ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Give in to Love>>>นทแอปแอปนท [yuri]

    ลำดับตอนที่ #3 : เซอร์ไพรส

    • อัปเดตล่าสุด 24 มิ.ย. 54


    แดดจัดจ้าแทบจะแผดเผาผิวให้ให้เกรียม กระดาษแผ่นเล็กที่เธอหยิบมาด้วยไม่อาจบังแดดได้มิด หญิงสาวตัวกลมพาร่างของตนมาหยุดอยู่ที่นอกรั้วประตูอัลลอยด์สีขาวนวล กำแพงบ้านหลังนี้กินเนื้อที่ราวๆไร่ครึ่ง ตัวบ้านสไตล์ยุโรปตั้งเด่นเป็นสง่า โออ่างดงามแม้มองจากภายนอก ควรจะเรียกว่าคฤหาสน์ถึงจะถูกสินะ ใหญ่ขนาดนี้ ไม่ใช่บ้านแล้วล่ะ


    นิ้วอวบกดกริ่งหนึ่งครั้ง แต่ยังไม่มีใครออกมาเปิดประตู หญิงสาวร่างกลมรู้ชะตากรรมดีว่าคงต้องรออีกนาน ระยะทางจากตัวบ้านมาหน้าประตูก็ต้องเดินกันหอบไม่เบาเลยทีเดียว


    ผ่านไปสักพัก รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ เมื่อผู้หญิงวัยกลางคนในชุดเสื้อสีขาวกับผ้าถุง เดินออกมาเปิดประตูให้ หญิงสาวร่างอวบในชุดนักศึกษายกมือไหว้ผู้มาเปิดประตู

    “อ้าว น้องซิล มาหาเจ้าแอปเหรอลูก” เมื่อรับไหว้เสร็จแล้ว คนด้านในก็เปิดประตูบานเล็กต้อนรับแขก

    “ค่ะ คุณแม่ แล้วแอปไม่อยู่เหรอคะเนี่ย”

    ผู้ใหญ่ในชุดเรียบร้อยยิ้มให้ “เปล่าหรอกจ้ะ อยู่หลังบ้านน่ะ กำลังทำแปลงผักอยู่แหละ”


    ภาวิดาขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่นึกแปลกใจเท่าไหร่ เพราะรู้ดีว่านิสัยเพื่อนคนนี้เป็นอย่างไร หญิงสาวยื่นกระดาษเอสี่ในมือให้มารดาของเพื่อนสนิทดู “แม่คะ ร้านของซิลมีพนักงานคนนึงเค้าลาออกไปแต่งงาน มีตำแหน่งว่าง ซิลเลยขอให้แอปไว้น่ะคะ เห็นหาพาร์ทไทม์มานานแล้ว”

    รอยยิ้มดีใจผุดขึ้นมาบนสีหน้าของผู้เป็นมารดาเพื่อนสนิท เด็กสาวอดยิ้มไปด้วยไม่ได้ เมื่อเห็นแววตาเปี่ยมด้วยความหวัง และคำขอบคุณสื่อสารมายังเธอ

    “ขอบใจมากนะลูก ขอบใจจริงๆ ซิลไปหาแอปเลย แปลงผักอยู่หลังเรือนเล็กที่เราอยู่ด้วยกันนั่นแหละ วันนี้คุณหนูลูกสาวท่านนายพลเธอกลับมาที่บ้าน แม่ต้องขอตัวเตรียมของทำอาหารให้คุณหนู ประเดี๋ยวตอนค่ำๆเธอจะเข้ามาทานน่ะ”

    พูดจบมารดาของเพื่อนสนิทก็ขอตัวเข้าเรือนใหญ่ไปทำอาหาร ส่วนเธอก็เดินแยกมาอีกทางไปยังเรือนหลังเล็ก อันเป็นที่อยู่ของเหล่าคนสวนและแม่บ้าน เพื่อนสนิทของเธออาศัยอยู่ที่นั่นกับมารดาตั้งแต่เธอรู้จักเขา

    มารดาของอิษฏ์อาณิกเคยเป็นแม่นมให้กับคุณหนูของบ้านนี้ แล้วยังพ่วงด้วยตำแหน่งแม่บ้านเก่าแก่คนหนึ่งของบ้านเชียวล่ะ

     

    ภาวิดามองเห็นแผ่นหลังเพรียวกับลังก้มๆเงยๆกับการถอนวัชพืชในแปลงผัก เห็นผักงามใบเขียว ก้านอวบ น่ารับประทานแล้ว นี่คงได้รับการบำรุงรักษาอย่างดีสินะ อดภูมิใจไปกับเพื่อนไม่ได้ ผลงานของเพื่อนเธอนี่ช่างสุดยอดจริงๆ
    เมื่อคิดเล่นอะไรแผลงๆออก ร่างกลมค่อยๆย่องไปทางด้านหลังเพื่อนสาวด้วยหวังจะแกล้งให้ตกใจ

    “ไอ้แอป!!!” ร่างอวบเตรียมตะครุบหลังเพื่อนรัก แต่บังเอิญเป็นจังหวะเดียวกับที่ร่างสูงพรวนดินเสร็จพอดี
    อิษฏ์อาณิกยืดตัวขึ้น ในขณะที่เพื่อนรักโน้มตัวตะครุบเธอ...เป็นอันว่าภาวิดาตะครุบได้เพียงอากาศธาตุ เท่านั้นไม่พอ ยังล้มแหมะ ไปกลางแปลงผักอีกด้วย อิษฏ์อาณิกหน้าเหวอ เมื่อผักส่วนหนึ่งโดนเพื่อนรักนอนทับ

    “เฮ้ย!ไอ้ซิล แปลงผักฉัน”

    เสียงตะโกนตกใจอย่างสุดขีด คนที่นอนอยู่กลางดินหน้ามุ่ย
    “แกห่วงผักมากกว่าเพื่อนเนี่ยนะ”

    “แล้วทำไมไม่บอกว่าจะแกล้งเล่า จะได้ไม่ต้องลุก ผักจะได้ไม่โดนแกทับแบนหมด” ภาวิดาพยุงตัวเองให้ลุก โดยมีมือเพื่อนช่วยอีกแรงหนึ่ง เสื้อขาวเปื้อนดิน แม้ร่างสูงจะช่วยปัด แต่คราบยังคงติดอยู่

    “เฮอะ! รู้งี๊ไม่น่าเอาข่าวดีมาบอกแกเลย”

    “ข่าวดี? อะไร?” แม้ว่าร่างสูงจะอยากรู้ว่าข่าวดีจะเป็นเรื่องอะไร แต่ท่าทีของเธอยังสงบนิ่ง ไม่ใช่เพราะเก๊กหรอก แต่เพราะไม่รู้จะแสดงออกถึงความตื่นเต้นใคร่รู้ออกมายังไงดีต่างหาก

    ภาวิดายิ้มกว้างเมื่อเห็นแววตาเป็นประกายของเพื่อนส่งมายังเธอ “ขอบคุณมากนะซิล”

    “ฉันเอง ต้องขอโทษแก ที่ควรจะช่วยหางานพิเศษให้แกได้ไวกว่านี้ ไม่ควรปล่อยให้แกเครียดตั้งนานสองนาน”

    อิษฏ์อาณิกส่ายหน้า เธอรู้ดีว่าชีวิตของเพื่อนรักก็ต้องดิ้นรนไม่แพ้เธอ “แกยุ่งมาก ฉันรู้...แค่นี้ฉันก็ขอบคุณแกมากๆเลยนะซิลวี่”

    “สัมภาษณ์บ่ายสามเลยนะ พี่ผู้จัดการฝากบอกมา แกเรียนเสร็จบ่ายโมงใช่ไหม?ตอนนี้ก็จะเก้าโมงแล้ว ไปแต่งตัวเถอะแล้วออกไปเรียนกัน แกสัมภาษณ์เสร็จแล้วกินไอติมฉลองต่อเลย แกว่าเป็นไง”

    มือเรียวยาวตบเบาๆที่บ่าเพื่อน “เจ๋ง!งั้นฉันเลี้ยงนะ มื้อนี้อ่ะ”

    “แล้วฉันจะขัดศรัทธาแกได้ยังไงเล่า”

    พลันสายตาไปเจอเข้ากับคราบจางๆสีน้ำตาลอ่อนบนเสื้อเพื่อนสาว อิษฏ์อาณิกเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง“แล้ว?เสื้อแกล่ะมันเปื้อนดินนะซิล” แต่เพื่อนสาวของเธอกลับมองมันอย่างไม่ใส่ใจ

    “แจ็คเก็ตคลุมก็สิ้นเรื่อง ป่ะ ไปเถอะ ไปไหว้แม่ก่อนแล้วไปมหาลัยกัน”

     """""""

    “ฝากผักนี้สำหรับมื้อเย็นของคุณหนูด้วยนะคะแม่” ร่างสูงยื่นผักให้มารดา แล้วหันไปยิ้มๆกับคนข้างๆ

    เห็นสภาพผักแล้ว แม่ครัวมือเอกแห่งบ้านท่านนายพลถึงกับตะลึง “ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้เลยล่ะแอป ท่าทางแอปจะปลูกผักไม่รุ่งแล้วนะ ก้านของหัก ใบก็เหี่ยว เฮ้อออ”

    “เกิดaccident นิดหน่อยค่ะแม่” เพื่อนสาวผิวเข้มตอบแทน ยิ้มจนเห็นฟันขาวเรียงเป็นระเบียบ ตัดกับสีผิวของเธอ

    “แม่คะ เย็นนี้ซิลขอตัวลูกสาวแม่ไปเลี้ยงไอติมนะคะ กะฉลองได้งานใหม่ซักหน่อย อ้อ ว่าแต่แม่เนี่ยเห่อคุณหนูที่ว่าเหมือนกันนะคะ ทำอาหารเย็นตั้งแต่เช้าเลย”    

    อิษฏ์อาณิกได้ยินเพื่อนสาวกล่าวถึงบุคคลที่สามด้วยสรรพนามแบบนั้นจึงหลุดปากพูดไป

    “คุณหนูบ้านนี้เธอชื่อคุณหนูกวาง ไม่ได้ชื่อคุณหนูที่ว่า เรียกให้ถูกด้วยไอ้ซิล เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้ามันไม่ดี”

    เมื่อได้ยินน้ำเสียงเอ็ดหน่อยๆ คนฟังร่างกลมก็หน้าเง้า“ดุอ่ะ”

    “เอาน่ะ ต่อไปเรียกว่าคุณกวาง หรือไม่ก็คุณหนูกวางก็แล้วกันนะแก”  ร่างสูงปรามเพื่อนไม่ให้เรียกคุณหนูของบ้านนี้ด้วยถ้อยคำที่ตั้งขึ้นเอง ด้วยเห็นว่าเพื่อนสนิทควรจะให้เกียรติคุณหนูโดยการขานชื่อให้ถูกต้อง ไม่ใช่เพราะความเรื่องมากหรือพิธีรีตองใดๆหรอก...เพราะเหตุใดน่ะหรือ?

    คุณหนูกวางอายุมากกว่าเธอราวเจ็ดถึงแปดปี ตอนเด็กๆอิษฏ์อาณิกเป็นเด็กขรึมๆ พูดจาประหยัดถ้อยประหยัดคำ ไม่ค่อยมีใครใส่ใจที่จะสนทนากับเธอนักหรอก นอกจากแม่บังเกิดเกล้าแล้วก็มีคุณหนูกวางอีกคนที่ขยันไต่ถามสารทุกข์สุกดิบ
    คอยช่วยเหลือเธอทั้งเรื่องการเรียนที่คุณหนูมักจะขนตำราเก่าๆมาให้อ่านเสมอๆ ถึงขั้นก่อนจะไปเรียนต่อที่เมืองนอก คุณหนูยังเอาตำราสอบเข้ามหาลัยมาให้เธออ่านล่วงหน้าตั้งหลายปี นอกจากนั้นแล้วเวลาคุณหนูไปที่ไหนมักจะมีของติดไม้ติดมือมาฝากคนในบ้านเสมอๆ เพราะคุณหนูดีกับทุกคนในบ้านไม่เว้นแม้กระทั่งเด็กเหงาในมุมเงียบ อย่างเธอ เธอถึงได้เคารพรักคุณหนูนัก

                    คำตักเตือนเรียบง่ายแต่แสนตรงของเด็กสาวร่างสูงสร้างความเงียบให้เกิดขึ้นชั่วครู่ในวงสนทนา ยิ่งเห็นสีหน้าสลดของภาวิดาแล้ว มารดาของเด็กสาวก็อดสงสารเพื่อนลูกไม่ได้ วันนี้เธอเอาข่าวดีมาบอกลูกสาวแท้ๆแต่กลับต้องเจอคำตำหนิของคนที่ตัวเองอุตส่าห์ช่วยเหลือ

    “แอป” เสียงต่ำทุ้มแสดงแฝงไปด้วยคำตักเตือน แม้จะเป็นเพียงคำพูดสั้นๆแต่คนฟังก็รู้ซึ้งถึงความหมาย และรู้ตัวว่าตัวเองคงจะตำหนิเพื่อนตรงเกินไป

    “ซิลวี่ฉัน...” คำว่าขอโทษเตรียมจะถูกเอ่ย หลังจากฟังน้ำเสียงเตือนของผู้เป็นมารดาแล้วอิษฏ์อาณิกก็รู้สึกจริงๆว่าเธอพูดแรงไป ความรู้สึกผิดเล็กๆแล่นเข้ามา ก่อนจะฉุกคิดขึ้นได้อีกข้อหนึ่งว่า ภาวิดามาที่นี่เพื่อช่วยเหลือเธอเรื่องงานประจำ นึกออกอย่างนั้นแล้วถึงกับต้องครางออกมาเป็นชื่อเพื่อนรัก “ซิล...”


    ก่อนที่เธอจะพูดออกมา มีคำพูดหวานรื่นหูพูดขึ้นมา ให้อิษฏ์อาณิกต้องอ้าปากค้างอยู่ตรงนั้น

    "เซอร์ไพรส"



    .........................
    ขอโทษจริงๆนะตัวเองที่หายไปนาน
    เพิ่งเคลียร์งานรับน้องเสร็จ ช่วงนี้ยุ่งอยู่ แต่ไม่มากเหมือนเมื่อก่อนแล้วค่ะ
    เหลือแต่เทคแคร์เหล่าน้องๆเท่านั้นเองแหละ
    จริงๆแวะมาเขียนอยู่บ้างแต่มันไม่มากมายจนสามารถลงเป็นตอนๆได้
    ขอโทษหลายๆคนนะคะที่อาจจะทำให้รอจนเสียอารมณ์
    ขอโทษจากใจจริงค่ะ

    แต่อย่างไรก็ดี สิ่งหนึ่งที่ย้ำมาตลอดและจะย้ำตลอดไป มั่นใจตลอดกาล
    ...
    คนเขียนคนนี้ไม่มีวันทิ้งคนอ่าน...สัญญาค่ะ




    รักคนอ่านเสมอนะคะ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×