ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Day Month Year [KrisYeol, HunHan, LayMin]

    ลำดับตอนที่ #2 : LayMin Chapter 1 Jan.-Feb.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 113
      0
      20 พ.ค. 58




    1 year ago

     

                January 1

                คิมมินซอกรู้สึกตัวขึ้นพร้อมสติที่หลงเหลืออยู่เพียงครึ่งๆกลางๆหลังจากที่เขาทำมันหล่นหายไปในงานปาร์ตี้เมื่อคืน เวลานั้นนาฬิกาดิจิตอลตรงหัวเตียงบอกเวลา 01:15 pm เขารู้สึกเหมือนเปลือกตาของตัวเองหนักอึ้ง นานแล้วที่ไม่ได้ดื่มหนักแบบเมื่อคืนนี้ ครั้นประคองตัวลุกขึ้นจากที่นอนได้สติสัมปชัญญะก็ค่อยๆกลับมาทีละนิด ครั้นเมื่อมันเติมเต็มมินซอกก็หันขวับไปมองนาฬิกาอีกครั้งก่อนที่ดวงตาจะเบิกโพลง

                01:16 pm

                “เฮ้ย...”

                เป็นการเริ่มต้นเช้าวันปีใหม่ที่ดูเหมือนจะช้าเกินไปไหมสำหรับคิมมินซอก ตอนแรกเขาวางแพลนเอาไว้ว่าจะย้ายเข้าไปอยู่หอพักใหม่ในอีกย่านหนึ่งตอนสายของวันนี้ แต่นี่ดันตื่นสาย ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าเล่นตื่นเอาซะบ่ายต่างหาก แบบนี้ก็ผิดแผนไปหมดและเพื่อไม่ให้สเต็ปต์ของตัวเอาต้องรวนไปมากกว่านี้เขาจึงรีบดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงนอนทันทีและอาบน้ำด้วยความรวดเร็วก่อนจะเก็บข้าวของอำลาหอพักเก่าที่อาศัยอยู่มาเป็นเวลาสี่ปีตลอดการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยไปสู่หอพักใหม่ในย่านการค้าเพื่อให้สะดวกต่อการหางานหาการทำไปพลางๆระหว่างเตรียมตัวติดปีกโบยบินตามฝันไปทำโทที่ต่างประเทศ

                ไม่รู้ว่าฝันสูงเกินไปไหม แต่คิมมินซอกเชื่อว่าทุกอย่างย่อมมีทางที่จะเป็นไปได้เสมอ...

     

               

    Day-Month-Year

     

                หลังจากที่พยายามทำทุกอย่างให้เร็วที่สุด และแล้วคิมมินซอกก็เดินทางมาถึงที่หอพักใหม่จนได้ หอพักใหม่ของคิมมินซอกเป็นตึกสูงสิบเอ็ดชั้นสไตล์โมเดิร์นโทนสีคลาสสิค ห้องพักที่เขาเลือกอยู่บนชั้นเจ็ดด้านที่มองออกไปจะเห็นทิวทัศน์เกือบทั้งหมดของย่านการค้า ถึงแม้ว่าคิมมินซอกจะเป็นคนจริงจัง และดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจใครนักแต่เขาก็ชอบมองดูผู้คน ทุกชีวิตที่โลดแล่นอยู่ข้างล่างล้วนแล้วแต่มีเส้นทางเป็นของตัวเอง แต่คิมมินซอกก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเส้นเหล่านั้นเกิดไพล่กันจนขมวดเป็นปมเหนียวแน่นขึ้นมาล่ะ คนเราจะเดินต่อไปได้ไหม... แล้วความสงสัยของเขาก็ยังคงไร้คำตอบ เมื่อขนของขึ้นลิฟต์มาบนห้องพักจนครบทุกชิ้นแล้วคิมมินซอกจึงเริ่มสำรวจพื้นที่ส่วนตัวแห่งใหม่อีกครั้งเพื่อเริ่มวางแผนว่าจะวางอะไรเอาไว้ตรงไหน กว่าทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อยท้องน้อยๆของมินซอกก็เริ่มร้องเรียกหาอาหารเย็นพอดี ขณะที่ต้องต่อสู้กับความหิว คนตัวเล็กจึงตัดสินใจเดินไปเรื่อยๆตามถนนในย่านการค้าเพื่อหาร้านอาหารสักร้านที่ราคาไม่แพงมาก จนกระทั่งได้กินจนอิ่ม ทันทีที่เดินออกจากร้านดวงตาเฉี่ยวคมของคนตัวเล็กก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างเข้า

     

                Good friends

                OPEN               10:30   AM                               CLOSE             08:30   PM

                คิมมินซอกค่อยๆกระตุกมุมปากขึ้นเล็กน้อยหลังจากก้มดูนาฬิกาข้อมือของตัวเอง

                07:11 pm

                ยังมีเวลาเหลืออีกพอสมควรที่จะแวะเข้าไปเดินเลือกซื้อหนังสือดีๆสักเล่ม ในร้านเล็กๆ ซึ่งได้รับการตกแต่งอย่างน่ารักจนเป็นที่สะดุดตาแม้จะมองเข้าไปจากที่ไกลๆก็ตาม

                เสียงกระดิ่งใบน้อยที่ติดอยู่ตรงประตูร้านดังขึ้น คิมมินซอกก้าวเข้าไปสัมผัสกับบรรยากาศภายในที่แสนอบอุ่น หนังสือทุกเล่มยังคงใหม่เอี่ยมและถูกจัดเรียงเอาไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยตามหมวดหมู่ที่เหมาะสม บนชั้นหนังสือที่ว่างก็จะมีของกระจุกกระจิกต่างๆวางไว้สำหรับตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ ตุ๊กตา กล่องใส่ของหน้าตาน่ารัก สโนว์บอล หรือต้นไม้เล็กๆ ก็ไม่ได้ทำให้ดูรกหูรกตาแต่อย่างใด ในขณะที่เดินลึกเข้าไปเรื่อยๆในร้าน คนตัวเล็กก็เริ่มได้ยินเสียงอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนว่าจะดังมาจากชั้นสอง ริมฝีปากของเขาค่อยๆคลี่ออกอย่างไม่รู้ตัว

                เสียงกีต้าร์นั้นให้ความรู้สึกที่เบาสบาย แม้จะเป็นเพลงที่ไม่รู้จักและอาจจะพึ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกที่นี่ แต่...

                ทำไมถึงทำให้รู้สึกชอบได้มากขนาดนี้!

                คิมมินซอกอมยิ้มน้อยๆก่อนจะเอื้อมมือหยิบหนังสือเล่มหนึ่งลงมาจากชั้นโดยไม่ดูชื่อ และไม่ดูปก เมื่อพลิกไปพลิกมา สายตาของเขาก็เหมือนจะไล่ไปตามตัวอักษรอยู่หรอกแต่ใครจะรู้ว่าความจริงแล้วคิมมินซอกกลับไม่ได้อ่านมันเลยแม้แต่นิด

                “อี้ชิง... ได้เวลาเอาหนังสือไปส่งลูกค้าแล้ว”

                เสียงกีต้าร์หยุดลง เปลี่ยนเป็นเสียงชายหนุ่มขานตอบลงมาจากชั้นสอง

                “ครับ นูน่า”

                มินซอกได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวอะไรบางอย่าง และมันก็ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะแอบมองไปทางบันใด ไม่นานร่างชายหนุ่มผิวขาว แต่งตัวสบายๆ ด้วยเสื้อเชิ้ตโทนสีออกฟ้าๆ ก็เดินลงมาจากชั้นบนอย่างรีบหน่อยๆ ในขณะที่เสียงเรียกจากเค้าน์เตอร์หน้าร้านก็ยังคงดังไม่หยุด

                “อี้ชิง... จางอี้ชิงจ๊ะ”

                “ลงมาแล้วครับ นูน่า” ชายหนุ่มเสื้อฟ้าคนนั้นร้องตอบในขณะที่เหลือบมาเห็นคิมมินซอกจ้องมองตนเองอยู่ด้วยดวงตาคมเฉี่ยวใสแจ๋ว

                อี้ชิง... คงจะชื่ออี้ชิงสินะ เขาเริ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัยและยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองเบาๆ เวลานั้นเป็นเวลาที่คิมมินซอกเริ่มจะทำอะไรไม่ถูกแล้วจึงทำเป็นก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือที่อยู่ในมืออย่างเคร่งเครียด

                ส่วนอี้ชิง หรือจางอี้ชิงคนนั้นเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กไม่ได้สนใจอะไรตัวเองแล้วก็รีบเดินออกไปหานูน่าที่เค้าน์เตอร์หน้าร้านทันที

                “นูน่าครับ... มีอะไรติดอยู่ที่หน้าของผมรึเปล่า?

     

     

    Day-Month-Year

     

                แล้ววันแห่งการเริ่มต้นอะไรหลายๆ อย่างสำหรับคิมมินซอกก็ผ่านพ้นไปแบบที่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร คนตัวเล็กนอนอ่านหนังสือไปที่พึ่งซื้อมาประมาณสามสี่เล่มอยู่บนเตียงนอนตัวใหม่ที่ต่อจากนี้ไปเขาคงจะสามารถทำความคุ้นเคยกับมันได้ไม่ยาก และเมื่อใดก็ตามที่สนิทกันแล้ว การจะลุกจากเตียงแต่ละครั้งก็คงจะกลายเป็นเรื่องที่ลำบากยากเข็ญเหมือนเช่นที่มันเคยเป็นมาก่อนหน้านี้กับเตียงตัวเดิมในหอพักเก่า

                และแล้วความสนิทสนมระหว่างคิมมินซอกกับเตียงนอนตัวใหม่ก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อเขาเริ่มหาว คิมมินซอกปิดหนังสือที่กางอยู่ลงเบาๆ แล้วขยี้ตา เขาลุกขึ้นหอบหนังสือสามสี่เล่มที่วางอยู่เกลื่อนบนเตียงนอนขึ้นไปวางไว้บนโต๊ะและหยิบปากกาเมจิกกาปฏิทินส่วนตัวทิ้งไปหนึ่งวัน

                “เฮ้อ...”

                คิมมินซอกถอนหายใจอย่างรู้สึกเสียดายที่ตัวเองตื่นสาย แต่ก็ช่างมันเถอะ ไว้วันพรุ่งนี้มะรืนนี้ และวันต่อๆ ไปมาถึง เขาต้องใช้มันให้คุ้มค่ากว่านี้แน่นอน

                คนตัวเล็กเดินไปปิดไฟก่อนที่ห้องทั้งห้องของเขาจะเหลือเพียงแต่ความมืด...

                แล้วเสียงกีต้าร์ที่ได้ยินเมื่อตอนหัวค่ำก็เหมือนจะกลับมาดังก้องขึ้นภายในหูของคนตัวเล็ก คิมมินซอกลืมตาโพลงขึ้นมาในขณะที่ปล่อยความคิดล่องลอย

                “จางอี้ชิงงั้นเหรอ”

                 คิมมินซอกนึกถึงชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าที่เดินลงมาจากบันไดชั้นสองของร้านหนังสือแล้วก็ได้แต่ยิ้มอยู่ในความมืด ดีใจเหมือนได้พบเพื่อนใหม่ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รู้จักเขามากไปกว่าชื่อ จางอี้ชิง...

     

     

    Day-Month-Year

     

                January 9

                กว่าหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาสำหรับการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ดูเหมือนว่าคิมมินซอกจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากด้วยพรสวรรค์ในการตีสนิทที่ติดตัวมาแต่กำเนิด

     

                Good friend

                OPEN               10:30   AM                               CLOSE             08:30   PM

                “สวัสดีครับ ซองอึนนูน่า”

                เสียงทักทายจากชายหนุ่มรูปร่างเล็กดังขึ้นหลังจากเสียงกระดิ่งที่ห้อยประตูเงียบลงเพียงไม่กี่อึดใจ

                “อ้าว มินซอก เล่มที่ซื้อกลับไปเมื่อวานมีปัญหาอะไรเหรอจ๊ะ”

                พี่สาวคนสวยเจ้าของร้านหนังสือ Good friends เดินออกมาจากเค้าน์เตอร์เพื่อต้อนรับชายหนุ่มตัวเล็กที่เธอรู้สึกถูกชะตาเป็นพิเศษด้วยรอยยิ้ม

                “เปล่าครับนูน่า ผมแค่อยากได้หนังสือเพิ่มเติมเกี่ยวกับไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ”

                “อ้อ ชั้นหนังสือเกี่ยวกับภาษาจะอยู่ทางด้านโน้นนะ เธอไปเดินเลือกได้ตามสบาย ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจหรืออยากรู้ว่าเล่มไหนดีไม่ดียังไงก็หยิบมาถามนูน่านะ”

                “ขอบคุณครับ”

                มินซอกตอบรับและก้าวเดินไปยังชั้นหนังสือด้านในสุดซึ่งอยู่ติดกับบันใดทางขึ้นชั้นสอง แปลก... วันนี้ร้านดูเงียบเหงาผิดปกติเพราะไม่มีเสียงกีต้าร์

                หรือว่าจางอี้ชิงจะไม่อยู่ เขาไปที่ไหนกันนะ...

                เดี๋ยวก่อน! นี่กะจะมาหาหนังสืออ่านสอบชิงทุนไม่ใช่เหรอ มินซอกนึกขึ้นได้ก็รีบสะบัดหน้าอย่างแรงเพื่อสลัดความคิดไร้สาระและเริ่มลงมือเลือกหนังสือเพื่ออนาคตของตัวเองในขณะที่เข็มนาฬิกาก็ค่อยๆ หมุนไปเรื่อยๆ หมุนไป และหมุนไปจนกระทั่งฟ้ามืด

               

                07:45 pm

                ตัวเลขที่ปรากฏบนนาฬิกาข้อมือเหมือนเตือนให้มินซอกรู้ตัวทันทีว่าเขามาจมอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้ว ซองอึนนูน่าเริ่มเดินมาจัดหนังสือตามชั้นต่างๆ เพื่อเตรียมปิดร้านในขณะที่ทุกอย่างก็ยังคงเงียบกริบ

                เสียงกีต้าร์ล่ะ

                เจ้าของเสียงกีต้าร์ที่ได้ยินทุกครั้งยังไม่กลับมาอีกเหรอ ?

     

                มินซอกก้มลงมองหนังสือสามสี่เล่มในมือแล้วก็ถอนหายใจเล็กน้อยก่อนตัดสินใจนำเก็บเข้าที่เดิมไปสองเล่ม และหอบอีกสองเล่มที่เหลือเดินมาหาซองอึนนูน่าที่ยืนจุดหนังสืออยู่ตรงชั้นใกล้ๆ

                “ผมเอาสองเล่มนี้ครับ”

                “อ้อ ได้สิจ๊ะ รอเดี๋ยวนะ” ซองอึนนูน่าดันหนังสือบนชั้นให้เรียงชิดติดกันเรียบร้อยแล้วก็เดินนำไปยังเค้าน์เตอร์คิดเงินทันที

                เมื่อกระบวนการซื้อขายเสร็จสิ้น ซองอึนนูน่าก็ส่งยิ้มใจดีให้กับหนุ่มตัวเล็กพร้อมกับคำอวยพร

                “ขอให้สอบได้อย่างที่ตั้งใจไว้นะจ๊ะ”

                “ขอบคุณครับนูน่า”

                มินซอกรับคำพร้อมกับรับของแล้วก็เดินออกจากร้านไปอย่างอารมณ์ดี ขณะที่เสียงกระดิ่งตรงประตูยังดังไม่ทันขาดห้วง คิมมินซอกไม่ระมัดระวังเองหรืออีกฝ่ายไม่สนใจที่จะมองใครกันแน่ คนตัวเล็กจึงถูกวิ่งชนเข้าจังๆ จนต้องเซถลาเกือบหกล้มลงตรงหน้าร้าน

                ดวงตาแดงช้ำหันมามองมินซอกแค่วูบเดียว วูบเดียวเท่านั้นก็วิ่งสะพายกีต้าร์เข้าไปในร้านหนังสือ Good friends ทันที

                “อ้าว อี้ชิงเป็นยังไง...” เสียงซองอึนนูน่าทักค้างแสดงว่าเขาคงยังไม่อยากที่จะพูดอะไรกับใครตอนนี้แน่ๆ มินซอกหันกลับไปมองก็เห็นแต่หลังไวเดินเข้าไปยังส่วนในของร้าน ซองอึนนูน่าหันมายิ้มเจื่อนๆ ให้กับคิมมินซอกอีกครั้งอย่างขอโทษแทนน้องชายที่เสียมารยาทก่อนจะรีบผละจากเค้าน์เตอร์ตามไปคุยกับจางอี้ชิงข้างบนชั้นสองทันที

               

     

    Day-Month-Year

     

                นานอีกเกือบสองอาทิตย์คิมมินซอกก็ไม่ได้ไปที่ร้าน Good friends อีกเลย เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเตรียมสอบ อ่านหนังสือ แล้วก็หาข่าวสารเกี่ยวกับการรับสมัครสอบชิงทุนเพื่อคัดเลือกนักศึกษาเข้าเรียนต่อในระดับปริญญาโทที่ต่างประเทศ วันหนึ่งในขณะที่ตะวันเริ่มยอแสง ชายหนุ่มร่างเล็กหอบแฟ้มเอกสารและหนังสือมากมายเดินพะรุงพะรังผ่านสวนสาธารณะไปอย่างรีบร้อน คงเหนียวตัวอยากอาบน้ำเต็มทีเพราะวันนี้ทั้งวันของเขาต้องมาหมดไปกับการวิ่งวุ่นหาคอสเรียนภาษาเพิ่ม แต่ก็ต้องคว้าน้ำเหลวเพราะสถาบันภาษาที่ถูกและดีซึ่งเขาหมายตาเอาไว้เกิดย้ายที่ตั้งกะทันหัน ชายหนุ่มร่างเล็กอย่างคิมมินซอกต้องหอบแฟ้มเอกสารเล่มใหญ่ๆ กับหนังสือมากมายไปตามหาและหลงทางประมาณสามครั้งก่อนที่จะไปถึงแล้วพบว่าสถาบันแห่งนั้นงดรับผู้เรียนเพิ่มมาเป็นเวลากว่าครึ่งเดือนแล้ว

                เสียเวลาอีกจนได้ คิดแล้วก็อยากจะโยนแฟ้มกับหนังสือทิ้งจริงๆ

                ในขณะที่เดินจ้ำอ้าวอย่างนั้น อยู่ๆ สองเท้าของคิมมินซอกก็เหมือนจะก้าวไม่ออกเมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังแวะมาจากม้านั่งใต้เงาต้นไม้ร่มครึ้ม

                “จางอี้ชิง...”

                เสียงกีต้าร์ของเขาดูสดใสและปรอดโปร่งมากกว่าทุกครั้งที่เคยได้ยิน ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะบรรยากาศ คิมมินซอกคิดอย่างนั้นแล้วก็เผลอคลี่ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว จำได้ว่าซองอึนนูน่าเคยเล่าให้ฟังว่าจางอี้ชิงคนนี้เล่นดนตรีได้หลายอย่าง แต่ที่ชอบที่สุดคงจะเห็นจะเป็นกีต้าร์ล่ะมั้ง ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน เขาก็จะมีกีต้าร์ตัวโปรดสะพายติดหลังไปด้วยตลอด ซองอึนนูน่าบอกว่าจางอี้ชิงเป็นคนจีนแท้ๆ ไม่ใช่ลูกครึ่งจีนเกาหลีเหมือนอย่างเธอหรอก แม่ของเขาเป็นพี่สาวของแม่เธอ จางอี้ชิงจึงเป็นญาติผู้น้องที่ซองอึนนูน่าสนิทสนมและรักมากเหมือนกับน้องชายแท้ๆ และอีกอย่างที่ซองอึนนูน่าเคยหลุดพูดเกี่ยวกับเขาก็คือ

                ที่จริงแล้วจางอี้ชิงคนนี้เป็นคนที่น่าสงสาร

                มินซอกนึกถึงดวงตาแดงช้ำที่บังเอิญได้เห็นเมื่อสองอาทิตย์ก่อนที่หน้าร้าน Good friends แล้วก็ยิ่งสงสัย จางอี้ชิงคนนี้เหมือนจะมีปัญหาอะไรบางอย่าง มันอาจเกี่ยวข้องกับความฝัน หรือตัวตนของเขาก็ได้

                ขณะที่นิ่งคิดเพลิน คิมมินซอกรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ได้สัมผัสกับแรงปะทะบางอย่างจากด้านหลังที่ผลักเข้ามาทำให้เขาต้องซวนเซและทำทุกอย่างหล่นกระจายปลิวว่อนไปหมดโดยเฉพาะเอกสารจำพวกข่าวประกาศ ประชาสัมพันธ์ต่างๆ ที่ได้รวบรวมเอาไว้ในแฟ้ม เวลานั้นคิมมินซอกหันไปหาสาเหตุก็เห็นเด็กน้อยตัวจิ๋วสวมรองเท้าสเก็ตล้มลงนั่งร้องไห้อยู่ไม่ไกลจากตัวเขาเท่าไหร่ เสียงกีต้าร์หยุดลงทันที จางอี้ชิงวิ่งเข้ามาประคองเด็กน้อยเอาไว้ในอ้อมแขนและเริ่มเช็ดน้ำตาให้พร้อมกับพูดจาปลอบโยนหนูน้อยด้วยความเอ็นดู

                “แย่จังเลย หยุดร้องเถอะน่า เราเจ็บใช่ไหม มา... พี่มียาวิเศษนะ เดี๋ยวกินเข้าไปแล้วต้องหายเจ็บแน่ ถ้าอยากได้เราจะต้องหยุดร้องก่อน”

                เด็กน้อยที่ยังคงสะอึกสะอื้นพยายามกลั้นร้องไห้ ขณะที่จางอี้ชิงหยิบขนมช็อกโกแลตเคลือบอัลมอนด์ในกระเป๋าเสื้อคลุมออกมา

                “คราวหลังก็เล่นระวังๆ หน่อยนะ” อี้ชิงส่งช็อกโกแลตให้และลูบหัวเด็กน้อยเบาๆ ในขณะที่ผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งมาถึงตัวหนูน้อยพอดี

                “คงจู... ไม่เป็นไรแล้วนะจ๊ะ เจ้าหญิงน้อยของแม่”

                ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาอุ้มเด็กน้อยขึ้นก่อนจะหันมาบอกกับอี้ชิงว่า “ต้องขอโทษด้วยนะคะ คงจูพึ่งจะฝึกเล่นรองเท้าสเก็ต”

                “ไม่เป็นไรครับ” จางอี้ชิงยิ้มตอบในขณะที่ผู้หญิงคนนั้นเหลือบมาเห็นมินซอกยืนจ้องตาใสแจ๋วอยู่ไม่ไกล ท่ามกลางเศษกระดาษที่หล่นกระจายปลิวว่อนไปทั่ว

                “ขอโทษด้วยนะคะ ฉันต้องไปแล้ว”

                “ครับๆ” มินซอกยิ้มเจื่อนๆ แล้วก็ก้มลงเก็บกระดาษของตัวเองมาไว้ในแฟ้มเหมือนคนพึ่งจะได้สติ ผู้หญิงคนนั้นกับหนูน้อยคงจูหายไปแล้วเหลือแค่จางอี้ชิง แม้จะมัวแต่วุ่นวายอยู่กับการก้มๆ เงยๆ เพื่อเก็บกระดาษแต่ที่หางตาของคิมมินซอกมองเห็นจางอี้ชิงอยู่ตลอด และนั่น... เขากำลังเดินเข้ามาใช่ไหม

                “มินซอก...”

                “หา...” หนุ่มตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ

                “นายน่ะ ชื่อมินซอกใช่ไหม” อี้ชิงพูดไปด้วยช่วยเก็บกระดาษให้คิมมินซอก ในขณะที่คนตัวเล็กอดไม่ได้ที่จะหันไปมองตามเสียง ให้ตายสิ พึ่งได้เห็นใกล้ๆ ก็วันนี้ จางอี้ชิงยิ้มนิดๆ ตรงมุมปากอย่างอารมณ์ดี

                ให้ตายอีกทีสิ นี่เขามีลักยิ้มด้วยเหรอ!

                จางอี้ชิงหันหน้ามาแล้วก็ยื่นกระดาษส่งคืนให้กับคิมมินซอกเป็นปึก มันน่าอายมากที่คนตัวเล็กเก็บเองได้แค่ไม่กี่แผ่น ในขณะที่ยิ้มรับกระดาษมาและลูบผมตัวเองเบาๆ แก้เก้อ มินซอกก็ได้ยินเสียงของเขาพูดขึ้นอีกครั้ง

                “ต้องขอโทษด้วยนะ เรื่องที่หน้าร้านวันนั้น...”

     

     

    Day-Month-Year

     

                นอนไม่หลับแล้วคืนนี้ ยังไงๆ ก็นอนไม่หลับ!

                มินซอกได้แต่พลิกตัวไปมาอยู่บนที่นอนครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนมีอะไรบางอย่างมารบกวนใจ อาจจะเป็นกลิ่นหนังสือจากร้าน Good friends ที่กองเป็นภูเขาอยู่บนโต๊ะลอยมาเข้าจมูก หรือไม่ก็เสียงกีต้าร์ที่ดังขึ้นมาในหัวเรื่อยๆ และถ้าไม่ใช่อีกก็คงเป็นอะไรไปไม่ได้แล้วล่ะ

                นอกจากรอยยิ้มนั้น...

                คิมมินซอกปฏิเสธไม่ได้ แล้วก็ไม่เคยปฏิเสธว่าตัวเองเป็นคนที่แพ้คนมีลักยิ้มมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

                “จาง อี้ ชิง”

                มินซอกเอ่ยเน้นทีละคำ ดูเหมือนว่าเขาจะแพ้อะไรหลายๆ อย่างที่มีอยู่ในตัวของคนๆ นี้ ทั้งรอยยิ้ม แล้วก็เสียงกีต้าร์

                ใช่สิ... กีต้าร์!

                มินซอกนึกขึ้นได้ก็พรวดลุกขึ้นมาและกดสวิตซ์ไฟตรงหัวเตียงให้เปิดสว่างขึ้นทันที คนตัวเล็กเอื้อมมือคว้ากระดาษใบหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะกับหนังสือและแฟ้มเอกสารของตัวเองมาจ้องมองดูลายเส้นเป็นช่องๆ จุดๆ ใช่แล้ว มันคือคอร์ดกีต้าร์ และแน่นอน มันไม่ใช่ของเขาแต่เป็นของอี้ชิง

     

     

    Day-Month-Year

     

                            Good friend

                OPEN               10:30   AM                               CLOSE             08:30   PM

                “อ้าว มาแต่เช้าเลยนะมินซอก” เสียงซองอึนนูน่าทักทายขึ้นตามปกติ

                “ครับ คือ... นูน่าครับ จางอี้ชิงอยู่รึเปล่า”

                “ฟังดูสิจ๊ะ” ซองอึนนูน่าตอบด้วยรอยยิ้มแล้วก็เงียบเสียงลงสักครู่ จนกระทั่งเห็นคิมมินซอกยิ้มออกมาเพราะได้ยินเสียงกีต้าร์จากบนชั้นสองเธอจึงหัวเราะขึ้นเบาๆ และพูดต่อว่า “ตามเสียงขึ้นไปได้เลยนะ” จากนั้นก็ผละออกไปจัดหนังสือเข้าชั้นต่ออย่างอารมณ์ดี มินซอกจึงค่อยๆ เดินไปที่ชั้นหนังสือด้านในสุดของร้านตรงที่ติดกับบันไดทางขึ้นชั้นสอง และหยุดอยู่ตรงนั้นเหมือนประหม่าเล็กน้อยก่อนจะรวบรวมความกล้าก้าวขึ้นไปบนบันไดเพียงขั้นเดียวและเสียงกีต้าร์ก็หยุดลง

                มินซอกหยุดเท้าที่จะก้าวขึ้นบันไดขั้นต่อไปทันทีเหมือนกลัวว่าจางอี้ชิงจะได้ยินเสียงฝีเท้า พอทุกอย่างเงียบกริบ คนตัวเล็กจึงได้ยินเสียงรื้อค้นอะไรบางอย่าง เมื่อนึกขึ้นได้เขาจึงหยิบม้วนกระดาษใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าสะพายหลังและเดินขึ้นไปบนชั้นสองทันที

                “นายกำลังหานี่อยู่รึเปล่า อี้ชิง”

                ชายหนุ่มได้ยินแล้วก็เลื่อนลิ้นชักปิดก่อนจะก็รีบตรงเข้ามาหาคนตัวเล็กทันที เขาคว้ากระดาษใบนั้นไปดูแล้วก็ยิ้มออก

                “ขอบใจนะมินซอก นี่คอร์ดกีต้าร์เพลงของฉัน มันคงปลิวไปปนกับเอกสารของนายเมื่อวาน”

                “ไม่เป็นไร แต่นายบอกว่า มันเป็นคอร์ดกีต้าร์เพลงของนายงั้นเหรอ”

                “ใช่... เพลงของฉัน”

                “นายแต่งเพลง ?

                “อื้ม” จางอี้ชิงพยักหน้าตอบรับแล้วก็เดินไปหยิบกีต้าร์ “นายอยากจะฟังเพลงของฉันไหมล่ะ นั่งก่อนสิ”

                มินซอกเดินตามไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับโซฟาของอี้ชิงอย่างว่าง่าย จากนั้นอี้ชิงก็เริ่มเล่น เพลงของเขาโดยมีมินซอกเป็นผู้ฟัง

                กว่าครึ่งวัน... ทั้งสองคนก็ยังขลุกอยู่กับเสียงเพลงโดยที่ตอนแรกๆ นั้นมินซอกยังดูเกร็งๆ แต่พอนานเข้าเมื่อจางอี้ชิงเล่นเพลงที่เขารู้จักเขาก็เริ่มร้องตามไปด้วยอย่างสนุกสนานจนลืมธุระเกี่ยวกับอนาคตของตัวเองเสียสนิท รู้ตัวอีกทีก็บ่ายสามโมง จะไปที่ไหนก็คงไม่ทันแล้วเลยได้แต่ปล่อยให้เลยตามเลย จนกระทั่งอยู่ๆ อี้ชิงก็ถามขึ้นมาว่า

                “ท่าทางนายคงจะชอบฟังเพลงมาก ตอนเด็กๆ นายไม่เคยลองหัดเล่นดนตรีอะไรบ้างเลยเหรอมินซอก”

                “ไม่หรอก... ฉันเรียนหนังสืออย่างเดียวก็ไม่มีเวลาทำอะไรอย่างอื่นแล้วล่ะ”

                “งั้นเหรอ จริงสินะ นูน่าเคยเล่าให้ฉันฟังว่านายเป็นคนจริงจังกับการเรียนมาก แล้วนายก็กำลังวางแผนจะเรียนต่อ เลยมาที่ร้านนี้บ่อยๆ ใช่ไหม”

                “มันก็ใช่ส่วนหนึ่ง”

                “แล้วอีกส่วนล่ะ” อี้ชิงถามต่อทันทีในขณะที่มินซอกอยากกัดลิ้นตัวเองให้ขาดนัก ทำไมไม่ตอบว่า ใช่ คำเดียวก็พอ

                “คือ...” ดวงตาใสแจ๋วเริ่มกลอกไปมาในขณะที่อี้ชิงกำลังรอคำตอบ แล้วดวงตาเฉี่ยวคมคู่นั้นก็ไปหยุดลงที่กีต้าร์ตัวโปรดของอี้ชิง

                “เสียงเพลงน่ะ”

                มินซอกเริ่มยิ้มออกเหมือนกำลังวางแผนการณ์อะไรบางอย่างเอาไว้ในใจได้

                “จางอี้ชิง... ฉันอยากจะหัดเล่นกีต้าร์ ได้ไหม”

     

     

    Day-Month-Year

     

                ชีวิตของคิมมินซอกได้เปลี่ยนไปแล้วตั้งแต่วันนั้น วันที่ก้าวเข้าไปในร้าน Good friends แล้วได้ยินเสียงเพลงของจางอี้ชิง ที่จริงแล้วมันไม่ใช่แค่เพลงหรอก แต่เป็นเพราะเขาทั้งคนต่างหาก...

                บนกระดานความฝันของคิมมินซอกที่เต็มไปด้วยเรื่องเรียนต่อต่างประเทศติดอยู่ตรงผนังห้องเพื่อเตือนตัวเองให้รู้ว่าอะไรคือเป้าหมายที่สำคัญของชีวิตเหมือนถูกเติมสีสันบางอย่างลงไปเมื่อเจ้าของนำรูปของใครคนหนึ่งมาติด

                จางอี้ชิง เขาคืออีกเป้าหมายหนึ่งของคิมมินซอกไปแล้ว!       

                คิมมินซอกที่ไม่เคยแตกแถว และคอยวางแผนชีวิตเอาไว้อย่างรัดกุมแบบก้าวต่อก้าวเสมอไม่เคยพลาดกับเรื่องอะไรทั้งนั้น

               

                            Good friend

                OPEN               10:30   AM                               CLOSE             08:30   PM

                คิมมินซอกเปิดประตูเข้ามาในขณะที่ซองอึนนูน่ากำลังจัดหนังสืออยู่

                “สวัสดีครับนูน่า มีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่า” คิมมินซอกถามขึ้นทันทีด้วยรู้สึกว่าเกือบสองสัปดาห์มานี้เขาเข้าออกที่นี่เป็นว่าเล่นเหมือนกับบ้านของญาติสนิท

                “อ้าว มินซอก ไม่เป็นไรหรอกจะ ตอนนี้นูน่าทำเสร็จแล้ว” ซองอึนตอบด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินออกจากชั้นหนังสือกลับไปนั่งที่เค้าท์เตอร์ ในขณะที่มินซอกกำลังจะเดินผ่านขึ้นไปยังชั้นบน ท่าทางซองอึนนูน่าก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้

                “อ้อ เดี๋ยวก่อนมินซอก”

                “ครับ...”

                “นูน่ามีเรื่องหนึ่งอยากจะขอให้เธอช่วย”

                “... ?

                “คือตั้งแต่เดือนหน้า เธอจะมาที่นี่ ให้บ่อยกว่านี้ได้ไหม...”

     

     


    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

               ได้ลงตอนที่สองแล้วนะคะ ตอนนี้ทิ้งช่วงไปจากตอนแรกค่อนข้างนานทีเดียว พอดีว่าคนแต่งติดงานอะไรหลายๆ อย่างนาค่ะ เดี๋ยวตอนต่อไปจะพยายามทำให้เร็วกว่านี้นะ ตอนนี้ก็เริ่มต้นด้วยพาร์ท Year ของ LayMin แล้ว เดี๋ยวมาต่อน้าาา พึ่งแต่งเรื่องแรก ยังไงก็ฝากช่วยแนะนำกันด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ ตอนหน้าเดี๋ยวจะรีบมาต่อให้ไวเลย ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×