ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My love on the beach ร้อนนั้นฉันมีรัก นทแอป[yuri]

    ลำดับตอนที่ #2 : ทำแผลให้

    • อัปเดตล่าสุด 22 มี.ค. 54



             ความเดิมตอนที่แล้ว
             เมื่อเก็บของเสร็จแล้วหญิงสาวมาดเซอร์เดินเลียบชายฝั่งเพื่อกลับบังกะโล เด็กหญิงหุ่นสวยและชายหนุ่มมาดเข้มคนนั้นอันตรธานหายไปตั้งแต่เธอก้มหน้าก้มตาเก็บของแล้ว อารมณ์ขุ่นมัวที่เกิดขึ้นตอนสองคนนั้นขัดจังหวะการวาดรูปอย่างไม่ตั้งใจก็เจือจางลงไปจนเกือบหายแล้ว เพราะหญิงสาวได้ดื่มด่ำกับการเดินเลียบชายหาด มองตะวันตกกำลังดิน ตายิ้มให้กับบรรยากาศแปลกใหม่อย่างตื่นเต้นจนตาปิด พร้อมกันกับสูดอากาศสดชื่นเข้าเต็มปอด

    แต่แล้ว...เมื่อลืมตา นทต้องตะลึงเมื่อพบเด็กหญิงในชุดเดรสหุ่นนางแบบคนนั้น นั่งกุมเท้าตัวเองอยู่บนชายหาด


    “เหมือนเจ้าหญิงเลยว่ะ” นทพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก็แน่ละ บรรยากาศก็ดี คนก็สวย จะไม่ให้อารมณ์ศิลปินพลุ่งขึ้นมาอีกได้อย่างไร นึกแล้วอยากจะแอบวาดภาพผู้หญิงตรงหน้าอยู่เนืองๆ แต่เมื่อได้ยินเสียงครวญครางของเด็กหญิงขายาวคนนั้น ทำให้นทต้องรีบปรี่เขาไปหา

    “เป็นอะไรเหรอคุณ”
    นทย่อตัวลงมาคุยกับเด็กสาว ตอนนี้แหละที่ทำให้เธอได้เห็นเด็กหญิงหุ่นนางแบบคนนั้นได้อย่างชัดเจน ใบหน้าเรียวขาว ตาตี่ๆเล็กๆแต่ไม่ใช่แบบหมวยๆอย่างเธอ จมูกโด่งคม ริมฝีปากบางๆ ดูจิ้มลิ้มน่ารักในแว๊บแรก แต่พอมองจริงๆก็สวยแบบคมๆ เพราะสันจมูกโด่งนั่นทำให้น้องหุ่นนางแบบคนนี้ดูไม่เหมือนสาวหมวยอย่างเธอ

    “เราเผลอไปเหยียบเศษแก้วเข้าน่ะค่ะ”
    อิษฏ์อาณิก ตอบพร้อมกับใบหน้าที่ค่อยข้างเหยเก เพราะความปวดแผล ผสมกับเกลือในน้ำทะเลทำให้เด็กหญิงแสบคูณสอง

    นทฉีกยิ้มให้ พร้อมกับก้มลงดูแผลที่เท้า

    “ไหน ขอดูหน่อยนะคะ”

                อิษฏ์อาณิกใจกระตุกวาบ แทบไม่เชื่อสายตาว่าหญิงสาวมาดเซอร์จะยิ้มได้ละลายโลกขนาดนี้ รอยยิ้มที่แทบจะหยุดทุกสิ่งอย่างหันมายิ้มตอบให้กับเขา  
     
           

    “เลือดไหลมากเลย พักอยู่ที่ไหนล่ะ” อิษฏ์อาณิกเอ่ยชื่อโรงแรม
    นทถึงกับตกใจว่าทำไมสาวน้อยถึงได้เดินมาไกลจากโรงแรมนั่นจัง เพราะวัดระยะทางจากโรงแรมมาถึงชาดหาดตรงนี้ก็เกือบกิโล

     “โหย เดินมาไกลขนาดนี้กว่าจะเดินกลับไปทำแผลที่โรงแรมคงระบมหมดอ่ะ เอางี๊ไหม ไปทำแผลที่ห้องเราก่อนล่ะกัน บังกะโลเราก่อนล่ะกัน มันอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่”
    อิษฏ์อาณิกพยักหน้า เบาๆแทนคำตอบ เพราะตอนนี้รู้สึกวิงเวียนขึ้นมาเอาดื้อๆ จึงไม่อยากพูดอะไร

    “แล้วจะเดินไปยังไงล่ะเนี่ย ทรายได้เข้าแผลกันหมด”
    นทยังพึมพำ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าทั้งเธอและสาวแปลกหน้าหุ่นนางแบบยืนอยู่บนชาดหาดที่เต็มไปด้วยน้ำทะเลและทราย ซึ่งไม่ดีแน่กับแผลแก้วบาดที่อยู่ตรงเท้าของนางแบบน้อย

    “เอ่อ นี่คุณจะถือรึเปล่า? ถ้าเกิดว่าจะขี่หลังเรา ไม่ให้ทรายมันเข้าแผลคุณน่ะ”
    นทเสนอข้อเสนอให้กับเด็กสาวซึ่งตอนนี้หน้าเริ่มซีดเข้าไปแล้ว ไม่มีเสียงตอบรับใดๆเมื่อร่างกายอ่อนปวกเปียกของอิษฏ์อาณิกเริ่มจะไม่ได้สติ

    “เฮ้ย นี่แค่แก้วบาดคุณถึงจะตายเลยเหรอเนี่ย”สาวมาดเซอร์ตกใจ เขย่าแขนบอบบางของคนข้างๆที่ตาเริ่มปรือไปแล้ว

    “เรา...เรา กลัวเลือด ตอนนี้เธอจะทำอะไรก็ทำเถอะ เฮ้อออ ไม่ไหวแล้ว”
    อิษฏ์อาณิกตอบเสียงสั่น คนฟังหน้าเหวอไปชั่วขณะก่อนที่จะเอ่ยมาอย่างขำๆ รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าสาวมาดเซอร์อีกครั้ง คนที่ตาปรืออยู่เคลิ้มไปกับรอยยิ้มละลายโลกนั่น

    “ฮ่ะๆงั้นช่วยไม่ได้แฮะ มาๆขึ้นหลังเรา เอ้า อึ๊บบบบ” สาวมาดเซอร์แบกเด็กสาวขึ้นหลังอย่างทุลักทุเล ด้านอิษฏ์อาณิกก็ปีนขึ้นแผ่นหลังนั้นอย่างทุลักทุเลเช่นกัน

                พอแบกสาวหุ่นนางแบบได้แล้ว นทก็เดินเลียบชายฝั่งไปบังกะโลที่เธอพักอยู่ สายลมโชยมา เบื้องหน้าคือพระอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้า กลิ่มหอม?เหมือนกลิ่นดอกไม้ แต่นทไม่แน่ใจว่ามันคือกลิ่นอะไร รู้แต่ว่า มันหอมเหลือเกิน

                อิษฏ์อาณิกก็เช่นเดียวกัน เมื่อลมเย็นปะทะใบหน้ากลิ่นหอมก็ตามมา กลิ่นนั่นมาจากไหนหนอ เด็กสาวหลับตา ซบแผ่นหลังของอีกคน แล้วเผลอสูดหายใจเข้าเต็มปอด หลังจากนั้นอิษฏ์อาณิกเป็นอันต้องลืมตาแป๋ว หน้าเริ่มแดง เมื่อรับรู้ได้ว่ากลิ่นหอมที่ลอยมาแตะจมูกเธอ คือกลิ่นที่อยู่ซอกคอของคนที่แบกเธออยู่
                 เช่นเดียวกับนท เธอเริ่มเร่งฝีเท้าเพื่อให้ถึงบังกะโลเร็วขึ้น เพราะนาทีที่เด็กสาวขายาวที่เธอแบกก้มหน้าลงมาซบแผ่นหลังเธอ ถึงเพียงจะแผ่วเบาแต่เธอก็รู้สึก และเธอก็ได้กลิ่นหอมนั่นพอดี กลิ่นนั้นมักมาพร้อมๆกับเด็กสาวหุ่นดีคนนี้...

    “ถึงแล้วเหรอคะ”
    เด็กสาวถามอีกคนซึ่งวางเธอไว้บนม้านอนยาวหน้าบังกะโล เวลานี้เป็นเวลาที่ตะวันตกดิน ทุกอย่างรอบกายมืดไปหมด เจ้าของห้องเดินไปเปิดไฟแล้วหยิบเอาอุปกรณ์พยาบาลที่เธอเตรียมไว้ฉุกเฉินออกมา ไม่ลืมที่จะเอากะละมังใส่น้ำยกมาด้วย

    “เอ้า ไหนมาล้างทรายออกจากเท้าหน่อยซิ”
    สาวมาดเซอร์พูด พร้อมนั่งลงกับพื้น ส่วนคนตัวสูงที่นั่งอยู่บนม้านอนตัวยาวรีบหดเท้ากลับทันทีด้วยความเกรงใจ

    “ไม่เอาค่ะ เดี๋ยวแอปทำเองก็ได้ คุณไม่ต้องทำถึงขนาดนี้หรอกค่ะ”
    อิษฏ์อาณิกเกรงใจสาวมาดเซอร์แปลกหน้า คงไม่เหมาะนักที่เธอจะให้คนอื่นมาล้างเท้าให้ ซึ่งมันถือเป็นเรื่องที่ไม่สมควร โดยเฉพาะคนที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ

    “เอาน่า อย่าคิดมากเลย ก็เห็นๆอยู่ว่าคุณทำไม่สะดวก” นทเอ่ยพร้อมกันเอื้อมมือไปจับข้อเท้าเล็กนั่นไว้

    มืออุ่นจัง คนที่ถูกจับข้อเท้าคิดอยู่ในใจ

    “นี่/เอ่อ” สองสาวเอ่ยขึ้นมาพร้อมกัน

    “ชื่ออะไรน่ะ/ชื่ออะไรคะ?”
    เป็นครั้งที่สองที่พูดพร้อมกันอีกครั้ง อิษฏ์อาณิกหัวเราะน้อยๆ กับความโก๊ะๆของเธอ ส่วนอีกคนก็อมยิ้มเงียบ ให้อีกฝ่ายเป็นคนแนะนำตัวก่อน

    “ชื่อแอปเปิ้ลค่ะ แล้วคุณล่ะ” เด็กสาวถามกลับ ใบหน้ายังคงเปื้อนรอยยิ้มอยู่

    “เราชื่อนทน่ะ” อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาตอบแล้วยกเท้าของคนขายาววางไว้บนหน้าตักของเธอที่มีผ้าขนหนูสีขาวสะอาดรองไว้

    “อะไรนะคะโน้ต หรือโบ้ตนะคะ?” นทใช้ผ้าขนหนูซับน้ำของจากเท้าของเด็กสาวหุ่นดีให้แห้งแล้วย้ำอีกครั้ง

    “นทค่ะ น.หนู ท.ทหาร” นทตอบพร้อมกับหยิบแอลกอฮอล์เช็ดแผลและยาแดงเตรียมไว้ใส่แผล

    “คุณนทเนี่ย มือเบาจังเลยนะคะ แอปไม่เจ็บเลย ทำแผลเก่งเหรอคะเนี่ย” นทไม่ตอบด้วยคำพูด เธอเพียงยิ้มกว้างให้คนข้างหน้าแล้วบรรจงเช็ดแผล ตามด้วยพันผ้าก๊อซอย่างเบามือเป็นอันดับสุดท้าย

    “ครั้งแรกค่ะ” คนมาดเซอร์ยังคงยิ้ม อิษฏ์อาณิกหน้าเหวอ รู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก

    “อย่าคิดมากเลยค่ะ ก็แอปเปิ้ลเท้าเจ็บมานี่คะ แหมจะให้เราใจร้ายใจดำปล่อยให้ทำเองคนเดียวคงจะไม่สะดวก” หญิงสาวยิ้มให้พร้อมกับเก็บอุปกรณ์ทำแผลทั้งหมดและทำความสะอาดพื้นที่

    “หิวไหม?”เจ้าของห้องถามคนตัวสูง อิษฏ์อาณิกพยักหน้าช้าๆ

    “ออกไปทานข้าวกันนะคะ เดี๋ยวแอปเลี้ยง ตอบแทนที่คุณนททำแผลให้แอป”
    เด็กสาวยิ้มกว้างให้นท นทพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วเดินมาขยี้หัวเบาๆ

    “ขอบใจจ้า” สาวมาดเซอร์ยิ้มตอบแล้วขยี้แรงขึ้น

    “ฮึ้ยยย นี่คุณนท ยังไม่ล้างมืออ่ะ ทำแผลให้แอปแล้วเอามาขยี้หัวเลย”
    อิษฏ์อาณิกแก้มป่องอย่างลืมตัว เผลอไปว่าตอนนี้เธออยู่กับคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักกันไม่นานเท่าไหร่ แต่มันก็แปลก แปลกตรงที่ยังไม่รู้จักกันมาก่อนเลยแต่อิษฏ์อาณิกรู้สึกว่าแสนจะคุ้นเคยกับคนๆนี้เหลือเกิน

                นทเอามือจิ้มแก้มป่องนั่น รู้สึกถึงความละเอียดของผิวนุ่ม แล้วเธอเองเป็นฝ่ายต้องหดมือกลับเพราะหากนิ้วชี้ค้างอยู่แก้มคนตรงหน้านานกว่านี้ ใจที่รัวเป็นกลองอยู่ในออกคงกระเด็นออกมารัวข้างนอกอกแน่ๆ

    “อะไรนี่ อยู่ๆมางอนตุ๊บป่องๆ ฮ่าๆหมั่นไส้ จิ้มเลย จะได้หายป่อง”
    รอยยิ้มละลายโลกปรากฏบนใบหน้านท เด็กสาวนั่งจ้องราวกับว่าตกอยู่ในภวังค์ วินาทีที่นทเอามือมาจิ้มแก้มก็ในสั่นมากพออยู่แล้ว พอมาเห็นรอยยิ้มละลายโลก อิษฏ์อาณิกถึงกับหน้าร้อนผ่าวด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
     

    เพิ่งเจอครั้งแรกนะเว้ยแอปเปิ้ล อย่าปล่อยใจให้รู้สึกดีต่อใครง่ายๆสิ

    “ป้ะ ไปทานข้าวได้แล้ว นทหิวจะแย่ คุณแอปก็หิวไม่ใช่เหรอคะ”
    นทยื่นมือให้คนที่นั่งอยู่บนม้านั่งตัวยาว เด็กสาวยื่นมือไปสัมผัส ทันทีที่ปลายนิ้วสัมผัสกัน หัวใจของคนทั้งสองระรัวเป็นจังหวะสลับกันไปมา
            นทยิ่งแล้วใหญ่ เพราะรู้สึกว่าใกล้ผู้หญิงคนนี้มากเท่าไหร่เริ่มไม่ปลอดภัยกับความรู้สึกตัวเอง มันวาบๆแปลกๆบอกไม่ถูก ครั้นจะปล่อยมือก็ไม่ได้เพราะอีกฝ่ายเจ็บเท้า ต้องช่วยประคอง มีทางเดียวที่จะหยุดอาการหน้ามืดตาลายนี้ได้ก็คือเดินไปถึงร้านอาหารที่ใกล้ที่สุดให้เร็วที่สุด

    “คุณนทคะ ช้าๆค่ะ”
    อิษฏ์อาณิกเป็นฝ่ายปราม เพราะเดินเร็วเท่าไหร่มันยิ่งสร้างความระบมให้กับแผลตัวเองเท่านั้น

    ส่วนนทเมื่อคิดได้ก็แทบอยากเอาหัวโขกเสาสังเวยความติสของตัวเอง มัวแต่สนใจความรู้สึกแปลกๆที่ชวนหน้ามืดตาลายนี่ มากกว่าสนใจคนเจ็บเท้าที่เธอลากมา

                หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จแล้ว นทเห็นความทุลักทุเลของการประคองคนเท้าเจ็บในขามา ขากลับเธอจึงอาสาให้สาวหุ่นนางแบบขี่หลังเธอกลับ เหมือนตอนที่เธอแบกจากชายหาดพาไปทำแผลที่บังกะโลนั่นแหละ

              
                  
    แต่การเดินเที่ยวนี้เชื่องช้า เนิบนาบกว่าขามาเยอะ เพราะนทอยากซึมซับเอาบรรยากาศของทะเลตอนกลางคืนให้ชุ่มฉ่ำหัวใจอย่างเต็มที่ ลมทะเลพัดโชยมา กลิ่นหอมกลิ่นเดิมก็ลอยมาชนจมูกหญิงสาวทั้งสองเช่นเดิม ไม่รู้ว่ามันเป็นกลิ่นอะไร แต่มันหอมจับใจเหลือเกิน

    “พระจันทร์วันนี้สวยนะ อยู่ตรงกลางหัวเราพอดีเลย” นทพึมพำ เพราะแสงจันทร์ในวันนี้ส่องแสงนวลให้กลางคืนไม่มืดมิด ไม่อ้างว้าง

    “วันนี้เป็นวันที่พระจันทร์อยู่ใกล้โลกมากที่สุดค่ะ ”         

    “อ้อ งั้นสิ งั้นคืนนี้ก็เป็นคืนพิเศษของโลกน่ะสิ” นทหยุดเดินแล้วมองพระจันทร์ ทันทีที่แหงนหน้าขึ้นฟ้าก็ต้องโป๊ะเช๊ะกับในหน้าอีกคนที่ลอยเด่นอยู่ลนไหล่ขวาเธอ

    “เป็นคืนพิเศษของนทด้วยรึเปล่านะ ที่ต้องมาแบกเด็กหญิงเท้าเจ็บ” นทยิ้มกว้างให้คนบนไหล่

    “คงพิเศษจริงๆแล้วล่ะค่ะ เพราะวันนี้แอปกลับโรงแรมไม่ได้ คุณนทต้องมีคนแย่งที่นอนแล้วล่ะค่ะ”

    อิษฏ์อาณิกยิ้มตอบ

    “เฮ้ย ได้ไง เตียงก็แคบ เอาอย่างงี๊ นทให้คุณแอปนอนพื้นล่ะกัน อิอิ”
    สาวมาดเซอร์เดินต่อถึงหน้าบังกะโล แล้วคลายแขนให้คนบนหลังลงมา อิษฏ์อาณิกเดินเข้าบังกะโลโดยมีอีกคนช่วยประคองไปนั่งที่เตียง พอถึงเตียงปุ๊บ แม่สาวนางแบบนอนล้มตัวลงนอนปั๊บ

    “ฮ่าๆแค่นี้คุณนทก็ไล่แอปไปนอนพื้นไม่ได้แล้วค่ะ คุณนทต่างหากที่ต่างลงไปนอนพื้น”
    เด็กหญิงขายาวยียวน จนนทถึงกับหน้าเหวอ

    “โหย เล่นอย่างนี้เลยเหรอคะ แอปเปิ้ล หน้าตาติ๋มๆแต่แกล้งเก่งเหมือนกันนี่”
    นทพูดพลางเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า แล้วหยิบเอาชุดนอนออกมาสองชุด

    “งั้นอาบน้ำก่อนนะคะ รีบนอนเดี๋ยวชุดสวยๆนั่นจะยับเอา” นทยังฉีกยิ้มให้
    อิษฏ์อาณิก รับเอาเสื้อยืดกับกางเกงเลมาจากมือสาวมาดเซอร์ แล้วถอนหายใจ

    “ขอบคุณคุณนทมากเลยนะคะ ถ้าไม่เจอคุณนทวันนี้แอปคงแย่ ไม่รู้จะลากสังขารกลับโรงแรมอย่างไร”

    นทยิ้มอย่างเอ็นดู^^

    “อย่าคิดมากไปเลยค่ะ แอปเปิ้ล ไปอาบน้ำเร๊ว นทเสียดาย เกิดว่าชุดสวยๆนั่นมันจะยับไปมากกว่านี้ อ้ออย่าลืมนะคะ ว่าอย่าให้น้ำถูกแผล!!!”
    นทตะโกนประโยคสุดท้ายก่อนที่คนตัวสูงจะปิดประตูห้องน้ำ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×