ตกลงว่าเธอน่ะ เป็นอะไรกับลูกชายฉัน 

    ผม…” 

    ตกลงว่าเป็นเพื่อนกันหรือว่าเป็นคนรัก 

    “…” 

    ตอบๆ มาเถอะ ฉันก็แค่อยากรู้ว่าเธอรักลูกชายของฉันมากน้อยขนาดไหน 

    ผมรักจางอี้ชิง หมายถึงรักจริงๆ ไม่ได้น้อยไปกว่าคุณ มินซอกให้คำตอบด้วยท่ทีมั่นใจ ผู้หญิงคนนั้นเห็นแล้วก็คงเข้าใจทุกอย่างจึงค่อยๆ ยิ้มออกมา 

    ฉันเริ่มจะรู้สึกถูกชะตากับเธอแล้วสิ ชัดเจนแบบนี้ก็ดี ฉันชอบ 

    ุณต้องการอะไร 

    ฉันต้องการลูกชายของฉันคืน ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยขึ้นอย่งตรงไปตรงมา 

    งั้นคนของคุณก็จับมาผิดตัวแล้ว 

    ไม่ผิดหรอกมินซอก ฉันต้องการทำข้อตกลงกับเธอ รู้มาว่าฝันอยากจะไปเรียนต่อเกี่ยวกับภาษาศาสตร์แถวยุโรปนี่ ใช่ไหม 

    “…” 

    ันกำลังงแผนที่จะขยายกิจการและเข้าไปวางรากฐานธุรกิจทางฝั่งโน้นอยู่พอดี ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็อยากจะให้จางอี้ชิงลูกชายของฉันไปเรียนรู้งานที่นู่นด้วย จะได้เป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรอรับช่วงการเป็นผู้ควบคุมกิจการทั้งหมดของตระกูลต่อจากฉัน 

    เรื่องนั้มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก ี้ชิงไม่ได้เกิดมาเป็นนักธุรกิจ 

    แต่เขาจบบริหาร เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง... ธอไม่รู้หรอกเหรอ 

    ให้ตายสิ คนตัวเล็กม่อยากเชื่อเลยซักนิดแต่ก็ต้องตามน้ำไป ก็ใช่เพราะว่าคุณบังคับให้เขาเรียนยังไงล่ะ ถึงว่าไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงได้จงใจหนีคุณและออกไปามความฝันถึงที่เกาหลี เพราะคุณเป็นคนแบบนี้นี่เอง 

    ฉันเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกของฉันเสมอ และครั้งนี้ฉันก็จะช่วยเธอให้สมหวังในทั้งสองเรื่องที่เธอต้องการ แค่เธอพาอี้ชิงกลับมาหาฉัน ทำให้เขาเลิกสนใจดนตรี เลิกสนใจกีต้าร์โง่ๆ กับเครื่องบันทึกเสียงอะไรพวกนั้นเท่านี้ก็พอ ธอจะได้ไปเรียนต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยไหนก็ได้ที่เธอต้องการ ละเธอก็จะไม่ต้องพลัดพรากจากคนที่เธอรักด้วย ดีไหม 

    ผมไม่เอา! ินซอกตอบโดยไม่ต้องคิดได้ในทันที 

    ไม่ต้องรีบตอบเร็วขนาดนี้ก็ได้ ฉันเชื่อว่าสุดท้ายแล้วยังไงเธอก็จะต้องตกลง 

    ไม่มีวัน ผมไม่ขายความฝันของจางี้ชิงเพื่อให้ตัวเองไปถึงเป้าหมายก่อนเป็นอันขาด 

    งั้นเธอก็จะไม่มีวันไปถึงเป้าหมาย ส่วนความฝันโง่ๆ ของจางอี้ชิงก็ไม่มีทางสำเร็จเหมือนกัน เธอก็รู้นี่ว่าฉันสามารถบันดาลให้มันเป็นแบบนั้นได้ จะเสียเวลาทำไมมินซอก สู้รับข้อเสนอของฉัน เลือกฝันของตัวเอง และชีวิตที่ดีกว่าให้กับอี้ชิง แค่นี้ก็จะไม่ต้องมีใครมาเดือดร้อน 

    ผมจะไม่ดูถูกตัวเอง แล้วก็ไม่ดูถูกคนที่ผมรักด้วยการรับข้อเสนอของคุณเด็ดขาด ปล่อยผมกลับไปหาเขา เราจะพิสูจน์ให้คุณเห็นว่าสิ่งที่คุณพูดมาทั้งหมด ันไม่จริงเลยซักนิดเดียว 

    ฉันจะคอยดูวันที่พวกเธอพากันซมซานกลับมาหาฉัน…” จางชิงฮวาเอ่ยขึ้นแล้วก็เดินเชิดหน้าออกไปจากห้องทันที ไม่ช้าก็มีคนมาเชิญให้มินอกกลับไปขึ้นรถคันเดิมที่เขานั่งมาเพื่อกลับไปเจออี้ชิงที่สนามบินอย่างรวดเร็ว  

    มินซอกยังจำได้ดีว่าวันนั้นอี้ชิงต้องจัดการเปลี่ยนตั๋วเที่ยวบินถึงสองครั้งเพื่อรอขา สุดท้ายทั้งคู่ก็ได้กลับมาเหยียบสนามบินอินชอนจนได้ โชคดีที่คุณนายจางเลิกไล่ล่าเพราะเธอคงจะสนุกมากกว่าที่จะนั่งรออยู่เฉยๆ ให้ลูกชายกลับไปง้อด้วยตัวเอง 

    เฮ้อ…”  

    มินซอกถอนหายใจอย่างหนักหน่วง เขารู้ดีว่านี่ยังไม่ใช่ท่าไม้ตายของคุณนายจางหรอก ดี๋ยวคงได้มีเรื่องบ้าบอกว่านี้แน่ แต่มันจะเป็นเรื่องอะไรแค่นั้น 

     

     

    Day-Month-Year 

     

    November 19 

    หลังจากที่พี่คริสหายหน้าไปหลายวัน และานยอลก็ไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเพลงของอี้ชิงเลยมินซอกก็เริ่มรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ นขณะที่ถูกบีบคั้นอยู่เรื่อยทางโทรศัพท์ คนตัวเล็กรู้ึกเหมือนว่าเขากำลังจะเสียสติ ่านหนังสือก็ไม่รู้เรื่อง ะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ี้ชิงฟังบ้างก็ไม่ได้ สุขภาพของเขาดีขึ้นมากแล้วแต่ถ้าต้องมาคิดมากอีกก็ไม่รู้จะเป็นยังไง โชคดีที่วันนั้นชายหนุ่มชาวจีนแต่งเพลงใหม่จบพอดีเลยชวนกันกับมินซอกว่าจะลองเอาไปเสนอที่สตูดิโอส่วนตัวของคริสดู เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้วินซอกก็ออกไปเคาะประตูเรียกชานยอลอยู่นาน จนอี้ชิงจัดการตัวเองเสร็จและเดินตามออกมาก็ไม่เห็นว่าเพื่อนตัวสูงของมินซอกจะตอบรับว่าอะไร 

    ชานยอล อยู่ในห้องรึเปล่าน่ะ ชานยอล…” อี้ชิงลองช่วยเรียกดูบ้าง ไม่ช้าจึงเริ่มได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวในห้อง 

    ประตูขยับแล้ว 

    ชานยอล!” ทั้ี้ชิงและมินซอกร้องขึ้นอย่างตกใจทันทีที่เห็นสภาพเหมือนศพของเพื่อนที่เคยสดใสอยู่เสมอ นาทีนั้ินซอกใจหายวาบ รู้ว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแล้วแน่ๆ วงตากลมโตของชานยอลดูล่องลอยราวกับคนไม่มีสติ มองดีๆ ยังเห็นได้ชัดว่ามีรอยแดงช้ำเหมือนกับคนพึ่งผ่านการร้องไห้อย่างหนักมา บหน้าของเขาดูซูบซีดผิดไปจากยามปกติมาก เส้นผมที่ปราศจากการตกแต่งดูแลก็เหมือนจะจับตัวกันดูยุ่งเหยิงไปเสียหมด  

    ุกอย่างมันจบแล้ ฉันเสียใจที่ช่วยพวกนายไม่ได้ 

    ชานยอลทำไมนายถึงเป็นแบบนี้มินซอกเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง 

    อี้ชิงฉันขอโทษ ฉันไม่ควรจะรับปากนายตั้งแต่แรก ไม่ควรทำให้นายมีความหวังทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองก็เป็นแค่นักแต่งเพลงกระจอกๆ และพี่คริสก็เป็นแค่ลูกจ้างของเขาอีกที ฉันผิดเอง ม่ควรทำให้ทุกคนต้องมาเสียเวลากันแบบนี้ ฉันเสียใจ ฉัน านยอลทำท่าจะพูดอะไรอีกมากมาย 

    ชานยอลนี่ ชานยอล ฟังฉันก่อนอี้ชิงเขย่าแขนเพื่อนตัวสูงเพื่อเรียกสติเรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะน่า ตอนนี้ฉันแค่อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมนายถึงเป็นแบบนี้ ฉันกับมินซอกไม่อยากให้นายเป็นแบบนี้นะชานยอล ตั้งสติคุยกับพวกฉันหน่อย 

    ฉันฉันเป็นคนทำให้มันจบเอง ฉันทำให้ทุกอย่างมันพังลงมาเอง ทั้งความฝันของนาย แล้วก็หน้าที่การงานของพี่คริส ฉันมันโง่ สมควรแล้วที่ไอ้พี่คริสมันจะโกรธเกลียดฉัน ฉันไม่น่าพลาดหลุดปากให้ท่านประธานรู้เลยว่าเพลงๆ นั้นมันเป็นเพลงของนาย ก่อนหน้านั้นฉันมัวแต่ช่วยพี่คริสทำเพลงเลยไม่ได้นอนทั้งคืน ฉันโง่ ฉันไม่มีสติ ฉันเกลียดตัวเองจริงๆ โถ่เว้ยฉันมันโง่! ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของร่างสูงแต่เพรียวบางผู้นั้นกล่าวโทษตัวเองมาเป็นชุดและทำท่าจะหันไปชกกำแพงเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจ 

    อย่าๆ ชานยอลอี้ชิงร้องขึ้นก่อนจะคว้าหมัดของเพื่อนตัวโตเอาไว้ได้ทัน มินซอกเห็นเช่นนั้นแล้วก็ยิ่งร้อนใจจึงรีบเอ่ยถามชานยอลบอกฉันได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ท่านประธานรู้เรื่อง 

    ชายหนุ่มที่กำลังตีโพยตีพายอย่างไร้สติได้ยินคำถามนั้นก็ค่อยๆ หันมา คิมมินซอกเห็นสายตาอันน่าสงสารอย่างที่สุดของเขาแล้วก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ที่ตัดสินใจลากชานยอลให้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย 

    ี่คริสถูกไล่ออกและชื่อของพวกเราก็ถูกแบนในวงการเพลงของเกาหลีไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดนี้ มันเป็นเพราะฉันไม่มีสติคนเดียว 

    อี้ชิงได้ยินแบบนั้นก็ถอยห่างออกมาจากชานยอลทันที แม้ภายนอกจะรู้สึกชาแปลกๆ แต่ก็เจ็บในใจพิลึก 

    นายไม่ผิดหรอกฉันผิดเอง ขอโทษด้วย…” ชายหนุ่มชาวจีนเอ่ยขึ้นแล้วก็เดินกลับเข้าไปภายในห้องของคิมมินซอกอย่างรวดร็วก่อนจะตัดสินใจขังตัวเองเอาไว้ในห้องน้ำ 

    "มินซอก... ฉันจะทำยังไงดี!" ในขณะที่ชานยอลหันหน้ามาถามด้วยตาแดงๆ มินซอกก็ดูจะเริ่มกระวนกระวายใจมากเพราะเป็นห่วงอี้ชิงจนแทบจะทำอะไรไม่ถูก 

    "นาย... ใจเย็นๆ ก่อนนะชานยอล เรื่องนี้มันไม่ใช่ความผิดของนายหรอก ถึงนายจะไม่ได้หลุดปากพูดแบบนั้นไป แม่ของอี้ชิงก็ต้องสืบจนรู้แล้วก็มาเล่นงานพวกเราอยู่ดี ตอนนี้... นายอยู่นิ่งๆ ก่อนนะ ฉันจะแก้ปัญหาให้เอง"  

    ชาย หนุ่มร่างเล็กบอกกับเพื่อนตัวยักษ์ให้สงบสติอารมณ์ลงแล้วก็วิ่งกลับไปที่ ห้องของตัวเองโดยด่วน ก่อนจะรีบตรงเข้าไปตบประตูห้องน้ำแล้วร้องเรียกจางอี้ชิงด้วยท่าทีร้อนรน 

    ผ่านไปอีกนานพอสมควร เรียนเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ มินซอก ลองแนบหูฟังที่หน้าประตูได้ยินแต่เสียงคนร้องไห้เบาๆ ก็ทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างอ่อนแรงและเริ่มร้องไห้ออกมาบ้างด้วยความ เหนื่อยใจเหลือเกิน 

    "อี้ชิง... อย่าทำแบบนี้ได้ไหม ออกมาคุยกับฉันได้ไหม ขอร้อง..."  

    "..."  

    "อี้ชิง... อี้ชิงได้ยินฉันรึเปล่า ฉันเป็นห่วงนายมากนะรู้ไหม อี้ชิง... ขอร้องล่ะ นายไม่สงสารฉันบ้างเลยเหรอ" มินซอก เริ่มพูดเหมือนอ้อนวอน แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น ชายหนุ่มร่างเล็กล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ดูโดยพลัน 

    ชั่วขณะนั้นดวงตาคมเฉี่ยวก็เบิกโพลงขึ้นเหมือนรำลึกถึงบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้ และคิมมินซอกก็จะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว 

    คุณนายจางอีกเดี๋ยวเราคงได้เจอกัน!  

     

     

    Day-Month-Year 

     

    หลังจากที่ร้องไห้และเผลอหลับไปในห้องน้ำอี้ชิงก็ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกตึงๆ ในหัว ครั้งนี้คงจะต้องยอมแพ้แม่แล้วจริงๆ เพราะความฝันของเขากำลังทำให้คนอื่นต้องมาเดือดร้อน อี้ชิงคิดได้ก็ลูบหน้าลูบตาแล้วหันไปเปิดประตูคิดว่าจะได้เห็นร่างเล็กๆ องมินซอกเอนตัวซบอยู่ที่อีกด้านหนึ่งของมัน ชายหนุ่มต้องขอโทษเขา ต้องขอโทษเขาอย่างจริงจังที่คอยแต่จะนำปัญหามาให้ อี้ชิงคิดเอาไว้ในใจหมดแล้วว่าจะทำอย่างไรบ้าง คิดแม้แต่กระทั่งจะโอบกอดเขาเอาไว้ให้แน่นที่สุดยังไง แล้วจะพูดว่าอะไรบ้างทว่าหลังประตูบานนั้นกลับมีเพียง ความว่างเปล่า ชายหนุ่มชาวจีนจึงค่อยๆ ก้าวเท้าออกมาก่อนที่จะพบว่าไม่ใช่เพียงแค่หลังประตูเท่านั้นแต่เป็นห้อง ทั้งห้องที่ไม่มีแม้แต่เงาของคิมมินซอก! 

    วูบ หนึ่งในขณะที่กำลังมองหา อี้ชิงเริ่มกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนตัวเล็ก เขารีบวิ่งออกจากห้องไปเคาะประตูเรียกชานยอลที่ห้องข้างๆ ทันที 

    "ชานยอล... ชานยอล มินซอกอยู่กับนายรึเปล่า ชานยอล..."  

    อี้ ชิงตบประตูเรียกอยู่หลายครั้งก็ไม่มีใครตอบราวกับว่าไม่มีคนอยู่ภายในห้อง ชายหนุ่มเริ่มตกเป็นฝ่ายร้อนใจขึ้นมาบ้างจึงรีบออกไปวิ่งตามหามินซอกในสถานที่ต่างๆ ทั่วทั้งย่านหอพัก จางอี้ชิงวิ่งอยู่อย่างนั้นจนเหนื่อย จนเวลาล่วงเลยปกระทั่งมืดค่ำ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจต่อสายโทรศัพท์ทางไกลข้ามประเทศไปหาซองอึนนูน่าที่คอยดูแลคุณตาอยู่ที่ปักกิ่ง  

    "นูน่าครับ... มินซอกได้ติดต่อไปหานูน่าบ้างไหม" 

    "ไม่นะอี้ชิง เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า..." ซองอึนเอ่ยถามในขณะที่อี้ชิงกำลังลดหูโทรศัพท์ลงไม่ฟังต่อ สายตาของเขาแข็งกร้าวขึ้นเมื่อนึกถึงบางสิ่งบางอย่างด้วยความโกรธเกรี้ยว ชายหนุ่มตัดสินใจรีบกลับไปที่หอพักของคิมมินซอกทันทีแล้วรีบแพ็คกระเป๋าเดินทางไปที่สนามบินอย่างรวดเร็ว 

    คราวนี้ฉันขอร้องนายบ้างล่ะนะมินซอก อย่าเป็นอะไรไป! 

     

     

    Day-Month-Year 

     

    21 November 

    พลบค่ำที่คฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลจางอันถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศความเงียบเหงาวังเวงและไออากาศที่เริ่มจะหนาวเย็น ภายในห้องสี่เหลี่ยมอันว่างเปล่าคุณนายจางกำลังนั่งเหม่อมองออกไปรอบๆ ห้องอยู่เพียงลำพังด้วยแววตาสีหม่น 

    เนิ่นนานเกือบจะเท่าอายุของจางอี้ชิงแล้วที่ห้องนี้ายเป็นห้องที่ไม่มีใครอยู่ จางชิงฮวากำลังนึกถึงอดีตสมัยที่ห้องนี้ยังคงมีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยความรักและความสดใสอยู่ ตอนนั้ เธอเองก็ยังเป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่อ่อนโยนและเปราะบางมากๆ คนหนึ่ง เธอเป็นคนที่รักเสียงเพลง เธอยังคงจำได้ และเธอก็รักเขารวมทั้งเพลงของเขาอย่างสุดหัวใจ  

    ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์เลวร้ายบางอย่างขึ้น ที่ทำเธอเกลียดชังมันไปอย่างตลอดกาล 

    เป็นความผิดของมันจริงๆ แล้วหรือ 

    ชั่วขณะที่กำลังว่ายวนอยู่ในกระแสธารแห่งเวลานั้น สียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น พร้อมเสียงตะโกนโหวกเหวกข้างนอก 

    คุณนายคะ คุณนาย คือว่า 

    จางชิงฮวากำลังจะลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูก็พบว่าชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังพังประตูเข้ามอย่างรุนแรงด้วยท่าทีอันเกรี้ยวกราดอย่างที่ไม่มีใครในบ้านหลังนี้เคยเห็นมาก่อน 

    อี้ชิ! 

    มินซอกอยู่ที่ไหน 

    แม่…” 

    มถามว่าคนของผมอยู่ที่ไหน! ท่าทางรุ่มร้อนของอี้ชิงทำให้คุณนายจางรู้ทันทีว่าให้ตายยังไง เธอก็คงไม่มีทางได้ลูกชายคืนมาจากเด็กหนุ่มชาวเกาหลีคนนั้นแน่ถ้าเขาไม่เต็มใจพาอี้ชิงมามอบให้เธอกับมือ 

    เด็กคนนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่ จางชิงฮวาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ 

    คุณทำอะไรกับคนของผม 

    เก่งออกอย่างนั้น ฉันจะไปทำอะไรได้…” จางชิงฮวานึกถึงสีหน้าแววตามุ่งมั่นของคิมมินซอกตอนที่เขามาที่นี่แล้วก็ทอดถอนใจ เด็กคนนั้นมาเพื่อที่จะปฏิเสธทุกอย่างที่เธอเสนอให้และบอกว่าเขาจะปกป้องความฝันของจางอี้ชิง แลฝันของตัวเองให้เป็นจริงให้ได้อย่างไม่ยอมแพ้ 

    นี่คือความรักของผม ต่างจากคุณตรงที่ผมไม่ได้เห็นแก่ตัวเด็กหนุ่มร่างเล็กคนนั้นเอ่ยขึ้นทำให้จางชิงฮวารู้สึกโกรธเกรี้ยว  

    นี่เธอ!”  

    คุณไม่รู้หรอกเหรอคุณนายจาง ว่าที่จริงแล้วพ่อของจางอี้ชิงยังมีชีวิตอยู่ เขาไม่เคยจากคุณไปไหน และยังอยู่ในตัวตนลูกชายของคุณเสมอ แต่คุณนั่นแหละที่พยายามจะทำลายเขา เข่นฆ่าเขาให้ตายลงอย่างช้าๆ ทีละนิดๆ ด้วยความเห็นแก่ตัวและไม่ยอมรับความจริงของตัวคุณเอง! 

    ขณะที่กำลังอยู่ในห้วงของความคิดคำนึง อยู่ๆ จางชิงฮวาก็รู้สึกได้ถึงแรงบีบที่แขนข้างซ้ายอย่างแรง 

    เขาเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของผมมากยิ่งกว่าที่คุณเป็น ฉะนั้นอย่าแตะต้องเขาเป็นอันขาด 

    จางี้ชิง…” เสียงร้องปรามดังขึ้นมาจากเบื้องหลัง คุณหนูจางรีบหันไปก็เห็นซองอึนนูน่ากำลังเข็ญรถเข็ญของคุณตาตรงเข้ามาหาเขาทันที 

    คุณตากลับมาพักฟื้นที่บ้านแล้วเหรอครับ คุณหนูจางลดท่าทีที่ก้าวร้าวลงอย่างเห็นถนัด 

    มาตามหามินซอกใช่ไหม…” 

     

     

    Day-Month-Year 

     

    ที่อนโดของพ่ออี้ชิง ชายหนุ่มร่างเล็กชาวเกาหลีแท้ๆ กำลังปัดกวาดเช็ดถูทำความสะอาดและจัดเก็บข้าวของต่างๆ ภายในนั้นให้เป็นที่เป็นทางอยู่ เขารู้ว่าเดี๋ยวจางี้ชิงก็คงจะต้องย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ ที่จริงแล้วมินซก็ไม่ได้หวังหรอกว่าจะได้เจอกับคนที่เขารักอีกในเวลานี้ เขาก็แค่ยากจะจัดทุกสิ่งทุกอย่างให้เรียบร้เข้าไว้  

    ก่อนที่จะไ! 

    แล้วเสียเคาะประตูก็ดังขึ้นเบาๆ จนทำให้คนตัวเล็กที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่เกิดสะดุ้งขึ้นมา สงสัยจะเป็นซองอึนนูน่าแน่ๆ ชายหนุ่มชาวเกาหลีนึกได้ก็เดินตรงไปที่ประตูทันที เมื่อเอื้อมมือไปแตะลูกบิดยังไม่ทันจะได้เปิด ประตูนั้นก็ถูกไขเข้ามาเสียแล้วด้วยฝีมือของคนข้างนอก 

    มินซอกรีบถอยหลบเข้าไปในห้องเพื่อไม่ให้โดนบานประตูที่ถูกผลักเข้ามาอย่างรวดเร็วชนเข้าใส่อย่างรุนแรง และก่อนที่จะได้เห็นหน้าผู้มาเยือนอย่างแจ่มชัด ายหนุ่ม่างเล็กก็รู้สึกได้ถึงแรงปะทะที่ใครคนนั้นโถมเข้าใส่ตัวเขาอย่างเต็มรัก 

    จางอี้ชิง…” 

    มินซอกร้องเรียกขึ้นในขณะที่ตัวแข็งทื่ออยู่ในอ้อมกอดของหนุ่มชาวจีน 

    ในที่สุดก็หาเจอจนได้จางี้ชิงทั้งโล่งอกและดีใจที่เห็นคิมมินซอกของเขายังปลอดภัยดีทุกอย่างและกำลังยืนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างไม่ผลักไส วินาทีนั้นชายหนุ่มชาวจีนไม่กล้าที่จะเอ่ยปากพูดคำใดๆ เลย นอกจากจะกระชับอ้อมแขนให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนกระทั่งผ่านไปอีกเนิ่นนาน มินซอกจึงค่อยๆ ดันใหล่ของออกและยืดตัวขึ้นก่อนประทับริมฝีปากลงบนปากของจางอี้ชิงอย่างนุ่มนวล 

    ขอโทษนะ นายคงตกใจแย่เลยใช่ไหม มินซอกเอ่ยขึ้นในขณะที่น้ำตาของเขากำลังค่อยๆ ไหลทะลักออกมาเป็นทางบนสองแก้ม 

    อี้ชิงก้มลงมองสบตามินซอกด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ เขายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้กับคนตัวเล็กแล้วดึงเข้ามากอดไว้แนบอกอีกครั้งอย่างสุดรักและหวงแหน นึกถึงตอนที่ตัวเองหายไปบ้างมนซอกจะรู้สึกยังไงนะตอนนั้น คิดแล้วคิดอีกจางี้ชิงก็ยิ่งรู้สึกตัวว่า ตอนนี้เหมือนเขาจะรักคิมมินซอกมากกว่าความฝันของเขาเสียอีก 

    ในตอนนี้ให้ทิ้งทุกอย่างไปให้หมดเลยก็ยังได้ ขอแค่ได้อยู่ด้วยกันก็พอ เพราะถ้าไม่มีมินซอก ใครกันจะมาคอยอยู่เคียงข้างและร่วมยินดีไปด้วยเมื่อความฝันเป็นจริง 

    และถ้าไม่มีคิมมินซอก ใครกันจะคอยปกป้องความฝันของจางอี้ชิงและให้กำลังใจเขาจนสู้ทำมันมาได้ไกลถึงขนาดนี้  

    จางอี้ชิงคิดแล้วก็ก้มลงประทับจูบลงบนหน้าผากของมินซอกอย่างอ่อนโยน ก่อนจะไล่ลงมาที่ริมฝีปาก พร้อมกับเอื้อมมือข้างหนึ่งไปด้านหลังเพื่อปิดประตูล็อคให้เรียบร้อย ไม่มีคำพูดนอกจากการกระทำเพียงอย่างเดียว และตอนนี้ ี้ชิงก็กำลังเอาแต่ใจมากขึ้นเรื่อยๆ จูบนั้นเนิ่นนานและมีความหมายมากกว่าปกติ ถึงจะรู้ดีว่าการผูกมัดจะยิ่งทำให้เขาทั้งคู่ต้องทรมานใจมากขึ้นเมื่อถึงเวลาต้องไกลจากกันแต่สุดท้ายแล้วมินซอกก็ยอมแพ้ 

    อี้ชิงฉันรักนาย 

    ทันทีที่แผ่นหลังว่างเปล่าของเขาแตะลงบนฟูกหนานุ่ม มินซอกก็ไม่อยากจะนึกถึงสิ่งใดอีกแล้ว เรื่องของวันพรุ่งนี้ก็ขอให้เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้เถอะนะ 

     

     

    Day-Month-Year 

     

    22 November 

    09.12 am จางอี้ชิงค่อยๆ ืมตาตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนอันแสนอบอุ่น ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาที่วางทับอยู่บนร่างกายของเขา อี้ชิงยังสัมผัสได้ถึงร่องรอยของคนตัวเล็กที่แอบลุกออกไปก่อนตอนไหนก็ไม่รู้  ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่มาถึงนี่เมื่อคืน เขายังไม่ได้พูดอะไรกับคิมมินซอกเลยซักคำ คิดแล้วก็รู้สึกขัดเขินแปลกๆ จนอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ชายหนุ่มร่างเล็กคนนั้นก็ช่างน่ารักเหลือเกิน นึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วก็ยิ่งรู้สึกไม่อยากให้รีบเช้าแต่เวลานับเป็นสิ่งที่ห้ามไม่ได้ ถ้าหากจะขออะไรตอนนี้ จางอี้ชิงคงอยากจะขอให้ค่ำลงอีกครั้งเร็วๆ มากกว่า เขาไม่เคยเอาแต่ใจขนาดนี้มาก่อ... 

    แล้วถ้าไม่มีมินซอกล่ะ ชายหนุ่มชาวจีนคนนี้จะอยู่ได้อย่างไรกัน…  

    เมื่อนอนขลุกอยู่กับร่องรอยขอเรื่องเมื่อคืนอีกเนิ่นนานจนพอใจแล้ว จางอี้ชิงก็ลุกขึ้นเดินออกมาตามหามินซอกข้างนอก ท่ามกลางบรรยากาศของห้องที่เต็มไปด้วยความเงียบ แม้แต่เงาของคนตัวเล็กอี้ชิงก็มองไม่เห็นเลยซักนิด ชายหนุ่มหันไปมองบนโต๊ะอาหารก็บังเอิญเห็นแซนวิชทูน่าสลัดวางอยู่สองชิ้นในจานใบเดียว ร้อมกับกระดาษอีกหนึ่งแผ่นที่ถูกพับครึ่งและสอดเอาไว้อยู่ใต้จานใบนั้น 

    ไม่ใช่แบบนั้นหรอกน่าอี้ชิงพยายามปลอบใจตัวเองขณะเดินเข้ามาหยิบกระดาษแล้วคลี่ออกดู 

     

    จางอี้ชิงที่รัก 

    ฉันขอโทษที่จากไปในตอนที่นายหลับ ที่ฉันต้องทำแบบนี้ เพราะฉันรู้ดีว่าฉันคงไปไหนไม่ได้แน่ถ้ารอให้นายตื่นขึ้นมาเสียก่อน ฉันขอโทษที่ไม่เข้มแข็ง ฉันรักนาย และไม่อยากจะเห็นนายต้องเจ็บปวดอีกแล้ว อี้ชิงนายคงกำลังสับสนและต้องการเหตุผลจากฉันสินะว่าทำไมต้องไป ฉันเองก็เหมือนกับนาย มีความฝันที่ต้องรับผิดชอบเหมือนกัน ฉันขอโทษที่เห็นแก่ตัว เห็นแก่ครอบครัวของฉันมากกว่า นานมาแล้วเคยมีใครคนหนึ่งพูดกับฉันว่าการที่เรารักใคร และทำให้เราต้องสูญเสียความเป็นตัวตนของเราไปหรือจะต้องละทิ้งความฝันของตัวเองนั่นไม่ใช่ความรัก อี้ชิง นายเป็นคนสำคัญแต่ความฝันของฉันก็สำคัญเช่นกัน ฉันรักนาย รักความฝันของนายและฉันจะเป็นกำลังใจให้นายเสมอ ต่อจากนี้ไปคุณนายจางจะไม่มายุ่งกับสิ่งที่นายจะเริ่มต้นทำที่นี่  ฉันขอร้องให้นายทำมันให้สำเร็จเพื่อฉันได้ไหม ฉันอยากได้ยินเพลงของนาย ในที่ๆ แม้จะไกลแสนไกลจากที่นี่เป็นคนละทวีปก็ตาม จางอี้ชิง ฉันรักนาย และฉันจะกลับมาหานายแน่ สัญญา 

     

    จางอี้ชิงพับกระดาษลงและสอดไว้ที่เดิมด้วยมือที่สั่นระริก ร่างกายของเขากำลังจะหมดแรงชายหนุ่มจึงเลื่นเก้าอี้โต๊ะอาหารนั้นออกมาและนั่งลงด้วยสีหน้าแววตาอันเลื่อนลอย เกิดอะไรขึ้นก็เมื่อคืนนี้เองเขายังได้นอนกอดร่างเล็ก ของคิมมินซอกอยู่เลย ก่อนที่เขาจะมาที่นี่ มัมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า ชายหนุ่มวนเวียนคิดแล้วก็ยิ่งปวดหัวขึ้นมาเหมือนโรคเก่าจะกำเริบ แล้วเสียงเคาะเรียกที่ประตูก็ดังขึ้น  

    อี้ชิงอี้ชิงเปิดประตูให้นูน่าหน่อยได้ไหม 

    ซองอึนที่รู้เห็นทุกอย่างเกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างินซอก คุณตา แล้วก็คุณนายจางรีบมาที่นั่นทันทีตามคำขอร้องของมินซอกหลังจากที่เขาได้ขึ้นเครื่องออกจากสนามบินปักกิ่งไปแล้ว 

    อี้ชิงอี้ชิงได้ยินนูน่ารึเปล่า เธอเคาะเรียกเท่าไหร่ๆ น้องชายของเธอก็ไม่ตอบสนองเลยแม้แต่นิด ในขณะที่พี่สาวเริ่มห่วง เธอจึงตัดสินใจให้บอดี้การ์ดจัดการพังประตูเข้าไป 

    อี้ชิง!” ซองอึนร้องขึ้นอย่างตกใจทันทีที่เห็นน้องชายกำลังนั่งกุมศีรษะอยู่ที่โต๊ะอาหารด้วยท่าทางเจ็บปวดรีบเข้ามาช่วยพาคุณหนูจางไปโรงพยาบาลสิเธอหันไปออกคำสั่งกับบอดี้การ์ดผู้ติดตาม 

    ไม่เป็นไรหรอกครับนูน่า ผมจะไม่ไปที่ไหนทั้งนั้น ผมแค่ต้องการคำอธิบาย…” 

     

     

    Day-Month-Year 

     

    29 November 

    หลังจากที่เสียผู้เสียคนไปเกือบหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ ทันทีที่ตั้งสติได้จางอี้ชิงก็เริ่มเดินไปตามเข็มทิศที่คิมมินอกได้ทิ้งเอาไว้ให้ทันที ในขณะที่กำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่กับคริสและชานยอลในปักกิ่ง จางอี้ชิงยื่นซองเอกสารหนาๆ ซองหนึ่งให้กับเขาทั้งคู่ 

    ี่คือสิ่งที่ฉันกับมินซอกจะรับผิดชอบพวกนายถ้ายังยินดีที่จะร่วมงานกัน ฉันจะรู้สึกขอบคุณพวกนายมากอี้ชิงเอ่ยขึ้นในขณะที่คริสกับชานยอลหันมาสบตากันเงียบๆ ไม่พูดอะไรก่อนที่คริสจะเอื้อมมือไปหยิบซองเอกสารใบนั้นขึ้นมาเปิดดู 

    นี่นายจะทำค่ายเพลงเหรอคริสร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น 

    อะไรนะชานยอลรีบคว้าเอกสารในมือคริสมาดูให้เห็นด้วยตาของตัวเองทันที 

    โปรเจ็คนี้เป็นโปรเจ็คของพ่อฉัน เขาเริ่มเอาไว้ก่อนที่จะจากฉันกับแม่ไปด้วยโรคร้าย พอดีว่ามินซอกไปเจอเข้าตอนที่ทำความสะอาดคอนโด ก็เลยแอบเก็บเอาไว้ให้ฉัน เขาขอให้ฉันทำมันต่อด้วยมือของฉันเอง ะฉันก็กำลังจะทำเดี๋ยวนี้ 

    ็ดี ฉันกำลังตกงานอยู่ อยากจะเริ่มเลยไหมล่ะเจ้านาย…” ไอ้พี่คริสของชานยอลดูตอบรับง่ายๆ ตามประสาคนที่ไม่คิดเยอะทันที 

    เดี๋ยวแล้วนี่แม่นายจะไม่ว่าอะไรเหรอชานยอลเอ่ยขึ้น 

    ไม่หรอก แม่กำลังเดิมพันกับมินซอกอยู่ อี้ชิงเอ่ยขึ้นในขณะที่ดวงตาเขากำลังเลื่อนลอยออกไปไกลแสนไกล 

    มินซอก ครั้งนี้ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้นายต้องพ่ายแพ้กับแม่ของฉันเป็นอันขาด 

    คุณหนูจางคนดีของแม่ได้เลือกข้างแล้ว!  




    ------------------------------------------------------------------------------


    ตอนนี้คืออัพเพื่อบูชาซี่โครงพี่อี้เลยค่ะ มีความไปเห็นในคอนมาคือดีมากๆ ในส่วนของฟิค พี่แกเข้ามาแบบไม่พูดพร่ำทำเพลง อยู่ๆ ก็จัดสงสัยจะทนมานาน คราวก่อนบอกว่าจะจบตอนนี้ แต่เอ้าไหนๆ ก็ไหนๆ ละต่ออีกตอนละกัน ใครรอฮุนฮาน พี่ลู่มาตอนหน้าแล้วนะคะ ไว้เจอกันค่ะ เดี๋ยวขอตัวไปสกรีมรอยยิ้มของโอเซฮุนต่อ ติดตาตรึงใจมากตั้งแต่วันเสาร์ละ สงสัยต้องไปต่อฟิคอีกเรื่องเพื่อเซ่นสรวงบูชาเช่นกัน ๕๕๕ ไว้แวะมาคุยกันได้นะคะ แท็ก #ficdaymonthyear

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×