ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -My Sweetheart..You're Everything -KiHae HanHyuk SJ-

    ลำดับตอนที่ #41 : :: Chapter 29 : Hug me please ::

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.67K
      46
      26 มี.ค. 53

     

     

     

     

    29

    Hug me please…

     

     

     

    ร่างอวบลุกไปเข้าห้องน้ำหลังจากรุ่นพี่สุดหล่อพารุ่นพี่คนสวยกลับไปได้สักพัก   กระต่ายน้อยเช็คความน่ารักบนกระจกเงาด้วยการยืนบิดไปบิดมา   ทำหน้าแอ๊บแบ๊วแล้วปัดปอยผมให้ลงมาระใบหน้าจิ้มลิ้ม    เพิ่มพูนความน่ารักให้แก่ตัวเองขึ้นเป็นกอง

     

     

    “น่ารักแล้วละครับ”

     

     

    ซองมินหันขวับ   พบกับชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาค่อนข้างดียืนพิงประตูห้องน้ำมองเขาด้วยสายตาหวานๆ   คนอวบยิ้มเขินๆ  “ขอบคุณครับ”

     

     

    “มาคนเดียวเหรอครับ”   เขาทำท่าจะเข้ามาทำความรู้จัก   น้ำเสียงสุภาพถูกกลบจนหมดรัศมีด้วยเสียงเข้มอันอวดดีที่ปนไปด้วยความหงุดหงิด

     

     

    “เปล่า   มากับผัว”

     

     

    คยูฮยอน!

     

     

    “นาย..!!!

     

     

    ซองมินร้องลั่น   ผับมีเป็นร้อยเป็นพันแห่ง   ไอ้คยูกี้บ้านี่นึกอุตริอะไรถึงมาที่นี่!

     

     

    คยูฮยอนไม่สนหน้าใคร   สาวเท้ายาวๆ มาคว้าหมับเอาที่ข้อมืออวบจนขึ้นสีแดงก่ำ

     

     

    “นายกล้ามากนะ    กล้าจริงๆ”   คยูฮยอนกดเสียงต่ำ   ซองมินไม่อยากจะนึกเลยว่าเขาจะเจออะไรหลังจากนี้   โทษฐานกระทำผิดให้คนตรงหน้าไม่พอใจ

     

     

    “โอ๊ย!   คยูเบาๆ   ชั้นเจ็บ”   ซองมินโวยน้อยๆ

     

     

    “นายสมควรจะโดนแบบนี้แล้วมินมิน   กลับบ้าน!!  คยูฮยอนตะคอกเสียงดัง   ตัวอวบสะดุ้งอย่างตกใจ   ตะลีตะลานรีบเดินตามไปแรงดึงของคยูฮยอนอย่างเสียมิได้   ชายผู้เริ่มที่จะจีบคนน่ารักและดูท่าจะหมดสิทธิ์ตั้งแต่บัดนาวท้วงขึ้นมา

     

     

    “นายจะพาเค้าไปไหน”

     

     

    ...ก่อนได้รับคำตอบเป็นคำๆ เดียว   สั้น  ง่าย  กระชับ   ได้ใจความจากโจวคยูฮยอน

     

     

    “เสือก!!!

     

     

    คยูฮยอนกระชากลากถูซองมินไปทางหลังร้านอย่างหงุดหงิด   ถ้าอยากเที่ยวทำไมไม่รู้จักบอก    แล้วนี่มากับใคร   ไว้ใจได้หรือเปล่าก็ไม่รู้

     

     

    โธ่เว้ย!!!

     

     

    “คยูฮยอน!   ชั้นเจ็บจริงๆ นะ!   เบาๆ สิ!

     

     

    ซองมินท้วง   ร้องโอดโอยมาตลอดทาง   ด้านหลังของผับที่เป็นสระว่ายน้ำนั้นมีสภาพเหมือนปาร์ตี้ริมสระเพิ่งจะจบไป   ลูกโป่งยังลอยคว้างอยู่บนผืนน้ำเต็มไปหมด

     

     

    “เจ็บนั่นแหละดี   คราวหน้าจะได้รู้ว่าห้ามทำ!   คยูฮยอนเบือนหน้าบึ้งตึงมาพูด

     

     

    “ทำไมชั้นจะทำไม่ได้   ทีนายยังมาได้เลย!  

     

     

    “นั่นมันชั้น   แต่นี่มันนาย!

     

     

    “ชั้นกับนายมันก็คนเหมือนกันนั่นแหละ!   นายไม่มีสิทธิ์มาสั่งให้ชั้นทำอะไรไม่ทำอะไร   นายไม่ใช่เจ้าชีวิตชั้น!!!

     

     

    ซองมินตะโกนใส่หน้า   ความเก็บกดที่อัดอั้นอยู่ข้างในตลอดเวลานับจากคยูฮยอนมาบงการชีวิตมันทำให้เขาหมดความอดทน

     

     

    คยูฮยอนหยุดเดินในบัดดล    หรี่ตามองซองมินที่กำลังจ้องมองเขาด้วยแววตาถือดี    มือหนากระชากร่างอวบเข้ามาใกล้เพื่อให้จับได้ถนัดยิ่งขึ้น   สายตาดุดันจ้องเขม็งพร้อมน้ำเสียงที่กดต่ำจนน่ากลัว

     

     

    “แล้วนายจะได้รู้   ว่าชั้นทำอะไรกับนายได้บ้าง    ลีซองมิน!

     

     

    ตู้ม!!!

     

     

    ร่างทั้งร่างถูกผลักให้ตกลงไปในสระน้ำกว้าง    ซองมินกระเสือกกระสนให้ตัวเองโผล่พ้นน้ำ    คาดไม่ถึงว่าคยูฮยอนจะทำกับเขาได้ถึงขนาดนี้

     

     

    คยูฮยอนลงน้ำตามมา   สาวเท้าผ่านโมเลกุลน้ำไปหาใครอีกคนอย่างรวดเร็ว

     

     

    ไม่พูดพร่ำชักช้า   คนใจร้ายของซองมินคว้าศีรษะเขาแล้วจับกดลงไปในน้ำทันที

     

     

    ซองมินดิ้นพล่าน    สองมือทั้งตบทั้งตีคนที่กำลังประทุษร้ายเขาไม่ยั้ง   คยูฮยอนดึงคนใต้อาณัติขึ้นมาใหม่แล้วพูดใส่หน้า

     

     

    “รู้หรือยัง!

     

     

    “ถอยออกไปนะ”

     

     

    ซองมินแทบจะหวีดร้อง   กลัวร่างสูงนี้จับใจ   ไม่แน่ใจว่าเป็นน้ำตาหรือน้ำในสระที่กำลังชื้นอยู่ท่วมใบหน้า   

     

     

    “ชั้นถามว่านายรู้แล้วหรือยัง   ว่าชั้นทำกับนายได้ขนาดไหน!

     

     

    ธาตุแท้ของโจวคยูฮยอน    ผู้ชายอารมณ์ร้ายเต็มรูปแบบ   บัดนี้ได้แสดงตนต่อหน้าลีซองมินเสียแล้ว

     

     

    ร่างเล็กสั่นเป็นลูกนก    เป็นเพราะความหนาวเย็นและความกลัวที่แผ่ซ่านเข้ามา   น้ำลายหนืดคอ   หายใจติดขัด    ตื่นกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะสู้หรือขัดขืน   คยูฮยอนน่ากลัวเกินกว่าที่เขาจะรับมือไหว

     

     

    “เห็นแล้วใช่ไหม”

     

     

    คยูฮยอนกระตุกยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย    

     

     

    “ฮึก  ...ชั้นกลัวแล้ว”   เสียงที่เคยใสรื่นหูบัดนี้กับดูหดหู่จนตกจริต    คยูฮยอนมีสีหน้าพอใจกว่าเดิมเล็กน้อย    ก่อนออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

     

     

    “ขึ้นไป”

     

     

     

     

     

     

    ซองมินกอดร่างตัวเองที่กำลังสั่นด้วยความหนาวเหน็บจากเครื่องปรับอากาศภายในรถอย่างหวาดระแวง   ไม่รู้ว่าคยูฮยอนจะโมโหเขาขึ้นมาอีกเมื่อไหร่    ท่าทางเลิกลั่กไม่นิ่งนอนใจเหมือนอยู่ในสถานการณ์อันตรายของซองมินนั้นยิ่งทำให้คยูฮยอนหงุดหงิด

     

     

    “เลิกมองชั้นด้วยสายตาแบบนั้นซะที   รำคาญ”

     

     

    คยูฮยอนพูดห้วนๆ    ปรายสายตามามองอย่างรำคาญใจตามที่พูด

     

     

    ซองมินนิ่งเงียบ   ใจนึกอยากจะตอกกลับไปด้วยวาจาเจ็บแสบ   ทว่าความร้ายกาจของคยูฮยอนที่เขาเพิ่งได้ประสบเมื่อครู่ก็ทำให้ยั้งปากไว้ได้ทัน

     

     

    เกิดมันถีบเขาลงจากรถ    รถสิบล้อทับ   ศพเละแย่เลย

     

     

    ไม่เอาด้วยละ   ตายน่าเกลียดมินมินไม่ปลื้ม

     

     

    “ชั้น..  มินมินก็แค่มากับเพื่อน   ทำไมคยูต้องไม่พอใจ”   ซองมินตัดสินใจถาม   กอดตัวเองให้แน่นขึ้น   ทั้งเขาและคยูฮยอนนั้นต่างสวมใส่ผ้าเปียกโชกกันทั้งคู่   แต่ทำไมร่างสูงนี้กลับไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด

     

     

    “ชั้นจะพอใจหรือไม่พอใจนายไม่มีสิทธิ์ถาม   ชั้นบอกเอาไว้ว่าไง   อย่าออกไปไหนตอนชั้นไม่อยู่   ไม่รู้   ไม่เห็น   นายเคยจำบ้างมั้ย”

     

     

    น้ำเสียงอ่อนลงนิดหน่อยแต่ยังแฝงไปด้วยความกรุ่นโกรธ   เพราะคนน่ารักรู้จักทำตัวน่ารักขึ้นมาเล็กน้อยด้วยสรรพนามที่เขารู้สึกถูกใจ   

     

     

    “ชั้นก็แค่มาเที่ยวกับเพื่อน   ไม่มีอะไรเดือดร้อนซะหน่อย”   คนน่ารักบ่นอุบอิบ

     

     

    “อย่าเถียง   เงียบไป   อย่าทำให้อารมณ์เสีย”   คยูฮยอนสวนขึ้นมาทันที   พร้อมคำขู่ที่เขาสาบานได้ว่าจะต้องทำจริง

     

     

    “ถ้าเซ้าซี้มากๆ ชั้นจะปล้ำให้นายพูดไม่ออกเลยมินมิน”

     

     

    นั่นละ   ลีซองมินถึงได้สงบปากลง  

     

     

    เมื่อไม่ได้พูดหรือทำอะไรวุ่นวาย   ก็ไม่รู้เมื่อไหร่ที่คนอวบผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน 

     

     

    เหนื่อย...   ทั้งกายและใจ

     

     

    คนใจร้ายทำเพียงเหล่สายตามามองนิดหน่อยก่อนทำไม่สนใจ   ไม่คิดแม้แต่จะปรับอุณหภูมิของแอร์ให้ลดลง   สายตายังคงความดุดันไม่คลาย   โกรธ  โมโห   หงุดหงิดรำคาญใจ   ความรู้สึกมากมายปนเปมั่วไปหมด

     

     

    ทำให้ชั้นโกรธนายจนได้นะมินมิน !!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     - My sweetheart… You’re everything -

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ในขณะเดียวกัน...

     

     

    ไม่ไหวแล้วพี่   พาขึ้นไปข้างบนเหอะ

     

     

    บริกรของผับพูดอย่างเหนื่อยหน่ายกับนักเที่ยวแบบนี้    รู้ทั้งรู้ว่าคออ่อนจะดื่มทำไมเยอะแยะ    หมดแรงข้าวต้มจวนจะล้มอยู่ไม่เป็นท่า   แถมยังทำห้องน้ำร้านเขาเละเทะเพราะอ้วกออกมาจนแทบเกลี้ยงกระเพาะนั่นอีก  

     

     

    ข้างบนไหน   เจย์ถามห้วนๆ   อารมณ์ไม่ดีนัก   ไอ้ตัวต้นเหตุอย่างฮีซอลกับอิทึกก็หายหัวไปไหนไม่รู้ทั้งคู่  

     

     

    อย่าให้ได้เจอนะ    พ่อจะตะบันหน้าไม่เลี้ยงเลย!

     

     

    เจย์คาดโทษสองเพื่อนรักแค้นๆ  

     

     

    ห้องพักของผับไงพี่   เดี๋ยวผมเปิดห้องให้

     

     

    ร่างสูงชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง   แต่พอเห็นอาการร่อแร่ของเพื่อนคนสนิทแล้วก็อดไม่ได้

     

     

    “เออๆ  นำไปเลย”

     

     

    ร่างโปร่งบางถูกวางลงเตียงอย่างไม่ค่อยจะเบานักด้วยฝีมือของคนห่าม

     

     

    “อะไรนักวะเนี่ย”

     

     

    เจย์เกาหัวเซ็งๆ   หาผ้ามาเช็ดตัวให้นางฟ้าคนสวยบนเตียงอย่างลวกๆ   

     

     

    แผ่นอกขาวขึ้นสีแดงเป็นแถบๆ ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์    ร่างสูงชำระกายให้จุนกิแบบผ่านๆ ไปตามนิสัย   ไม่ลงรายละเอียดในจุดอับอย่างข้อพับหรือสาบเสื้อมากนั้น   แค่ทำในสิ่งที่เห็นว่าควรจะทำ   ทำให้มันผ่านๆ ไป

     

     

    นับเป็นโชคดีที่กลิ่นกายหอมของจุนกิยังไม่พ่ายแพ้ต่อกลิ่นควันบุหรี่   ไม่อย่างนั้นเจย์คงสะอิดสะเอียนจนไม่อยากจะเข้าใกล้    เพราะเจย์คิดอยู่เสมอว่าคนสวยใจดีอย่างจุนกิไม่เหมาะของสิ่งคาวโลกีย์

     

     

    ...

     

     

    แต่จะว่าไป   เขากับคนๆ นี้ก็ไม่น่าจะมาเป็นเพื่อนกันได้เลย    นิสัย...  ก็ต่างกันราวฟ้ากับก้นเหว    ไม่มีตรงไหนที่เหมือนกันเลยสักนิด  

     

     

    แล้วมันมาคบกันได้ยังไงวะ...

     

     

    แต่มันก็ไม่เหมือนกับคนที่มานั่งทนคบกัน   เหมือนว่าจุนกิจะยอมรับในตัวตนของเขาได้   แม้หลายครั้งจะไม่ชอบใจกับกริยาป่าเถื่อนแต่ก็ไม่ได้เกลียดหรือสาปแช่งอะไรในใจ   ส่วนเขาเองก็ดูเหมือนจะชอบให้คนเรียบร้อยคอยทำตัวเป็นแม่ห้ามนู่นห้ามนี่   ทั้งที่ความจริงแล้วเกลียดมันนักแหละคนจู้จี้

     

     

    ถ้ามันเข้าใจยากนัก   ก็ไม่ต้องมานั่งคิดให้วุ่นวายนักหรอก   ช่างๆ มันไปเหอะ

     

     

    เจย์ส่ายหัวไล่ความคิดออกไป  โยนผ้าสีครีมไปที่ปลายเตียงอย่างคนไม่มีระเบียบ   หยิบผ้าห่มมาคลุมตัวจุนกิอย่างลวกๆ ก่อนเดินไปล้างหน้าในห้องน้ำ

     

     

    คนมีสติตัดสินใจล้มตัวลงนอนข้างคนไม่มีสติ   ยังไงซะวันนี้ก็คงจะไม่มีเรื่องอะไรต่ออีกแล้ว   เขาก็ขี้เกียจขับรถกลับบ้าน    นอนมันซะที่นี่แหละ

     

     

    ยังไงก็ผู้ชายด้วยกัน   นอนด้วยกันมันก็ไม่ท้องหรอก

     

     

    เจย์คิดอะไรง่ายๆ เสมอ

     

     

    ร่างสูงเอาแขนก่ายหน้าผากแล้วหลับตาด้วยความเคยชิน   แต่อาจจะเพราะแปลกที่เลยทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ   ได้แต่ถ่างตาค้างสู้กับแสงนีออนไว้อย่างนั้น   แต่พอนานเข้าหน่อย  เปลือกตาก็ค่อยๆ ขยับปรือลง   คล้ายอาการก่อนเข้าสู่ห้วงนิทรา

     

     

    “...เฮ้ย  ... อะไรวะ”

     

     

    เจย์ส่งเสียงออกมาห้วนๆ   เมื่อมีบางสิ่งมารบกวนอารมณ์เคลิ้ม   ก่อนจะสำเหนียกได้ว่าในห้องนี้มีใครอยู่อีกคน

     

     

    “จุนกิ    นายเป็นอะไร”

     

     

    ร่างสูงผุดลุกขึ้นนั่ง   สังเกตว่าคนข้างกายปัดป่ายดีดดิ้นไปทั่วเตียง   ไอร้อนที่แผ่ออกมานั้นเจย์ก็ยังสัมผัสได้   ร่างสูงเบือนร่างไปเปิดไฟหัวเตียงสีอ่อนให้สว่าง

     

     

    “นายเป็นอะไร”

     

     

    รู้แค่ว่าฮีซอลกับอิทึกเป็นคนสั่งเครื่องดื่มนั่นมาเสิร์ฟให้เขา   แต่ไม่แน่ใจว่าข้างในมีสารกระตุ้นอะไรหรือเปล่า   จุนกิถึงได้ดูร้อนรนในตัวพิกล

     

     

    ภาพที่เห็นทำเอาเขาเกิดอาการพูดไม่ออก   จุนกิทึ้งเสื้อผ้าตัวเองออกอย่างบ้าคลั่ง   ใบหน้านวลขึ้นสีแดงก่ำ    ถอดเสื้อตัวบนได้ก็เตรียมจะเอื้อมมือปลดกางเกง   ดีที่เขาคว้าเอาไว้ทัน

     

     

    เล่นขนาดนี้เลยงั้นเหรอ    แสบเหลือเกินนะไอ้เพื่อนเวร!  

     

     

    “อื้อ...”   นางฟ้าใจดีครางเหมือนไม่พอใจ    “ปล่อย ...  จะถอด”

     

     

    “ถอดไม่ได้   นายเป็นบ้าไปแล้ว”   เจย์ยื้อยุดกับร่างบางที่ตอนนี้แผลงฤทธิ์ดื้อด้าน   พูดจะถอดๆ อยู่ไม่หยุด    ดวงตาที่ปกติมีแต่ความอาทรใจดีบัดนี้ดูเย้ายวนและหวานเยิ้ม   ไม่เหลือเค้าลีจุนกิคนเดิมไว้เลยสักนิด

     

     

    “ถอด   แล้วเรามากอดกัน   นะๆๆ”   วางมือจากการปลดกางเกงตัวเองแล้วคว้าคนตัวใหญ่มากอดอย่างอ้อนๆ   ความกระสันที่กลางร่างเป็นสิ่งที่สั่งให้จุนกิหมดสิ้นซึ่งความเป็นตัวเอง    เขารู้เพียงแต่ว่าอยากจะกกกอดอยู่ในอ้อมกอดของใครสักคน   จิตใต้สำนึกลึกๆ ที่บอกให้รับรักจากใครก็ได้   ใครสักคนที่ทำให้เขาปลดปล่อยซึ่งความต้องการ    ...แต่ในฐานะของฝ่ายรับ   ไม่ใช่ฝ่ายรุก

     

     

    เจย์แกะมือกาวออกแล้วกระถดตัวหนีลงจากเตียง    ถ้าพูดเรื่องความอดทน   เขาติดลบเป็นอันดับหนึ่งจากเพื่อนทั้งหมด    เขาต้องรีบไปก่อนที่ทุกอย่างมันจะเลยเถิด

     

     

    “ชั้นไม่อยู่แล้วว่ะ”

     

     

    “อื้อ!!   จุนกิร้องอย่างขัดใจ   ถลาไปคว้าคนที่จะเดินหนีเค้าไปไว้แน่น   

     

     

    “อย่า  ... อย่าไป   นะ   กอดกันนะ”

     

     

    “ปล่อยชั้น”   เจย์ระงับอารมณ์   ไม่ได้เสียงดังใส่   รู้ดีว่าสาเหตุที่ลีจุนกิเป็นแบบนี้เพราะอะไร   แต่สิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดในตอนนี้คือต้องหลบให้พ้นจากสถานการณ์อันตรายนี่   ก่อนที่จะทำให้เรื่องราวหลังจากนี้เลวร้ายลงไป

     

     

    “ไม่เอา    ไม่ปล่อย”

     

     

    “ลีจุนกิ”   เจย์กดเสียงต่ำ   แต่จุนกิไม่สนใจ   มือเล็กเล้าโลมแผ่นอกกว้างที่อยู่ด้านหน้าไปอย่างไม่ประสา   ลูบเร็วๆ ไล้แรงๆ ตามที่สัญชาตญาณส่วนลึกมันบอก   อยากจะกระชากเสื้อยืดที่กั้นเขากับกายหนาออกไปนัก

     

     

    “ลีจุนกิ!!!

     

     

    เป็นครั้งนี้ที่ร่างสูงขึ้นเสียงดัง   เขย่าแขนเล็กแรงๆ หวังให้รู้สึกตัว   ยับยั้งไม่ให้นางฟ้าคนสวยถอดได้อย่างที่ต้องการ

     

     

    “หยุดทำบ้าๆ ซะที!    รู้สึกตัวซะที!!!

     

     

    “นะ   นะ   กอดกันนะ”   ร่างบางขัดขืนต่อเสียงกัมปนาท   ความต้องการที่ถูกบงการสั่งให้จุนกิบดเบียดกายตนเข้าหาเจย์จนแผ่นหลังของร่างสูงติดกับกำแพง   ไม่รับรู้ว่าสิ่งที่เขาตั้งหวังในอนาคตนั้นคืออะไร   จำไม่ได้ว่าตัวเองจะต้องทำอะไรต่อไป   เพื่อใคร     

     

     

    สารกระตุ้นที่ทำให้มนุษย์สุขสมในอารมณ์กำลังจะเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกอย่างผันแปร   เปลี่ยนไปอย่างที่จะหวนคืนกลับมาไม่ได้อีก

     

     

    ความไม่รู้สึกตัวที่ทำให้จุนกิต้องการใครสักคน

     

     

    ต้องการในร่างกาย...

     

     

    กระหายในกามารมณ์...

     

     

    สิ่งที่รู้สึกนั้นไซร้หาใช่รัก...

     

     

    ...หากแต่เป็นเพียงแค่ความใคร่...

     

     

    “กอดกัน ... นะ   นะเจย์...”

     

     

    เสียงหวานออดอ้อนด้วยสีหน้าเว้าวอน   สายตาหวานเชื่อมปนหว่านเสน่ห์    ชื่อที่เรียกขานอย่างรับรู้ถึงตัวตนคนตรงหน้าทำให้เจย์หยุดที่จะโวยวาย   เลิกที่จะต่อกร   มือที่เคยปัดเอาร่างตรงหน้าให้พ้นตัวกลับทำสิ่งตรงกันข้าม   แต่ตรงตามความต้องการของอีกคน

     

     

    ความผิดเขาเองที่บังคับให้จุนกิดื่มออนเดอะร็อคแก้วนั้น   เขาผิดเอง   และเขาต้องรับผิดชอบความต้องการนี้แก่เพื่อนคนสำคัญ

     

     

    คงถูกต้องแล้วสินะ...

     

     

    ร่างเล็กถูกผลักให้แผ่นหลังตกกระทบกับผิวเตียง   ก่อนร่างสูงจะส่งกายของตนทาบลงไป   คำพูดแผ่วเบาประโยคสุดท้ายที่คนฟังไม่ได้รับรู้ถึงมันเลยแม้แต่นิดเดียว    อาจเป็นเพราะคนฟังไม่สนใจ   หรือไม่ก็คงเป็นเพราะมันถูกกลบเกลื่อนด้วยเสียงครางที่ดังระงมตลอดทั้งคืน

     

     

    “แล้วนายจะเสียใจ   จุนกิ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     - My sweetheart… You’re everything -

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ลีซองมิน   ตื่น”   คยูฮยอนวาดแขนเท้ากับประตูรถแล้วเรียกคนที่นอนอุตุอยู่ให้ตื่น   เขาถอดเสื้อที่เปียกออกไปแล้ว   ช่วงบนของคยูฮยอนเปลือยเปล่าท้าสายตาป้าชะนีละแวกนี้เสียจริงๆ

     

     

    ทว่าซองมินยังคงเฉย

     

     

    “มินมิน   ตื่นได้แล้วน่า”   ครั้งนี้เอื้อมมือไปบิดหน้าคนอวบให้หันมาทางตน   ฉับพลันที่ไอร้อนแล่นปลาบจนคยูฮยอนชักมือกลับแทบไม่ทัน  

     

     

    ซองมินตัวร้อนจี๋   คยูฮยอนเพิ่งสังเกตเห็นว่าริมฝีปากบางแห้งผาก   แก้มขาวที่เคยขึ้นสีเรื่อบัดนี้ซีดเซียวจนน่ากลัว

     

     

    โดยไม่รีรอ   คยูฮยอนช้อนร่างอวบขึ้นอย่างรวดเร็ว   เตะประตูบ้านให้เปิดออกอย่างไม่เสียเวลาหมุนลูกบิด   ใจนึกก่นด่าตัวเองในใจที่เป็นต้นเหตุให้มินมินของเขาไม่สบาย   แต่อีกใจมันก็ตึงๆ ที่ซองมินไม่เคยเชื่อฟัง   ระเบิดอารมณ์โกรธของเขาจนตัวเองเจอดี

     

     

    แล้วไอ้เจ้ากระต่ายตัวดีนี่เคยจำได้บ้างหรือเปล่าว่าเขาสัญญาอะไรไว้กับฮโยริน  

     

     

    วางใจได้เลยครับ   ผมรับรอง  จะดูแลมินมินให้ถึงที่สุดเลยครับ

     

     

    แล้วถ้านายเกิดเป็นอะไรไป   ชั้นจะไปบอกกับแม่นายว่ายังไงมินมิน

     

     

    ไม่ได้ห่วง   แค่ทำตามหน้าที่   คนดื้อดึงก็ต้องถูกสั่งสอน   แต่ใครจะไปคิดว่ากระต่ายตัวนี้จะบอบบาง   โดนน้ำนิดหน่อยก็ไข้ขึ้นไม่สบาย   ลำบากเขาต้องดูแลเช็ดตัวให้แบบนี้อีกสิน่า  

     

     

    ร่างสูงไล่เช็ดตัวให้ซองมินอย่างทะนุถนอม   จับต้องทุกส่วนของร่างกายอย่างเบามือ   นัยน์ตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน   ไร้ซึ่งความหื่นกระหายอย่างที่แสร้งทำอยู่เป็นนิตย์   คงจะแปลกเสียน่าตลก   ถ้าซองมินได้เห็นภาพคนที่เขาตราหน้าในใจว่าใจร้ายนักหนากำลังเฝ้าดูแลเขาอยู่ไม่ห่าง

     

     

    เมื่อเปลี่ยนชุดที่เปียกโชกออกเป็นชุดนอนตัวโคร่งของเขาเสร็จ   คยูฮยอนก็นั่งลงที่ริมขอบเตียง  ทาบหลังมือกับหน้าผากขาว   ไข้ลดลงมานิดหน่อย   เห็นอย่างนั้นคนใจร้ายก็ค่อยเบาใจ

     

     

    “ดื้อ”

     

     

    คยูฮยอนพูดใส่คนที่หลับไม่รู้เรื่อง   ภาพที่เขาผลักให้ซองมินตกลงไปในน้ำฉายขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับที่มือหนาเอื้อมไปกอบกุมมืออวบเอาไว้

     

     

    “นายมันชอบทำให้ชั้นโมโหอยู่เรื่อยเลยมินมิน”

     

     

    ถ้าซองมินไม่ได้ป่วย   คยูฮยอนก็พอจะคิดภาพออกว่าเขาคงจะล่วงเกินร่างกายนี้เป็นการทำโทษที่ทำให้เขาไม่พอใจ   และเขาก็เชื่อตัวเองอีกด้วยว่ามันจะไม่จบเหมือนวันก่อนๆ   คยูฮยอนคงจะปล้ำซองมินจนสมใจอยากอย่างที่เคยประกาศเอาไว้แน่ๆ

     

     

    แต่ถ้าเขาทำไปโดยที่ซองมินไม่ยินยอม   มันก็ไม่ต่างอะไรไปจากการข่มขืน   กระต่ายป่าตัวนี้จะเป็นยังไงนะ...

     

     

    แล้วเขาจะรู้สึกผิดไหม...

     

     

    คยูฮยอนถามตัวเองอย่างครุ่นคิด   อย่างที่เคยสาบานเอาไว้ว่าสักวันจะกลับมาเอาครั้งแรกของซองมินให้ได้   ตอนนี้เขาก็กลับมา   แต่ที่ยังคงยื้อเวลาอยู่ก็เพราะรู้ดี  

     

     

    ซองมินยังไม่พร้อม   และเขาก็ไม่อาจทำลายรอยยิ้มสดใสของกระต่ายอวบตัวนี้ได้ลง

     

     

    แต่ถ้าคิดจะเก็บครั้งแรกของนายเอาไว้ให้ไอ้ชางมินละก็   จำเอาไว้ว่าไม่มีวัน!!!

     

     

    คยูฮยอนประกาศกร้าวในใจ

     

     

    ใช่ว่าคยูฮยอนจะใจร้ายใจดำรังแกซองมินได้โดยไม่รู้สึกอะไร   หรือพอเอาเข้าจริง   ก็ไม่เห็นว่าคยูฮยอนจะทำอะไรซองมินที่ร้ายแรงไปเลยสักอย่าง   นอกจากที่กลั่นแกล้งบ้างในแต่ละวัน   จะมีที่โหดหน่อยก็วันนี้  

     

     

    รู้ทั้งรู้ว่าแม่ตัวเองฝากฝังเอาไว้กับเขา  ยังกล้าทำอะไรแบบนั้นอีก   ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา   เขาจะมีหน้าไปสู้น้าฮโยรินได้ยังไง   ไหนจะแม่ของเขาอีก    คนตรงหน้านี่จะรู้บ้างมั้ยว่ากว่าเขาจะมาอยู่ตรงนี้ได้    เขาต้องพยายามมากแค่ไหน

     

     

    อย่าทำให้ชั้นเสียความตั้งใจที่จะพรากเวอร์จิ้นของนายได้มั้ยมินมิน

     

     

    “อือ ... หนาว”   คนอวบร้องเบาๆ   คยูฮยอนรุดไปยังตู้เสื้อผ้าแล้วคว้าเอาผ้านวมอีกผืนมาห่มรอบตัวคนป่วย

     

     

    “เป็นไง   ดีขึ้นมั้ย”   คยูฮยอนถามเบาๆ   ดูเหมือนผ้าที่หนาขึ้นจะไม่ช่วยอะไรเมื่อคนป่วยยังคงรู้สึกไม่สบายตัว

     

     

    “...คยู   มินมินหนาว”  

     

     

    เสียงเพ้อแหบแห้งที่พร่ำชื่อเขาออกมาทำเอาร่างสูงอึ้งจนพูดไม่ออก   ไม่เคยนึกว่าในเวลาแบบนี้   สิ่งที่ออกมาจากปากของคนน่ารักจะกลายเป็นชื่อของเขา

     

     

    อย่างที่เคยเห็นบ่อยๆ ในหนังเกาหลี   คยูฮยอนสอดตัวเข้าในผ้าห่ม   รั้งกายอวบให้เข้ามาซบกับแผงอกแข็งๆ   ซองมินขดตัวอยู่ในอ้อมกอดนั้นอย่างไม่รู้สึกตัว    ทว่าความอบอุ่นและอ่อนโยนที่ได้รับก็ทำให้เขาหลับตาพริ้มภายในวงแขนนั้นตลอดทั้งคืน

     

     

    คยูฮยอนฉวยโอกาสจูบหนักๆ ลงบนหน้าผากที่มีไอร้อนรุมอยู่นิดหน่อย   ก่อนพูดเบาๆ กับตัวเองแล้วหลับตาเข้าสู่ห้วงนิทราตามคนตัวอวบไป

     

     

    “ถ้าเวลานายตื่นแล้วน่ารักแบบนี้   ชั้นก็จะใจดีกับนายหรอกมินมิน”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     - My sweetheart… You’re everything -

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    นี่คงเป็นเช้าที่วิเศษที่สุดในรอบเดือนสำหรับซีวอน    สิ่งที่เขาเห็นเป็นอย่างแรกของวันก็คือใบหน้าของคนสวยที่กกกอดกับเขาตลอดทั้งคืน   ...รู้สึกว่านี่เป็นฝัน   ฝันที่มีแต่ความสุขอย่างไรอย่างนั้น

     

     

    ซีวอนกดจูบลงบนหัวทุยๆ อย่างรักใคร่

     

     

    “งืม”    ฮีซอลครางเมื่อมีบางอย่างมารบกวนเวลานอน   ซีวอนอมยิ้มอย่างสุขใจ   ไม่มีอะไรดีกว่าการตื่นมาแล้วเห็นคนๆ นี้ที่หลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมกอดเขาอีกแล้ว

     

     

    เปลือกตาบางเปิดขึ้นในที่สุด   ยังไม่ทันได้เอ่ยทักอะไรออกไปคนสวยก็โดนเจ้าเด็กหล่อมันขโมย Morning Kiss เสียแล้ว    รสจูบที่ต้อนรับเช้าวันใหม่อันแสนหวาน

     

     

    “กอดกันแบบนี้อีกสักพักนะครับ”   ซีวอนบอกแล้วกระชับกอด   สองกายแนบชิดไร้สิ่งใดปกปิดเรือนร่าง    ฮีซอลซุกตัวเข้าหาชายหนุ่มตามที่เขาต้องการ    แนบชิดสนิทใจกันอยู่พักหนึ่งคนสวยก็เปิดปาก   ถามถึงสิ่งที่ค้างคา   เรื่องข้องใจที่ทำให้เขาเกิดความไหวหวั่นในหัวใจ

     

     

    “ซีวอน   ถามอะไรหน่อยดิ”

     

     

    “หืม?”

     

     

    “นายโกรธชั้นเหรอ    เวลาชั้นไม่ยอมมีอะไรกับนาย”

     

     

    อยากถามใจจะขาดตอนที่ไม่เจอหน้ากัน   หรือจะเป็นสิ่งนี้ที่ทำให้ซีวอนไม่พอใจจนหนีหน้าไป   หรือเพราะซีวอนต้องการร่างกายเขาอยู่ตลอดเวลา   หรือเพราะอะไรกันแน่   หลายๆ อย่างที่คิดไปเองตลอดสามวันที่ผ่านมามันทำให้ฮีซอลคิดมาก

     

     

    “หึๆ   ไม่หรอกครับ”   ซีวอนตอบง่ายๆ   ฮีซอลผละตัวออกจากซีวอนแทบจะในทันที

     

     

    “ไม่จริงอ่ะ   วันๆ คิดแต่เรื่องพรรค์นั้น   ไม่ยอมเข้าหน่อยก็หาว่าไม่รัก   ไม่ใช่ว่าไม่รักไม่ยอมนะโว๊ย   แต่ที่ชั้นยอมแกน่ะ   ก็เพราะ...”  

     

     

    ฮีซอลเงียบไป   ทำหน้าบึ้งตึงอย่างโกรธๆ   ซีวอนลุกขึ้นนั่งตามแล้วต่อความให้จบ   “เพราะรักถึงยอมใช่มั้ยครับ”

     

     

    “เออ!   รู้ทั้งรู้ยังจะมีหน้ามาแกล้งงอนชั้นอีกเหรอ  หา”

     

     

    ซีวอนขยับตัวเข้ามาหา   สายตาเต็มไปด้วยความรักใคร่   ได้ฟังวาจารื่นหูที่เป็นคำรักจากปากคนสวยแล้วหัวใจมันชุ่มชื่นอย่างบอกไม่ถูก   ตัดสินใจบอกสาเหตุที่ตื๊อขอรักอยู่ได้ทุกวี่วัน

     

     

    “ก็วอนน้อยมันเหงานี่นา”

     

     

    “หน้าด้าน”   ฮีซอลบริภาษคนที่เข้ามานัวเนียอย่างไม่จริงจังนัก   “เหงาเพราะไม่ได้รังแกมินิฮีน่ะสิ”

     

     

    คนสวยเชิดใส่   สรรพนามที่ใช้เรียกของรักของห๊วงหวงที่เพิ่งคิดได้สดๆ ร้อนๆ ถูกเปล่งออกมาจนคนฟังถึงกับต้องหัวเราะเบาๆ

     

     

    “ฮะๆ   คงงั้นมั้งครับ”   ซีวอนยิ้ม

     

     

    “ก็แล้วไงเล่า   วอนน้อยน่ะ    ทำไมถึงได้คึกบ่อยนักฮะ   อย่างงี้มินิฮีจะสนองนี้ดทุกครั้งได้ไง”

     

     

    ว่าจบก็ตีไปยังวอนน้อยที่เมื่อคืนกลายร่างเป็นวอนใหญ่อย่างหมั่นไส้จนซีวอนเกิดอาการ จุกนิดๆ

    แต่คนหล่อก็ยังไม่วายพูดต่อด้วยเหตุผลที่ฮีซอลไม่เคยขัดได้สักที   แม้ว่าเหตุผลนั้นจะน่าหมั่นไส้มากขนาดไหนก็ตาม

     

     

    “ก็เพราะวอนน้อยรักมินิฮีน่ะสิครับ   พอขยันรัก   ก็เลยขยันคึก”

     

     

    ก็ถ้าเป็นอย่างนี้ก็รบราฝ่าฟันรักกันต่อไปเองแล้วกันนะ   ทั้งวอนน้อยทั้งมินิฮี    เอาให้พอใจ   วันนี้ยังมีเรื่องยุ่งๆ มาให้ป่วน   เอ๊ย   จัดการกันอีกเยอะ!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2552

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×