NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไอ้เอ๋อ my stupid's boy

    ลำดับตอนที่ #4 : 03

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.43K
      408
      1 ต.ค. 62



    03


         “อายุ วัณโณ สุขัง พลัง มีความสุขมากนะคร๊าบบบบบ คิคิคิคิ” ใบหน้าหวานยิ้มกว้างหลังจากแย่งหลวงตาให้พรแก่ญาติโยมที่มาตักบาตรตอนเข้าหลังจากแผลที่หัวมันหาย วันนี้มันออกมาบิณฑบาตเป็นเพื่อนหลวงตา


         “ไอ้เอ๋อออ” คือน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงอารมณ์ได้หลากหลายทั้งขำทั้งเอือมระอากับมัน วันไหนมันอารมณ์ดีมันก็จะเป็นของมันแบบนี้ วันนี้มันได้ขนมมาหลายอย่างจากการเดินตามหลวงตามาบิณฑบาตที่ตลาด หลายคนก็ถามว่ามันไปโดนอะไรมามันก็ตอบว่า


         “โดนพี่จ๋าเอารถวิ่งชนจ้ะป้า” ทั้งๆ ที่มันเป็นคนวิ่งชนรถเขาเองแท้ๆ มีหลายคนสงสารก็ให้ขนมมันเป็นรางวัลปลอบใจ สองมือพนมยกขึ้นไหว้อย่างสวยงาม ก่อนจะเดินตามหลวงตากลับวัด

    พอกินข้าวเช้าเรียบร้อยมันก็ทำงานตามที่หลวงตาเคยได้สั่งไว้ คือขัดบาตรกับถูพื้น หลังจากนั้นมันก็ว่างแล้ว วันนี้ไม่มีใครมาจ้างมันไปทำงาน สมองอันน้อยนิดของมันเลยคิดถึงลูกพี่ตัวสูงขึ้นมาทันที


         “ไปหาลูกพี่ดีกว่า เนอะๆ” มันยิ้มแล้วใส่รองเท้าแตะออกจากกุฏิหลวงตาไป วันนี้วันเสาร์ลูกพี่มันอยู่บ้านแน่นอนพอมาถึงบ้านไม้สองชั้นที่มีลานใต้ถุนบ้านมันก็เห็นลูกพี่มันนั่งทำอะไรสักอย่างอยู่บนแคร่ไม้


         “ลูก พี่....^^” มันลากเสียงยาวจนคนที่นั่งใจจดใจจ่อกับของในมือต้องเงยขึ้นมา ไอ้ต้าร์แอบอมยิ้มก่อนจะปรับสีหน้าโหดๆ มองไอ้เอ๋อ เบ้จิปาถะ ที่เรียกใช้อะไรก็ง่ายไปหมด


         “อะไรของมึงไอ้เอ๋อ แล้วมาทำไมแต่เช้าวะ?”


         “มาหา อยากเล่น” ไอ้เอ๋อมันยิ้มหวาน ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ ลูกพี่ของมัน


         “เล่นห่าอะไรละ วันนี้กูไม่ว่าง กูจะไปตกปลากะพวกไอ้บาสมัน”


         “ตกปลา *0* ไปด้วย” ไอ้เอ๋อมันกระตือรือร้นอยากจะไปกับไอ้ต้าร์ด้วย แต่ไอ้ตาร์มันกลัวไอ้เอ๋อจะเป็นภาระมัน


         “ไม่ได้ มันไกล อันตรายด้วย”


         “T^T.ลูกพี่ใจร้ายกะนะโม” มันเบะปากจะร้องไห้ ไอ้ต้าร์เลยชี้หน้าห้ามมันไว้


         “อย่าร้องนะมึงไม่อย่างนั้นกูเตะตกแคร่!! ” มันไม่ชอบให้ไอ้เอ๋อร้องไห้ มันเสียงดังน่ารำคาญ? เหรอ เปล่ามันไม่ได้รำคาญแต่มันไม่ชอบ ไม่ชอบตั้งวันที่มันไล่ตีไอ้เอ๋อตอนมันไปฟ้องครูติ๋มคราวนั้น


         “ลูกพี่จ๋า....ให้นะโมไปด้วยนะ นะโมอยากตกปลา” มันทำเสียงอ้อน ไอ้ต้าถอนหายใจแรงๆ เหนื่อยใจกับเบ๊ของมันสุดๆ


         “เพื่อนกูไปเยอะมึงอยากโดนพวกมันแกล้งเอารึไง ไม่ต้องไป อยู่วัด กวาดลานโน้นไป” มันไล่ มีหรือไอ้เอ๋อมันจะฟังง่ายๆ


         “พี่บาส พี่เต้ พี่ก้อง นะโมโดนจนชินแล้ว ไม่เป็นไรหรอก” ไอ้ต้าอยากจะตบหน้าผากตัวเองแรงๆ ไอ้พวกนั่นแหละตัวดี แกล้งไอ้เอ๋อแต่ละที เล่นเอามันปวดหัว แกล้งกันเหมือนจะเอาไอ้เอ๋อมันทำเมีย ไอ้ห่านี้ก็โง่ในโง่ ไม่รู้ห่าอะไรเลย


         “แต่กูไม่ชอบ นี่มึงจะขัดใจกูเหรอ มึงอยากให้กูทิ้งมึงเหมือนคนอื่นๆ รึไง เอาไหม ไม่ต้องมาเล่นกับพวกกูอีก!! ” ไอ้ต้าร์มันเริ่มใช้ไม้แข็งขู่ใส่ไอ้เอ๋อ หัวทุยๆ สั่นไปมา


         “ไม่เอาจ้ะ นะโมอยากเล่นกะลูกพี่” มันพูดเสียงอ่อย


         “เออ งั้นมึงก็กลับวัดไปซะ เดี๋ยวกูจะออกบ้านแล้ว ไปๆ”



         พอไล่ไอ้เอ๋อไปได้ ไอ้ต้าร์ก็เตรียมตัวออกจากบ้านทันที มันเดินแบกคันเบ็ดขึ้นรถมอเตอร์ไซค์คันเก่งแล้วขี่ออกไปรับไอ้บาสที่บ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านมันสักเท่าไหร่


         มาที่ด้านไอ้เอ๋อมันเดินคอตกกลับมาที่วัด ในเมื่อลูกพี่ไม่เล่นกับมัน มันเลยหันไปเล่นกะพี่น้องต่างสายพันธุ์ของมันแทน อีเปรี้ยวลูกอีด่าง!! อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เล็กจนโต เป็นทั้งเพื่อนคุยเพื่อนกิน และพี่เลี้ยงมันไปในตัว จนอีด่างมันตายนั่นแหละ อีเปรี้ยวเลยได้เลื่อนขั้นมาเป็นพี่สาวของมันอย่างภาคภูมิใจ


         “พี่เปรี้ยวววว มาเล่นเป็นเพื่อนหนูหน่อยยยย” อีเปรี้ยวมันส่ายหางดิ๊กๆ ทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกของไอ้เอ๋อ


         “เล่นวิ่งไล่จับกันเนอะๆ ” เหมือนหมามันจะเข้าใจในสิ่งที่ไอ้ดอ๋อมันพูด อีเปรี้ยวมันวิ่งไล่ไอ้เอ๋อเท่าที่มันมีแรงจะวิ่ง ไอ้เอ๋อมันคงลืมไปว่าอีเปี้ยวพี่สาวมันแก่จนแทบจะเดินไม่ไหว ตายตามอิด่างแม่มันไปอีกตัว ลิ้นของมันห้อยลงพร้อมกับหอบแฮกๆ กำลังมันถดถอยลงไปเยอะ ไหนจะโรคที่กำลังรุมเร้า อีกไม่นานอิเปรี้ยวก็คงจะตายตามแม่มันไป เล่นได้พักเดียวอีเปรี้ยวก็นั่งแหมะน้ำลายยืด ต่างกับน้องชายของมันที่ยังวิ่งไม่หยุด วิ่งไปหัวเราะไปอย่างมีความสุข ทั้งพระทั้งเด็กวัดเห็นภาพแบบนี้จนชินตาไปเสียแล้ว ความสัมพันธุ์แบบนี้มันอาจจะดูตลก แต่สำหรับคนที่นี่มันคือมิตรภาพและสิ่งสวยงาม


         “พี่เปรี้ยวๆ เล่นอีกสิ วิ่งหน่อยๆ ” จะวิ่งยังไงไหวมันแก่ขนาดนี้แล้ว สักพักไอ้เอ๋อมันก็ยอมแพ้ มันล้มตัวลงนั่งข้างๆ พี่สาวมัน พร้อมกับลูบขนมันไปด้วย


         “พี่เปรี้ยวเหนื่อยเหรอจ๊ะ นะโมก็เหนื้อย เหนื่อยจ้ะ”


         “แฮกๆ ” มีแต่เสียงฮอบหนักๆ ของหมาสีน้ำตาล แววตาของมันกำลังบอกว่ามันมีความสุขแค่ไหนที่ได้เล่นกับไอ้เอ๋อ แบบนี้ทุกวันตลอดเวลาสิบกว่าปี


         “นะโมรักพี่เปรี้ยววว” ถ้าอีเปรี้ยวมันตอบไอ้เอ๋อได้มันคงจะบอกว่ามันก็รักไอ้เอ๋อเหมือนกัน ทำไงได้ดูดนมเต้าเดียวกันมาตั้งแต่เล็กๆ สองมือลูบไล้ขนหยาบๆ ของหมาแก่ไปตาก็กวาดมองไปทั่วๆ ไอ้เอ๋อมันเห็นรถขายไอติมกะทิอยู่หน้าวัด มันเลยลุกขึ้นยืนก่อนจะวิ่งไปซื้อ โดยมีอีเปรี้ยววิ่งตาม รภไอติมอยู่อีกฝั่งของถนน ไอ้เอ๋อวิ่งข้ามไปแล้ว เหลืออีเปรี้ยวที่วิ่งช้าๆ ตามหลัง หมาแก่สายตาฝ้าฟาง หูก็ตึง ทำให้การมองเห็นของมันไม่ชัดเหมือนสมัยยังสาวๆ มันเดินข้ามถนนแคบๆ อย่างไม่ทันระวังรถยนต์ที่วิ่งสวนมา


         เอี๊ยดดดด โครม!! เอ๊ง!!!


         เสียงชนอีเปรี้ยวดังสนั่นจนไอ้เอ๋อมันต้องกระโดดหลบด้วยความตกใจ พอมันเห็นว่าอีเปรี้ยวนอนชักอยู่กลางถนนมันก็ร้องลั่นโวยวายเหมือนคนบ้ามันช็อกที่เห็นอีเปรี้ยวร้องเสียงหลงดิ้นชักเลือดออกปากออกจมูก ชาวบ้านแถวนั้นที่เห็นเหตุการณ์รีบจับไอ้เอ๋อเอาไว้เพราะมันกำลังจะวิ่งไปที่กลางถนน เสียงร้องของไอ้เอ๋อมันน่าสงสารมาก


         “เปรี้ยว เปรี้ยว เปรี้ยวจ๋าาาา ฮึก.. เปรี้ยว” มันร้องไห้ออกมาปานจะขาดใจ ไอ้เอ๋อมันรู้จักคำว่าเจ็บคำว่าตาย มันถึงได้เสียใจ ปากมันร่ำเรียกหาแต่ร่างไร้วิญญาณของหมาวัดตัวหนึ่ง มันเป็นภาพที่น่าเวทนาสำหรับคนที่มองอยู่


         

         ในขณะนั้นหมอหมาก็ขี่รถผ่านมาพอดี เขาสังเกตเห็นเด็กน้อยของเขาโดนชาวบ้านรั้งตัวเอาไว้ และตรงหน้าเขาคือหมาตัวหนึ่งที่กำลังจะหมดลมหายใจอย่างช้าๆ สิงห์เดินข้ามถนนไปอุ้มอีเปรี้ยวเข้าข้างทาง ไอ้เอ๋อรีบสะบัดตัวออกจากทุกคนแล้ววิ่งไปหา


         “เปรี้ยวจ๋า เปรี๋ยวจ๋า ฮึก ตื่น ตื่น” มันเขย่าร่างไร้วิญญาณไปมา เพื่อหวังเพียงว่าพี่สาวต่างสายพันธุ์ของมันจะตื่นขึ้นมาเล่นกับมันอีก แต่ทว่ามันเปล่าประโยชน์ อีเปรี้ยวตายแล้ว และก็จะไม่มีวันกลับมาเล่นกับมันอีก สิงห์ที่ยืนดูอยู่เงียบๆ ก็นังลงข้างๆ ไอ้เอ๋อ พร้อมกับโอบกอดไอ้เอ๋อเอาไว้ ตอนนี้มันน่าสงสารมาก ไอ้เอ๋อ มันเหมือนขาดที่พึ่งทางใจไปแล้ว


         “นะโม เปรี้ยวไปสวรรค์แล้ว” น้ำเสียงนุ่มๆ พยายามจะปลอบเด็กเอ๋อของเขาให้หายเศร้า แต่กลับช่วยอะไรไม่ได้มาก เพราะยังไงไอ้เอ๋อมันก็เศร้าอยู่ดี มันเรียนรู้ความรู้สึกนี้ได้จากอีด่างแม่ อุปโลกน์ของมัน มันรู้ว่าการที่ไม่แม่อยู่บนโลกใบนี้ทรมานมากแค่ไหน


         “ไม่เอา ไม่ให้ ไป ฮึก เปรี้ยวจ๋า กลับมาหานะโมสิ ฮึก” ไอ้เอ๋อก้มลงไปกอด มันไม่สนใจว่าตัวมันจะเปื้อนเลือดแค่ไหน


         “โม เปรี้ยวตายแล้ว โม”


         “ไม่เอาไม่ให้ตาย พี่จ๋าช่วย ช่วยนะ ช่วยสิ” น้ำเสียงสะอื้นปานจะขาดใจของมันยิ่งทำให้สิงห์ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะปลอบ ไอ้เอ๋อมันยังไง


         “คุณ พาไอ้เอ๋อมันไปจากที่ตรงนี้เถอะ เดี๋ยวพวกผมจะเอาอีเปรี้ยวมันไปฝังก่อน” เสียงเด็กวัดคนหนึ่งดังขึ้น สิงห์พยักหน้าเข้าใจ ร่างสูงดึงไอ้เอ๋อให้ลุกขึ้น มันขืนเอาไว้สุดฤทธิ์ เอามือจับขาอีเปรี้ยวไว้แน่นไม่ยอมปล่อย


         “ปล่อยก่อนนะครับ เดี๋ยวพวกพี่เขาจะพาเปรี้ยวไปหาหมอแล้ว”


         “ฮืออ โกหก จะพาเปรี้ยวไปหาหมอได้ไง เปรี้ยวตายแล้ว ฮึก เปรี้ยวไม่รักนะโมแล้ว เปรี้ยวทิ้งนะโม ฮึก” อ่าใครว่าไอ้เอ๋อมันโง่มันก็ไม่ได้โง่นิใช่ไหม?


         “งะ งั้น เราไปกินขนมกันไหม?” เขาไม่รู้ว่าจะเอามุกไหนมาปลอบเด็กคนนี้แล้ว พอได้ยินคำว่าขนม ไอ้เอ๋อมันก็เบนสายตามามองพี่จ๋าของมันทันที มันสะอื้นนิดๆ และยังมีคราบน้ำตาอยู่บนใบหน้า มันเหมือนเด็กเล็กๆ ที่กำลังร้องไห้แล้วโดนผู้ใหญ่เอาขนมหรือของเล่นมาล่อ

         

         “ขะ หนม เหรอ? T^T”


         “อะ อื้อ ขนมเค้ก กินไหม?” ตั้งแต่เกิดมาไอ้เอ๋อมันไม่เคยได้กินสักครั้ง มันเคยแต่เห็นในทีวีกับในตู้โชว์ในตลาด เวลาเห็นมันจะกลืนน้ำลายลงคอทุกครั้ง


         “กิน ฮึก กิน แต่เปี้ยว ฮึก ทำไง? นะโมทำไงดี” ตอนนี้มันกำลังสับสนเต็มที่ มันทั้งอยากกินขนมเค้ก ทั้งที่ไม่อยากห่างจากอีเปรี้ยว สมองของมันยังคิดเป็นกระบวนการไม่ได้ มันหันไปมองหมอหมาที หมาที อย่างสับสน จนคนที่โตกว่าต้องค่อยๆ จูงไอ้เอ๋อ ออกมาจากที่ตรงนั้นแล้วปล่อยให้เด็กวัดจัดการที่เหลือแทน ก่อนอื่นเขาต้องพามันไปอาบน้ำก่อน เลือดหมาเต็มตัวไปหมด


         “งั้นนะโมไปอาบน้ำนะครับ แล้วพี่จะพาไปกินเค้ก ^^” เขายิ้มอย่างใจดีให้ไอ้เอ๋อ


         “เอาก้อนหย่ายๆ นะ เอาหย่ายๆ ฮึก” มันทำมือใหญ่ๆ ไปด้วย สิงห์เห็นแล้วรู้สึกเอ็นดูขึ้นมากไปอีก


         “ครับเอาใหญ่ๆ เลยเนอะ” พอได้ยินไอ้เอ๋อมันก็ยิ้มพร้อมกับปรบมือดีใจไปด้วย มันเดินนำหมอหมาไปที่กุฎิของหลวงตา มุดใต้ถุนไปที่โอ่งน้ำด้านหลัง ก่อนจะถอดเสื้อผ้าออก แต่หมอหมาไม่คิดว่าไอ้เอ๋อมันจะแก้ผ้าแบบหมดทั้งตัวต่อหน้าเขา


         “เห้ย!!!! นะโมทำอะไร! ”


         “อาบน้ำจ้ะ” ยังมีหน้าหันมายิ้มแฉ่งใส่อีก เล่นเอาสิงห์ทำตัวไม่ถูก เงอะงะจนหันไปชนกับต้นเสาของกุฏิเสียงดังลั่น ไอ้เอ๋อมันเห็นเข้าก็เลยหัวเราะไม่หยุด หมอหมาได้แต่กุมหัวตัวเองเดินหนีออกไป ปล่อยให้ไอ้เอ๋อมันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย ไอ้เอ๋ออาบน้ำไม่นานมันก็เดินโทงๆ ไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาห่มตัวเองไว้ ห่มของมันในที่นี้คือห่มแต่ด้านบนด้านล่างปล่อยโล่งไว้ให้จ้อนน้อยส่ายไปมา สิงห์เห็นสมควรว่าเขาควรที่จะสอนการปฏิบัติตัวให้นะโมใหม่หมด นะโมเป็นแบบนี้มันอันตรายเกินไป ทั้งกับตัวสิงห์เองแล้วก็นะโมด้วย พอเจ้าตัวเดินออกมาหลังจากใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ สิงห์ก็รับรู้อีกอย่างหนึ่งว่า 

         นอกจากจะพาไปกินเค้กแล้วเขาควรจะซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ ให้น้องใส่ด้วย เพราะดูจากสภาพแล้ว มันดูไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้วสักเท่าไหร่ เห็นแล้วก็สงสาร สองมือเอื้อมไปจับบ่าเล็กๆ ไว้ก่อนจะดึงเข้าหาตัว ไม่รู้ทำไมสิงห์ถึงได้ทำแบบนี้ เขาคิดแค่ว่าเด็กคนนี้น่าสงสารเหลือเกิน ไอ้เอ๋อพอรู้ตัวว่าโดนกอดมันก็หัวเราคิกคักพร้อมกับกอดตอนอีกคนเสียแน่น พร้อมกับดยกตัวไปมา มันเงยหน้าขึ้นมองพี่จ๋าของมันแล้วยิ้มหวานส่งไปให้ เล่นเอาคนแก่หัวใจกระตุก


         “ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้วะ!! ” สิงห์พึมพำอยู่คนเดียว พอ กอดกันเรียบร้อยเขาก็จับมือไอ้เอ๋อไปที่รถโดยเลี่ยงบริเวณที่เด็กวัดกำลังขุดหลุมฝังพี่สาว ของมัน อีเปรี้ยวมันไปดีแล้ว หมดเวรหมดกรรมของมัน เหลือแต่ไอ้เอ๋อนี่แหละที่ต้องอยู่ใช้เวรใช้กรรมของมันไป นี่ก็ไม่รู้ว่าสิ้นบุญหลวงตาแล้วมันจะอยู่ยังไง สิงห์พาไอ้เอ๋อซ้อนท้ายบิ๊กไบค์ขันงามพาเข้าไปในตัวเมืองที่อยู่ไม่กลจากวัดเท่าไหร่นัก ต่างจังหวัดก็แบบนี้ อะไรๆ มันก็ไม่ได้เจริญไปหมดเสียทุกอย่าง อย่างน้อยๆ ก็มีห้างประจำจังหวัดอยู่แหละนะ พอมาถึงที่ห้าง อย่างแรกที่สิงห์ต้องทำคือ จับไอ้เอ๋อเอาไว้ให้มั่น เพราะไม่ว่ามันจะเดินไปทางไหนมันก็สร้างความวุ่นวายไม่หยุด 

         

         ทุกๆ อย่างที่นี่สำหรับมันคือสนามเด็กเล่น ทุกๆ อย่างดูน่าตื่นเต้นไปหมดสำหรับมัน ไม่เว้นแม้แต่มาสคอตของร้านอาหารร้านหนึ่งที่ตัวสีเขียวๆ มันวิ่งเข้าไปฟัดแล้วก็คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวมีการถามตอบกันอย่างสนุก ซึ่งมันสนุกอยู่คนเดียว พนักงานหน้าร้านก็ไม่ได้ว่าอะไรออกจะมองไอ้เอ๋อแบบขำๆ ด้วยซ้ำ แต่มีบางคนที่เดินผ่านมาแล้วทำท่าทางรังเกียจใส่ไอ้เอ๋อ อย่างไม่มีปกปิด ทำเอาสิงห์ที่มองอยู่ถึงกับสบถออกมาเบาๆ ก่อนจะลากไอ้เอ๋อไปที่อื่น วันนี้เขาจะหาเสื้อผ้าดีๆ ให้ไอ้เอ๋อใส่


         “ไปกันได้แล้วครับนะโม” สิงห์พยายามใช้แรงดึงให้นะโมเดินตาม เขาพามันมาที่โซนขายเสื้อผ้า บังคับให้มันยืนนิ่งๆ เพื่อเทียบไซต์ ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะทำให้เด็กอย่างไอ้เอ๋อมันยืนนิ่งๆ ได้เกินสองนาที สิงห์เลือกชุดให้ไอ้เอ๋อไว้หลายชุดส่วนใหญ่จะเป็นชุดเอี๊ยมหลายๆ สีกับเสื้อยืดลายการ์ตูนสีพื้น พอได้ชุดที่ต้องการแล้ว ทำการจ่ายเงินแล้วให้ไอ้เอ๋อเปลี่ยนใส่ทันที แต่ปัญหาอยู่ที่ ไอ่เอ๋อมันใส่ชุดพวกนี้ไม่เป็น


         “พี่จ๋าT^T” มันเดิออกมาจากห้องลองเสื้อในสภาพที่ล่อแหลม คือมันใส่แต่เสื้อกับชั้นในออกมา กางเกงไม่ใส่ในมือถือเอี๊ยมสีแดงสดเอาไว้ ปากมันเบะออกนิดๆ มันพยายามแล้วที่จะใส่เสื้อตัวนี้ แต่ไม่ว่ายังไงมันก็ใส่ไม่ได้สักที มันเลยเดินถือเอี๊ยมออกมามาหาสิงห์


         “เชี้ยะละ! ” เขาสบถออกมารอบที่ร้อย รีบเดินไปเอาตัวบังร่างของไอ้เอ๋อเอาไว้แล้วพาเข้าไปในห้องลองเสื้อผ้าและจัดการช่วยไอ้เอ๋อมันใส่ชุดเอี๊ยมเจ้าปัญหา พร้อมกับสอนมันไปด้วย สิงห์ต้องใช้พลังใจอย่างสูงในการที่จะไม่คิดอกุศลกับไอ้เอ๋อ พึงระลึกเอาไว้เสมอว่าน้องน่าสงสาร น้องยังเด็ก เขาถึงได้ผ่านพ้นช่วงเวลาน่าอึดอัดนั้นมาได้ สิงห์ยืนซ้อนหลังไอ้เอ๋อเอาไว้พร้อมกับมองมันในกระจก ไอ้เอ๋อวันนี้ เปลี่ยนจากเด็กวัดกลายเป็นคุณหนูขึ้นมาทันที สิงห์อมยิ้มน้อยๆ พร้อมกับมองน้องด้วยสายตาชื่นชม ก่อนจะก้มลงหอมหัวน้องด้วยความเผลอตัว กว่าจะตั้งสติได้ห็หอมไปเสียหลายฟอด ชุ่มปอดกันเลยทีเดียว


         หลังจากนั้นก็พากันไปที่ร้านเค้กร้านดัง จากที่ได้เห็นแค่ในตู้ ตอนนี้เค้กก้อนใหญ่อยู่ตรงหน้ามันแล้ว มือน้อยๆ ของมันสั่นจนดูตลก ปากบางจิ้มลิ้มฉีกยิ้มจนกว้าง


         “คะ เค้ก คะเ ค้ก ของจริง หู้วววว” มันร้องแบบนั้นจนสิงห์หัวเราะออกมา เสือยิ้มยาก หนุ่มมาดแมดอย่างเขาต้องมาหลุดก็เพราะเด็กเอ๋อๆ อย่างนะโม


         “ของจริงสิ กินเลยไหมพี่จะตัดให้” สิงห์ถามเสียงนุ่มในมือถืจานกับมีดตัดเค้กไว้ นะโมตอนนี้เป็นเป้าสายของทุกคนในร้าน ทุกคนดูออกว่าไอ้เอ๋อมันไม่ปรกติ มันยิ้มให้กับทุกคนอย่างเป็นมิตรตอนนี้รูปลักษณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว จึงมีแต่คนยิ้มตอบแล้วก็ชมว่ามันน่ารัก ผิดกับตอนแรกที่ใครๆ ก็พากันหันหน้าหนี วันนี้มันจะได้กินเค้กสมใจ ตั้งเกิดมามันไม่เคยได้ลิ้มลองสักครั้ง


         “กินๆ ๆ อยากกิน” มันชูมือขึ้นทั้งสองข้างพร้อมกับกระแทกตัวบนเก้าอี้ สิงห์ยกยิ้มมุมปาก


         “อยากกิน ก็ต้องเชื่อฟังพี่สิงห์นะครับ ไหนลองเรียกพี่ว่าพี่สิงห์ซิ^^”


         “พี่สิงห์จ๋า...” ไอ้เอ๋อเรียกชื่อเขาด้วยเสียงหวานๆ


         “หึหึหึ น่ารักมากๆ เลยครับ” สิงห์บอกพร้อมกับเอามือลูบหัวไอ้เอ๋อ ไปด้วย ก่อนจะตัดเค้กให้มันชิ้นใหญ่ มือน้อยๆ ของมันสั่นนิดๆ ตอนตักเค้กเข้าปาก รสชาติของเค้กคำแรกทำเอามันเบิกตากว้าง รสหวานละมุนของเค้กวานิลลากับครีมรสนุ่มหอมหวานทำเอาไอ้เอ๋อร้องไห้ออกมาด้วยความปลื้มปริ่ม มันไม่ได้ตักเค้กเข้าปากอีก มันอมเค้กคำนั้นไว้ไม่ยอมกลืน เพราะกลัวเค้กจะหมดแล้วมันจะไม่ได้กินอีก ความผิดปรกตินี้สิงห์เองก็สังเกตได้


         “ไม่กลืนลงไปละครับนะโม” ไอ้เอ๋อมันไม่ยอมตอบ มันส่ายหน้าไปมาแรงๆ


         “ไม่อร่อยเหรอ หรือว่าไม่ชอบ” ใครบอกว่ามันไม่ชอบ มันชอบมากๆ เลยต่างหากละโดยเฉพาะไอ้ลูกสีแดงๆ หวานๆ บนยอดครีมสีขาวนั่น มันแทบจะแอบเก็บใส่กระเป๋าไปกินที่วัด


         “.....” มันส่ายหัวอีก


         “แล้วทำไมไม่กินละครับ”


         “กลัวหมด” มันตอบเสียงอ้อมแอ้ม เล่นเอาคนที่ได้ยินหลุดขำออกมาเบาๆ


         “ไม่หมดหรอกเค้กตั้งสองปอนด์”


         “2? ปอนด์? คืออะไร”


         “หึหึ คือขนาดของเค้กไงครับ กินเถอะ ไม่ต้องกลัวหมด ถ้าหมดเดี๋ยวพี่ซื้อให้ใหม่” สิงห์ตอบอย่างใจดี วันนี้ต่อให้เงินหมดกระเป๋าเขาก็พร้อมจะเปย์ให้อีกฝ่ายอย่างเต็มที่ พอได้ยินแบบนั้น สมองอันน้อยนิดของไอ้เอ๋อมันก็เปิดโหมดกระเพาะหลุมดำทันที มันกินเค้กจนหมดไปครึ่ง มันเก็บเชอร์รี่ไว้ไม่ยอมแตะ และไม่ยอมให้สิงห์แต่ลูกสีแดงๆ ของมันด้วย


         “อย่านะ อย่าเอาสีแดงของนะโมไปนะ” ไอ้เอ๋มมันจ้องมือที่กำลังจะหยิบลูกเชอร์รี่ของมันไปตาไม่กะพริบพร้อมกับยกมือขึ้นจะตีมือที่กำลังจะหยิบของรักของหวงของมัน สิงห์ได้หัวเราะออกมาอีก เพราะเห็นสีหน้าที่เอาเรื่องของไอ้เอ๋อมัน


         “หวงพี่เหรอครับ” สิงห์แกล้งพูดเสียงเศร้าๆ ทำเอาไอ้เอ๋อมันชะงัก แล้วมองพี่สิงห์ของตาแป๋วๆ


         “ไม่ มะ ใช่ นะโม งื้ออ ทำไงดี นะโมทำไงดี” มันหวงของก็จริงแต่มันดันเป็นคนขี้สงสาร ยิ่งเห็นสีหน้าของสิงห์ที่เศร้าๆ ด้วยแล้วสมองมันเลยรวน


         “แบ่งพี่สิงห์กินด้วยได้ไหมครับ?”


         “บะ แบ่ง ๆ อื้อ ไม่แบ่งๆ ไม่ด้ มีน้อย มันมีน้อย” ไอ้เอ๋อพูดจาสับสน พร้อมกับยกมือขึ้นปกป้องลูกเชอร์รี่ของมันอย่างเต็มที่


         “แต่ถ้าพี่สิงห์ไม่ได้กิน พี่สิงห์ก็จะไม่มีแรงพานะโมกลับวัดนะ”


         “งะ..หูยยย แต่นี่มันของนะโมนะ ตะ แต่ว่าพี่จ๋าก็หิว ถ้างั้นนะโมแบ่งให้ก็ได้ แต่นิดเดียว ให้นิดเดียว” ไอ้เอ๋อมันยอมแบ่งให้ในที่สุด บอกพร้อมกับทำท่าให้ดูว่านิดเดียวของมันนะแค่ไหน มันยกมือขึ้นมาจีบให้ดูว่านิดเดียวคือแค่นี้ สิงห์เห็นแล้วก็อดที่จะเอ็นดูมันไม่ได้ ไอ้เอ๋อมันกัดลูกเชอร์รี่ออกครึ่งหนึ่งด้วยปากของมัน แต่แทนที่มันจะเอาส่วนที่อยู่ด้านนอกให้สิงห์มันดันเอาอันที่อยู่ในปากยื่นให้สิงห์แทนด้วยเหตุผลที่ว่า อันด้านในมันเล็กกว่า


         “ป้อน^^” ไอ้เอ๋อมันพูดพร้อมกับยื่นเชอร์รี่ชิ้นเล็กในมือไปจ่อที่ปากพี่จ๋าของมัน


         “อ่า อื้อออครับ” สิงห์ยอมอ้าปากหลังจากที่อึ้งอยู่ได้สักนาทีมั้ง มันเกินความคาดคิดของเขาเสียด้วยซ้ำ


         “พอแล้วนะ พอแล้ว” พอป้อนสิงห์เสร็จมันก็รีบบอกทันที


         “ครับๆ พอก็ได้” สิงห์ยื่นมือไปบีบจมูกของไอ้เอ๋อมันเบาๆ


         “อ๊า เจ็บๆ นะโมเจ็บนะ -3-”


         “หึหึหึ”


         to be con...


         

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×