คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : รักคำเดียว
รอยยิ้มงดงาม กับประกายแววตาที่ใจดี แลดูทำให้ผู้หญิงคนนี้น่ามองจนต้องหันตามคอแทบเคล็ด สำคัญไปกว่านั้นเธอช่างแลดูดีมีราคาเสียจริงเชียว ร่างเข้มอ้าปากค้างด้วยความตะลึงในความสวยของหญิงสาวนัยน์ตาหวานครู่หนึ่ง ครั้นรู้ตัวว่ามัวแต่ทึ่งในความสวยจนเอ๋อกิน ร่างเข้มจึงหรุบสายตาลงต่ำกับพื้น ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หวังว่าคนสวยคนนั้นคงไม่เห็นอากัปกริยาเมื่อครู่ของเธอ
พอภาวิดาหันไปอีกทางสองแม่ลูกก็มีอาการไม่ต่างกัน ทั้งสองคนอยู่ในอาการอึ้งจนพูดไม่ออก โดยเฉพาะมารดาของเพื่อนสนิทมีน้ำตาคลอออกมาด้วย แต่สิ่งที่ปิดไม่มิดคือแววตาดีใจของหญิงสาวต่างวัย เห็นอาการนั้นแล้วรอยหยักในสมองส่วนคิดวิเคราะห์ทำงานอย่างรวดเร็วในเสี้ยววินาที ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัว โอ...หรือว่า
“คุณหนู”
ความคิดไวเท่าปากเพื่อนรัก เมื่อได้ยินอิษฏ์อาณิกเรียกผู้มาใหม่ด้วยถ้อยคำแบบนั้น ยิ่งตอบความสงสัยในหัวได้หมดจด...
นี่หรือลูกสาวสุดรักสุดหวงคนเดียวของท่านนายพล...เสธ.ใหญ่ที่ใครๆได้ยินชื่อแล้วต้องถอยหนึ่งก้าวด้วยความเกรง
นี่หรือคุณหนูผู้เป็นที่รักและเคารพของเพื่อนเธอ...
นี่หรือเด็กสาวอีกคนที่มารดาของเพื่อนเธอรัก ไม่ต่างจากลูกในอก!!! นั่นสินะ จะไม่ให้รักขนาดนั้นได้อย่างไร ในเมื่อแม่นมคนอ่อนไหวน้ำตาไหลพรากด้วยความตื้นตัน ส่วนเพื่อนเธออีกคนก็อยู่ในอาการอึ้งจนพูดไม่ออก
ความเงียบปกคลุมอยู่ชั่วอึดใจ แต่ปากหยักบางได้รูปของใครคนนั้นก็เผยอเอ่ยเจื้อยแจ้วทำลายความเงียบ
“นม...น้องแอป เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว กวางกลับมาแล้วไงคะ”
“...”
ยังไร้ซึ่งคำตอบใดๆออกมา กรวรรณเห็นท่าหากเธอยังยืนอยู่เฉยๆคงได้ยืนนิ่งเป็นหินทั้งแม่ทั้งลูก คนสวยตาหวานถอนหายใจแล้วพูดขึ้นมา
“นม...กวางหิว มีอะไรกินบ้างคะ?” เสียงเอ่ยทำลายอาการอึ้งและทำลายความเงียบของสองแม่ลูก เท่านั้นแหละคนถูกเรียกสะดุ้งนิดๆพร้อมกับรีบดึงสติกลับมา
“นมเตรียมไว้ทำมื้อพิเศษให้คุณหนูเป็นมื้อเย็น ไม่นึกว่าคุณหนูจะเข้ามาแต่เช้า เลยไม่มีอะไรพิเศษนอกจากอาหารเช้าทั่วไปน่ะค่ะ”
“นมเอามาเถอะ เดี๋ยวกวางจะทานแล้ว” พูดเสร็จกวาดสายตาไปยังร่างสูงที่ยืนอยู่ในชุดนักศึกษา
“อ้อ!น้องแอปมาทานด้วยกันสิ เสร็จแล้วเดี๋ยวพี่ให้คนรถไปส่ง” คนถูกชวนส่ายหน้าอย่างอัตโนมัติ แม้กรวรรณจะรู้ว่าเธอปฏิเสธ จนคุณหนูผู้มาใหม่ชินแล้วล่ะกับอาการถ่อมตัวของเด็กคนนี้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักกี่ปี อิษฏ์อาณิกก็ยังคงเป็นอิษฏ์อาณิกไม่เปลี่ยน เรียบร้อย ถ่อมตัว และหยิ่งในศักดิ์ศรีแต่ไร้ซึ่งความก้าวร้าวใดๆ
“คุณหนูทานเถอะค่ะ แอปทานเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวจะออกไปเรียนแล้วล่ะค่ะ”
คนที่นั่งอยู่หน้าชามข้าวต้มหยิบขนมปังปิ้งขึ้นมาทาเนยพลางเอ่ยถาม “แล้วข้างๆนั่นใครล่ะแอป”
คนที่ลอบสังเกตการณ์สะดุ้งในใจ สายตาหวานเมียงมองมายังเธอ พร้อมกับมุมหน้าที่หันมาหาเธอเต็มๆ ยิ่งใกล้ยิ่งเห็นชัดว่าผู้หญิงคนนี้สวยสดงองามปานใด แม้หัวใจจะเต้นตึกตักไปหวั่นไหวกับความงามที่ดึงดูด แต่ความชาญฉลาดก็ทำให้เธอไม่แสดงท่าทีเก้อเขิน “เอ่อ หนูชื่อซิลวี่ เป็นเพื่อนสนิทของแอปค่ะ”
พูดอย่างสงวนปากสงวนคำ เพราะไม่รู้ว่าหากพูดมากกว่านี้เธอจะต้องพูดไป เกาหัวไปด้วยอาการเขินอายหรือไม่ เห็นจะไม่สมควร เลือกที่สงบปากสงบคำเห็นจะเหมาะที่สุดแล้วล่ะ
“คุณกวางคะ งั้นเดี๋ยวแอปขอไปเรียนก่อนนะคะ เกรงว่าจะสายเอา” คนสวยพยักหน้าพร้อมในขณะที่ปากหยักได้รูปเคี้ยวขนมปังปิ้งรสเลิศ เธอกลืนมันลงคอหลังจากที่ร่างสูงพูดจบ
“แน่ใจนะน้องแอป ว่าไม่ให้คนขับรถขับไปส่ง” เอ่ยซ้ำทั้งๆที่รู้ว่าถึงอย่างไรนักศึกษาสาวคงต้องปฏิเสธเธออยู่ดี
“ไม่เป็นไรจริงๆค่ะคุณหนู เดี๋ยวคุณหนูทานข้าวแล้วพักผ่อนเถอะนะคะ เพิ่งมาถึงเอง อย่าห่วงแอปเลยค่ะ” คนพูดส่งยิ้มสวยให้กรวรรณ พร้อมกับยกมือไหว้แบบไทยๆ สิ่งที่ภาวิดาสังเกตเห็นในแววตาเพื่อนเธอคือประกายของความสดใส ระคนความตื่นเต้น แฝงไปด้วยรังสีหวานซึ้งวิบวับประหลาด เธอไม่เคยเห็นเพื่อนสาวมองใครด้วยความชื่นชมจนแสดงออกให้เห็นขนาดนี้เลย
คนสวยรับไหว้แล้วก้มลงกัดขนมปังปิ้ง เงยหน้าขึ้นมาก็มองเห็นแผ่นหลังต่างขนาดเดินเคียงคู่กันออกนอกประตูไปแล้ว
“ตอนแรกท่านบอกคุณหนูจะมาทานมื้อเย็นที่นี่ ทำไมถึงได้มาก่อนเวลาล่ะคะ ดูซินมเตรียมอาหารรับรองไม่ทันเลย” แม่บ้านใหญ่วางแก้วน้ำส้มหลังจากที่พูดจบไปแล้ว
แต่นางคงไม่ทันเห็นสีหน้าสลดของคนสวยที่แสดงออกหลังจากที่นางถาม
“เกิดaccidentนิดหน่อยน่ะคะนม” คนถามกระตุกหัวคิ้ว นี่นางได้ยินคำว่าaccidentมาสองรอบในเวลาเพียงแค่ช่วงเช้า นึกฉงนอยู่ในใจ ชีวิตของคนเรามันช่างหาความแน่นอนไม่ได้เสียจริง เดาไม่ถูกว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรให้เราต้องเปลี่ยนวิถีอยู่บ่อยๆ
“กวางเลยเปลี่ยนแผนกลับบ้านตอนเช้า” น้ำเสียงแผ่วลง แม่นมของคุณหนูไม่ได้ถามกระไรต่อ นางหยิบไม้ขนไก่ปัดกวาดตามหน้าที่ แต่จิตใจของคนที่เพิ่งตอบดิ่งวูบลง...เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน...
“นท นท จะรีบเดินไปไหน รอพี่ก่อนสิ” ร่างเล็กสาวเท้าเดิมตามจากไม่ลดละ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ทันคนข้างหน้าที่เดินจ้ำอ้าวไปพร้อมกับอารมณ์แปรปรวนราวกับพายุ
เธอรู้ดีว่าหล่อนโกรธเธอเรื่องที่เธอบอกกับเพื่อนสนิทว่าหล่อนเป็นเพียงพี่น้องกับเธอ เอาอาหารเลิศรสมาปลอบประโลมก็ไม่เข้ารสลิ้น พยายามง้อและอธิบายด้วยเหตุผลหลายครั้งแม่คุณก็ฟาดหัวฟาดหางท่าเดียว ยังอารมณ์เสียจนมาถึงนาทีนี้
กรวรรณส่ายหน้าอย่างเหน็ดเหนื่อยจังหวะเดียวกันกับที่หล่อนหันควับกลับมา ตะคอกด้วยน้ำเสียงกึ่งตวาด
“ให้นทรอแล้วได้อะไร นทรอมาตั้งสามปี แต่พี่กวางก็ยังไม่ยอมรับว่าเป็นอะไรกับนท ต่อหน้าเพื่อนๆพี่กวาง”
กรวรรณเอาน้ำเย็นเข้าลูบอย่างที่เคยทำ “แต่พี่ก็บอกถึงเหตุผลและความจำเป็นไปแล้วนี่คะ บอกนทมาตลอดเลย”
แม้จะมีเหตุผลมายัน แต่คนอย่างหล่อนมีหรือจะยอมฟังอะไรง่ายในสภาวะที่อารมณ์ร้อนรุ่มเช่นนี้
สาวสวยหน้าหมวยจิ้มลิ้มยังคงกรานหนัก “แล้วเมื่อไหร่กันล่ะพี่กวาง เมื่อไหร่ที่นทกับพี่กวางจะยืดอกยอมรับต่อคนรอบข้างว่าเราเป็นอะไรกัน” แม้หล่อนจะพูดด้วยอารมณ์โกรธ แต่ก็เจือไปด้วยอารมณ์ตัดพ้อน้อยใจ ในขณะที่กรวรรณยังคงอดทนต่อได้อยู่ในระดับหนึ่ง
“นทจ๋า พี่อยากให้นทเข้าใจพี่นะ นี่เมืองไทยไม่ใช่เมืองนอกที่เราจะติดปีกบินได้อย่างเสรี ที่นี่มีหลายสายตาจับจ้องพี่อยู่ มันเกี่ยวเนื่องกับหน้าตาทางสังคมของครอบครัวพี่ด้วย” นั่นมันเหตุผลง่ายๆที่ใครๆก็ควรจะรับรู้และเข้าใจ แต่คงไม่ใช่กับหล่อนผู้มีนิสัยเอาแต่ใจอย่างสุดขั้ว และอารมณ์พายุอย่างร้ายกาจนี่หรอกนะ...
กรวรรณต้องถอยหายใจอย่างระอาอีกครั้ง เมื่อหล่อนเริ่มสาวเท้าต่อไปให้เธอต้องเดินตาม รถยนต์คันหรูจอดอยู่ลิบๆ หวังว่าพอขึ้นรถแล้วขับไปคุยไปอาจจะช่วยทำให้หล่อนฟังเธอขึ้นมาบ้างสินะ
สัญญาณปลดล๊อคดังขึ้นประตูรถสองข้างถูกเปิดออกทันที หญิงสาวหน้าหวานหย่อนกายลงเบาะแต่ก็ช้ากว่าหล่อนที่จัดการเรื่องของตนเรียบร้อยแล้วไม่ทันที่กรวรรณจะคาดเข็มขัดนิรภัยรถยุโรปคันงามก็กระชากตัวออก ความเร็วสูงทำให้เธอหน้าคว่ำ!!!
คราวนี้หญิงสาวที่เคยใจเย็นเหลืออดจริงๆ
“นี่นททำอะไรเคยนึกถึงความปลอดภัยของพี่บ้างไหม?หา! ถ้าหน้าพี่ชนคอนโซลรถจะรู้สึกผิดบ้างรึเปล่า”
ความโมโหก่อตัวขึ้นครั้งแรก อารมณ์ขุ่นมัวที่ต้องวิ่งตามผู้หญิงเจ้าเอาแต่ใจอย่างหล่อนเริ่มกวนตัวเองขึ้นในอารมณ์ แต่อีกฝ่ายยังคงนึกถึงแต่เรื่องของตนเอง จนลืมไปสนิทว่าหล่อนทำให้คนรัก หน้าเกือบแหก
“แล้วพี่กวางล่ะ ทำอะไรเคยนึกถึงความรู้สึกของนทบ้างไหม?”
ความเอาแต่ใจไร้เหตุผลทำให้นทโพล่งกลับทันที ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เพราะความไม่ฟังใครของหล่อนนั่นแหละ เป็นเหตุให้ทุกอย่างบานปลายถึงขั้นนี้...
ดั่งต่อมโมโหถูกบีบให้แตก แววตาที่เคยเต็มไปด้วยความรัก ความทะนุถนอม ความอ่อนโยน ทุกครั้งที่ทอดมองมายังหล่อน แปรเปลี่ยนเป็นสายตาโกรธขึ้งปนผิดหวัง
“ตอนคบกัน พี่พอรู้ว่านทอาจจะอารมณ์ร้อนไปบ้าง เอาแต่ใจไปบ้าง” น้ำเสียงร้อนระบายออกมาพร้อมกับลมหายใจฮึดฮัด นัยน์ตาที่เคยหวานแหววแดงก่ำด้วยความโกรธ เธอกำมือสั่น กัดฟันกรอด
“แต่พี่ไม่นึกว่านทจะเอาแต่ใจจนกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้!!!”
เอ่ยประโยคอัดอั้นไปพร้อมกับความโกรธครั้งสุดท้าย คนสวยปิดประตูดังปัง ไม่คิดจะเหลียวหลังกลับไป เธอโบกแท็กซี่กลับบ้านทันที บ้านที่ทุกคนในบ้านคอยโอบอุ้มเธอด้วยความรักความอบอุ่น ไม่ใช่แปรปรวนไปมาให้เธอต้องปวดหัววันแล้ววันเล่าเหมือนกับอารมณ์ของนท
...ไม่ว่าคบกันมานานเท่าไหร่นทก็ยังเป็นนท ยังเป็นนทที่เอาแต่ใจ...อยู่วันยังค่ำ
ไม่ว่าเธอจะเติมความรัก ความอ่อนโยนลงไปในชีวิตนทมากเพียงไร แต่มันไม่อาจทำให้นทเห็นถึงความอ่อนโยนบ้างเลยหรือ? เหตุใดจิตใจของหล่อนเข้าถึงได้ยากเพียงนี้? หากไม่ใช่เพราะรักสุดหัวใจ เธอคงไม่กล้ำทนกับความร้ายกาจของหล่อน...อันเป็นที่รักยิ่ง เป็นแน่
เพราะรักสินะ...เพราะรักคำเดียวแท้ๆเลย
อีกตอนนะคะคนอ่านที่รัก
วันนี้คงได้แค่นี้นะ...
ไม่รู้ว่าจะถูกใจบ้างหรือเปล่า
แต่ก็แต่งออกมาจากใจเท่าที่จะแต่งได้
ดูแลตัวเองดีๆนะคะ อย่านอนดึก
น้องม.ต้น ตั้งใจทำการบ้านแต่อย่าติดเพื่อนมากจนลืมงานบ้าน ลืมหน้าที่ ลืมพ่อแม่
น้องม.ปลาย อย่าลืมนะคะว่าเราโตได้มาประมาณนึงแล้ว เตรียมใจให้พร้อมกับวัยผู้ใหญ่
มีหน้าที่มากมายที่ต้องรับผิดชอบ เตรียมตัวให้ดีที่จะท่องไปในโลกกว่าแห่งความเป็นจริง
ที่ไม่ได้มีแต่สิ่งสวยงาม
น้องเฟรชชี่ที่โดนรุ่นพี่มอมช่วงรับน้อง อย่าดื่มหนัก อย่าเตลิดเตลย
รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกความเหน็ดเหนื่อย
เราจะสู้ไปด้วยกันนะคะ
รัก...
สุดหัวใจที่นักเขียนคนนี้มี
ความคิดเห็น