ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -My Sweetheart..You're Everything -KiHae HanHyuk SJ-

    ลำดับตอนที่ #72 : :: Chapter 50 : ซื้อใจด้วยใจ ::

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.58K
      14
      20 เม.ย. 53

     

     

     

     

     

    ซื้อใจด้วยใจ

     

     

     

     

     

    อากาศอุ่นๆ ในปลายเดือนมิถุนายนเป็นสิ่งที่ซองมินเคยชื่นชอบ   ดวงหน้าแจ่มใสที่เคยยิ้มแย้มในวันนี้มันกลับหมองเศร้า   ราวกับมีเกล็ดหิมะเย็นๆ ก่อตัวขึ้นภายในใจทั้งที่ภายนอกยังคงทอแสงอาทิตย์   ความเจ็บปวดที่เพิ่งจากไปดูเหมือนจะกลับมาทำร้ายให้ใจของซองมินเจ็บปวดซ้ำซากจากการไม่เคยถูกใครบางคนบอกว่า... รัก

    ผมสมควรเจ็บเหรอ...   ไม่  ไม่เลยสักนิด   ทั้งที่ผมเคยทำใจได้แล้วว่าแม้ไม่มีเขาหัวใจผมก็ไม่ตายแต่วันนี้มันกลับไม่ใช่   เพียงแค่สิ่งที่ผมรู้สึกถึงมันมาตลอดถูกระบายออกไปต่อหน้าผู้ชายคนนั้น   ผมก็รู้สึกเสียศูนย์อีกครั้ง

    เขาต่างหาก   คยูฮยอนต่างหากที่สมควรจะเจ็บ   ในเมื่อผมผลักไสเขาออกไปจากชีวิตแต่ผู้ชายคนนี้ก็ยังดื้อด้านอยู่ไม่เลิกก็สมควรแล้วที่เขาจะต้องเจ็บ   ผมไม่ใช่คนดี...   แต่ในเมื่อเขารั้นที่จะอยู่   สิ่งเดียวที่ผมให้เขาได้ก็คือความเจ็บปวดเท่านั้น

    ความเจ็บปวดอย่างที่นายไม่เคยได้รับไงล่ะคยูฮยอน   แบบที่นายไม่เคยรู้ว่ามันทรมานและอ้างว้างขนาดไหน...   กับการถูกคนที่นายรักทิ้งขว้างอย่างไม่เหลือเยื่อใย

    “ไอ้ซองมินนี่   เป็นอะไรของแกอีกล่ะเนี่ย   ทำหน้าป่วงอีกแล้ว”

    เพื่อน...   เพื่อนคนนี้ที่ไม่เคยทิ้งซองมินไปไหนตีไหล่เขาแรงๆ เป็นการเรียกสติที่ฟุ้งซ่านให้กลับมาที่เดิม   ลีฮยอกแจนั่งลงข้างๆ แล้วปั้นหน้าสงสัยตามมา

    “ชั้นเศร้าว่ะ”

    “เศร้า?”

    “อือ   ชั้นเศร้าเพราะชั้นเจ็บใจ   เจ็บไปหมดแล้ว   ชั้นเจ็บอ่ะฮยอกแจ”  

    ซองมินซบหน้าลงที่ไหล่บอบบาง   ร่างอวบสั่นไหวพร้อมกับความอ่อนแอที่ระบายออกมา   ยากเกินไปสำหรับการเก็บมันไว้คนเดียว   ความเดียวดายที่ต้องเผชิญมันยากเกินไปที่จะแบกรับเอาไว้แล้วจริงๆ

    อย่างที่ซองมินเคยเป็นและตอนนี้ฮยอกแจก็ไม่แตกต่าง   ตัวเองอ่อนแอและร้องไห้ง่ายขนาดไหนทำไมจะไม่รู้   แต่เมื่อไหร่...   เมื่อไหร่ก็ตามที่คนที่เขารักอ่อนแอ   ลีฮยอกแจก็พร้อมจะเป็นคนที่แข็งแรงที่สุดในโลกเพื่อนปกป้องคนๆ นั้นได้เสมอ  ...วินาทีนี้ซองมินรู้ซึ้งถึงคำว่าเพื่อนได้ถ่องแท้เป็นที่สุด

    “โอ๋ๆๆ   ไม่เป็นไรน้า   ชั้นอยู่ตรงนี้แล้วไง  ไม่เห็นต้องร้องเลย   ทำเป็นคนอ่อนแอไปได้”

    “...ฮึก   พูดไม่ดูตัวเองเลยนะ”   คนร้องไห้ซบอยู่ที่ไหล่ยังปากดีเสมอ   แต่นั่นก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีให้ฮยอกแจรู้ว่าซองมินยังเป็นเพื่อนเขาคนเดิม   ...คนเดิมที่มีหัวใจ   รักและเจ็บเป็น   ไม่ใช่ซองมินที่เปลี่ยนไปและใจมีแต่ความชิงชัง

    “อ้าวไอ้นี่   คนอุตส่าห์ปลอบ”

    “อือ...   ทำไมทีตัวเองมีเรื่องไม่เห็นเคยคิดได้แบบนี้มั่ง”   อดกระแนะกระแหนไม่ได้จริงๆ

    “เอ๊า   ถามฟายๆ   ถ้าชั้นเข้มแข็งแล้วไอ้ผีจีนนั่นจะปกป้องเหรอ   อิๆ”

    อิจฉา...    ผมรู้สึกอิจฉา    อิจฉาที่ฮยอกแจมีคนรักที่ดีและซื่อสัตย์อย่างฮันกยอง

    “เลว”  ซองมินขอปากกล้าอีกคำ   แต่คนถูกบริภาษกลับหัวเราะร่า

    “ถึงจะเลวกับคนอื่น   แต่ก็รักแกนะเว๊ยลีซองมิน!!~

    ซองมินยิ้มจางๆ   กอดเพื่อนตัวเล็กที่โอบเขาไว้ด้วยความอ่อนโยนเบาๆ ด้วยความรู้สึกขอบคุณเต็มหัวใจ   จนกระทั่งตัวเองเลิกสะอื้นและควบคุมอารมณ์เศร้าให้จางลงไปได้ฮันกยองก็ปรากฏกายขึ้นร้องเรียกฮยอกแจมาแต่ไกล

    ร่างสูงหอบแฮ่กๆ   วิ่งตามคนขายของเล่นไปซื้อดาบเรืองแสงเพราะคนตัวเล็กบ่นอยากได้มาเล่น   ฮยอกแจออกปากพูดเท่านั้นก็เดินมาหาเพื่อน   ปล่อยให้ฮันกยองไปผจญชะตากรรมวิ่งตามหารถขายของจนซื้อดาบเด็กเล่นกลับมาให้สำเร็จ

    จุ๊บ!~

    รางวัลที่ให้สัญญาไว้ถูกจ่ายตามกำหนดบนแก้มของชายหนุ่ม   หลังจากน้องอ่อนแอถอนปากออกก็ได้แต่ทำหน้าย่น

    “โกนหนวดไม่เกลี้ยงอีกแล้วนะไอ้โหดบ้า   เจ็บ”  

    “อ่า   ก็ไม่ถนัดนี่ครับ   ปกติมีคนโกนให้”   ชายหนุ่มถูไถคางตนเองที่โกนไม่เกลี้ยงเกลาไปมา   แต่หน้ายังยิ้มไม่หุบ   ตอนคบกันใหม่ๆ จะมีฮยอกแจโกนหนวดเคราให้เพราะร้องเจ็บทุกทีเวลาขอให้จูบและหอมแก้ม   แต่พักหลังๆ ถูกสั่งให้โกนเองเพราะคนตัวเล็กอ้างว่าขี้เกียจ

    “ไงซองมิน   ตอนเย็นไปหาอะไรกินด้วยกันมั๊ย   ผมกับฮยอกแจว่าจะไปกินข้าวด้วยกัน”

    ฮันกยองหันมาทักทายซองมินและถือโอกาสชวนไปด้วยกัน   พอจะเห็นอยู่บ้างว่าซองมินไม่ค่อยจะร่าเริงเหมือนแต่ก่อน   หากช่วยอะไรได้ฮันกยองก็อยากจะช่วยเต็มที่เพราะคนๆ นี้ก็คือเพื่อนที่ดีของเขาอีกคนเหมือนกัน

    “ชั้นไม่ได้อยากไปขัดคอเจ๊กกับไก่บ้าสวีทกันหรอกนะ   ขอบใจที่ชวน”

    ซองมินยังคงมีความเหงาอยู่ในแววตาที่พยายามจะทำให้มันสดใส   พยายามอย่างไรมันก็กลบเกลื่อนความรู้สึกเดียวดายในนั้นไว้ไม่มิด   คงมีเพียงคนโง่อย่างคยูฮยอนเท่านั้นที่ไม่ว่าจะจ้องลึกเข้ามาในดวงตาเขาเพียงไรก็ไม่มีทางรับรู้ความเหงาที่ซ่อนอยู่ได้

    “ดยุคฮันกยอง   เจ้าจงรับโทษด้วยดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ซะ!

    เงยหน้าขึ้นอีกทีก็มีจำอวดจำเป็นปรากฏอยู่ตรงหน้าซะแล้ว   ฮยอกแจเห่อของเล่นชิ้นใหม่แทงดาบเข้าไปที่สีข้างชายหนุ่มผู้กระทำผิด   ลงอาญาด้วยดาบร้ายเสียจนฮันกยองกระอักออกมาเป็นลิ่มเลือด

    “อั่ก!!

    มือจับปลายดาบที่แทงเข้ามาหลอกๆ ในร่างกายตัวเองไว้แน่น   สีหน้าเจ็บปวดเหยเกแต่สุดแสนจะน่าขัน   ใบหน้าจริงจังของฮยอกแจมันก็น่ายัน   จำอวดโอเวอร์แอ็คติ้งมันชวนให้น่าหมั่นไส้คู่ไอ้โหดกับน้องอ่อนแอซะจริงๆ

    ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของดยุคฮันกยองกำลังจะหมดไปพร้อมดาบเรืองแสงที่กดลึกเข้ามา   ริมฝีปากหนาขยับเสียงผะแผ่วเป็นคำสั่งเสียก่อนตาย  

    “ก..เก็บผ้า..หลังบ้าน..ให้เตี่ยด้วย    อั๊ก!!~

    และนี่คือจุดสิ้นสุดของละครลิง    ด้วยประการละฉะนี้...แล!!

    ซองมินหลุดขำ   ส่ายหัวเบาๆ ให้ความไร้สาระและบ้าได้พร้อมกันของไอ้โหดกับน้องอ่อนแอ   ดูแค่นี้ก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้านี่รักกันขนาดไหน   ฮันกยองที่เคยดูนิ่งๆ ในสายตาเขากลับกลายเป็นใครอีกคนเวลาอยู่ต่อหน้าฮยอกแจ   และเพื่อนจอมอ่อนแอของตัวเองก็กลับพยายามเข้มแข็งขึ้นมาได้เมื่อมีชายคนนี้อยู่ข้างๆ

    “พอแล้วๆ   พวกนายนี่นะ   รู้แล้วว่าอยากทำให้ชั้นหัวเราะ   แต่อายมั่งมั๊ยเนี่ย” 

    “อาย?   อายอะไร”

    คนลงดาบเมื่อครู่ทำหน้าเหรอหราไม่เข้าใจ   ฮันกยองตามมานั่งข้างๆ ร่างเล็กหลังจากเป็นตัวตลกในสายตาซองมินมาครู่ใหญ่  

    “ก็ที่แกทำนั่นแหละ”

    “โฮ่...”   ฮยอกแจไม่ยี่หระอะไร   “ตกลงเอาไงเนี่ยเย็นนี้   ไม่ไปกับชั้นเดี๋ยวก็ได้ถูกพี่ฮยอนจุงลากไปหรอก  ฮ่า...   เดี๋ยวนี้เขาติดแกแจเลยนะ”

    นั่นสิ  แค่นี้เขาก็ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว   ยังไม่อยากหาเหาใส่หัวเพิ่มโดยการเอาคนประหลาดมาวุ่นวายหรอกนะ   ไอ้รุ่นพี่พิลึก!!!

     

     

     

     

     

    .

    .

    .

     

     

     

     

     

     

     

    ช่วงสายคิบอมกับดงเฮออกจากบ้านมาเรียนโดยไม่ได้ไปปลุกเด็กขี้เซาที่หลับไม่รู้เรื่องบนห้อง   พอเรียวอุคตื่นมาถามหาพี่คิบอมเท่านั้นแหละ   เจ้าหนูจำไมก็อาละวาดบ้านแทบแตก   หน้าตาบูดบึ้งจะเป็นจะตาย   ร้อนถึงแทยอนที่รำคาญจัดขับรถมาหย่อนไว้หน้ามหาวิทยาลัย   ให้เด็กน้อยอายุสิบสองวันสุดท้ายผจญภัยในมหาวิทยาลัยเพียงลำพัง

    หากใครที่เพิ่งเดินเข้ารั้วใหญ่นี้มาคงจะเห็นเด็กน้อยร่างป้อมใส่ที่คาดผมเดวิล   ถือตุ๊กตาคู่ใจและกระเป๋าเป้อีกใบอยู่ข้างหลังยืนทำปากขมุบขมิบอย่างใช้ความคิดอยู่แน่ๆ

    “พี่คิบอมเรียน...บริหาร”

    เรียวอุคพึมพำ   ยืนอยู่ตรงนี้เป็นครึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่ได้ไปไหน   อาจเป็นเพราะการเติบโตในอเมริกาเลยไม่ทำให้เขาหวั่นไหวต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปอะไรมากนัก    แต่เรียวอุคก็ยังไม่อยากไปไหนไกล   หาจุดมุ่งหมายที่แน่นอนแล้วค่อยเดินไปดีกว่า

    ชายหนุ่มร่างสมส่วนเดินออกไปจากมหาวิทยาลัยเมื่อสิบนาทีที่แล้วและกลับเข้ามาในเวลาต่อมาเห็นเรียวอุคยืนอยู่กับที่ก็ได้แต่สงสัย   เด็กน้อยคนนั้นมีทีท่าว่ารอใครสักคนอยู่แต่ก็ดูเหมือนกำลังหลงทาง   ด้วยความที่เป็นเด็กตัวเล็กๆ และดูท่าไม่มีพิษมีภัยอะไรชายหนุ่มจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหาโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังคิดผิด....อย่างแรง

    “สวัสดีครับ   หลงทางเหรอ?”

    ดวงตากลมใสตวัดฉับมอง   เรียวอุคมองชายตรงหน้าด้วยท่าทางไม่ไว้วางใจ

    “พี่ชื่อเยซองนะครับ   ตั้งใจจะมาหาใครหรือเปล่าครับ?”   ท่าทางเป็นห่วงเป็นใยอย่างจริงใจนั้นบรรเทาความไม่ไว้วางใจของเรียวอุคไปได้นิดหนึ่ง   นึกถูกใจพี่ชายคนนี้อยู่เหมือนกัน  

    ...บวมเหมือนพี่คิบอมเลย   จิ๊   แต่คนนี้บวมทั้งหน้า   ยังกะซาลาเปา

    “เค้าชื่อเรียวอุค    แล้วตัวเองรู้จักพี่คิบอมมั๊ยอ่ะ”

    “หือ?   คิมคิบอมน่ะเหรอครับ”   ทำไมชั้นต้องมาพูดครับๆ กับเด็กตัวกะเปี๊ยกแค่นี้ด้วยวะ?

    “อื้อ   ที่หล่อๆ สูงๆ ใจดีๆ น่ะ”   เรียวอุคยิ้มตาแป๋ว   กริยาสดใสที่เยซองเห็นแล้วรู้สึกแปลกๆ    มันดู...น่ารัก

    “พี่รู้จักนะ   แต่...  อืม   ชั่วโมงนี้บริหารเรียนกันนี่    งั้นเอางี้   พี่จะพาไปหาพี่ด๊องนะ   รู้จักใช่มั๊ย”

    “จิ๊   พี่ต๊องเหรอ   แต่...ก็ด้ะ!  

    เยซองฉวยโอกาส(?)จับมือเด็กน้อยที่เขาคิดว่าน่ารักน่าเอ็นดูเข้าไปในโซนของลานอเนกประสงค์ที่มักเห็นพวกแก๊งค์ลีและพี่ๆ ของพวกเขานั่งรวมกลุ่มกันเสมอ   แต่พอผ่านมินิมาร์ทเล็กๆ เรียวอุคก็ร้องอยากจะกินไอศกรีมเลยพาเข้าไป   สารพัดขนมออกมาพร้อมเจ้าตัวเล็กที่จับมันยัดลงไปในเป้แล้ววิ่งมาจับมือเขาให้พาเดินอีกครั้ง

    “พี่เยเย่ๆ”   อุคกี้ตั้งชื่อเล่นให้ซะแล้ว   เยเย่น้อมรับซะดีๆ

    “ครับ?”  

    “พี่ต๊องอ่ะ   เค้าเป็นคนยังไงเหรอ”   จากที่ได้สัมผัสมาเมื่อวานเรียวอุคพอจะรู้บ้างว่าคิบอมทั้งรักทั้งหลงพี่ผู้ชายคนสวยจนเรียกว่าหัวปักหัวปำเลยก็ว่าได้   มันน่าแปลก...  ที่จะมีใครสักคนมาทำให้พี่ชายของเขารู้สึกแบบนั้น   ถึง...  จิ๊   ถึงจริงๆ แล้วพี่ต๊องเค้าจะน่ารักดีก็เหอะ  =3=

    “ดงเฮน่ะเหรอ?”   ไม่มีสัญญาณตอบรับอะไรเพราะมัวแต่เลียไอศกรีมเยซองจึงทึกทักเอาเองว่าใช่   อดีตหัวหน้าห้องของคิบอมทำหน้าครุ่นคิดนิดหน่อยแล้วบอก

    “เค้าก็เป็นคนน่ารักนะ   พี่ไม่ได้สนิทอะไรกับเค้ามากขนาดนั้น  แต่ถ้าเป็นคิบอมล่ะก็พอจะรู้นิดๆ หน่อยๆ เพราะเมื่อก่อนก็เรียนห้องเดียวกัน”

    “แล้วไงต่อ”

    “เล่าเท่าที่พี่รู้นะ   จะมีอยู่ช่วงนึงที่คิบอมลงประกวดเคิร์ส   ...อืม   ป๊อปปูลาร์โหวตอะไรทำนองเนี้ยล่ะนะ   แล้วคิบอมก็ได้ใกล้ชิดกับดงเฮล่ะมั้งเค้าสองคนเลยคบกัน   รู้แล้วเหยียบไว้เลยนะ   พี่เคยเห็นสองคนนี้สวีทกันด้วยล่ะ”

    “สวีท?”

    “อืม   แต่อย่างเรียวอุคคงไม่เข้าใจหรอก   มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่เค้าน่ะ”

    “ก็เล่าดิ   ตัวเองอย่าให้เค้าอยากแล้วจากไปได้ป่ะล่ะ”   เรียวอุคบึ้งหน้าใส่    เยซองเลยรีบขยายความกลัวทำไม่ถูกใจเด็กน้อย

    “เอ่อ..  พี่เคยเห็นคิบอมเค้าหอมแก้มดงเฮน่ะ”   กับเด็ก   แค่คำว่าหอมแก้มคงจะพอเข้าใจล่ะนะ   นี่ถ้าเค้าเล่าว่าเห็นกระทั่งคิบอมยิ้มน้อมยิ้มใหญ่หลังจากลากคนสวยมานั่งเรียนเป็นเพื่อนจนเรียกว่าเพ้อเป็นบ้าเป็นหลังนั่นเรียวอุคก็คงไม่เข้าใจ

    “แค่หอมแก้มเอง   เชอะ    พี่คิบอมก็เคยหอมแก้มเค้าเหมือนกันล่ะน่า”   เด็กขี้หวงเกิดความอิจฉาประสาเด็กเข้าอีกแล้ว   เยซองเพียงยิ้มให้น้อยๆ

    “แต่สองคนนั่นดูรักกันดีเนอะ   พี่เองยังรู้สึกดีเลยตอนที่พวกเค้าอยู่ด้วยกัน   อบอุ่นดี”   ยิ่งพูดก็ยิ่งหวง    เรียวอุคหวงพี่คิบอมของตัวเองจนจะบ้าตายอยู่แล้ว   “แต่เรียวอุคคงไม่เข้าใจหรอก   ยังเด็กอยู่นี่เนอะ”

    “ม...”   เด็กน้อยอ้าปากจะเถียง   แต่เยซองที่กำลังพล่ามน้ำลายแตกเป็นฝอยก็ขัดขึ้นมาอีกรอบ

    “พี่ว่า...   รอยยิ้มของคิบอมเวลาแอบมองดงเฮน่ะ   สดใสที่สุดที่พี่เคยเห็นเจ้าบึ้งนั่นยิ้มแล้ว  ^ ^

    “...”

    วินาทีนี้   เรียวอุครู้สึกเหมือนกับว่า...   รอยยิ้มของเยซองนั้นดูอบอุ่นและสดใส   พี่เปายิ้มแบบนี้... เหมือนพี่คิบอมของเค้าเลย

    เยซองจูงมือเล็กๆ มาด้วยกันจนถึงจุดหมาย   แต่กลับไม่พบดงเฮอยู่ที่นั่นด้วยเลยฝากเรียวอุคไว้กับฮยอกแจและซองมินให้ช่วยดูแลเพราะเขาต้องรีบไปเข้าเรียนด้วยเช่นกัน    แนะนำตัวเสร็จอะไรเสร็จเยซองก็ทิ้งรอยยิ้มไว้พร้อมกับเจ้าตัวเล็กแล้ววิ่งปรู๊ดหนีไปในบัดดล

    “ไอ้เยซองนี่มันน่า...”  ซองมินพึมพำเบาๆ   ดวงหน้าน่ารักหันมามองเด็กน้อยถืออมยิ้มแทนไอศกรีมเมื่อครู่ที่หมดไป    ไม่ยักรู้มาก่อนว่าคิบอมจะมีน้องที่น่ารักแบบนี้กับเขาด้วย

    “หวัดดีจ๊ะ   พี่ซองมินนะ”  ซองมินยิ้มน่ารักให้เป็นอันดับแรก  พูดจ๊ะจ๊ากับเด็กทุกคนเหมือนอุปนิสัยของดงเฮไม่มีผิด    เรียวอุคอนุมานได้ว่าน่าจะเป็นเพื่อนก๊วนเดียวกัน

    “พี่ชื่อฮยอกแจนะครับ   แล้วเรียวอุคอายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย   หน้าตาน่ารักใช่ย่อยเลยนะ”

    “เค้ามาหาพี่คิบอม”   เด็กน้อยไม่สนใจอาการระริกระรี้กระดี๊กระด๊าเห็นเด็กน้อยน่ารักของซองมินกับฮยอกแจ    เผลอทำตัวไม่น่ารักใส่เสียอย่างนั้น  

    “พี่คิบอมเรียนอยู่น่ะจ้ะ    อีกสักพักถึงลงมา    แต่พี่โทรไปบอกเขาให้แล้วนะ”   ซองมินผู้หวั่นไหวต่อเด็กน้อย   ผู้ชายหล่อและชายหนุ่มหุ่นนักกีฬายังพูดจาน่ารักอยู่   เรียวอุคพยักหน้างั้นๆ ให้แล้วสนใจแต่จะดูดอมยิ้ม   ไม่ได้อยากจะรู้จักมักจี่กับใครทั้งสิ้น

    “หนูเล็กคร๊าบบบ    ไอติมหมด   คนขายบอกว่าเมื่อกี้มีเด็กมาเหมาไปทั้งตู้เลย”   ฮันกยองเสียงมาก่อนตัว   มือถือของพะรุงพะรังเพราะคุณหนูเล็กบ่นหิวขนม   ไอ้โหดผู้แสนดีจึงทำหน้าที่จรลีไปซื้อของกินมาให้โดยไว

    “เรื่องนั้นช่างมันเถอะ   ฮันกยอง   มาดูน้องคิบอมดีกว่า   มานี่ๆ”   ฮยอกแจเท้าสะเอวข้างหนึ่งอีกมือก็กวักเรียกให้ฮันกยองรีบเดิน   ท่าทางน่ารักๆ ของคุณหนูลีขับรอยยิ้มของไอ้โหดให้เปื้อนหน้าได้ตลอดเวลา

    “ไหนครับ  ...  อ้าว!   น้องเรียวอุค”

    “พี่ฮัน!   เรียวอุคร้องเสียงหลง  ถลามากอดเอวหนาของชายหนุ่มไว้แน่นอย่างคิดถึง   เกือบปีแล้วที่ไม่ได้เจอพี่ชายใจดีเพื่อนพี่คิบอมคนนี้

    “ยิ่งโตก็ยิ่งน่ารักนะเราน่ะ   อะไร   ไม่เจอกันตั้งปีไม่เห็นสูงขึ้นเลยนะเรา”

    “เชอะ   พี่ฮันอย่าแกล้งเค้าสิ   เค้าอุตส่าห์คิดถึงพี่ฮันนะ”

    “ฮ่าๆ   โอเคๆ   ไม่แกล้งก็ไม่แกล้ง”

    ฮยอกแจกับซองมินก็ลืมนึกไป   ฮันกยองกับคิบอมรู้จักกันมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย   มีหรือจะไม่รู้จักญาติโกโหติกาอีกฝ่าย   ดีไม่ดีคงนับลำดับญาติกันครบทั้งตระกูลแล้วด้วยซ้ำ

    “เรียวอุค   นี่แฟนพี่   รู้จักแล้วใช่มั๊ย”

    “อื้อ   เค้ารู้แล้ว   แต่...   เค้าไม่ชอบแฟนพี่เลย”

     

     

     

     

     

    คิบอมไปรอรับดงเฮที่รีบเก็บของเดินออกมาจากชั้นเรียนแล้วเดินไปหาเรียวอุคด้วยกัน   คิบอมร้อนใจนิดๆ เพราะเรียวอุคเป็นพวกปากไว   เด็กอเมริกาอีโก้สูง   ประเภทปากพาจนจมตีนได้ง่ายๆ  

    “ลิ้มบอม   จะรีบไปไหน   ถ้ารีบไปก่อนได้เลยนะ”   ดงเฮยังมีกะใจล้อเลียน   คิบอมทำไม่ได้ยินจูงมือเล็กๆ นั่นให้แน่นขึ้นแล้วสาวเท้ายาวๆ ให้เร็วกว่าเดิม   ไม่ผิดจากที่เขาคาดไว้นัก...

    “เรียวอุค   พูดจาไม่น่ารักเลยนะครับ”   ฮันกยองกำลังดุน้องชายเขาพอดี

    “เค้าผิดเหรอ   ก็พี่ฮันถามเค้าก็บอกแล้วไง   พี่ฮยอกแจหน้าเหมือนไก่   เค้าไม่ชอบ”

    “ยังจะพูดอีก”   ฮันกยองตำหนิซ้ำ

    “ก็มันเรื่องจริง”  

    “พูดอย่างเงี๊ยตายมาหลายคนแล้วนะ”  ฮยอกแจแอบพึมพำ

    เด็กน้อยที่(เคย)น่ารักเชิดหน้ารั้น   จังหวะเดียวกับที่เห็นคิบอมเดินเข้ามา    ขาป้อมๆ ถลาวิ่งไปหาแล้วกอดหมับเข้าให้   ช้อนตากลมมองงอนๆ

    “พี่คิบอมอ่ะ   ไม่ยอมปลุกเค้า    เค้างอนนะรู้ป้าว”   เรียวอุคออดอ้อนพี่ชายคนดี   คิบอมไม่สนใจถามเสียงดุ“เรียวอุค   ก่อเรื่องอะไร”

    “ป่าวซะหน่อย”   เรียวอุคแสร้งไม่รู้เรื่องราว   คิบอมเลยส่งสายตาไปถามฮันกยองแทน   เพื่อนรักเขาหน้ามุ่ยหงุดหงิดใจไม่น้อยที่ถูกน้องชายคนนี้ปั่นหัว

    “เรียวอุคบอกว่าฮยอกแจของข้าหน้าเหมือนไก่   แล้วก็เพิ่งตีแขนซองมินไป”

    คิบอมได้ฟังใบหน้าหล่อเหลาก็บึ้งตึงทันที   ไม่อยากให้น้องของตัวเองที่ไม่ค่อนข้างหัวดื้อทำกริยาไม่น่ารักให้ถูกใครๆ เกลียดไปเสียหมด   จากที่ตัวเองพูดน้อยต่อยหนักจนแทบไม่มีใครคบอย่างที่ผ่านๆ มาก็ไม่อยากให้น้องชายเพียงคนเดียวพบเจอเรื่องแบบนั้นเหมือนเขาเท่าไหร่นัก 

    “เรียวอุค   ขอโทษพี่ฮยอกแจกับพี่ซองมินซะ”

    “ไม่เอา   ก็เค้าไม่ได้ทำอะไรผิดนี่”

    “ยังจะเถียงอีก”   เสียงเข้มดุขึ้นเรื่อยๆ   จากเด็กที่เพิ่งเสียงแข็งเถียงปาวๆ ยืนกรานไม่ขอโทษเริ่มเบะปาก  ดวงตากลมคู่นั้นมีน้ำสีใสคลอหน่วยพร้อมจะร้องไห้ได้ตลอดเวลา    เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้คิมเรียวอุคต้องเสียน้ำตา   พี่ชายแสนดีคิมคิบอมนั่นเอง

    “ไม่ขอโทษ!!!

    เสียงเล็กตะโกนลั่นแล้วร้องไห้จ้า   วิ่งหนีไปทันที   ทิศทางใดไม่รู้ที่รู้ๆ คือน้อยใจคิบอมจนจะบ้าตายอยู่แล้ว   ทำอะไรไม่ได้ก็ได้แต่ร้องไห้แล้ววิ่งหนีออกมาจากสายตาคนรอบข้างที่ที่ให้เด็กน้อยรู้สึกถูกเกลียด

    “คิบอม   ตามน้องไปสิ”   ดงเฮอยู่เฉยไม่ได้ทันที  

    “ปล่อยไปก่อน”

    “จะบ้าเหรอ   ถ้าน้องหลงทางจะว่ายังไง   จะผิดยังไงก็ยังเป็นเด็กนะ”

    “เออ   ไอ้คิบอม   ข้าว่าแกไปปลอบสักหน่อยเหอะ    เดี๋ยวเด็กเตลิดแล้วจะยุ่งนะ”   ฮันกยองก็รักเรียวอุคไม่แพ้กัน   แต่เมื่อทำไม่ถูกก็จำต้องดุ

    คิบอมถอนหายใจหนักๆ แล้วบอกดงเฮว่าให้ไปรอที่รถ   หมดอารมณ์จะทำอะไรในวันนี้ต่อแล้วจึงเดินออกไปตามเรียวอุคที่ร้องไห้จ้าวิ่งหนีไป   ตามหาอยู่เพียงครู่เดียวก็เจอยืนเช็ดน้ำตาพยายามกลั้นเสียงสะอื้น   คิบอมไม่พูดอะไรแค่ลูบศีรษะนั้นเบาๆ    รอจนกระทั่งเด็กน้อยสกัดกั้นน้ำตาไว้ได้แล้วจึงพูด

    “กลับบ้าน”

    ระหว่างทางมีเพียงความมึนตึงระหว่างสองคนพี่น้อง   คนกลางอย่างดงเฮได้แต่ลูบหลังเล็กๆ นั่นปลอบใจ

    “หยุดลูบซะที   จะอ้วก”   เรียวอุคพูดตามที่รู้สึกจริงๆ   มือของดงเฮมันนิ่มแล้วลูบขึ้นลูบลงแบบนี้มันยิ่งชวนให้อาเจียน   คนสวยใจดียิ้มให้จางๆ ไม่ถือสาอะไรแล้วยอมวางมือ  

    กลับถึงบ้านคิบอมก็พาเรียวอุคที่โกรธขึงไม่มองหน้าคิบอมแม้แต่น้อยมาหาแทยอนที่กำลังนั่งอ่านนิตยสารอยู่ในห้องโถง

    สีหน้าบอกบุญไม่รับของคิบอมมันน่าตลกสำหรับคิมแทยอนเสียเหลือเกิน    หญิงสาวปาหมอนไปที่ชายหนุ่มอย่างหมั่นไส้และทักทายอย่างกวนอารมณ์   คิบอมปัดหมอนอิงนั้นทิ้งแล้วกดเรียวอุคให้นั่งลงบนโซฟาอย่างขุ่นใจเป็นที่สุด

    “คิมแทยอน   เธอดูน้องประสาอะไรถึงปล่อยให้ไปวุ่นวายกับชั้นถึงมหาลัย  รู้มั๊ยว่าเรียวอุคไปก่อเรื่องอะไรไว้”

    “เรื่องอะไรอีกล่ะ    แล้วคุณคนเก่งอย่างคิมคิบอมจัดการไม่ได้เลยหรือไง”

    “อย่ากวนตีนคิมแทยอน   ที่เรียวอุคทำตัวแย่ๆ แบบนี้เพราะเธอสั่งสอนแต่เรื่องไม่ดีจนติดเป็นนิสัยก้าวร้าวผู้ใหญ่เหมือนเด็กไม่ได้รับการอบรม”

    “ไอ้บ้าคิบอม  อย่ามารังแกน้องชั้นนะ”   ถึงจุดนี้แทยอนก็ปรอทแตกพอกัน   ยิ่งเห็นน้ำตาของน้องชายตัวเองที่กำลังร้องไห้อย่างหนักเพราะน้อยใจคิบอมมันก็เจ็บใจแทน

    “ประคบประหงมแบบนี้ไงเด็กถึงได้เสียนิสัย   ตามไปวุ่นวายได้ที่มหาลัยชั้นเพราะเธอไม่ใช่เหรอคิมแทยอน   ทำอะไรไม่รู้จักคิด    เด็กตัวแค่นี้ไปอยู่คนเดียวถ้าไม่เจอเพื่อนชั้นจะเกิดอะไรขึ้น”

    “ก็รู้แล้วว่าผิด   เออ  ขอโทษ   แต่น้องยังเด็กอยู่นะคิมคิบอม   หยุดหาเรื่องชั้นแล้วไปปลอบใจน้องให้เลิกร้องไห้มันจะดีกว่ามั๊ยฮะ”    รู้ดีว่าผิดเข้าเต็มๆ ที่ปล่อยเรียวอุคไว้แบบนั้น   คิมแทยอนจึงยอมลดราวาศอก

    “กี่ครั้งๆ ก็อ้างแต่คำว่าเด็ก   แล้วเมื่อไหร่เรียวอุคถึงจะโต   เฮอะ   พรุ่งนี้จะสิบสามแล้วเลิกกินขี้มูกหรือยังล่ะ”

    “พี่คิบอม!!   เรียวอุคตะโกนทั้งน้ำตา   ผลักคิบอมที่พ่นคำพูดที่ทำให้เขาเสียใจแล้ววิ่งหนีขึ้นห้อง   ทิ้งคำพูดที่ทำให้คิบอมสะอึกเอาไว้อย่างน้อยเนื้อต่ำใจ

    “พอมีผู้ชายคนนี้พี่คิบอมก็เอาแต่ดุเค้าตลอด   พอเค้าทำตัวไม่ดีนิดหน่อยก็ต้องว่าเค้าเสียๆ หายๆ ทั้งที่ปกติพี่คิบอมก็ไม่เคย   พี่คิบอมไม่เห็นความสำคัญของเค้าแล้ว   พี่คนนี้แย่งความรักของพี่คิบอมไปจนหมด!  อย่ามาว่าพี่แทยอนนะ   พี่คิบอมนั่นแหละที่ไม่สนใจเค้าจนเค้าต้องเป็นแบบนี้!!!

    คนไม่ยอมลงให้ใครง่ายๆ อย่างคิบอมก็ไม่ตามไปง้อเหมือนกัน   แทยอนซึ่งกำลังของขึ้นสุดขีดกระชากตัวทิฟฟานี่ขึ้นห้องตัวเองไปเหมือนกัน   เหลือเพียงเจ้าหนูโฮมอโลนอย่างดงเฮเพียงผู้เดียวที่เดินตามเรียวอุคขึ้นไป

    “เรียวอุค   พี่ด๊องขอเข้าไปหน่อยนะจ๊ะ”

    เปิดประตูเข้ามาก็เจอเด็กน้อยนอนกอดตุ๊กตาร้องไห้   ซ่อนเสียงสะอื้นไว้กับผิวเตียงอย่างน่าสงสาร   เมื่อดงเฮเดินมาถึงตัวและหย่อนกายนั่งลงบนเตียงเสียงเล็กๆ ก็ร้องว่า

    “เข้ามาทำไม   ฮึก..   ไม่อยากเห็นหน้า”

    “ไม่ชอบพี่เลยเหรอ?”

    “ไม่รู้   รู้แต่ตัวเองทำให้พี่คิบอมดุเค้า”  

    “หือ   ไม่เห็นเกี่ยวเลย   ถ้าเรียวอุคทำตัวไม่น่ารักพี่คิบอมก็ต้องดุสิ   ใครๆ ก็ต้องดุทั้งนั้นแหละ”

    “ไม่เชื่อ”   เรียวอุคอู้อี้ตอบ

    “พี่เองก็มีพี่ชายนะ”   ดงเฮพูดลอยๆ   พอเรียวอุคทำเงียบไม่สนใจก็พูดต่อ   “พี่ชายพี่น่ะหล่อ   เรียนเก่ง   แล้วก็ใจดี   เหมือนพี่คิบอมของเรียวอุคนั่นแหละ   ชื่อดงฮวา”

    “...”

    “ตอนเด็กๆ ทะเลาะกันบ่อยมาก   เคยมีครั้งนึง   ดงฮวาต่อยพี่จนพี่ร้องไห้วิ่งไปฟ้องแม่    พี่โกรธเค้ามากเลยนะ   ในใจก็คิดว่า  คนเป็นพี่น้องกันต้องรักแล้วก็ดูแลกันไม่ใช่เหรอ”

    “...”

    “...”

    “แล้วไงล่ะ”   พอเรียวอุคเร่งให้พูดต่อเพราะดงเฮเอาแต่เงียบรอดูปฏิกิริยาของเด็กน้อย   คนสวยเลยแอบยิ้มที่เรียวอุคสนใจ

    “พี่ก็โกรธน่ะสิ   ไม่เข้าใจเค้าจนถึงวันนี้นี่แหละ   ...ที่ดงฮวาต่อยพี่น่ะเพราะพี่ดื้อไปทำงานเขาเสียหาย   ที่พี่คิดว่าไม่รักน่ะเพราะดงฮวาไม่เคยดูแล   แต่เรียวอุครู้มั๊ย   ทุกครั้งที่พี่มีปัญหาหรือไม่สบายใจ    พี่ชายคนนี้นี่แหละที่อยู่ข้างๆ พี่   ปกป้องพี่”  

    “...เหมือนกับคิบอมของเรียวอุคนั่นแหละ   ใช่ว่าเราไม่รู้นี่นาว่าคิบอมเป็นคนแสดงความรักไม่เก่งแค่ไหน   ยิ่งเป็นน้องชายเค้าอย่างเรียวอุคก็ยิ่งรู้ดีไม่ใช่เหรอ    คิบอมดุเรียวอุคเพราะไม่อยากให้เรียวอุคเป็นเด็กไม่ดีในสายตาคนอื่นๆ   ...หนูยังเด็ก   ยังไม่เข้าใจหรอกว่าคนรอบข้างน่ะเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่จะทำให้เรียวอุคมีความสุข   พี่คิบอมเค้าก็แค่ปกป้องน้องชายที่เขารักในแบบของคิมคิบอมแค่นั้นเอง”

    “...”

    “พี่ไม่เคยเห็นคิบอมตีเรียวอุคสักเพี๊ยะเลยนะ    เห็นมั๊ยล่ะ   ถึงพี่คิบอมจะดุยังไงแต่ก็ไม่เคยทำให้เรียวอุคเจ็บเลยนะ”

    “...”

    “เข้าใจพี่คิบอมหรือยัง   ฮึ?   เด็กดื้อ”

    “เค้าไม่ดื้อสักหน่อย!!~   เด็กดื้อตาบวมโผล่หน้ามาปฏิเสธลั่น   ปากสีชมพูเล็กๆ นั่นเบะอย่างน้อยใจ   “เค้าก็แค่อยากให้พี่คิบอมสนใจ   ก็เพราะตัวเองนั่นแหละ   พี่คิบอมไม่สนใจเค้าเลย”

    “พี่เข้าใจนะ”

    “ไม่มีใครเข้าใจเค้าหรอก”  

    “เอ้า   เป็นงั้นไป    งั้นเรียวอุคบอกพี่มาสิว่าไม่ได้หวงคิบอม   ไม่ได้น้อยใจคิบอม   แล้วก็ไม่อยากให้คิบอมอยู่กับพี่ด้วย”

    “...”   เรียวอุคปฏิเสธไม่ได้     มันจริงทุกอย่าง

    “ความรู้สึกแบบนี้น่ะพี่เจอมาหมดแล้วกับพี่ชายของพี่   แต่อีกหน่อยเรียวอุคก็จะเข้าใจ   และรู้ว่าคิบอมน่ะไม่ได้รักเรียวอุคน้อยลงไปกว่าเดิมเลย”

    “พูดจริงหรือเปล่า”   เรียวอุคอยากจะแน่ใจ

    “ผู้ใหญ่สมัยนี้เค้าไม่หลอกเด็กกันแล้ว   เชย”    ดงเฮพูดจาประสาเด็กให้เข้าขากับเจ้าตัวน้อย

    “เค้ารู้นะว่าตัวเองทำดีกับเค้าเพราะอะไร”

    “หือ?”

    “ที่ตัวเองทำดีกับเค้า   ก็เพราะว่าเค้าเป็นน้องชายสุดที่รักของพี่คิบอมใช่มั๊ยล่ะ”

    ดงเฮยิ้มให้เจื่อนๆ   ไม่ตอบอะไร   บางส่วนที่ถูกก็คือสิ่งที่เรียวอุคเข้าใจ   แต่สิ่งที่เรียวอุคไม่เข้าใจคือความลำบากของดงเฮที่ต้องเผชิญหน้ากับครอบครัวของคิบอมที่อาจไม่พอใจในตัวผู้ชายอย่างเขา   เทียบกับปัญหาที่ดงเฮกำลังจะเผชิญ   ความรู้สึกของเรียวอุคมันยังน้อยไปนัก

    แต่ถึงยังไง...   ใจที่บริสุทธิ์ก็ใช่ว่าจะสัมผัสไม่ได้ต่อความจริงใจของพี่ดงเฮคนนี้

    “เชอะ  ยังไงก็เหอะ   แต่ตัวเองน่ะไม่มีทางแย่งพี่คิบอมของเค้าไปได้หรอก”   ร่างป้อมๆ ยังส่งเสียงหงุมหงิมออกมาอีก   ดงเฮยกไม้ยกมือยอมแพ้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

    “จ้าๆ   พี่คิบอมน่ะเป็นของเรียวอุคเสมอแหละ”

    “จริงนะ”

    “บอกแล้วไงว่าพี่ไม่หลอกเด็ก   สมัยนี้มันเชย”

    “...งั้นก็ได้   ถ้าตัวเองพูดแบบนั้น   เค้าจะยอมน่ารักกับตัวเองด้วยก็ได้”

    “แบบนี้สิคนเก่ง   เป็นเด็กดีไม่ดื้อพี่คิบอมจะได้ไม่ดุ”

    “ชิ   รู้แล้วน่า”

    “ทีนี้ก็โทรไปขอโทษพี่ซองมินกับพี่ฮยอกแจกันนะ”

    “...ก็ได้”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

    .

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ครับผม   ไม่เป็นอะไรหรอกครับ   เรียวอุคนี่น่ารักจังเลยน๊า    จริงๆ   ...พี่เปล่าพูดเหมือนพี่ด๊องซะหน่อย  ฮ่าๆๆ   สวัสดีจ้า   ...อือ   ด๊องทำไงเนี่ยถึงทำให้อุคกี้เป็นเด็กดีได้เนี่ย   เหรอ   แหมคนเรา   ไม่ค่อยอ่ะ   อ่ะๆ ถือว่าซ้อมไว้ก่อนคุณว่าที่พี่สะใภ้    ฮ่าๆๆ    โอเคๆ  บ๊ายบาย”

    ฮยอกแจวางสายด้วยรอยยิ้ม   จะว่าไปเรียวอุคก็น่ารักใช่ย่อย   แม้จะดื้อๆ แสบๆ ไปบ้างแต่ก็ถือว่ายังเป็นเด็กไร้เดียงสาอยู่   คิดแล้วก็อยากมีน้องชายขึ้นมาบ้างแล้วแฮะ

    “เฮ้ย!!!   โอ๊ยๆๆๆ   อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก”

    ตาใสเบิกกว้างอย่างตกใจ   ผันกายลงจากเตียงอย่างรวดเร็วไปทางห้องน้ำที่ภายในมีฮันกยองร้องโอดโอยครวญว่าเจ็บอยู่

    ปังๆๆ

    “ฮันกยอง!!  นายเป็นอะไร   นี่!!

    “ประตูไม่ได้ล็อกครับหนูเล็ก   ซี๊ดดดด”

    ภาพแรกที่ฮยอกแจเห็นคือร่างสูงกึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่กับผนังข้างอ่างล้างหน้า   มองสภาพรอบๆ ไม่มีคราบเลือดหรืออะไรเทือกที่ว่าจะทำให้ชายหนุ่มบาดเจ็บได้ก็ทำหน้างงเดินเข้าไปหา

    “นายเป็นอะไร”  มือเล็กแตะลงบนไหล่เปลือยเปล่า   ฮันกยองเปลือยท่อนบนไว้โดยมีเสื้อยืดวางอยู่ที่พื้นข้างๆ   อนุมาณได้ว่าอาบน้ำเสร็จแล้วคงกำลังจะใส่เสื้อ    แต่อาจมีเรื่องเกิดขึ้นซะก่อนถึงได้ร้องซะดังลั่นห้อง

    “ผมเจ็บตรงนี้   อึก...   เจ็บมากเลย”   ฮันกยองมีสีหน้าเจ็บปวด   เม็ดเหงื่อผุดพราวขึ้นเต็มหน้าจนฮยอกแจใจเสีย    ฝ่ามือหนากุมหน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม   ส่วนอีกข้างก็วางไว้บนอกแกร่ง

    “นายเจ็บตรงไหนกันแน่   ท้องหรือหน้าอก”   ฮยอกแจลนลานจนแทบบ้า

    “ผมไม่รู้   มัน...  โอ๊ยยยย   มันบอกไม่ถูก”

    “ล..แล้วนายจะให้ชั้นทำยังไง   ช..ชั้นจะไปเรียกคุณแม่นะ     อดทนหน่อยนะฮัน”   ฮยอกแจตบลงบนฝ่ามือฮันกยองเบาๆ แล้วผันกายจะวิ่งออกไป   และคงได้ทำอย่างนั้นถ้าคนเจ็บไม่คว้ามือเขาไว้ก่อน

    “น..หนูเล็ก   ผมจะตายมั๊ย...”

    “คนบ้า!!   ยังจะมาพูดเรื่องตายอีก   ที่นายเจ็บน่ะไกลหัวใจตั้งเยอะ!!!   แม้จะเสียงดังใส่แต่น้ำเสียงนั้นมันกลับสั่นระริก   ท่าทีเป็นห่วงเป็นใยจนแทบบ้าของฮยอกแจทำเอาชายหนุ่มเริ่มรู้สึกผิด   คงต้องรีบแก้เกมส์โดยไว   ไม่งั้นพอหนูเล็กรู้ความจริงว่าเขาแค่แกล้งสำออยเรียกร้องความสนใจคงมีหวังเรื่องยาวแน่ๆ

    ฮันกยองคว้ามือฮยอกแจมาวางบนอกตัวเองแล้วกดไว้แน่น   ตัวเล็กร้องโวยวาย   “จับชั้นไว้ทำไม   ชั้นจะไปเรียกคนมาช่วย   ปล่อยสิฮัน”

    “หนูเล็กอยู่กับผมก่อนสิ   ผมเจ็บไปทั้งตัวแล้ว”   

    “นายเจ็บตรงไหน”    ฮยอกแจเป็นห่วงกระวนกระวายไปหมด   “ตรงนี้เหรอ”

    พอมือใหญ่เลื่อนมือเขาให้ไปสัมผัสกับหน้าท้องแข็งๆ ฮยอกแจก็รีบถาม   ฮันกยองส่ายหน้าไปมา    ฮยอกแจใช้มืออีกข้างเลื่อนไปสัมผัสบนอกหนาที่ฮันกยองทาบมือไว้ตอนแรก

    “ตรงนี้หรือเปล่า”

    “อ..อา   ตรงนี้แหละครับ   ผมเจ็บทั่วไปหมดเลย”   ไม่พูดเปล่า  บังคับมือเล็กที่วางอยู่บนร่างกายแข็งแรงของตัวเองให้หมุนวนไปมา   เสียงร้องซี๊ดซ๊าดดังมาอีกระลอกจนคนเป็นห่วงเริ่มขมวดคิ้ว

    “อ้า..  ฮยอกแจ   ตรงนี้เจ็บจังเลย   ซี๊ดดดด”   พอฝ่ามือตัวเองเคลื่อนไปสะกิดยอดอกที่แข็งขืนนั่นฮันกยองก็ยิ่งออกอาการ   ชายหนุ่มส่งตาหวานเลิกร้องโอดครวญในทันใด   ทว่ามือมารนั้นก็ไม่เลิกบังคับให้ฮยอกแจสัมผัสนู่นนี่บนร่างกายต่อไม่หยุด    เจอมือนิ่มๆ แบบนี้เป็นใครก็ต้องเพลินน่ะสิ 

    คุณหนูเล็กพ่นลม   อยากจะกัดลิ้นตายให้กับความโง่ของตัวเองนัก   ถูกไอ้เจ๊กนี่ปั่นหัวอีกแล้ว

    มิน่าล่ะ   ไอ้เสียงร้องประหลาดในตอนแรกนั่นถึงไม่ได้เข้ากับอาการที่หมอนี่กำลังเป็น   เจ้าเล่ห์นักนะ!!

    “อ๋อ   เจ็บตรงนี้เหรอ   ตรงนี้ใช่มั๊ยยยยยยยย!!!    ฮยอกแจบีบหัวนมสีเข้มซะเต็มรัก

    “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก    ฮ..ฮยอกแจ   มันเจ็บนะ!!   ฮันกยองน้ำตาแทบเล็ด   ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บแสบ  

    “สม   อยากมาหัวใสดีนัก   แค่นี้มันยังน้อยไปนะไอ้ผีจีนโรคจิต!!

    แล้วคนน่ารักก็ผลักอกเขาอย่างแรง   ฮันกยองร้องเรียกต่อไม่หยุด    มีเพียงเสียงปิดประตูห้องน้ำดังปังที่กลับมา

    สองนาทีถัดมาฮันกยองที่สวมเสื้อผ้าแล้วเรียบร้อยเดินออกมาจากห้องน้ำอย่างกล้าๆ กลัวๆ   เห็นคนตัวเล็กนอนแชทกับจุนกิอยู่บนเตียงแล้วก็ใจเหี่ยว   งอนเปล่าวะ...

    ชายหนุ่มลองเชิงด้วยการเรียกชื่อคนบนเตียง   ฮยอกแจทำหูทวนลมไม่ได้ยินเป็นอันประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่าเนี่ย...  งอน!!!

    “หนูเล็กอ่า”   ฮันกยองตามไปคลอเคลียปฏิบัติการขอคืนดีโดยด่วน   ชายหนุ่มกอดทับร่างบางที่นอนคว่ำอยู่กับเตียงไปทั้งอย่างนั้น    ฮยอกแจดีดดิ้นร้องเสียงหงุมหงิมบ่นรำคาญ   ไม่รู้ว่าแกล้งพูดหรือออกมาจากใจ   แต่ตอนนี้ชายหนุ่มชักจะหมั่นเขี้ยวคุณหนูลีขึ้นมาซะแล้ว

    ฮันกยองตีก้นที่งอนงามดุนดันหน้าท้องตนเองไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว   หยิกไปทีด้วยความหมั่นไส้จนฮยอกแจร้องลั่น

    “ไปให้พ้นหน้าชั้นเลยนะฮันกยอง”

    สิ่งเดียวที่ฮันกยองไม่ชอบใจสุดๆ เลยก็คือการถูกไล่   ร่างสูงที่ทับอยู่บนร่างบอบบางจงบดเบียดเจ้าหนูให้รังแกบั้นท้ายนุ่มนิ่มนั้นอย่างจงใจ    ฮยอกแจตีต้นขาหนาที่พยายามแทรกหว่างขาตนเข้ามารุกรานแล้วสั่งให้หยุด    มีหรือฮันกยองจะยอม   มือซนดึงเสื้อฮยอกแจให้รั้งไปถึงต้นคอแล้วระดมพรมจูบทั่วแผ่นหลังเล็กอย่างรุนแรงจนฮยอกแจปั่นป่วนไปหมด

    “อื้อ!!   หยุดนะฮันกยอง!!!

    มีหรือจะยอมฟัง    ในเมื่อรั้นมาก็ต้องรั้นกลับ   ฮันกยองตอกย้ำความเป็นชายที่แข็งแกร่งขึ้นมาเรื่อยๆ ใส่ก้นที่สะบัดไปมาพยายามจะให้หลุดพ้นจากการทับ   ตัวใหญ่กดทับลงมาซ้ำๆ แรงๆ ที่ส่วนนั้นโดยเฉพาะจนอาการขัดขืนเริ่มหมดไป    นิ้วเล็กจิกผ้าปูที่นอนแน่นเพราะสัมผัสที่ป่วนปั่นอารมณ์จากชายหนุ่ม   ฮันกยองยิ้มกริ่มกับท่าทางนั้นใส่คนที่ถูกทับจนแบบแต๊ดแต๊แล้วก้มลงกระซิบ

    “ชอบท่านี้เหรอ...?”

    “อ..ไอ้...  ไอ้คนหน้าด้าน!!¬   คิดคำพูดอื่นไม่ออกแล้วตอนนี้   ฮันกยองจงใจกดย้ำกายแข็งแรงลงมารุนแรงจนอะไรต่อมิอะไรสัมผัสกันไปหมด   ฮยอกแจที่ถูกจำกัดอำนาจในการดิ้นรนเพราะถูกทับใช้มือดึงชายเสื้อในส่วนที่ตัวเองจับถึงเพื่อสั่งให้เขาลงไป

    “ลุกไปเลยนะ   หนัก”

    “กำลังเพลินเลยนะหนูเล็ก”   ฮันกยองตอบกำปั้นทุบดิน   แต่ไอ้สิ่งที่กำลังทุบทับกันอยู่เนี่ยกลับไม่ใช่กำปั้นและผิวดิน

    “ชั้นไม่ใช่ตุ๊กตายางนะไอ้บ้า    ที่นายทำอยู่น่ะมันน่าอาย   ไม่รู้เลยหรือไง”   ตัวเล็กหน้าแดงก่ำ   จากที่ตอนแรกตั้งใจจะทำเป็นโกรธแต่ไหงกลับต้องมาถูก...  ถูกทำแบบนี้ซะเองฟะ!!!  -///-*

    “ไม่เห็นจะรู้เลยครับหนูเล็ก   รู้แต่ว่าเนี่ย   ขาว”   

    “อย่าลูบได้มั๊ยเนี่ย”

    “ก็มันนิ่มนี่นา”

    “หลังตัวเองก็มีก็ไปลูบซะสิ”

    “หลังผมมันไม่เนียน  นุ่ม   แล้วก็นิ่มแบบนี้หรอก   ...ดูเหมือนจะบอบบางนะ   จูบไม่กี่ทีก็แดงไปหมดเลย”

    “ใครจะไปหนังหนาหน้าทนอย่างนายล่ะ    ไอ้  คน   หน้า  ด้าน   ลา  มก   โรค   จิต   วิปริต   บ้า  กาม!!!

    “อ่า   เขินจัง”

    “อ๊ากกกกกกกกกกกก   ลุกออกไปนะๆๆๆๆๆๆๆ   ไอ้คนบ้า   บ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

    “นี่  คุณหนูเล็ก   อย่าดิ้นสิ   ยิ่งดิ้นยิ่งดันนะรู้มั๊ย   อดใจไม่ไหวเดี๋ยวคืนนี้ยาวนะ”   ไอ้ส่วนที่ดันก็ยิ่งกระแทกซ้ำลงมาทับส่วนที่ดิ้นเข้าไปใหญ่

    “ไอ้บ้า!!!   ใครจะไปทำอะไรกับนายฮะ    ไม่ต้องมายุ่งกับชั้นเลยนะ   จะไปไหนก็ไปเลย   กลับบ้านไปเลยไป   ชั้นเกลียดนายแล้ว”   ฮยอกแจร้องโวยเต็มที่   แต่ยิ่งพูดดูเหมือนเจ้านั่นของฮันกยองก็ยิ่งฮึกเหิม   ยิ่งดิ้นยิ่งหนีสิ่งนั้นก็มีแต่จะกดแรงลงมาเรื่อยๆ   เสื้อผ้าที่เป็นปราการกั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญของฮันกยองอีกต่อไป

    “เคยบอกแล้วใช่มั๊ย   พูดอะไรก็พูดได้   แต่ห้ามพูดว่าไม่รัก”   น้ำเสียงของฮันกยองแปลกไปจากเดิม   พอฮยอกแจหยุดดิ้นแล้วเบือนหน้ามาข้างๆ เสียงเย็นนั้นก็เปลี่ยนกลับไปเป็นกวนๆ แบบเดิม   “เข้าใจหรือยังคุณหนูเล็ก”

    “ไม่เข้าใจโว๊ย ยยยยย   ปล่อยชั้น!!   หนัก!!!   ถ้านายไม่ปล่อยล่ะชั้นจะไม่สนใจนายแล้วนะ”   ปากพาไปทั้งนั้นที่พูดออกมา   ฮยอกแจทั้งร้องทั้งดิ้นจนฮันกยองอยู่นิ่งแทบไม่ได้   และดูเหมือนคำพูดประโยคสุดท้ายนั่นจะทำให้ไอ้คนโกรธยากโมโหยากเลือดขึ้นหน้าเข้าแล้วจริงๆ

    ร่างเล็กถูกกระชากขึ้นมาให้ใบหน้าจ้องสู่เพดาน   ฮยอกแจค่อยหายใจหายคอโล่งขึ้นมาหน่อย    แต่แล้วอิสระก็ถูกมอบให้ไม่นาน   ฮันกยองกดจูบลงมารวดเร็วด้วยความรุนแรงจนตากลมๆ เบิกกว้างอย่างตกใจ    ชายหนุ่มบดขยี้กลีบปากเล็กประหนึ่งว่าจะตอกย้ำให้รู้ว่าความรู้สึกรัก  หวง   ตนเป็นสิ่งสำคัญและไม่มีวันปล่อยให้ทอดทิ้งเขาไปนั้นรุนแรงมากแค่ไหน

    ราวกับช่วงเวลานี้เนิ่นนานชั่วกัปชั่วกัลป์กว่าฮันกยองจะยอมถอนจุมพิตที่เต็มไปด้วยความดุดันออก     ทันทีที่ดวงตาคมปรือมองลูกไก่ตัวน้อยใต้อาณัติ   ภาพที่คิดไว้คือฮยอกแจมีสีหน้าหงอยเหงาและแอบกลัวเขาอยู่นิดๆ มากหน่อยก็อาจถึงกับน้ำตาร่วงซึ่งนั่นก็ต้องคอยโอ๋ทีหลัง    ทว่าสิ่งที่กำลังเห็นมันกลับ...   แตกต่างกันสิ้นดี

    “ไม่กลัวหรอกเฟ้ย   กล้าทำอะไรชั้นป่ะล่ะ”   ฮยอกแจลอยหน้าลอยตาด้วยใบหน้าที่ฮันกยองรู้สึกว่ามันช่างกวนตีนจริงๆ   แต่ก็เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ดีว่าเจ้าตัวเล็กในอ้อมกอดนี่รู้ดีว่าเขารักมาก

    “จับปล้ำ”   การลงโทษขั้นแรกดังมาก่อน

    “เอ๊าะเหรอ     กับนายอ่ะชั้นสมยอม”  

    “แล้วถ้าข้ามวันข้ามคืนไม่พักเลยล่ะ”    ขั้นสองตามมาเป็นลำดับ

    “เดี๋ยวนายก็เหนื่อย   จากประสบการณ์ทั้งหมดชั้นคาดการณ์ได้ว่าอย่างนายแปดรอบมากสุด”   จะยิ้มแล้ว  ฮันกยองกำลังจะยิ้มให้ความน่ารักนั่นแล้ว  แต่เดี๋ยวก่อน...  ชายหนุ่มกำลังมันส์

    “โซ่  แส้  กุญแจมือ”   ขั้นสามตามมาเป็นระลอกใหญ่   ฮยอกแจเดาะลิ้นประมาณว่าตื่นเต้น

    “ลึกๆ ชั้นก็อยากลองนะ   นายหามาให้เล่นหน่อยสิ”   นั่น...  มีรีเควสด้วย  ลืมไปแล้วเหรอว่าเขากำลังซีเรียส   “มีอะไรอีกมั๊ยคุณฮันกยอง”

    น้ำเสียงยียวนนั้นลองดีกับเขาอย่างหาที่สุดไม่ได้   ฮยอกแจไม่เคยกลัวเขาเลยจริงๆ นั่นแหละ

    “หนูเล็กนะหนูเล็ก”   ชายหนุ่มถึงกับบ่นอะไรไม่ได้อีกนอกจากคำนั้น   จากนี้ก็เป็นทีของฮยอกแจบ้างแล้ว

    “โด่เอ๊ย!!  ไอ้เราก็นึกว่าจะแน่  ที่แท้...ก็แพ้ป.4”

    “หนูเล็กอ่า   ก็คุณรู้ทันผมหมดแล้วนี่”

    “ฮา ฮา  ให้รู้ซะมั่งไผเป็นไผ  คิๆ    ชั้นน่ะเห็นไส้เห็นพุงเห็นซิกส์แพ็คนายหมดแล้ว   มาทำเป็นเบ่ง  ชิชะ”   ฮยอกแจส่ายนิ้วชี้ให้คนที่นอนทับตัวเองอยู่   “ตอนนายทับชั้นเมื่อกี้อึดอัดเป็นบ้า   ...ไม่ได้เจอมันอาทิตย์เดียวพัฒนาขึ้นอีกแล้ว”

    ฮันกยองยิ้มกริ่มที่ได้ยินประโยคเบาๆ คล้ายบ่นกับตัวเองแบบนั้นของฮยอกแจ   ชายหนุ่มจูบปากแดงๆ ที่บวมเจ่ออย่างหมั่นเขี้ยว   ฮยอกแจยื่นหน้าขึ้นจูบฮันกยองบ้างแล้วเอื้อมมือไปปิดไฟบนหัวเตียง

    ชายหนุ่มล้มตัวลงนอนข้างๆ เหมือนคืนที่ผ่านๆ มา   ร่างหนาตะแคงข้างเข้าหาฮยอกแจที่นอนหงายหนุนแขนตัวเองเหมือนทุกคืน   ฝ่ามือใหญ่เลิกชายเสื้อร่างเล็กนั้นขึ้นและสอดมือเข้าไปลูบไล้พุงขาวๆ นิ่มมืออย่างรู้หน้าที่  พอไม่มีจุนกิอยู่ในบ้านหลังเดียวกันฮยอกแจก็นอนไม่หลับเลยสักคืน   ร้อนถึงฮันกยองที่เต็มใจจะมาช่วยเกาพุงก่อนนอนให้   รายนั้นตามมากวนใจได้ทั้งวัน   ไอ้โหดมันแน่จริงเรื่องแบบนี้

    “นี่   จะแหย่ลงไปทำไมในสะดือ   เกาเฉยๆ” 

    “พอดีนิ้วมันสะดุดตกลงไปน่ะครับ   ขึ้นมาไม่ได้แล้วด้วย” 

    “ปัญญาอ่อน   ทำดีๆ สิ   แล้วก็ให้เกานะไม่ได้ให้ลูบ   นายทำให้มีน้ำหนักหน่อยสิ   มันเสียวๆ อ่ะ”

    “นั่นแหละที่ผมต้องการ”   ฮันกยองหัวเราะหึๆ  

    “เออนี่   ตอนอยู่ในห้องน้ำอ่ะ   ทั้งๆ ที่ก็สำออยใส่ชั้นแล้วทำไมถึงมีเหงื่อออกล่ะ”   ฮยอกแจถามข้อสงสัยที่รู้สึกแปลกใจไม่หาย   แต่ไม่วายแอบกัด

    “ผมก็ใช้ที่ฉีดต้นไม้ในห้องน้ำมาฉีดๆ เอานั่นแหละ   สมจริงใช่ป่ะล่ะ”

    “อืม  ...หึๆ  ชั้นไม่เคยบอกนายเหรอว่าน้ำในนั้นเอามาจากที่ฉีดข้างชักโครกอ่ะ”

    “ฮ..เฮ้ย   จริงเหรอหนูเล็ก   T T

    “ไม่จริง   ฮ่าๆๆ”   ฮยอกแจถูกฮันกยองทำโทษด้วยการตีพุงเบาๆ สองสามที   ความเงียบเข้าครอบงำจนฮยอกแจงัวเงียตาปรอยใกล้จะหลับแหล่ไม่หลับแหล่แล้วตอนนี้   แต่อีกคนนี่สิ

    “เคยสงสัยมั๊ยหนูเล็ก    ว่า...”

    “ว่าทำไมนายไม่เงียบแล้วนอนซะที   ...สงสัยอะไรอีก   ถ้าเรื่องทะลึ่งไม่ต้องพูดนะขี้เกียจจะฟัง”   สองคนคุยฝ่าความมืด   ฮันกยองนอนตะแคงมองใบหน้าของฮยอกแจที่หลับตาพริ้มแต่ยังคงพูดได้เจื้อยแจ้วโดยอาศัยแสงของจันทรา    มือขวาก็เกาพุงขาวๆ นั้นแกรกๆ หากำไรไปเรื่อยเปื่อย   ช่วงไหนเมื่อยๆ ก็เลื่อนไปสะกิดติ่งแต้มสีชมพูที่เคยครอบครองนั้นเบาๆ หยอกล้อ    และโดนด่าอย่างเคย

    “ทำไมมีคนรักแล้วเหมือนมีคนใช้”

    “จะไปรู้เหรอ   นายไม่เคยเป็นคนรักชั้นซะหน่อย”

    “อ้าวเฮ้ย   นี่ตกลงทั้งหมดคือคนใช้ใช่มั๊ยเนี่ย”   ฮันกยองเล่นด้วย   ทำโวยวายทั้งที่รอยยิ้มเต็มหน้า

    “เพิ่งรู้เหรอ   อิๆ   แล้วตกลงมันเพราะอะไร”   ถามมาแล้วก็ขอฟังคำตอบสักหน่อยแล้วกัน

    “เพราะจะได้มีคนมานอนเกาพุงให้อย่างงี้ไง   เห็นยังว่ารักม๊ากมากกกกกกก      ...ฝันดีนะครับน้องอ่อนแอ”

    ฮันกยองหยุดมือที่เกาไปเรื่อยนั้นแล้ววางมือไว้เฉยๆ บนหน้าท้องแบนราบ   ฮันกยองหลับตาพริ้มพร้อมรอยยิ้มปริ่มสุข    ฮยอกแจส่ายหน้าให้คนพยายามจะทำซึ้งแล้วเบือนหน้ามาทางคนตัวโตที่แสดงออกว่ารักเขานักหนา   ตาใสมองใบหน้าที่อยู่ใกล้อึดใจเดียวด้วยความรักที่ล้นหัวใจจนชายหนุ่มที่รับรู้ได้ลืมตามามองเช่นกัน

    “หว่ออ้ายหนี่”

     

     

     

     

     

    ลืมใครไปมั๊ยสองคนนี้ ...

    “หนูเล็กไปไหนแล้วเนี่ย   คุยกันอยู่แท้ๆ”

    จุนกิพึมพำ   รอมาเกือบครึ่งชั่วโมงก็ไม่มีทีท่าว่าน้องชายสุดที่รักจะติดต่ออะไรมาก็จัดการปิดคอม   ร่างบางเดินเข้าไปอาบน้ำพร้อมเสียงบ่นเรื่อยเปื่อย

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ใครคิดถึงฮันฮยอก?

    ใครคิดถึงจุนกิ?

    สังเวยเรียบร้อยค่ะ

     

     

    เง่อ  ตอนแรกกะจะแต่งฮันฮยอกสั้นๆ  แต่แต่งไปแต่งมาคำว่า ฮันกยอง มันก็ช่างทำให้คิดถึงหน้ากวนๆ ของคนเอ๋อๆ  ไอ้โหดเลยออกมาเป็นแบบนี้   ... แต่คิดถึงจริงเนอะ  ใบหน้าแบบนั้นน่ะ    หว่ออ้ายหนี่ว๊อยยยยยยยยยยยยยยย!!!

    ตอนหน้าเป็นตอนที่แต่งยากสุดๆ  .. ลีเฮมันจะยั่วแล้วเว๊ยเฮ๊ย ย ยยย  

     

     

     

    ดูเหมือนยังมีคนไม่สนใจตัวแดงๆ ที่หราบนหน้าบทความนะคะ  มินประกาศไว้ตัวใหญ่ๆ แล้วนะ  ทำให้สะดวกทุกอย่างแล้ว =3=   ไม่ส่งให้ด้วย    เคืองเหอะ  ตัวเบ้อเริ่มอ่ะ  สังเกตสักนิดเถอะค่ะ   ตอนหน้านะตอนหน้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×