คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 2: New Game (2)
ต่างจากภาพลักษณ์ในการพบกันครั้งแรกที่ให้ความรู้สึกเยือกเย็นและแข็งแกร่ง เมื่ออยู่นอกเกมนั้น เด็กสาวในขณะนี้ดูมีภาพลักษณ์ที่เปราะบางและอ่อนแอเสียมากกว่า
เด็กสาวร่างบอบบางสวมเสื้อกันหนาวสีดำทับชุดนักเรียนและยังใส่ถุงน่องยาวสีดำ ทำให้ผิวขาวนวลไร้รอยคล้าเปิดเผยออกมาเพียงแค่ใบหน้าและมือเรียวบางที่เด็กหนุ่มจับยึดอยู่
เธอยืนนิ่งสบตากับเอก แม้จะไม่แสดงอารมณ์ออกมาแต่ดูเหมือนเธอเองก็ตกใจเช่นกัน ครู่หนึ่งคิ้วเหนือดวงตาคู่งามก็ขมวดเล็กน้อยแสดงความไม่พอใจ เอกจึงเพิ่งตระหนักว่าด้วยความตกใจเมื่อครู่ทำให้ตนออกแรงกำข้อมือของเด็กสาวมากเกินไป
“ข..ขอโทษ” เอกรีบปล่อยข้อมือเรียวบางนั้น แต่สายเกินไปแล้ว
กระเป๋านักเรียนแบบถือน้ำหนัก 15 กิโลกรัมก็ฟาดลงกลางหัวของเด็กหนุ่ม ในตำแหน่งเดียวกับที่ปูดโปนจากการตกเตียงกระแทกพื้นเมื่อเช้า
การโจมตีทำให้เอกถึงกับทรุดด้วยความเจ็บปวด
เจ้าของกระเป๋าใบนั้นคือเด็กสาวร่างสูงเพรียวท่าทางทะมัดทะแมงที่ไว้ผมยาวรวบทรงหางม้าไม่เข้ากับมาดนักกีฬา
เพื่อนสาวข้างบ้านของเอกมีชื่อว่าผึ้ง (พ่อแม่ของเด็กสาวเรียกเธอว่าน้ำผึ้ง ซึ่งเอกถูกเธอห้ามให้เรียกแบบนั้นโดยเด็ดขาด)
ด้วยความที่เป็นเพื่อนสมัยเด็ก และเข้าโรงเรียนเดียวกันมาตั้งแต่อนุบาลด้วยเหตุผลของพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายว่าจะได้ช่วยดูแลกันป เธอจึงรู้ถึงธาตุแท้เบื้องหลังภาพลักษณ์เด็กเรียนไร้มนุษย์สัมพันธ์ของเอกเป็นอย่างดี
“เป็นอะไรรึเปล่า โดนตานี่ทำอะไรแปลกๆ ใช่ไหม ขอโทษด้วยนะ ดูแลไม่ดีเองน่ะ เดี๋ยวกลับบ้านไปแล้วจะสั่งสอนชุดใหญ่อีกทีนะ”
ผึ้งขอโทษขอโพยกับเด็กสาวเป็นชุดโดยไม่สนใจเอกที่นั่งกุมหัวอยู่
“ไม่เป็นไร ฉันจะล้มแล้วเขาช่วยจับไว้น่ะ” เด็กสาวช่วยแก้ความเข้าใจผิด
“หะๆ งั้นหรอกเหรอ โทษทีนะเอก” สาวเพื่อนข้างบ้านใช้มือม้วนผมหางมาของตนแก้เขิน ก่อนตบบ่าเอกแปะๆ เป็นการปลอบใจ
เอกลุกขึ้น มือยังคงกุมอยู่ที่หลังศีรษะ
"ขอร้องล่ะ ช่วยถามก่อนตีบ้างเถอะ!"
เอกต่อว่าเสียงดัง ความสัมพันธ์ของเอกกับผึ้งต่างจากเพื่อนสมัยเด็กในอุดมคติอย่างมาก ทั้งคู่เหมือนพี่น้องที่เอาแต่ทะเลาะกันเสียมากกว่า
"ก็...นายจับแขนหยกไว้แล้วทำหน้าเหมือน...ทำหน้าน่ากลัวนี่นา! ก็ต้องคิดว่านายจะทำเรื่องไม่ดีน่ะสิ แล้วก็คุณน้าฝากฉันให้คอยคุมนายที่โรงเรียนใช่ไหมล่ะ ฉันก็ต้องทำหน้าที่สิ!"
"แม่ฉันไม่ได้หมายความแบบนี้แน่ๆ"
"ระดับการควบคุมมันอยู่ที่การตีความส่วนบุคคลย่ะ"
เอกได้แต่ทำหน้าเอือมระอากับคำแก้ตัวข้างๆ คูๆ ขณะเดียวกันเด็กสาวที่ยืนมองการทะเลาะของทั้งสองก็ถามขึ้น
"แฟนเหรอ"
บางครั้งก็มีคนเข้าใจผิดว่าเป็นการทะเลาะกันของคู่รักอยู่บ้าง
หนุ่มสาวทั้งสองหันไปตอบพร้อมกัน
"ไม่ใข่!"
เอกนึกหาทางเปลี่ยนหัวข้อสนทนาออกจากเรื่องเข้าใจผิด แล้วก็นึกถึงที่เพื่อนของตนถามเด็กสาวได้
"พวกเธอเป็นเพื่อนกันเหรอ?" เอกชี้ไปยังเพื่อนข้างบ้านและเด็กสาว
"อือ อยู่ห้องเดียวกันน่ะ นายก็อย่าเอาแต่จำเรื่องเกมแล้วหัดจำชื่อหน้าร่วมชั้นบ้างสิ"
"ฉันอยู่คนละห้องกับพวกเธอนะ..." เอกแย้ง
"รีบขึ้นห้องเถอะหยก เดี๋ยวจะสายเอา" ผึ้งออกเดินนำโดยทำเป็นไม่สนใจเอก
"อืม"
เด็กสาวรับคำสั้นๆ แล้วเดินตาม
เธอหันกลับมายังเอกเพียงแวบนึงเท่านั้น
สายตานั้นราวกับกำลังตำหนิเด็กหนุ่ม
ซึ่งก็สมควรเป็นเช่นนั้น เพราะเอกกำลังยิ้มออกมา ยิ้มให้กับเบาะแสสำคัญหนึ่งเดียวเกี่ยวกับ ONLIVE ของตน
เด็กสาวหันกลับไป เมื่อทั้งสองเดินเลี้ยวเข้าไปในโรงเรียนแล้ว เอกก็เปรยกับตนเองขณะออกไปยังโรงเรียน
"ชื่อหยกเหรอเนี่ย ก็เหมาะกับท่าทางเย็นชาแบบนั้นจริงๆ ล่ะนะ"
-----
โรงเรียนของเอกเป็นโรงเรียนเอกชนที่เปิดสอนเฉพาะชั้นมัธยมปลาย
ตัวโรงเรียนมีขนาดไม่ใหญ่นัก โดยประกอบด้วยตึกเรียนตึกเดียวและอาคารอเนกประสงค์ เมื่อก่อนโรงเรียนเคยมีพื้นที่กว้างกว่านี้มากและเปิดสอนทั้งชั้นมัธยมต้นและมัธยมปลาย ด้วยความที่เป็นโรงเรียนเอกชนที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุง พื้นที่บางส่วนจึงถูกผู้บริหารแบ่งขายให้นักลงทุนสร้างเป็นห้างสรรพสินค้าติดสถานีรถไฟ แต่ดูเหมือนผู้บริหารจะไม่ได้เห็นแก่เงินเสียทีเดียว เงินก้อนนั้นถูกนำมาสร้างเป็นตึกเรียนสูงทันสมัย ลานกิจกรรมก็ถูกเปลี่ยนเป็นหอประชุมอเนกประสงค์ที่มีทั้งพื้นที่สำหรับกิจกรรมสันทนาการ กีฬาในร่ม และสระว่ายน้ำในอาคารเดียวกัน
ยังเหลือเวลาเกือบชั่วโมงก่อนจะเริ่มคาบเรียนแรก เมื่อเอกเปิดประตูห้องเรียนจึงยังเห็นโต๊ะว่างอยู่กว่าครึ่ง
เพื่อนร่วมห้องหันมาเพียงเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเป็นเด็กหนุ่มก็หันไปจับกลุ่มพูดคุยกันตามเดิมโดยไม่ทักทาย ด้วยเห็นเด็กหนุ่มใส่หูฟังแบบอินเอียร์อยู่ เอกไม่ได้เปิดเพลง เพียงแต่ใช้วิธีนี้หลีกเลี่ยงการทักทายชวนคุยยามเข้าก่อนเข้าเรียน
ไม่ใช่ว่าเอกไม่อยากพูดคุยกับเพื่อนร่วมห้อง แต่เขาไม่มีเวลาติดตามเหตุการณ์ปัจจุบันที่วัยรุ่นสนใจเนื่องจากทุ่มเทเวลาให้กับการเล่นเกม ทำให้เอกพยายามจำกัดการสนทนากับเพื่อนร่วมห้องแค่เพียงเรื่องการเรียนเท่านั้น
ภาพลักษณ์ของเอกในห้องจึงเป็นเด็กเรียนที่ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร
เอกเดินไปยังโต๊ะแถวหลังสุด เลื่อนเก้าอี้ที่หลังห้องริมหน้าต่าง จากนั้นวางกระเป๋าลงด้านหลัง แล้วล้วงโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะนั่งลง
ที่เปิดทิ้งไว้บนเว็บเบราเซอร์คือเว็บบอร์ดเกมทุกแห่งที่เอกรู้จัก ซึงเอกตั้งกระทู้ถามเกี่ยวกับเกมชื่อ ONLIVE ตั้งแต่เมื่อคืน
[มีใครเคยได้ยินเรื่องเกมชื่อ ONLIVE ไหม?]
เอกตั้งคำถามเดียวกันนี้ในเว็บไซต์เกมออนไลน์หลักๆ ทุกแห่งนึกออก นี่เป็นคำถามเดียวกับที่เอกตั้งบนกระทู้บนเว็บบอร์ดในประเทศหลายแห่งทันทีหลังจากประสบการณ์ขวัญผวาเมื่อตอนเลิกเรียน
ทว่าผลที่ได้รับคือ กระทู้ถูกลบอย่างรวดเร็ว
เมื่อพยายามสอบถามผู้ดูแลก็ไม่ได้คำตอบ พอตั้งซ้ำก็ถูกแบนทันที เรื่องวนเวียนอยู่เช่นนี้หลายรอบแม้กระทั้งเว็บบอร์ดเกมออนไลน์ที่ “เอ็คฮาร์ท” มีสถานะเป็น V.I.P.
ซึ่งนั่นยิ่งทำให้เอกสงสัย เพราะหากได้รับได้รับคำตอบว่าไม่รู้หรือโดนล้อว่าเล่นมุกตลกคงเป็นเรื่องปกติ แต่นี่ข้อความถูกลบอย่างรวดเร็ว แล้วยังถึงขนาดกีดกันออกจากเครื่องขายอีก ยิ่งทำให้เอกมั่นใจในตัวตนของ ONLIVE
ราวกับมีอัลกอริทึมคอยดักจับข้อความเกี่ยวกับ ONLIVE ออกจากเครือข่ายในไทยทั้งหมด
แต่เอกยังต้องการยืนยันการคงอยู่ของ ONLIVE ขั้นสุดท้าย โดยการตั้งคำถามเดียวกันนั้นลงบนเว็บบอร์ดต่างประเทศ
ทว่า ตั้งแต่ ‘สงครามโลกในระบบไซเบอร์ครั้งที่หนึ่ง’ เมื่อ 5 ปีก่อน โลกอินเตอร์เน็ตที่เคยกว้างไร้ขอบเขตก็เปลี่ยนไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสงครามไซเบอร์อีกเป็นครั้งที่สอง ตอนนี้เน็ตเวิร์คของประเทศต่างๆ แยกเป็นเอกเทศต่อกันและกันโดยมีศูนย์เครือข่ายอยู่ในประเทศไม่อิงกับภายนอกเหมือนแต่ก่อน การเข้าถึงข้อมูลเน็ตเวิร์คในส่วนอื่นของโลกเป็นเรื่องไม่ต่างกับการขอวีซ่าเข้าประเทศ และยังต้องเสียค่าใช้จ่ายตามปริมาณข้อมูลเพิ่มเติมอีกด้วย
การที่เด็กวัยรุ่นจะเข้าถึงเว็บไซต์ต่างประเทศจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
แต่ว่าไม่ใช่ว่าไร้หนทาง
หนทางนั้นอยู่ในชั้นเรียนเดียวกับเอกนั่นเอง
เสียงเจี๊ยวจ้าวของนักเรียนหญิงที่ดังลอดหูฟังเข้ามานั้นเองเป็นสัญญาณว่าหนทางของเอกมาถึงแล้ว
ที่ห้อมล้อมด้วยนักเรียนหญิงคือหนุ่มแว่นหน้าตาดีท่าทางขี้เล่นเพื่อนร่วมห้องและคู่หูเพื่อนเล่นเกมของเอกนั่นเอง
'วินเซนต์' คือชื่อในเกมของเด็กหนุ่ม ซึ่งเป็นคู่หูของ 'เอ็คฮาร์ต' ซึ่งเป็นชื่อตัวละครประจำของเอก ทั้งคู่ลุยเกมออนไลน์ด้วยกันมามากมายตั้งแต่มัธยมต้น ก่อนที่จะได้เจอหน้ากันจริงเป็นครั้งแรกเมื่อเข้าโรงเรียนมัธยมปลายเดียวกัน
เอกถอดหูฟังออก เป็นสัญญาณที่เพื่อนคู่หูเข้าใจเป็นอย่างดีว่าเอกอยากคุยด้วย หนุ่มแว่นรีบอ้างปลีกตัวจากสาวๆ มานั่งโต๊ะข้างเอกในทันที
"ไงคุณเอ็คฮาร์ต หน้าตาไม่สบอารมณ์แต่เช้าเลยนะ" หนุ่มแว่นทักทายด้วยชื่อในเกมซึ่งเอกไม่ชอบให้เรียกพาดพิงในโลกจริง เนื่องจากแม้แต่ในหมู่วัยรุ่น ชื่อ 'เอ็คฮาร์ต' ก็เป็นที่รู้จักโดยทั่วไปเช่นกัน
ถ้าหากถูกรู้ว่าเป็น 'เอ็คฮาร์ต' ชีวิตสงบสุขในโรงเรียนคงจะสูญสิ้นไปทันที
"หวัดดีคุณพิชิต"
"นั่นมันชื่อพ่อฉัน"
หนุ่มแว่นแย้ง ชื่อเล่นของเขาคือวินต่างหาก
"คุณเอกครับ เมื่อคืนหายหัวไปไหน ทุกคนหาตัวแทนกันวุ่นวายเลย"
วินถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาหมายถึงเรื่องในเกม 'มิสเทียร่าออนไลน์' ที่ทั้งคู่เล่นกันอยู่ เอกเป็นหัวหน้ากิลด์โดยมีวินเป็นรองหัวหน้า เอกเป็นคนนัดหมายกิลด์พันธมิตรรวมกลุ่มทำเควสปราบบอสที่ยังไม่มีใครล้มได้ โดยเอกและวินใช้เวลาเตรียมการกว่าเดือนเตรียมการ
แต่เรื่อง ONLIVE ทำให้เอกลืมนัดหมายไปเสียสนิท เขาเกาศีรษะพลางนึกหาข้ออ้าง
"ก็เกมที่นายให้มาเมื่อวานน่ะมันมีแต่บั๊กเยอะแยะไปหมดจนฉันปวดหัว พอออกมาได้ก็หลับเป็นตายเลยน่ะ โทษที"
"...ห่วยขนาดนั้นเลยเรอะ เดี๋ยวฉันฝากพี่จะไปเฉ่งพวกฝ่ายพัฒนาให้"
"เอ้ยๆ ไม่ต้องทำขนาดนั้น ยังไงก็เกมเบต้านี่หว่า ว่าแต่เมื่อวานผลเป็นไง"
"ไม่มีเอ็คฮาร์ตก็ตายสนิทสิ แพ้ไอ้มังกรบ้านั่นหมดรูป พวกพันธมิตรโกรธใหญ่แล้ว นายรีบเข้าไปจัดการเหอะ"
"ช่างเหอะ ขี้เกียจเล่นแล้ว ชิ่งเลยละกัน"
พอกิลด์ใหญ่ขึ้น ต้องจัดการกับผู้เล่นมากขึ้น ความสนุกก็ลดลง แผนปราบบอสเมื่อวานเอกก็ตั้งใจให้เป็นอีเวนท์ส่งท้ายอย่างยิ่งใหญ่ของตัวเอง แต่เมื่อพลาดไปแล้วก็หมดอารมณ์โดยสิ้นเชิง
"ตรงตามเวลาที่ฉันคิดเป๊ะ นายหาเกมใหม่ได้ยัง ลองเกมของบ้านฉันที่เพิ่งเข้ามาใหม่ไหม"
"เกมนั้นก็แนวๆ เดิมไม่ใช่เรอะ เออ ฉันเรียกนายมาเรื่องนี้แหละ ยืมพาสปอร์ตอินเตอร์เน็ตของนายหน่อยสิ"
"อ๋อได้เลย"
วินตอบรับโดยไม่เสียเวลาคิดแม้แต่น้อย เขาหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมา กดเมนูสองสามครั้ง แล้วถือยื่นให้เอก
เอกแตะโทรศัพท์ของตนเข้ากับของวิน กล่องข้อความยืนยันการรับพาสปอร์ตอินเตอร์เน็ตชั่วคราวแสดงขึ้นมา
บ้านของวินเป็นเจ้าของบริษัทโทรคมนาคมข้ามชาติ เขาจึงมีพาสปอร์ตอินเตอร์เน็ตแบบไม่จำกัดใช้เป็นเรื่องปกติ ซึ่งเอกมักขอยืมใช้หาข้อมูลอยู่เสมอ
"คราวนี้เกมอินเตอร์เหรอ นายจะจ่ายค่าเน็ตไหวเรอะ"
"ไม่ใช่หรอก ฉันว่าจะหาข้อมูลเกมที่ได้ยินมาน่ะ..."
เอกลังเลอยู่ชั่วขณะ
"นายเคยได้ยินเรื่องเกมชื่อ ONLIVE ไหม?"
ก่อนที่วินจะตอบ เสียงออดสัญญาณเข้าเรียนก็ดังขึ้น วินจึงทำท่าทางประมาณว่าไว้ค่อยคุยกันที่หลัง แล้วกลับไปนั่งประจำที่ของตน
-----
คาบเรียนวิชาสังคมนั้นสำหรับเอกไม่ใช่วิชาที่จำเป็นต้องสนใจเพราะสามารถไปท่องจำเรื่องที่มักจะออกข้อสอบทีหลังได้ เด็กหนุ่มจึงเพียงวางเครื่องอัดเสียงบรรยายไว้ใต้หนังสือเรียน แล้วกดโทรศัพท์มือถือใต้โต๊ะ
คำถามหายไปไม่ต่างจากที่เอกคาด ทั้งเน็ตของสหรัฐ ญี่ปุ่น ยุโรป ต่างก็ไม่มีการกล่าวถึง ONLIVE ในแบบที่เอกได้เจอมาเลย รวมทั้งกระทู้ที่เอกตั้งก็โดนลบออกจนหมด
ดูเหมือน ONLIVE จะเกี่ยวข้องกับเบื้องหลังใหญ่โตตามที่เอกคาดไว้ไม่มีผิด
เอกปิดเว็บเบราเซอร์ บนหน้าจอหลักมีไอคอนของ ONLIVE วางอยู่ที่มุมหนึ่ง
(เหลือแค่แอพนี้ กับเด็กสาวชื่อหยกคนนั้นสินะ)
เอกเลื่อนนิ้วไปเหนือไอคอน
"เอกวัฒน์ลองบอกหน่อยซิ"
เสียงของอาจารย์วัยกลางคนทำให้เอกรีบซ่อนโทรศัพท์ไว้ในลิ้นชักโต๊ะแล้วยืนขึ้น ดูเหมือนอาจารย์จะสังเกตเห็นว่าเอกไม่ได้ตั้งใจฟังบนเรียนจึงจงใจเรียกให้ตอบคำถาม
แต่ไม่ใช่ว่าเอกไม่ได้เงี่ยหูฟังอาจารย์เลย คำถามนั้นคือปีที่จังหวัดนนทบุรีรวมเข้าเป็นเขตหนึ่งของมหานครกรุงเทพ
"ปีสองห้าหกห้าครับ"
อาจารย์แอบเดาะลิ้นอย่างไม่พอใจที่เอกตอบได้ถูกต้องทำให้ไม่สามารถใช้เป็นโอกาสตักเตือนได้ จึงถามอีกคำถาม "รังสิตกับนครนายกล่ะ"
"ปีสองห้าหกแปดกับสองห้าหกเก้าครับ"
"ดีมาก นั่งลงได้ แต่ปีพวกนี้ไม่ออกข้อสอบนะ ไม่ไปต้องท่อง"
อาจารย์ยอมแพ้ แล้วเริ่มบทเรียนต่อไป เอกนั่งลงโดยพยายามทำเป็นไม่สนใจสายตาล้อเลียนของวิน
-----
ก่อนหมดคาบเรียนที่สอง 10 นาที เอกจงใจขอเข้าห้องน้ำ ซึ่งอาจารย์หญิงสูงวัยท่าทางใจดีก็อนุญาตอย่างง่ายดาย
เอกไม่ได้ไปห้องน้ำ และไม่กลับไปที่ห้องเรียน เด็กหนุ่มยืนรอห่างจากชั้นเรียนมัธยม 4 ห้องสามเล็กน้อย
เมื่อเสียงออดพักเที่ยงดังขึ้น เอกทำเป็นยืนอ่านบอร์ดประกาศเยื้องกับห้องสาม พลางใช้หางตาสังเกตดูนักเรียนที่ออกมาจากห้อง
ผึ้งออกมากับนักเรียนหญิงในห้อง โชคดีที่เพื่อนสาวข้างบ้านไม่ทันสังเกตเห็นเอก (เอกมั่นใจว่าผึ้งต้องไม่สังเกตเห็น) ในกลุ่มนั้นไม่มีหยก
กระทั่งนักเรียนส่วนใหญ่ออกจากห้องไปแล้วแล้ว เป้าหมายของเอกก็ออกมา
ผมดำยาวถึงกลางหลังนั้นสะดุดตาจนเอกสังเกตุได้ด้วยการมองผ่านหางตา หยกเดินออกจากห้องมาคนเดียว
ดูเหมือนจะเป็นคนไม่ค่อยมีเพื่อนสินะ...เอกตั้งข้อสังเกต
ในมือของเธอคือโทรศัพท์มือถือ หญิงสาวเดินไปตามระเบียงพลางจ้องมองจอภาพโดยไม่สนใจผู้คนรอบข้าง
เอกรอกระทั่งหญิงสาวเดินห่างไปเล็กน้อยจึงเริ่มเดินตาม เป้าหมายของเอกคือเรียกและขอคุยกับหยกในจังหวะที่ไม่มีเพื่อนร่วมห้องของทั้งสองอยู่ (ในกรณีนี้ เอกหมายถึงผึ้งเป็นพิเศษ)
หญิงสาวเลี้ยวที่หัวมุมบันไดทางเดิน เอกก้าวเท้าติดตามเร็วขึ้น
ทว่าเพียงชั่วขณะที่คลาดสายตานั้น บนบันไดทางเดิน หญิงสาวกลับหายไป
เอกรีบวิ่งลงบันไดไปยังชั้นล่าง แต่มองไปบนระเบียงทางเดินทั้งซ้ายและขวา รวมถึงบันไดลงชั้นถัดไป ก็ไม่พบเห็นแม้แต่เงาของหยก
"เป็นไปได้ยังไง"
เอกพยายามขบคิด ไม่มีทางที่เด็กสาวจะหายไปเฉยๆ แม้แต้หากหยกรู้ตัวว่าถูกตามแล้วออกวิ่ง เอกต้องสังเกตเห็นปฏิกิริยาของนักเรียนคนอื่น...ภาพสาวสวยออกวิ่งไม่คิดชีวิตบนทางเดินน่ะ ไม่มีทางที่คนจะไม่ตื่นตกใจหรอก
ข้อสรุปเดียวคือหยกอันตรธานหายไปโดยที่ไม่มีใครสังเกต
เป็นไปได้อย่างไร
เอกนึกย้อน สิ่งที่อยู่ในมือของหยกคือโทรศัพท์มือถือ
แอพพลิเคชั่น [ONLIVE]
สิ่งเชื่อมโยงระหว่างโลกเกมนั้นกับเอกและหยก
แอพลึกลับที่ถูกติดตั้งลงในโทรศัพท์โดยไม่ได้รับอนุญาต
เอกเปิดหน้าจอโทรศัพท์ของตน แล้วสัมผัสไอคอนนั้นอย่างไม่ลังเล
โลโก้เรียบง่ายปรากฎขึ้นมาพร้อมกับแถบโหลด เวลาเพียงไม่กี่วินาทีนั้นช่างยาวนาน
สิ่งที่ปรากฎขึ้นมามีเพียงแผนที่
มันเป็นแผนที่สามมิติความละเอียดสูงของโรงเรียน มีสัญลักษณ์ลูกศรสีขาวชี้ทิศทางบอกจุดที่เอกยืนอยู่
จุดสังเกตอื่นคือวงกลมแดงเรืองแสง มันปรากฎอยู่ตรงตำแหน่งบันไดที่หยกหายไป
เอกสัมผัสจุดสีแดงบนแผนที่ กล่องข้อความปรากฎขึ้นมา
[Mission Rank B - Begin in 3:32]
-----
หญิงสาวยืนอยู่ในห้องสีขาวที่คุ้นเคย หากเปรียบกับเกมทั่วไปแล้วก็เหมือนกับล็อบบี้สนทนาพื้นทานในโลกเสมือนจริง
เด็กหนุ่มที่หยกช่วยไว้เมื่อวานรับมือยากกว่าที่คิด ถ้าเป็นคนทั่วไปเจอเรื่องเหนือธรรมชาติขนาดนั้นคงกลัวและรีบลบแอพออกแล้ว
แต่คนคนนั้นกลับมีท่าทีตื่นเต้น ซ้ำยังพยายามเข้าหาหยกอีก เธอจึงหลบเลี่ยงโดยเข้ามาในล็อบบี้รอมิชชั่น
หญิงสาวมองตัวเลขนับถอยหลัง อีกเพียง 20 วินาที
หากหยกกดยกเลิกเควสตอนนี้ เธอจะถูกส่งออกไปที่เดิมโดยไม่มีใครสังเกต ในขณะที่เด็กหนุ่มคนนั้นคงไปตามหาเธอที่จุดอื่นแล้ว
"อย่างที่คิดจริงด้วย"
เสียงของเด็กหนุ่มดังขึ้นจากด้านหลัง
"นาย..."
เมื่อหยกหันไปยังต้นเสียง เด็กหนุ่มยืนยิ้มอย่างผู้ชนะ ในมือโชว์จอภาพที่กำลังนับถอยหลัง 5 วินาทีสุดท้าย
[4]
"ถ้าเข้ามาเร็วล่ะก็ เธอคงใช้กำลังบังคับให้ฉันออกไปสินะ"
เด็กหนุ่มอธิบายข้อสรุปของตน
"แล้วถ้าฉันยอมไม่ออกไป เธอก็คงไม่ออกไปเหมือนกัน"
[3]
"เพราะเธอขู่ด้วยเรื่องตาย"
[2]
"นั่นหมายความว่าเธอไม่อยากให้ฉันตาย"
[1]
ห้องสีขาวค่อยๆ เปลี่ยนสภาพ เอกและหยกยืนอยู่บนทางเดินของดันเจียนมืดสลัว มันเป็นดันเจียนเดียวกับที่เด็กหนุ่มพบหญิงสาวครั้งแรก
"เมื่อเธอไม่อยากให้ฉันตาย ก็สอนเรื่อง ONLIVE แล้วพาฉันผ่านเควสต์นี้ออกไปสิ"
สิ้นคำของเด็กหนุ่ม หยกก็ถอนหายใจ ก่อนจะกดเมนูเรียกดาบใหญ่ของตนขึ้นมา
หญิงสาวยกดาบเล่มนั้นขึ้นมาราวกับไร้น้ำหนัก
"ฉันไม่รู้ว่านายรู้เรื่อง ONLIVE ดีขนาดไหน แต่ถ้านายตายในเกมนี้ล่ะก็ จะไม่ได้กลับไปโลกจริงนะ"
หยกถามย้ำ โดยพยายามเก็บซ่อนอารมณ์ที่หลากหลายเอาไว้
เด็กหนุ่มตอบอย่างมั่นใจ
"ถ้าเป็นเกมล่ะก็ ฉันไม่มีทางแพ้เด็ดขาด"
ความคิดเห็น