ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -My Sweetheart..You're Everything -KiHae HanHyuk SJ-

    ลำดับตอนที่ #3 : :: Chapter 1 : Consult ::

    • อัปเดตล่าสุด 26 มี.ค. 53


     

     

     

    1

    Consult

     

     

     

     

    โอ๊ยยย คิดไม่ออก!

     

    ถึงจะบอกกับตัวเองแบบนั้นก็เถอะ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงนี่นา ดงเฮไม่ใช่คนเจ้าความคิดแบบฮยอกแจ ไม่ใช่คนที่บริหารเสน่ห์เก่งเป็นประวิงแบบซองมินสักหน่อย เรื่องที่จะทำให้คนอย่างคิมคิบอมหลงรักน่ะ เป็นไปได้ยากจนเปอร์เซ็นแทบจะเป็นศูนย์เลย!

     

    ใจนึงก็อยากเลิกล้มความคิด แต่อีกใจก็สนุกแบบสุดๆ ที่จะได้ปั่นหัวไอ้แก้มแตกนั่น

                                       

    สับสนๆๆ

     

    ในมุมมองของคนที่ใกล้ชิดกับดงเฮ เขาก็เป็นแค่ลูกปลาน้อยที่ขี้อ้อนและขี้แยเท่านั้นเอง แบบนี้แผนที่วางไว้จะสำเร็จไปได้ยังไงล่ะ ก็ในเมื่อเขายังมองไม่เห็นเลยว่าจุดเริ่มต้นมันอยู่ตรงไหน ถ้าเป็นซองมินคงเริ่มจากรอยยิ้ม ถ้าเป็นฮยอกแจก็คงเริ่มจากรอยหมัด แล้วเขาล่ะ...?

     

    เฮ้อ คิดแล้วกลุ้ม!

     

    เส้นประสาทปะทะกันไปมาส่งเสียงเปรี๊ยะๆ ให้ดังระงมก้องอยู่ในหัวของดงเฮ ไม่ได้ให้ความสนใจกับพิธีต้อนรับนักเรียนมัธยมปลายปีสุดท้ายภาคเรียนที่สองนี่เลยสักนิด คิดวนไปเวียนมาเรื่องของไอ้แก้มแตกนั่น ไอ้คนแบบเขามันจะไปทำอะไรได้~!

               

    สีหน้ามุ่ยๆ ของดงเฮนั้นกำลังถูกดวงตาเรียวคมจับจ้องอยู่อย่างไม่วางตา เขาเฝ้าพินิจคิดเล่นๆ ว่าตอนนี้หน้าหวานกำลังคิดอะไรอยู่ ไม่ได้สนใจอะไรรอบข้างบ้างเลย

     

    “แกมองอะไรของแกวะไอ้คิบอม”

     

    เพื่อนสนิทเอ่ยปากถาม มองมันมานานละ ไม่รู้จะเหล่อะไรนักหนา

     

    “คน พิลึกๆ”

     

    “ใครวะ? ผู้หญิงคนไหน หน้าหวานๆ นั่นเหรอ”

     

    ฮันกยองพยักพเยิดไปทางหญิงสาวที่นั่งแถวถัดไปสี่แถว ข้างๆ กับหน้าหวาน...

     

    “หน้าหวาน แต่ไม่ใช่ผู้หญิงว่ะ”

     

    “อะไรของแกวะ ลีลาจริงเว้ย ข้างง” ฮันกยองส่งเสียงจิ๊จ๊ะรำคาญใจในลำคอ

     

    “ข้างๆ ผู้หญิงนั้น คนหน้าหวานๆ ห้อง A

     

    “หืมมม เฮ้ย! ดงเฮ”

     

    “ไอ้เวร เบาๆ สิวะ” คิบอมปราม แต่ฮันกยองไม่สนใจ รีบซักไซ้เพื่อนต่อ

     

    “ไอ้คิบอม แกอย่าสะเหล่อเล่นของสูง”

     

    “อะไร ข้าไม่ได้จะทำอะไรทั้งนั้นแหละ”

     

    “เออ ให้มันจริง”

     

    ฮันกยองถอนหายใจอย่างโล่งอก

     

    “ถ้าข้าทำแล้วแกจะทำไม นายหน้าหวานนั่น แกชอบหรือไง” คิบอมละสายตามาจากคนบุคคลที่สามที่กำลังถูกกล่าวถึง สบตาหยั่งเชิงกับเพื่อนรักที่ส่ายหัวพรืด

     

    “ไม่ใช่ว่ะ”

     

    ความรู้สึกโล่งใจคือสิ่งที่รับรู้ได้เป็นอันดับแรก... งี่เง่าน่า

     

    “ข้ากลัวว่ามันจะเลยๆๆ ไปถึงอีกคนๆๆ อ่าดิ”

     

    คำพูดกำกวมของฮันกยองทำเอาคิบอมอยากเสยหน้าวอนๆ นั่นสักที

     

    “อย่ากวนตีนไอ้ฮัน”

     

    “เออ ก็นั่นของข้า เป็นเพื่อนกับดงเฮเว้ย”

     

    คำกล่าวจากร่างสูงที่แข็งแรงพอๆ กันทำเอาคิบอมถึงบางอ้อ

     

    ...แบบนี้นี่เอง

     

    “เหอะ ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ได้วิปริตแบบแก”

     

    “ไอ้จัญไรคิบอม”

     

    คนถูกสัพยอกยักไหล่ไม่แยแส เหลือบสายตาไปทางทิศที่ร่างบางนั่งอยู่ ก่อนริมฝีปากหนาจะขยับอีกครั้ง

     

    “แล้วดงเฮนี่อะไร ไม่เห็นเคยได้ยิน”

     

    “คงจะรู้จัก ข้าไม่เคยเห็นแกสนใจใครที่ไหน โดยเฉพาะพวกเคะสวยๆ น่ารักๆ”

     

    “ก็ข้าไม่ใช่แก” เสียงตอบรับดังขึ้นยังไม่ทันจบประโยคดี

     

    “นรก! งั้นข้าไม่เล่า”

     

    “เออๆ เล่ามา”

     

    คิบอมชักหงุดหงิด ไอ้เพื่อนเวรนี่มีวิธีให้เขาจนมุมได้ร่ำไป ทีใครทีมันก็แล้วกัน ไอ้ฮันกยอง

     

    “ลีดงเฮ เป็นดาวเคะมัธยม สังกัดนี่ก็น่าจะเคะนะ ไม่รู้ว่ะ อาจไม่ใช่เกย์ก็ได้ ที่ฟังๆ มาไม่เคยเมะไม่เคยเคะกับใครเลย พวกเมะที่อ้าปากจะงาบค้างไปหลายคน พวกผู้หญิงก็เห็นคุยๆ อยู่ เป็นตัวเต็งเคิร์สเทอมนี้ด้วย แต่ไม่รู้ว่าจะลงสมัครหรือเปล่า”

     

    คิบอมเออออ คิ้วเรียวขมวดอย่างงงๆ

     

    เคิร์สงั้นเหรอ ป็อปปูล่าร์โหวตของทางโรงเรียนนี่เอง วันๆ มานั่งจัดอันดับผู้หญิงผู้ชาย ไร้สาระ

     

    “แกจำพี่ฮีซอลได้ใช่มั้ยล่ะ เนี่ยแหละ น้องพี่เขา”

     

    ข่าวสารใหม่ๆ ทำให้คิบอมตกใจไม่น้อย รุ่นพี่ที่เขานับถือคนนั้นน่ะเหรอพี่นายหน้าหวานนี่ มองไม่เห็นเค้าโครงที่พอจะถูไถว่าคล้ายกันเลยสักอย่าง นอกจากใบหน้าที่หวานสวยปานผู้หญิงแบบที่ทั้งคู่เป็นน่ะนะ

               

    “พิลึกกึกกือ” เขาว่า

     

    “เคะน่ารักไม่พิลึกเว้ยไอ้เวร” ...เลยโดนด่าเข้าให้

     

     

     

     

     

     

    “เป็นไรอ่ะด๊อง เห็นงุ่นง่านง๊องแง๊งด๊องแด๊งมานานแล้ว” ซองมินถามอาการ ผมสีทองสว่างที่เจ้าตัวสุดจะชอบนั้นสะท้อนวับๆ กับแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านเข้ามา

     

    “หืมมม ซองมินว่าไรนะ”

     

    “ด๊องเป็นไรเนี่ย เหม่อๆๆๆ~” น่ารักลากเสียงยาวแบบกวนๆ ทว่ายังไงก็ยังคงน่ารักอยู่ดี

     

    “เปล่าซะหน่อย เราก็แค่ง่วงๆ” ดงเฮปดเก้อๆ เขาแสดงออกชัดขนาดนั้นเชียว เอ๊ะ แต่ไม่น่าใช่ ซองมินดูคนเก่งจะตาย แค่นี้จะดูไม่ออกหรอกหรือว่าเขากำลังคิดไม่ตก แต่คงไม่รู้ขนาดที่ว่าเขากำลังคิดเรื่องอะไร

     

    “ง่วงก็งีบสิ พอผอ. พูดจบก็งานก็เสร็จพอดี ปลุกไอ้ฮยอกมันเลย หมั่นไส้”

     

    น่ารักเอื้อมมือไปดึงจมูกฮยอกแจแรงๆ อย่างหมั่นเขี้ยว แต่ก็ไม่สามารถจะปลุกอีกฝ่ายให้ตื่นขึ้นมาได้ เลยย่นจมูกใส่เพื่อนสนิท

     

    ซองมินหันไปนั่งเล่นเกมโทรศัพท์ตามเดิม ดงเฮสำรวจซองมินตั้งแต่หัวจรดเท้า หรือว่าเขาต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้น่ามองน่าสนใจดีนะ...?

     

    ดงเฮขบคิดอย่างจริงจัง ใบหน้าหวานนั้นดูน่าพิศยิ่งขึ้นอีกเป็นเท่าตัว แต่เขาก็ไม่ได้รับรู้เลยว่า ห่างออกไป มีดวงตาคู่หนึ่งทอดมองมาอยู่ไกลๆ จากแววตาที่เรียบเฉย  สายตาคู่นั้นได้แปรเปลี่ยนจากเดิมไปทีละนิด...

     

    โดยที่... เจ้าของสายตาคู่คมเอง... ก็ไม่ทันได้รู้สึกตัว

     

    นัยน์ตาสั่นพราวระริก ก่อนจะดีดนิ้วอย่างชอบใจ

     

    งานนี้เขาคงต้องหาผู้ช่วยซะแล้วสิ!

     

     

     

     

     

     

    “ให้เพื่อนๆ ส่งใบลงคะแนนป็อปปูล่าร์เคิร์สด้วยน้า ดงเฮ~ นายมาเซ็นใบสมัครนี่ด้วย”

     

    ลีอาห์ หัวหน้าห้องสุดสวยตะโกนเรียกเพื่อนหนุ่มที่ใจลอยมาทั้งวันพร้อมรอยยิ้มหวาน... กึ่งเย้ายวน

     

    ซวยสนิท!

     

    ก็เขาดันคิดแต่แผนปั่นหัว(ใจ) ไอ้แก้มแตกนั่น แว่นเวิ่นอะไรก็ไม่ได้ใส่พรางหน้าเพื่อป้องกันประเพณีป็อปปูล่าร์เคิร์สเลย เพราะหมอนั่นอีกแท้ๆ !

     

    ป็อปปูล่าร์เคิร์ส นับเป็นธรรมเนียมของนักเรียนมัธยมปีสุดท้ายว่าด้วยการจัดอันดับหนุ่มฮ็อตสาวฮิต ดงเฮพร้อมจะรับตำแหน่งนั้นด้วยความยินดี หากมันเป็นแค่แต่เพียงในนาม...

     

    แฟนคลับมากมายที่คลั่งไคล้โหวตนี้เสียสละเวลาที่ไม่รู้ไปสรรหามาจากไหนนักในการไล่ล่าตัวตนของเขา ดงเฮที่ปกติชอบอยู่เงียบๆ ไม่สนใจอะไรที่วุ่นวายเอิกเกริกแทบลมจับเมื่อรู้ว่าเขาต้องร่วมกิจกรรมของโรงเรียนนับสิบจนเล่นเอาสยองกันไปเลยทีเดียว

     

    “ง่ะ ลีอาห์ ชั้นไม่เซ็นเหอะนะ ชั้นไม่อยากเป็นเคิร์ส” ดงเฮร้องเอื่อยๆ แต่ลีอาห์กลับสนใจอาการนั้นไม่ ขยับใบหน้าเรียวเล็กเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ

     

    น่าแปลก... ที่ลีดงเฮกลับไม่รู้สึกถึงมัน ไม่ได้ผละหน้าหวานของตนออกจากอีกฝ่ายแต่อย่างใด

     

    “น่านะ ดงเฮ ถ้าดงเฮได้เป็นเคิร์ส ดงเฮก็จะป็อปปูล่าร์มากๆ เลยนะ ทีนี้ใครต่อใครก็ต้องให้ความสนใจ” เสียงหวานที่ดูจะพอๆ กับคู่สนทนารั้งอ้อน

     

    “แต่ลีอาห์ ชั้นไม่ได้อยากให้ใครมาสนใจนี่นา อ๊ะ...”

     

    ส่งเสียงในลำคออย่างนึกอะไรออก แต่เพื่อนสาวเหมือนไม่ทันได้สังเกต จึงใช้ลูกยุมาพล่ามต่อ

     

    “จริงๆ น้าดงเฮ ทีนี้ก็ต้องมีคนชอบดงเฮขึ้นอีกเป็นกองเลย ใครได้เป็นแฟนนะโชคดีตายเลย ชั้นว่าต้องมีคนแถวนี้รู้สึกแบบนั้นแน่ๆ”

     

    เสียงหวานออกแหลมสื่อความนัยน์ที่อีกฝ่ายไม่เคยได้รับรู้ออกไปอย่างโจ่งแจ้ง หากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เขา คงรู้ความหมายที่ร่างเล็กส่งมาให้แล้ว แต่เขาคนนั้น ต้องไม่ใช่ลีดงเฮ

     

    “จริงสินะ...”

     

    “จริงไงจ๊ะ เพราะงั้นเซ็นเลย อาจจะได้คนแถวนี้ไปเป็นแฟนก็ได้น้า”

     

    เพราะนึกว่าลีอาห์แกล้งแซวเล่นๆ ดงเฮเลยยิ้มกลับแบบไม่คิดอะไรก่อนใช้ปากกาจรดชื่อลงบนแผ่นกระดาษ ทิ้งให้หัวใจของอีกฝ่าย เต้นแรงผิดจังหวะ...

     

     

     

     

     

     

    “หวัดดีด๊อง เคิร์สเป็นไงบ้าง พี่รู้ว่าดงเฮต้องลงแน่ๆ เลย ใช่ม้า?”

     

    น้ำเสียงทุ้มออกหวานหูกระทบเข้าประสาทหู อิทึกทักน้องชายเพื่อนอย่างร่าเริงทันทีที่เห็นหนุ่มหน้าหวานเดินเข้ามาในบ้าน ไม่สนใจอีกสองบุคคลที่กำลังจัดโต้เวทีขนาดย่อมอยู่ ณ ห้องครัว

     

    “ฮะพี่อิทึก ยังไงผมก็หนีไม่พ้นมันแน่ๆ” เสียงหวานรื่นหูนั้นเรียกรอยยิ้มจากชายหนุ่มนักศึกษาปีสองคณะบริหารอย่างอิทึกให้กว้างขึ้นไปอีก

     

    “นั่นสิน้า จริงสิ คังอินเป็นไงบ้างล่ะ เห็นว่าวันนี้ไปคุมชมรมนี่นา แอบโดดเรียนไปอีกแล้ว”

     

    อิทึกบ่นๆ ถึงแฟนบ้าพลังที่ศึกษาอยู่ชั้นปีเดียวกัน วันๆ ส่วนใหญ่มันไปขลุกอยู่ที่ชมรมของเด็กมัธยม จะกลับมาทีก็มีงอนกันไปหลายยก

     

    “ยังไม่เจอเลยฮะ เห็นว่าพาเด็กไปแข่งระดับเขต...”

     

    พูดยังไม่ทันจบประโยคดี เสียงโหวกเหวกที่แสนคุ้นเคยก็ดังลอดออกมาจากประตูครัวที่ส่วนมากจะเปิดค้างเอาไว้

     

    “ไอ้ซิมบ้า! ออกไปเลยนะ ก่อนที่ชั้นจะต่อยแก!

     

    “โธ่! พี่อ่ะ ผมขอช่วยพี่หน่อยไม่ได้หรือไงล่ะ ดูสิ มือหนักๆ เท้าหนักๆ งี้จะไปทำอาหารอะไรอร่อย ให้ผมช่วยนะ”

     

    “โว้ย! ไอ้ซีวอน นี่ถ้าแกไม่ใช่น้องอิทึกนะ ชั้นเตะแกออกจากบ้านชั้นแน่!

     

    “เตะสิครับ แล้วแลกกับจูบของพี่นะ ผมอยากลอง เอ้า”

     

    เสียงโหดแอบหวานตวาดลั่น แต่อีกฝ่ายที่มีปากเสียงด้วยมิได้ยำเกรงแต่อย่างใด กลับยียวนชวนตี(ด้วยเม้าท์) ต่อไปอย่างไม่ยีหระ

     

    “เฮ้ย! ออกไปนะไอ้เด็กบ้า!

     

    “อ้าว ทำไมล่ะครับ ให้ผมจูบแล้วก็เตะไง เอ หรือพี่อยากเตะก่อนแล้วค่อยจูบ แต่ตอนนั้นผมคงไม่มีแรงแล้วนา”

     

    เสียงทุ้มกวนประสาท ดงเฮเหมือนยินเสียงอะไรสักอย่างกระทบกันดัง... ก่อนที่มันจะเงียบเสียงไป

     

    “เอาอีกแล้วสิสองคนนี้ แต่ปล่อยๆ เขาเหอะ เนอะดงเฮเนอะ”

     

    “นั่นสิครับ ฮิๆ”

     

     

     

     

     

     

     

    ร่างสูงขยับตัวเข้าไปใกล้อีกนิด แลบอวัยวะสีชมพูอ่อนเลียรอบริมฝีปากบนล่าง ฝ่ายที่กำลังจะถูกรุกรานยกตะหลิวในมือขึ้นเตรียมฟาดอย่างโหดๆ ตามแบบฉบับของเจ้าตัว

     

    ซีวอนกระชากตะหลิวเล็กให้พ้นจากมือบางก่อนดึงร่างทั้งร่างเข้ามาใกล้ ส่งกายตัวเองเข้าไปบดเบียดกับอกบางเรียบๆ อย่างถือสิทธิ์ ตื๊อมาตั้งหลายปี ขอให้เขาได้เก็บสแปร์ไปเป็นทุนของวันพรุ่งนี้บ้างเถอะนะ

     

    ฮีซอลเบิกตากว้างเมื่อร่างทั้งร่างผ่อนแรงไปตามการกระทำอุกอาจ ถูกดันเบาๆ อย่างรวดเร็วให้ร่างติดชิดกับเคาน์เตอร์ประกอบอาหาร เรี่ยวแรงที่เคยใช้ประทุษร้ายร่างสูงกลับหายไปเสียดื้อๆ เพียงแค่อีกฝ่ายแนบชิดบิดกายเข้ามาจนไร้ช่องว่างของสุญญากาศลอดผ่าน

     

    ต้นคอขาวรับรู้ได้ถึงลมหายใจร้อนๆ ไม่กล้าแม้แต่จะปริปากเอ่ยทัดท้วง เชิดหน้าขึ้นอย่างเสียวซ่าน ใช่ว่าไอ้เด็กนี่จะไม่เคยทำอะไรแบบนี้ แต่ไม่รู้ทำไม วันนี้เขาถึงได้ไม่ขัดขืนอย่างทุกวัน

     

    จมูกโด่งเป็นสันเป่ารดลมหายใจลงเข้ากับต้นคอ สูดดมกลิ่นหอมที่นึกดอมดมมานานนับปีอย่างชื่นใจ กระชับวงแขนที่เอวของผู้ถูกกระทำให้แนบแน่น ซุกไซร้ใบหน้าไปตามนวลแก้มที่เริ่มแดงระเรื่อก่อนวกกลับไปที่ต้นคออีกครั้งอย่างโหยหา

     

    “อ๊ะ...”

     

    ซีวอนขบเบาๆ เป็นตราประทับจนเกิดรอยจ้ำเล็กๆ สีกุหลาบ รู้สึกพึงพอใจกับผลงานของตัวเอง ไล้เรียวปากลงต่ำสู่ปกเสื้อเล็ก ลากขึ้นสูงจรดปลายคาง ระดมจุมพิตวกวนรอบริมฝีปากอย่างไม่รู้เบื่อ

     

    “อื้อ ซีวอน...”

     

    ฮีซอลออกแรงผละเบาๆ อย่างอ่อนแรงซึ่งไม่เป็นผล เสียงหวานครางกระเส่า ร่างสูงยกตัวร่างบางให้ขึ้นนั่งบนเคาน์เตอร์ก่อนฝังจมูกเพื่อสูดดมความหอมหวานที่นวลแก้มอีกครั้ง

     

    “ซะ ซีวอน พอแล้ว...”

     

    ปรามแต่ไม่รู้จักฟัง ขยับขาแข็งแรงไปกับเรียวขาสวยผ่านเนื้อผ้าให้บดเบียดกับอีกฝ่ายที่นั่งจนระดับใบหน้าอยู่ในองศาเดียวกัน ใบหูถูกเม้มเบาๆ จนเผลอครางอย่างพอใจ ลิ้นร้อนๆ ไล้วนไปทั่วไม่รู้หยุด ก่อนชะงักค้างไว้ที่ช่องว่างของอากาศ ที่กั้นกลางระหว่างสองริมฝีปาก...

     

    เรียวปากบางที่เผยอหมายท้วงราวกับเป็นการยั่วยุอารมณ์ร้อนๆ ของอีกฝ่ายให้เดือดพล่าน ริมฝีปากหยักขยับเข้าประทับลงที่ริมฝีปากบางอย่างรวดเร็วทว่าเร่าร้อน แทรกซึมปลายลิ้นเข้าไล่วนโพรงปากละมุนซ้ำแล้วซ้ำเล่า

     

    “อื้อ...”

     

    ฮีซอลครางเบาๆ อย่างพึงพอใจ มือหนาไล้ไปตามแผ่นหลังเล็ก มืออีกข้างก็ไม่ปล่อยให้ว่างงาน กดท้ายทอยของรุ่นพี่ให้แนบชิดยิ่งกว่า

     

    “อืม พี่ฮีซอล...”

     

    เสียงทุ้มครางอ้อนๆ หลังถอนจูบมาราธอนออกเพื่อให้ร่างบางได้พักหายใจ

     

    “แฮ่กๆ ซีวอน ไอ้ซิมบ้า”

     

    แม้จะบริภาษก็ยังไม่มีแรง หอบหายใจเหนื่อยๆ ริมฝีปากร้อนผ่ะผ่าว สัมผัสเมื่อครู่ยังคงตราตรึง หากแต่เป็นทั้งสองฝ่าย... ที่ต้องการจุมพิตนั้นอย่างไม่รู้จบ

     

    “นายกล้ามานะ คอยดู ชั้นจะไม่ปล่อยนาย... อุ๊บ อื้อ~

     

    กล่าวต่อขานไม่ทันจบประโยค อีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะติดใจรสจูบแสนหวานจึงระดมริมฝีปากเข้ารุกรานเขาอีกครั้ง อารามตกใจปนโมโหค่อยๆ จางหายเมื่ออีกฝ่ายดุนดันความหวานเข้าหาอย่างเรียกร้อง ฮีซอลที่สติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเผลอสนองคำเว้าวอนผ่านสัมผัสจากอีกฝ่ายอย่างร้อนแรงพอกัน ส่งผลให้ซีวอนรีบบดกายเข้ามาแนบแน่นราวกับจะรวมเป็นหนึ่งเดียว

     

    มือหนาลูบไล้หน้าท้องเรียบไปมา เวียนวนอยู่จุดเดิมจนฮีซอลทนไม่ไหวเผลอไผลครางให้เด็กแก่แดดได้ใจเข้ารุกราน

     

    สาบเสื้อถูกปัดขึ้นอย่างไม่ไยดี เพียงแค่นิ้วเรียวร้อนนั้นแตะลงกับผิวเนื้อเนียนละเอียด อารมณ์ของร่างสูงที่ควบคุมมาเกือบสองปีก็กระเจิดกระเจิง อารมณ์คล้อยตามของร่างบางที่ครอบงำก็จางหาย สะดุ้งสุดตัวก่อนยันเท้าไปสุดแรง!

     

    “โอ๊ย! พี่ฮีซอล ถีบผมทำไม”

     

    ร้องโอดครวญ ก่อนลูบหน้าท้องแข็งแรงของตัวเองป้อยๆ

     

    “ไอ้ซิมบ้า! แกอย่ามาทะลึ่งกับชั้นนะ!

     

    “ก็แหม มันทำไปแล้วนี่คร้าบ”

     

    ซีวอนตอบเสียงทะเล้น อาการจุกหายไปแทบสิ้นเมื่อนึกถึงสัมผัสหวานๆ ที่ริมฝีปาก

     

    “ยอมรับเถอะ พี่ก็เคลิ้มกับจูบของผมเหมือนกันล่ะน่า ผ่านมาเกือบสองปีเพิ่งได้ทำก็วันนี้ โชคดีชะมัด...”

     

    “ไม่ต้องพูด!

     

     

     

     

     

     

     

     

    หนึ่งสายตาหวานที่บัดนี้เชือดเฉือนสะเทือนอารมณ์

     

    หนึ่งสายตาคมที่บัดนี้หวานหยดอยู่กับความทรงจำ

     

    ...?

     

    ดงเฮกับอิทึกงงๆ กับคนทั้งสองแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกไป หนึ่งใจของเพื่อนสนิทนั้นก็ไม่อยากเข้าไปยุ่ง ภาพแบบนี้ชินตาเขาไปเสียแล้ว อีกหนึ่งใจของญาติผู้น้อง... ก็มีเรื่องอื่นให้ขบคิด

     

    “พี่ฮีซอล พี่อิทึก พี่ซีวอนฮะ ผมมีเรื่องอยากปรึกษา”

     

    ดงเฮรวบรวมความกล้าโพล่งขึ้นท่ามกลางความเงียบที่แต่ละคนสนใจอยู่กับกิจกรรมตรงหน้า ฮีซอลละจากรายงานที่นั่งศึกษาและให้ความสนใจกับดงเฮ เช่นเดียวกับซีวอนที่ละสายตาจากรุ่นพี่หน้าสวย และอิทึกที่ถอนสายตากับการกระทำเย้าหยอกอวัยวะเบื้องล่างของคนทั้งสอง

     

    “อะไรหรอดงเฮ?”

     

    “คือผม...”

     

    “หือ?”

     

    “คือ...”

     

    ดงเฮอึกอัก ไม่รู้จะเรียบเรียงถ้อยคำอะไรยังไงให้พวกพี่ๆ เข้าใจ อิทึกที่อ่อนโยนพอจะมองอาการนั้นออกจึงปลอบประโลมน้องเล็กเบาๆ

     

    “เอาน่าดงเฮ มีอะไรก็ค่อยๆ บอกพวกพี่ หากพวกพี่ช่วยได้ก็จะช่วยสุดความสามารถ”

     

    ดวงหน้าหวานช้อนสายตาขึ้นสบ ค่อยๆ พยักหน้าเข้าใจก่อนเอื้อนเอ่ยออกเป็นวจี

     

    “ผม... อยากจะทำให้ผู้ชายคนนึง... หลงรักน่ะครับ”

     

    !!!

     

    อึ้ง!

     

    อึ้งสนิท!

     

    “ดงเฮเป็นเกย์เหรอ?!

     

    ซีวอนเป็นคนแรกที่ใช้สติตั้งรับได้ทัน โพล่งถามขึ้นด้วยใจที่เต้นนิดๆ ถ้าดงเฮเป็นเคะ อาจทำให้คนแถวนี้ใจอ่อนยอมให้เขาเมะ...

     

    “เอ้อ มะ ไม่ใช่ครับๆ”

     

    หน้าหวานส่ายหัวปฏิเสธพัลวัน เมื่อไม่เห็นแววตำหนิในสายตาของญาติผู้พี่ ดงเฮจึงอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้กระจ่างอย่างค่อยเป็นค่อยไป

     

    “โถ่เอ๊ย ดงเฮนี่นะ ทำเอาพี่ใจหายหมด”

     

    ฮีซอลถอนหายใจอย่างโล่งอก นึกว่าน้องของเขาไปตกหลุมรักใครที่ไหนจนถอนตัวไม่ขึ้น ไอ้เกย์ไม่เกย์นี่เขาไม่สนหรอก แค่เป็นห่วงที่ว่าน้องเขาอาจเสียใจก็เป็นได้

     

    “ขอโทษฮะพี่ฮีซอล คือผม...”

     

    “ไม่ใช่ๆ พี่ไม่ได้โกรธหรอกน่า พี่แค่นึกว่าด๊องของพี่จะไปร้องไห้ไอ้ผู้ชายคนนั้นก็เท่านั้นเอง”

     

    ได้ยินคำนั้นก็ใจชื้นขึ้นโข ขยับยิ้มกว้างแล้วกระแซะอ้อน... ที่เด็กแก่แดดอย่างซิมบ้าเห็นแล้วแอบอิจฉา

     

    “พี่ฮีซอลคร้าบ ช่วยคิดวิธีที่จะทำให้หมอนั่นมันรักผมหน่อยน้า”

     

    “หา ให้พี่เนี่ยนะช่วยคิด ให้ไปช่วยรุมสกรัมน่ะไหว แต่ไอ้ทำนองนี้มัน...”

     

    “ไม่เหมาะกับเรลล่าน่ะสิ อย่างเรลล่าน่ะอยู่เฉยๆ ให้ซิมคนนี้ทำแทนน่ะดีนะ มาๆ ดงเฮ พี่ช่วยเอง”

     

    ซีวอนกุลีกุจอทำคะแนนกับญาติผู้น้อง

     

    “ไอ้ซิมบ้า กลับบ้านนายไปเลยไป”

     

    ร่างสูงแลบลิ้นเผล่ เรียกฝ่ามืออรหันต์ให้ฟาดไปกลางแผ่นหลังไปที

     

    ป้าบ!

     

    “อ๊าก พี่ฮีซอล ผมเจ็บนะ”

     

    “ดี! สมน้ำหน้า” คนสวยยิ้มเย้ย เชิดหน้าใส่ก่อนให้ความสนใจกับดงเฮ

     

    “พี่พูดจริงๆ นะ เพราะว่าถ้าเป็นเรื่องนี้เนี่ย ต้องถาม...”

     

    ลากเสียงยาวก่อนส่งสายตาประมาณว่ารู้กันไปยังเพื่อนสนิท...

     

    อิทึก!

     

     

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×