ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -My Sweetheart..You're Everything -KiHae HanHyuk SJ-

    ลำดับตอนที่ #90 : :: Chapter 60 : คู่ควร ::

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.35K
      16
      6 ส.ค. 53

      

     

     

    ฮันกยองบรรจงวางรางนุ่มนิ่มดวงตาปรือปรอยหัวเราะเอิ๊กอ๊ากทำมือไม้เก้งก้างเย้วซ้ายเย้วขวาลงบนเตียง   ฮยอกแจทำตาปรือจะหลับก็ไม่ยอมหลับ   สักพักพออาการกำเริบก็ดึงชายหนุ่มที่นอนดูตนเองอยู่ข้างๆ เข้าไป...

     

     

    “จ๊วบบบบบบบบบบ   =3=

     

     

    ฮันกยองก็รับจูบนั้นแบบอึนๆ    ทำไงได้ในเมื่อฮยอกแจผลักเขาออกตั้งแต่คิดจะใช้ลิ้นหรือเลื่อนจูบต่ำลงไปกว่าริมฝีปากแล้ว   ไม่ยอมให้ล่วงล้ำแบบนี้จะไปทำอะไรแม่คุณได้   แถมจะให้เขาโวยวายก็คงทำไม่ได้อีก   ในเมื่อไอ้ต้นเหตุที่ปล่อยฮยอกแจจนเมามายแบบนี้ก็คงเป็นเขาเอง   ซ้ำร้ายยังทำแฟนคิบอมมันปากเจ่อขนาดนั้น

     

     

    แสบจริงๆ คุณหนูเล็ก   ขนาดเมาฤทธิ์ก็ยังเยอะไม่เปลี่ยน

     

     

    “ตื่นมาแล้วจะว่าไงล่ะเนี่ย   เฮ่อ”

     

     

    ฮันกยองบอกกับป๊าและม๊าของเขาว่าฮยอกแจป่วยจึงขอกลับมาโซลก่อน   ความจริงก็ตั้งใจจะมาง้อเพราะคุณนมแอบโทรไปกระซิบบอกว่าฮยอกแจโกรธเขาจริงๆ  ดีเท่าไหร่แล้วที่ผู้ชายคนที่ฮยอกแจไปนอนด้วยคือว่าที่พ่อตาในอนาคต   ไม่งั้นคงได้มีหน้าหนึ่งฆ่าโหดชู้เมียรักเพราะผัวหึงก็คราวนี้

     

     

    “เอิ๊กกกกก”

     

     

    ฮยอกแจหลับตาพริ้มหัวเราะเอิ๊กอ๊าก   มือไม้ขยับโบกไปมาเหมือนกำลังเต้นสะบัด  ฮันกยองมองแล้วก็ยิ้มขำ 

     

     

    “กล้องอยู่ไหนวะ”       ชายหนุ่มพึมพำแล้วเดินไปหากล้องในลิ้นชักโต๊ะทำงาน   ที่เอาตัวฮยอกแจกลับมาบ้านตัวเองเพราะไม่อย่างนั้นมีหวังว่าที่พ่อตาแม่ยายเอ็ดเขาตายทำลูกชายคนเล็กมึนเมา

     

     

    คิดไปคิดมาถ้าพูดแล้วฮยอกแจไม่ยอมเชื่อว่าตัวเองมีอาการแบบนี้จริงๆ ถ่ายเก็บไว้เป็นหลักฐานก็คงเข้าท่าที่สุด   ฮันกยองหยิบกล้องมาถือไว้แล้วรีเซ็ทค่าเตรียมตัวถ่าย   เพียงแค่ชายหนุ่มหันกลับมาอีกทีก็ถูกคนป่วยโรคเมาจูบลิสซึ่มจ๊วบบบเข้าให้

     

     

    “อ้า!!

     

     

    พอใจแล้วก็ทิ้งฮันกยองซะอย่างนั้น   ฮยอกแจกลับไปนอนเอิ๊กอ๊ากบนเตียงต่อเหมือนเดิม

     

     

    “ทำกันง่ายๆ ไม่รับผิดชอบผมเลยนะหนูเล็ก”   จะว่างอนก็ไม่เชิง   ฮันกยองเข่นเขี้ยวคนตัวเล็กเสียมากกว่า

     

     

    ฮันกยองยกเก้าอี้มาตั้งกล้องไว้ในมุมที่เห็นทุกอย่างชัดเจนขนาดที่ว่าผู้ต้องหาดิ้นยังไงก็ไม่มีหลุดพ้นข้อหาคดีขโมยจูบเขาไปได้

     

     

    “เอิ๊กกกกกก”   นั่นไงเริ่มแล้ว   ตาหวานๆ ของฮยอกแจสอดส่ายไปมาหาเป้าหมาย   พอหันมาเจอปากคนนอนหนุนแขนตัวเองอยู่ข้างๆ ก็ยิ้มกว้างถูกใจ

     

     

    “จ๊วบบบบบบบบ   =3=

     

     

    เห็นกันจะๆ ไปเลยว่าใครเป็นฝ่ายถูกกระทำ   ฮยอกแจกระชากแขนฮันกยองให้ลุกขึ้นมารับจุมพิตจ๊วบเสียงลั่นนั่น  

     

     

    “อ้า!!   จู๊บๆ   เอิ๊กกกกกกก   เอาอีก!!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    หยดน้ำเม็ดเล็กเกาะพราวทั่วใบหน้าสวยจ๋าของร่างสูงโปร่งเอวคอดที่ก้าวออกมาจากห้องน้ำโทงๆ ไม่ได้ใส่อะไรปกปิด    ถ้าซีวอนไม่มาค้างด้วยฮีซอลก็มักจะแก้ผ้าเดินว่อนอยู่ในห้องตัวเองหลังอาบน้ำเสร็จเสมอ   ผ้าขนหนูก็ใช้รองนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อทาโลชั่นไม่ให้ผิวแตกแห้ง

     

     

    ตอนแรกเขาก็ไม่ได้มีนิสัยรักสวยรักงามแบบนี้หรอก   ไม่เหมือนเจ้าน้องตัวดีที่ครีมบำรุงผิวเต็มโต๊ะทั้งที่เป็นผู้ชาย  กระทั่งแม่ของซีวอนขนไอ้ขวดๆ กระปุกๆ นี่มาให้และสอนวิธีใช้   ช่วงนั้นก็ไม่ได้ใส่ใจแต่พอลองใช้ไปคืนนึงก็รู้สึกว่าเนื้อตัวมันเบาสบายและผิวพรรณก็ดูชุ่มชื่นขึ้นก็ชักติดใจ   พอหมดกระปุกนู๊นนี้คุณนายชเวก็มีเซนส์สรรหามาทดแทนของเดิมให้ไม่ขาด

     

     

    “มาส์กหน้าดีมั๊ยวะ”   คนสวยมองแผ่นมาส์กผิวหน้าในมืออย่างชั่งใจ   นึกขี้เกียจขึ้นมาเลยกะจะวางลง  แต่พอจำได้ว่าพรุ่งนี้ต้องไปงานเปิดตัวเอเจนซี่อะไรสักอย่างเลยเปลี่ยนความคิดเสียใหม่   แต่เพราะทำไม่เป็นจึงเดินไปเคาะประตูห้องน้องชายที่เพิ่งกลับบ้านมา

     

     

    “อะไรครับ”   ดงเฮโผล่หน้าอึนๆ ออกมาถาม

     

     

    “มาส์กหน้าให้ชั้นหน่อยดิ๊”

     

     

    “อื๋อ?   พี่อ่ะเหรอจะมาส์กหน้า”

     

     

    “เออ   อย่ามาทำหน้ากวนตีน   เร็วๆ”

     

     

    “อือๆ   เดี๋ยวผมไป”   ดงเฮหยิบของบนโต๊ะเครื่องแป้งของตัวเองระหว่างที่ฮีซอล เดินกลับไปรอในห้องตัวเอง

     

     

    “พี่จะเอาเวอร์ชั่นไหน”  ดงเฮถามพร้อมใช้เท้าถีบประตูปิด   สองมือมีแผ่นมาส์กและกระปุกครีมบางอย่างในมือจากห้องตัวเองมาพร้อม

     

     

    “เอาอันเนี้ย”   ฮีซอลหยิบอันที่ได้จากแม่ซีวอนชูให้ดู

     

     

    “อ้าว   มีแล้วเหรอครับ”   ดงเฮวางของที่ไม่ต้องใช้งานไว้บนปลายเตียงแล้วเดินมาหาพี่ชาย   “พี่ไปใส่เสื้อผ้าหน่อยไม่ได้หรือไงเนี่ย”

     

     

    “ขี้เกียจ”

     

     

    “มันโป๊นะ”

     

     

    “เอ๊ะแกนี่   ก็เห็นมาแต่เด็กยังไม่ชินเหรอไงฮะ”

     

     

    ดงเฮส่ายหน้า   เดินไปหยิบผ้าขนหนูในตู้มาโปะมินิฮีให้ดูไม่อุจาดเกินไปนัก   หยิบแผ่นมาส์กหน้าจากมือพี่ชายมาลอกออก

     

     

    “ไอ้ที่แกเอามามันคืออะไรอ่ะ”

     

     

    “มาส์กหน้ามันก็มีหลายเวอร์ชั่น   ตอนแรกผมจะให้พี่เลือก   แต่แปะนี่ก็ง่ายดี   ใช้ครีมพอกตอนล้างมันเลอะเทอะอยู่เหมือนกัน”

     

     

    “เหรอ   ใครสอนแกทำแบบนี้เนี่ย”

     

     

    “ซองมินครับ   พี่อยู่นิ่งๆ นะ”   ดงเฮวางแผ่นมาส์กลงบนผิวหน้าสีขาวอย่างตั้งใจ   ไล่กดทุกส่วนที่ย่นไม่เรียบของกระดาษจนติดเรียบกับผิวหนังอย่างสวยงาม   ส่วนที่วางตัวผิดรูปร่างก็ขยับให้เข้าที่เข้าทางจนฮีซอลรู้สึกแปลกๆ

     

     

    “มันตึงๆ อ่ะไอ้ปลาเน่า”

     

     

    “ตึงน้อยตึงมาก?”

     

     

    “เริ่มจะตึงมากละ”   เสียงที่พูดเริ่มอืออาขึ้นเรื่อยๆ เพราะขยับอะไรไม่ได้มากนัก  

     

     

    “งั้นก็โอเคแล้วครับ   อีกสิบห้านาทีค่อยลอกออกแล้วกัน”   ดงเฮปรบมือสองที   ถอยตัวเองไปนอนเล่นบนเตียงพี่ชาย   “นึกคึกอะไรถึงอยากทำสวยอ่ะพี่”

     

     

    “ชั้นทำหล่อเว่ย   พรุ่งนี้ชั้นไปงานเลี้ยงนังซินอะไรทำนองนั้น”

     

     

    “กับพี่เขย?”

     

     

    “เออ - -*   แล้วนี่แกไม่ฮัดเช้ยแล้วหรือไง”  ช่วงเช้าดงเฮจมูกแดงคล้ายคนเป็นหวัดแต่ก็ไม่เป็น   เอาแต่ฮัดเช้ยๆ จนเขานึกรำคาญอยู่เหมือนกัน   แต่ก็สมน้ำหน้าแล้วละ    อยากทะลึ่งร่วมมือกับซีวอนปั่นหัวเขาดีนัก

     

     

    “ไม่แล้ว”   สงสัยคงเพราะโรคเมาจูบลิสซึ่มของฮยอกแจที่ทำเอาเขาลืมเรื่องอาการป่วยของตัวเองไปเลย

     

     

    ตากลมคู่สวยมองร่างดงเฮที่เกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงตัวเองผ่านกระจกเงา   ผิวของเขาเนียนละเอียดแต่บางทีของเจ้าน้องชายนี่อาจนุ่มนิ่มกว่า   ตามันก็ใสจนแทบเห็นประกายวิ้งๆ ออกมาจากนัยน์ตา   นี่ไอ้ก้อนน้ำแข็งเดินได้มันให้ดงเฮดูแลตัวเองมากขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

     

     

    ก็ถ้าเทียบกับตัวเองที่ทำเป็นแค่ทาโลชั่นแล้วคิมฮีซอลก็คิดได้เท่านั้น   คนรอบข้างตัวเขาเช่นอิทึกหรือซองมินก็ประเภทดูแลตัวเองจัด   ห้องนอนอิทึกมีขวดบ้าๆ และอะไรอีกเยอะแยะที่เขาเคยคิดว่าเสียเวลาที่จะสนใจอยู่เต็มไปหมด

     

     

    อย่างฮยอกแจถึงจะไม่เข้าขั้นซองมินหรืออิทึกแต่ก็คงพอๆ กับดงเฮ   จัดเป็นประเภทที่ไม่ต้องทำอะไรมากก็ดูดีตลอดเวลา

     

     

    แล้วเขาล่ะ?

     

     

    “คิดอะไรอยู่”  

     

     

    รู้สึกตัวอีกทีดงเฮก็ใช้ศอกยันกับเตียงตะแคงร่างหันมาถามเขาเสียแล้ว

     

     

    “แกเครื่องสำอางจ๋าแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”   ดงเฮทำหน้าประหลาดออกมาเมื่อได้ยินเขาถามแบบนั้น

     

     

    “ไม่จ๋านะ   ก็ทำที่คิดว่าน่าทำเท่านั้นแหละครับ”

     

     

    “ไอ้มาส์กหน้าเนี่ยนะ   ก็ดูดิ   แกทำอย่างกับโปร”

     

     

    “แค่แปะๆ หน้าเนี่ยนะ”

     

     

    “แค่แปะๆ ชั้นก็ทำได้   แต่ดูแกไล่ๆๆ ให้มันตึงขนาดนี้เนี่ยไม่เรียกว่าโปรแล้วเรียกว่าอะไร”

     

     

    “อ้าว -*-   อะๆ   โอเคๆ   โปรก็โปร”

     

     

    “ตอบชั้นซะทีดิ”

     

     

    “หัดๆ ทำมาตั้งแต่คบกับคิบอมใหม่ๆ อ่ะพี่   ซองมินสอน   พี่ก็รู้ว่าซองมินชอบสอนพวกอะไรแบบนั้น”   พูดไปก็หน้าแดงไป   ลีดงเฮรู้สึกกระดากใจอยู่เหมือนกันว่าสิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนี้นอกจากตัวเองแล้วก็เพื่อผู้ชายที่ชื่อว่าคิมคิบอม

     

     

    “เออ   แล้วไง”

     

     

    “ก็ไม่แล้วไงนี่ครับ   ผมไม่ได้ทำทุกวันเป็นผู้หญิงจ๋าอะไรแบบนั้น   นานๆ ทำที   หลายครั้งก็เก่งเอง   แบบว่า   อย่างคืนไหนนอนดึกๆ ก็ทาครีมรอบดวงตาอะไรแบบนั้น   วันไหนว่างก็มาส์กหน้านานๆ ที”

     

     

    “แล้วแกว่าชั้นทำอะไรบ้างดีมะ”

     

     

    “อื๋อ?”   ดงเฮเอียงคอ   มองตาพี่ชาย   สักพักก็...    “ก๊ากกก   ฮ่าๆๆ   นี่พี่เขยทำพี่เป็นได้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย   ฮ่าๆๆ”   ฮีซอลเขวี้ยงกระดาษทิชชู่ก้อนกลมๆ ที่ใช้แล้วใส่หัวไอ้น้องบ้าที่หัวเราะท้องคัดท้องแข็ง

     

     

    “ฮึกๆ   ขำเป็นบ้า”   ดงเฮกลั้นหัวเราะคล้ายเสียงสะอื้น   “อะๆๆ  ไม่ขำแล้วๆ”

     

     

    “ลองขำอีกทีสิชั้นเอาไอ้นี่ยัดปากแกแน่”   ฮีซอลชูม้วนทิชชู่ขู่ฟ่อๆ

     

     

    “ไม่ขำแล้วน่า   แต่ที่พูดนี่คิดจริงดิพี่”

     

     

    “เออ”

     

     

    “ฮึกๆ”

     

     

    “ไอ้ปลาเน่า - -+

     

     

    สิบห้านาทีต่อมาดงเฮก็ลอกแผ่นมาส์กออกให้อย่างนุ่มนวลไม่ค่อยรู้สึกแสบผิวหน้าอย่างที่ฮีซอลคิดเอาไว้สักเท่าไหร่   เดินไปปิดไฟเตรียมตัวเข้านอนทั้งที่พันแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวไว้แบบนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นไดอารี่เล่มสีแดงสลับขาวที่ตนเป็นคนเลือกวางอยู่บนโต๊ะก็ชั่งใจ   เขียนๆ ให้ซีวอนดีใจหน่อยก็แล้วกัน

     

     

    ฮีซอลคว้าปากกาเมจิกสีแดงเส้นเล็กเขียนข้อความลงในไดอารี่  ลงวันที่ตามด้วยลายเซ็นต์ที่คิดว่าเท่โฉบเฉี่ยวเสร็จก็ปิดไฟเข้านอน

     

     

    คนสวยตื่นแต่เช้าเพราะวันนี้ต้องช่วยเลขาฮวางจัดเตรียมเอกสารการประชุมตามหน้าที่  มองน้ำหอมกลิ่นแมนๆ ที่เคยใช้มาได้สองวันแล้วก็เบ้หน้า  กลิ่นอายส์รูฟว์ไดมอนด์ที่ซีวอนเคยซื้อให้ก็หมดไปวันก่อน    เดินไปห้องน้องชายกะจะจิ๊กน้ำหอมดงเฮมาใช้   ไหนๆ เมื่อคืนก็ขอครีมมันมาหมดห้องแล้วน้ำหอมอีกขวดจะเป็นอะไรไป

     

     

    “ผมไม่ใช้หรอก   คิบอมบอกว่า...  เอ่อ   กลิ่นผมหอมอยู่แล้ว”

     

     

    เห็นน้องชายทำหน้าแดงๆ แล้ววิ่งหนีเข้าห้องน้ำแก้อายไปคนสวยจ๋าก็ขมวดคิ้วมุ่น   ฟุดฟิดดมกลิ่นกายของตัวเองปั้นหน้ายุ่ง   “ไม่ใช้ก็ไม่ใช้วะ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ฮยอกแจสะลึมสะลือกะพริบเปลือกตาปริบๆ   มองเพดานห้องสีทึบที่คุ้นเคยด้วยความงุนงง   ตาโตเป็นไข่ห่านทันทีที่เบือนหน้าไปทางซ้ายแล้วพบชายหนุ่มข้างกายนอนหลับตาพริ้มกอดตัวเองไว้เหนียวแน่น

     

     

    ฮันกยอง... ?   เฮ้ย  บ้าน่า   เขาคงแค่ฝันไป   แต่บ้าจริงๆ เลย   ขนาดฝันยังไม่เลิกคิดถึงไอ้ผีจีนที่ใจดำไม่ยอมโทรมาง้อนี่เลย   เชอะ

     

     

    ว่าแล้วก็หมั่นไส้   เอื้อมมือไปบิดจมูกไม่ให้หายใจซะเลย

     

     

    “อึก...  อึก..”

     

     

    ฮันกยองทุรนทุรายลืมตาโพลง   ฮยอกแจแลบลิ้นปลิ้นตาใส่อย่างหมั่นไส้

     

     

    “โอ๊ยๆๆ   ผมหายใจไม่ออกนะหนูเล็ก”   ร่างสูงผละออกแล้วสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่

     

     

    “ยังมีหน้ามาบ่นใส่ชั้นอีกเหรอ   ขนาดอยู่ในฝันยังกล้าอีกนะ”   ฮยอกแจชี้นิ้ว   ฮันกยองหน้าเหวอ

     

     

    “ห..หา”

     

     

    “มอง  ทำมอง   เฮอะ”

     

     

    ฮันกยองถึงกับพูดไม่ออกเมื่อฮยอกแจจิ้มกะโหลกเขา   มองด้วยหน้ากวนๆ เหมือนจะหาเรื่องต่อย   “ทำมาเบ่ง   โห่ๆ”

     

     

    แน่ะ  มีโห่ด้วย   นี่แม่คุณคิดว่ากำลังฝันจริงๆ เหรอเนี่ย   แล้วไอ้ที่กำลังผลักหัวเขาไปซ้ายทีขวาทีแบบนี้น่ะใจจริงนึกอยากจะทำอยู่หรือไง

     

     

    ฮันกยองขมวดคิ้วมุ่น   ศีรษะสะบัดไปตามแรงกึ่งตบกึ่งผลักเล่นๆ ของฮยอกแจที่ดูท่าแล้วคงเก็บกดมานาน

     

     

    “ไม่อยู่ห้าวันก็คิดถึงจะแย่   ยังมีหน้ามาแกล้งกันอีก”   ฮยอกแจปากบู้เป็นปลาบู่   ชายหนุ่มได้ยินก็ยิ้มแป้น

     

     

    “ยิ้มอะไร”

     

     

    “น่ารัก   หนูเล็กน่ารัก”

     

     

    “ไอ้บ้า   ยังจะมาชมกันอีก”   ฮยอกแจบิดแก้มฮันกยองอายๆ อย่างที่ปกติไม่ค่อยได้ทำบ่อยนักเพราะกลัวจะถูกล้อ   คนไม่เคยถูกทำอะไรแบบนี้อึ้งไปนิดๆ แต่ก็รู้สึกสุขใจชอบให้ฮยอกแจแสดงความรักด้วยท่าทางเหนียมอายแบบนี้อย่างบอกไม่ถูก

     

     

    แบบปกติที่เถียงไปบอกรักไปก็ว่าชอบมากแล้ว   ทำอายๆ แบบนี้ก็ยิ่งชอบมากเข้าไปใหญ่

     

     

    “คิดถึง   กอดหน่อย”

     

     

    สองร่างกอดกันกลม   ฮยอกแจรัดวงแขนแน่นๆ เหมือนเป็นคุณแม่หวงลูกชาย   จูบหน้าผากชายหนุ่มแรงๆ หนึ่งที  “ถ้าตื่นมานายก็ไม่อยู่กับชั้นแล้ว   ไม่อยากตื่นเลย”

     

     

    “ต๊องจัง”

     

     

    “แน่ะ  อย่ามาว่าชั้นนะ   นี่มันฝันชั้นนายต้องตามใจสิ”    ฮยอกแจจิ๊ปากขัดใจ   คนไม่อยากถูกงอนแม้กระทั่งในความฝันที่ฮยอกแจคิดเป็นตุเป็นตะไปเองก็ตัดสินใจเออออเอาไงเอากัน

     

     

    ชายหนุ่มถามว่าแล้วต้องการให้เขาทำอะไร

     

     

    “มองตากันเหอะ”

     

     

    “มองตา?”

     

     

    “ก็ตอนตื่นจะทำอะไรแบบนั้นมันน่าอายนี่นา   ชั้นไม่กล้าอ่ะ   แต่ชั้นอยากมองตากับนายมากๆ เลย  โรแมนติกดีออก”   แขนหนาถูกเขย่าไปมา   ฮยอกแจอ้อนเขาแม้กระทั่งในความฝันที่คิดไปเอง

     

     

    “จะตื่นหรือจะฝันอยากได้อะไรก็ต้องบอกรู้มั๊ย   ผมตามใจหนูเล็กทุกเรื่องอยู่แล้ว   อย่าทำให้ผมรู้สึกผิดแบบนี้สิ”   เพราะความเขินอายทำให้ฮยอกแจไม่กล้าพูดอะไรต่อหน้าถึงความต้องการที่จะแสดงออกว่ารักเขาออกมาแบบนั้นฮันกยองก็อดรู้สึกแย่จนใจเสียไม่ได้เหมือนกัน

     

     

    “ซอรี่ๆ”  สองมือถูกันไปมาซะด้วย  “นายอ่ะแหละผิด   เวลาชั้นตั้งใจจะพูดอะไรก็มองชั้นแบบนั้นทุกที   มันก็เขินอ่ะดิ   ไม่รู้ด้วยแล้ว   แต่ชั้นฝันอยู่นายต้องตามใจ   มองตาชั้นสิ”  

     

     

    มือขาวนุ่มนิ่มทาบแก้มของฮันกยองไว้นิ่ง   สบสายตาคู่คมตรงหน้าอย่างตั้งใจ   ฮันกยองยิ้มให้เขาจางๆ อย่างอบอุ่นและเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ส่งผ่านมา    ฮยอกแจกัด  ริมฝีปากล่างความอายแผลงฤทธิ์ออกมาจนใบหน้าแดงก่ำ   ถึงกระนั้นดวงตาสองคู่ก็ยังคงประสานไม่ละจากกันและกันไปไหน

     

     

    ราวกับว่าสายตาคู่นี้ของตนมีไว้เพื่อทอดมองคนตรงหน้าเพียงเท่านั้น  ไม่อาจปันใจเบนหางตาไปมองใครได้อีก   หวาดกลัวในใจว่าหากเพียงละสายตาไปคนตรงหน้าจะไม่อยู่เพื่อเคียงข้างตนอีกต่อไปแล้ว สมองสั่งสายตามองและหัวใจเป็นสิ่งรับรู้เข้าใจในความ รู้สึกแบบเดียวกัน   ไม่มีวันยอมเสียคนตรงหน้านี้ให้ใครคนอื่นได้เข้ามาแทนที่ตนเองแน่

     

     

    “ชั้นมีความสุขที่เห็นหน้าตัวเองอยู่ในตาของนาย”

     

     

    “ผมก็เหมือนกัน”

     

     

    “ขอโทษที่พูดว่าจะไปหาผู้ชายคนอื่น   ชั้นไม่ได้มีใครนะ”

     

     

    “เพราะฝันแน่เลยถึงพูดแบบนี้”  ฮันกยองเชื่อสนิทใจแล้วว่าฮยอกแจคิดว่าฝันไปจริงๆ    ไม่อย่างนั้นต่อให้ง้างปากบังคับให้พูดอะไรยังไงก็ไม่มีทางเอ่ยขอโทษเขาก่อนทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ทำผิดเสียด้วย   เป็นเขาเองต่างหากที่แกล้งให้ฮยอกแจหวาดกลัวแบบนั้น

     

     

    “คงงั้น”

     

     

    ฮยอกแจนึกขำ   ด่าฮันกยองในใจว่าถึงตนเองจะเมาแต่ก็ไม่ได้บ้าขนาดจำอะไรไม่ได้แบบนั้น   แค่อาการกึ่มๆ ที่ควบคุมโรคเมาจูบลิสซึ่มไม่อยู่จูบดงเฮซะปากบวมเจ่อ   ซองมินโดนไปสองที   ส่วนฮันกยองดูจากสภาพปากเช้านี้แล้วคงโดนเขาปล้ำจูบตลอดคืน  

     

     

    จดจำได้แม้กระทั่งคำพูดที่ฮันกยองบอกกับเด็กรับใช้ในบ้านว่ากลับมาก่อนกำหนดด้วยสาเหตุอะไร   ไอ้ที่แกล้งทำเป็นว่าฝันนี่ก็เพื่อจะได้ไม่ต้องรู้สึกอายและรับสภาพอะไรมากนัก   แค่ทำหลับไปแล้วตื่นมาอีกรอบบอกว่าจำอะไรไม่ได้เลยทุกอย่างก็จบ

     

     

    ตอนแรกก็ตั้งใจจะอาละวาด   แต่คิดไปคิดมาอยากทำอะไรแบบนี้มากกว่าจึงล้มเลิกความคิดแล้วออดอ้อนทันที   นึกซึ้งใจด้วยซ้ำที่ฮันกยองยังสนใจและกลับมาง้อก่อนวันกลับจริงๆ ถึงสองวัน

     

     

    อยากกอด   อยากจ้องตา   อยากทำอะไรแบบที่คู่รักคู่หวานๆ คู่อื่นเขาทำกันบ้าง

     

     

    แต่ความเป็นจริงคงไม่กล้า   แถว่าฝันคงไม่โกรธกันนะฮันกยอง

     

     

    คึๆๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เสียงดนตรีบรรเลงด้วยทำนองไพเราะรื่นหูฟังได้เรื่อยๆ สร้างความเพลิดเพลินในบรรยากาศของห้องจัดงานเลี้ยงเปิดตัวเอเจนซี่ใหม่ยุนแจเพฟเวเรอร์ในเครือชองคอร์ป  

     

     

    คิมฮีซอลฉีกยิ้มจนเหงือกแทบแห้งเมื่อคุณนายชเวพาเขาไปแนะนำให้ใครต่อใครที่หล่อนสนิทสนมรู้จัก

     

     

    ซีวอนยืนคุยอยู่กับชองยุนโฮและคิมแจจุงอยู่ที่อีกด้านของงาน   สายตาคมคายเหลือบมองคนรักตัวเองที่ปั้นหน้าเซ็งบ่อยครั้ง   แอบยิ้มขำนิดๆ เพราะฮีซอลไม่ชอบงานอะไรแบบนี้   ถ้าเป็นปาร์ตี้เหวี่ยงสะบัดคงลัลล้าเป็นปลาช่อนได้น้ำอย่างที่เจย์คิมบอกไว้   มองแล้วก็ดูแปลกตาไปอีกแบบเลยยังไม่เข้าไปหาเพียงแค่ยืนดูอาการคนสวยจ๋าอยู่ห่างๆ แบบนี้

     

     

    “นั่นแฟนนายเหรอ”   แจจุงเกาะแขนหุ้นส่วนแน่นแล้วพยักพเยิดไปทางฮีซอล  

     

     

    “เมีย”   ตอบแล้วก็หัวเราะชอบใจกับยุนโฮ

     

     

    “แม่นายดูท่าจะชอบนะ”   ยุนโฮมองคุณนายชเวก็พอรู้

     

     

    “ก็คนนี้แหละที่เคยเล่าให้ฟัง”

     

     

    “เล่าให้ฟังสองวันแล้วแกก็หายไปสามปีนะไอ้ซีวอน”

     

     

    “ไปตามจีบนี่แหละ”

     

     

    “เค้าไม่ชอบแกเหรอ    ปกติเรื่องหญิงไม่เคยพลาดนี่”   ยุนโฮขำ   มองเพื่อนรักที่เคยพูดกับเขาว่าไม่รู้สึกแปลกๆ หรือไงที่ชอบผู้ชายอย่างแจจุงด้วยกัน   พอมันไปตกหลุมรักผู้ชายเข้าอีกคนก็อดขำไม่ได้จริงๆ

     

     

    “เค้าบอกเค้าเกลียดชั้นตั้งแต่ครั้งแรกเลยว่ะ   ทำไงได้   ก็ตื๊อมึนๆ จนได้นั่นแหละ”   ซีวอนกับยุนโฮหัวเราะร่วน   แจจุงขอตัวออกไปก่อนเพราะบิดาเรียกหา   อยู่กันสองคนยุนโฮก็ถามแรงขึ้นมาอีกหน่อย

     

     

    “แกปล้ำเค้าเหรอ”

     

     

    “ห่า”   คุณชายหลุดภาพทันที    “ทำให้รักเว่ย   ไม่เคยปล้ำ”

     

     

    “เรอะ   ก็เห็นท่าทางดื้อซะขนาดนั้น”   สายตายุนโฮมองปราดเดียวก็แจ่มแจ้งอย่างเคย   “แล้วสเตลล่าล่ะ   อดีตว่าที่คู่หมั้นแกน่ะ”

     

     

    “อดีต  ว่า  ที่  คู่  หมั้น    ไม่เคยเป็น  และ   อดีต   จะขุดมาพูดทำไม   เมียชั้นยืนอยู่นั่นจะสงสัยอะไรอีก”

     

     

    “ก็เห็นวันก่อนโร่มาหาชั้นเหมือนกัน    ไม่ใช่ว่ายังไม่ได้ไปหาแกหรือไง”

     

     

    “มาแล้ว   ไปแล้ว   ฮีซอลเล่นซะขนาดนั้นคงจะผวาอยู่เหมือนกันล่ะ”   ซีวอนอธิบายละเอียดให้ยุนโฮฟังต่อจากนั้น   เพื่อนรักฟังแล้วก็หลุดหน้าประหลาดๆ ออกมา

     

     

    “พอๆ กับแจจุง   รายนั้นวีนแตก   จับชั้นเหวี่ยงลงโต๊ะทำงานเลย”

     

     

    “เฮ้ย   จริงดิวะ”

     

     

    “เออ”   ยุนโฮหัวเราะหึๆ    ซีวอนมองเพื่อนที่มีนิสัยเงียบๆ ปนเจ้าเล่ห์อดีตผู้ชายที่เคยจับตัวน้องชายมาเฟียชินมาขังไว้แล้วข่มขืนเจ็ดวันเจ็ดคืน   ช่วงนั้นแจจุงอ้อนวอนจนแทบจะกราบให้เขาช่วยพาออกไปจากบ้านหลังนั้น   แต่ไปๆ มาๆ ลูกแมวของยุนโฮที่เคยหวาดกลัวก็ฮึดสู้เปลี่ยนตัวเองเสียใหม่จนยุนโฮแพ้ราบคาบ

     

     

    “ไอ้วอน”   ยุนโฮชี้นิ้วไปที่ฮีซอล   คนสวยจ๋ายืนอยู่กับสเตลล่าพร้อมบิดาของหล่อนที่มาด้วยกัน   คุณนายชเวยิ้มแย้มไม่รู้เรื่องอะไรผิดกับสเตลล่าที่สีหน้ากระอักกระอ่วนจนเห็นได้ชัด

     

     

    ซีวอนไม่รั้งรอเดินกลับไปหาฮีซอลอย่างรวดเร็ว   บิดาสเตลล่าเห็นชายหนุ่มเดินมาก็ยิ้มออก   ซีวอนทักทายเขาและหญิงสาวด้วยความสุภาพ

     

     

    “สวัสดีซีวอน  ไม่เจอกันนานเลยนะ  สามปีได้มั๊ง”  ชายวัยกลางคนยิ้มให้   ซีวอน ตอบกลับสุภาพ

     

     

    “ครับ   คุณลุงสบายดีนะครับ”

     

     

    “ลุงสบายดี เอ้อ.. ซีวอนดูแลสเตลล่าให้ลุงหน่อยสิ   ลุงมีเรื่องจะคุยกับยุนโฮน่ะ”

     

     

     

    ซีวอนเผลอเบิกตาโตตามนิสัยที่พอเจออะไรแปลกๆ ก็จะมีอาการแบบนั้น   มองคนสวยก็นิ่งเฉยไม่แสดงอาการอะไรออกมา   หันไปมองแม่หล่อนก็พยักหน้าให้เบาๆ เป็นเชิงทำไปก่อน

     

     

    “เชิญครับสเตลล่า”

     

     

    ดวงตากลมโตมองร่างชายหนุ่มกับหญิงสาวเดินไปด้วยกัน   อึดอัดใจจนอยากจะว๊ากออกมาดังๆ    ชเวอึนเฮจับไหล่บอบบางนั้นเบาๆ พูดเสียงนุ่ม

     

     

    “อดทนสักนิดนะจ๊ะหนูฮีซอล”

     

     

    “เอ้อ...   ผมไม่ได้คิดอะไรหรอกครับ   คุณน้า...  คุณแม่ไม่ต้องกังวล”   เปลี่ยนคำพูดแทบไม่ทันเมื่อพบสายตาดุๆ จากหญิงวัยกลางคนที่ตัวเองเผลอเรียกสรรพนามไม่ถูกใจหล่อนจนต้องรีบเปลี่ยน

     

     

    “คุณพี่อึนเฮคะ”

     

     

    “อ้าว  คุณน้องโบรา   คุณพี่นึกว่าน้องป่วยซะอีก   หายดีแล้วเหรอจ๊ะ”   อึนเฮทักกลับไปด้วยรอยยิ้มและคำพูดจาประสาคนในแวดวงไฮโซอย่างหล่อน   อึนเฮแนะนำฮีซอลให้รู้จัก   โบรายิ้มทักทายนิดๆ แล้วพูดคุยกันเรื่องอื่น  แม้จะไม่สนิทสนมกันมากมายแต่การใช้ชีวิตอยู่กับเรื่องแบบนี้ก็ทำให้ต่างรู้ตัวดีว่าต้องกระทำกริยาแบบไหน

     

     

    “อุ๊ย   นั่นหนูสเตลล่ากับลูกชายสุดหล่อของคุณพี่นี่คะ   แหม   น้องพลาดข่าวดีๆ อะไรไปหรือเปล่าคะ”   โบรายิ้มหวาน   ฮีซอลคิดในใจ  ประจบโคตร!!

     

     

    “ก็ไม่มีอะไรมากหรอกจ้ะ”   อึนเฮตอบแบ่งรับแบ่งสู้   แม้จะเป็นห่วงความรู้สึกว่าที่ลูกสะใภ้ขนาดไหนก็ตาม   แต่ยังไงตอนนี้ทั้งสเตลล่าทั้งพ่อของเธอก็อยู่ในงานหากพูดอะไรไม่รักษาหน้าไปอาจมีภัยกับตัวเองและบริษัทได้

     

     

    “คุณพี่ก็   ไม่เห็นต้องปิดบังน้องเลยนะคะ   ซีวอนกับหนูสเตลล่าก็เหมาะสมกันจะตายไป”   คนที่อดทนฟังเงียบๆ มาตลอดถึงกับหน้าเสีย   สายตาที่มองไปทางชายหนุ่มและหญิงสาวยืนข้างกันโดยซีวอนทำหน้าที่เป็นสุภาพบุรุษเลือกคุกกี้ใส่จานให้สเตลล่ามันก็รู้สึกอึดอัดและน้อยใจแปลกๆ

     

     

    ก็รู้ว่าหล่อจ๋ามันรักสวยจ๋า   แต่เห็นแบบนี้แล้วมันก็อดรู้สึกไม่ได้จริงๆ

     

     

    ชเวอึนเฮแทบกุมขมับ   ยัยคุณน้องโบรานี่ก็จ้อเป็นต่อยหอย   จริงๆ เลย   ลูกสะใภ้เธอหน้าเศร้าแล้วเนี่ย

     

     

    มีคนที่เหมาะสมกับตาซีวอนมากกว่าหนูสเตลล่าอีกนะคะ 

     

     

    เอ๋?   ยังมีใครที่เพียบพร้อมไปกว่าเธออีกเหรอคะ

     

     

    มีสิคะ  ฮีซอลจ๊ะ   แม่อยากทานอะไรเบาๆ ซะหน่อยน่ะจ้ะ    เริ่มหิวแล้ว   หนูไปเอาให้แม่ทีนะ   อึนเฮดันแผ่นหลังเล็กให้เดินไปหาลูกชายตนแกมบังคับเล็กน้อย  

     

     

    เอ่อ  ครับ   คิมฮีซอลผู้ไม่เคยฟังใครทำตามที่หญิงร่างอวบวัยกลางคนต้องการอย่างว่าง่าย   ร่างเล็กอ้อมไปหยิบจานสีขาวแล้วเดินไปหยิบบิสกิตกับชิฟฟ่อนชิ้นเล็กหน้าตาน่าทานมาใส่จาน   ซีวอนเห็นสวยจ๋าชั่งใจว่าจะหยิบอะไรต่อก็รีบส่งจานที่มีของว่างพูนจานให้สเตลล่าแล้วเดินมาหนีบแคร็กเกอร์ใส่จานให้ทันที  

     

     

    ฮีซอลหันมองเจ้าหล่อจ๋าที่ยิ้มหวานมาให้ก็ค้อนใส่   หยิบแคร็กเกอร์ที่ไม่ได้อยากกินสักนิดในจานยัดใส่ปากซีวอน   สวยจ๋าหัวเราะสะใจ   คนถูกแกล้งเลยหยิบชิฟฟ่อนเนื้อนุ่มป้อนเข้าปากปิดเสียงหัวเราะนั่น

     

     

    พอถูกค้อนใส่อีกรอบซีวอนก็ไม่ยี่หระ    สลับกันผลัดป้อนผลัดยิ้มกันน่ารัก

     

     

    ดูสิคะ   สองคนนั้นเหมาะสมกันยิ่งกว่ากิ่งทองใบหยกซะอีกนะคะคุณน้อง”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ตอนต่อไปเป็นคิเฮ 

     ...   สวีทฮาร์ทเดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายแล้วนะคะ   ^ ^

     

     

     

     

    ปล้ำด๊อง.   เฮ่กายนายมันร่านผลตอบรับดีจัง ...  นั่นแหละค่ะสังคมต๊องๆ ของมิน  คิคิคิ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×