คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 1: New Game (1)
เมื่อลืมตาขึ้น เอกก็พบเพียงความมืด
เด็กหนุ่มรับรู้ถึงแรงดึงดูดและรู้ว่าตนเองกำลังตกลงอย่างไม่สามารถควบคุมได้ แต่ก่อนที่จะได้เตรียมการรับมือ ร่างของเด็กหนุ่มก็สัมผัสกับพื้น
“อั๊ก!”
เอกแทบไม่รู้สึกเจ็บ แรงกระแทกพื้นน้อยกว่าที่เอกคิด พื้นผิวขรุขระของพื้นหินเย็นเฉียบ
เขาจึงลืมตาขึ้น แต่ภาพที่เห็นทำให้เด็กหนุ่มประหลาดใจ
ภายใต้แสงสลัว เด็กหนุ่มรับรู้ว่าตนอยู่บนโถงทางเดินยาวพื้นที่พื้น ผนัง เพดานก่อด้วยอิฐก้อนใหญ่สีน้ำตาลที่ให้ความรู้สึกอับชื้น โดยมีคบเพลิงที่แขวนเป็นระยะตามแบบดันเจี้ยนเกมแฟนตาซี
ที่อยู่ในขอบมุมของสายตาคือแถบพลังสีแดงและฟ้าที่คุ้นเคย
...มิสเทียร่าเหรอ.... แล้วเรามาอยู่ที่นี่ได้ไง
เอกตรวจสอบสัมผัสของตัวเอง เด็กหนุ่มยื่นมือออกมาเบื้องหน้า ...แขนกับมือปกติ ไม่มีชุดเกราะ...
...ไม่ใช่มิสเทียร่า งั้นนี่มันเกมไหน... เอกพยายามนึก คงจะเป็นผลจากระบบเกมหรือเน็ตไม่เสถียร ทำให้ความทรงจำสับสนชั่วขณะ
...ช่างเถอะ ไม่ใช่ครั้งแรกซะหน่อย เดี๋ยวก็คงนึกออก...
เอกลุกขึ้น เมื่อทราบแน่ชัดว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในชุดเกราะที่ใส่ในเกมมิสเทียร่า จึงมองสำรวจตัวเองก็พบว่าตัวเองอยู่ในชุดนักเรียน
“อ้อ ไอ้นั่นสินะ” เอกนึกถึงการ์ดดิสก์เกมเบต้าใหม่ของที่เพื่อนของตนยื่นให้เมื่อเช้า ทั้งชุดนักเรียนและอาการความจำเสื่อมสมเหตุสมผลขึ้นมาบ้าง บางทีเมื่อกลับมาถึงบ้าน เขาคงเอาเกมมาลอง แล้วเจอบั๊กทำให้ความจำขาดข่วงไป
ส่วนที่มาโผล่กลางดันเจี้ยนคงเป็นส่วนหนึ่งของบั๊กเช่นกัน
“ไอ้วินเอ้ย จะให้เป็นหนูลองยา ก็น่าจะเลือกเกมที่มันสมบูรณ์กว่านี้หน่อยสิ” เด็กหนุ่มบ่นออกมา แล้วยกมือขวาขึ้นวาดเป็นสี่เหลี่ยมพร้อมกับเอ่ยคำมาตรฐาน
“เมนู”
หน้าจอเมนูปรากฏขึ้นมา เอกโล่งใจเพราะเมื่อเสี้ยววินาทีที่แล้วเขากลัวว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะบางเกมก็ใช้มือและวิธีเรียกที่ต่างไปจากนี้
หน้าจอเมนูเบื้องหน้าเป็นแบบเรียบง่ายไร้การตกแต่งสมกับเป็นเกมเวอร์ชั่นเบต้า มีเพียงสเตตัสพื้นฐานและระดับสกิล ตัวเลขทั้งหมดอยู่ในระดับ 200 กว่า
สิ่งที่ขาดหายไปคือเลเวล
“คงยังไม่ได้ใส่เลเวลเข้ามาละมั้ง” เอกเปิดเมนูไอเทมเป็นลำดับถัดไป
กล่องไอเทมมีอาวุธเพียงชิ้นเดียว ดูจากรูปเหมือนจะเป็นดาบหรือหอกอะไรสักอย่าง เอกแตะเลือกสวมใส่ สิ่งที่ได้รับกลับเป็นเสียงเตือนและกล่องข้อความ
[error: code 501]
“บั๊กเยอะขนาดอาวุธเริ่มต้นยังใช้ไม่ได้เนี่ยมันยิ่งกว่าเบต้าแล้ว นี่มันอัลฟ่าเกมชัดๆ”
เอกบ่นเสียงเอือม เขาหมดอารมณ์จะเล่นเกมนี้อีก จึงเลื่อนสายตาไปตามเมนู มองหาปุ่มล็อกเอาท์
...ถ้าเป็นนิยายเขย่าขวัญ หรือการ์ตูนสมัยก่อน ปุ่มล็อกเอาท์ต้องหายไปสินะ...
เอกคิดอยู่แวบหนึ่ง ก่อนที่จะเจอปุ่มล็อกเอาท์อยู่ด้านล่างสุด
เขากดปุ่มล็อกเอาท์ เตรียมดูข้อความนับถอยหลัง แต่กลับได้รับข้อความจากระบบแทน
[เควสยังไม่เสร็จสิ้นหรือไม่ได้อยู่ในจุดล็อกเอาท์ ไม่สามารถออกจากเกมได้]
“แย่ล่ะสิ” เอกบ่น ตอนนี้เขามีทางเลือกแค่สองอย่าง หนึ่งคือเดินหาจุดออกจากดันเจียน หรือปล่อยให้มอนสเตอร์ฆ่าตายเพื่อจะไปเกิดใหม่ข้างนอก ...ถ้าในดันเจียนนี้มีมอนสเตอร์อยู่ล่ะก็นะ...
ความคิดของเอกได้รับการตอบสนองในทันที
“กรรรรร....”
เสียงเอฟเฟคขู่คำรามในลำคอของมอนสเตอร์ตระกูลสุนัขแบบที่เคยได้ยินเป็นประจำในเกมออนไลน์ทั้งหลายแว่วมาจากด้านหลังของเอก ส่งผลให้เด็กหนุ่มหันไปหาต้นเสียง
ตอนนั้นเองที่เอกได้เห็นว่ามีแสงสะท้อนลึกลับสองจุดส่องประกายจากเงามืดระหว่างแถวคบเพลิง
ก่อนที่เอกจะทันคิดได้ว่าเจ้าของแสงนั้นคืออะไร สิ่งนั้นก็เปิดเผยตัวตนของมันออกมา มันคือหมาป่าดำร่างยักษ์สูงเกือบเท่าตัวของเขา มันเยื้องย่างออกมาพร้อมกับแยกเขี้ยวขาว พร้อมกับครางขู่อย่างมุ่งร้าย
เอกก้าวถอย ประเมินสถานการณ์
โดยทั่วไปแล้ว เกมออนไลน์จะแบ่งความแข็งแกร่งของมอนสเตอร์จากลักษณะและเผ่าพันธุ์ โดยทั่วไปแล้วเป็นที่รู้กันว่าบรรดาก้อนเยลลี่สารพัดสีหน้าตาหน้ารักจะเป็นเหยื่อของผู้เล่นใหม่ในแทบทุกเกม สำหรับหมาป่าขนาดใหญ่นั้น ไม่เคยเป็นมอนสเตอร์สำหรับผู้เล่นเริ่มต้นฝึกฝีมือเลย อย่างน้อยก็ต้องเป็นมอนสเตอร์สำหรับผู้เล่นเลเวลสิบกว่าขึ้นไป
ไม่ใช่แค่หมาป่าเท่านั้น ลักษณะดันเจียนที่เป็นทางเดินมือและแคบนี้เช่นกัน สิ่งเหล่านี้ต่างบ่งชี้ว่าเอกไม่ได้อยู่ในดันเจียนสำหรับผู้เล่นใหม่ ทั้งหมดนี้คงเป็นส่วนหนึ่งของบั๊กเช่นกัน เมื่อปัญหาเกิดจากบั๊กที่เกี่ยวข้องกับจุดเริ่มต้นเกม จึงไม่มีอะไรการันตีว่าหากเอกปล่อยให้ตัวเองถูกหมาป่ายักษ์ขย้ำ ซึ่งแม้จะเป็นเพียงในเกมก็ตาม แต่จากประสบการณ์ของเอก จะกี่ครั้งก็ไม่ให้ความรู้สึกที่ดี แล้วจะไม่กลับมาเกิดในดันเจียนให้หมาป่าตัวเดิมขย้ำอีกรอบ
หมาป่าดำย่างสามขุมเข้ามาใกล้จนเอกเห็นเรือนขนละเอียดอ่อนและเขี้ยวที่เปียกเยิ้มด้วยน้ำลายของมันอย่างชัดเจน มันเข้ามาในระยะใกล้จนได้กลิ่นสาบสัตว์อย่างชัดเจน หากไม่ได้อยู่ในภาวะคับขัน เอกก็อยากจะยืนชื่นชมความขยันเกินเหตุของโมเดลเลอร์และโปรแกรมเมอร์อยู่เหมือนกัน
...ต้องหนีก่อน...
เอกคิด สายตาจับจ้องขาหน้าของหมาป่ายักษ์เขม็ง และในชั่วพริบตาที่เอกขยับเท้าเพียงเล็กน้อย สัตว์ร้ายก็ทะยานเข้าใส่ เด็กหนุ่มที่รอจังหวะอยู่แล้วก็ดีดตัวไปด้านข้าง หลบการโจมตีของมันไปได้อย่างเฉียดฉิว
เอกพุ่งตัวออกวิ่งโดยไม่หันกลับไปมอง พยายามทิ้งห่างฝีเท้าและเสียงคำรามที่ไล่หลังมา เขาเลี้ยวแยกแรกที่เห็น แต่กลับต้องเบรกตัวโก่ง
ราวกับละครตลก เบื้องหน้าเอกคือผนังกำแพง
“โธ่โว้ย! มุกนี้ไม่ตลกเลยสักนิด!”
เอกร้องออกมาก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับสัตว์ร้าย มันย่างเข้ามาหาเหยื่อที่จนมุมอย่างใจเย็น
เด็กหนุ่มรู้สึกถึงรอยยิ้มบนใบหน้าตนเอง สำหรับคนที่เล่นเกมโดยวางแผนล่วงหน้าโดยละเอียดแล้ว สถานการณ์ตอนนี้นับเป็นเรื่องตื่นเต้นที่สุดในรอบหลายเดือน
หมาป่ายักษ์แยกเขี้ยวคำราม ขณะที่เด็กหนุ่มตั้งสมาธิจับจ้องการเคลื่อนไหวของมัน หมาป่ายักษ์โผนเข้าหาเอกอีกครั้ง ด้วยท่วงท่าและจังหวะเดียวกับครั้งแรกไม่มีผิดเพี้ยน
คราวนี้เอกหลบได้อย่างง่ายดาย ปล่อยให้หมาป่าพุ่งชนกำแพงเสียงดังโครม ใหญ่จนเด็กหนุ่มอดหันกลับไปมองไม่ได้ หมาป่ายักษ์กำลังพยายามยันตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก เอกออกวิ่งด้วยความหวังว่าจะเจอทางออกหรือได้รับการติดต่อจากโปรแกรมเมอร์
แต่แล้วออกวิ่งไม่ทันได้กี่ก้าวเด็กหนุ่มก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นแสงเรืองของดวงตาจำนวนมากจากความมืดเบื้องหน้า
“เวรละไง” ถึงจะจับจังหวะโจมตีได้ แต่เป็นสิบตัวแบบนี้เอกก็ไม่ไหว
เด็กหนุ่มก้าวถอยหลัง ขณะที่ฝูงหมาป่าค่อยๆ ย่างเข้าหาเหยื่อ
เอกกำมือทั้งสองแน่นจนชุ่มเหงื่อ ดูเหมือนเขาต้องกลับไปลุ้นเอาว่าจะเกิดตรงไหนเสียแล้ว
“หมอบลง”
เสียงเรียบของเด็กสาวแว่วจากด้านหลัง
เด็กหนุ่มทรุดตัวลงตามคำสั่งโดยสัญชาตญาณ เสี้ยววินาทีหนึ่งเด็กหนุ่มก็เห็นเงาร่างกระโจนข้ามหัวเขาไปด้านหน้า ก่อนที่ร่างนั้นจะสะบัดอาวุธในมือเป็นวงกว้าง ส่งคลื่นพลังสีแดงเพลิงเข้าปะทะฝูงหมาป่าจนเกิดเสียงระเบิดกัมปนาท
เอกได้แต่อ้าปากค้าง สายตาจับจ้องร่างระหงที่แตะปลายเท้าลงสู่พื้นอย่างงดงาม กระโปรงนักเรียนของเธอทิ้งตัวลงเหมือนกลีบดอกไม้บางๆ เรือนผมยาวสีดำขลับนั้นทิ้งตัวสยายลงกลางหลังอย่างเชื่องช้า
เด็กสาวใช้ฝ่ามือบางปัดเรือนผมที่เคลียไหล่ลง
แล้วจึงหันมามองเอกด้วยแววตาที่ยากจะบอกอารมณ์
หมาป่าดำที่รอดจากวงดาบของเด็กสาวคำรามด้วยความโกรธแค้น มันกระโจนเข้าหาเธอ แต่เด็กสาวไม่มีแม้แต่ความลังเล เธอก้าวเท้าเข้าหามันและวาดดาบใหญ่ฟันเข้าใส่ศัตรู เรือนผมของเธอคลี่เป็นพัดตามการเคลื่อนไหว เธอลงดาบสังหารตัวแล้วตัวเล่า กระทั่งดาบนั้นแทงทะลุหมาป่าตัวใหญ่ที่มีขนสีขาวตรงหน้าผาก
มันส่งเสียงโหยหวน ก่อนจะสลายไป
เด็กสาวปักดาบลงกับพื้น เธอปัดผมที่เคลียไกล่ลง
“เธอ...”
ก่อนจบคำ เด็กสาวเข้าถึงตัวเอกก่อนที่จะทันได้ถามว่าเธอมาอยู่ในเกมนี้ได้อย่างไร
มือเล็กๆ ของหญิงสาวกระชากคอเสื้อเอกลุกขึ้นด้วยเรี่ยวแรงของเพลย์เยอร์สายต่อสู้ กระทั่งใบหน้าของเอกแทบจะกระทบกับใบหน้าของเด็กสาวผู้มาช่วยเหลือ
ใกล้จนเด็กหนุ่มได้สัมผัสกลิ่นกายของเด็กสาว
คิ้วบางเหนือดวงตาคมกริบคู่นั้นขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
“ทำไมนายถึงอยู่ที่นี่?” น้ำเสียงเย็นชาเจือด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
“หา?..เอ่อ...”
เอกงงงันเมื่อถูกถามกลับในเรื่องที่ตนกำลังต้องการคำตอบ เสียงของระบบก็ดังขึ้นพร้อมกับกล่องข้อความปรากฏขึ้นในมุมมองสายตา
[[Stage Clear: นับถอยหลังเวลาออกจากดันเจียนใน 3 วินาที]]
ดวงตาของเด็กสาวเลื่อนออกจากเอกเล็กน้อย เธอมองดูข้อความเดียวกันนั้น เธอปล่อยร่างของเด็กหนุ่มลง ก่อนที่เอกจะกระแทกกับพื้น เด็กสาวก็บอกกับเขา
“ถ้าไม่อยากตายก็อย่ายุ่งกับ ONLIVE อีก”
ศีรษะของเด็กหนุ่มกระแทกพื้นอย่างแรง พร้อมกับเสียงนาฬิกาปลุกที่ดังไม่หยุด
“โอย”
เด็กหนุ่มเอามือกุมศีรษะด้วยความเจ็บปวดก่อนจะพยายามใช้มือยันลุกขึ้น เขาอยู่ในห้องนอนในบ้านของตน ไม่ใช่ดันเจี้ยนเกมในฝันเมื่อครู่
เอกนั่งลงบนขอบเตียง มือยังคงกุมศีรษะที่ปวดตุบ เสียงนาฬิกาปลุกยังดังไม่หยุด
"บ้าชะมัด ถึงกับเก็บมาฝันเลยเหรอเนี่ย"
ถ้าเป็นความฝันคงรู้สึกดีกว่านี้ แต่ทั้งหมดเป็นความทรงจำจากเหตุการณ์จริงที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน เอกหลงเข้าไปในเกมนั้น หนีจากฝูงมอนสเตอร์ แล้วก็ได้เด็กสาวคนนั้นช่วยไว้
หลังจากนั้นเอกก็รู้สึกตัวที่โถงทางเดินในโรงเรียน โดยที่จำเรื่องที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน เรื่องคงจะจบลงแค่ฝันกลางวัน หากเขาไม่เห็นสิ่งนั้น
เอกหันไปยังต้นเสียงนาฬิกาปลุกแล้วหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมา เมื่อปิดเสียงเตือน โทรศัพท์ก็แสดงหน้าจอปกติ
ที่มุมหนึงคือแอพพลิเคชั่นลึกลับที่ติดตั้งตัวเองลงบนโทรศัพท์ของเด็กหนุ่ม
ONLIVE
เอกเหม่อมองทิวทัศน์ยามเช้าที่หม่นหมองด้วยเมฆดำผ่านกระจกหน้าต่างรถไฟฟ้า ตั้งแต่เอกจำความได้ หน้าหนาวของกรุงเทพขมุกขมัวด้วยเมฆฝนแบบนี้มาตลอด
เช่นเดียวกับสภาพอากาศ ยามเช้าของเด็กหนุ่มเป็นไปตามปกติเช่นทุกวัน เอกออกจากบ้านแต่เช้า รับการทักทายจากเพื่อนสาวข้างบ้าน ฟังเธอบ่นตลอดครึ่งชั่วโมงบนรถไฟฟ้าเข้าสู่ใจกลางกรุง
"นี่ฟังอยู่หรือเปล่ายะ"
"ไม่ได้ฟังสักนิด" เอกตอบตามตรง
"นายเนี่ยนะ" เพื่อนสาวทำหน้าเอือม "วันๆ เอาแต่คิดเรื่องเกม คิดเรื่องอื่นบ้างสิ"
เอกไม่โต้กลับ ในหัวเขายังเต็มไปด้วยเรื่องของเกมและเด็กสาวคนนั้น เมื่อถึงที่หมาย เด็กหนุ่มก็เพียงเดินตามคลื่นผู้คนลงจากสถานี
ONLIVE คืออะไร?
เด็กสาวคนนั้นเป็นใคร?
แล้วเราเข้าไปใน ONLIVE ได้ยังไง?
แม้จะเต็มไปด้วยปริศนา แต่เด็กหนุ่มไม่ได้กำลังหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
เอกกำลังยิ้ม
ความจริงแล้ว จนกระทั่งเมื่อวานนี้ เอกกำลังรู้สึกเบื่อจนถึงที่สุด
ที่ผ่านมา เด็กหนุ่มเคลียร์เกมไปมากมาย เขาเล่นทุกแนวเท่าที่นึกออก ขึ้นสู่ระดับสูงสุด จนกระทั่งเบื่อจึงเลิกเล่นหาเกมใหม่ เป็นเช่นนี้เรื่อยมา
จนกระทั่งในที่สุดเมื่อสัปดาห์ก่อน เด็กหนุ่มก็รู้สึกตัวว่าไม่มีเกมที่น่าสนใจอีกแล้ว
ในขณะที่กำลังหงุดหงิดและเบื่อหน่าย ONLIVE ก็มาปรากฏตรงหน้าเด็กหนุ่ม
เอกอยากจะรู้เกี่ยวกับ ONLIVE มากกว่านี้
และเบาะแสเดียวคือเด็กสาวคนนั้น
ขณะกำลังคิดเรื่องนั้น เด็กหนุ่มก็ก้าวลงบันไดสถานีขั้นสุดท้ายลงสู่ระดับฟุตบาท
"อ๊ะ"
เสียงของเด็กสาวร้องเบาๆ พร้อมกับรู้สึกถึงแรงปะทะจากด้านข้าง
เด็กสาวในชุดนักเรียนดูเหมือนกำลังจะเสียหลักล้ม เอกรีบยื่นมือจับแขนของเธอไว้ สัมผัสนั้นนุ่มและละเอียดอ่อน
"ขอโทษครับ"
"ไม่เป็นไรค่ะ"
เอกชะงักทันที เขาจำเสียงเย็นชานั้นได้ เมื่อเด็กสาวกลับมาทรงตัวยืนได้ เอกก็ได้เห็นรูปลักษณ์ของเด็กสาวคนนั้นอย่างชัดเจน
เธอปัดเรือนผมสีดำยาวให้กลับเข้าทรง
และเช่นเดียวกับเมื่อวาน สายตาคมกริบคู่นั้นจ้องมองมายังเด็กหนุ่มด้วยแววตาขุ่นเคือง
ความคิดเห็น