ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ONLIVE - ฝ่าเกมมรณะ

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 1: New Game (1)

    • อัปเดตล่าสุด 24 ต.ค. 56


     

     

                   เมื่อลืมตาขึ้น เอกก็พบเพียงความมืด

     

                   เด็กหนุ่มรับรู้ถึงแรงดึงดูดและรู้ว่าตนเองกำลังตกลงอย่างไม่สามารถควบคุมได้ แต่ก่อนที่จะได้เตรียมการรับมือ ร่างของเด็กหนุ่มก็สัมผัสกับพื้น

                    อั๊ก!”

                    เอกแทบไม่รู้สึกเจ็บ แรงกระแทกพื้นน้อยกว่าที่เอกคิด พื้นผิวขรุขระของพื้นหินเย็นเฉียบ

                    เขาจึงลืมตาขึ้น แต่ภาพที่เห็นทำให้เด็กหนุ่มประหลาดใจ

                   ภายใต้แสงสลัว เด็กหนุ่มรับรู้ว่าตนอยู่บนโถงทางเดินยาวพื้นที่พื้น ผนัง เพดานก่อด้วยอิฐก้อนใหญ่สีน้ำตาลที่ให้ความรู้สึกอับชื้น โดยมีคบเพลิงที่แขวนเป็นระยะตามแบบดันเจี้ยนเกมแฟนตาซี

                    ที่อยู่ในขอบมุมของสายตาคือแถบพลังสีแดงและฟ้าที่คุ้นเคย  

                    ...มิสเทียร่าเหรอ.... แล้วเรามาอยู่ที่นี่ได้ไง  

                    เอกตรวจสอบสัมผัสของตัวเอง เด็กหนุ่มยื่นมือออกมาเบื้องหน้า ...แขนกับมือปกติ ไม่มีชุดเกราะ...

                    ...ไม่ใช่มิสเทียร่า งั้นนี่มันเกมไหน... เอกพยายามนึก คงจะเป็นผลจากระบบเกมหรือเน็ตไม่เสถียร ทำให้ความทรงจำสับสนชั่วขณะ

                    ...ช่างเถอะ ไม่ใช่ครั้งแรกซะหน่อย เดี๋ยวก็คงนึกออก...

                    เอกลุกขึ้น เมื่อทราบแน่ชัดว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในชุดเกราะที่ใส่ในเกมมิสเทียร่า จึงมองสำรวจตัวเองก็พบว่าตัวเองอยู่ในชุดนักเรียน  

                   อ้อ ไอ้นั่นสินะ” เอกนึกถึงการ์ดดิสก์เกมเบต้าใหม่ของที่เพื่อนของตนยื่นให้เมื่อเช้า ทั้งชุดนักเรียนและอาการความจำเสื่อมสมเหตุสมผลขึ้นมาบ้าง บางทีเมื่อกลับมาถึงบ้าน เขาคงเอาเกมมาลอง แล้วเจอบั๊กทำให้ความจำขาดข่วงไป

                   ส่วนที่มาโผล่กลางดันเจี้ยนคงเป็นส่วนหนึ่งของบั๊กเช่นกัน

                   ไอ้วินเอ้ย จะให้เป็นหนูลองยา ก็น่าจะเลือกเกมที่มันสมบูรณ์กว่านี้หน่อยสิ” เด็กหนุ่มบ่นออกมา แล้วยกมือขวาขึ้นวาดเป็นสี่เหลี่ยมพร้อมกับเอ่ยคำมาตรฐาน  

                    เมนู”  

                   หน้าจอเมนูปรากฏขึ้นมา เอกโล่งใจเพราะเมื่อเสี้ยววินาทีที่แล้วเขากลัวว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะบางเกมก็ใช้มือและวิธีเรียกที่ต่างไปจากนี้  

                   หน้าจอเมนูเบื้องหน้าเป็นแบบเรียบง่ายไร้การตกแต่งสมกับเป็นเกมเวอร์ชั่นเบต้า มีเพียงสเตตัสพื้นฐานและระดับสกิล ตัวเลขทั้งหมดอยู่ในระดับ 200 กว่า               

                    สิ่งที่ขาดหายไปคือเลเวล  

                    คงยังไม่ได้ใส่เลเวลเข้ามาละมั้ง” เอกเปิดเมนูไอเทมเป็นลำดับถัดไป  

                   กล่องไอเทมมีอาวุธเพียงชิ้นเดียว ดูจากรูปเหมือนจะเป็นดาบหรือหอกอะไรสักอย่าง เอกแตะเลือกสวมใส่ สิ่งที่ได้รับกลับเป็นเสียงเตือนและกล่องข้อความ

                    [error: code 501]

                    บั๊กเยอะขนาดอาวุธเริ่มต้นยังใช้ไม่ได้เนี่ยมันยิ่งกว่าเบต้าแล้ว นี่มันอัลฟ่าเกมชัดๆ”   

                    เอกบ่นเสียงเอือม เขาหมดอารมณ์จะเล่นเกมนี้อีก จึงเลื่อนสายตาไปตามเมนู มองหาปุ่มล็อกเอาท์  

                    ...ถ้าเป็นนิยายเขย่าขวัญ หรือการ์ตูนสมัยก่อน ปุ่มล็อกเอาท์ต้องหายไปสินะ...

                    เอกคิดอยู่แวบหนึ่ง ก่อนที่จะเจอปุ่มล็อกเอาท์อยู่ด้านล่างสุด  

                    เขากดปุ่มล็อกเอาท์ เตรียมดูข้อความนับถอยหลัง แต่กลับได้รับข้อความจากระบบแทน

                    [เควสยังไม่เสร็จสิ้นหรือไม่ได้อยู่ในจุดล็อกเอาท์ ไม่สามารถออกจากเกมได้]  

                    แย่ล่ะสิ” เอกบ่น ตอนนี้เขามีทางเลือกแค่สองอย่าง หนึ่งคือเดินหาจุดออกจากดันเจียน หรือปล่อยให้มอนสเตอร์ฆ่าตายเพื่อจะไปเกิดใหม่ข้างนอก ...ถ้าในดันเจียนนี้มีมอนสเตอร์อยู่ล่ะก็นะ...

                    ความคิดของเอกได้รับการตอบสนองในทันที  

                    กรรรรร....”  

                   เสียงเอฟเฟคขู่คำรามในลำคอของมอนสเตอร์ตระกูลสุนัขแบบที่เคยได้ยินเป็นประจำในเกมออนไลน์ทั้งหลายแว่วมาจากด้านหลังของเอก ส่งผลให้เด็กหนุ่มหันไปหาต้นเสียง  

                    ตอนนั้นเองที่เอกได้เห็นว่ามีแสงสะท้อนลึกลับสองจุดส่องประกายจากเงามืดระหว่างแถวคบเพลิง  

                   ก่อนที่เอกจะทันคิดได้ว่าเจ้าของแสงนั้นคืออะไร สิ่งนั้นก็เปิดเผยตัวตนของมันออกมา มันคือหมาป่าดำร่างยักษ์สูงเกือบเท่าตัวของเขา มันเยื้องย่างออกมาพร้อมกับแยกเขี้ยวขาว พร้อมกับครางขู่อย่างมุ่งร้าย

                    เอกก้าวถอย ประเมินสถานการณ์

                   โดยทั่วไปแล้ว เกมออนไลน์จะแบ่งความแข็งแกร่งของมอนสเตอร์จากลักษณะและเผ่าพันธุ์ โดยทั่วไปแล้วเป็นที่รู้กันว่าบรรดาก้อนเยลลี่สารพัดสีหน้าตาหน้ารักจะเป็นเหยื่อของผู้เล่นใหม่ในแทบทุกเกม สำหรับหมาป่าขนาดใหญ่นั้น ไม่เคยเป็นมอนสเตอร์สำหรับผู้เล่นเริ่มต้นฝึกฝีมือเลย อย่างน้อยก็ต้องเป็นมอนสเตอร์สำหรับผู้เล่นเลเวลสิบกว่าขึ้นไป

                   ไม่ใช่แค่หมาป่าเท่านั้น ลักษณะดันเจียนที่เป็นทางเดินมือและแคบนี้เช่นกัน สิ่งเหล่านี้ต่างบ่งชี้ว่าเอกไม่ได้อยู่ในดันเจียนสำหรับผู้เล่นใหม่ ทั้งหมดนี้คงเป็นส่วนหนึ่งของบั๊กเช่นกัน เมื่อปัญหาเกิดจากบั๊กที่เกี่ยวข้องกับจุดเริ่มต้นเกม จึงไม่มีอะไรการันตีว่าหากเอกปล่อยให้ตัวเองถูกหมาป่ายักษ์ขย้ำ ซึ่งแม้จะเป็นเพียงในเกมก็ตาม แต่จากประสบการณ์ของเอก จะกี่ครั้งก็ไม่ให้ความรู้สึกที่ดี แล้วจะไม่กลับมาเกิดในดันเจียนให้หมาป่าตัวเดิมขย้ำอีกรอบ

                    หมาป่าดำย่างสามขุมเข้ามาใกล้จนเอกเห็นเรือนขนละเอียดอ่อนและเขี้ยวที่เปียกเยิ้มด้วยน้ำลายของมันอย่างชัดเจน  มันเข้ามาในระยะใกล้จนได้กลิ่นสาบสัตว์อย่างชัดเจน หากไม่ได้อยู่ในภาวะคับขัน เอกก็อยากจะยืนชื่นชมความขยันเกินเหตุของโมเดลเลอร์และโปรแกรมเมอร์อยู่เหมือนกัน  

                    ...ต้องหนีก่อน...

                    เอกคิด สายตาจับจ้องขาหน้าของหมาป่ายักษ์เขม็ง และในชั่วพริบตาที่เอกขยับเท้าเพียงเล็กน้อย สัตว์ร้ายก็ทะยานเข้าใส่ เด็กหนุ่มที่รอจังหวะอยู่แล้วก็ดีดตัวไปด้านข้าง หลบการโจมตีของมันไปได้อย่างเฉียดฉิว  

                    เอกพุ่งตัวออกวิ่งโดยไม่หันกลับไปมอง พยายามทิ้งห่างฝีเท้าและเสียงคำรามที่ไล่หลังมา เขาเลี้ยวแยกแรกที่เห็น แต่กลับต้องเบรกตัวโก่ง

                    ราวกับละครตลก เบื้องหน้าเอกคือผนังกำแพง  

                     โธ่โว้ย! มุกนี้ไม่ตลกเลยสักนิด!

                    เอกร้องออกมาก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับสัตว์ร้าย มันย่างเข้ามาหาเหยื่อที่จนมุมอย่างใจเย็น   

                    เด็กหนุ่มรู้สึกถึงรอยยิ้มบนใบหน้าตนเอง สำหรับคนที่เล่นเกมโดยวางแผนล่วงหน้าโดยละเอียดแล้ว สถานการณ์ตอนนี้นับเป็นเรื่องตื่นเต้นที่สุดในรอบหลายเดือน  

                   หมาป่ายักษ์แยกเขี้ยวคำราม ขณะที่เด็กหนุ่มตั้งสมาธิจับจ้องการเคลื่อนไหวของมัน หมาป่ายักษ์โผนเข้าหาเอกอีกครั้ง ด้วยท่วงท่าและจังหวะเดียวกับครั้งแรกไม่มีผิดเพี้ยน  

                    คราวนี้เอกหลบได้อย่างง่ายดาย ปล่อยให้หมาป่าพุ่งชนกำแพงเสียงดังโครม ใหญ่จนเด็กหนุ่มอดหันกลับไปมองไม่ได้ หมาป่ายักษ์กำลังพยายามยันตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก เอกออกวิ่งด้วยความหวังว่าจะเจอทางออกหรือได้รับการติดต่อจากโปรแกรมเมอร์

                    แต่แล้วออกวิ่งไม่ทันได้กี่ก้าวเด็กหนุ่มก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นแสงเรืองของดวงตาจำนวนมากจากความมืดเบื้องหน้า

                    เวรละไง” ถึงจะจับจังหวะโจมตีได้ แต่เป็นสิบตัวแบบนี้เอกก็ไม่ไหว  

                    เด็กหนุ่มก้าวถอยหลัง ขณะที่ฝูงหมาป่าค่อยๆ ย่างเข้าหาเหยื่อ

                    เอกกำมือทั้งสองแน่นจนชุ่มเหงื่อ ดูเหมือนเขาต้องกลับไปลุ้นเอาว่าจะเกิดตรงไหนเสียแล้ว         

                    หมอบลง”

                    เสียงเรียบของเด็กสาวแว่วจากด้านหลัง

                   เด็กหนุ่มทรุดตัวลงตามคำสั่งโดยสัญชาตญาณ เสี้ยววินาทีหนึ่งเด็กหนุ่มก็เห็นเงาร่างกระโจนข้ามหัวเขาไปด้านหน้า ก่อนที่ร่างนั้นจะสะบัดอาวุธในมือเป็นวงกว้าง ส่งคลื่นพลังสีแดงเพลิงเข้าปะทะฝูงหมาป่าจนเกิดเสียงระเบิดกัมปนาท

                   เอกได้แต่อ้าปากค้าง สายตาจับจ้องร่างระหงที่แตะปลายเท้าลงสู่พื้นอย่างงดงาม กระโปรงนักเรียนของเธอทิ้งตัวลงเหมือนกลีบดอกไม้บางๆ เรือนผมยาวสีดำขลับนั้นทิ้งตัวสยายลงกลางหลังอย่างเชื่องช้า  

                    เด็กสาวใช้ฝ่ามือบางปัดเรือนผมที่เคลียไหล่ลง

                    แล้วจึงหันมามองเอกด้วยแววตาที่ยากจะบอกอารมณ์  

     


     

                   หมาป่าดำที่รอดจากวงดาบของเด็กสาวคำรามด้วยความโกรธแค้น มันกระโจนเข้าหาเธอ แต่เด็กสาวไม่มีแม้แต่ความลังเล เธอก้าวเท้าเข้าหามันและวาดดาบใหญ่ฟันเข้าใส่ศัตรู เรือนผมของเธอคลี่เป็นพัดตามการเคลื่อนไหว เธอลงดาบสังหารตัวแล้วตัวเล่า กระทั่งดาบนั้นแทงทะลุหมาป่าตัวใหญ่ที่มีขนสีขาวตรงหน้าผาก  

                    มันส่งเสียงโหยหวน ก่อนจะสลายไป

                    เด็กสาวปักดาบลงกับพื้น เธอปัดผมที่เคลียไกล่ลง  

                    เธอ...”

                    ก่อนจบคำ เด็กสาวเข้าถึงตัวเอกก่อนที่จะทันได้ถามว่าเธอมาอยู่ในเกมนี้ได้อย่างไร

                   มือเล็กๆ ของหญิงสาวกระชากคอเสื้อเอกลุกขึ้นด้วยเรี่ยวแรงของเพลย์เยอร์สายต่อสู้ กระทั่งใบหน้าของเอกแทบจะกระทบกับใบหน้าของเด็กสาวผู้มาช่วยเหลือ

                    ใกล้จนเด็กหนุ่มได้สัมผัสกลิ่นกายของเด็กสาว

                    คิ้วบางเหนือดวงตาคมกริบคู่นั้นขมวดเข้าหากันเล็กน้อย  

                    ทำไมนายถึงอยู่ที่นี่?” น้ำเสียงเย็นชาเจือด้วยอารมณ์ขุ่นมัว

                    หา?..เอ่อ...”

                   เอกงงงันเมื่อถูกถามกลับในเรื่องที่ตนกำลังต้องการคำตอบ เสียงของระบบก็ดังขึ้นพร้อมกับกล่องข้อความปรากฏขึ้นในมุมมองสายตา  

                    [[Stage Clear: นับถอยหลังเวลาออกจากดันเจียนใน 3 วินาที]]

                   ดวงตาของเด็กสาวเลื่อนออกจากเอกเล็กน้อย เธอมองดูข้อความเดียวกันนั้น เธอปล่อยร่างของเด็กหนุ่มลง ก่อนที่เอกจะกระแทกกับพื้น เด็กสาวก็บอกกับเขา

                    ถ้าไม่อยากตายก็อย่ายุ่งกับ ONLIVE อีก”  

                    ศีรษะของเด็กหนุ่มกระแทกพื้นอย่างแรง พร้อมกับเสียงนาฬิกาปลุกที่ดังไม่หยุด

                    โอย”

                   เด็กหนุ่มเอามือกุมศีรษะด้วยความเจ็บปวดก่อนจะพยายามใช้มือยันลุกขึ้น เขาอยู่ในห้องนอนในบ้านของตน ไม่ใช่ดันเจี้ยนเกมในฝันเมื่อครู่

                   เอกนั่งลงบนขอบเตียง มือยังคงกุมศีรษะที่ปวดตุบ เสียงนาฬิกาปลุกยังดังไม่หยุด

                   "บ้าชะมัด ถึงกับเก็บมาฝันเลยเหรอเนี่ย"

                   ถ้าเป็นความฝันคงรู้สึกดีกว่านี้ แต่ทั้งหมดเป็นความทรงจำจากเหตุการณ์จริงที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน เอกหลงเข้าไปในเกมนั้น หนีจากฝูงมอนสเตอร์ แล้วก็ได้เด็กสาวคนนั้นช่วยไว้

                   หลังจากนั้นเอกก็รู้สึกตัวที่โถงทางเดินในโรงเรียน โดยที่จำเรื่องที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน เรื่องคงจะจบลงแค่ฝันกลางวัน หากเขาไม่เห็นสิ่งนั้น

                    เอกหันไปยังต้นเสียงนาฬิกาปลุกแล้วหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมา เมื่อปิดเสียงเตือน โทรศัพท์ก็แสดงหน้าจอปกติ

                    ที่มุมหนึงคือแอพพลิเคชั่นลึกลับที่ติดตั้งตัวเองลงบนโทรศัพท์ของเด็กหนุ่ม

     

                    ONLIVE

     

                   เอกเหม่อมองทิวทัศน์ยามเช้าที่หม่นหมองด้วยเมฆดำผ่านกระจกหน้าต่างรถไฟฟ้า ตั้งแต่เอกจำความได้ หน้าหนาวของกรุงเทพขมุกขมัวด้วยเมฆฝนแบบนี้มาตลอด

                   เช่นเดียวกับสภาพอากาศ ยามเช้าของเด็กหนุ่มเป็นไปตามปกติเช่นทุกวัน เอกออกจากบ้านแต่เช้า รับการทักทายจากเพื่อนสาวข้างบ้าน ฟังเธอบ่นตลอดครึ่งชั่วโมงบนรถไฟฟ้าเข้าสู่ใจกลางกรุง

                    "นี่ฟังอยู่หรือเปล่ายะ"

                    "ไม่ได้ฟังสักนิด" เอกตอบตามตรง

                    "นายเนี่ยนะ" เพื่อนสาวทำหน้าเอือม "วันๆ เอาแต่คิดเรื่องเกม คิดเรื่องอื่นบ้างสิ"

                   เอกไม่โต้กลับ ในหัวเขายังเต็มไปด้วยเรื่องของเกมและเด็กสาวคนนั้น เมื่อถึงที่หมาย เด็กหนุ่มก็เพียงเดินตามคลื่นผู้คนลงจากสถานี

     

                    ONLIVE คืออะไร?

                   

                    เด็กสาวคนนั้นเป็นใคร?

     

                    แล้วเราเข้าไปใน ONLIVE ได้ยังไง?

     

                    แม้จะเต็มไปด้วยปริศนา แต่เด็กหนุ่มไม่ได้กำลังหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน

                    เอกกำลังยิ้ม

                    ความจริงแล้ว จนกระทั่งเมื่อวานนี้ เอกกำลังรู้สึกเบื่อจนถึงที่สุด

                   ที่ผ่านมา เด็กหนุ่มเคลียร์เกมไปมากมาย เขาเล่นทุกแนวเท่าที่นึกออก ขึ้นสู่ระดับสูงสุด จนกระทั่งเบื่อจึงเลิกเล่นหาเกมใหม่ เป็นเช่นนี้เรื่อยมา

                    จนกระทั่งในที่สุดเมื่อสัปดาห์ก่อน เด็กหนุ่มก็รู้สึกตัวว่าไม่มีเกมที่น่าสนใจอีกแล้ว

                    ในขณะที่กำลังหงุดหงิดและเบื่อหน่าย ONLIVE ก็มาปรากฏตรงหน้าเด็กหนุ่ม

                    เอกอยากจะรู้เกี่ยวกับ ONLIVE มากกว่านี้

                    และเบาะแสเดียวคือเด็กสาวคนนั้น

     

                    ขณะกำลังคิดเรื่องนั้น เด็กหนุ่มก็ก้าวลงบันไดสถานีขั้นสุดท้ายลงสู่ระดับฟุตบาท

                    "อ๊ะ"

                    เสียงของเด็กสาวร้องเบาๆ พร้อมกับรู้สึกถึงแรงปะทะจากด้านข้าง

                   เด็กสาวในชุดนักเรียนดูเหมือนกำลังจะเสียหลักล้ม เอกรีบยื่นมือจับแขนของเธอไว้ สัมผัสนั้นนุ่มและละเอียดอ่อน

                    "ขอโทษครับ"

                    "ไม่เป็นไรค่ะ"

                    เอกชะงักทันที เขาจำเสียงเย็นชานั้นได้ เมื่อเด็กสาวกลับมาทรงตัวยืนได้ เอกก็ได้เห็นรูปลักษณ์ของเด็กสาวคนนั้นอย่างชัดเจน

                    เธอปัดเรือนผมสีดำยาวให้กลับเข้าทรง

     

                    และเช่นเดียวกับเมื่อวาน สายตาคมกริบคู่นั้นจ้องมองมายังเด็กหนุ่มด้วยแววตาขุ่นเคือง



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×