คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เซอร์ไพรส
แดดจัดจ้าแทบจะแผดเผาผิวให้ให้เกรียม กระดาษแผ่นเล็กที่เธอหยิบมาด้วยไม่อาจบังแดดได้มิด หญิงสาวตัวกลมพาร่างของตนมาหยุดอยู่ที่นอกรั้วประตูอัลลอยด์สีขาวนวล กำแพงบ้านหลังนี้กินเนื้อที่ราวๆไร่ครึ่ง ตัวบ้านสไตล์ยุโรปตั้งเด่นเป็นสง่า โออ่างดงามแม้มองจากภายนอก ควรจะเรียกว่าคฤหาสน์ถึงจะถูกสินะ ใหญ่ขนาดนี้ ไม่ใช่บ้านแล้วล่ะ
นิ้วอวบกดกริ่งหนึ่งครั้ง แต่ยังไม่มีใครออกมาเปิดประตู หญิงสาวร่างกลมรู้ชะตากรรมดีว่าคงต้องรออีกนาน ระยะทางจากตัวบ้านมาหน้าประตูก็ต้องเดินกันหอบไม่เบาเลยทีเดียว
ผ่านไปสักพัก รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ เมื่อผู้หญิงวัยกลางคนในชุดเสื้อสีขาวกับผ้าถุง เดินออกมาเปิดประตูให้ หญิงสาวร่างอวบในชุดนักศึกษายกมือไหว้ผู้มาเปิดประตู
“อ้าว น้องซิล มาหาเจ้าแอปเหรอลูก” เมื่อรับไหว้เสร็จแล้ว คนด้านในก็เปิดประตูบานเล็กต้อนรับแขก
“ค่ะ คุณแม่ แล้วแอปไม่อยู่เหรอคะเนี่ย”
ผู้ใหญ่ในชุดเรียบร้อยยิ้มให้ “เปล่าหรอกจ้ะ อยู่หลังบ้านน่ะ กำลังทำแปลงผักอยู่แหละ”
ภาวิดาขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่นึกแปลกใจเท่าไหร่ เพราะรู้ดีว่านิสัยเพื่อนคนนี้เป็นอย่างไร หญิงสาวยื่นกระดาษเอสี่ในมือให้มารดาของเพื่อนสนิทดู “แม่คะ ร้านของซิลมีพนักงานคนนึงเค้าลาออกไปแต่งงาน มีตำแหน่งว่าง ซิลเลยขอให้แอปไว้น่ะคะ เห็นหาพาร์ทไทม์มานานแล้ว”
รอยยิ้มดีใจผุดขึ้นมาบนสีหน้าของผู้เป็นมารดาเพื่อนสนิท เด็กสาวอดยิ้มไปด้วยไม่ได้ เมื่อเห็นแววตาเปี่ยมด้วยความหวัง และคำขอบคุณสื่อสารมายังเธอ
“ขอบใจมากนะลูก ขอบใจจริงๆ ซิลไปหาแอปเลย แปลงผักอยู่หลังเรือนเล็กที่เราอยู่ด้วยกันนั่นแหละ วันนี้คุณหนูลูกสาวท่านนายพลเธอกลับมาที่บ้าน แม่ต้องขอตัวเตรียมของทำอาหารให้คุณหนู ประเดี๋ยวตอนค่ำๆเธอจะเข้ามาทานน่ะ”
พูดจบมารดาของเพื่อนสนิทก็ขอตัวเข้าเรือนใหญ่ไปทำอาหาร ส่วนเธอก็เดินแยกมาอีกทางไปยังเรือนหลังเล็ก อันเป็นที่อยู่ของเหล่าคนสวนและแม่บ้าน เพื่อนสนิทของเธออาศัยอยู่ที่นั่นกับมารดาตั้งแต่เธอรู้จักเขา
มารดาของอิษฏ์อาณิกเคยเป็นแม่นมให้กับคุณหนูของบ้านนี้ แล้วยังพ่วงด้วยตำแหน่งแม่บ้านเก่าแก่คนหนึ่งของบ้านเชียวล่ะ
ภาวิดามองเห็นแผ่นหลังเพรียวกับลังก้มๆเงยๆกับการถอนวัชพืชในแปลงผัก เห็นผักงามใบเขียว ก้านอวบ น่ารับประทานแล้ว นี่คงได้รับการบำรุงรักษาอย่างดีสินะ อดภูมิใจไปกับเพื่อนไม่ได้ ผลงานของเพื่อนเธอนี่ช่างสุดยอดจริงๆ
เมื่อคิดเล่นอะไรแผลงๆออก ร่างกลมค่อยๆย่องไปทางด้านหลังเพื่อนสาวด้วยหวังจะแกล้งให้ตกใจ
“ไอ้แอป!!!” ร่างอวบเตรียมตะครุบหลังเพื่อนรัก แต่บังเอิญเป็นจังหวะเดียวกับที่ร่างสูงพรวนดินเสร็จพอดี
อิษฏ์อาณิกยืดตัวขึ้น ในขณะที่เพื่อนรักโน้มตัวตะครุบเธอ...เป็นอันว่าภาวิดาตะครุบได้เพียงอากาศธาตุ เท่านั้นไม่พอ ยังล้มแหมะ ไปกลางแปลงผักอีกด้วย อิษฏ์อาณิกหน้าเหวอ เมื่อผักส่วนหนึ่งโดนเพื่อนรักนอนทับ
“เฮ้ย!ไอ้ซิล แปลงผักฉัน”
เสียงตะโกนตกใจอย่างสุดขีด คนที่นอนอยู่กลางดินหน้ามุ่ย
“แล้วทำไมไม่บอกว่าจะแกล้งเล่า จะได้ไม่ต้องลุก ผักจะได้ไม่โดนแกทับแบนหมด” ภาวิดาพยุงตัวเองให้ลุก โดยมีมือเพื่อนช่วยอีกแรงหนึ่ง เสื้อขาวเปื้อนดิน แม้ร่างสูงจะช่วยปัด แต่คราบยังคงติดอยู่
“เฮอะ! รู้งี๊ไม่น่าเอาข่าวดีมาบอกแกเลย”
“ข่าวดี? อะไร?” แม้ว่าร่างสูงจะอยากรู้ว่าข่าวดีจะเป็นเรื่องอะไร แต่ท่าทีของเธอยังสงบนิ่ง ไม่ใช่เพราะเก๊กหรอก แต่เพราะไม่รู้จะแสดงออกถึงความตื่นเต้นใคร่รู้ออกมายังไงดีต่างหาก
ภาวิดายิ้มกว้างเมื่อเห็นแววตาเป็นประกายของเพื่อนส่งมายังเธอ “ขอบคุณมากนะซิล”
“ฉันเอง ต้องขอโทษแก ที่ควรจะช่วยหางานพิเศษให้แกได้ไวกว่านี้ ไม่ควรปล่อยให้แกเครียดตั้งนานสองนาน”
อิษฏ์อาณิกส่ายหน้า เธอรู้ดีว่าชีวิตของเพื่อนรักก็ต้องดิ้นรนไม่แพ้เธอ “แกยุ่งมาก ฉันรู้...แค่นี้ฉันก็ขอบคุณแกมากๆเลยนะซิลวี่”
“สัมภาษณ์บ่ายสามเลยนะ พี่ผู้จัดการฝากบอกมา แกเรียนเสร็จบ่ายโมงใช่ไหม?ตอนนี้ก็จะเก้าโมงแล้ว ไปแต่งตัวเถอะแล้วออกไปเรียนกัน แกสัมภาษณ์เสร็จแล้วกินไอติมฉลองต่อเลย แกว่าเป็นไง”
มือเรียวยาวตบเบาๆที่บ่าเพื่อน “เจ๋ง!งั้นฉันเลี้ยงนะ มื้อนี้อ่ะ”
“แล้วฉันจะขัดศรัทธาแกได้ยังไงเล่า”
พลันสายตาไปเจอเข้ากับคราบจางๆสีน้ำตาลอ่อนบนเสื้อเพื่อนสาว อิษฏ์อาณิกเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง“แล้ว?เสื้อแกล่ะมันเปื้อนดินนะซิล” แต่เพื่อนสาวของเธอกลับมองมันอย่างไม่ใส่ใจ
“แจ็คเก็ตคลุมก็สิ้นเรื่อง ป่ะ ไปเถอะ ไปไหว้แม่ก่อนแล้วไปมหาลัยกัน”
“ฝากผักนี้สำหรับมื้อเย็นของคุณหนูด้วยนะคะแม่” ร่างสูงยื่นผักให้มารดา แล้วหันไปยิ้มๆกับคนข้างๆ
เห็นสภาพผักแล้ว แม่ครัวมือเอกแห่งบ้านท่านนายพลถึงกับตะลึง “ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้เลยล่ะแอป ท่าทางแอปจะปลูกผักไม่รุ่งแล้วนะ ก้านของหัก ใบก็เหี่ยว เฮ้อออ”
“เกิดaccident นิดหน่อยค่ะแม่” เพื่อนสาวผิวเข้มตอบแทน ยิ้มจนเห็นฟันขาวเรียงเป็นระเบียบ ตัดกับสีผิวของเธอ
“แม่คะ เย็นนี้ซิลขอตัวลูกสาวแม่ไปเลี้ยงไอติมนะคะ กะฉลองได้งานใหม่ซักหน่อย อ้อ ว่าแต่แม่เนี่ยเห่อคุณหนูที่ว่าเหมือนกันนะคะ ทำอาหารเย็นตั้งแต่เช้าเลย”
อิษฏ์อาณิกได้ยินเพื่อนสาวกล่าวถึงบุคคลที่สามด้วยสรรพนามแบบนั้นจึงหลุดปากพูดไป
“คุณหนูบ้านนี้เธอชื่อคุณหนูกวาง ไม่ได้ชื่อคุณหนูที่ว่า เรียกให้ถูกด้วยไอ้ซิล เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้ามันไม่ดี”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงเอ็ดหน่อยๆ คนฟังร่างกลมก็หน้าเง้า“ดุอ่ะ”
“เอาน่ะ ต่อไปเรียกว่าคุณกวาง หรือไม่ก็คุณหนูกวางก็แล้วกันนะแก” ร่างสูงปรามเพื่อนไม่ให้เรียกคุณหนูของบ้านนี้ด้วยถ้อยคำที่ตั้งขึ้นเอง ด้วยเห็นว่าเพื่อนสนิทควรจะให้เกียรติคุณหนูโดยการขานชื่อให้ถูกต้อง ไม่ใช่เพราะความเรื่องมากหรือพิธีรีตองใดๆหรอก...เพราะเหตุใดน่ะหรือ?
คุณหนูกวางอายุมากกว่าเธอราวเจ็ดถึงแปดปี ตอนเด็กๆอิษฏ์อาณิกเป็นเด็กขรึมๆ พูดจาประหยัดถ้อยประหยัดคำ ไม่ค่อยมีใครใส่ใจที่จะสนทนากับเธอนักหรอก นอกจากแม่บังเกิดเกล้าแล้วก็มีคุณหนูกวางอีกคนที่ขยันไต่ถามสารทุกข์สุกดิบ
คอยช่วยเหลือเธอทั้งเรื่องการเรียนที่คุณหนูมักจะขนตำราเก่าๆมาให้อ่านเสมอๆ ถึงขั้นก่อนจะไปเรียนต่อที่เมืองนอก คุณหนูยังเอาตำราสอบเข้ามหาลัยมาให้เธออ่านล่วงหน้าตั้งหลายปี นอกจากนั้นแล้วเวลาคุณหนูไปที่ไหนมักจะมีของติดไม้ติดมือมาฝากคนในบ้านเสมอๆ เพราะคุณหนูดีกับทุกคนในบ้านไม่เว้นแม้กระทั่งเด็กเหงาในมุมเงียบ อย่างเธอ เธอถึงได้เคารพรักคุณหนูนัก
คำตักเตือนเรียบง่ายแต่แสนตรงของเด็กสาวร่างสูงสร้างความเงียบให้เกิดขึ้นชั่วครู่ในวงสนทนา ยิ่งเห็นสีหน้าสลดของภาวิดาแล้ว มารดาของเด็กสาวก็อดสงสารเพื่อนลูกไม่ได้ วันนี้เธอเอาข่าวดีมาบอกลูกสาวแท้ๆแต่กลับต้องเจอคำตำหนิของคนที่ตัวเองอุตส่าห์ช่วยเหลือ
“แอป” เสียงต่ำทุ้มแสดงแฝงไปด้วยคำตักเตือน แม้จะเป็นเพียงคำพูดสั้นๆแต่คนฟังก็รู้ซึ้งถึงความหมาย และรู้ตัวว่าตัวเองคงจะตำหนิเพื่อนตรงเกินไป
“ซิลวี่ฉัน...” คำว่าขอโทษเตรียมจะถูกเอ่ย หลังจากฟังน้ำเสียงเตือนของผู้เป็นมารดาแล้วอิษฏ์อาณิกก็รู้สึกจริงๆว่าเธอพูดแรงไป ความรู้สึกผิดเล็กๆแล่นเข้ามา ก่อนจะฉุกคิดขึ้นได้อีกข้อหนึ่งว่า ภาวิดามาที่นี่เพื่อช่วยเหลือเธอเรื่องงานประจำ นึกออกอย่างนั้นแล้วถึงกับต้องครางออกมาเป็นชื่อเพื่อนรัก “ซิล...”
ก่อนที่เธอจะพูดออกมา มีคำพูดหวานรื่นหูพูดขึ้นมา ให้อิษฏ์อาณิกต้องอ้าปากค้างอยู่ตรงนั้น
"เซอร์ไพรส"
.........................
ขอโทษจริงๆนะตัวเองที่หายไปนาน
เพิ่งเคลียร์งานรับน้องเสร็จ ช่วงนี้ยุ่งอยู่ แต่ไม่มากเหมือนเมื่อก่อนแล้วค่ะ
เหลือแต่เทคแคร์เหล่าน้องๆเท่านั้นเองแหละ
จริงๆแวะมาเขียนอยู่บ้างแต่มันไม่มากมายจนสามารถลงเป็นตอนๆได้
ขอโทษหลายๆคนนะคะที่อาจจะทำให้รอจนเสียอารมณ์
ขอโทษจากใจจริงค่ะ
แต่อย่างไรก็ดี สิ่งหนึ่งที่ย้ำมาตลอดและจะย้ำตลอดไป มั่นใจตลอดกาล
...
คนเขียนคนนี้ไม่มีวันทิ้งคนอ่าน...สัญญาค่ะ
รักคนอ่านเสมอนะคะ
ความคิดเห็น