ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -My Sweetheart..You're Everything -KiHae HanHyuk SJ-

    ลำดับตอนที่ #87 : :: Chapter 58 : ไม่ดีนะครับท่าน ::

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.98K
      22
      27 ก.ค. 53

     

    “ไม่ดีนะครับท่าน”

     

     

     

     

     

     

     

    หยดฝนตกพรำกระทบผิวกระจกแข็งจนเกิดเสียงเล็กๆ ของเม็ดฝนที่ตกลงมา    ฮยอกแจเท้าคางกับประตูฝั่งที่ตัวเองนั่งชิดมองหยดน้ำที่เกาะผ่านแผ่นฟิล์มเข้มด้วยสายตาเหงาๆ   พอฮันกยองไม่อยู่ก็รู้สึกถึงช่วงเวลาที่เคยอยู่คนเดียว   เคยเหงาและอยากมีใครสักคนมาคอยบอกให้เข้มแข็งและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคที่จะต้องเผชิญ

     

     

    ฮันกยอง...

     

     

    ร่างเล็กพึมพำในใจโดยไม่รู้ตัว   ฮยอกแจสะบัดหัวยิ้มขำให้ตัวเอง   ทำเหมือนกับเพิ่งตกลงใจคบกับไอ้โหดนั่นงั้นแหละ    จู่ๆ ก็เพ้อชื่ออีกคนตอนอยู่คนเดียวออกมาเนี่ยมันดูอินโนเซนส์จนนึกขันแปลกๆ

     

     

    “คุณหนูครับ”   คนรถเรียกคุณหนูที่เอาแต่เหม่อบ้างอมยิ้มบ้าง

     

     

    “ฮะ?”

     

     

    “ให้ผมแวะซื้อไอศกรีมมั๊ยครับ”

     

     

    “เห...”   จริงสิ   เกือบลืมไปแล้ว   ร้านไอศกรีมที่มุมถนนเปิดเฉพาะวันพุธเป็นสิ่งที่เขาแทบขาดไม่ได้   แต่พอฮันกยองมาคอยรับส่งและพาออกนอกเส้นทางไปบ้านตัวเองเสมอๆ ก็แทบไม่ได้แตะ

     

     

    “กลับบ้านเลยเถอะฮะ”

     

     

    “ครับ”

     

     

    หากเมื่อก่อนลีฮยอกแจเสพย์ติดไอศกรีมและแบรนด์เนมเป็นชีวิตจิตใจ   ทุกวันนี้ที่ขาดไม่ได้เลยก็คงเป็นฮันกยอง

     

     

    “ต้อนรับกลับบ้านค่ะคุณหนู”

     

     

    “แหมคุณนม   หนูเล็กถือกระเป๋าเองได้ตั้งนานแล้วน๊า”   ปกติถ้าฮันกยองกลับมาด้วยกระเป๋าคุณหนูลีก็จะพาดอยู่แถวๆ ลำตัวชายหนุ่ม   แต่วันนี้เผอิญนึกได้ว่าคนที่คอยดูแลคุณหนูเล็กแทนตนเองไม่อยู่คุณนมก็เลยออกมารับ

     

     

    ลีฮยอกแจเหมือนเป็นเด็กหลงที่นางพยาบาลติดป้ายชื่อผิดระหว่างอยู่ในห้องอบ    จากลูกแม่ค้าปากตลาดร่าเริงและอวดดีก็กลายมาเป็นคุณหนูเล็กตระกูลลีผู้เรียบร้อยดั่งผ้ายับที่พับไว้    กระโดกกระเดกแถมยังแก่นแก้วแสนซนผิดกับคนพี่ที่ว่านอนสอนง่ายและใสสะอาดเหมือนผ้าขาว

     

     

    “คุณหนูอย่าวิ่งสิคะ”   โตจนแทบจะบรรลุนิติภาวะอยู่มะรอมมะร่อฮยอกแจยังถูกเอ็ดเพราะวิ่งขึ้นบันได

     

     

    “คุณนมอย่าบ่นฮยอกนักเลยฮะ   เดี๋ยวหน้าเหี่ยวน๊า”   คุณหนูเล็กทำหน้าทะเล้น  คุณนมส่ายหน้าน้อยๆ อย่างเอ็นดูแล้วเข้าครัวไปปรุงอาหารต่อ

     

     

    ฮยอกแจวางกระเป๋าและกระโจนเปิดคอมพิวเตอร์   ดูนู่นนี่ไปเรื่อยเหมือนวัยรุ่นทั่วไป   เช็คอีเมล์ก็พบอีเมล์ใหม่จากลีซองมินที่ส่งมากวนประสาทเล่นๆ  เสียบเมมโมรี่การ์ดจากโทรศัพท์ที่ถ่ายรูปตัวเองกับคอสเพลย์ของรุ่นพี่แล้วส่งอีเมล์ไปให้จุนกิและฮันกยอง   แนบข้อความไปบนรูปถ่ายว่า คิดถึง เหมือนกันทั้งคู่เสียด้วย

     

     

    คนน่ารักที่ชักจะฉายแววสวยหวานเข้าทุกวันยิ้มกริ่ม   จัดการอาบน้ำทานอาหารเย็นรีบมานอนดูหนังต่อจากวันก่อน   หน้าปัดนาฬิกาเคลื่อนไปจนถึงสามทุ่มคนที่สัญญาว่าจะโทรหาทุกคืนก็ทำตามสัญญา

     

     

     

    [คิดถึงจริงป่ะ]   ฮันกยองส่งเสียงกวนๆ มาก่อนเลย   เห็นภาพในอีเมล์ที่ส่งมาก็หลุดก๊าก   ฮยอกแจปลิ้นตาทำท่าทุเรศแข่งกับคอสเพลย์กันดั้มเน่าๆ ที่เดาได้ว่าเป็นของฮยอนจุงจนเขาท้องแทบแข็ง

     

     

    “ไม่จริง”   คำตอบแกนๆ ทำชายหนุ่มใจเหี่ยวหน้าหงอยเป็นหมาป่วยทันควัน   “อ่ะๆ   จริงให้นิดนึงก็ได้”

     

     

    [ทำตัวน่ารักเดี๋ยวก็รีบกลับไปจับกดหรอก    โอ๊ะ   เมื่อกี้คล้องจองเลยเนอะ]

     

     

    “ตรงไหนไม่ทราบ”

     

     

    [ก็กลับกับจับไง   แต่คำว่าไม่ทราบนี่ไม่ได้ยินนานแล้วนะหนูเล็ก   เหมือนแบบ...  หลุดมาจากหนังโบราณ   ตลกอ่ะ]

     

     

    “ตลกตรงไหนไม่ทราบ”

     

     

    [นั่นไงมาอีกละ   ก๊ากกกกกก]  

     

     

    ฮยอกแจยื่นปากใส่ฮันกยองที่หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง   ทีแบบนี้ล่ะดันเก่งภาษาเกาหลีขึ้นมาซะงั้น    อย่าให้รู้นะว่าจงใจหาเรื่องมาป่วนน่ะ  

     

     

    [เงียบไมอ่ะ   งอนเหรอ]

     

     

    “เออ”   ฮยอกแจเข่นเขี้ยว   ตอบเสียงห้วน

     

     

    [ง้อ]

     

     

     

    “งั้นหายก็ได้”

     

     

    สองปลายสายต่างยิ้มให้กับอีกฝ่ายแก้มแทบปริ   ทำตัวน่ารักใส่กันเพราะรู้ดีว่าจะไม่ได้เจอกันภายในวันสองวันนี้ก็รู้สึกแปลกใหม่ในใจไปอีกแบบ

     

     

    “วันนี้ฝนตกล่ะ   ชั้นรู้สึกเหงาๆ”   คนได้ฟังก็ยิ้ม   ฮยอกแจพูดจาน่ารักใส่ให้ใจเขาแกว่งเล่นอีกแล้ว

     

     

    [ผมก็เหงา]

     

     

    “เมื่อก่อนอ่ะนะ   ชั้นจะแวะซื้อไอติมกลับบ้านทุกวันพุธ    ร้านนั้นอร่อยโคตรๆ อ่ะ   แต่พอนายบอกกับลุงคยองต๊อกว่าจะมารับชั้นไปไหนมาไหนชั้นก็ลืมร้านนั้นไปเลย   พอกลับมาใช้ชีวิตเดิมๆ ชั้นก็รู้สึกแปลกๆ”

     

     

    [แปลก?   แปลกยังไง]

     

     

    “วันนี้ชั้นไม่อยากกินไอติมเหมือนวันก่อนๆ   ชั้นคิดถึงแต่เรื่องที่นายทำให้ชั้นลืมอะไรเยอะแยะที่เคยทำตอนที่นายยังไม่ได้บอกว่าชอบ”

     

     

    ฮันกยองยิ้มแก้มแทบฉีก    ตาตี่ๆ เหลือขีดเดียวอย่างไม่ต้องสงสัย   [วันที่ผมชวนคุณทะเลาะน่ะสิ]    เขาหัวเราะขำๆ   [ตอนนั้นยังไงน๊า   ไม่ชอบๆ ด่าผมตลอดอ่ะหนูเล็ก]

     

     

    “ไม่ให้ชั้นด่าได้ไง   วันๆ นายจับชั้นทุ่มแล้วทุ่มอีก    ไอ้ตอนแรกก็นึกว่าเกลียด   เฮอะ   ที่แท้ก็หลอกแต๊ะอั๋ง   ไอ้บ้า”   อดด่าไม่ได้จริงๆ

     

     

    [ฮ่าๆๆ    มันสนุกนะ    เห็นคุณโวยวายแล้วขำเป็นบ้าเลย]

     

     

    “ไม่กลัวชั้นเจ็บหรือไง”

     

     

    [ผมระวังดีน่า   เคยเจ็บเหรอ]

     

     

    “มันก็ต้องมีพลาดกันสักวันแหละถ้านายยังทำตัวเป็นไอ้โหดแบบนั้นอ่ะ”

     

     

    [พูดแล้วก็คิดถึงวันเก่าๆ เนอะ]

     

     

    “อือ    แล้วทำไมนายรักชั้นอ่ะ”

     

     

    [นั่น   มาแล้วคำถามยอดฮิต]   ฮันกยองหัวเราะหึๆ    ฮยอกแจแยกเขี้ยวใส่โทรศัพท์ที่มีรูปภาพการโทรของเบอร์นี้เป็นของจอมกวนประสาท    หมั่นไส้เต็มสตรีม

     

     

    “จะตอบไม่ตอบ”

     

     

    [อ่ะๆๆ   ยอมๆๆ   บอกก็ได้]

     

     

    “งั้นก็อย่าลีลา”

     

     

    [ตอนแรกก็ไม่ได้ชอบอะไรขนาดนั้นหรอกครับ   ก็แค่เห็นว่าน่ารักดี]    ฮันกยองก็เหมือนผู้ชายทั่วไป   เจอใครถูกใจก็มักเริ่มต้นด้วยคำว่า น่ารักดี เสมอ

     

     

    “อาฮะ”   ฮยอกแจติดตามประหนึ่งละครหลังข่าว

     

     

    [ผมรู้สึก...  ไงล่ะ   แบบติดใจอ่ะ   เสียงแหลมๆ กวนๆ    เวลาหนูเล็กทะเลาะกับซองมินก็ชอบทำหน้าเบี้ยวๆ   เห็นแล้วฮาดี    น่าจะจ้างมาเป็นตลกที่บ้าน]

     

     

    “นี่ลีฮยอกแจนะเว้ยไม่ใช่จิมแครี่ย์   ไอ้บ้า!

     

     

    [ฮ่าๆๆ  ก็เพราะว่าเป็นแบบนี้นี่แหละ]   ฮันกยองหัวเราะลั่นห้อง  เหลือบมองกรอบรูปหัวเตียงที่เป็นภาพของคนตัวเล็กยิ้มแฉ่งก็ยิ่งขำ

     

     

    [ผมเป็นเด็กใหม่ก็ต้องเลือกชมรมอ่ะตอนนั้น   คิบอมมันก็ไม่รู้จะลงอะไร   ส่วนผมเห็นหนูเล็กใส่ฟอร์มเทควันโดยืนเช้งชับแบบนั้นก็รู้สึกว่า...    น่ารักมาก]

     

     

    =///=

     

     

    [ผมก็เลยเข้าชมรมเดียวกับคุณจนได้เป็นรองประธาน   แล้วคุณก็น่ารักมากกว่าเดิมอีก   มากๆๆๆๆ ขึ้นทุกวันจนมันต้องคอยมองตลอดเวลา    แล้วก็เลยรักเนี่ยแหละ]

     

     

    คนเขินบิดผ้าห่มจนม้วนย่น    นิสัยรู้ทันกันของฮยอกแจเป็นตัวสั่งการให้ยิงคำถามต่อทันทีไม่เปิดโอกาสให้ฮันกยองได้ทันล้อว่าตนกำลังเขินแน่นอน

     

     

    “แล้วนายรักแบบเบาๆ ไม่เป็นหรือไง   จับชั้นฟรอนต์คิกส์เงี้ยะ    ฮุกคิกส์เงี้ยะ   ทุ่มเงี้ยะ    มันก็โกรธเป็นนะไอ้โหด!

     

     

    [ฮ่าๆๆ   โอ๊ยหนูเล็ก   ผมฮาจนปวดท้องไปหมดแล้วนะ]   ฮันกยองน้ำตาเล็ด    [คนจีบคุณมันก็เยอะแยะ   ขืนผมเป็นพ่อพระอย่างคนอื่นมันก็ไม่เด่นน่ะสิ]

     

     

    “อ๋อ   เรียกร้องความสนใจว่างั้น”

     

     

    [ประมาณนั้น]

     

     

    “ชั้นนี่ไม่น่าตกหลุมพรางของนายเลยจริงๆ”   ฮยอกแจจิ๊ปากเหมือนเสียดาย   ฮันกยองร้องอ้าวหน้าเหวอ

     

     

    [เอ๊อ]   ชายหนุ่มทำเสียงสูงประชด   [ไม่มีไอ้โหดแล้วน้องอ่อนแอนั่นแหละจะอยู่ไม่ได้]   งอน  งอนๆๆ   ไอ้โหดงอนแล้วเว้ย

     

     

    “โฮ่   อ๊ะจริงเหยอจ๊ะ”   ฮยอกแจทำเสียงวิบัติเพื่ออารมณ์ล้อเลียนฮันกยอง

     

     

    [ดูหนังผีแล้วอย่าหลอนก็แล้วกัน] 

     

     

    “ระดับไหน   ชิ   คิดว่ากลัวหรือไง”

     

     

    [งั้นอย่ามองไปที่ระเบียงล่ะ   ระวังจะมีเงาคนโผล่มา   หึๆๆ]    ชายหนุ่มทำเสียงสยอง   ฮยอกแจกลั้นใจพยายามไม่เบือนหน้าไปมองหน้าต่างที่ระเบียง   แต่จนแล้วจนรอดมันก็อดไม่ได้

     

     

    ฟึบฟั่บๆ

     

     

    “ย๊าาา    ไอ้โหด!!!   ไอ้บ้า!!!   ก็รู้ว่าชั้นกลัวนายจะพูดทำไมฮะ   ง๊า   วันนี้ยิ่งลมแรงๆ อยู่ด้วย   กิ่งไม้มันสั่นน่ากลัวอ่า    ชั้นไม่กล้านอนคนเดียวแล้วนะรู้มั๊ย!!!    ฮยอกแจตะโกนลั่นใส่โทรศัพท์   ฮันกยองยังหัวเราะหึๆ แกล้งไม่ยอมเลิก

     

     

    [แน่ใจเหรอว่ากิ่งไม้    ไม่ใช่แขนคน    เหอๆๆ]

     

     

    “อ๊า!!!   ชั้นโกรธนายแล้ว!!!  โกรธ! โกรธ! โกรธ!    ชั้นจะไม่นอนคนเดียวแล้ว  ชั้น...ชั้นจะไปนอนกับผู้ชายคนอื่น!!  นายไม่ต้องกลับมาเกาหลีเลยนะ   อยู่ที่นั่นจนตายเป็นผีไปเลย   อ๊ากกกกกกกกกก   ชั้นโกรธนายแล้ว!!!

     

     

    ฮยอกแจร้องลั่น    ปาโทรศัพท์ใส่เตียงแล้วรีบวิ่งหนีเงาตะคุ่มของยอดไม้สูงลู่ลม   ฮันกยองหน้าแทบหงายตะโกนเรียกร่างเล็กกลัวฮยอกแจจะไปซบอกผู้ชายคนอื่นอย่างที่พูดไว้จริงๆ

     

     

    [ฮยอกแจผมขอโทษ!!!]

     

     

    ฮยอกแจเคาะประตูด้วยเท้าขาวกระโดดเหย็งๆ อยู่ไม่สุข    พอเป็นพิธีสองสามทีก็เปิดเข้าไปเลยไม่รอคำตอบ

     

     

    “คุณพ่อฮะ   คุณแม่ฮะ    หนูเล็กนอนด้วยสิฮะ”

     

     

    คุณนายลีนั่งชโลมครีมบนฝ่ามือเอียงคอมองผ่านกระจกเงา   “ดูหนังผีอีกแล้วเหรอจ๊ะ”  

     

     

    “ไม่ใช่หนังหรอกฮะ”   ลูกชายคนเล็กยู่ปากเง้างอด   เขยิบตัวไปนอนหนุนตักบิดาที่พิงหัวเตียงอ่านหนังสืออ้อนๆ   “ฮันกยองหลอนหนูเล็กฮะ   บอกว่าเงาที่หน้าต่างเป็นมือคน   หนูเล็กกลั๊วกลัว   คุณพ่อฮะ   ทำกำแพงให้หนูเล็กเหอะน๊า   หนูเล็กไม่ชอบหน้าต่างเลยง่า”

     

     

    “พูดอะไรอย่างนั้นล่ะหนูเล็ก   มีระเบียงแต่ถูกโบกด้วยปูนเนี่ยนะ”   คุณลีขบขันกับความคิดต๊องๆ นั่นไม่น้อย

     

     

    “ก็หนูเล็กกลัวนี่นา   นะๆๆ”

     

     

     

    “อย่าดื้อสิจ๊ะ   หนูเล็กก็นอนกับคุณแม่จนกว่าจะหายกลัวก็ได้นี่นา   แล้วไล่คุณพ่อไปนอนพื้น”   เธอกล่าวติดตลก   สามีทำตื่นตูมรับมุกภรรยา

     

     

    “อ้าวคุณ   เรื่องอะไรผมถึงซวยล่ะ”

     

     

    “อิๆ   ไม่หรอกฮะคุณแม่   หนูเล็กจะกอดคุณพ่อ   หนูเล็กโกรธฮันกยอง   บอกหมอนั่นไปแล้วด้วยว่าหนูเล็กจะนอนกับผู้ชายคนอื่น”   หนูเล็กทำหน้าทำตาภูมิอกภูมิใจ

     

     

    “ตายจริง   ปากเก่งแล้วนะเรา   พูดแบบนั้นได้ยังไง”

     

     

    “ทำไมต้องดุหนูเล็กล่ะฮะ”   ฮยอกแจทำตาปริบๆ เหมือนจะร้องไห้   แต่ในใจก็แอบงอนคุณแม่เข้าอีกคนแล้ว

     

     

    “ฮ่ะๆ   เอาเถอะ   ยังไงลูกเรามันก็เป็นผู้ชายนะคุณ   ปล่อยให้เซี้ยวให้ซ่าบ้างจะเป็นอะไรไป   มาๆ หนูเล็กมา   มานอนกอดพ่อมา”

     

     

    “อิๆ   คุณพ่อใจดีจังเล๊ยยยย”

     

     

    “แล้วทีนี้ให้คุณแม่นอนข้างล่างกันเนอะ”   บิดาพยักพเยิดนัดแนะลูกชาย   ฮยอกแจหัวเราะเอิ๊กอ๊าก   ลีฮเยบินฮึดฮัดพองามแล้วนอนลงอีกฝั่งของเตียง   เอื้อมมือมากอดเอวคอดเกินชายของบุตรคนเล็กอย่างทะนุถนอม

     

     

    “อ๊ะ   โทรหาพี่ชายกันเถอะฮะ   คุณพ่อหนูเล็กขอโทรศัพท์”

     

     

    “ตอนนี้ที่นู่นกี่โมงแล้วหนูเล็ก”   ลีดองแจถามเหมือนประเมินความรู้ลูกชาย   ลีฮยอกแจตอบกลับบ้องแบ๊ว

     

     

    “ไม่รู้สิฮะ   เวลาหนูเล็กอยากโทรก็โทรเลยอ่ะฮะ”

     

     

    “ตอนนี้จะตีหนึ่งแล้ว   อังกฤษก็ห้าโมงเย็น    รู้ไว้นะ”   คุณพ่อใจดีขยี้ศีรษะลูกรัก   หยิบโทรศัพท์มากดแล้วเปิดสปีคเกอร์โฟนให้ได้ยินกันถ้วนหน้า

     

     

    [ยอโบเซโย   คิดถึงคุณพ่อจังเลยครับ]

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ซีวอน   หนัก”

     

     

    “อือ...”   เสียงงัวเงียครางกลับมาเป็นคำตอบ   แขนหนักๆ ของซีวอนที่พาดอยู่บนตัวเขาน่ะไม่เท่าไหร่   แต่ไอ้หัวทุยๆ ที่ซบอยู่บนอกนี่สิตัวปัญหา

     

     

    “ชั้นหนัก”

     

     

    ซีวอนผละศีรษะออกจากเรือนร่างบอบบาง   ฮีซอลค่อยหายใจหายคอโล่งแต่ยังไม่อยากลุกไปไหน   พลิกตัวตะแคงเอาศีรษะเกยอกซีวอนแบบที่ถูกทำบ้าง

     

     

    สองวันแล้วที่ซีวอนมาค้างคืนที่นี่    ดูเหมือนว่าฮีซอลเริ่มเคยชินกับการตื่นเป็นคนแรกเพราะมีส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายซีวอนมาแปะอยู่บนตัว    พอชินก็ชักอยากจะเป็นฝ่ายทำกลับบ้าง   จากที่ลุกไปอาบน้ำเหมือนทุกวันเช้านี้ฮีซอลกอดก่ายซีวอนแน่นประหนึ่งหมอนข้าง

     

     

    มือข้างที่ประทับอยู่บนอกหนาขยับไปมา   รู้สึกว่าร่างกายชายหนุ่มแข็งแรงขึ้นอีกแล้ว   พิสูจน์ต่ำลงมาด้วยการเลิกชายเสื้อขึ้นทั้งที่ตัวเองยังหลับตาเพื่อลูบคลำกล้ามเนื้อหน้าท้องได้รูปสมชาย    ซิกแพ็คไอ้เด็กหล่อมันเด่นชัดยิ่งกว่าเดิมซะอีก

     

     

    แน่ละ   ในขณะที่เขาเข้าสปานวดตัวซีวอนก็เล่นฟิตเนส   ติดอกติดใจขนาดนั้นคงไม่แปลกถ้าจะแข็งแรงขึ้น   ฮีซอลคิดพลางนึกสภาพของตัวเอง   นับวันร่างกายเขาก็ยิ่งแลดูมีน้ำมีนวลขึ้นทุกวัน   หน้าอกแบนๆ ที่เคยโคตรจะภูมิใจก็รู้สึกเหมือนกับมันนูนออกมาด้วยซ้ำ   ไม่รู้ว่าซีวอนสัมผัสมันมากเกินไปหรือเพราะวันๆ มัวแต่ไปนอนนวดเนื้อนวดตัวดูแลผิวพรรณกันแน่

     

     

    “ซนเหรอ”   ซีวอนลืมตามามอง   ชายหนุ่มเริ่มตาสว่างขึ้นมาตามลำดับ

     

     

    “ซิกแพ็คนายน่าอิจฉา”

     

     

    “ผมฟิตให้พี่ชอบนะ   ไม่ได้ให้อยากมีบ้าง”

     

     

    “ชั้นพูดจริงนะ”   ดวงหน้าบนอกกว้างเปล่งเสียงอู้อี้   จากนั้นฮีซอลก็ทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วดึงเสื้อขึ้นสูงจนเห็นพุงกะทิชัดเจน

     

     

    “นายดูสิ    ชั้นมีแต่พุง   แล้วถ้าดูดีๆ นะมันยื่นออกมาด้วย   ชั้นอ้วนขึ้นแล้วเนี่ย”

     

     

    “น่ารักดี”   ซีวอนจิ้มนิ้วบนผิวขาวกระจ่าง   ขยับรอยยิ้มก่อนชันตัวขึ้น   ใช้ศอกยันกับเตียงแล้วเท้าคางไว้บนนั้น  ตะแคงร่างมองอีกคน   มือก็เขี่ยพุงขาวๆ นั่นไปเรื่อย

     

     

    “ไม่เอา   ชั้นอยากมีแบบนายอ่ะ”

     

     

    “อย่าเชียวนะ”   ซีวอนรีบดุ   “จะให้ผมมีเมียเพาะกายหรือไง   เลิกคิดเลยนะครับ”

     

     

    “ชั้นก็ผู้ชายนะเฟ้ย   อีกหน่อยพุงโย้นมย้อยก็ตลกตายดิ”

     

     

     

    “ไม่โย้หรอกน่า   อวบกว่านี้อีกหน่อยผมจะพาไปออกกำลัง   แค่ลดน้ำหนักนะ   แต่อย่าหวังจะมีกล้าม”   ซีวอนพูดเสียงเขียว

     

     

    “นายเด็กกว่าชั้นนะไอ้เด็กบ้า   ทำมาสั่ง”

     

     

    ซีวอนยักไหล่   ยิ้มให้กวนๆ   “สวยจ๋าเป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว   ถึงพุงโย้นมย้อยจริงหล่อจ๋าก็รักน่า”

     

     

    “ตอแหล   ดูพุงชั้นยังไม่เข้าใจสินะ   นายดูนี่เลย   หน่มน้มชั้นมันเด้งได้แล้วนะเฟ้ย”

     

     

    พูดแล้วอาจไม่เห็นภาพ   คิมฮีซอลจับหน้าอกนวลเนื้อของตัวเองให้ดึ๋งดั๋งไปมาจนชัดเจนยิ่งขึ้น

     

     

    “เพราะนายจับมันบ่อยนั่นแหละ   หน่มน้มชั้นมันถึงผิดรูปแบบนี้อ่ะ”   ไม่รู้เหตุก็ต้องโทษที่ปลายผล

     

     

    “ไม่เห็นน่าเกลียดตรงไหนเลย   ผมชอบออก”  

     

     

    “ก็ชั้นไม่ชอบ”

     

     

    “พี่ชอบของผมมากกว่าว่างั้นเหอะ”

     

     

    “เอออ่ะดิ”

     

     

    “งั้นแลกกัน   ไอ้นี่เป็นของพี่”   ซีวอนคว้ามือฮีซอลมาแปะบนอกแข็งๆ ของตัวเอง   “ต่อไปนี้หน่มน้มพี่เป็นของผมแล้วนะ”

     

     

    “ฮ..ฮะ!

     

     

    “และในฐานะที่ผมเป็นเจ้าของ   ห้ามพี่ทำให้มันแฟบลงเด็ดขาด   เข้าใจตามนี้นะครับ”

     

     

    ซีวอนจุ๊บลงบนหน่มน้มของตัวเองที่เพิ่งแลกได้มาสดๆ ร้อนๆ   แสยะยิ้มร้ายแล้วผันกายเข้าห้องน้ำไป

     

     

    “ไอ้..ไอ้...  ย๊า    ไอ้บ้าเอ๊ยยยย”

     

     

    การประชุมผู้ถือหุ้นกินเวลาตั้งแต่เก้าโมงเช้าจนถึงเที่ยงวัน   ซีวอนหิ้วฮีซอลไปทานอาหารกลางวันด้วยกันกับมารดาด้วยเหตุผลที่ว่าประธานบริษัทอยากพูดคุยกับนักศึกษาฝึกงานที่เป็นเพื่อนของหลานชาย   ทานอาหารเสร็จก็ไปส่งว่าที่แม่สามีของคิมฮีซอลที่ห้องทำงานเป็นมารยาทและแวะไปนั่งเล่นที่ห้องทำงานซีวอน  

     

     

    ชายหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดยื่นภาพโฆษณาที่เมสเซนเจอร์มาส่งเมื่อเช้าให้รุ่นพี่อีกสองคนดู   ไอเดียเจาะตลาดการขายของบริษัทสเตลล่าก็จัดอยู่ในระดับที่น่าพึงใจทีเดียว

     

     

    “เค้าก็ทำงานดีนี่หว่า  ทำไมถึงร่อแร่ล่ะ”   ฮีซอลสงสัยกับข่าวที่อิทึกเคยเล่า

     

     

    “ไอ้ดีมันก็ดี   แต่พอมีของใหม่ถูกกว่าลูกค้าเค้าก็ต้องเลือกใช่ป่ะล่ะ   ค่าโฆษณาบางบริษัทก็แทบไม่อยากจ่ายด้วยซ้ำ   พอมันแย่งงานกันเยอะเข้าจากที่พออยู่รอดก็เริ่มสั่นคลอนไปเรื่อยๆ”   อิทึกพูดจามีหลักการกว่าทุกวัน    หวังว่าที่เรียนมาหลายปีมันจะมีประโยชน์ให้เขานำมาใช้จริงได้บ้างล่ะนะ

     

     

    เลขาหน้าห้องอินเตอร์โฟนมาแจ้งว่าสเตลล่ามาขอพบ   พี่ชายสองคนตาลีตาเหลือกแต่ฮีซอลก็ไม่ยอมออกไปจากห้องเพราะอยากจะสอดส่องพฤติกรรมซีวอนต่อผู้หญิงคนนั้น   อิทึกคว้ามือคนสวยจ๋าฉิวเข้าไปในส่วนของห้องพักผ่อนผู้บริหารจังหวะเดียวกันกับที่ประตูห้องถูกเปิดออก

     

     

    “เอ้อ..”   ซีวอนเหลียวหลังล่อกแล่ก   “สวัสดีครับ”

     

     

    “สวัสดีค่ะ    สเตลล่ามารอคุณไปทานอาหารเย็นด้วยกันนะคะ”   หล่อนยิ้มหวาน  

     

     

    “เพิ่งกินข้าวเที่ยงไปแหมบๆ จะชวนไปกินข้าวเย็นอีกละ   อะไรวะผู้หญิงคนนี้”  ฮีซอลพูดอุบอิบ   อิทึกตีแขนให้เงียบแล้วแง้มประตูแอบดูอีกนิด

     

     

    “ขอโทษด้วยนะครับ    ผมติดนัดกับเพื่อนยาวไปสองอาทิตย์เลยน่ะครับ    เลื่อนเขาไม่ได้ด้วย”

     

     

    “เอ๋   แต่เมื่อวานเรายังคุยด้วยกันดีๆ อยู่เลยนะคะ”   หญิงสาวฉงนปนเซ็งสุดฤทธิ์    “งั้นเย็นนี้ซีวอนจะไปทานข้าวกับเพื่อนเหรอคะ”

     

     

    “ก็ทำนองนั้นล่ะครับ”

     

     

    “ไม่เป็นไรค่ะ”   สเตลล่าฉีกยิ้ม   “เดี๋ยวสเตลล่าไปกับคุณด้วยก็ได้ค่ะ   สเตลล่าก็อยากรู้จักเพื่อนคุณเอาไว้เหมือนกัน”

     

     

    “หน้าด้าน”   คนรู้สึกหึงหวงในใจพ่นคำพูดออกมาใส่หน้าเพื่อน

     

     

    ซีวอนหน้าแทบหงาย   ไม่รู้ว่าหญิงสาวจะจี้เขามากขนาดนี้   ดวงตาคมแทบไม่กล้าเหลือบไปมองประตูด้านหลังเพราะคิดว่าคงถูกสายตาบึ้งตึงค้อนให้วงใหญ่ชัวร์ป้าบ

     

     

    “งั้นคุณซีวอนทำงานเถอะค่ะ   เดี๋ยวสเตลล่าจะนั่งรอ”

     

     

    “นั่งรอเลยเหรอครับ”

     

     

    “ค่ะ   ไม่ต้องเกรงใจนะคะ”

     

     

    “เอ้อ.. ครับ  ไม่เกรงใจก็ไม่เกรงใจ”   ซีวอนยิ้มโคตรแห้ง   ลุกกลับไปที่เก้าอี้ทำงานแล้วเปิดแฟ้มนู่นนี่ไปเรื่อย    งงๆ อยู่ว่าสองคนนั้นจะอยู่ในห้องจนเลิกงานเลยหรือไง

     

     

    “ไอ้ถึกกี้   แกรีบคิดเลยนะ   เก่งไม่ใช่เหรอเรื่องแบบนี้น่ะ”

     

     

    “เอ๊า   ให้คิดอะไรล่ะ   อยู่ที่นี่จนเย็นก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่นา   มีเตียงมีตู้เย็น   สบายออก”

     

     

    “ไม่ใช่เรื่องนั้น   ก็เห็นมะว่ายัยนั่นมัน...”

     

     

    “มันชอบซีวอน”

     

     

    “ไม่ใช่ชอบเฟ้ย    มันจะจับ!

     

     

    “ชู่ว์    เบาสิ”   อิทึกสั่ง   ดวงตาคู่หวานฉายแววขบคิด   ราวๆ สามสิบวินาทีเหมือนมีหลอดไฟสว่างดังปิ๊ง!    “เอาโทรศัพท์มาๆ”

     




     

     

    51%

     

     

     

     

     

     [ คุณมี 2 ข้อความใหม่   ::  สวยจ๋า ]

     

     

    บอกยัยนั่นว่าหิวกาแฟ   อยากกินฝีมือมันอีก

     

     

    ซีวอนปั้นหน้างง สงสัยในใจไม่ต่างจากที่ฮีซอลกับอิทึกคาดการณ์ไว้ พอชายหนุ่มเปิดอ่านข้อความที่สองก็เป็นอันกระจ่างและรีบทำตามคำสั่งทันที

     

     

    ไม่ต้องสงสัย   สั่งให้ทำก็ทำดิ

     

     

    สเตลล่าครับ   ซีวอนเรียกหล่อนเสียงหวาน   ผมอยากทานกาแฟฝีมือคุณอีกจังเลยครับ

     

     

    แหม   จริงเหรอคะคุณซีวอน

     

     

    ครับ  

     

     

    งั้นสเตลล่าจะไปทำมาให้นะคะ หล่อนทำตามความต้องการของชายหนุ่มอย่างว่าง่าย   เรือนร่างสะโอดสะองเร้นกายจากไปอิทึกก็โผล่พรวดพราดออกมาจากที่ซ่อนตัว

     

     

    พี่ทึกกี้   ซีวอนอยากจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด

     

     

    อยากรู้ก็เข้าไปถามซอลลี่นะน้องเลิฟ   พี่ไปละๆ   เพราะกลัวหญิงสาวอาจจะวกกลับมาเลยต้องรีบเผ่นเดี๋ยวเสียแผน  

     

     

    คนสวยจ๋า    ซีวอนเรียกเสียงหวานหยดยิ่งกว่าตอนพูดกับสาวคนไหน   ระแวงอารมณ์คนสวยจะปรี๊ดแตกขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ไม่รู้

     

     

    ไม่ต้องมาจ๊ะจ๋าเลยนะ   เห็นมั๊ยว่าที่นายทำน่ะมันเป็นยังไง   ทีนี้ยัยนั่นก็เกาะนายเป็นปรสิตน่ะสิ   ฮีซอลค้อนหน้าคว่ำ

     

     

    หล่อจ๋าขอโทษ   ดีกันนะๆ   ซีวอนทำน่ารักยื่นนิ้วก้อยมาให้เกี่ยว   ฮีซอลงอนสะบัดเชิดหน้าหนีเจ้าคนหล่อจัดที่กระแซะมาง้องอน   ใบหน้าสวยหวานคงไม่ได้โกรธจริงจังมากมายแค่รู้สึกไม่ชอบใจที่ซีวอนไปอี๋อ๋อกับคนอื่น  

     

     

    เสียงปิดประตูห้องทำงานดังขึ้น          คาดว่าสเตลล่าคงกลับมาพร้อมถ้วยกาแฟ

    ตามที่ชายหนุ่มต้องการ  ฮีซอลเปลี่ยนอารมณ์ควับหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้ชายหนุ่มตัวโต

     

     

    ชั้นมีอะไรสนุกๆ ให้นายทำด้วยล่ะซีวอน   สนใจมะ

     

     

    หืม?”    หญิงสาววางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะเล็กๆ หน้าโซฟา   ดวงตากลมสอดส่ายมองหาชายหนุ่มเจ้าของห้อง    พอไม่พบก็ยักไหล่น้อยๆ แล้วนั่งลง   เดาว่าซีวอนคงไปทำงานด้านนอกสักครู่ก็คงกลับ

     

     

    เพล้ง!

     

     

    เสียงเหมือนแก้วแตก   สเตลล่าเอียงคอมองประตูห้องพักผ่อนของผู้บริหารที่อยู่ด้านในตัวห้องนี้   คิดสงสัยว่าซีวอนเข้าไปทำอะไรในนั้นหรือเปล่า

     

     

    ด้วยความไม่คิดอะไร   สเตลล่าเดินไปเปิดประตูนั้นเบาๆ เกรงจะทำให้ซีวอนไม่พอใจในส่วนหนึ่งและไม่อยากถูกมองเป็นคนสอดรู้สอดเห็นในอีกส่วนหนึ่ง   ทว่าภาพที่ประจักษ์อยู่ตรงหน้ากลับทำให้หญิงสาวตาค้าง!!~

     

     

    ไม่ดีนะครับท่าน    อย่าทำแบบนี้สิครับ

     

     

    ฮื้อ   เงียบๆ สิ   ถ้าอยากผ่านงานที่นี่แบบราบรื่นละก็อยู่นิ่งๆ

     

     

    แต่ผม...   อ๊ะ   อย่านะครับ

     

     

    กระดุมเม็ดสุดท้ายของชายหนุ่มที่หล่อนเคยเห็นหน้าถูกซีวอนกระชากขาดจนวิ่นชายเสื้อแยกออกจากกัน   เผยให้เห็นแผ่นอกขาวกระจ่างอวบอิ่มที่มีรอยรักสีจางประดับอยู่บ้างประปราย   ร่างบอบบางใต้อาณัติชายหนุ่มหลับตาแน่นอย่างจำยอม   ว่าที่ประธานเกี่ยวเอวคอดมาแนบชิด   ปัดชายเสื้อที่ปกปิดส่วนขาวเนียนบนอกอิ่มออกไปและก้มลงจุมพิตซุกไซ้ยอดอกสีหวาน  

     

     

    เสียงจูบซดรักนัวเนียของประธานหนุ่มที่กำลังขืนใจนักศึกษาฝึกงานดังก้องห้อง พักผ่อนแสนกว้างขวาง   สเตลล่าตาโตเท่าไข่ห่านเมื่อซีวอนไล่มือลงขยำบั้นท้ายอวบนั้นอย่างหมั่นเขี้ยวจนร่างเล็กครางอ๊ะอ๊าใบหน้าแดงก่ำ

     

     

    พ..พอเถอะครับท่าน   ผมไม่ไหวแล้วนะครับ   คิมฮีซอลครางเครือเสียงหวาน   จงใจเอนคอในองศาที่หญิงสาวมองเห็นชัดเจนว่ามีร่องรอยความหลงใหลของชายหนุ่มประดับอยู่มากมายแค่ไหน   ชเวซีวอนยิ้มมุมปากกับท่าทางนั้นราวราชสีห์ที่กำลังจะตะปบลูกแกะตัวน้อยๆ ในกรงเล็บคม    นิ้วเรียวยาวเขี่ยยอดอกชูชันอย่างหยอกล้อ

     

     

    ไหวหรือไม่ไหวมันขึ้นอยู่กับชั้น   นายไม่มีสิทธิ์   เข้าใจมั๊ย

     

     

    ต..แต่ผม...

     

     

    ส่วนอ่อนไหวของร่างเล็กถูกบดคลึงในที่สุด   ฮีซอลอ่อนเปลี้ยเข่าแทบทรุดในอ้อมกอดชายหนุ่ม ร่างแน่งน้อยแสนบอบบางร่วงลงบนเตียงอย่างเหมาะเจาะราวถูกจับวาง   ซีวอนตามมากดร่างเล็กให้จมลงไปในเตียงด้วยสภาพที่เชิ้ตถูกปลดและเข็มขัดที่คลายตัวออกนิดๆ

     

     

    ยัยนั่นกะจะยืนดูจนเราปีโป้กันเลยหรือไงฟะ   ฮีซอลกระซิบเมื่อซีวอนเคลื่อนใบหน้ามาเล็มเลียใบหูขาว   นายก็เหมือนกัน   จริงจังเกินไปแล้วนะ

     

     

    ตื่นเต้นซีวอนกระซิบบอกความรู้สึก งั้นเราก็ทำให้เธอเห็นจริงๆ เลยดีมั๊ยครับ

     

     

    ฮ..ฮะ?    ไม่เอานะ   ดวงหน้าเรียวบิดไปมาพยายามจะหนีให้ห่างของจริงก็คราวนี้   ซีวอนยึดโครงหน้าสวยไว้ด้วยมือเรียว   ก้มลงจูบหนักๆ บนริมฝีปากสีสด   เสียงจ๊วบเบาๆ ดังขึ้นเมื่อถอนจูบนั้น

     

     

    อย่านะซีวอน   คนสวยกระซิบเสียงเขียว   จะโวยวายก็ไม่ได้   ขืนสเตลล่ารู้ว่านี่มันเป็นเรื่องแหกตาหล่อนก็คงจะไม่ยอมรามือ   ไม่เหลือทางให้ตูเดินบ้างเลย!!!

     

     

    มุมนั้นไม่เห็นอะไรชัดเจนหรอกครับ   นะ   นะ   นิดเดียวเอง

     

     

    ไม่เอา

     

     

    บอกแล้วไงว่าอย่าดื้อ   บทบาทว่าที่ท่านประธานหน้าหื่นเข้าสิงซีวอนให้อเลิร์ต ขึ้นมาในบัดดล   

     

     

    อยากฝึกงานต่อไปใช่มั๊ยล่ะคนสวย     ครางเสียงหวานๆ ให้ชั้นก็พอ   ชั้นสัญญาจะให้ทุกอย่างที่นายต้องการ

     

     

    ไอ้...

     

     

    จุ๊ๆๆ  

     

     

    ตกลงไอ้หล่อจ๋านี่มันเจ้าบทบาทหรือมาจากตัวตนจริงวะเนี่ย!!!

     

     

    ซีวอนถือไพ่เหนือกว่าในทุกเกมส์   ชายหนุ่มเลื้อยตัวลงโลมเลียร่างกายสีขาวสะอาดแสนหวานนี้ต่ำลงไปเรื่อยๆ จนลงมือปลดซิปและเลื่อนกางเกงนั้นให้ต่ำลง   สเตลล่าอ้าปากค้าง    ซีวอนดื่มด่ำกับสิ่งนั้นของผู้ชายบนเตียงด้วยใบหน้าหลงใหลจนหล่อนพูดแทบไม่ออก  

     

     

    ถึงจะมองไม่เห็นว่าซีวอนทำอะไรกับส่วนนั้นบ้างแต่ก็พอจะเดาได้ว่ามันคงไม่ใช่แค่อะไรธรรมดาเพราะใบหน้าของผู้ถูกกระทำที่หลับตาพริ้มส่งเสียงครางอื้ออึงลั่นห้องนี้มันก็บาดหูเธอเสียจนเข่าแทบทรุด

     

     

    ไม่ต้องสาธยายว่าท่าไหนทำยังไงหรืออะไรเป็นอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว ซีวอน ชอบผู้ชายด้วยกันจนแทบจะกลืนกินผู้ชายคนนี้เข้าไปทั้งตัว    หญิงสาวคว้ากระเป๋าถือ  ร้อนรนจากไปและสาบานจะไม่ย่างก้าวเข้ามาในห้องนี้อีกเลย!

     

     

     

    ซ..ซีวอน   ยัยนั่นไปแล้วแหละ   ฮีซอลแหงนหน้าเอียงๆ มองไปทางประตูพบเพียงความว่างเปล่าก็บอกกับคนที่มันกำลังใช้ปากครอบครองส่วนสำคัญของตัวเองอย่างหน้ามืดตามัว

     

     

    อือ..   ซีวอนครางรับเท่านั้น   ดูท่าจะติดอกติดใจบทบาทว่าที่ท่านประธานจอมหื่นกามนี้เสียจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วกระมัง

     

     

    นายนี่มัน...   อื้อ   ...ไว้ใจไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ   อ่า...  จ้องจะทำแบบนี้ตลอด   อ่ะ  อ๊ะ..  อื้อ    อ๊างงงงงงงงงงง

     

     

     

     

     

     

     

     ----------------------------


    จากความไม่แน่นอนในรูปเล่มทั้งหมดตอนนี้ทุกอย่างเคลียร์แล้วนะคะ
    SF คยูมินกับฮันฮยอกล้มเลิกไปเพราะโดจินมีทั้ง 34 ภาพและกินพื้นที่ไปพอสมควร
    อีกอย่างถ้าเร่งแต่งกลัวจะไม่ทันค่ะเพราะถ้าส่งช้าโรงพิมพ์พิมพ์ไม่ทันแน่ๆ   ผู้ใช้บริการล้นเหลือ
    ลดปริมาณความหนาจากเล่ม 1 ที่เคยตีพิมพ์ไปแล้วคาดว่าจำนวนหน้าสามร้อยกว่าๆ กำลังโอเคเพราะไม่หนาเกินไป
    อัตราค่าพิมพ์ก็เพิ่มขึ้นมาจากที่คาดไว้นิดหน่อยแต่พอหยวนๆ อัดสเปคิเฮเพิ่มไปได้ค่ะ
    สเปคิเฮมี 2 ส่วน
    ตอนแรกจะเป็นโดจินอย่างเดียว
    แต่พอดีอยากแต่งเป็นครั้งสุดท้ายเลยใส่ไปด้วย
    คยูมินกับฮันฮยอกจะไปหนักตรงโดจินนะคะ
    น่ารักมากๆ ได้ฟีลไม่แพ้ตัวอักษรเลยล่ะค่ะ  ^ ^


    ทยอยโอนเงินกันมาได้เรื่อยๆ นะคะ
    มินแอบกลัวแล้วว่าจองไว้แต่จะไม่โอนหรือเปล่า  = =;;;  
    มินแจ้งยอดพิมพ์ไปตามที่จองนะคะ   แฟนฟิคจะใจร้ายกับมินไม่ได้แล้วนะ  T^T
    ส่งต้นฉบับไปพิมพ์แล้วคาดว่าอาทิตย์หน้าหรือสองอาทิตย์คงได้
    ได้รับฟิคเมื่อไหร่จะจัดส่งให้ก่อนกำหนดที่วางไว้แต่แรกในปลายเดือนสิงหาคมนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×