ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -My Sweetheart..You're Everything -KiHae HanHyuk SJ-

    ลำดับตอนที่ #21 : :: Chapter 16 : Evil one ::

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.46K
      208
      26 มี.ค. 53

     

     

     

     

    16

    Evil one

     

     

     

     

    “อืม...”   ฮีซอลงัวเงีย   ค่อยๆปรือตาขึ้นหลังพ่ายแพ้แก่ความหิว    ดวงตากลมโตสอดส่ายสายตาผ่านความมืด

     

     

    “ห้าทุ่มแล้วเหรอ   ซีวอน   ซีวอน”   ฮีซอลเรียกคนข้างตัว   มือคลำหาแต่ไม่พบคนรัก    “ไปไหนฟะ”

     

     

    ร่างบางทำท่าจะลุกขึ้น    แต่ทันทีที่ขยับความเจ็บก็แล่นปราดไปทั่วร่าง    ทั่วสะโพกมนที่ถูกใช้งานอย่างหนักตั้งแต่ครั้งแรก

     

     

    Shit!    เจ็บชิบ    ไอ้ซิมบ้า    เพราะแกแท้ๆ   กระแทกเอาๆอยู่นั่นแหละ”   คนสวยสบถ   จำต้องนอนลงอีกครั้งเพราะไม่มีแรงแม้แต่จะขยับไปไหน   ก่นด่าตัวต้นเหตุต่ออย่างเคืองๆที่ทำให้เค้าพิการท่อนล่างแบบนี้  

     

     

                ประตูถูกเปิดออก   ฮีซอลอ้าปากหมายด่ากราดน้ำลายเช็ด   แต่มีกลิ่นหอมๆของอะไรบางอย่างลอยเข้ามาเสียก่อน

     

     

    ซีวอนวางชามลงกับโต๊ะข้างหัวเตียง   ฮีซอลที่เห็นดังนั้นเลยแกล้งหลับ   อยากจะรู้นักว่าอีกฝ่ายจะทำอย่างไร

     

     

    ร่างสูงกดจูบหนักๆที่หน้าผากมนจนร่างบางหน้าขึ้นสีเรื่อแข่งกับความมืดของห้อง   ซีวอนที่คิดว่าฮีซอลหลับอยู่จึงจับไหล่เล็กเบาๆ

     

     

    “ฮีซอล   ตื่นเถอะครับ   ไม่หิวเหรอ”   ใจจริงอยากจะแกล้งหลับไม่รู้เรื่องต่อ   แต่หูมันก็ไปสะดุดกับคำว่า ฮีซอล  เสียก่อน

     

     

    “ไอ้ซิมบ้า!   กล้าเรียกชั้นห้วนๆแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่   ชั้นเป็นพี่นายนะ”    ฮีซอลโวยวายทั้งที่สภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวย    แต่ดูเหมือนคนสวยจะไม่ใส่ใจ

     

     

    ซีวอนส่ายหัวเบาๆแล้วหยิบชามรามยอนมายื่นให้   บ่นอุบ    แต่ไม่รอดพ้นหูทิพย์ของคนสวยไปได้

     

     

    “มีใครเค้าเรียกเมียตัวเองว่าพี่กันบ้างล่ะ”

     

     

    “ฮะ!   อะไร   ใครเมียนาย!   ร่างบางแหว   เมียเนี่ยนะ!   เค้ารับไม่ด้ายยยย

     

     

    “อ้าว   พูดงี้จะให้พิสูจน์อีกรอบมั้ยครับ    เมียที่รัก”    ซีวอนยิ้มกรุ้มกริ่ม    ทำท่าจะขย้ำเจ้าหญิงตรงหน้าอีกซักรอบสองรอบเพื่อการันตีตำแหน่งกันเลยทีเดียว  

     

     

    ตำแหน่งเมียที่รัก...

     

     

    “เย้ย   จะบ้าเหรอ    ออกไปเลยนะ    ไม่งั้นชั้นจะเตะแก”   ...ไอ้ผัวเฮงซวย

     

     

    อ๊ากกกก    ผัวเหรอ...!

     

     

    ฮีซอลขู่แล้วกรีดร้องในใจ    ซีวอนยอมศิโรราบถอยออกไปนั่งข้างๆเหมือนเดิมแต่โดยดี    จ้องมองคนรักสวาปามรามยอนด้วยใบหน้ายิ้มๆ   พูดคุยอะไรกันไปเรื่อยเปื่อย

     

     

    “อ้อ   ผมโทรไปบอกดงเฮให้แล้วนะว่าวันนี้พี่จะค้างที่นี่    ไม่ต้องดุเลยผมนะครับ   ผมบอกไปแล้วว่าพี่เผลอหลับ   ผมเลยให้นอนที่บ้าน”   ซีวอนกันท่าคนรักที่ขึงตาใส่    รู้อยู่แล้วว่าฮีซอลต้องงอนเขาแน่ๆถ้าพูดอะไรไม่เข้าหู

     

     

    “ก็ดี”   

     

     

    “แล้วนี่ผมก็ทำรามยอนเองเลยนะ    แม่ครัวเค้าหลับกันหมดแล้ว    ผมทำเป็นอยู่อย่างเดียว   ก็เลยไม่พ้นบะหมี่”

     

     

    “งั้นเหรอ    รสชาติก็งั้นๆแหละ    ไว้คราวหน้าชั้นจะสอนอะไรที่ดีกว่านี้ให้    ฝีมือนายยังอ่อนหัดนักฉ่อยน้อย”

     

     

    ฮีซอลกินไปบ่นไปไม่มองหน้าซีวอน    ปากทำเก่งแต่ซึ้งใจไม่น้อยกับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็น เจ้าของ ของเขาทั้งตัวและหัวใจไปแล้ว    ซีวอนรู้ดีว่าเค้าต้องหิวแน่ๆ   รายละเอียดเล็กๆน้อยๆแต่ร่างสูงก็ดูแลใส่ใจไม่ขาด

     

     

     ชั้นว่าชั้นคิดไม่ผิด    ที่เลือกนายซีวอน...

     

     

    “อ้อ   อยู่ต่อหน้าคนอื่นอย่าเรียกชั้นห้วนๆนะ   ชั้นไม่ชอบ”   ฮีซอลนึกขึ้นได้เลยคาดโทษไว้ก่อน    น่าอายจะตาย    ไม่ใช่อายที่ต้องเป็นของซีวอน    แต่อายที่...   ที่อะไรวะ    เออนั่นแหละ    เขาอายละกัน    ใครจะไปเหมือนไอ้ทึกกี้กับไอ้คังอินล่ะ   ชาลาล่าวันละกี่รอบมันบอกเขาหมด

     

     

    “หึๆ   ได้ครับ   พี่ตามใจผมทั้งวันแล้วนี่นา”

     

     

    “พูดบ้าอะไรฮะ   เอ้า   อิ่มแล้ว    เอาไปเลย”   มือเล็กๆยัดชามรามยอนใส่มือหนาที่รับมันไปวางที่เดิม     แล้วซินเดอเรลล่าหน้าสวยก็ต้องสบถพรืดกับคำพูดต่อมาของคุณชายหน้าหล่อ  

     

     

    “ทานเสร็จแล้วเรามาต่อกันอีกซักรอบนะครับ   ที่รัก”

     

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - My Sweetheart.. You’re Everything. - - - -

     

     

     

     

     

     

     

     

     “เป็นไปตามความคาดหมายของทุกคนเลยนะครับ    ผู้คว้าแชมป์เคิร์สในปีนี้ได้แก่   คิมคิบอมคร้าบ!!!

     

     

    ร่างสูงเจ้าของชื่อเดินออกมารับตุ๊กตาคริสตัสดีไซน์สวยด้วยสีหน้าและท่าทางเรียบๆไม่ยินดียินร้ายอะไร   มีแค่ยิ้มมุมปากเท่านั้นที่จงใจมอบให้แก่นิชคุณ    แต่ดูเหมือนจะเป็นรอยยิ้มเยาะเสียมากกว่า

     

     

    “รองอันดับหนึ่งคุณลีดงเฮ    และรองอันดับสองคุณชอยมินโฮครับ”

     

     

    ดงเฮและมินโฮก้าวมารับช่อดอกไม้จากอาจารย์ใหญ่    ยืนถ่ายรูปร่วมกันสามคนอันดับหนึ่งสองสาม   ดงเฮยืนอยู่ตรงกลางในตอนแรก   แต่ท้ายที่สุดเขาก็ถูกกันออกมาให้ยืนอยู่ริมโดยผู้ชนะแบบเนียนๆ

     

     

    “นี่   นายจะแทรกมาทำไม”    ดงเฮกระซิบเสียงเขียว

     

     

    “เปล่าซักหน่อย   เพ้อเหรอ”   คิบอมยักคิ้วกวนอารมณ์    มีความสุขอย่างบอกไม่ถูกที่ทำให้หน้าหวานเกิดอารมณ์หลากหลายยามอยู่กับเขา

     

     

    “ยิ้มหน่อยฮะ   ทำไมด๊องยิ้มอย่างนั้นล่ะ    ยิ้มฮะ   ไม่ใช่แยกเขี้ยว”   แจจินผู้รับหน้าที่ช่างภาพบอก

     

     

    “ฮ่าๆๆ   เค้าบอกว่าเธอเป็นยักษ์น่ะ”    เสียงหัวเราะเบาๆของคิบอมนั่นแหละ   ยิ่งทำให้อาการฉีกยิ้มใส่กล้องของดงเฮฝืดเข้าไปใหญ่

     

     

    คนบ้านี่   มาแกล้งกันอยู่ได้

     

     

    “ด๊องยิ้มแปลกๆเนอะซองมิน”   ฮยอกแจที่นั่งชมอยู่เบื้องล่างกล่าวกับเพื่อน

     

     

    “นั่นดิ   เฮ่ยๆๆ   คิบอมกับด๊องเค้ากระซิบกันด้วย   ดูดิ    คิบอมยิ้ม   ไม่ๆๆ   หัวเราะเลยนะนั่น    โหย    ไม่น่าเชื่อ   เจ้าชายไร้หัวใจเปลี่ยนไปรึนี่”    ซองมินวิจารณ์ปานนักวิเคราะห์เจาะลึกประเด็น

     

     

    ในช่วงที่คนแถวหน้าของห้องประชุมกำลังสนใจคนบนเวทีอยู่นั้น    คนทางด้านหลังก็ส่งเสียงฮือฮากันยกใหญ่เมื่อประตูห้องประชุมถูกเปิดออกพร้อมกับการก้าวเข้ามาอย่างสวยงามของบุคคลที่ห่างหายไปนานและเป็นที่รู้จักของคนทั้งโรงเรียน    ทิฟฟานี่

     

     

    เพื่อนสาวที่รอทิฟฟานี่อยู่ก่อนแล้วเดินฝ่าเพื่อนนักเรียนคนอื่นๆเข้าไปหาเพื่อนสนิท   สวมกอดกันอย่างคิดถึง   โดยกระซิบถ้อยคำที่ได้ยินกันเพียงสองคน

     

     

    “มาได้จังหวะเปิดตัว   ชั้นกำลังรออยู่เลย”

     

     

    “อืม   คงต้องรีบมาทวงคนของชั้นคืน   ก่อนที่จะถูกไอ้ใครที่เธอบอกมาแย่งไป   ...ยุนอา”

     

     

    ยุนอายิ้มสวยรับ    รอยยิ้มร้ายที่ถูกฉาบด้วยความสวยหวาน   ไม่พูดให้มากความ   บอกสั้นๆแก่จุดหมายของทิฟฟานี่   “บนเวที   กับรองอันดับหนึ่ง   ลีดงเฮ”

     

     

    “คอยดูชั้นก็แล้วกัน”

     

     

     

     

     

     

     

     

    เรือนร่างสะโอดสะองของทิฟฟานี่เดินไปจนถึงเวที   ทุกสายตาจับจ้องมาที่เธอผู้ที่เป็น อดีตคู่ควงของคิบอมที่ครองสถิตินานที่สุด   5 วัน...

     

     

    สิ่งที่โดดเด่นบนมือเธอคือดอกไม้ช่องาม   ทุกคนมองตามทิฟฟานี่อย่างสนใจว่าเธอจะทำอะไร   สลับกับมองคิบอมไปมา   ราวอยากรู้นักว่า   ถ่านไฟเก่า...  มันจะคุขึ้นมาอีกรอบได้หรือไม่

     

     

    “ยินดีด้วยนะคะ   คิบอม”    ทิฟฟานี่ยิ้มหวาน   แต่ไม่มีทีท่าว่าจะยื่นดอกไม้ไปให้   “ทิฟรู้ว่าคิบอมไม่ชอบถือดอกไม้   งั้นทิฟจะถือให้นะคะ   แค่อยากให้คุณรู้ว่าทิฟให้มันกับคุณ”

     

     

    ทิฟฟานี่เป็นคนฉลาด   เธอรู้ดีในนิสัยเรียบเฉยไม่สนใครของคิบอม    นั่นเป็นข้อหนึ่งที่ทำให้เธอได้ควงกับเจ้าชายไร้หัวใจ    เธอเคยไม่พอใจอย่างมากที่คิบอมพูดได้เต็มปากเลยว่าเธอไม่ใช่แฟน   แต่พอมารู้ทีหลังก็ไม่ได้คิดอะไร   เมื่อทุกคนเข้าใจไปว่าเธอกับคิบอมเป็นคนรักกัน   แถมยังรักกันหวานชื่นเสียด้วยสิ

     

     

    แม้ความจริงจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลยก็ตาม...

     

     

    “อืม   ขอบใจ”   คิบอมกล่าวเรียบๆ   การปรากฏตัวของทิฟฟานี่สร้างความฮือฮาอย่างมาก   แจจินผู้ถือกล้องจึงได้รับคำสั่งให้มาจับภาพของทั้งสองทันที

     

     

    “คิบอมคะ   เย็นนี้เราไปทานอาหารกันมั้ยคะ   ร้านโปรดของคิบอมน่ะค่ะ”   ทิฟฟานี่พูดเสียงหวาน   หากอยู่เฉยให้คิบอมเป็นฝ่ายรุกคงต้องรอชาติหน้า

     

     

    “จำได้เหรอ”   คิบอมพูดไปงั้นๆ    ไม่รู้จะทำอะไรเสียมากกว่า   สายตาก็ไม่ได้จับจ้องไปที่เลนส์กล้องเลยสักนิด   แต่มีหรือที่แจจินจะกล้าออกคำสั่งให้นายแบบกิตติมศักดิ์หันมาสนใจการถ่ายภาพของเขา   งานนี้ได้แต่ภาวนาให้คิบอมมีอารมณ์ร่วมทีเถอะ

     

     

    “จำได้สิคะ   ไม่มีเรื่องไหนของคิบอมที่ทิฟจำไม่ได้   แม้แต่เรื่อง...”   เสียงขาดหายพร้อมมือนิ่มที่ลูบไล้ต้นแขนแกร่งเบาๆให้นึกถึงวันวาน

     

     

    คิบอมมองมือเล็กๆนั่นแล้วเลื่อนสายตามามองอีกฝ่ายด้วยความเรียบเฉย   ดึงมือทิฟฟานี่ออกแล้วพูดเรียบๆ   ก่อนเดินจากไปอีกทาง

     

     

    “ชั้นไม่ชอบอยู่กับอดีต   เรื่องนี้แหละ   ที่เธอจำไม่ได้”

     

     

     

     

     

     

     

     

    “เค้าสองคนเหมาะสมกันดีนะฮัน   เนี่ย   ไม่รู้ว่ายังรักกันอยู่รึเปล่า    ถ้าทิฟไม่ได้ไปเรียนอเมริกานะ    ยุนอาว่าเค้าต้องคบกันยืดแน่เลย”   หญิงสาวที่ไม่รู้โผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ถามความเห็นคนที่เธอหลงรักอย่างสนิทสนม

     

     

    “แต่คิบอมมันบอกเลิกทิฟฟานี่ตั้งแต่ก่อนที่จะไปอเมริกาไม่ใช่เหรอ”   ฮันกยองยังข้องใจอยู่บ้าง   เท่าที่รู้มาตอนนั้นคิบอมบอกเค้าเองเลยว่าเบื่อ   ขี้เกียจมานั่งเอาใจ  เสียเวลา   อะไรทำนองนี้   แล้วที่ยุนอาพูดมันคืออะไร

     

     

    “อ้าว   ฮันไม่รู้หรอกเหรอ   เค้าสองคนน่ะรักกันจะตาย   แต่เพราะทิฟต้องไปเรียนต่อ    คิบอมเลยบอกเลิกไปก่อน   เห็นว่ารอมารีเทิร์นกันอยู่นะ”

     

     

    ฮันกยองไม่เชื่อคำพูดนี้อย่างสนิทใจเลยทีเดียว   เขาที่คบกับคิบอมเป็นเพื่อนยากกันมากว่าหกปีย่อมรู้นิสัยกันดี   คิบอมชอบก็ชอบ   ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ   และเขาก็เชื่อด้วยว่า   คำพูดที่คิบอมเคยบอกเขาคือเรื่องจริง   ไม่ได้ปั้นแต่งแบบที่เค้ากำลังฟัง

     

     

    “งั้นเหรอ”     รับคำไปอย่างนั้น   ใจกำลังคิดว่ายุนอาและทิฟฟานี่กำลังทำอะไรกันแน่   สองคนนี้ไม่ได้มีชื่อแค่ความสวย    ความร้ายกาจก็ไม่แพ้กัน

     

     

    “ฮัน...   ฮันกยอง”   ฮยอกแจกวักมือเรียกให้ไปหา   ฮันกยองรีบบอกขอตัวแล้วแล่นไปตามหัวใจทันที    ไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของยุนอาที่เบะปากอย่างสมเพช

     

     

    ลีฮยอกแจ   ผู้ชายอย่างนาย   ไม่มีวันที่จะมาสู้ผู้หญิงอย่างชั้นได้หรอก   ไม่มีวัน!’

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ดงเฮครับ   เอ่อ   ดีใจด้วยนะครับ”   นิชคุณเจ้าของรางวัลรองอันดับสามเดินเข้ามายินดี   ยิ้มฝืนๆเพราะคิบอมที่ยืนห่างออกไปยังคงมองเขาด้วยสายตาชวนกดดันทั้งที่ตนกำลังยืนถ่ายภาพกับสาวสวย

     

     

    “เอ่อ  ขอบใจนะคุณ”   ดงเฮรับคำแล้วยิ้มแห้งๆ   สายตาไม่พอใจของคิบอมทำให้เค้าต้องซื่อสัตย์ต่อสัญญานั่นอีกครั้ง  

     

     

    นิชคุณยิ้มให้บางๆอย่างเศร้าสร้อยแล้วเดินถอยออกมาเพราะดงเฮทำเหมือนสนใจช่อดอกไม้ในมือแทนที่จะเป็นเขา   แต่เดินออกมาได้ไม่ไกลเท่าไหร่   ใครบางคนที่เค้าไม่ชอบขี้หน้าก็ตามมาหาเรื่อง

     

     

    “ตัดใจเห๊อะ  คนเค้ามีเจ้าของแล้วน่า”   มินโฮพูดแทงใจดำของนิชคุณดังฉึก!   ไม่รู้ว่าทำไมคนๆนี้ถึงเป็นคนเดียวที่นิชคุณหยาบคายด้วย    และที่ไม่เข้าใจที่สุดเลยก็คือทำไมมินโฮถึงได้ตามตอกย้ำบาดแผลในใจของเค้านัก   

     

     

    “ไม่ต้องมายุ่ง!  

     

     

    หน้าหวานถอนหายใจอย่างรู้สึกผิด    รู้ว่าทำแบบนี้มันไม่ดีต่อนิชคุณ    แต่สายตาเรียบเฉยของคิบอมที่มองมาก็ทำให้เค้าต้องรักษาสัญญาบ้าๆนั่น   

     

     

    คนที่กำลังบ่นถึงในใจเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มมุมปากที่บ่งบอกถึงความพึงพอใจ    ข้างหลังมีหญิงสาวที่ตามมาด้วยกำลังยืนข่มอารมณ์หงุดหงิด   

     

     

    “รักษาสัญญาได้ดีนี่”  

     

     

    “เฮอะ  พอใจรึยังล่ะไอ้ลิ้มแก้มระเบิด!    ดงเฮพ่นลมอมแก้มประชดประชัน     เห็นท่าทางอย่างนั้นคิบอมเลยได้แต่พูดยิ้มๆพร้อมยกมือมาขยี้เรือนผมของอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู  

     

     

    “พอใจแล้ว   ลิ้มหน้าหวาน”

     

     

    ลิ้มหน้าหวาน หนีสัมผัสที่ทำให้หน้าเค้าร้อนวูบวาบเป็นพัลวัน   ภาพที่เห็นทำให้ทิฟฟานี่ต้องกัดฟันแล้วกรีดร้องในใจอย่างคับแค้นกับความเปลี่ยนไปของคิบอม    คิมคิบอมที่เธอรู้จักไม่เคยทำอะไรแบบนี้กับเธอเลย   แม้แต่รอยยิ้ม   คิบอมก็ไม่เคยมอบมันให้กับเธอเลยด้วยซ้ำ

     

     

    คิบอม   ชั้นไม่ยอมให้นายทิ้งชั้นอีกแน่   ลีดงเฮ   แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!’

     

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - My Sweetheart.. You’re Everything. - - - -

     

     

     

     

     

     

     

     

    ข่าวเด่นประเด็นดังเรื่องซุบซิบของพวกสาวๆที่นั่งกันเป็นกลุ่มคงหนีไม่พ้นเรื่อง...   รักรีเทิร์นของทิฟฟานี่กับคิมคิบอม

     

     

    แม้แต่ฮยอกแจยังอดบ่นกับฮันกยองไม่ได้ในขณะที่มานั่งเฝ้าคนรักฝึกซ้อมเทควันโดเพื่อการแข่งขันระดับเขตในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า   หรือเพราะอาจจะโดนซองมินเป่าหูจนเรื่องนี้มันซึมซับเข้ากระแสเลือดไปแล้วก็ได้   ทำให้น้องอ่อนแอพอจะสนใจอยู่ไม่น้อย   

     

     

    “แล้วทำไมคบได้นานกว่าคนอื่นอ่ะ”   ฮยอกแจชันเข่าแล้วเกยคางไว้บนนั้น   ถามฮันกยองที่พุ่งเป้าอยู่ที่คู่ซ้อม

     

     

    “แฮ่ก    ไม่ได้คบหรอก   เรียกว่าควงมั้ง   ย่าห์!   ทิฟฟานี่เค้าไม่น่ารำคาญเท่าไหร่   แต่ก็แค่สองสามวันแรกเท่านั้นแหละ”   ฮันกยองตอบสั้นๆแล้ว Side kick ไปเต็มๆที่สีข้างของน้องปีสอง

     

     

    “ฮ่าๆ   ข่าวไอ้กระต่ายพลาดนะเนี่ย    บอกชั้นว่าเป็นแฟนกันละ”   ฮยอกแจหัวเราะชอบใจ

     

     

    ดวงตาคู่สดใสจ้องมองคนรักที่เหงื่อท่วมตัวแต่ยังคงมุ่งมั่นจัดการคู่ซ้อมอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย   คิดไปถึงบรรยากาศเก่าๆว่าคนที่ถูกท่า Hook kick อยู่เป็นเขาก็อดยิ้มไม่ได้   ไอ้โหดที่ชอบเอาท่าเท่ห์ๆมาข่มเค้าให้กลัวหรืออวดก็ไม่รู้   มันไม่เจ็บกายตอนเป็นคู่ซ้อม   แต่เจ็บใจที่ทำอะไรคนตัวสูงไม่ได้เลยต่างหาก  

     

     

    สายตาเคลื่อนกลับไปที่ภาพเบื้องหน้าอีกครั้ง   ฮันกยองที่ได้เปรียบรุ่นน้องในรูปร่างสูงใหญ่ของเขากำลัง Double punch ชกด้วยหมัดสองข้างติดต่อกันถี่ยิบ   รอจนอีกฝ่ายตั้งหลักไม่ทันแล้วจับทุ่มไปสุดแรง  

     

     

    พลั่ก!!!

     

     

    และเสียงนั่นทำให้ฮยอกแจหลับตาไว้อาลัยสามวินาที    ที่ฮันกยองเคยทำกับเค้ามันคงจะแค่แกล้งๆ   เพราะมันไม่มีเอฟเฟคต์เซอร์ราวด์ดังขนาดนี้   และมันก็ไม่ได้ทำให้เค้าสลบเหมือดเหมือนน้องคนนั้นด้วย    แค่เจ็บใจนิดๆก็เท่านั้น

     

     

    “เบาะๆนะมีซก   อีกชั่วโมงสองชั่วโมงก็ตื่นแล้วละ   ขอบใจมาก”   ฮันกยองกล่าวกับมีซกที่หลับไม่รู้เรื่อง

     

     

    แปะๆๆ

     

     

    “เก่งจังเลยนะฮัน    ยุนอาชักอยากจะมีอัศวินเก่งๆมาปกป้องซะแล้วสิ”  ยุนอาปรบมือหลังเฝ้ามองฮันกยองมาสักพักโดยไม่มีใครสังเกตเห็น   เวลาเลิกเรียนที่ทุกคนกำลังจะออกจากชมรมจึงไม่ค่อยมีใครสนใจอะไรมากนัก   

     

     

    “เอ่อ   อืม   ขอบใจ”   ฮันกยองเหล่ไปมองฮยอกแจที่กำลังนั่งฮัมเพลงไปเรื่อยๆ   ไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ   นอกจากมือไม้ที่ควานหาผ้าขนหนูกับขวดน้ำในกระเป๋า

     

     

    แต่ฮันกยองคิดผิด   ฮยอกแจกำลังบ่นกับตัวเองว่าทำไมต้องมีแฟนที่หล่อ   เท่ห์   น่าหลงใหลแบบไอ้ผีจีนพูดไม่ชัดอย่างฮันกยองด้วย    ไม่อยากจะยอมรับว่าหึง    แต่เค้าก็กำลังหึงจริงๆนั่นแหละ  

     

     

    ยิ่งยัยยุนอาอะไรนั่นทำท่าว่าจะใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อคนรักด้วยแล้ว   หากเป็นอย่างที่ฮันกยองคิดว่าฮยอกแจกำลังฮัมเพลง    งั้นเพลงช้าๆก็คงจะเปลี่ยนเป็นเพลงแร๊พเสียแล้วละ

     

     

    “ถ้านายยืนให้ผู้หญิงคนนั้นแตะตัวชั้นจะโกรธนายจริงๆนะฮันกยอง   ไอ้ผีจีนบ้า   ไอ้โหด   ไอ้หน้าตาดี    ไอ้มีแต่คนมอง   ไอ้...%#*@!\$...   ฮยอกแจร่ายยาวไม่พักหายใจกันเลยทีเดียว

     

     

     

    “เอ่อ   ยุนอา   ไม่เป็นไรหรอกนะ   ชั้นให้ฮยอกแจเช็ดให้ก็ได้”   ร่างสูงออกตัวแล้วเดินเลี่ยงมาหาคนตัวเล็กที่ใจไม่สงบ   บัดนี้ยังหาผ้าขนหนูไม่เจอ  

     

     

    “เอาไว้ไหนนะ”

     

     

    “หาอะไรน่ะฮยอกแจ”   ฮันกยองนั่งลงข้างๆแล้วปาดเหงื่อลวกๆด้วยความเคยชิน

     

     

    “ผ้าน่ะสิ   ถามได้   เลิกเอามือไปเช็ดได้แล้ว   สกปรก”   เสียงใสบ่นให้เล็กน้อย    ฮันกยองยิ้มกว้างกับการเอาใจใส่ของฮยอกแจ

     

     

    “หามาซับเหงื่อให้ผมเหรอ”

     

     

    “ก็เออน่ะสิ   อย่าถามมากได้ป่ะ”   ฮยอกแจยังมีอารมณ์ไม่คงที่นักเมื่อยุนอายังไม่เดินออกไปไหน   เธอยังยืนมองเค้ากับฮันกยองอยู่ไม่วางตา  

     

     

    “วันนี้คุณไม่มีซ้อมนี่   ก็ต้องอยู่ในกระเป๋าผมสิ”  

     

     

    “...แล้วก็เพิ่งมาบอก”    มือเล็กๆเปลี่ยนเป้าหมายไปยังกระเป๋าของอีกคน   ใจมันสับสนวุ่นวายไม่มั่นคง   ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเค้ากำลังควานหาอะไรในกระเป๋าของฮันกยอง   จะนิ่งได้ก็ตอนที่มือหนาเอื้อมมาหยุดมือเล็กไว้นั่นละ

     

     

    “ฮยอกแจ”   ร่างสูงเรียก   ดึงมือเล็กให้มาทาบบนอกด้านซ้าย    ตำแหน่งของหัวใจ  

     

     

    “ไม่ต้องกังวลขนาดนั้น   คุณเชื่อใจผมได้   ผมรักคุณแค่คนเดียว”   ฮันกยองเอ่ยเหมือนเข้าใจถึงแก่นแท้ของความรู้สึกฮยอกแจ   ตาใสจ้องมองอีกฝ่ายแล้วหลุบต่ำ   ก่อนบ่นอุบ

     

     

    “มันก็ต้องมีบ้างแหละน่า   ใครใช้ให้นายไปโปรยเสน่ห์ของนายให้คนอื่นเค้าไปทั่วล่ะ”

     

     

    “ตัวลอยจริงๆนะเนี่ย   คนอ่อนแอของผมชมผมด้วย”   ฮันกยองยิ้มชอบใจ   คนตัวเล็กอมลมยู่ปากใส่เหมือนถูกขัดใจ   ปากจู๋ๆนั่นทำให้ฮันกยองฉวยโอกาสเข้าประทับความหวานทันที   ประกบเบาๆแล้วค่อยๆผละออก   ส่งยิ้มบางๆให้คนน่ารักที่หน้าขึ้นสี   และยิ่งแดงขึ้นไปอีกเมื่อเขาพูดอีกประโยคจบ

     

     

    “ไอ้โหดอย่างผม    ไม่ขอคู่กับใคร   ...ถ้าไม่ใช่น้องอ่อนแออย่างคุณ    จำไว้นะครับ”

     

     

    ยุนอาอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ กับบทรักหวานที่เธออยากจะอ้วกใส่  

     

     

    ในเมื่อแย่งมาตรงๆไม่ได้   ชั้นก็ไม่แคร์ที่จะใช้วิธีสกปรกหรอกนะ!’

     

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - My Sweetheart.. You’re Everything. - - - -

     

     

     

     

     

     

     

     

    “สวัสดีค่ะ   ดงเฮรึเปล่าคะ?”    เสียงหวานพร้อมใบหน้าสวยของทิฟฟานี่ปรากฏอยู่ตรงหน้าดงเฮ   หญิงสาวกลับมาเรียนต่อที่เกาหลีและได้ประจำชั้นห้องเดียวกับคิบอมด้วยเส้นสายของทางบ้าน   มาหารองเคิร์สปีนี้ที่ห้อง A ด้วยรอยยิ้ม

     

     

    “มีธุระอะไร”   ไม่ใช่หน้าหวานที่ตอบ   แต่เป็นเพื่อนน่ารักที่นั่งข้างๆ  

     

     

    “ขอโทษนะคะ   พอดีทิฟคิดว่าทิฟไม่ได้พูดกับคุณน่ะค่ะ”   หญิงสาวตอกกลับจนซองมินขึงตาใส่อย่างโมโหเมื่อโดนด่าด้วยภาษาผู้ดีว่า อย่าเจ๋อ

     

     

    ดงเฮจับมือเพื่อนไว้ให้สงบลง   เค้ารู้ดีว่าลีซองมินไม่ใช่คนที่ยอมใคร    แม้จะไม่ได้ครึ่งของแรงตัวแม่อย่างฮีซอล   แต่ก็ถือว่าไม่แพ้ใครเลยทีเดียว

     

     

    “ครับ   ผมเอง   คุณ.. อา   คุณทิฟฟานี่   มีอะไรหรอครับ”   ดงเฮใช้ภาษาสุภาพโต้ตอบ   อะไรบางอย่างในตัวหญิงสาวมันชัดเจนจนเค้าบอกตัวเองได้เลยว่า   คนๆนี้ไม่ได้มาดี

     

     

    “คือทิฟเป็นแฟน ..  อ่า   อายจังเลยค่ะ   คือทิฟเป็นแฟนของคิบอมน่ะค่ะ    แล้วคิบอมก็เล่าให้ฟังว่ารู้จักกับคนๆนึงตอนที่ไปเข้าแคมป์น่ะค่ะ   ทิฟก็เลยอยากจะเป็นเพื่อนกับดงเฮ   แหม   ดงเฮคงเข้าใจนะคะ   ทิฟอยากจะเป็นเพื่อนกับคนรู้จักของคิบอมทุกคนน่ะค่ะ”    ทิฟฟานี่เน้นคำว่า คนรู้จักให้ชัดถ้อยชัดคำ   ดงเฮแอบสะอึกเล็กน้อยกับคำพูดนั้น   และท่าทางนั่นก็ไม่รอดพ้นสายตาจับผิดของทิฟฟานี่ไปได้

     

     

    “เอ่อ..”   ดงเฮอึกอัก   ซองมินเลยชิงพูดขึ้นมาก่อนอย่างไม่ยอมให้เพื่อนตกเป็นรองเพราะฝีปากของใคร

     

     

    “ก็ถ้าหวงนักก็บอกมาตรงๆเลยซี้   อ้อมไปอ้อมมาอยู่ได้”   

     

     

    “คุณเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ   หรือว่าคุณไม่เข้าใจที่ทิฟบอก   ว่าไม่ได้พูดอยู่กับคุณ”   ทิฟฟานี่ใช้คำพูดเดิมอีกครั้ง   จิกสายตาไม่พอใจให้อย่างโจ่งแจ้ง   แต่ซองมินกลับเชิดหน้าแล้วจ้องตอบอย่างไม่ยี่หระ 

     

     

    “แล้วใครบอกว่าชั้นพูดกับเธอล่ะ   เปรยลอยๆน่ะรู้จักมะ    คิดเองเออเองทั้งนั้น   ไม่รู้ว่าเข้าข้างตัวเองแบบนี้ทุกเรื่องเลยรึเปล่านะ   ไอ้ที่บอกว่าแฟนๆๆไม่ใช่กลัวว่าจะถูกเขี่ยทิ้งหรือไง   โดนมาครั้งนึงแล้วนี่   อ้อ   แล้วก็เลิกด่าชั้นด้วยคำเดิมๆได้แล้วนะ   คิดเป็นอยู่แค่นี้รึไง   ชั้นมีสมอง   มีปาก   คิดได้พูดได้เหมือนกัน    ไม่ใช่คนรองมือรองเท้าให้เธอมาเหยียบจนจมดินอยู่คนเดียวหรอกนะ”

     

     

    ซองมินโต้กลับอย่างถึงพริกถึงขิง   แรงมาก็แรงไป   แรงไปก็แรงตอบ   กระต่ายป่าอย่างเค้าไม่มีทางยอมแน่    ภาษาสุภาพแม้จะเจ็บจี๊ดแต่มีเหรอจะสะใจคนพูดเท่าภาษากัด    กัดกันโต้งๆไม่อ้อมค้อมนี่แหละ

     

     

    “แก..!   ทิฟฟานี่ชักหลุด   ปราดเข้าหาซองมินที่เตรียมตัวจะพุ่งใส่ไม่แพ้กัน    ดีที่ดงเฮมาจับตัวไว้ได้ทัน   และเพื่อนในห้องทั้งหมดต่างลุกพรึ่บ

     

     

    ทิฟฟานี่เป็นที่รู้จักก็จริง   แต่ที่รู้จักกันปากต่อปากนั้นก็คือเรื่องความร้ายกาจและอาละวาดไม่เลือกของเธอ    และหากซองมินกับทิฟฟานี่จะมีเรื่องกันจริง   เพื่อนอย่างพวกเขาก็ขอเลือกที่จะยืนอยู่ข้างเพื่อนตัวเอง   ไม่ใช่คนนอกอย่างทิฟฟานี่

     

     

    “หึ”   ซองมินแค่นยิ้มแล้วมองอีกฝ่ายอย่างสมเพช   “มาดคุณหนูทิฟฟานี่ผู้แสนสวยแสนอ่อนหวานของเธอมันแตกไม่เหลือชิ้นดีแล้วละ   ถ้าไม่อยากจะประจานตัวเองมากไปกว่านี้ละก็   โน่น!   ประตู   มาทางไหนก็สะบัดตูดกลับไปทางนั้นเลย”

     

     

    หญิงสาวกัดฟันจิกเล็บเข้ากับเนื้อจนเลือดซึมข่มอารมณ์โกรธ   นานมากแล้วที่ไม่เคยมีใครมาลองดีกับเธอแบบนี้   แถมยังต่อหน้าคนเป็นสิบ!

     

     

    “ฝากไว้ก่อนเถอะ”     ทิฟฟานี่พูดลอดไรฟันแล้วกระฟัดกระเฟียดเดินออกไป   โดยมีเสียงของซองมินดังไล่หลัง

     

     

    “จะฝากอะไรล่ะ   หน้าที่แตกอ่าเหรอ   ไม่เอานะ    ชั้นไม่รับ~!  

     

     

    คนน่ารักที่มัวแต่พูดไปเรื่อยไม่ทันได้หันมาเห็นสีหน้าของเพื่อนรัก   ดงเฮถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเอง   มองเลยออกไปทางหน้าต่าง   แววตาเต็มไปด้วยความสับสน   ภาพที่ลีอาห์ได้แต่มองอยู่ห่างๆในฐานะคนที่แอบรัก   ยิ่งเห็นดงเฮเป็นอย่างนี้   ก็ยิ่งรู้สึกเข้าไปอีกว่าเธอกับดงเฮชักจะถอยห่างกันมากขึ้น   ทุกทีๆ...

     

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - My Sweetheart.. You’re Everything. - - - -

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ทิฟฟานี่!   เธอไปไหนมา   ชั้นหาตั้งนาน”   ยุนอาปรี่เข้ามาหาเมื่อทิฟฟานี่เดินเข้ามาในห้อง

     

     

    “ไปหาลีดงเฮ   เพื่อนหมอนั่นกล้ามากที่มาเล่นกับชั้น!

     

     

    “ซองมินน่ะเหรอ   เรื่องนั้นช่างเหอะ   ชั้นว่าเราคงต้องเปลี่ยนแผน   ของชั้นมีปัญหา   สองคนนั่นมันรักกันมากเกินไป   ฮึ่ย!   ยุนอาพ่นลมหายใจโกรธๆ

     

     

    “แล้วจะเอายังไง   มีแผนรึเปล่า   รีบๆบอกมา   ชั้นไม่ไว้ใจนายดงเฮอะไรนั่นเลย   หมอนั่นสวยยิ่งกว่าผู้หญิงซะอีก”   ทิฟฟานี่คิดถึงใบหน้าหวานๆของลีดงเฮแล้วนึกหมั่นไส้   มันทำให้เธอมองข้ามลีดงเฮไปไม่ได้เลยจริงๆ

     

     

    “มี   เธอรู้จักผู้หญิงที่ชื่อลีอาห์หรือเปล่า..”

     

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - My Sweetheart.. You’re Everything. - - - -

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ซีวอน!   กลับบ้านนายไปได้แล้วโว๊ยยย”

     

     

    เสียงโวยวายของฮีซอลเล็ดลอดออกมาถึงหน้าบ้าน   รถที่ดงเฮเห็นบ่อยจนจำได้ดีว่าเป็นของใครทำให้เค้าต้องส่ายหัวเบาๆ   ขนาดเป็นแฟนกันแล้วพี่ฮีซอลของเค้ายังไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ  

     

     

    “ฮีซอล   แต่ผมอยากอยู่กับพี่นะ”   ซีวอนไม่ใช้คำนำหน้า   แต่สรรพนามโดดๆที่เรียกยังคงเป็นเหมือนเดิม   มันชินปาก

     

     

    “เมื่อวานยังอยู่ไม่พออีกเหรอ!   พอเลยนะ   กลับบ้านไปเลย   เห็นหน้านายแล้วเจ็บก้น!   เสียงโวยวายของฮีซอลทำให้ดงเฮชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตู   แล้วแอบฟัง

     

     

    “เพราะผมทำพี่เจ็บไง   ผมเลยต้องรับผิดชอบ”  

     

     

    ห..หา!!!   นี่พี่ฮีซอล...   กับพี่ซีวอน...  กันแล้วเหรอเนี่ย

     

     

    ดงเฮคิดในใจแล้วกลืนน้ำลาย   นึกภาพไม่ออกเลยว่าซีวอนกล่อมฮีซอลด้วยอะไร   จับขึง?   ยา?   อะเมซิ่งสุดๆ!!!

     

     

    “พอแล้ว   รับผิดชอบพอแล้ว   กลับบ้านไปได้แล้วไป   เดี๋ยวด๊องก็กลับมาแล้ว”   ฮีซอลไม่สนใจแล้วโบกมือไล่ชิ่วๆ

     

     

    “ครับๆๆ   กลับก็กลับ   แต่ก่อนกลับ...”

     

     

    ปั้ก!

     

     

    หมอนอิงใบเล็กที่เมื่อครู่อยู่บนมือฮีซอลตอนนี้ตกอยู่บนพื้น   หลังถูกมือนางพญาท้านรกขว้างไปปะทะหน้าหล่อๆ

     

     

    “ชั้นรู้นะว่านายจะพูดอะไร   ไม่ให้โว๊ยยย”

     

     

    น่าอายจะตายไป   อยากทำก็มาทำเองสิฟะ   จะมามัวขอทำด๊อกทำด๊อยอะไร  

     

     

    “โห   แค่จูบเดียวเองนะครับ”   ซีวอนยังตื๊อ   มันชินเสียแล้วกับการขอเอาหน้าด้านๆจากคนสวยของเขา

     

     

    “ให้แล้วจะกลับใช่มะ”   อันที่จริงจะสะบัดหน้าแล้วด่าใส่หรือเขวี้ยงหมอนไปอีกใบก็ได้   แต่คิมฮีซอลก็เลือกที่จะทำตามความต้องการของใจในแบบของตัวเอง

     

     

    “ถ้าถึงใจก็อาจจะทำต่อ   แต่ถ้าไม่ถึงใจผมก็จะทำต่อให้ถึงใจครับ”   ซีวอนยิ้มทะเล้นแล้วรีบมานั่งข้างๆฮีซอล   ใกล้มือใกล้ตีนละฮีซอลถนัดนัก

     

     

    ป้าบ~!

     

     

    “นี่แน่ะ   ถ้าไม่ได้หื่นนี่จะลงแดงรึไง    ฮะ”

     

     

    “ถูกครับ”   ซีวอนตอบหน้าตาย

     

     

    “งั้นก็ไม่ต้องเอา   ไปตายเลยไป”   มือเล็กๆผลักให้คนตัวสูงถอยออกห่าง   แต่มีหรือจะสู้แรงไหว   ถูกรวบมือบางเอาไว้ทั้งสองข้างโดยซีวอนอยู่ดี

     

     

    “ถ้าไปตาย   แล้วพี่จะอยู่กับใคร   ผมไม่ทิ้งพี่หรอก”   ซีวอนกระซิบเสียงนุ่ม   กดจูบหนักๆลงบนหน้าผากมนอย่างเน้นย้ำให้คำพูดของเขาหนักแน่น   ไม่ใช้เพียงลมปาก   แต่สัญญาให้คำนั้นกดหนักลงไปทั้งหัวใจ

     

     

    ดวงตาทั้งสองสบกันอยู่ชั่วครู่    ฮีซอลประคองโครงหน้าของซีวอนไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง   โน้มใบหน้าให้ก้มต่ำลงมา   ก่อนจะเป็นฝ่ายเคลื่อนขึ้นแล้วประกบจูบด้วยตัวเอง

     

     

    เป็นครั้งแรกที่ฮีซอลเป็นคนมอบสัมผัสด้วยตัวเอง   ซีวอนเบิกตากว้างอย่างอึ้งๆปนดีใจ   เก็บภาพความประทับใจตรงหน้าให้ได้นานที่สุด   ก่อนจะเป็นฝ่ายอยู่นิ่งและให้เกลียวลิ้นเล็กนำพา

     

     

    ซีวอนถูกผลักลงกับโซฟาช้าๆโดยที่ริมฝีปากยังคงแนบสนิทกัน   ฮีซอลระดมจูบหนักๆ ขบดูดเรียวปากเน้นๆ โดยไม่ยอมผ่อนแรง   เสียงจูบจ๊วบจ๊าบที่ดังจนคนที่แอบดูเหตุการณ์อยู่ต้องรีบยกมือขึ้นปิดปากทันที   แต่ก็เหมือนละครน้ำเน่า   แขนเล็กๆพลาดไปโดนร่มที่เกี่ยวอยู่ข้างผนังจนตกลงมา

     

     

    ตุ้บ!

     

     

    ดงเฮตาโตแล้วรีบวิ่งไปหลบหลังบ้าน   ไม่ลืมคว้ารองเท้าไปด้วยเพื่อทำลายหลักฐาน

     

     

    คนสวยผละออกทันทีแล้วหันไปยังที่มาของเสียง   แต่มองได้ไม่เท่าไหร่ก็ถูกมือหนารั้งใบหน้าให้หันกลับมาส่งต่อความหวานกันอีกรอบ

     

     

    “พอได้แล้วซิมบ้า   หื่นใหญ่แล้วนะ”   ฮีซอลยั้งตัวเองไว้แล้วถอยตัวกลับมานั่งตามเดิม   “กลับบ้านได้แล้ว”  

     

     

    ซีวอนยิ้มแล้วดึงฮีซอลมาหอมแก้มเบาๆ   “พรุ่งนี้ผมมารับนะครับ”

     

     

    “มาทำไม   ไปเองได้”

     

     

    “ไม่ได้ครับ   ผมได้พี่แล้ว   ผมต้องรับผิดชอบ”   ซีวอนยิ้มเจ้าเล่ห์   ฮีซอลเลยต้องปัดความอับอายของตนด้วยการดุนหลังร่างสูงแล้วออกไปส่งที่หน้าบ้าน

     

     

    รถเคลื่อนตัวออกไปแล้ว   ฮีซอลตวัดสายตาไปทางหลังบ้านทันที   ยกยิ้มไปข้างใดข้างหนึ่งเวลาที่ใจมันคิดถึงเรื่องสนุก

     

     

    ดงเฮถอนหายใจอย่างโล่งอก   ค่อยๆพาตัวเองออกมาจากซอกหลืบหลังเครื่องซักผ้า   แต่ยังไม่ทันที่จะขยับไปไหน   เสียงมหาโหดโฉดท้านรกก็ดังขึ้นซะก่อน   พี่ชายคนสวยของเค้าถือไม้ตีฟูกแล้วพาดไว้กับไหล่พร้อมรอยยิ้มหวานที่ดงเฮขยาดเป็นที่สุด!

     

     

    เค้ารู้สึกเหมือนไม้นั่นเป็นเคียวพรากวิญญาณเลย~!

     

     

    “แกเห็นอะไรบ้าง”   ฮีซอลถามด้วยน้ำเสียงสบายๆ   สบาย....เกินไปน่ะสิ

     

     

    “ห..เห็นว่าพี่  เอ่อ   พี่จูบ..กับพี่ซีวอน  ค..แค่นั้นเอง”

     

     

    ดงเฮปด   น้ำลายหนืดคอไปหมด   ถึงได้บอกไงว่าซองมินก็ไม่ได้ครึ่งของคิมฮีซอลหรอก!

     

     

    “แน่ใจ?”  ฮีซอลจับผิด   ไอ้ซีนนั้นเค้าไม่สนอยู่แล้ว  แต่ถ้าเห็นว่าเค้าตะเพิดซีวอนกลับแล้วบอกว่าเจ็บก้น...    ไอ้ปลานี่ไม่ได้โง่   มันต้องรู้ชัวร์!   

     

     

    อ๊ากกกกกก   ไม่ได้ๆ   ไอ้ปลาเน่ารู้   >   ฮยอกแจ  >  จุนกิ   >  เจย์  +  อิทึก  =  ฮีซอล!!!

     

     

    ไม่ได้ๆ   ใช่  ต้องหาทางปิดปากของมัน    ไอ้น้องบ้า

     

     

    “ลีดงเฮ    ไอ้น้องชาย   ไอ้ปลาเน่า   รู้ใช่มั้ยว่าแกต้องทำยังไงกับสิ่งที่เห็น”   ฮีซอลยิ้มหวาน   ดงเฮรีบพยักหน้าหงึกหงัก   “ดี   อย่าให้ใครรู้ล่ะ   ชั้นอายชาวบ้านเค้า   คนรู้จักชั้นก็ดันเยอะชิบ”   ฮีซอลพูดต่อไปเรื่อยๆ    แต่น้องชายอย่างดงเฮนั้นนิ่งไปตั้งแต่คำว่า คนรู้จักแล้ว

     

     

    “ด๊อง   ไอ้ปลาเน่า   ไอ้ทะเลเค็ม   เหม่ออะไรน่ะ”    ฮีซอลโบกไม้ตีฟูกไปมา   คิ้วเรียวขมวดเป็นปม

     

     

    “ห..หา   พี่พูดอะไรนะ    ผมไม่ทันฟัง”

     

     

    “ชั้นถามว่าแกเหม่ออะไร   ทำไม   วันนี้ไปเจออะไรมาเหรอ”   ฮีซอลคาดคั้นด้วยการจิกสายตาใส่

     

     

    “ค..คือ   ก็..”   ดงเฮทำท่าจะพูด   แต่ก็เกิดเปลี่ยนใจ   “ไม่มีอะไรหรอกครับ   พี่ทำข้าวไว้ยัง   หรือจะให้ผมทำ...”   ท่าทางแปลกไปของญาติผู้น้องเพียงคนเดียวของฮีซอลทำให้ไม่มีเวลาจะมานั่งอ่อนโยน   เค้าต้องรู้ให้ได้ว่าดงเฮไปเจออะไรมากันแน่!

     

     

    “ลีดงเฮ   ตอบ!!!

     

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - My Sweetheart.. You’re Everything. - - - -

     

     

    วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×