คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : สาวหมวยจอมวีนออกโรง
“อะไรกัน! ทำไมถึงมี่โต๊ะว่างเลยห๊ะ? ฉันเป็นสมาชิกวีไอพีของที่นี่นะ” บริกรหนุ่มรู้สึกเหมือนจะโดนจับนั่งเก้าอี้ให้ไฟซ็อตให้ตายคาที่กับสายตาวาวๆของลูกค้าระดับวีไอพีจอมเหวี่ยง ชายหนุ่มเลิกลักก้มหน้าก้มตาตอบ
“ผะ...ผม ขอโทษจริงๆครับ ตอนนี้ลูกค้าทุกโต๊ะกำลังรับประทานอาหารอยู่ คุณผู้หญิงทั้งสองต้องรอก่อน” เขาทำตามหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว แต่ลูกค้าหน้าหมวยยังไม่ยอมเลิก
“รอถึงเมื่อไหร่กัน กว่าจะรอให้เสร็จฉันจะไม่หิวตายก่อนรึไง ห๊ะ ฉันจ่ายค่าอาหารให้สองเท่า จะชาร์จเท่าไหร่ก็ชาร์จมา ฉันต้องการโต๊ะสำหรับสองที่นั่ง เดี๋ยวนี้!!!”
ชายหนุ่มเลิกลั่ก ข้างในร้านทุกคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง ไม่มีใครมาช่วยเรารับแขกจอมวีนคนนี้เลย เขาได้แต่ยกมือไหว้ปะลกๆขอโทษ
“ผมขออภัยจริงๆครับ ผมไม่อาจไล่ลูกค้าท่านอื่นแล้วยกโต๊ะให้คุณผู้หญิงทั้งสองได้จริงๆ เชิญนั่งรอสักครู่ก็ได้นะครับ” ชายหนุ่มก้มหน้าห้มตาไม่กล้าสบสายตาของสาวหน้าหมวยที่ดูราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเขาให้ได้ก็ไม่ปาน...
แต่เหมือนสวรรค์เปิดทางให้เขามีทางรอด เมื่อหญิงสาวหน้าหวานตาคมที่เคียงคู่มาด้วยกัน สะกิดไหล่คนที่เอ็ดตะโรพนักงานบริกรผู้น่าสงสาร
“นท พอเถอะ ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวเราไปทานร้านอื่นก็ได้” กรวรรณเริ่มทนไม่ไหวทำสายตาที่เริ่มจับจ้องของคนบริเวณนั้น
คนถูกสะกิดชะงักเล็กน้อย แต่หล่อนยังคงฟึดฟัดไม่ยอมแพ้ “ก็นทอยากทานที่นี่”
“อยากทานก็ต้องรอ นทจะให้เค้าไล่ลูกค้าออกจากร้านแล้วยกโต๊ะให้เราไม่ได้หรอกนะ” หญิงสาวหน้าหวานถอนหายใจ พอหันไปอีกทีก็เห็นหน้างอนเง้าเอาเรื่องของแม่สาวจอมเหวี่ยง
เห็นดังนั้นแล้วคนสวยเริ่มรู้สึกตัวว่าไปกระตุกต่อมไม่พอใจของเจ้าหล่อนเข้าเสียแล้ว
“ไม่เอาน่าคนดี เดี๋ยวพี่กวางพานทไปทานอาหารญี่ปุ่นดีไหมคะ? เพื่อนพี่เป็นเจ้าของเลย” กรวรรณพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ การชักแม่น้ำทั้งห้าเพื่อรับมือกับอาการเอาแต่ใจของนทเป็นสิ่งที่เธอชินมาตั้งนานแล้วล่ะ คบกันมาสามปีแล้วนี่
“แต่อาหารญี่ปุ่น นทเพิ่งไปทานกับเพื่อนมาเมื่อวานเองนี่คะ วันนี้นทอยากทานอาหารอิตาเลี่ยนนี่นา” คนเอาแต่ใจยังคงดึงดัน
บริกรหนุ่มที่ทำหน้าที่พนักงานต้อนรับได้ยินอย่างนั้นแอบส่ายหน้าในใจ วันหนึ่งๆเขาเจอลูกค้านับร้อยนับพันคนก็ไม่เคยหวั่น เขาเต็มใจทำตามหน้าที่อย่างสุดความสามารถ ตำแหน่งพนักงานดีเด่นในเดือนนี้การันตีความขยันขันแข็งของเขาได้เป็นอย่างดี แต่หากเขาเจอลูกค้าแบบสาวหน้าหมวยคนนี้เพียงห้าคนต่อหนึ่งวัน เขาคงตัดสินใจลาออกไปทำนาอยู่ที่บ้านเป็นแน่
“นทจ๋า อาหารญี่ปุ่นที่ร้านเพื่อนพี่ อร่อยกว่าที่อื่นแน่นอนจ้ะ เพื่อนพี่เค้าพิถีพิถัน อีกอย่างมีเมนูพิเศษที่ไม่ซ้ำกับร้านอื่นด้วยนะ เราลองไปทานดูนะคะ”
คนสวยยังไม่ละความพยายาม เห็นนททำหน้าครุ่นคิดก็เห็นเค้าความหวังอยู่ลิบๆ บริกรหนุ่มก็เช่นกัน คำตอบของหล่อนคงจะชี้ชะตาอนาคตการทำงานเขาได้ ไม่ต่างกัน
...
“ก็ได้ค่ะ นทเห็นแก้พี่กวางนะเนี่ย”
คำตอบดังกล่าวราวกับเสียงสวรรค์ให้บริกรหนุ่มรอดตาย เขาแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
บริกรหนุ่มโค้งอย่างสุภาพ “ขอบคุณคุณผู้หญิงมากๆเลยนะครับ โอกาสหน้าเชิญใหม่ได้นะครับ ทางร้านของเรายินดีต้อนรับเสมอ” เอ่ยอย่างตรงข้ามความรู้สึกสุดขั้ว...
‘ชาตินี้ทั้งชาติแม่อย่าได้มากินร้านนี้อีกเลยนะแม่นะ’
กรวรรณยิ้มให้พนักงานต้อนรับ ชายหนุ่มเห็นยิ้มสวยๆนั่นก็ฉีกยิ้มตอบกลับด้วยสายตาปลาบปลื้มอย่างปิดไม่มิด ผู้หญิงคนนี้สินะที่ทำให้เขารอดจากแดนประหารได้อย่างหวุดหวิด...
นทกดหัวคิ้วเมื่อเห็นรอยยิ้มประหลาดที่ส่งมาให้คนข้างๆไม่หยุด และเวลาเพียงเสี้ยววินาทีหลังจากหนุ่มน้อยโดนสายตาเชือดคอ เขาต้องเจอกันประโยคเชือดใจจนแทบหุบยิ้มไม่ทัน
“นายจะยิ้มให้แฟนฉันอีกนานไหม ห๊า!!!”
ราวคอหอยถูกแทงด้วยลิ่มเหล็กจนทะลุจนถึงท้ายทอย...โอ วันนี้หนุ่มน้อยบริกรจากบ้านนา เจอเรื่องที่ไม่คาดฝันหลายเรื่องในเวลาไม่กี่นาที
...ใครจะรู้ว่าผู้หญิงหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูคนนั้น จะปากร้ายได้ขัดกับใบหน้าขนาดนี้
...ใครจะรู้ว่าในโลกนี้ยังมีคนดื้อดึงเอาแต่ใจราวกับเด็ก ทั้งๆที่อายุน่าจะปาเข้าไปยี่สิบแล้ว
...ใครจะรู้ว่าผู้หญิงแสนหวานท่าทางใจดีนั่น จะเป็นคนรักกับแม่สาวหมวยปากร้าย
...เฮอะ! ก็เล่นฤทธิ์มากขนาดนี้นะ ผู้ชายที่ไหนจะจีบหล่อนลง
“ฮัดเช้ย!” กรวิชญ์หันไปมองต้นเสียงดังกล่าว
เขาส่ายหัวอย่างระอาพร้อมกับยื่นกระดาษเช็ดหน้าให้ “เป็นอะไรของแกอีกล่ะ”
แม้จะเป็นถ้อยคำไม่รื่นหูนัก แต่เขาถามไถ่ด้วยความห่วงใยเป็นพิเศษ ที่อีกฝ่ายคงไม่เคยรู้ “หวัดแดร๊ก?เหรอวะ?”
ชายหนุ่มรูปงามที่จู่ๆก็คัดจมูกขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยกำลังจะอ้าปากตอบ แต่ไม่นานเขาก็จามขึ้นอีก ทั้งๆที่ยังไม่ทันตอบอะไร
“ฮัดเช้ย!!!”
“เอ้า!!!เออๆเอาเข้าไป จามเสร็จเดี๋ยวฉันพาไปหาหมอ”
หน้าเข้มๆสั่น แทนคำตอบว่าเขาไม่เป็นอะไร จมูกคมสันต์แดงเถือกเพราะแรงขยี้
“ฮื่อ...อยู่ๆก็จาม ใครนินทาข้าวะ” ยุทธนาพูด แต่ยังไม่หยุดขยี้จมูก
หนุ่มผิวขาว หน้าตี๋หัวเราะเชิงล้อเลียน จนตาสองข้างปิดเป็นตรง ยุทธนาทำหน้าเคือง หนุ่มมาดเข้มไม่ชอบเอาเสียเลยที่ถูกหัวเราะเยาะแบบนี้ “เดี๋ยวเหอะ เมื่อไหร่จะหยุดขำ ตาแกจะได้เปิดซะที”
คนฟังยังอยู่ในอาการ “ขำค้าง” แต่ไหนแต่ไรมาถูกล้อว่าดวงตาเล็กเป็นเมล็ดกวยจี๊อยู่แล้ว เขาไม่โกรธเคืองอะไรหรอก ดีเสียอีกเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวที่ใครๆก็จำเขาได้
“แค่ฉันขำ แกจะจริงจังอะไรไป” พูดเสร็จแล้วลุกจากโซฟา เดินไปเปิดโทรทัศน์
ยุทธนาขมวดคิ้วมุ่น มองเห็นหน้าตาจริงจังแบบนั้นแล้วหนุ่มผิวขาวอดตลกไม่ได้ เพื่อนชายมาดเข้มยังคงจริงจังกับเขาเหมือนเดิม
“ก็ข้าไม่ชอบให้ใครมาหัวเราะเยาะนี่หว่า” พูดพลางเอนหลังนอนบนโซฟาตัวยาว ดูรายการโชว์ในทีวี
เมื่อหนุ่มหน้าตี๋ตัวเล็กเดินกลับมา ก็เห็นเพื่อนนอนเอกเขนกยึดโซฟาไปเรียบร้อยแล้ว
“ไอ้ตาม!!!”
เมื่อฝ่ายหนึ่งนอนยึดปักหลัก ส่วนหนุ่มไซด์มินิก็ฉุดกระชากลากดึงอย่างสุดแรง จึงเกิดศึกชิงโซฟาขนาดย่อมขึ้น ดูเผินๆเหมือนกรวิชญ์หวังจะยึดพื้นที่โซฟาครึ่งหนึ่งคืนมา แต่ปรารถนาที่ซ่อนเร้นอยู่ในใจคือหวังที่จะชิดใกล้กับเพื่อนชายหน้าตาย มาดเข้มคนนี้ต่างหาก
ทุกแรงฉุดกระชาก แววตาจะซ่อนแววประหม่าเขินอาย แต่เสียงระรัวอยู่ในอกข้างซ้ายบ่งบอกได้เป็นอย่างดี ว่าหนุ่มร่างเล็กไม่อาจควบคุมหัวใจตัวเองให้หยุดเต้นตูมตามๆได้ เขาเคยหักห้ามหัวใจไม่ให้หวั่นไหวอยู่หลายครั้งหลายคราว
คนที่เคยมีความรักจะรู้ว่า มันไม่ง่ายเลยที่จะบังคับหัวใจให้เป็นไปดั่งที่ตนต้องการ ในเมื่อมันไม่ง่าย กรวิชญ์ก็เต็มใจที่จะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามเสียงเรียกร้องจากข้างใน
...เต็มใจที่จะเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ที่แอบชอบเพื่อนสนิทของตัวเอง...
...เต็มใจเป็นเพียงเท่านี้ เพราะเป็นได้เพียงเท่านี้...เท่านี้จริงๆ
“เนส” หนุ่มร่างสูงกำยำ ผิวขาว มาดสำอางหันมาฉีกยิ้มตามเสียงเรียกของลูกค้าผู้มาใหม่
ผมของเขาเซ็ทเป็นทรง เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาเอาการ รอยยิ้มทรงเสน่ห์กระชากใจสาวๆทั่วเมือง เป็นรอยยิ้มเดียวกันกับที่หักอกสาวใหญ่สาวเล็กดังเป๊าะ เพราะหวานใจของเขาคือหนุ่มเต้าหู้ทรงเครื่องที่นั่งยิ้มอยู่ไม่ห่างจากเขาเท่าไหร่
“กวาง!!!เซอร์ไพรสจังเลย กลับมาเมื่อไหร่เนี่ย” ยุทธนาฉีกยิ้มกว่าง พาร่างกำยำเดินไปหาเพื่อนสาวที่ไม่ได้เจอกันหลายปี
สาวสวยตาคมทุบช่วงอกเพื่อนเบาๆ พบว่าแข็งแรงแน่นปึ๊ก ยุทธนาคงจะใส่ใจสุขภาพกว่าเมื่อก่อนมาก เพราะสมัยเรียนเพื่อนชายคนนี้ชอบกินเป็นชีวิตจิตใจ นึกแปลกใจอยู่เนืองๆทำไมยุทธนาถึงได้กลายเป็นชายหุ่นเฟริมแทนที่จะเป็นหนุ่มเจ้าเนื้อ
“บึ๊กขึ้นนะแก กล้ามเป็นกล้ามเชียว”
ยุทธนาพยักเพยิดใบหน้าไปยังหนุ่มเต้าหู้ทรงเครื่องที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์
“ก็แอมป์บังคับให้ไปฟิตเนส แถมอาหารแต่ละมื้อเค้าก็ควบคุมแคลอรี่หมด เนสเลยได้กล้ามงามๆแทนพุงพลุ้ยๆ”
เพื่อนสาวคนสวยยังคงหัวเราะร่า ไม่ได้สังเกตหน้ามุ่ยๆของผู้ดินตามเลย ทั้งยังเอ่ยแซวเพื่อนชายคนสนิทต่ออีก “แหมๆทีตอนเรียนมหาลัย เพื่อนห้ามไม่เคยจะหยุดกิน”
หนุ่มเต้าหู้อมยิ้มน้อยๆ “แอมป์ไม่อยากเห็นพี่เนสเป็นอาเสี่ยพุงโตนี่ครับ” พูดจบเขาก็นึกขึ้นได้ว่าแขกทั้งสองยังยืนขาแข็งอยู่หน้าร้านนานแล้ว
“พี่เนสพาเพื่อนไปนั่งสิ ปล่อยให้พี่กวางยืนอยู่หน้าร้านตั้งนานสองนานได้ยังไง”
ยุทธนายิ้มแหยๆมัวแต่ดีใจจนลืมไปว่าปล่อยให้เพื่อนสาวรอนาน เมื่อเหลือบไปเห็นหญิงสาวหน้าตาไม่สบอารมณ์ที่ยืนอยู่ข้างๆเพื่อนของเขา ยุทธนาก็เอ่ยถามขึ้น
“ข้างๆน่ะใคร”
กรวรรณชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจตอบแบบไม่เต็มปากเต็มคำนัก
“น้องนท น้องสาวกวางเองน่ะ รุ่นน้องที่เมืองนอก”
รู้ทั้งรู้ว่าแนะนำไปแบบนี้ต้องโดนคนรักอารมณ์ร้ายเหวี่ยงแน่ๆ แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อเรื่องราวระหว่างเธอกับนทไม่อาจให้คนในสังคมล่วงรู้ได้ เนื่องด้วยหน้าตาชื่อเสียงของที่บ้านทำให้ความรักระหว่างเธอกับนทต้องปิดบังผู้ใหญ่และคนรอบข้าง
ครอบครัวของกรวรรณเป็นถึงผู้ดีเก่าแก่ บิดาเป็นนายทหารยศนายพล แม้ว่าจะเป็นข้าราชการเงินเดือนสู้นักธุรกิจไม่ได้ แต่เรื่องของอิทธิพลแล้ว ไม่ว่านักการเมืองหรือแม้กระทั่งนักธุรกิจเมื่อได้ยินชื่อเสธ.คนนี้ต้องหวาดๆกันบ้างล่ะ คนในวงการไฮโซเองก็จับจ้องมองดูตระกูลเธออย่างไม่วางตา ยิ่งเธอเพิ่งกลับมาจากเมืองนอกแล้ว หลายคนก็รอลุ้นว่า ใครกันจะตกถังข้าวสารได้เป็นลูกเขยท่านนายพล
แม้ว่าบรรยากาศในร้านจะสดชื่น น้ำตกและสวนหย่อมขนาดย่อมจะทำให้รู้สึกเหมือนอยู่กับธรรมชาติ แต่บรรยากาศอันสวยงามเหล่านี้แทรกเข้าไม่ถึงจิตใจนทเลยสักนิด พอๆกับอาหารรสเลิศที่ปรุงอย่างพิถีพิถันไม่สามารถเข้าถึงปุ่มรับรสบนลิ้นของหล่อนได้เลย
คำพูดเมื่อสักครู่ของกรวรรณทำให้หล่อนแทบเจ้าเข้าด้วยความโกรธจนเลือดขึ้นหน้า คบกันมาตั้งสามปี แต่กลับบอกใครๆว่าเป็นเพียงพี่น้อง ถึงเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังคนรักจะเอาใจหล่อนสารพัดมากมาย แต่พออยู่ต่อหน้าสาธารณชนเท่านั้นแหละเป็นอันต้องได้ยินประโยคน่าน้อยใจแบบนี้เสมอ นทไม่อาจจะทนกับความกดดันใดๆได้อีกต่อไป
“อ้าว น้องนท อาหารไม่อร่อยเหรอครับ ไม่เห็นแตะเลย” ยิ้มกว้างส่งมา แลดูอบอุ่นละมุนละไม หล่อนคงรู้สึกดีหากเจ้าของร่างกำยำส่งยิ้มนี้มาเวลาอื่น ไม่ใช่เวลาที่อารมณ์ของเธอจะระเบิดแบบตอนนี้
“......” ไร้คำพูด ไร้คำตอบ ไร้แม้แต่รอยยิ้ม
เห็นหน้าบึ้งๆปราศจากคำพูดเอื้อนเอ่ย ยุทธนานึกเคืองอยู่ในใจ ลูกค้าคนนี้นี่ยังไงกัน หล่อนเคยสัมผัสได้ถึงคำว่ามิตรไมตรีจากคนรอบข้างบ้างหรือเปล่านะ ตั้งแต่เดินเข้าร้านมาจนกระทั่งรับประทานอาหารจนจะอิ่มอยู่แล้ว เขาไม่เคยเห็นหล่อนจะยิ้มออกมาเลยสักนิด ซ้ำยังทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักความ ผู้ใหญ่ถามไม่ยอมตอบ นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกค้าและเป็นน้องสาวของเพื่อนสนิทล่ะก็ ผู้หญิงประเภทนี้คงจะเป็นผู้หญิงประเภทที่เขาอยากจะหนีไปให้พ้นเลยล่ะ
“น้องนททานของว่างมาบ้างแล้วล่ะเนส” คนสวยข้างๆแก้ต่างแทน เป็นกรวรรณอีกจนได้ที่ต้องรับหน้าแทนคนรักหน้าหมวยตลอด
ชายหนุ่มจากไปด้วยรอยยิ้มแหยๆ เขาตระหนักได้ดีว่าจะไม่เดินกลับมาหาลูกค้าโต๊ะนี้อีกแล้วล่ะ เพราะเริ่มสัมผัสถึงรังสีอัมหิตและบรรยากาศที่มาคุแบบแปลกๆ...ไปบริการลูกค้าโต๊ะอื่นคงอภิรมย์จิตใจมากกว่าที่จะมาคอยเอาใจเด็กหน้าบึ้งนั่น เสียอารมณ์เขาจริงๆ
ตอนสองไปเรียบร้อยแล้วค่ะ อัพต่อไม่ไหวแล้ว
ขอนอนก่อนล่ะกันนะคะ
รักคนอ่านตัวเท่าบ้านนนน
ความคิดเห็น