ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ★ SF - Keep in touch | WONHYUK KIHAE ★

    ลำดับตอนที่ #7 : SUPER JUNIOR | Back in 2009

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.ค. 58


       

     
     
    .
    .

     

     *ฟิคเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้น ไม่ใช่ความจริง 
    นอกเสียจากว่า คุณจะย้อนเวลาได้*

     
    .
    .

     

     

     

    Back in 2009

     

                   

     

     

     

    ธันวาคม 2014

    ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ คุณอยากกลับไปเพื่อทำอะไร ?

    ตัวฉันเอง... มีเรื่องที่ค้างคาใจอยู่เหมือนกัน

     

     

     



     

     

    มิถุนายน 2009

    The Sharp Star City Apartment

    ชั้น 11

     

     

     

    “มาหาใครครับ”

    ฉันยืนนิ่ง

    “เป็นแฟนคลับผมเหรอ”

    เสียงเขาแหบกว่าตอนร้องเพลงนิดหน่อย แต่เขาสุภาพกับแฟนคลับเหมือนเดิมเลย

    “ผมจะเซ็นให้ แล้วคุณก็กลับบ้านนะ”

    คยูฮยอนหยิบของในมือเพียงอย่างเดียวของฉันไป หน้าของเขาใกล้มาก...

    และพระเจ้า! หลุมสิวบนหน้าเขาเยอะจริงๆ

    “นี่อะไรเหรอ”

    “ไอโฟน” ฉันตอบ เขาทำท่าสนใจแล้วเล่นกับมันอย่างสนใจ

    คยูฮยอนกดปุ่มโฮมของฉัน แสงไฟสว่างวาบบนจอ เขาทำเสียงโอโมอย่างที่ฉันเคยได้ยินบ่อยๆ ในรายการโทรทัศน์แล้วถามฉันอย่างตื่นเต้น

    “ไม่เห็นรู้ว่ามีสีขาวด้วย”

    “นี่ไอโฟน 5 เป็นรุ่นที่ต่อจากไอโฟนยุคนี้มาอีกสี่รุ่น”

    “ฮะ?” คยูฮยอนมองหน้าฉันอย่างไม่คิดว่าฉันเป็นแฟนคลับของเขาอีกต่อไป จากนั้นเขาก็ยื่นหน้าออกมาจากประตูห้อง มองซ้าย มองขวา หัวเราะแหะๆ ถามฉัน

    “ซ่อนกล้องผมหรือเปล่าเนี่ย” คยูฮยอนเริ่มหัวเราะแล้วทำท่าระแวง ท่าทางของไอดอลเริ่มปรากฏขึ้นมาเมื่อคิดว่ากำลังถ่ายรายการ

    “เปล่า” ฉันส่ายหน้า

    “แล้วเธอคือ?”

    “ฉันเป็นแฟนคลับซูเปอร์จูเนียร์”

    “จริงๆ เลย เธอ...”

    ฉันชิงพูดก่อนเขา

    “แฟนคลับที่มาจากปี 2014

     


     

     

     

    “แล้วนายก็ให้เธอเข้ามาเนี่ยนะ?”

    ซองมินเท้าเอวใส่คยูฮยอน หลังจากทักทายฉันเพราะคิดว่าฉันเป็นแขก และหลังจากที่กลับเข้าไปเปลี่ยนชุดนอนผู้หญิงสีชมพูนั่นแล้วด้วย

    จริงอย่างที่เขาพูดไว้ในรายการเลย ชุดนอนใส่สบายจากแฟนคลับ

    “ไอ้เด็กโง่” อึนฮยอกพึมพำใส่คยูฮยอน แต่ทุกคนในห้องได้ยิน

    “นี่ อย่ามารุมผมนะ ก็เธอบอกเธอมาจากปี 2014

    “งั้นฉันก็มาจากปี 2012 ได้งั้นสิ” อึนฮยอกยังเถียงต่อ

    “ไม่ อย่างฮยองน่ะไม่รอดจากน้ำท่วม 2012 หรอก”

    เขาร้ายกาจจริงๆ

    ก่อนที่อึนฮยอกจะเริ่มโมโหคยูฮยอนจริงๆ (ซึ่งคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้เลย) เพราะพอพูดเสร็จคยูฮยอนก็รีบยิ้ม ทำทีเป็นพูดเล่น ฉันก็รีบพูดขึ้นมา 

    “ฉันมีหลักฐานว่าฉันมาจากปีไหน”

    ได้ผล ทุกคนหันมาฟังฉันในที่สุด

    “แต่ต้องเรียกสมาชิกทุกคนมาที่นี่...”

    “ไม่ได้หรอก” ซองมินพูดอย่างใจดีกับฉัน “ทุกคนมีตารางงาน เราคงทำแบบนั้นให้เธอไม่ได้หรอก”

    “ถึงแม้ว่าฉันจะมีเพลงทุกเพลงของซูเปอร์จูเนียร์ตั้งแต่เดบิวต์จนถึงปี 2014 ในไอโฟนน่ะเหรอ”

    “มีเหรอ!” อึนฮยอกทำหน้าตกใจแล้วกระโจนไปนั่งโซฟาตัวเดียวกับคยูฮยอน พวกเขาพยายามจะใส่รหัสปลดล็อกไอโฟนของฉันอยู่ ซองมินมองฉัน สลับกับมองไอโฟนสีขาวเครื่องนั้นอย่างลังเล

    “บอกรหัสมาเร็วๆ เข้า” คยูฮยอนพูดเร็วๆ อย่างตื่นเต้น ส่วนฮยอกแจพยายามเดารหัสโง่ๆ อยู่อย่างเช่น 1234 หรือ 1111

    “ไม่ จนกว่าสมาชิกทุกคนจะมาถึง”

    “แล้วพวกฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าเธอไม่ได้หลอกเรา” ฮยอกแจถาม สีหน้าของเขาเวลาที่ครุ่นคิดนี่น่ารักดีจริงๆ

    “ฉันจะเปิดเพลงให้ฟังหนึ่งเพลงก็ได้”

    ฉันแบมือขอไอโฟนคืนจากคยูฮยอนที่รีบส่งคืนมาให้ ปลดล็อกรหัสอย่างระมัดระวังไม่ให้ทั้งสามคนสังเกตนิ้วได้ เลือกแอพลิเคชั่น Music ทัชปลายนิ้วเลื่อนลงมาแล้วกด

    เสียงดนตรีของ Mr.Simple ดังขึ้น

    Because I naughty naughty

    Hey! I’m Mr.Simple

    “เสียงใครน่ะ” อึนฮยอกหันซ้ายหันขวาถามหาคนร้องท่อน I’m Mr.Simple

    “อีทึก” ฉันตอบ ยอมรับว่าที่เคยฟังครั้งแรก ฉันคิดว่าเป็นเสียงของทงเฮด้วยซ้ำ

    “ดนตรีดีมากเลย ฉันตื่นเต้น” ตอนนี้อึนฮยอกดูน่ารักมากๆ เขาทำท่ากระตือรือร้นแต่ยังเอียงหูฟังเพลงอย่างตั้งใจ ฉันชอบผมสีแดงของเขาตอนนี้จริงๆ นะ ชอบรองจากผมสีบลอนด์ในอัลบั้ม Mr.Simple เลย

    “เสียงแท่ดๆ นั่นเหมือนเสียงฉันนะ” อึนฮยอกหาความมั่นใจจากคยูฮยอน แล้วเขาก็รีบร้องว่า “โอ๊ะๆๆ ซูจูคันดา เสียงชินดงฮยองนี่!

    “นั่นเสียงฉัน” คยูฮยอนพึมพำหลังจากได้ยินเพลงท่อนแรก “แล้วก็...ซีวอนฮยองใช่ไหม”

    ตอนนี้เองที่สีหน้าลังเลของซองมินเปลี่ยนไปเป็นเคร่งเครียด พวกเขาตั้งใจฟังมาก ฉันแอบดูสีหน้านั้นแล้วคิดอย่างกระหยิ่มใจว่าคงไม่มีแฟนคลับคนไหนได้เห็นแน่ๆ

    เขาสามคนข้ามการเดาท่อนร้องของฮีชอลไปเพราะไม่แน่ใจ  แล้วก็พากันตื่นเต้นอีกครั้งกับเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของรยออุค

    “เฮ้ปิดทำไมล่ะ ฉันยังอยากฟังต่อนะ”

    “ฉันเข้าใจว่าพวกนายมีตารางงานแน่นมาก โดยเฉพาะคังอินกับอีทึก แต่ฉันอยากเล่าให้พวกนายฟังพร้อมกันทั้งหมดจริงๆ”

    ฉันทำน้ำเสียงจริงจัง นี่ไม่ใช่ตัวฉันเลยนะ ลึกๆ ฉันอยากจะกรี๊ดโอป้าแล้วตะโกนว่าซารางเฮใส่พวกเขามากกว่า แต่ในสถานการณ์แบบนี้ ฉันแค่อยากเป็นใครสักคนที่รู้จักกับพวกเขาจริงๆ ไม่ใช่ในฐานะแฟนคลับ

    “ถ้าเป็นสองคนนั้นล่ะก็ ตอนนี้ไม่มีงานหรอก” ซองมินบอก ดูเหมือนเขาก็อยากให้สมาชิกทุกคนมาช่วยกันพิสูจน์  

    “เดี๋ยวฉันจะโทรเรียกลงมาเดี๋ยวนี้เลย” แล้วคยูฮยอนก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมา

     

     



     

     

    ฉันรู้สึกเหมือนฝันไปเลย

    หรือฉันอาจจะกำลังฝันไปจริงๆ ก็ได้

    สมาชิกซูเปอร์จูเนียร์สิบเอ็ดคนแออัดกันอยู่ในห้องรับแขกของหอพักชั้น 11 ทุกคนทักทายฉันเพราะคิดว่าเป็นเพื่อนของอึนฮยอกหรือซองมิน จากนั้นก็พากันหงุดหงิดคยูฮยอนที่โทรเรียกมาอย่างไม่นับถือรุ่นพี่รุ่นน้อง

    ฮีชอลเขาน่ากลัวจริงๆ เขาเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ทักทายฉันและทำเหมือนฉันไม่ได้อยู่ในห้องนี้

    ทั้งสามคนยังไม่ยอมบอกว่าทำไมถึงเรียกให้ทุกคนมา สมาชิกยอมรอซีวอนและฟังเรื่องราวทั้งหมดพร้อมกันเพราะอึนฮยอกเป็นคนขอร้อง เขาช่างเป็นที่รักจริงๆ

    จะมีก็แต่ฮีชอลคนเดียวที่ยังทำท่ารำคาญ ถ้าฮันกยองไม่นั่งอยู่เขาก็คงลุกออกไปแล้ว

    ถึงจะไปออกรายการ Intimate Note มาด้วยกันแล้วเนี่ยนะ แต่ฮีชอลก็ยังออกอาการมึนตึงใส่ฮยอกแจอยู่ดี ไม่สิ... คงต้องรอจนกว่าฮีชอลจะเข้ากรม เขาคงจะเห็นเสียทีว่าน้องที่เว้นที่ว่างไว้ให้เขาเสมอนั้นน่ารักแค่ไหน

    พี่คังอินเป็นคนที่อัธยาศัยดีที่สุด เขาชวนฉันคุย ให้ตายเถอะฉันติดเรียกเขาว่าพี่ไปแล้ว ส่วนอีทึกที่วนเวียนอยู่แถวครัวนั้นคอยแต่แซวว่าฉันเป็นแฟนของใครกันแน่ระหว่างคยูฮยอนกับซองมิน

    ไม่พูดถึงอึนฮยอกเลยสักนิด ก็แน่ละ... เหอะ

    ทงเฮเข้ามาร่วมวงกับพวกเราในที่สุด ดูเหมือนเขาจะยุ่งๆ อยู่กับการแต่งเพลง ฉันอยากบอกเขาจริงๆ ว่าชอบ Still you มาก และอยากให้ระวัง Dispatch เอาไว้ แต่มันยังไม่ถึงเวลา

    ในที่สุดซีวอนก็มาถึง เขาบอกว่าเพิ่งกลับจากพูดคุยเกี่ยวกับละครเรื่องแรกที่ได้รับบทเป็นพระเอก เขาว่ากำลังมีการวางตัวนักแสดงหญิงกันอยู่ ระหว่างแชริมกับอียองเอ สมาชิกทุกคนตื่นเต้นกันมากและเชียร์ให้เป็นอียองเอ

    “แชริม” ฉันพูดออกไป ทุกคนที่กำลังพูดคุยกันต่างเงียบกันหมด ซีวอนหันมองและเพิ่งเห็นว่าฉันนั่งอยู่ เขายิ้มให้อย่างสุภาพแล้วบอกว่า

    “ใครก็ดีทั้งนั้นแหละครับ”

    “แชริมจริงๆ ที่ได้เล่น” ฉันยืนยัน ซีวอนทำหน้าแปลกใจกับฉัน

    “คุณมั่นใจได้ยังไง”

    ฉันไม่ตอบ แต่หันไปทางอึนฮยอก คยูฮยอนและซองมินแทน

    คยูฮยอนทุ้งสีข้างซองมินเบาๆ ให้เป็นคนอธิบาย

    “คือ...” เขาเริ่มต้นอย่างอึกอัก “ผู้หญิงคนนี้ เธอบอกว่าเป็นแฟนคลับเรา”

    “แล้วไง” ฮีชอลเริ่มยกขาขึ้นพาดโต๊ะ “จะเอาลายเซ็นครบวงหรือไง”

    ซองมินเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “เธอบอกว่าเธอมาจากปี 2014

    ม้วนกระดาษทิชชู่ถูกปามาจากที่ไหนสักแห่ง ฉันจำได้ว่าเมื่อครู่นี้มันอยู่ข้างเก้าอี้ที่ฮีชอลกำลังนั่ง

    “อย่ามาปัญญาอ่อน ซองมินนายก็เป็นไปกับสองคนนั้นด้วยหรือไง”

    “ซ่อนกล้องพวกฉันหรือเปล่าเนี่ย” คังอินมองหากล้องอย่างระแวดระวัง คยูฮยอนรีบพูด

    “คังอินฮยองก็คิดเหมือนผม”

    “ไหนอธิบายอีกหน่อยซิฉันยังไม่ค่อยเข้าใจ”

    “ฮยองอย่าโง่สิ” อึนฮยอกเบื่อหน่ายจะอธิบายซ้ำให้อีทึกฟังเหมือนลุงแก่ๆ คนหนึ่งที่เข้าใจโลกยาก “พวกผมบอกว่าผู้หญิงคนนี้มาจากปี 2014

    “มาจากอนาคตงั้นสิ” เยซองทำตาลอยใส่อึนฮยอก เขาหันมามองฉันและสีหน้าไม่เปลี่ยนไปเลย “นั่งไทม์แมชชีนมาเหรอ ไหนล่ะโดราเอม่อน”

    “ไม่เห็นตลก” ฮันกยองบอกเยซอง ฉันรู้สึกรักเขาขึ้นมาทันที

    “แกไม่เข้าใจเกาหลีมากกว่าเจ๊ก”

    ให้ตายเถอะ พวกเขาบางคนนี่เลือดร้อนกันจริงๆ แม้แต่เยซองที่นิ่งๆ ในรายการทีวีตอนนี้ยังพูดจาแรงๆ ได้แม้ว่าสีหน้าจะไม่เปลี่ยนไปเลย นอกเสียจากว่าพวกเขาดูเปลี่ยนไปจากตอนอยู่หน้ากล้องก็เท่านั้นแหละ

    รยออุคยังใจเย็นอยู่ เขาแตะแขนเยซองให้เงียบแล้วมองฉันอย่างประเมิน รายนี้ก็ร้ายไม่ใช่เล่น ตั้งแต่ออกรายการวาไรตี้มากขึ้นและจัดซูกิระเป็นประจำ ฉันรู้ว่าเขาเองก็ปากร้ายไม่แพ้ตัวท็อปในวงเลย

    “นี่ๆ ฉันไม่มีเวลาเล่นกับพวกนายนะ อีกเดี๋ยวฉันต้องไปเดท” ชินดงซึ่งเงียบมานานไม่ได้มีทีท่าโกรธอะไร เพียงแต่เขาไม่อยากเสียเวลาฟังถ้าคนอื่นกำลังล้อเล่น

    “เธอมาจากปี 2014 จริงน่ะ”

    มีแค่ทงเฮเท่านั้นที่ถามฉันอย่างสนใจ ห้องจึงเงียบลงเมื่อทุกคนรอฟังคำตอบ

    “จริง” ฉันพูด หันไปทางชินดงที่กำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมตัวไปเดท “แฟนพี่ชื่อนาริ พี่เจอเธอครั้งแรกในหนังสือรุ่นของโรงเรียนเก่า แล้วบอกกับเพื่อนว่าจะจีบผู้หญิงคนนี้ พี่ขอเธอแต่งงานเป็นโค้ดลับในอัลบั้มที่สี่”

    ทั้งห้องเงียบกริบ กระทั่งมีเสียงเฮอะออกมาจากฮีชอล “เรื่องนี้ถามเพื่อนชินดงมันก็รู้กันหมด อย่ามาตลกน่า”

    “พี่ไม่ชอบฮยอกแจเพราะการวางตัวของฮยอกแจในรายการ มันทำให้พี่ถูกแฟนๆ ของฮยอกแจด่าเยอะมากๆ เป็นเหตุผลที่ทำให้พี่ออกจากแฟนคาเฟ่ของซูเปอร์จูเนียร์ พี่เปิดเผยเรื่องนี้ในรายการ Intimate Note

    ห้องเงียบเป็นครั้งที่สอง จนฮยอกแจหันไปถามฮีชอลตรงๆ “พี่คิดแบบนั้นจริงเหรอ”

    “งั้นเธอก็รู้สิว่าฉันกำลังแต่งเพลง” จู่ๆ ทงเฮก็โพล่งขึ้น ทำลายบรรยากาศอึมครึมในห้องไปอย่างรวดเร็ว ฉันว่าเขาคงเชื่อฉัน ไม่งั้นก็ทำเพื่อเปลี่ยนเรื่อง เวลาเขากำลังตื่นเต้นนี่ดูเหมือนเด็กๆ เลย อาจเป็นเพราะตอนนี้เขายังไม่มีกล้ามนั่นก็ได้

    แทนที่จะตอบ ฉันหยิบไอโฟนขึ้นมาปลดล็อก แล้วเลื่อนหาเพลงอีกครั้ง

    แล้วฉันก็ได้เห็นทงเฮตัวแข็งทื่อ เขามองฉันอย่างไม่เชื่อสายตาในขณะที่เพลง Beautiful กำลังเล่น

    “ท..ท่อนนั้น...” ทงเฮเบิกตากว้าง เสียงตะกุกตะกักอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “ฉันยังแต่งไม่จบเลยด้วยซ้ำ!

    “เชื่อฉันเถอะ” ฉันพูดแล้วมองหน้าทุกคนช้าๆ พวกเขายังดูไม่หล่อเท่าในอีกห้าปีข้างหน้า แต่ก็ดูอ่อนเยาว์และใสซื่อเหลือเกิน คยูฮยอนกับชินดังยังมีตาชั้นเดียวอยู่เลย “ฉันเป็นแฟนคลับพี่จริงๆ”

    “เธอเมนใครล่ะ” คังอินพูดยิ้มๆ เขามีเสน่ห์สุดๆ แต่ภายใต้ความอารมณ์ดีนั้นฉันแน่ใจว่าเขาไม่เชื่อฉันเลยแม้แต่น้อย

    “ตอนแรกก็ชอบทงเฮ” ฉันตอบ ทงเฮดูตื่นเต้นขึ้นมาทันที แล้วก็มีสีหน้าเสียดายตอนที่ฉันบอกว่า “แต่หลังๆ ฉันชอบพี่ซีวอนที่สุด”

    แล้วเสียงของเมมเบอร์ก็ดังเซ็งแซ่ไปหมด ฉันต้องตอบคำถามของสมาชิกอยากรู้อยากเห็นมากมาย

    “เธอรู้ใช่มั้ยว่าฉันคบกับใคร” ทงเฮยังให้ความสำคัญกับเรื่องความรักเป็นอย่างมาก

    “รู้ มกราคมปี 2014 ผู้หญิงคนนั้นประกาศคบกับลีซึงกิ แล้วพี่ก็แต่งเพลงให้เธอตอนเลิกกัน”

    “แล้ว...” อีทึกเองก็เช่นกัน

    “มิถุนายน 2014 ผู้หญิงคนนั้นประกาศคบกับแบคฮยอน วงเอ็กโซ”

    “แบคฮยอนคือใคร”

    “อีกสองสามปี เอสเอ็มจะเดบิวต์บอยแบนด์ 12 คนชื่อวงว่าเอ็กโซ มีสมาชิกที่เป็นทั้งคนเกาหลีและจีน เด็กเทรนตอนนี้ที่ได้อยู่วงนั้นก็มีจงอิน คนที่หน้าเหมือนแทมินน่ะค่ะ”

    “อ๋อ แล้วเธอชอบวงใหม่นั่นหรือเปล่า” ทงเฮรีบถาม ฉันส่ายหน้า

    “ตอนเอ็กโซเดบิวต์ มีข่าวลือมากว่าจะมาแทนที่เอสเจ แล้วพวกเขาก็ดังมาก พี่จะสนิทกับคนที่ชื่อเซฮุน อัพไอจีด้วยกันตลอด” ฉันบอกทงเฮ “และในคอน Super Show 5 ที่ไทย พี่ก็ถามแฟนๆ ว่าหนีไปชอบเด็กกันใช่มั้ย พูดชื่อเอ็กโซออกมาด้วยซ้ำ” ฉันหัวเราะ ตอนที่พี่ซีวอนชี้ไปที่ตัวเองเป็นทำนองว่า เขาน่ะเหรอเป็นคนพูด

    “เดี๋ยวๆ เราได้จัด Super Show 5 ด้วยเหรอ” ฮยอกแจถามอย่างตื่นเต้น

    Super Show 6 ด้วยซ้ำที่กำลังจัดเวิร์ลทัวร์อยู่ พี่ไปทั้งอเมริกาใต้ ยุโรป เอสเจจะประสบความสำเร็จมากในต่างประเทศ แต่ความนิยมในเกาหลีก็เริ่มลดลงไปเรื่อยๆ”

    ฉันพูดอย่างระมัดระวัง สีหน้าของแต่ละคนเริ่มเปลี่ยนไป

    “อย่ากลัวอนาคตเลยค่ะ เพราะช่วงที่ดีที่สุดของซูเปอร์จูเนียร์มันเกิดขึ้นแล้ว และต่อให้จะมีเรื่องดีหรือร้ายเกิดขึ้นต่อจากนี้ยังไง ในปี 2014 พี่ก็ยังเป็นปัจจุบันของฉันอยู่ดี”

    “นั่นแปลว่า... จะมีเรื่องดีกับเรื่องร้ายเกิดขึ้นงั้นสิ”

    เป็นคำถามที่มาอย่างถูกต้องเสียเหลือเกิน ในหนัง ตัวละครที่ย้อนเวลากลับมาจะทำแค่เตือนคนในอดีตเท่านั้น แต่สำหรับฉัน ฉันแค่ไม่อยากให้เรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับพวกเขาเลย แม้แต่เรื่องเดียว

    ฉันขมวดคิ้วให้คังอิน “พี่นั่นแหละ”

    เขาทำหน้าเหวอ

    “เดือนตุลาคมปีนี้ พี่ขึ้นหน้าหนึ่งเมาแล้วชกต่อยกับคนในผับ ข่าวยังไม่ทันซา พี่ก็เป็นข่าวขับรถชนแล้วหนีอีก พี่ไม่รู้หรอกว่ามันแย่แค่ไหน”

    “ฉันทำขนาดนั้นเลยเหรอ”

    “ปี 2009 เป็นปีทองของซูเปอร์จูเนียร์ แต่เพราะข่าวนี้ถึงทำให้พี่หยุดการโปรโมท แล้วเข้ากรมไปเป็นคนแรกของวง”

    เกิดความเงียบในชั่วอึดใจ เข้ากรม เป็นคำที่ทั้งนักแสดงและไอดอลชายอายุเกิน 20 ปีไม่อยากได้ยินเอาเสียเลย

    “ฉันไม่รู้ว่าการที่ฉันบอกพี่จะทำให้พี่ระวังตัวขึ้นบ้างไหม แต่พี่แทบไม่เชื่อสิ่งที่ฉันพูดเลยด้วยซ้ำ” จู่ๆ ฉันก็โมโห แล้วก็เสียใจมาก

    “ฉันเห็นแฟนคลับพี่หลายต่อหลายคนปกป้องพี่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วพี่ก็ทำร้ายตัวเองอีก พวกเธออยากต่อว่าพี่ แต่ก็กลัวพี่จะเสียใจอีก แล้วพี่หายไปสองปี  พี่คิดว่าพวกเธอจะรู้สึกยังไง”

    ฉันไม่รู้ว่าคังอินรู้สึกอย่างไร แต่เขาก็พูดกับฉันอย่างอ่อนโยนว่า “พี่ขอโทษ”

    “ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันตอบอย่างรวดเร็วแล้วยิ้มให้เขา “เรื่องมันผ่านมานานมากแล้ว แล้วพอพี่ออกจากกรมมา ก็ดูเหมือนว่าพี่จะเป็นคนที่ดีขึ้น รับผิดชอบมากขึ้น แล้วก็พูดอยู่เสมอว่าบทเรียนนั้นมันทำให้พี่โตขึ้น แต่มันก็ทำให้คนที่ค่าตัวแพงที่สุดในซูเปอร์จูเนียร์ไม่มีงานทำไปสักพักนึงเลยนะ ตอนพวกพี่ถ่ายรายการด้วยกันแล้วเล่นเกมตอบคำถามว่าเอสเจสั่งอะไรมากินบ่อยที่สุดแล้วพี่ตอบไม่ได้ คยูฮยอนถึงกับล้อพี่เรื่องนั้นเลยล่ะ”

    “อย่ามองผมแบบนั้นสิ ผมยังไม่ได้ทำสักหน่อย” คยูฮยอนอุบอิบ ฉันจึงพูดต่อ

                  "ฉันอยากรู้ว่า ต่อให้ฉันบอกพี่แบบนี้แล้ว พี่จะยังไปมีเรื่องกับเขาอีกมั้ย"

                  คังอินยักไหล่ "ก็ต้องดูสถานการณ์ กับความเมา"

                  ฉันถอนหายใจ นี่พี่คังอินจริงๆ ด้วย!


    “ขอผมถามบ้างสิ” พี่ซีวอนพูด ฉันยิ้มหวานให้เขาออกนอกหน้าจนคยูฮยอนแอบยึกยักใส่ฉัน “เรตติ้งละครพี่เป็นยังไง”

    “เฉลี่ยที่ 10% ค่ะ หลังจากนั้นพี่ก็เล่นเป็นพระเอกอีกเรื่อง แล้วพักหลังก็ไปเล่นละครให้ต่างประเทศเยอะแยะ แต่ละครโดนดองไม่ให้ฉายเพราะที่จีนเขาห้ามเรื่องวิญญาณอะไรแบบนี้ อ้อ ได้เล่นละครจีนกับทงเฮด้วย เรื่อง Skip beat ทงเฮหล่อมากก็จริงแต่พี่ซีวอนเป็นพระเอก”

    “ฉันได้เล่นละครเหรอ โห สุดยอด” ทงเฮทำหน้าถูกใจ

    “ใช่ เป็นพระเอกเต็มตัวด้วยช่องนึง แล้วก็มีบทรองเรื่องอื่นอีก พี่คิบอมเองก็เล่นละครนะ เป็นตั้งพระเอกเลยแน่ะ มีซิกแพ็คด้วย พวกพี่เล่นหนังกันเพียบ พี่คังอิน พี่ซีวอน ทงเฮ ส่วนคยูฮยอน รยออุค ฮยอกแจก็เล่นละครเวที พี่ฮีชอลเข้ากรมเป็นคนที่สองตอนอัลบั้มที่ แล้วพี่อีทึกก็เข้ากรมตอนอัลบั้ม ตามด้วยเยซอง พี่ชินดงเริ่มทำงานเบื้องหลัง ถ่ายเอ็มวีให้อัลบั้มดูโอ้ของทงเฮกับฮยอกแจด้วย อัลบั้มนั้นดังมากเลย อ้อ ตอนพี่ฮีชอลเข้ากรมนายได้จัดรายการ Radio Star แทนด้วยนะ” ฉันพยักหน้าให้คยูฮยอน เขาตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็มีความดีใจอยู่ในนั้นมากมาย และฉันเลือกจะไม่พูดเรื่องอัลบั้ม At Gwanghwamun เพราะอ่านในสัมภาษณ์ที่คยูฮยอนไม่ได้บอกใครเลยเรื่องอัลบั้ม ฉันจึงเก็บมันเป็นความลับต่อไป

    “ตอนแรกพี่ฮีชอลแนะนำฮยอกแจให้มาทำรายการแทน อนาคตพี่ฮีชอลคลั่งไคล้ฮยอกแจน่าดู” ฉันแอบเห็นฮีชอลทำหน้าประหลาดกับคำว่าคลั่งไคล้ฮยอกแจ “แต่คิมกูราเป็นคนเลือกคยูฮยอน ดังนั้นรายการ Intimate Note นายต้องทำให้เขาประทับใจมากๆ”

    “แล้วฉันล่ะ” ซองมินถาม

    “ก็มีเล่นละครเวทีบ้าง” ฉันตอบไม่เต็มเสียงนัก เขาขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

    “แล้วฮันกยองล่ะทำอะไร”

    เป็นครั้งแรกที่ฮีชอลถามฉัน ฉันหันไปมองฮันกยองที่ยังนั่งเฉยๆ แล้วยิ้มให้ฉันเมื่อสบตากัน ฉันตอบด้วยน้ำเสียงปกติ

    “ก็ออกรายการบ้างค่ะ”

    คำตอบของฉันไม่ได้ทำให้ฮีชอลพอใจเท่าไหร่ เขาถามต่อ “แล้วฉันมีแฟนบ้างมั้ย เปิดตัวหรือเปล่า”

    “เปิดตัวค่ะ ชื่ออันนา”

    ทุกคนขมวดคิ้ว ฉันเองยังแทบกลั้นขำไม่ได้ แต่ก็ไม่ขยายความเพิ่ม คนถามก็เพียงพยักหน้าส่งๆ ไปเท่านั้น

    “นี่” จู่ๆ ซองมินก็เอ่ยขึ้น ท่าทางเขาในตอนนี้เหมือนในรายการ Mini Drama ดูขี้อาย แต่ก็มีความมั่นใจ แต่ฉันไม่กล้ามองหน้าเขาเท่าไหร่นักหรอก


    “ไม่รู้ฉันรู้สึกไปเองหรือเปล่านะ แต่เหมือนเธอไม่ค่อยชอบหน้าฉันเลย ฉันทำอะไรให้เธอโกรธเหรอ”

    ฉันถอนหายใจ ตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ร่าเริงเหมือนเก่า

    “เดือนธันวาคมปี 2014 พี่แต่งงานกับผู้หญิงที่พี่เล่นละครเวทีด้วย แฟนไซต์ของพี่ปิดตัวกันไปมาก แม้แต่แฟนไซต์ที่ฉันคิดว่าเขารักพี่มากที่สุดยังผิดหวังในตัวพี่ เพราะพี่ไม่พูดอะไรเลย มีแต่ผู้หญิงที่เป็นคนพูด จู่ๆ ตอนนั้นพี่ก็เหมือนเป็นใครไม่รู้ที่พวกเราไม่รู้จัก”

    เกิดความเงียบอยู่ชั่วอึดใจ เมมเบอร์ทุกคนมองฉัน แล้วหันมองซองมินเป็นตาเดียว สมาชิกคนที่ดูไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร แต่นั่นก็ทำให้เขาเป็นคนที่เข้าถึงยากที่สุดในวง

    “ฉันไม่ชอบผู้หญิงคนนั้น เธอขี้อวด แล้วพี่เองก็ทำเหมือน... เหมือนทั้งหมดที่ผ่านมาของพวกเราไม่มีความหมาย”

    ฉันร้องไห้ มองซองมินอย่างโกรธๆ

    แต่แล้วซองมินก็ยิ้ม เป็นรอยยิ้มน่ารักๆ ที่ไม่ว่าจะเป็นปัจจุบันของพวกเขา หรือปัจจุบันของฉัน มันก็ยังเหมือนเดิม

    “งั้นเหรอ แล้ววันที่ฉันแต่งงาน ฉันดูมีความสุขมั้ย”

    “วันนั้นพี่ดูมีความสุขมาก...”

    “แล้วเธอไม่ยินดีกับพี่หรอกเหรอ”

    รอยยิ้มซองมินยังคงชัดเจน แต่คำพูดของเขากลับทำให้ฉันแทบหยุดหายใจ

    “ฉัน... แค่อยากเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แค่อยากมาบอกตัวพี่ในเมื่อวานว่าพรุ่งนี้พี่จะทำให้พวกเราผิดหวัง”

    “พี่ขอโทษ” ซองมินพูด สรรพนามของเขาเปลี่ยนไป “แต่ถึงพี่รู้อย่างนี้ พี่ก็รับปากไม่ได้ว่าจะเปลี่ยนแปลงมันอย่างที่เธอต้องการได้หรือเปล่า ปี 2014 พี่ก็อายุสามสิบแล้วนะ ถ้าพี่ต้องมองเห็นแฟนคลับแต่งงานไปทีละคน...ละคน รู้ตัวอีกทีพี่ก็อายุห้าสิบ ไม่มีใครดูพี่เต้นพี่ร้องเพลงอีกแล้ว พวกเธอก็มีลูกมีเต้ากันหมด แล้วพี่จะอยู่กับใครล่ะ”

    “ถึงแม้ว่าพี่จะทำให้พวกเราผิดหวังน่ะเหรอ”

    “ใช่ ถึงแม้ว่าพี่จะทำ”

    “พี่นี่ใจร้ายชะมัด”

    แต่ซองมินก็ยังหัวเราะ “ขอโทษที่พี่อาจเป็นคนแบบนั้น พี่คงกลัวที่ต้องบอกแฟนๆ แล้วถูกเกลียด แล้วก็คงกลัวว่าจะไม่ได้แต่งงานกับเธอคนนั้น พี่จินตนาการความรู้สึกตอนนั้นไม่ออก แต่พี่รู้ว่าพี่ไม่เคยปิดบังความรู้สึกได้ ดังนั้นถ้าตอนนั้นเธอเห็นว่าพี่มีความสุขดี พี่ขอให้เธอยินดีกับพี่เถอะ”

    “พี่มองโลกในแง่ดีเกินไปแล้ว” ฉันแขวะเขา แต่รอยยิ้มนั้นไม่หายไปจากหน้าของซองมินเลย

    “พี่เคยอ่านเจอว่า ถ้าเราชอบใครเกินสามเดือน นั่นคือความรัก ถ้าความรักพวกนั้นยังอยู่ เธอจะไม่เกลียดพี่หรอก”

    “แต่ก็โกรธ” ฉันพูดแทนแฟนคลับทั่วโลก

    “ตอนนั้นพี่คงต้องทำใจเผื่อไว้เยอะๆ แล้วล่ะ”

    “เลือกเองทั้งนั้น” ฉันว่าต่อ น้ำหูน้ำตาไหลจนพี่ซีวอนต้องส่งทิชชู่มาให้ แต่อยู่ไกลเหลือเกินทิชชู่ถึงต้องผ่านทั้งมือทงเฮฮยอกแจคยูฮยอนและอีทึกกว่าจะถึงมือฉัน

    “ก็ได้ ฉันจะพยายาม แต่ขอพี่เรื่องเดียว”

    “พูดมาเลย” ซองมินยิ้มให้

    “อย่าทิ้งเอสเจนะ อยู่ด้วยกันจนกว่าเมมเบอร์ทุกคนพร้อมจะจบมัน”

    “ได้ พี่จะอยู่”

    “ถึงโดนแอนตี้ก็ต้องอยู่นะ” ฉันย้ำ

    “ถึงโดนแอนตี้ก็จะอยู่” ซองมินยืนยัน

     

     

     

     

    คืนนั้น ฉันเล่าทุกเรื่องให้พวกเขาฟังจนถึงตีสี่ เอสเจแยกย้ายไปนอนได้เพราะฉันบอกว่าให้ไปคิดมาว่าจะถามอะไร แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาถาม ทุกคนเห็นพ้องกันเลยได้ยอม พอสมาชิกแยกย้ายไปเกือบหมด ฉันเห็นคิบอมเปิดตู้เย็นและหยิบเบียร์ออกมาหนึ่งกระป๋อง เขาเป็นคนเดียวที่ไม่ถามฉันเกี่ยวกับอนาคตของเขา ฉันเองก็อยากบอกเขาอยู่หรอกนะว่าถึงจะรักงานแสดง แต่ช่วยโผล่มาในอัลบั้มหลังๆ บ้างสิไม่ใช่หายเข้าถ้ำ ฉันเลย...

                  "พี่คิบอม" เขาหันมาและรอฟัง

                  "ทงเฮนี่น่ารักเนอะ"

                  มันอดไม่ได้จริงๆ ...

                  ฉันได้รับเกียรติให้พักในห้องของพี่ชินดงกับผู้จัดการ แต่วันนี้ผู้จัดการไม่อยู่ พี่ชินดงจึงไปนอนกับฮยอกแจและยกห้องให้ฉันแทน


    “มีอะไรก็เรียกทงเฮกับพี่อีทึกนะ” พี่ชินดงบอกแล้วเตรียมปิดประตูให้ฉัน

    “พี่คะ”

    “ว่าไง”

    “เรื่องพี่นาริ... พวกเราชอบเธอมาก เธอไม่ทำให้พวกเราเจ็บมากเกินไปเวลาพี่เอาใจใส่เธอ”

    “งั้นเหรอ” ชินดงหัวเราะ เขาดูเท่มากๆ เวลาไม่มีภาพลักษณ์ตลกอย่างในโทรทัศน์ “ฉันคงได้แต่งงานกับเธอใช่มั้ย”

    ฉันเงียบ แต่มันเป็นคำตอบที่ดี

    “อ่า... ไม่งั้นสิ” น้ำเสียงเขาดูเศร้า ก่อนจะรีบยิ้มให้ฉันแล้วปิดไฟ “ฝันดีนะ”

    ชินดงเดินออกไปแล้ว พูดถึงเรื่องนี้แล้วนึกขึ้นมาได้ ฉันยังไม่ได้เตือนฮยอกแจเรื่องผู้หญิงคนนั้นเลย ลืมได้ยังไงนะ ตอนนั้นนั่งเจ็บใจอยู่ตั้งนาน

    ฉันเตรียมตัวจะนอน แต่เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับแสงไฟที่ลอดเข้ามา

    “เธอนอนหรือยัง”

    เป็นเขาจริงๆ

    “ยังค่ะ”

    ฮันกยองเปิดไฟแล้วเดินเข้ามาในห้อง เขาปิดประตูแล้วยืนพิงมัน ก้มหน้ามองเท้าตัวเอง

    “ขอบใจนะ ที่ไม่พูดเรื่องนั้น”

    เขาไม่กล้าแม้แต่สบตาฉัน ฉันเองก็พูดไม่ออก

    “ระหว่างฉันกับซองมิน เธอคิดว่าเรื่องไหนทำให้แฟนๆ เจ็บปวดกว่ากัน”

    “ฉันไม่รู้หรอกค่ะ”

    ฉันชันเข่าขึ้นมากอด เหมือนฮันกยองกำลังลังเล อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะเป็นเวลาที่เขาฟ้องร้องบริษัทเรื่องสัญญาทาสและการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม มันทำให้เขาป่วยและเหน็ดเหนื่อยทั้งกายและใจ

    “แต่ฉันเคยอยากต่อว่าพี่ ฉันเคยแม้กระทั่งคิดว่าพี่เป็นคนทรยศ”

    “พี่เองก็คิด” น้ำเสียงเขาเหนื่อยล้า

    “ฉันคิดแบบนั้นมาตลอด ต่อว่าที่พี่หันหลังให้เมมเบอร์ จนกระทั่งเร็วๆ นี้เองที่ฉันตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกคาดหวัง ฉันมีความสุขเวลามองคนที่สนับสนุนฉัน แต่การทำงานนี้มันเหนื่อยเหลือเกิน ฉันเหนื่อยกับการพยายามทั้งที่รู้ว่าทุกอย่างมันไม่ยุติธรรมสำหรับฉันเลย ฉันเหนื่อย ฉันเริ่มป่วย มีบางครั้งที่ฉันคิดว่าขืนทำงานนี้ต่อไปฉันคงต้องตายแน่ๆ และฉันก็ได้รู้ว่า ฉันต้องกลายเป็นคนทรยศต่อทุกคนที่รักฉัน ตอนที่ฉันตัดสินใจเดินจากมา”

    “แล้วฉันก็คิดถึงพี่ มันต้องลำบากสักแค่ไหนกันนะ มันต้องทรมานแค่ไหน ถึงทำให้พี่ต้องตัดสินใจแบบนั้น ฉันเอาแต่ผิดหวัง ต่อว่าพี่ แต่ไม่เคยเข้าใจความรู้สึกของพี่เลย”

    “จนถึงวันที่ฉันเจอกับตัวเอง ฉันถึงเข้าใจว่าการที่พี่เดินจากมา ไม่ได้หมายความว่าพี่ไม่รักคนที่เหลืออยู่บนเวทีนี่คะ”

    ในความเงียบ ฉันเห็นเขายกหลังมือเช็ดน้ำตา ตัวเขาสั่นอย่างพยายามกลั้นเสียงสะอื้น เมมเบอร์นอนอยู่ในห้องใกล้ๆ นี้ ใกล้จนน่าสงสัยว่าเวลาที่ฮันกยองร้องไห้ เขาต้องอดกลั้นมันมากแค่ไหนเพื่อไม่ให้ใครได้ยิน ที่นี่เขาไม่มีใคร เขามีเพื่อนที่กำลังคาดหวังว่าวงจะไปได้สวย และเขาเป็นคนที่กลัวที่สุดว่าจะทำมันพัง และในตอนนี้ เหมือนฉันเป็นคนแรกที่ได้รับรู้ความทุกข์ทรมานทั้งหมดของเขา

    “ฉันเคยคิดจะเปลี่ยนใจพี่ ไม่ให้พี่ลาออก ไม่ให้พี่ฟ้องบริษัท เพราะคิดว่าน่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปได้บ้าง แต่อย่างที่ฉันบอกพี่ ในอนาคต หนึ่งในสมาชิกวงเอ็กโซที่เป็นคนจีน จะฟ้องร้องบริษัท ใช้ทนายคนเดียวกันกับพี่ด้วยซ้ำ นั่นหมายความว่าต่อให้พี่ยังอยู่ หรือต่อให้พี่ไปจากบริษัทนี้ สัญญานั่นมันก็จะไม่เปลี่ยนแปลง ทุกอย่างจะเหมือนเดิม จะมีฮันกยองคนที่สอง คนที่สาม ไม่มีใครเรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์นี้ และไม่มีใครเข้าใจความทรมานของพี่เช่นกัน"

                  "ยิ่งได้มาอยู่ตรงนี้กับพี่ และเห็นพี่ต้องทนอยู่ในสภาพแบบนี้ไปอีกวันเดียว สิ่งเดียวที่ฉันอยากบอกกับพี่ก็คือ... ขอบคุณนะคะ ขอบคุณที่มาเป็นส่วนหนึ่งของเอสเจ ขอบคุณที่อดทนมาจนถึงวันนี้ ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ทำให้พี่ดีขึ้น ทำมันเถอะค่ะ”


    “แต่... พี่กลัวว่าทุกคนจะ...”

    “วางใจเถอะค่ะ มิตรภาพของซูเปอร์จูเนียร์ยังเป็นสิ่งที่พี่เชื่อมั่นได้เสมอ”

     

     

     

     

    ธันวาคม 2009

    ฮันกยองฟ้องร้องสัญญาทาสกับบริษัท และออกจากวงในเวลาต่อมา

     

     

     

     

    .

    .

    .

     

     

     

     

     








     



                  ปี 2014
                   .
                   .

                   


























    Note* สิ่งที่เรารักที่สุดในซูเปอร์จูเนียร์คือมิตรภาพของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นยังไงในอนาคต แต่เมื่อพวกเขาอยู่ด้วยกัน นั่นแหละ... ศิลปินที่เรารัก



     

      
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×