ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -My Sweetheart..You're Everything -KiHae HanHyuk SJ-

    ลำดับตอนที่ #10 : :: Chapter 6 : Camp III ::

    • อัปเดตล่าสุด 26 มี.ค. 53


     

     

     

     

     

     

    6

    Camp  III

     

     

     

     

     

    “โอ๊ย   เดินดีๆ หน่อยสิ  ซีวอนชั้นหนักนะ   ไอ้ซิมบ้า!   ฮีซอลตะคอกอย่างเหลืออด   ประคองร่างสูงที่มีขนาดสองเท่าของตัวเค้าเข้าไปในบ้าน  

     

    “อือ...  ผมมม  ง๊วงง่วงงง”

     

    “เออ  รู้แล้ว   ถอดรองเท้าๆ”  ฮีซอลสั่ง   ถูกซีวอนกอดเอวบางไว้แน่น    การย่างก้าวไปยังห้องรับแขกเป็นไปได้ยากเหลือเกิน   เมื่อซีวอนเดินเอนซ้ายเอียงขวาไปมาอย่างกับปู

     

    “เดินดีๆ หน่อยไอ้ซิมบ้า”

     

    “ดีแล้วค้าบบบ  ตรงงง  เป๊ะ~

     

    “โอ๊ย   ชั้นละเหนื่อยกับนายจริงๆ”

     

    “พี่ฮีซอลลล   เบื่อผมมม  แล้วเหรอออ”   ซีวอนงุ่นง่านใจ   ถามไม่เป็นภาษา

     

    “จะเบื่อก็เพราะแบบนี้นี่แหละ   โอ๊ะๆๆ”   หน้าสวยเซจะชนกับแจกันราคาแพง   โชคยังดีที่เบี่ยงตัวหลบได้ทัน

     

    “อย่าน้า   พี่อย่าเบื่อผมมม   ผมมันน่ารำคาญนักหรืองายยย”   เป็นคำถามที่เก็บงำมานาน   แม้ภายนอกจะทำหใจกล้าหน้าด้านเข้าหาหน้าสวยนี่ก็เถอะ   แต่ลึกๆ แล้วมันก็ต้องสงสัยอยู่ดี   เค้าตื๊อจนฮีซอลรำคาญไปแล้วหรือเปล่า

     

    “เฮ้อ   ไม่รำคาญๆ   ชั้นไม่รำคาญหรอกน่า”   ฮีซอลบอกปัด   แต่ทั้งหมดที่กล่าวเป็นความจริง

     

    “จริงๆ น้า   ผมม่ายอยากให้พี่รำคาญผมเลยยย   พี่น่าร้ากกก   จุ๊บๆๆ”   ซีวอนเริ่มแผลงฤทธิ์ด้วยการชมแล้วจุ๊บแก้มฮีซอลยกใหญ่

     

    “เฮ้ยๆๆ   ไอ้ซิมบ้า   อย่าทะลึ่งนะ”

     

    “ค้าบบบ”

     

    ฮีซอลเหวี่ยงร่างสูงลงกับโซฟาตัวยาว   ซีวอนแผ่หลาอย่างหมดสภาพ   หน้าสวยปาดเหงื่อตามไรผมออกนิดหน่อย   ขยับเนื้อตัวอย่างเมื่อยๆ   ไอ้ซิมบ้านี่ตัวใหญ่อย่างกับควาย   แบกมาถึงนี่ได้ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์แล้วละ

     

    ซ่า~

     

    ฮีซอลเทน้ำใส่ชามแก้วใสใบใหญ่   หยิบผ้าขนหนูมาพาดบนขอบแก้ว   ยกออกจากครัวไปวางไว้บนโต๊ะรับแขกหน้าโซฟาที่ซีวอนจับจอง

     

    “ซีวอน   เช็ดตัวนะ”   ฮีซอลพูดแล้วหยิบผ้าขนหนูแช่ลงในน้ำก่อนบิดให้หมาด   ซีวอนที่อยู่ในสภาพไม่ได้สติครางรับไปอย่างนั้น   ไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเขาหรอก

     

    “อือ...”

     

    ฮีซอลเช็ดใบหน้าที่แดงก่ำเพราะฤทธิ์เหล่าอย่างเบามือ   สงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมเค้าต้องมานั่งดูแลไอ้ซิมบ้าด้วย   อันที่จริงจะปล่อยทิ้งไว้ตรงนี้แล้วขึ้นไปนอนเลยก็ได้   แต่ก็คงจะเป็นเพราะ...  เค้านิสัยดี    มีใจโอบอ้อมเป็นมิสเกาหลีมั้ง   โฮะๆๆ

     

    ผ้าขนหนูถูกบิดให้หมาดอีกครั้งหลังจากเช็ดใบหน้าเสร็จ   ฮีซอลไล่เช็ดซอกคอของซีวอนอย่างนุ่มนวล   ปลดกระดุมเชิ้ตสีขาวซึ่งเป็นยูนิฟอร์มของนักศึกษาออกทั้งหมด   ก่อนแยกด้านของเสื้อทั้งสองออกจากกัน

     

    ฮีซอลหน้าแดง   แดงอย่างหาสาเหตุให้ตัวเองไม่ได้เสียด้วย   เบือนหน้าหนีจากภาพเบื้องหน้า   แผงอกแข็งแรงของซีวอนนั้นแตกต่างจากอกบางๆ ของเค้าโดยสิ้นเชิง   ก่อนเปรียบเทียบ...

     

    เคยเห็นช่วงบนผู้ชายมานับไม่ถ้วน   อย่างเจย์เพื่อนเค้าก็แข็งแรงพอๆ กับซีวอน   แต่ทำไมเวลามองไม่ยักตื่นเต้นเท่าของไอ้ซิมนี่   แถม...   พอนึกถึงไอ้เจย์แล้วก็พาลไปคิดถึงเรื่องที่ซีวอนหึงเค้ากับเจย์อีก   ก็ยิ่งเป็นการปรับการสูบฉีดเลือดบนใบหน้าให้สูงขึ้นไปอีก

     

    หึง...    งั้นเหรอ

     

    อ่า   เขินอ่ะ  

     

    ฮีซอลคิดอย่างปลงไม่ตก   เป็นไอ้ซิมบ้านี่หรือเนี่ย   ที่ทำเค้าเขินนน

     

    มานั่งนึกๆดูถึงเรื่องราวมากมายที่ผ่านมาเป็นระยะเวลาเกือบจะสองปีของเค้า   เกือบจะทุกๆเรื่อง   มีคนๆนี้เข้ามาเอี่ยวด้วยเสมอ   เห็นหน้ากันมาเกือบ 730 วัน   ไม่เคยห่างกันเกินสามวัน   เด็กบ้าหัวสิงโตก็จะโผล่มาวุ่นวายกับเค้าเสมอ   ...จนลืมหน้าหล่อๆนั่นไม่ลง

     

    ความคุ้นเคยเปลี่ยนเป็นความเคยชิน  ชินที่จะต้องเห็นหน้ากัน   ชินที่จะถูกล้อเลียนหาเรื่อง   ชินที่จะถูกเป็นห่วง   ชินที่จะรำคาญ   ชินที่จะแกล้งไม่ใสใจทั้งที่ใจก็เป็นห่วงแทบตายตอนอีกคนเกิดเรื่องร้ายๆ  แต่ก็นั่นแหละ   มันเป็นความเคยชิน   ที่คนๆนึงเลือกที่จะไม่ใส่ใจ

     

     คนรอบข้างมากมายเห็นพ้องเช่นเดียวกันแล้วมาเข้ามาพูดคุยกับเขาในเรื่องของซีวอน   สนใจบ้างละ   ชอบบ้างละ   รักบ้างละ   ต่างๆนาๆก็คิดกันไป   เค้าก็สนใจบ้างไม่สนใจบ้าง   ท่าทีแต่ละอย่างของซีวอนมันชวนให้คิดก็จริง   แต่ไอ้หล่อนี่ก็กะลิ้มกะเหลี่ยไปทั่วไม่ใช่เหรอ   แล้วหมอนั่นจะมาชอบเค้าได้ยังไงล่ะ  

     

    เป็นข้อสันนิษฐานที่ฮีซอลปักใจเชื่อมาโดยตลอด   ซีวอนจะกวนเขา   จะหลอกด่าเขา   จะแกล้งเขา   จะฉวยโอกาสกับเขา   ทั้งหมดนั้น   มันก็แค่พี่น้อง...

     

     

    “อื้อ   พี่ฮีซอล...”   ซีวอนเพ้อ   เปลือกตาปิดสนิท   อาการที่เรียกว่าละเมอ..   เพราะคิดมาก

     

    นายจะเรียกชื่อชั้นทำไมซีวอน   นายจะมายุ่งวุ่นวายอะไรกับชั้นนักหนา   ถ้านายไม่ได้คิดอะไรที่มากไปกว่าพี่กับน้อง   ขอร้องเถอะนะ   อย่าทำแบบที่นายทำอยู่อีกเลยได้มั้ย....

     

    ไม่ใช่ว่าฮีซอลจะตายด้านหรือแข็งกระด้างกับความรู้สึกที่เรียกว่าความหวั่นไหว   ความใกล้ชิดและความผูกพันที่มีระยะเวลาเนิ่นนานนั้นทำให้ซีวอนกลายเป็นส่วนหนึ่งของฮีซอลแบบไม่รู้ตัว   เผลอให้ความสำคัญไปมากมายแบบคาดไม่ถึง   นอกจากตัวเองและครอบครัวแล้ว   เค้าเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม   ถึงมีซีวอนเป็นสิ่งสำคัญต่อจากนั้น

     

    “พี่...  ฮีซอล”

     

    “...”    ฮีซอลเงียบ   รอฟัง  ความรู้สึกบางอย่างอัดอั้นอยู่เต็มอก

     

    “อือ...  พี่..   เคยสนใจผมบ้างหรือเปล่า...”   ซีวอนเพ้อต่อแล้วเงียบไป   ทิ้งให้ฮีซอลได้แต่สับสนกับคำถามนั้น

     

    “ชั้น...”

     

    “ผมเจ็บ   เจ็บ...   เจ็บเหลือเกิน   ทำไมพี่ไม่เลือกผมบ้าง”   ช่างเป็นคำตัดพ้อที่ชัดถ้อยเหลือเกิน   ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะถ้อยคำเหล่านั้นสำคัญต่อคนพูดจริงๆ ก็เป็นได้

     

    “ซีวอน...”   ฮีซอลพูดได้เพียงแค่นั้น   เอื้อมมือไปลูบหน้าผากของซีวอนเบาๆ อย่างประโลมใจที่เจ็บลึก   เค้าทำร้ายคนๆนี้ไปมากขนาดไหนแล้วนะ...

     

    “พี่เคยแคร์ผมบ้างมั้ย   ทำไมพี่ไปกับมัน...  ผมก็เจ็บเหมือนกัน...  ผมเจ็บ   ...ที่ใจ”

     

    ซีวอนยังคงระบายความอัดอั้นที่แสนขมขื่นลึกๆ ในใจ   ไม่มีเสียงสะอื้น   ไม่มีอาการไขว่คว้าต้องการ   ไม่เคยหวังให้ใครต้องมารับรู้ความรู้สึกนี้เลยแม้แต่คนเดียว   แม้กับคนๆ นี้ก็ตามที

     

    “ผมโกรธพี่...   ผมเกลียดพี่   เกลียด   เกลียด...”

     

    เป็นคำพูดที่คงไม่มีความหมายอะไร   และคนอย่างคิมฮีซอลคงไม่คิดจะเก็บมาใส่ใจหากได้ยินจากคนอื่นๆ รอบกายที่เค้าไม่เคยแคร์   แต่ทำไมกับคนๆนี้   คำพูดที่บอกว่าเกลียดเค้า...  ถึงทำให้เค้าอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก   หัวใจเหมือนถูกบีบรัดจนเค้าทรมาน   ยิ่งซีวอนพูดว่าโกรธ   ย้ำว่าเกลียดมากมายขนาดไหน  เค้าก็ยิ่งทรมานมากยิ่งเท่านั้น  

     

    มือที่สัมผัสหน้าผากสั่นระริก   หยดน้ำใสคลอที่ดวงตาคู่สวย   บัดนี้มันหมองหม่น   ไม่ท้าทายกล้าลองดีเหมือนยามปกติ   ในเวลานี้..  ที่ได้รับฟังว่าคนๆ นี้เกลียดเค้าไปแล้ว

     

    รสจูบที่ซีวอนช่วงชิงไปจากเค้ายังคงติดตรึงอยู่ไม่คลายนับจากวันนั้นจนวันนี้   เค้าไม่เคยลบมันไปได้เลย   แต่ทว่า     เวลานี้ฮีซอลกลับจำมันไม่ได้   สัมผัสที่ทำให้เค้ารู้สึกดีนั้นฮีซอลนึกไม่ออกอีกแล้ว   ภาพของซีวอนพร่ามัวเพราะร่องรอยของน้ำตา   บดบังสายตาของฮีซอลจนมืดมิด...  ไปทั้งใจ

     

    “ไม่นะ...   นายอย่าเกลียดชั้น   อย่าเกลียด   ห้ามเกลียดชั้นนะซีวอน   ฮึก..  ชั้นไม่ยอมให้นายเกลียดชั้นนะซิมบ้า”   ฮีซอลระรัวทุบไปที่อกแข็งแรงเปลือยเปล่า   น้ำตาไหลเป็นทาง   เข้าใจรึก็ไม่เข้าใจว่าร้องไห้ทำไม   แต่ไม่อยากให้คนๆนี้เกลียด   ไม่อยาก   ไม่อยาก...

     

    ฮีซอลปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ   หยดน้ำตาร่วงลงสู่แขนของคนไม่ได้สติ

     

    เจ็บจัง...   ชั้นเป็นอะไร   ทำไมถึงได้ร้องไห้อย่างกับพวกผู้หญิงขี้แยแบบนี้   เช็ดน้ำตาของนายเดี๋ยวนี้เลยนะคิมฮีซอล

     

    “ฮึก...”  

     

    แม้จะสั่งตัวเองยังไง   แม้จะปาดน้ำตาไปมากจนขอบตาบวมช้ำขนาดไหน   แต่เค้าก็ไม่สามารถบัญชาให้น้ำตาหยุดหลั่งรินได้จริงๆ   ทำได้แต่เพียงจ้องมองใบหน้าสลักของรุ่นน้องที่มีอิทธิพลต่อหัวใจต่อไปเงียบๆ

     

    จะหนีก็หนีไม่ได้   จะเดินออกไปก็ก้าวขาไม่ออก   จะสลัดภาพและความรู้สึกออกไปยังไงก็สลัดไม่หลุด

     

    “พี่ฮีซอล...”

     

    คนไม่ได้สติละเมออีกครา

     

    “ฮึก   ชั้นไม่ให้นายพูดแล้ว   ฮึก...  ชั้นไม่อยากฟัง”   ฮีซอลหนีจากความเป็นจริงที่ว่าเกลียดด้วยการเอื้อมมือไปปิดปากซีวอน  “ชั้นไม่อยากฟัง   ไม่อยากได้ยิน   นายรู้มั้ย!  

     

    “อือ...”

     

    “ฮึกๆ”   หยุดเสียงสะอื้นไม่ได้อีกต่อไป   ฮีซอลต้องใช้มือทั้งสองมาปิดกั้นความอ่อนแอของตัวเองทันที   ปลดปล่อยให้ปากของซีวอนได้เป็นอิสระ

     

    “...ผมรักพี่...”

     

    !!!

     

    เท่านั้นล่ะ   หยุดซึ่งทุกสิ่งทุกอย่าง   หยุดเสียงสะอื้น   หยุดหยดน้ำตา   หยุดความทรมาน   หยุดอาการบีบรัดของหัวใจ...

     

    ปรับให้อุณหภูมิที่ตกต่ำเมื่อครู่สูงปรี๊ดสุดปรอท   แตกเพล้งออกเป็นความแดงบนใบหน้าสวย   ดวงตากลมโตที่บวมช้ำเบิกกว้าง   ให้หัวใจได้กลับมาลิงโลด

     

    “หะ  หาาา”   ไม่ใช่อะไรนะ   แค่อยากได้ยินอีกสักครั้ง   ให้แน่ใจ   ให้ชัดเจน

     

    “อืม...”  ทว่าสิ่งที่หลุดออกจากปากซีวอนกลับเป็นเสียงพึมพำงัวเงียเสียอย่างนั้น

     

    “ฮึก   ชั้นไม่ให้นายพูดแล้ว   ฮึก...  ชั้นไม่อยากฟัง”   ฮีซอลลองรีเพลย์ประโยคก่อนหน้าที่ทำให้ซีวอนพูดคำนั้นออกมาอีกครั้ง   เป็นวิธีปัญญาอ่อนได้โล่   แต่ยังคงหวังว่ามันจะได้ผล

     

    “อือ...”   และหน้าสวยก็รู้สึกเหมือนซีวอนจะบ้าจี้ตามไปด้วยจริงๆ  จึงดำเนินการต่อ

     

    “ฮึกๆ”   เงียบและเงี่ยหูตั้งใจฟังอย่างอยากรู้   อาการหม่นหมองหายไปแทบสิ้น

     

    “...ผมรักพี่...”

     

    !!!

     

    ยังคงเป็นอาการเดิมที่ฮีซอลอึ้งกิมกี่   แต่ว่าประกายนัยน์ตากลับมาสดใสอีกครั้ง   รอยยิ้มที่เจ้าตัวเองคิดว่าคงจะไม่ได้เผยอีกนานปรากฏขึ้นประดับหน้าสวย   มันดีใจ....

     

    “อ่า...”   ฮีซอลที่เพิ่งสำนึกได้ว่าตัวเองถูกบอกรักหมาดๆ หน้าแดงแปร๊ด   “ไอ้ซิมบ้า   แกทำชั้นเขินนน”

     

    ช่วงเวลาที่แย่ที่สุดและดีที่สุดของคนสองคนที่ไม่ได้สติและสติที่เริ่มจะไร้สัมปชัญญะกำลังผ่านพ้นไป   ฮีซอลตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง  บางอย่างที่ชัดเจน   แน่ชัดในอกข้างซ้ายที่กำลังเต้นเร็วระรัว   

     

    เค้าหลอกใจตัวเองมานานเท่าไหร่กันนะ... 

     

    ฮีซอลตัดสินใจสัญญากับตัวเองเบาๆ ทว่าคำๆนั้นกลับหนักแน่นเหลือเกิน

     

    ...ชั้นจะไม่ทำให้นายเจ็บอีก   นับแต่นี้และตลอดไป   ซิมบ้าซีวอน...

     

     

     

     

     

    ---- My Sweetheart…  You’re Everything  ----

     

     

     

    Penalty

     

     

     

     

     

    เสียงดนตรีดังเป็นจังหวะสนุกๆ เหมาะกับปาร์ตี้ริมหาดสวยของรีสอร์ท   เหมือนดงเฮจะได้ยินวลีเด็ดประกอบการ์ตูนสมัยเด็กลอยมาตามลม  ได้เวลาสนุกแล้วสิ  ได้เวลาสนุกแล้วสิ~’

     

    หน้าหวานที่เพิ่งหลุดรอดมาจากสถานการณ์ตกเป็นเมืองขึ้นถอนหายใจอย่างโล่งอก   เดินเข้ามาในงานแล้วไปรายงานตัวกรรมจงฮุนพอเป็นพิธี   ก่อนจะขอแยกตัวออกมาเดินเล่นคนเดียว   นี่เป็นเวลาปิ้งย่างบาร์บีคิว   คงไม่มีใครสนใจใครสักเท่าไหร่เสียกระมัง  

     

    ดงเฮเดินเลียบไปตามชายหาดที่มีกระแสน้ำซัดเข้าสู่ฝั่งจนทำท่าจะสูงกว่าเข่า   ดงเฮดึงชายกางเกงเลขึ้นทั้งสองข้างให้อยู่ในระดับหัวเข่าพอพ้นน้ำ   แต่พอเห็นเนื้อขาวๆ ของตัวเอง   ก็อดคิดไปถึงเรื่องก่อนหน้านี้ไม่ได้

     

    นี่เค้าเกือบจะถูกจับกดเข้าแล้วไงล่ะ   รู้งี้ไม่ยั่วไปมากขนาดนั้นหรอก   ก็ตอนนั้นมันติดลมนี่นา   อีกอย่าง   เพราะคิบอมต่างหากที่ความอดทนต่ำ   จับนู่นจูบนี่นิดหน่อยทำเป็นทนไม่ได้   เฮอะ

     

    ดงเฮเถียงในใจ    เตะน้ำเล่นระบายอารมณ์   เป็นภาพที่อยู่ในสายตาของคนที่เพิ่งเดินเข้างานมา   หลังจากที่ต้องพาตัวเองไปสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำเพราะหน้าหวาน

     

    คิบอมขบเขี้ยวหมั่นไส้   สายตาคมเฝ้ามองดงเฮที่ไกลออกไป  

     

    ฤทธิ์เยอะนักนะ   อย่าให้ถึงทีเค้าบ้างแล้วกัน   จะทำให้คลานลงจากเตียงเลย!

     

    “อ้าว   คิบอม   ทำไมเพิ่งลงมาล่ะ”   นิชคุณเดินเข้ามาทัก  คิบอมชักสีหน้าตึง  ยังคงหงุดหงิดกับเรื่องเมื่อครู่อยู่โข

     

    “เพิ่งเสร็จธุระ”   ...ที่ลงมาช้าก็เพราะแกนั่นแหละ   กะว่าจะไม่ลงมาแล้วเชียว   เค้าคงจะได้อยู่กับหน้าหวานนั่นทั้งคืน   ถ้าหมอนี่ไม่มาขัด  

     

    “งั้นเหรอครับ   โชคดีจังนะครับ”

     

    “อะไร”  คิบอมถาม  นึกยังไงจู่ๆมาพูดว่าโชคดี

     

    “หมายถึงคุณน่ะครับ”  นิชคุณต่อความ

     

    “ยังไง” 

     

    “ก็คุณ  เป็นรูมเมทคุณดงเฮ”   คิบอมร้องอ้อในใจ   เผยหน้าเรียบเฉย   เค้าไม่จำเป็นต้องแคร์ความรู้สึกของนิชคุณเสียหน่อย

     

    “คงงั้น”

     

    เกิดความเงียบอยู่ชั่วครู่   ทิศทางที่คนสองคนมองไปนั้นคือจุดเดียวกัน   ทว่าสายตากลับต่างออกไป   จ้องมองไปยังร่างบางที่เดินเล่นอยู่บริเวณริมหาด   ไม่ยุ่งเกี่ยวกับชาวบ้านชาวช่องเพราะอารมณ์ที่ผิดปกตินิดๆ

     

    “เค้าน่ารักจังเลยนะครับ”   นิชคุณพูดขึ้นลอยๆ   กล่าวถึงบุคคลที่สามอย่างไม่เจาะจง   คิบอมแกล้งทำงง

     

    “ใคร” 

     

    “คุณดงเฮน่ะ   เค้าน่ารักนะครับ”   นิชคุณเขินเล็กๆ  สายตายังมองไปที่อีกคนด้วยความรู้สึกชื่นชอบเต็มเปี่ยม

     

    “แล้วไง”   คิบอมตอบเฉย  พยายามมองหาคำว่าน่ารักในตัวหน้าหวาน   ตาสวยๆ จมูกโด่งๆ ปากบางๆ    เฮอะ   น่ารักงั้นเหรอ..   เจอเค้าทีละแยกเขี้ยวใส่   ไม่เห็นจะน่ารักตรงไหนเลย...   

     

    ...มั้ง      มั้งนะ

     

    “ก็ไม่แล้วไงหรอกครับ   แต้ถ้าคุณเห็นคุณดงเฮเป็นได้แค่คำว่าแล้วไง   คุณก็สมควรจะคิดแบบนั้นให้ได้ไปตลอดนะครับ”   นิชคุณพูดเสียงหนักแน่น  คิบอมปรายหางตามองคนที่พยายามจะกันท่าเค้าออกจาหน้าหวาน  

     

    “นายตั้งใจจะพูดอะไร”

     

    “ถ้าคุณไม่ได้ชอบเค้า   ผมก็อยากจะขอร้อง   อย่าเข้าใกล้เค้าไปมากกว่านี้”   นิชคุณตอบ   หันมามองตากันตรงๆ   เค้ารู้ดี   ถ้าคิบอมคิดจะชอบใครซักคน   คงจะทำให้ใครคนนั้นหันมาชอบได้ไม่ยาก

     

    “หึ”   คิบอมแค่นยิ้ม   “ใช่เรื่องที่ชั้นจะต้องทำตามรึไง”  

     

    ใช่   คิบอมให้เกียรติความรู้สึกของนิชคุณ  แต่ก็อีกนั่นแหละ   ใช่เรื่องที่เค้าต้องยอมถอยห่างรึไง   ไม่ว่าเค้าจะรู้สึกอะไรกับหน้าหวานนั่นหรือไม่ก็ตามที

     

    “ผมขอร้องคุณในฐานะที่คุณกำลังยุ่มย่ามกับคนที่ผมรู้สึกดีด้วย   ทั้งๆที่คุณไม่ได้รู้สึกอะไรกับเค้าเลย”   นิชคุณกล่าวต่อ   แต่สายตาและท่าทางไม่ได้ทำให้คิบอมเกรงแต่อย่างใด    ตอบกลับอย่างชวนกระโดดถีบหน้าหล่อๆของตนอย่างไม่สะทกสะท้าน

     

    ไอ้หมอนี่มาพูดเป็นทำนองให้เค้าเลิกยุ่งกับดงเฮ   เพื่อที่มันจะได้เสียบว่างั้นเหอะ

     

    “ชั้นก็รับฟังนายในฐานะคนที่กำลังยุ่มย่ามอยู่กับคนที่นายรู้สึกดีด้วย   ทั้งๆที่ชั้นอาจจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับเค้าเลยไง”   แอบเติมคำว่าอาจจะลงไป  เพราะลึกๆ แล้วในสมองและหัวใจสั่งการให้ทำแบบนั้นโดยไม่รู้ตัว

     

    “คิบอม!  นิชคุณเรียกเสียงห้วน   คิบอมลอยหน้าลอยตาอย่างกวนส้นตีน

     

    “นายจะทำอะไรก็เรื่องของนาย   และชั้นจะทำอะไรมันก็เรื่องของชั้นเหมือนกัน”   ประกาศลั่นเป็นทางการก่อนเดินออกมา  

     

    เรื่องของใครก็เรื่องของมัน   แกไม่มีสิทธิ์มาสั่งให้ชั้นเลิกยุ่งกับใครหน้าไหนทั้งนั้น!        

     

    คิบอมบอกกับตัวเองอย่างนั้น   ที่เค้าไม่ยอมให้นิชคุณเพราะเค้าไม่ใช่ลูกไล่ของใคร   ไม่จำเป็นต้องฟังคำสั่งคนอื่น   เค้าจะทำอะไรก็ต้องได้ทำ   ไม่มีใครมาขวางได้ทั้งนั้น..!!

     

     

     

     

    “อ้าว   คุณ   มาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ”   ดงเฮหันมาถาม  เดินอยู่ดีๆก็รู้สึกเหมือนกับถูกจ้อง   พอหันกลับไปก็กลายเป็นเพื่อนร่วมชั้นเสียนี่

     

    “เอ่อ  เพิ่งมาน่ะครับ”  นิชคุณยิ้มหยีๆ เค้าเดินตามหน้าหวานนี่มาตั้งนานแล้วต่างหาก  คนอะไร  น่ารักแล้วยังรู้ตัวช้าอีก    (เข้ากันไหมพ่อคุณ?)

     

    “คุณมีอะไรหรือเปล่า  หรือว่าพี่จงฮุนให้มาตาม”  

     

    “อะ.. อ๋อ  เปล่าครับ   คือผมอยากมาเดินเล่น  ..เป็นเพื่อนด๊องน่ะ”   นิชคุณตอบก่อนเดินมาใกล้ๆ

     

    “อ๋อ  เอาสิ   เราก็เหงาๆอยู่พอดีเลย”   ดงเฮรับน้ำใจ  พอจะรู้ความรู้สึกของอีกฝ่ายได้เลาๆ   “ได้เพื่อนอย่างคุณมาเดินด้วยกันต้องหายเหงาแน่ๆเลย”  เน้นคำว่าเพื่อนพร้อมรอยยิ้มหวาน   ดงเฮรู้ตัวดีว่าคงไม่มีทางคิดกับนิชคุณได้มากกว่าเพื่อนแน่ๆ 

     

    คนถูกปฏิเสธกลายๆสะอึกเล็กน้อย  นี่เค้ายังไม่ได้เริ่มเลย  ดงเฮก็ปฏิเสธเค้าแล้วเหรอ

     

    “ครับ   เพื่อนคนนี้จะทำให้คุณหายเหงานะ”  นิชคุณยอมรับฐานะเพื่อนไว้ชั่วคราว   คงมีสักวันที่เค้าจะได้ขยับไปฐานะอื่น

     

    ดงเฮขอให้นิชคุณเล่าเรื่องบ้านเกิดให้ฟัง   เพื่อนไม่สนิทคิดไม่ซื่ออย่างนิชคุณก็เต็มใจ   เล่าไปเล่นมุกตลกคลอไปด้วย  เรียกเสียงหัวเราะหวานๆ ให้ดังไปตลอดเวลา   ชวนขุ่นมัวยิ่งนักในสายตาของใครอีกคนที่จ้องมองมาเงียบๆ

     

    ยิ้มดีไปเถอะ  ยั่วกันเข้าไป   อย่าให้ถึงตาชั้นบ้างก็แล้วกัน

     

    เราได้เจอกันแน่   ลีดงเฮ..!

     

     

     

     

    “ได้เวลาสนุกของค่ำคืนนี้แล้วนะคร้าบบบ    ขอเชิญเมมเบอร์เคิร์สตรงนี้ด้วยนะครับ   รบกวนคุณแจจินช่วยวางบาร์บีคิวที่ถืออยู่และชิ้นที่เคี้ยวอยู่ในปากเพื่อมารับหน้าที่ช่างกล้องด้วยนะคร้าบ”   จงฮุนหยอกเย้าด้วยท่าทางอารมณ์ดีใส่คนตัวเล็กที่กำลังยืนกินบาร์บีคิวอย่างเอร็ดอร่อย   เรียกเสียงหัวเราะจากคนอื่นจนคนถูกพูดถึงหน้าแดงเพราะความอาย

     

    คิบอมที่ยืนเงียบๆอยู่คนเดียวขยับตัวเข้าไปใกล้งานมากขึ้นนิดหน่อยเพราะใกล้อยู่แล้ว   ส่วนหน้าหวานและนิชคุณเพิ่งจะเดินตามกันมาหลังได้ยินเสียงเรียกรวม

     

    คิบอมเหล่ไปทางดงเฮนิดๆ  เห็นนิชคุณที่คอยเทคแคร์หน้าหวานอย่างเอาใจก็มองอย่างหมั่นไส้   ภายใต้สายตาเรียบนิ่ง

     

    “วันนี้ไฮไลท์ของปาร์ตี้คือบทลงโทษของผู้แพ้ในกิจกรรมผูกสัมพันธ์รอบเช้านะ   แต่ว่า   ไฮไลท์ก็คือไฮไลท์   ของดีเราจะเก็บไว้ท้ายงาน   ฮ่าๆๆ”   ซึงฮยอนมารับหน้าที่ดำเนินรายการต่อจากจงฮุนพูดอย่างอารมณ์ดีพาทุกคนยิ้มตาม   เว้นอยู่สองคนที่ต้องรับบทลงโทษนั่น    ดงเฮชักขยาดไฮไลท์นั่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไรเสียด้วยซ้ำ

     

    “ตอนนี้พวกเรามีกิจกรรมสนุกๆ ให้เมมเบอร์เคิร์สเล่นกันนะครับ   ขอเชิญรูมเมทของแต่ละคนไปยืนประจำที่ด้วยคร้าบ”   ซึงฮยอนบอกแล้วผายมือไปยังพื้นที่เล็กๆ ข้างหน้า   แต่ทว่ามีเสียงขัดขึ้นซะก่อน

     

    “ขอโทษครับ!  ซึงฮยอน   เราขอเปลี่ยนคู่ได้มั้ย?”   นิชคุณโพล่งขึ้น

     

    “หา   เปลี่ยนคู่   เปลี่ยนทำไมล่ะ”   ซึงฮยอนถาม   จงฮุนเดินเข้ามาสมทบอย่างเห็นด้วยกับคำถามนั้น

     

    “คือชั้นกับด๊อง  เราอยากจับคู่กันแทนที่จะเป็นรูมเมทน่ะ”   ดงเฮหน้าเหวอ   หันมองนิชคุณขวับ   นี่เค้าไปพูดอย่างนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่    หน้าหวานไม่เข้าใจพอๆ กับซังอาเพราะตนเป็นรูมเมทดังกล่าวของนิชคุณ   เธอไปทำอะไรให้เค้าไม่พอใจหรือเปล่าเนี่ย   ถึงได้อยากเปลี่ยนคู่แบบนั้น

     

    “จริงเหรอดงเฮ   ทำไมล่ะ”   จงฮุนถามอีกคนที่มีเอี่ยวมาด้วย   ดงเฮอยากจะปฏิเสธ    แต่ถ้าเค้าทำแบบนั้นไปจริงๆ   นิชคุณจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน   โอ๊ย   ทำไมมันมีแต่ปัญหาวะ

     

    “เอ่อ   ครับ   ผมก็อยากเปลี่ยน..”   ตอบเสียงอ่อยนิดหน่อยเพราะเค้าไม่ได้ต้องการเรื่องแบบนั้นจริงๆนี่นา   ยิ่งเผลอไปสบตาร่างสูงที่มองมาอย่างไม่พอใจนั่นแล้วยิ่งทำให้เค้ารู้สึกไม่ดี    คนอื่นจะมองคิบอมกันยังไงล่ะ   ทั้งๆที่เขาก็ไม่ได้มีความผิดอะไรเลย   แต่กลับถูกมองว่ารูมเมทรังเกียจซะงั้น

     

    “แล้วซังอากับคิบอมว่าไงล่ะ   ถ้าสองคนนี้เค้าคู่กัน   เธอสองคนก็ต้องมาคู่กันละนะ”   จงฮุนว่า   หนักใจนิดหน่อยกับปัญหาจุกจิก   แต่ถ้าเป็นความสบายใจของคนในปกครองแล้วไม่เกิดปัญหาอะไรก็พอจะแก้ไขให้ได้

     

    “เอ่อ  ก็..”   ซังอาอึกอัก   เธอเป็นผู้หญิงนี่นา   แถมคิบอมยังหล่อขนาดนี้   ขอเล่นตัวหน่อยเซ่ 

     

    “คิบอม   นายมีปัญหามั้ย”  จงฮุนเปลี่ยนคนถาม   เมื่อเห็นว่าเขาคงเอาอะไรจากสาวเจ้าไม่ได้

     

    คนถูกถามปรายตามองคนเจ้าปัญหาสองคน  สายตานิ่งเฉยไม่แสดงอะไรยิ่งทำให้ดงเฮรู้สึกผิด   ส่งสายตาเว้าวอนแกมขอโทษไปให้อีกคน   แต่ได้รับความเฉยชากลับมา   ท่าทีของทั้งสอง   อยู่ในสายตาของนิชคุณตลอดเวลา...

     

    “ก็ถ้าเค้ารังเกียจผมขนาดนั้น   ผมก็ไม่กล้าจะมีปัญหาอะไรครับ”

     

    “ไม่ใช่นะ!

     

    ทุกคนหันขวับ   จ้องไปทางเสียงหวานที่จู่ๆก็โพล่งขึ้นขัด   ดงเฮเอามือตะครุบปากทันทีที่รู้ตัวได้ว่าเผลอทำอะไรลงไป

     

    “ว่าอะไรน่ะครับด๊อง”  จงฮุนถาม   แปลกใจกับอาการของเพื่อนหน้าหวานอย่างมากมาย

     

    “คะ.. คือ”   ดงเฮอึกอัก   เผลอไปสบตากับคิบอมเข้าอีกแล้ว   แววตาค้นหาจากร่างสูงทำให้เค้าไปไม่เป็น  “ผม...”   จะเอ่ยปากค้านกับคำพูดแรกว่าเค้าไม่ได้อยากเปลี่ยนคู่  แต่ทว่า..

     

    หมับ..!

     

    นิชคุณเอื้อมมือมาจับมือบางไว้   บอกให้รู้ว่าเค้ายังมีตัวตนอยู่ตรงนี้   เหมือนที่ตรงนี้จะมีกันอยู่แค่สามคนจริงๆ  มีเพียงคิบอมเท่านั้นที่เห็นว่านิชคุณจับมือดงเฮอยู่   จ้องมองสองมือที่จับกันไว้ชั่วครู่   ก่อนมองตาของดงเฮด้วยความนิ่ง   สื่อสารผ่านทางกระแสจิตหรืออย่างไรก็มิมีผู้ใดทราบ

     

    เอาสิ   ชั้นกำลังรอฟังนายพูดอยู่...

     

    ดงเฮอึดอัดเป็นอย่างมาก   ก็สิ่งที่เค้าอยากจะทำมันไม่ตรงกับสิ่งที่สมควรจะทำน่ะสิ   เค้าไม่ได้อยากจะเปลี่ยนรูมเมทอะไรนั่นซักหน่อย   แต่นิชคุณก็ดัน...

     

    “เอางี้ดีมั้ยครับ!   ชอยมินโฮที่ดูเหมือนจะสังเกตความผิดปกติของคนทั้งสามได้ยกมือเป็นเชิงขออนุญาตแล้วจึงโพล่งขึ้น  

     

    “นิชคุณมีรูมเมทเป็นซังอา   ผมมีรูมเมทเป็นโซลกิ   ทั้งคู่เป็นผู้หญิง   คงจะไม่เหมาะถ้าเราทำกิจกรรมร่วมกัน   ผมเลยคิดว่า   ให้ซังอากับโซลกิคู่กันดีมั้ยครับ   แล้วคุณ  ชั้นกับนายเราก็คู่กัน   แล้วด๊องมีปัญหาอะไรมั้ย?”   มินโฮรวบยอดพูดอย่างชาญฉลาด   ไม่เปิดโอกาสให้หนุ่มมากปัญหาอย่างนิชคุณได้แย้งทัน   หันไปถามคนตัดสินเอาเองง่ายกว่า

     

    “ไม่มี   เราไม่มีปัญหา”  

     

    ดงเฮตอบทันทีไม่หยุดคิดเสียด้วยซ้ำ   โอ๊ย   นายเป็นพ่อพระมาโปรดชั้นจริงๆเลยมินโฮ

     

    “ด๊อง..”   นิชคุณคราง   ดงเฮรู้สึกผิดเหมือนกัน  แต่เค้าก็ไม่อยากให้ความหวังนิชคุณโดยการใกล้ชิด   มันจะเจ็บน้อยกว่าถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้แต่แรก

     

    โซลกิเองก็กังวลเรื่องความเหมาะสมเพราะหล่อนเป็นผู้หญิง   เห็นด้วยไม่คัดค้านอะไรกับความคิดของมินโฮ   พยักหน้ารับเมื่อจงฮุนถามความเห็น

     

    “จริงแฮะ  ก็ดีเหมือนกัน    แล้วซังอาล่ะ   ว่ายังไง”  จงฮุนถาม   สาวเจ้าเหลือบไปมองว่าที่รูมเมทอย่างโซลกิก่อนพยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้   ผู้หญิงเหรอ   เฮอะ   รู้งี้ไม่เล่นตัวหรอก   จะได้นอนห้องเดียวกับคิบอมอยู่แล้วเชียว   ชิ

     

    “งั้นก็เอาตามนี้นะ   เรียบร้อยซะที   ไปเล่นเกมส์กันเหอะทุกคนนน”   ซึงฮยอนชิงพูดแทนจงฮุน   พาบรรยากาศรื่นเริงกลับมาอีกครั้ง   ทุกคนเดินไปทางสถานที่ดำเนินกิจกรรมที่เป็นเหมือนพื้นที่โล่งๆ   นิชคุณจำใจปล่อยมือดงเฮอย่างไม่มีทางเลือกแล้วเดินไปก่อน

     

    ดงเฮมองตามนิชคุณไปอย่างรู้สึกผิดนิดๆ   ถอนหายใจยาวๆแล้วก้าวเท้าเดินก่อนชะงัก

     

    “อยากจะอยู่กับมันขนาดนั้นเลยรึไง”   คิบอมเดินเข้าประชิดตัวแล้วพูดประชด

     

    “ฮึ!   พ่นจมูกแบบโกรธๆนิดหน่อย   “ชั้นก็กลับมาแล้วนี่ไงเล่า   ยังจะเอาอะไรอีกล่ะ”

     

    “แบบไม่เต็มใจล่ะสิ”   คิบอมยังไม่เลิก   ยั่วอารมณ์ร่างบางข้างๆที่เค้าเพิ่งเดินมาตีขนาบ

     

    “เอ๊ะ”   ดงเฮขึ้นเสียงสูง   ตวัดสายตาขึ้นมองอย่างหาเรื่อง   สบสายตาคมชั่วครู่  

     

    “แต่ก็ยังดี   ...อย่าหนีไปไหนอีกล่ะ  นายหน้าหวาน”

     

    หน้าหวานที่ว่าเงียบกริบกับคำกล่าวพร้อมแก้มขาวที่ขึ้นสีเรื่อ   มองตามแผ่นหลังกว้างของคนที่เดินนำไปข้างหน้า   คำพูดเมื่อกี้ของคิบอมลอยก้องดังไปมา...

     

    “...คนบ้า   พูดอะไรบ้าๆ...”

     

     

     

     

    กิจกรรมในปาร์ตี้บาร์บีคิวที่ว่าก็คือการละเล่นนั่นเอง   มีการเหยียบลูกโป่ง  โยนห่วงลงขวด   ปิดตาตีมะพร้าวสอดไส้  สารพัดที่จะเรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ   ทั้งจากเมมเบอร์เคิร์สที่ยิ้มง่ายหัวเราะง่าย  และยิ้มยากหัวเราะยาก     ดงเฮกับคิบอมร่วมเล่นเกมส์อย่างสนุกแบบที่ไม่เคยคิดว่าจะญาติดีกับคนๆนี้ได้   เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเวลาร่วมกิจกรรมกัน  ยิ่งเฉพาะรายการปิดตาตีมะพร้าวสอดไส้ที่ดงเฮต้องขึ้นขี่หลังคิบอมที่ถูกปิดตาแล้วบอกทางให้ร่างสูงเดินไปตีมะพร้าวนั้น  ทั้งสองดูจะให้ความร่วมมือและสามัคคีกันเป็นพิเศษจนหน้าแปลกใจ  หัวเราะให้กันยามที่คู่ตนเองได้รับชัยชนะอย่างมีความสุขเป็นที่สุด 

     

    รอยยิ้มหวานๆของดงเฮและรอยยิ้มน่ารักๆของคิบอมดูจะเกลื่อนไปทั่วงาน

     

    “อีกนิดนึงๆๆ  ซ้ายๆๆ  ระวังเท้าด้วยนะข้างหน้าเป็นกระถางต้นไม้  ขวานิดนึงๆ”  ดงเฮคอยกำกับคนตาบอดชั่วคราว  คิบอมยิ้มกว้างและทำตามที่หน้าหวานบอกไม่บกพร่อง  ถอยเท้าห่างจากกระถางต้นไม้ที่ว่าแล้วเดินขยับไปทางขวา

     

    คู่รูมเมทอื่นๆก็ให้ความสนใจกับการละเล่นในส่วนของตน   ยกเว้นคู่ของนิชคุณและมินโฮที่ดูจะกร่อยกว่าชาวบ้านชาวช่อง  เล่นเกมส์ราวกับให้มันผ่านๆไป   ไม่ได้ดูสนุกและเอนเตอร์เทนเท่า(อดีต)คู่กัด

     

    “ใกล้แล้วๆ  นายเก่งจังเลย  เดินไปทางซ้ายอีกนิดนะ  นั่นละๆ”

     

    ดงเฮเอ่ยปากชมไม่หยุด   ยิ้มสนุกเมื่อเข้าใกล้ชัยชนะไปทุกที   คราวนี้ละไม่ต้องเสียเวลาสงสัยเลย   ว่ายิ้มของคิบอมที่เกลื่อนไปทั่วน่ะ  คงมาจากร่างบางๆ  นิ่มๆ  บนตัวเขาเป็นแน่

     

    คู่ของโซลกิและซังอาเริ่มเข้ามาใกล้กับพวกตน   ซังอาที่ไม่ถนัดเรื่องการชักนำทางคนก็บอกอะไรมั่วไปหมดจนโซลกิเซไปเซมา   ดงเฮเลยเปลี่ยนจากการพูดโต้งๆ มาเป็นกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูแทน   กันการลอบฟังของคู่แข่งชั่วคราวทั้งสอง   เกมส์แบบนี้เค้าต้องชนะสิ

     

    “นี่  เดินไปข้างหน้านะ  ก้าวยาวๆเลย  ไม่ต้องห่วง  ชั้นไม่ให้นายชนอะไรหรอก”  ลมหายใจร้อนๆเป่ารดอยู่ข้างหู  ซ้ำยังมีคำที่เหมือนจะเป็นห่วงนั่นอีก   มันทำให้คิบอมหยุดนิ่ง  ..โดยไม่รู้ตัว

     

    “อ้าว  ทำไมหยุดเดินล่ะ”  ก้มหน้าเข้าไปใกล้ๆ  กระซิบเสียงนุ่ม   เรียกสติของคิบอมให้กลับมา

     

    “ป.. เปล่าๆ  ทางไหนนะ”

     

    “ข้างหน้าๆ ก้าวขายาวๆเลย”

     

    และผลจากความพยายามของหน้าหวาน  ไม่สิ  ของคนทั้งสองถึงจะถูก  ทำให้เป็นคู่แรกที่สามารถตีมะพร้าวแห้งสอดไส้ให้ถุงพลาสติกใส่น้ำที่ซ่อนอยู่ข้างในแตกได้

     

    ดงเฮร้องเฮดีใจ  หันไปชนมือกับคิบอมสามครั้งอย่างยินดีพร้อมเสียงหัวเราะใสน่าฟัง   หน้าหวานยิ้มกว้าง  หน้าบวมยิ้มแก้มแทบปริ 

     

    “ดูเหมือนแชมป์ของคืนนี้จะหนีไม่พ้นคู่หมวยตระกูลฉีกับอาตี๋ตระกูลซ่งนะครับเนี่ย   ชนะทุกรายการเลย  จะเก่งกันไปไหนเนี่ย”  ซึงฮยอนแซว   คิบอมกับดงเฮหัวเราะรับสรรพนามล้อเลียนนั้นอย่างอารมณ์ดี   ตอนนี้ยากเหลือเกินที่จะทำให้อารมณ์แจ่มใสของทั้งสองขุ่นมัว

     

    “แหม  แต่น่าเสียดายจริงๆนะครับที่กิจกรรมเล่นเกมส์ของคืนนี้มีแค่นี้  แต่รายการต่อไป  รับรอง!  สนุกไม่แพ้ใครแน่  ขอเชิญผู้ชนะทั้งสองของเราข้างหน้าด้วยคร้าบ”  ซึงฮยอนกล่าวดำเนินรายการ  ดงเฮดึงมือคิบอมไปอย่างรวดเร็วไม่รีรอ  ไม่ได้เอะใจถึงกิจกรรมที่ว่านั่นเลยสักนิด  ไม่ได้เอะใจถึงอาการอึ้งปนเขินของร่างสูงเลยด้วย

     

    “หน้าชื่นตาบานยิ้มแย้มแจ่มใสกันเลยนะครับทั้งสองคน   อารมณ์ดีแบบนี้สงสัยโดนลงโทษยังไงก็ไม่เลิกยิ้มมั้งครับเนี่ย”  ซึงฮยอนหยอดมุกตลกใส่คนทั้งสอง   ดงเฮที่ยิ้มๆอยู่หุบยิ้มลงทันตาเมื่อพอเดาได้ถึงอะไรลางๆ

     

    “ถึงเวลาลงโทษผู้แพ้ของเราแล้วละคร้าบ  แจจินกับจงฮุนขออุปกรณ์ด้วย”  ซึงฮยอนพูดต่ออย่างรวดเร็ว  ดงเฮหน้าเหวอ  จะลงโทษอะไรกันน่ะ  โอ๊ย  ด๊องดอนนน

     

    ซึงฮยอนถือกล่องขนมบางอย่างที่คุ้นตาโบกไปมาแล้วพูด

     

    “บทลงโทษของเรามาจากทั้งคู่แพ้ในกิจกรรมเมื่อตอนบ่ายนะครับ   เพราะด๊องกับคิบอมไม่ร่วมมือกัน  ดังนั้นพวกเราจะช่วยสอนความสามัคคีให้เอง  ฮ่าๆ”  ซึงฮยอนหัวเราะอย่างมีเล่ห์  ดงเฮกับคิบอมมองหน้ากันงงๆ ไม่ทันไรก็ถูกแจจินจับให้หันหน้าเข้าหากันซะแล้ว

     

    “ลงโทษอะไรครับเนี่ย”  ดงเฮท้วงเบาๆ  จงฮุนส่งยิ้มให้   แล้วพยักพเยิดไปทางซึงฮยอน

     

    “บทลงโทษนี้มีชื่อว่า   เริงร่าท้าจุ๊บ ป๊อกกี้จั๊กกะจี้หัวใจ  ฮ่าๆๆ”  ซึงฮยอนประกาศก่อนหัวเราะใส่ไมค์   เกือบทุกคนหัวเราะอย่างนึกตลกกับชื่อนั่น  ทว่าคนที่อึ้งพูดไม่ออกนี่สิ

     

    เริงร่าท้าจุ๊บ ป๊อกกี้จั๊กกะจี้หัวใจ...

     

    ลงโทษบ้าอะไรเนี่ยยย

     

     

     

     

    “กินเลยๆๆ  กินเลยๆๆ  กินๆๆ”   

     

    เสียงเชียร์ดังจากคนโดยรอบที่มุงเข้ามา   ดงเฮยืนอึ้งมองป๊อกกี้จั๊กกะจี้หัวใจที่อยู่ในมือคิบอมอย่างตื่นๆ     แค่เห็นอุปกรณ์เล่นก็พอจะรู้แล้วว่าต้องทำอะไร   เค้ากับคิบอมต้องกัดกินป๊อกกี้แท่งเดียวกัน...  ให้หมด

     

    คิดแล้วก็เงยหน้ามองคนตรงหน้าเขินๆ 

     

    อ๊า   ปะ..  ปะ.. ปากคิบอมอ้ะ!!

     

    เหลือบไปเห็นริมฝีปากหนาที่เกือบช่วงชิงเอกราชของปากตนเองไปได้ก็หน้าแดงอย่างไม่มีสาเหตุ   คิบอมเสมองไปทางอื่นเพื่อกลบอาการเขินบ้าง   เกมบ้าๆนี่จะทำให้เค้าควบคุมตัวเองไม่ได้นะ...

     

    “ฮ่าๆๆ  ด๊องเขินเหรอครับนั่น  ฮ่าๆ”   ซึงฮยอนสังเกตเห็นเลยป่าวประกาศอย่างสนุก   คิบอมได้ยินดังนั้นก็หันกลับมาสำรวจหน้าหวานที่เขินจนทำตัวงกๆเงิ่นๆ

     

    “เขินจริงๆรึไง”  เสียงเข้มถาม   แต่ดงเฮก็จับน้ำเสียงสนุกๆในนั้นได้

     

    “บะ บ้า  ใครจะไปเขินนายกัน  ไม่มีทาง!   ปฏิเสธเสียงแข็งแล้วพองลมเต็มแก้ม   ชวนน่ารักน่าเอ็นดูเสียจนไม่อยากให้ใครมอง  จ้องตาสู้กลบอาการ

     

    “งั้นก็อ้าปากซะที   งานบ้าๆนี่จะได้จบ”   พูดเสียงเบาให้ได้ยินกันสองคน  ชูขนมรูปทรงเป็นแท่งเรียวเล็กในมือตรงหน้าดงเฮ   ดงเฮกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่

     

    “เอาจริงเหรอ”   ถามเสียงสั่นนิดๆ     กินไอ้นั่น...   ต่อหน้าคนเป็นสิบเนี่ยนะ  แถมยังกับไอ้แก้มแตกนี่ด้วย   รู้ไปถึงไหนอายเค้าไปถึงนั่น   โอ๊ยๆๆๆ  ด๊องดอนอีกแล้ว

     

    “ไม่กล้ารึไง”   คิบอมงัดลูกยั่วมาใช้   กับคนที่ดงเฮไม่ชอบขี้หน้าและต้องการเอาชนะ   มีรึจะยอม

     

    “ใคร๊   ใคร   ใครไม่กล้า   เฮอะ   นายพูดผิดแล้วละ”  

     

    เชิดหน้าเถียงทันควัน   ก่อนรู้ตัวว่าตกหลุมพรางบ่อเบ้อเริ่ม

     

    “งั้นก็ดี   ซักทีสิ”  คิบอมเร่ง  

     

    เอาวะ   ไหนๆก็ไหนๆแล้ว   คิดจะยั่วไอ้แก้มบวมนี่ต้องเปลืองตัวอีกเยอะ   อดทนๆๆ   ด๊องไฟท์ติ้ง!!

     

    ดงเฮตัดใจ   งับป๊อกกี้ที่เอียงองศาให้เข้าปากบางโดยง่ายที่รออยู่อย่างกลั้นใจ   เสียงวี้ววิ้วดังมาอีกระลอกจากผู้ชม   คิบอมกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์  

     

    หึๆ  แผนกระจอกๆของนายทำให้ยัยหน้าหวานคนนี้ใจเต้นไม่ได้หรอกนิชคุณ   มันต้องแบบนี้ 

     

    จบแผนเจ้าเล่ห์ก็โน้มตัวลงให้ใบหน้าตรงกัน   ใช้ริมฝีปากหนากัดส่วนปลายป๊อกกี้อีกด้านไว้เบาๆ  พินิจใบหน้าที่อยู่ใกล้เพียงป๊อกกี้กั้น..   เฮอะ   จะมองกี่ทีๆ ก็...  

     

    ก็... 

     

    ช่างเหอะ

     

    คิบอมบอกปัดก่อนใช้สายตาคมจ้องลึกไปในนัยน์ตาสวย   เพิ่งสังเกตได้ว่าตาของดงเฮเป็นสีน้ำตาล

     

    ดวงตาสวยเบิกกว้างอย่างตื่นๆ  ยิ่งถูกคิบอมจ้องเอาๆก็ทำเค้าประหม่า

     

    “นี่  เลิกจ้องนะ”   เสียงหวานท้วง   พูดไม่ค่อยชัดนักเพราะมาบางอย่างติดอยู่ที่ปาก

     

    “แล้วจะให้มองที่ไหน   ก็ดันมาอยู่ตรงหน้า”  คิบอมเถียง   ขยับปากเข้าไปใกล้ๆ  กัดกินป๊อกกี้จนเกิดเสียงเบาๆ

     

    ป๊อก!

     

     

     

     

    “อ๊ะ   นายอย่ากินมันสิ!   ดงเฮสั่งให้หยุดการแทะเล็มแท่งช็อคโกแล็ตที่อยู่ระหว่างเค้ากับคิบอม

     

    “ยัยโง่  ถ้าชั้นไม่กินก็ต้องอยู่อย่างงี้ตลอด   จะเอาไงล่ะ”   คิบอมโต้กลับ   เสียงเชียร์และเสียงล้อเลียนจากคนรอบข้างไม่ได้เข้าหูทั้งสองแต่อย่างใด

     

    “ไม่รู้ๆ  แต่นายอย่าเอาหน้าอ้วนๆของนายมาใกล้ชั้นนะ”  ทำท่ารังเกียจเดียดฉันท์เต็มประดาจนคิบอมเริ่มหงุดหงิดที่ตนไม่ใช่ที่ต้องการ   กลับกัดเล็มแท่งช็อคโกแลตให้มากกว่าเดิม   ยั่วโมโหหน้าหวานกลับบ้าง

     

    ป๊อกๆๆๆ

     

    ริมฝีปากหนาที่ขยับเข้ามาใกล้ทำให้ดงเฮต้องนิ่งอึ้ง   ก็มันใกล้...   จนกั้นแค่ลมหายใจแผ่ว

     

    “ให้ผมกินนะ...” 

     

    ป๊อก!!!

     

    ดงเฮเบิกตากว้างเมื่อจับใจความได้  ดวงหน้าขึ้นสีร้อนผะผ่าว  เสียงดังป๊อกเหมือนกับเสียงค้อนทุบเวลาศาลตัดสินคดี    ดงเฮจะผลักคนตรงหน้าออกทันที  แต่ทว่า..  ช้าเกินไป 

     

    หน้าหวานทำให้เค้าควบคุมตัวเองไม่ได้

     

    คิบอมตัดสินใจรวบแท่งช็อกโกแลตเข้ามาเต็มปากแล้วรั้งตัวดงเฮเข้าแนบชิดก่อนประกบจูบอย่างเร่าร้อน  กลืนกินแท่งช็อคโกแลตทั้งหมดเข้าสู่ช่วงคอ  ก่อนตวัดลิ้นร้อนรุกล้ำเข้าในโพรงปากหวาน  บดเบียดริมฝีปากให้ปะทะกันจนเกิดเสียงประกบปากชวนสยิว  ใช้มืออีกข้างกดท้ายทอยดงเฮให้แนบแน่นกับรสจูบที่ตนบรรจงสร้าง

     

    ดงเฮตั้งตัวไม่ทัน   รู้แต่ว่าบัดนี้ทุกอย่างขาวโพลน  เค้าไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น  กระทั่งความตกใจของคนทั้งหมดทั้งมวลรอบด้าน   เค้ากำลังเคลิ้มไปกับสัมผัสเบาหวิวแต่หนักหน่วงที่ริมฝีปาก   แม้มันจะบวมช้ำหรือเจ่อขนาดไหนก็ไม่รู้ตัว   เสียงหัวใจที่ดังระรัวกลบเกลื่อนทุกสภาวะแวดล้อมทางเสียง

     

    คิบอมถือโอกาสแย่งชิงความหวานภายในปากอย่างไม่รู้หน่าย  จำไม่ได้แล้วว่าวกวนลิ้นร้อนของตนไปกี่รอบ  มีแต่รู้สึกอยากจะทำอีก  อีก  และอีก

     

    เมื่ออากาศที่กักเก็บไว้เริ่มหมดไป  หน้าหวานก็เริ่มประท้วงโดยการผลักลิ้นอีกฝ่าย   ..ด้วยลิ้นตน   มือบางยื้อเสื้อทางด้านหลังของคิบอมหมายจะดึงร่างสูงออกให้พ้นกาย   ทว่าคิบอมหยุดไม่ได้  เค้าหยุดความต้องการความหวานจากโพรงปากนี้ไม่ได้   ยิ่งการดุนดันจากร่างบางในอ้อมกอด  มันก็ยิ่งทำให้เค้าเพิ่มรอยสัมผัส  เน้นย้ำขบดูดเรียวปากอิ่มอย่างกระหาย

     

     

     

     

    “อื้อ...”

     

    สติที่ล่องลอยไปนานกลับมาเสียทีที่อากาศเริ่มหมดปอด   ออกแรงผลักร่างสูงอย่างแรงจนอีกฝ่ายเซออกไป

     

    “นาย..  นาย...   ไอ้บ้า  ไอ้โรคจิต!  ทุเรศ!!  แผดเสียงด่าลั่นเมื่อตั้งสติได้   หายใจหอบเหนื่อยเพราะ Deep Kiss มาราธอน  นี่จูบแรกของเค้า..  จูบของเค้า..  ที่แสนยาวนานนน  กับ...  กับ..

     

    อ๊ากกกกก    ไอ้ตี๋แก้มแตก!!   แกเอาจูบแรกของชั้นไปทำไม๊…!

     

    คิบอมใช้นิ้วโป้งแตะมุมปากเบาๆ   ไม่ได้ยี่หระเลยกับคำสรรเสริญเยินยอที่ร่างบางสรรหามาประโคม   รสจูบหวานๆนั่นยังติดอยู่ที่ปาก   จนเค้านึกอยากจะได้มันอีก    และอย่างไม่รู้จบเสียด้วย

     

    “หึ” คิบอมยิ้มบางๆ แต่ความเจ้าเล่ห์ในดวงตานั้นกลับปิดไม่อยู่  “นายว่า   ช็อคโกแลตกับปากของนาย   อันไหนถูกใจชั้นมากกว่ากัน”

     

     

     

     

    ----  My  Sweetheart…  You’re  Everything  ----

     

     

     

     

     

     

     

    วันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2552

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×