ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ONLIVE - ฝ่าเกมมรณะ

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 2: New Game (2)

    • อัปเดตล่าสุด 25 ต.ค. 56


     

     

              ต่างจากภาพลักษณ์ในการพบกันครั้งแรกที่ให้ความรู้สึกเยือกเย็นและแข็งแกร่ง เมื่ออยู่นอกเกมนั้น เด็กสาวในขณะนี้ดูมีภาพลักษณ์ที่เปราะบางและอ่อนแอเสียมากกว่า
     

     

     

               เด็กสาวร่างบอบบางสวมเสื้อกันหนาวสีดำทับชุดนักเรียนและยังใส่ถุงน่องยาวสีดำ ทำให้ผิวขาวนวลไร้รอยคล้าเปิดเผยออกมาเพียงแค่ใบหน้าและมือเรียวบางที่เด็กหนุ่มจับยึดอยู่

               เธอยืนนิ่งสบตากับเอก แม้จะไม่แสดงอารมณ์ออกมาแต่ดูเหมือนเธอเองก็ตกใจเช่นกัน ครู่หนึ่งคิ้วเหนือดวงตาคู่งามก็ขมวดเล็กน้อยแสดงความไม่พอใจ เอกจึงเพิ่งตระหนักว่าด้วยความตกใจเมื่อครู่ทำให้ตนออกแรงกำข้อมือของเด็กสาวมากเกินไป

                “ข..ขอโทษ” เอกรีบปล่อยข้อมือเรียวบางนั้น แต่สายเกินไปแล้ว

                กระเป๋านักเรียนแบบถือน้ำหนัก 15 กิโลกรัมก็ฟาดลงกลางหัวของเด็กหนุ่ม ในตำแหน่งเดียวกับที่ปูดโปนจากการตกเตียงกระแทกพื้นเมื่อเช้า

                การโจมตีทำให้เอกถึงกับทรุดด้วยความเจ็บปวด

                เจ้าของกระเป๋าใบนั้นคือเด็กสาวร่างสูงเพรียวท่าทางทะมัดทะแมงที่ไว้ผมยาวรวบทรงหางม้าไม่เข้ากับมาดนักกีฬา

                เพื่อนสาวข้างบ้านของเอกมีชื่อว่าผึ้ง (พ่อแม่ของเด็กสาวเรียกเธอว่าน้ำผึ้ง ซึ่งเอกถูกเธอห้ามให้เรียกแบบนั้นโดยเด็ดขาด)

                ด้วยความที่เป็นเพื่อนสมัยเด็ก และเข้าโรงเรียนเดียวกันมาตั้งแต่อนุบาลด้วยเหตุผลของพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายว่าจะได้ช่วยดูแลกันป เธอจึงรู้ถึงธาตุแท้เบื้องหลังภาพลักษณ์เด็กเรียนไร้มนุษย์สัมพันธ์ของเอกเป็นอย่างดี

                “เป็นอะไรรึเปล่า โดนตานี่ทำอะไรแปลกๆ ใช่ไหม ขอโทษด้วยนะ ดูแลไม่ดีเองน่ะ เดี๋ยวกลับบ้านไปแล้วจะสั่งสอนชุดใหญ่อีกทีนะ”

                ผึ้งขอโทษขอโพยกับเด็กสาวเป็นชุดโดยไม่สนใจเอกที่นั่งกุมหัวอยู่

                “ไม่เป็นไร ฉันจะล้มแล้วเขาช่วยจับไว้น่ะ” เด็กสาวช่วยแก้ความเข้าใจผิด

                “หะๆ งั้นหรอกเหรอ โทษทีนะเอก” สาวเพื่อนข้างบ้านใช้มือม้วนผมหางมาของตนแก้เขิน ก่อนตบบ่าเอกแปะๆ เป็นการปลอบใจ

                เอกลุกขึ้น มือยังคงกุมอยู่ที่หลังศีรษะ

                "ขอร้องล่ะ ช่วยถามก่อนตีบ้างเถอะ!"

                เอกต่อว่าเสียงดัง ความสัมพันธ์ของเอกกับผึ้งต่างจากเพื่อนสมัยเด็กในอุดมคติอย่างมาก ทั้งคู่เหมือนพี่น้องที่เอาแต่ทะเลาะกันเสียมากกว่า

                "ก็...นายจับแขนหยกไว้แล้วทำหน้าเหมือน...ทำหน้าน่ากลัวนี่นา! ก็ต้องคิดว่านายจะทำเรื่องไม่ดีน่ะสิ แล้วก็คุณน้าฝากฉันให้คอยคุมนายที่โรงเรียนใช่ไหมล่ะ ฉันก็ต้องทำหน้าที่สิ!"

                "แม่ฉันไม่ได้หมายความแบบนี้แน่ๆ"

                "ระดับการควบคุมมันอยู่ที่การตีความส่วนบุคคลย่ะ"

                เอกได้แต่ทำหน้าเอือมระอากับคำแก้ตัวข้างๆ คูๆ ขณะเดียวกันเด็กสาวที่ยืนมองการทะเลาะของทั้งสองก็ถามขึ้น

                "แฟนเหรอ"

                บางครั้งก็มีคนเข้าใจผิดว่าเป็นการทะเลาะกันของคู่รักอยู่บ้าง

                หนุ่มสาวทั้งสองหันไปตอบพร้อมกัน

                "ไม่ใข่!"

                เอกนึกหาทางเปลี่ยนหัวข้อสนทนาออกจากเรื่องเข้าใจผิด แล้วก็นึกถึงที่เพื่อนของตนถามเด็กสาวได้

                "พวกเธอเป็นเพื่อนกันเหรอ?" เอกชี้ไปยังเพื่อนข้างบ้านและเด็กสาว

                "อือ อยู่ห้องเดียวกันน่ะ นายก็อย่าเอาแต่จำเรื่องเกมแล้วหัดจำชื่อหน้าร่วมชั้นบ้างสิ"

                "ฉันอยู่คนละห้องกับพวกเธอนะ..." เอกแย้ง

                "รีบขึ้นห้องเถอะหยก เดี๋ยวจะสายเอา" ผึ้งออกเดินนำโดยทำเป็นไม่สนใจเอก

                "อืม"

                เด็กสาวรับคำสั้นๆ แล้วเดินตาม

                เธอหันกลับมายังเอกเพียงแวบนึงเท่านั้น

                สายตานั้นราวกับกำลังตำหนิเด็กหนุ่ม

                ซึ่งก็สมควรเป็นเช่นนั้น เพราะเอกกำลังยิ้มออกมา ยิ้มให้กับเบาะแสสำคัญหนึ่งเดียวเกี่ยวกับ ONLIVE ของตน

                เด็กสาวหันกลับไป เมื่อทั้งสองเดินเลี้ยวเข้าไปในโรงเรียนแล้ว เอกก็เปรยกับตนเองขณะออกไปยังโรงเรียน

                "ชื่อหยกเหรอเนี่ย ก็เหมาะกับท่าทางเย็นชาแบบนั้นจริงๆ ล่ะนะ"


    -----


                โรงเรียนของเอกเป็นโรงเรียนเอกชนที่เปิดสอนเฉพาะชั้นมัธยมปลาย

                ตัวโรงเรียนมีขนาดไม่ใหญ่นัก โดยประกอบด้วยตึกเรียนตึกเดียวและอาคารอเนกประสงค์ เมื่อก่อนโรงเรียนเคยมีพื้นที่กว้างกว่านี้มากและเปิดสอนทั้งชั้นมัธยมต้นและมัธยมปลาย ด้วยความที่เป็นโรงเรียนเอกชนที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุง พื้นที่บางส่วนจึงถูกผู้บริหารแบ่งขายให้นักลงทุนสร้างเป็นห้างสรรพสินค้าติดสถานีรถไฟ แต่ดูเหมือนผู้บริหารจะไม่ได้เห็นแก่เงินเสียทีเดียว เงินก้อนนั้นถูกนำมาสร้างเป็นตึกเรียนสูงทันสมัย ลานกิจกรรมก็ถูกเปลี่ยนเป็นหอประชุมอเนกประสงค์ที่มีทั้งพื้นที่สำหรับกิจกรรมสันทนาการ กีฬาในร่ม และสระว่ายน้ำในอาคารเดียวกัน

                ยังเหลือเวลาเกือบชั่วโมงก่อนจะเริ่มคาบเรียนแรก เมื่อเอกเปิดประตูห้องเรียนจึงยังเห็นโต๊ะว่างอยู่กว่าครึ่ง

                เพื่อนร่วมห้องหันมาเพียงเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเป็นเด็กหนุ่มก็หันไปจับกลุ่มพูดคุยกันตามเดิมโดยไม่ทักทาย ด้วยเห็นเด็กหนุ่มใส่หูฟังแบบอินเอียร์อยู่ เอกไม่ได้เปิดเพลง เพียงแต่ใช้วิธีนี้หลีกเลี่ยงการทักทายชวนคุยยามเข้าก่อนเข้าเรียน

                ไม่ใช่ว่าเอกไม่อยากพูดคุยกับเพื่อนร่วมห้อง แต่เขาไม่มีเวลาติดตามเหตุการณ์ปัจจุบันที่วัยรุ่นสนใจเนื่องจากทุ่มเทเวลาให้กับการเล่นเกม ทำให้เอกพยายามจำกัดการสนทนากับเพื่อนร่วมห้องแค่เพียงเรื่องการเรียนเท่านั้น

                ภาพลักษณ์ของเอกในห้องจึงเป็นเด็กเรียนที่ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร

                เอกเดินไปยังโต๊ะแถวหลังสุด เลื่อนเก้าอี้ที่หลังห้องริมหน้าต่าง จากนั้นวางกระเป๋าลงด้านหลัง แล้วล้วงโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะนั่งลง

                ที่เปิดทิ้งไว้บนเว็บเบราเซอร์คือเว็บบอร์ดเกมทุกแห่งที่เอกรู้จัก ซึงเอกตั้งกระทู้ถามเกี่ยวกับเกมชื่อ ONLIVE ตั้งแต่เมื่อคืน

                [มีใครเคยได้ยินเรื่องเกมชื่อ ONLIVE ไหม?]

                เอกตั้งคำถามเดียวกันนี้ในเว็บไซต์เกมออนไลน์หลักๆ ทุกแห่งนึกออก นี่เป็นคำถามเดียวกับที่เอกตั้งบนกระทู้บนเว็บบอร์ดในประเทศหลายแห่งทันทีหลังจากประสบการณ์ขวัญผวาเมื่อตอนเลิกเรียน

                ทว่าผลที่ได้รับคือ กระทู้ถูกลบอย่างรวดเร็ว

                เมื่อพยายามสอบถามผู้ดูแลก็ไม่ได้คำตอบ พอตั้งซ้ำก็ถูกแบนทันที เรื่องวนเวียนอยู่เช่นนี้หลายรอบแม้กระทั้งเว็บบอร์ดเกมออนไลน์ที่ “เอ็คฮาร์ท” มีสถานะเป็น V.I.P.

                ซึ่งนั่นยิ่งทำให้เอกสงสัย เพราะหากได้รับได้รับคำตอบว่าไม่รู้หรือโดนล้อว่าเล่นมุกตลกคงเป็นเรื่องปกติ แต่นี่ข้อความถูกลบอย่างรวดเร็ว แล้วยังถึงขนาดกีดกันออกจากเครื่องขายอีก ยิ่งทำให้เอกมั่นใจในตัวตนของ ONLIVE

                ราวกับมีอัลกอริทึมคอยดักจับข้อความเกี่ยวกับ ONLIVE ออกจากเครือข่ายในไทยทั้งหมด

                แต่เอกยังต้องการยืนยันการคงอยู่ของ ONLIVE ขั้นสุดท้าย โดยการตั้งคำถามเดียวกันนั้นลงบนเว็บบอร์ดต่างประเทศ

                ทว่า ตั้งแต่ ‘สงครามโลกในระบบไซเบอร์ครั้งที่หนึ่ง’ เมื่อ 5 ปีก่อน โลกอินเตอร์เน็ตที่เคยกว้างไร้ขอบเขตก็เปลี่ยนไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสงครามไซเบอร์อีกเป็นครั้งที่สอง ตอนนี้เน็ตเวิร์คของประเทศต่างๆ แยกเป็นเอกเทศต่อกันและกันโดยมีศูนย์เครือข่ายอยู่ในประเทศไม่อิงกับภายนอกเหมือนแต่ก่อน การเข้าถึงข้อมูลเน็ตเวิร์คในส่วนอื่นของโลกเป็นเรื่องไม่ต่างกับการขอวีซ่าเข้าประเทศ และยังต้องเสียค่าใช้จ่ายตามปริมาณข้อมูลเพิ่มเติมอีกด้วย

                การที่เด็กวัยรุ่นจะเข้าถึงเว็บไซต์ต่างประเทศจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

                แต่ว่าไม่ใช่ว่าไร้หนทาง

                หนทางนั้นอยู่ในชั้นเรียนเดียวกับเอกนั่นเอง

                เสียงเจี๊ยวจ้าวของนักเรียนหญิงที่ดังลอดหูฟังเข้ามานั้นเองเป็นสัญญาณว่าหนทางของเอกมาถึงแล้ว

                ที่ห้อมล้อมด้วยนักเรียนหญิงคือหนุ่มแว่นหน้าตาดีท่าทางขี้เล่นเพื่อนร่วมห้องและคู่หูเพื่อนเล่นเกมของเอกนั่นเอง

                'วินเซนต์' คือชื่อในเกมของเด็กหนุ่ม ซึ่งเป็นคู่หูของ 'เอ็คฮาร์ต' ซึ่งเป็นชื่อตัวละครประจำของเอก ทั้งคู่ลุยเกมออนไลน์ด้วยกันมามากมายตั้งแต่มัธยมต้น ก่อนที่จะได้เจอหน้ากันจริงเป็นครั้งแรกเมื่อเข้าโรงเรียนมัธยมปลายเดียวกัน

                เอกถอดหูฟังออก เป็นสัญญาณที่เพื่อนคู่หูเข้าใจเป็นอย่างดีว่าเอกอยากคุยด้วย หนุ่มแว่นรีบอ้างปลีกตัวจากสาวๆ มานั่งโต๊ะข้างเอกในทันที

                "ไงคุณเอ็คฮาร์ต หน้าตาไม่สบอารมณ์แต่เช้าเลยนะ" หนุ่มแว่นทักทายด้วยชื่อในเกมซึ่งเอกไม่ชอบให้เรียกพาดพิงในโลกจริง เนื่องจากแม้แต่ในหมู่วัยรุ่น ชื่อ 'เอ็คฮาร์ต' ก็เป็นที่รู้จักโดยทั่วไปเช่นกัน

                ถ้าหากถูกรู้ว่าเป็น 'เอ็คฮาร์ต' ชีวิตสงบสุขในโรงเรียนคงจะสูญสิ้นไปทันที

                "หวัดดีคุณพิชิต"

                "นั่นมันชื่อพ่อฉัน"

                หนุ่มแว่นแย้ง ชื่อเล่นของเขาคือวินต่างหาก

                "คุณเอกครับ เมื่อคืนหายหัวไปไหน ทุกคนหาตัวแทนกันวุ่นวายเลย"

                วินถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาหมายถึงเรื่องในเกม 'มิสเทียร่าออนไลน์' ที่ทั้งคู่เล่นกันอยู่ เอกเป็นหัวหน้ากิลด์โดยมีวินเป็นรองหัวหน้า เอกเป็นคนนัดหมายกิลด์พันธมิตรรวมกลุ่มทำเควสปราบบอสที่ยังไม่มีใครล้มได้ โดยเอกและวินใช้เวลาเตรียมการกว่าเดือนเตรียมการ

                แต่เรื่อง ONLIVE ทำให้เอกลืมนัดหมายไปเสียสนิท เขาเกาศีรษะพลางนึกหาข้ออ้าง

                "ก็เกมที่นายให้มาเมื่อวานน่ะมันมีแต่บั๊กเยอะแยะไปหมดจนฉันปวดหัว พอออกมาได้ก็หลับเป็นตายเลยน่ะ โทษที"

                "...ห่วยขนาดนั้นเลยเรอะ เดี๋ยวฉันฝากพี่จะไปเฉ่งพวกฝ่ายพัฒนาให้"

                "เอ้ยๆ ไม่ต้องทำขนาดนั้น ยังไงก็เกมเบต้านี่หว่า ว่าแต่เมื่อวานผลเป็นไง"

                "ไม่มีเอ็คฮาร์ตก็ตายสนิทสิ แพ้ไอ้มังกรบ้านั่นหมดรูป พวกพันธมิตรโกรธใหญ่แล้ว นายรีบเข้าไปจัดการเหอะ"

                "ช่างเหอะ ขี้เกียจเล่นแล้ว ชิ่งเลยละกัน"

               พอกิลด์ใหญ่ขึ้น ต้องจัดการกับผู้เล่นมากขึ้น ความสนุกก็ลดลง แผนปราบบอสเมื่อวานเอกก็ตั้งใจให้เป็นอีเวนท์ส่งท้ายอย่างยิ่งใหญ่ของตัวเอง แต่เมื่อพลาดไปแล้วก็หมดอารมณ์โดยสิ้นเชิง

                "ตรงตามเวลาที่ฉันคิดเป๊ะ นายหาเกมใหม่ได้ยัง ลองเกมของบ้านฉันที่เพิ่งเข้ามาใหม่ไหม"

                "เกมนั้นก็แนวๆ เดิมไม่ใช่เรอะ เออ ฉันเรียกนายมาเรื่องนี้แหละ ยืมพาสปอร์ตอินเตอร์เน็ตของนายหน่อยสิ"

                "อ๋อได้เลย"

                วินตอบรับโดยไม่เสียเวลาคิดแม้แต่น้อย เขาหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมา กดเมนูสองสามครั้ง แล้วถือยื่นให้เอก

                เอกแตะโทรศัพท์ของตนเข้ากับของวิน กล่องข้อความยืนยันการรับพาสปอร์ตอินเตอร์เน็ตชั่วคราวแสดงขึ้นมา

                บ้านของวินเป็นเจ้าของบริษัทโทรคมนาคมข้ามชาติ เขาจึงมีพาสปอร์ตอินเตอร์เน็ตแบบไม่จำกัดใช้เป็นเรื่องปกติ ซึ่งเอกมักขอยืมใช้หาข้อมูลอยู่เสมอ

                "คราวนี้เกมอินเตอร์เหรอ นายจะจ่ายค่าเน็ตไหวเรอะ"

                "ไม่ใช่หรอก ฉันว่าจะหาข้อมูลเกมที่ได้ยินมาน่ะ..."

                เอกลังเลอยู่ชั่วขณะ

                "นายเคยได้ยินเรื่องเกมชื่อ ONLIVE ไหม?"

                ก่อนที่วินจะตอบ เสียงออดสัญญาณเข้าเรียนก็ดังขึ้น วินจึงทำท่าทางประมาณว่าไว้ค่อยคุยกันที่หลัง แล้วกลับไปนั่งประจำที่ของตน


    -----


                คาบเรียนวิชาสังคมนั้นสำหรับเอกไม่ใช่วิชาที่จำเป็นต้องสนใจเพราะสามารถไปท่องจำเรื่องที่มักจะออกข้อสอบทีหลังได้ เด็กหนุ่มจึงเพียงวางเครื่องอัดเสียงบรรยายไว้ใต้หนังสือเรียน แล้วกดโทรศัพท์มือถือใต้โต๊ะ

                  คำถามหายไปไม่ต่างจากที่เอกคาด ทั้งเน็ตของสหรัฐ ญี่ปุ่น ยุโรป ต่างก็ไม่มีการกล่าวถึง ONLIVE ในแบบที่เอกได้เจอมาเลย รวมทั้งกระทู้ที่เอกตั้งก็โดนลบออกจนหมด

                ดูเหมือน ONLIVE จะเกี่ยวข้องกับเบื้องหลังใหญ่โตตามที่เอกคาดไว้ไม่มีผิด

                เอกปิดเว็บเบราเซอร์ บนหน้าจอหลักมีไอคอนของ ONLIVE วางอยู่ที่มุมหนึ่ง

                (เหลือแค่แอพนี้ กับเด็กสาวชื่อหยกคนนั้นสินะ)

                เอกเลื่อนนิ้วไปเหนือไอคอน

                "เอกวัฒน์ลองบอกหน่อยซิ"

                เสียงของอาจารย์วัยกลางคนทำให้เอกรีบซ่อนโทรศัพท์ไว้ในลิ้นชักโต๊ะแล้วยืนขึ้น ดูเหมือนอาจารย์จะสังเกตเห็นว่าเอกไม่ได้ตั้งใจฟังบนเรียนจึงจงใจเรียกให้ตอบคำถาม

                แต่ไม่ใช่ว่าเอกไม่ได้เงี่ยหูฟังอาจารย์เลย คำถามนั้นคือปีที่จังหวัดนนทบุรีรวมเข้าเป็นเขตหนึ่งของมหานครกรุงเทพ

                "ปีสองห้าหกห้าครับ"

                อาจารย์แอบเดาะลิ้นอย่างไม่พอใจที่เอกตอบได้ถูกต้องทำให้ไม่สามารถใช้เป็นโอกาสตักเตือนได้ จึงถามอีกคำถาม "รังสิตกับนครนายกล่ะ"

                "ปีสองห้าหกแปดกับสองห้าหกเก้าครับ"

                "ดีมาก นั่งลงได้ แต่ปีพวกนี้ไม่ออกข้อสอบนะ ไม่ไปต้องท่อง"

                อาจารย์ยอมแพ้ แล้วเริ่มบทเรียนต่อไป เอกนั่งลงโดยพยายามทำเป็นไม่สนใจสายตาล้อเลียนของวิน


    -----


                ก่อนหมดคาบเรียนที่สอง 10 นาที เอกจงใจขอเข้าห้องน้ำ ซึ่งอาจารย์หญิงสูงวัยท่าทางใจดีก็อนุญาตอย่างง่ายดาย  

                เอกไม่ได้ไปห้องน้ำ และไม่กลับไปที่ห้องเรียน เด็กหนุ่มยืนรอห่างจากชั้นเรียนมัธยม 4 ห้องสามเล็กน้อย

                เมื่อเสียงออดพักเที่ยงดังขึ้น เอกทำเป็นยืนอ่านบอร์ดประกาศเยื้องกับห้องสาม พลางใช้หางตาสังเกตดูนักเรียนที่ออกมาจากห้อง

                ผึ้งออกมากับนักเรียนหญิงในห้อง โชคดีที่เพื่อนสาวข้างบ้านไม่ทันสังเกตเห็นเอก (เอกมั่นใจว่าผึ้งต้องไม่สังเกตเห็น) ในกลุ่มนั้นไม่มีหยก

                กระทั่งนักเรียนส่วนใหญ่ออกจากห้องไปแล้วแล้ว เป้าหมายของเอกก็ออกมา

                ผมดำยาวถึงกลางหลังนั้นสะดุดตาจนเอกสังเกตุได้ด้วยการมองผ่านหางตา หยกเดินออกจากห้องมาคนเดียว

                ดูเหมือนจะเป็นคนไม่ค่อยมีเพื่อนสินะ...เอกตั้งข้อสังเกต

                ในมือของเธอคือโทรศัพท์มือถือ หญิงสาวเดินไปตามระเบียงพลางจ้องมองจอภาพโดยไม่สนใจผู้คนรอบข้าง

                เอกรอกระทั่งหญิงสาวเดินห่างไปเล็กน้อยจึงเริ่มเดินตาม เป้าหมายของเอกคือเรียกและขอคุยกับหยกในจังหวะที่ไม่มีเพื่อนร่วมห้องของทั้งสองอยู่ (ในกรณีนี้ เอกหมายถึงผึ้งเป็นพิเศษ)

                หญิงสาวเลี้ยวที่หัวมุมบันไดทางเดิน เอกก้าวเท้าติดตามเร็วขึ้น

                ทว่าเพียงชั่วขณะที่คลาดสายตานั้น บนบันไดทางเดิน หญิงสาวกลับหายไป

               เอกรีบวิ่งลงบันไดไปยังชั้นล่าง แต่มองไปบนระเบียงทางเดินทั้งซ้ายและขวา รวมถึงบันไดลงชั้นถัดไป ก็ไม่พบเห็นแม้แต่เงาของหยก

                "เป็นไปได้ยังไง"

          เอกพยายามขบคิด ไม่มีทางที่เด็กสาวจะหายไปเฉยๆ แม้แต้หากหยกรู้ตัวว่าถูกตามแล้วออกวิ่ง เอกต้องสังเกตเห็นปฏิกิริยาของนักเรียนคนอื่น...ภาพสาวสวยออกวิ่งไม่คิดชีวิตบนทางเดินน่ะ ไม่มีทางที่คนจะไม่ตื่นตกใจหรอก

                ข้อสรุปเดียวคือหยกอันตรธานหายไปโดยที่ไม่มีใครสังเกต

                เป็นไปได้อย่างไร

                เอกนึกย้อน สิ่งที่อยู่ในมือของหยกคือโทรศัพท์มือถือ

                แอพพลิเคชั่น [ONLIVE]

                สิ่งเชื่อมโยงระหว่างโลกเกมนั้นกับเอกและหยก

                แอพลึกลับที่ถูกติดตั้งลงในโทรศัพท์โดยไม่ได้รับอนุญาต

                เอกเปิดหน้าจอโทรศัพท์ของตน แล้วสัมผัสไอคอนนั้นอย่างไม่ลังเล

                โลโก้เรียบง่ายปรากฎขึ้นมาพร้อมกับแถบโหลด เวลาเพียงไม่กี่วินาทีนั้นช่างยาวนาน

                สิ่งที่ปรากฎขึ้นมามีเพียงแผนที่

                มันเป็นแผนที่สามมิติความละเอียดสูงของโรงเรียน มีสัญลักษณ์ลูกศรสีขาวชี้ทิศทางบอกจุดที่เอกยืนอยู่

                จุดสังเกตอื่นคือวงกลมแดงเรืองแสง มันปรากฎอยู่ตรงตำแหน่งบันไดที่หยกหายไป

                เอกสัมผัสจุดสีแดงบนแผนที่ กล่องข้อความปรากฎขึ้นมา

                [Mission Rank B - Begin in 3:32]


                -----


                หญิงสาวยืนอยู่ในห้องสีขาวที่คุ้นเคย หากเปรียบกับเกมทั่วไปแล้วก็เหมือนกับล็อบบี้สนทนาพื้นทานในโลกเสมือนจริง

                เด็กหนุ่มที่หยกช่วยไว้เมื่อวานรับมือยากกว่าที่คิด ถ้าเป็นคนทั่วไปเจอเรื่องเหนือธรรมชาติขนาดนั้นคงกลัวและรีบลบแอพออกแล้ว

                แต่คนคนนั้นกลับมีท่าทีตื่นเต้น ซ้ำยังพยายามเข้าหาหยกอีก เธอจึงหลบเลี่ยงโดยเข้ามาในล็อบบี้รอมิชชั่น

                หญิงสาวมองตัวเลขนับถอยหลัง อีกเพียง 20 วินาที

                หากหยกกดยกเลิกเควสตอนนี้ เธอจะถูกส่งออกไปที่เดิมโดยไม่มีใครสังเกต ในขณะที่เด็กหนุ่มคนนั้นคงไปตามหาเธอที่จุดอื่นแล้ว

                "อย่างที่คิดจริงด้วย"

                เสียงของเด็กหนุ่มดังขึ้นจากด้านหลัง

                "นาย..."

                เมื่อหยกหันไปยังต้นเสียง เด็กหนุ่มยืนยิ้มอย่างผู้ชนะ ในมือโชว์จอภาพที่กำลังนับถอยหลัง 5 วินาทีสุดท้าย

                [4]

                "ถ้าเข้ามาเร็วล่ะก็ เธอคงใช้กำลังบังคับให้ฉันออกไปสินะ"

                เด็กหนุ่มอธิบายข้อสรุปของตน

                "แล้วถ้าฉันยอมไม่ออกไป เธอก็คงไม่ออกไปเหมือนกัน"

                [3]

                "เพราะเธอขู่ด้วยเรื่องตาย"

                [2]

                "นั่นหมายความว่าเธอไม่อยากให้ฉันตาย"

                [1]

                ห้องสีขาวค่อยๆ เปลี่ยนสภาพ เอกและหยกยืนอยู่บนทางเดินของดันเจียนมืดสลัว มันเป็นดันเจียนเดียวกับที่เด็กหนุ่มพบหญิงสาวครั้งแรก

                "เมื่อเธอไม่อยากให้ฉันตาย ก็สอนเรื่อง ONLIVE แล้วพาฉันผ่านเควสต์นี้ออกไปสิ"

                สิ้นคำของเด็กหนุ่ม หยกก็ถอนหายใจ ก่อนจะกดเมนูเรียกดาบใหญ่ของตนขึ้นมา

                หญิงสาวยกดาบเล่มนั้นขึ้นมาราวกับไร้น้ำหนัก

                "ฉันไม่รู้ว่านายรู้เรื่อง ONLIVE ดีขนาดไหน แต่ถ้านายตายในเกมนี้ล่ะก็ จะไม่ได้กลับไปโลกจริงนะ"

                หยกถามย้ำ โดยพยายามเก็บซ่อนอารมณ์ที่หลากหลายเอาไว้

                เด็กหนุ่มตอบอย่างมั่นใจ


                "ถ้าเป็นเกมล่ะก็ ฉันไม่มีทางแพ้เด็ดขาด" 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×