คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : 11
ตอนที่ 11
หนึ่งเดือนผ่านไปไวเหมื้อนนนนโกหก ช่วงเวลาสงบสุขของไอ้เอ๋อ กำลังดำเนินต่อไปอย่างเงียบๆ และเรียบง่ายสุดๆ เช้ามาเตรียมอาหารเช้าให้สิงห์ อาหารง่ายๆ อย่างไข่ดาวกับขนมปัง แล้วก็กาแฟ แต่กว่าจะได้เมนูนี้เล่นเอาทั้งสิงห์และหมอไม้เมืองปวดหัวไปตามๆ กัน กว่าไอ้เอ๋อมันจะทอดไข่โดยที่ไม่ไหมได้เขาหมดไข่ไปสามแผง แต่หลังจากนั้นมันก็ทำได้ดีมาตลอด ส่วนงานบ้านงานเรือนมันก็ทำได้ดีไม่ขาดตกบกพร่องแต่อาจจะช้าหน่อยเพราะมันความย้ำคิดย้ำทำของมัน มีบ้างที่ทำน้ำท่วมห้องน้ำเพราะมันอยากจะแช่น้ำในอ่างแต่ก็นั่นละไอ้เอ๋อพอมันตกใจก็ร้องโวยวายลั่นบ้าน จนสิงห์ต้องมาช่วยกันวิดน้ำออก เกือบลามเข้าห้องนอนเขาแล้ว อีกวันมันก็ทะเลาะกับชักโครกเพราะดันลืมสิ่งที่สิงห์เคยสอนเรื่องการใช้ชักโครก มันเอาไม้กวาดมาตีจนชักโครกแทบแตก!! เพราะว่ามันโมโหที่ชักโครกฉีดน้ำใส่ไข่มันแทบปลิว ตีไปร้องไห้ไปด้วยความเจ็บ
อ่อแล้วอีกอย่างที่ทำให้พี่สิงห์ของมันต้องขนหัวลุก นั่นคือมันคุยคนเดียว คุยแบบออกรสออกชาติมาก บางวันมันก็คุยกับต้นไม้หลังบ้าน บางวันมันก็ยืนคุยที่รั้วหน้าบ้าน ที่สำคัญมันคุยตอนกลางคืนดึกๆ สิงห์เคยถามมัน มันก็ตอบแบบว่าหน้าตายิ้มแย้มว่าคุยกับคุณยายคุณยายมาเยี่ยม ทั้งๆ ที่เขาก็ไม่เห็นใครสักคน (ทีนี้ก็รู้แล้วนะว่าบ้านหลังไหนคึคึคึ)
07.30น.
“-0- ง่วงอ่า” ไอ้เอ๋อมันบ่นออกมาพร้อมกับขยี้ตาตัวเองไปด้วยเมื่อคืนมันนอนดึกเพราะเร่งอ่านหนังสือจนจบมันจะได้ไปสวนสัตว์ตามที่สิงห์ให้สัญญากับมัน มันเดินมาที่ครัวก่อนเป็นอันดับแรก แล้วหยิบกระทะมาตั้งเตาทอดไข่ดาวกับปิ้งขนมปังแล้วหยิบแยม ที่เมื่ออาทิตย์ก่อนสิงห์พามันไปโลตัส ซื้อของกินของใช้เข้าบ้าน พามันไปเลือกแยม และสิ่งที่ไอ้เอ๋อมันเลือก คือ เนยถั่วกับนูลเทล่ามาสิงห์ตกใจนิดหน่อยที่มันกอดขวดแยมเดินมาหาแล้วยื่นให้ พอถามถึงได้รู้
“พี่ต้าเคยพาหนูไปซื้อเครปแล้วสั่งไส้แบบนี้ให้ นูเทล่า กับเนยถั่วๆ” “แบบนี้เองสินะ” สิงห์เอ่อยอออกมาเบาๆ ก่อนจะพาไอ้เอ๋อมันไปยังฝั่งที่ขายเครื่องครัวเรือน อย่างน้อยๆ น่าจะมีของของเขาที่เลือกให้ไอ้เอ๋อบ้าง
“ช้อนส้อมดีกว่านะโมจะได้ใช้ทุกวัน” สิงห์พาไอ้เอ๋อเลือกซื้อช้อนส้อมของตัวเองมันเดินเลือกอยู่สักพักก็ได้ช้อนลายการ์ตูนดิสนี่มา ที่หัวด้ามจับจะมีหัวตุ๊กตาอันใหญ่
“มิกกี้เม้าส์?”
“หนูน่ารักดีครับ^^” มันตอบเขาเลยเลือกจานลายเดียวกันให้มันอีกใบไอ้เอ๋อมันแทบจะร้องกรี๊ด เพราะมันชอบมา แต่ที่แน่ไปกว่านั้น คือมัน พยายามบังคับให้สิงห์ใช้เหมือนมันด้วย จนสุดท้ายคนโตกว่าก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป
“ลา ลา น่ารัก ชอบๆ” สิงได้ชุดจานลายอียอว์จากเรื่องวินนี่เดอะพูห์มา เขาพลิกจานในมือแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ ถ้าคนที่บ้านมาเห็นว่าเขาใช้จานชุดสำหรับเด็กแล้วละก็...ล้อกันยันลูกบวช
และทุกครั้งที่กินข้าวพวกเขาจะใช้จานชุดของใครของมัน ติดจนใช้จานชุดนั้นทุกวันไม่เว้นแม้กระทั่งสิงห์ ส่วนเรื่องอื่นๆ ไอ้เอ๋อมันไม่มีปัญหาอะไร มันทำทุกอย่างได้เหมือนคนปรกติแค่จะช้าเท่านั้นเอง หนึ่งเดือนกับการอยู่ร่วมชายคา ทำให้สิงห์ได้รับรู้อะไรหลายๆ อย่างจากไอ้เอ๋อ
ไอ้เอ๋อเป็นเด็กที่มองโลกในแง่ดี มีความซื่อสัตย์ พูดจาเพราะและไม่ค่อยมีอารมณ์ก้าวร้าวเหมือนเด็กออทิสติกคนอื่นๆ แต่จะควบคุมอารมณ์ตื่นเต้น หรือตกใจกลัวมากๆ ไม่ได้ วันหนึ่งมันเจอคนเมาอาละวาดตอนเดินตลาดกับสิงห์และหมอไม้ ไอ้เอ๋อเกิดอาการตัวสั่นและร้องไห้กรีดร้องออกมา และพยายามจะวิ่งหนี จนสิงห์กับไม้เมืองต้องช่วยกันจับเอาไว้ คนในตลาดรู้ดีว่าไอ้เอ๋อมันกลัวคนเมา และสาเหตุของอาการกลัวแบบนี้ทำให้สิงห์ยิ่งสงสารนะโมมากขึ้น
“เห้อ ไอ้เอ๋อมันเป็นเด็กที่น่าสงสาร พ่อแม่ก็ไม่มี แถมยังมาพิการอีก ตอนเด็กมันเคยโดนพวกขี้เมาขี้ยาแถวๆ หลังวัดลากไปหวังจะข่มขืนมัน ดีที่ไอ้ต้าร์มันมาเห็นเข้าพอดีเลยช่วยไว้ได้ทัน ช่วงนั้นนะแค่มดเดินผ่านมันก็ร้องแล้ว” คำบอกเล่าจากคนในตลาดทำให้ทั้งสองคนรู้สึกสะเทือนใจ สิงห์เหลือบมองไอ้เอ๋อพร้อมกับสัญญากับตัวเองว่าเขาจะไม่มีวันทำให้ไอ้เอ๋อต้องเจออะไรที่มันเลวร้ายอีก
++++++++++++++++++++
วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันหยุดที่สิงห์จะพาไอ้เอ๋อมันไปเที่ยว และจุดหมายปลายทางคือสวนสัตว์ ไอ้เอ๋อมันตาลุกวาวตื่นเต้นสุดๆ มันจะได้เจอพี่ช้างกับน้องกวาง น้องต่ายของมันแล้ว สิงห์จัดการแต่งตัวให้ไอ้เอ๋อมันแต่เช้า เขาให้มันใส่ชุดเอี้ยมแบบเต็มตัว ดูน่ารักส่วนตัวเองนั้นใส่เสื้อยืดกางเกงยีนสีเทาธรรมดาๆ กับรองเท้าผ้าใบ สวนสัตว์ที่ว่าอยู่ไกลหน่อยเลยต้องออกเดินทางกันตั้งแต่เช้ามืด
นี่เป็นครั้งแรกที่ไอ้เอ๋อมันออกมาไกลบ้านไกลวัด มันนั่งเกาะขอบหน้าต่างดูข้างทางอย่างไม่วางสายตา มันตื่นเต้นกับทุกสิ่งทุกอย่าง ปากเล็กๆ ของมันฉีกยิ้มกว้าง บ้างก็ร้องอู้วว อ้า ตามประสา ท่าทางของมันใครเห็นก็ต้องเอ็นดู เพราะมันใสซื่อ เหมือนผ้าขาว และโปร่งใส และพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เสมอ ไอ้เอ๋อมันต้องเรียนรู้ในการใช้ชีวิตอีกมาก มันจะต้องได้รับการรักษาในทางที่ถูกต้อง ไม่เหมือนๆ กับที่มันใช้ชีวิตแบบที่ผ่านๆ มาสิงห์กำลังปูทางเดินให้ไอ้เอ๋อมันใหม่
13.45น. ณ สวนสัตว์
ขาสั่นๆ ของไอ้เอ๋อมันค่อยๆ ก้าวลงจากรถ สองมือกำเสื้อตัวเองเอาไว้จนแน่น มันยืนนิ่งรอสิงห์ลงจากรถ
“ไปครับ นะโมอยากดูอะไรก่อนดี^^” สิงห์เอื้อมมือไปจับมือมันเอาไว้ ไอ้เอ๋อมันเลยเงยหน้าขึ้นมองพี่จ๋าของมันสลับกับมือที่โดนจับ ความรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจทำให้มันยิ้มออกมา แค่นี้มันก็มีรู้สึกกลัวอะไรแล้ว
“หนูอยากดูพี่ช้างงง”
“ปะ ถ้าอย่างนั้นเราไปดูพี่ช้างกันนะ” สิงห์จูงมือไอ้เอ๋อไปยังคอกช้าง ก่อนจะตามด้วยยีราฟและหมีควาย แต่เพราะว่าวันนี้เป็นวันหยุดคนเลยเยอะมากกว่าปรกติ กว่าไอ้เอ่อมันจะเบียดเด็กที่มุงดูกันอยู่เข้าไปได้ ก็โดนเด็กมันมองค้อนไปหลายดอก
“พี่ อะไรของพี่เนี่ยะ อย่าเบียดหนูสิ”
“ไม่เบียด ดู ดู” มันกระโดดชี้ๆ ไปที่ยีราฟอย่างชอบใจ แถมตบมืออีกต่างหาก หลายคนมองมันเหมือนกับตัวประหลาด แต่มันไม่สนใจหรอกเรื่องแบบนี้มันสนใจยีราฟมากกว่า
“พี่จ๋าดู ดู คอยาววววว” มันทำท่ายืดคอเหมือนยีราฟให้สิงห์ดู
“หึหึ” รอยยิ้มถูกจุดขึ้นที่มุมปากของเขา สิงห์เฝ้ามองเด็กตรงหน้าด้วยใจที่เป็นสุข นี่เขาไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว ความสุขที่ไม่ต้องลงทุน ความสุขใจที่รับมาโดยไม่ต้องร้องขอ สิงห์กระชับมือบางเอาไว้แน่น
“พี่จ๋า ไปลิงกัน”
“ครับ” พูดจบก็โดนลากไปที่กรงลิงอุรังอุตัง ไอ้เอ๋อมันจ้องมองไปยังสัตว์ที่แสนวิเศษตัวนั้นแล้วยิ้ม
สิงห์โดนไอ้เอ๋อลากไปลากมาอย่างไม่มีหยุด ด้วยความสนุกของมัน จนมันเหนื่อยนั่นแหละถึงได้หยุดพัก
“ปวดขา ปวดขา” ปากเล็กบ่นออกมา
“หึหึ ก็เราเล่นวิ่งไปทั่วเลยนี่ครับไม่ปวดก็แปลกแล้ว ไปนั่งตรงม้านั่งตรงนั้นกันดีกว่า” สิงห์ชี้ไปยังม้านั่งตัวยาวที่ไว้สำหรับให้นักท่องเที่ยวนั่งพัก พอมาถึงไอ้เอ๋อมันก็นั่งแหมะแล้วนวดขาตัวเองสิงห์กวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อหาร้านขายน้ำ ดูท่าเด็กน้อยของเขาจะหิวน้ำไม่น้อย
“นั่งรอพี่ตรงนี้นะครับ เดี๋ยวพี่ไปซื้อน้ำมาให้” พอได้ยินว่าตัวเองจะต้องอยู่คนเดียวมันก็จับแขนเสื้อของสิงห์ไว้แน่นพร้อมกับส่ายหน้าไปมา
“ไม่เอา อย่าทิ้งหนู” ไอ้เอ๋อมันไม่ยอมให้สิงห์ไปไหน สิงห์ย่อตัวลงนั่งตรงหน้าของมันแล้วมองเข้าไปในดวงตากลมคู่นั้น
“พี่ไม่ได้ทิ้งครับ พี่จะไปซื้อน้ำให้นะโมไง นะโมไม่หิวน้ำหรอ”
“หิวครับ”
“ถ้าอย่างนั้นนะโมรอพี่อยู่ตรงนี้.. อย่าไปไหนเข้าใจไหมครับ”
“เข้าใจครับ..แต่ว่า หนูกลัว” มันยังไม่ยอมปล่อยมือจากเสื้อของเขา
“ไม่ต้องกลัวนะ” สิงห์ถอดสร้อยที่ตนเองสวมอยู่ทุกวันให้ไอ้เอ๋อ สร้อยที่มีจี้เป็นปีกอินทรีย์ตรงกลางมีพลอยทับทิมรูปหัวใจดวงเล็กๆ ฝังอยู่มันเป็นของสำคัญของเขา
“สร้อยเส้นนี้เป็นของพ่อที่มอบให้แม่พี่ ของขวัญชิ้นแรกของท่าน ปีกอินทรีย์จะปกป้องดวงใจ เห็นไหมครับ^^”
เพียงมันถูกสวมอยู่บนคอความรู้สึกกลัวก็ค่อยๆ หายไปจนมันรู้สึกที่จะแปลกใจไม่ได้มันกำสร้อยเส้นนั้นไว้แล้วมองหน้าสิงห์
“พี่สัญญาว่าจะกลับมาครับ”
“อื้อ หนูจะรอพี่จ๋าอยู่ตรงนี้ พี่จ๋ารีบกลับมานะ” ในที่สุดมันก็ยอมปล่อยมือจากเขา
“ครับ เป็นเด็กดีนั่งอยู่ตรงนี้นะครับ” สิงห์ลูบหัวมัน
“ครับ^^”
(พาทสิงห์)
ผมเดินจากที่ตรงนั้นมาแต่ก็ยังมองนะโมอยู่ นะโมลากผมเดินไปจนทั่วสวนสัตว์ ซุ้มขายน้ำอยู่ไม่ไกลจากที่นะโมนั่งสักเท่าไหร่ ความจริงผมก็กลัวเหมือนกันที่จะทิ้งเขาไว้คนเดียว ดังนั้นผมคงต้องรีบซื้อแล้วกลับไปหาน้อง
“แม่ๆ ดูสิช้างมันอะไรไม่รู้ นอนชักใหญ่เลย” เสียงของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งฉุดให้ผมหยุดก้าวเท้า
“ไหนๆ พาแม่ไปดูหน่อย” มันไม่ใช่เรื่องดีที่จู่ๆ ช้างจะเกิดอาการชักผมรีบสาวเท้าก้าวตามก่อนที่ผมจะเห็นช้างเชือกหนึ่งกำลังชักน้ำลายฟูมปาก และร้องออกมาอย่างทรมาน อาการของมันคือกินสารพิษเข้าไปในปริมาณที่สูง
“แย่ละ” อาการของมันเข้าคั่นโคม่าท่าไม่รีบช่วยมันตายแน่ๆ ผมเป็นสัตวแพทย์ผมรู้ดีว่าต้องทำยังไง ผมรอช้าไม่ได้ ผมกระโดดลงไปในคอกช้าง ตรวจหาสาเหตุพร้อมปฐมพยาบาลเบื้องต้นทันทีเท่าที่จะทำได้ พร้อมกับตะโกนบอกให้คนที่มุงดูอยู่ไปตามเจ้าหน้าที่มาช่วย ทุกอย่างดูตึงเครียดเพราะช้างเชือกนี้อายุมากแล้ว ไม่นานเจ้าหน้าที่ก็มาพร้อมแพทย์ที่ดูแลช้างเชือกนี้มันถูกนำออกจากคอกแล้วพาไปยังสถานพยาบาลทันที ผมจึงรีบตามไปและแจ้งอาการและสาเหตุเบื้องต้น
“มันกินหญ้าที่มียาฆ่าหญ้าเข้าไป ในปริมาณที่สูงมากครับ ผมเป็นสัตวแพทย์ขอโทษที่ก้าวก่ายงานของคุณ แต่ผมจำเป็นต้องช่วยชีวิตมัน” ผมบอกกับเจ้าหน้าที่ไปแบบนั้น
“ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณ ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยบุญยืนของเราไว้ เสื้อผ้าคุณเปื้อนหมดเลย ถ้าไม่รังเกียจ นี่ครับใส่เสื้อผมไปก่อน” หมอหนุ่มที่ดูจะอายุมากกว่าผมอยู่หลายปียื่นเสื้อยืดสกรีนลายสวนสัตว์ไว้ตรงอกให้ผมรับเอาไว้ พร้อมกับก้มหัวของคุณ
“ห้องน้ำอยู่ด้านซ้ายมือครับ”
“ขอบคุณครับ”
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าผมก็นึกขึ้นได้ว่าทิ้งนะโมเอาไว้ผมก้มมองดูนาฬิกา เขาลืมน้องไว้เกือบสองชั่วโมง
ชิบหายยยยยยยย
ใจผมแทบร่วงมาอยู่ที่ตาตุ่ม มันหวิวไปหมด ผมวิ่งอย่างสุดกำลังเพื่อมาตรงที่ทิ้งนะโมเอาไว้ นี่มันจะห้าโมงเย็นแล้ว ผมนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ พอมาถึงก็เห็นนะโมนั่งกอดเข่าตัวเองเอาไว้ไม่ขยับ ผมใจชื้นขึ้นมาทันที รีบวิ่งเข้าไปหา พอน้องเห็นว่าผมกลับมาแล้วก็รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งมาหาผมทันที
“ฮึกพี่จ๋า ฮึกพี่จ๋าไปไหนมาฮึก นานนT^T”
“พี่ขอโทษนะครับ พี่ขอโทษ” ผมกอดเขาเอาไว้แน่น พร้อมกับจับใบหน้าเปื้อนน้ำตานั้นเอาไว้แล้วเช็ดหยดน้ำตาออกให้ นี่ผมทำอะไรลงไปให้ตายสิ ผมอยากจะชกหน้าตัวเองจริงๆ ทั้งๆ ที่สัญญากับน้องไว้แล้วแท้ๆ ว่าจะไม่ทิ้งเค้า
“หนูกลัว ฮึกมีคนมา ฮึก จะพาหนูไปฮึกแต่หนูไม่ไป ฮึก เขาบอกว่าจะพาหนูไปหา ฮึกแม่ แต่แม่ด่างหนูตายแล้ว ฮรือออออออออออออออออออออออออออออออออออ” น้องสะอื้นออกมาไม่หยุดปากก็เล่าไปด้วยนั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก ยิ่งสงสารเขามากขึ้นไปอีก น้องรอ้งไห้จนผมจะขาดใจตายแทน
“ดีแล้วครับที่ไม่ไปกับเขา พี่ขอโทษนะครับ พี่ไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งนะโมไว้ พอดีพี่เจอลุงช้าง ลุงช้างไม่สบายพี่เลยต้องช่วยลุงช้างนะครับ”
“ฮึก..” พอเขาเริ่มหยุดสะอื้น น้องก็ดันตัวเองออกจากอ้อมกอดผม
“หนู ฮึก โกรธ พี่จ๋าผิดสัญญา ฮึก ถึงพี่จ๋าจะช่วยลุงช้า แต่พี่จ๋าลืมหนู ฮึก” น้องเม้มปากตัวเองเองไว้แล้วยืนหันหลังให้ผมสีหน้าน้องแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่ากำลังโกรธและงอนผมนี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นน้องเป็นแบบนี้ ผมเริ่มจะทำตัวไม่ถูกและรู้สึกตกใจด้วย ผมเอื้อมมือจะจับมือเขาเขาก็ขยับหนี
“ฮึก..หนูน้อยใจ หนูไม่ชอบ ..ฮึก..การถูกทิ้ง” คำพูดแค่ไม่กี่คำมันกลับทำร้ายหัวใจผมได้มากมายขนาดนี้ ผมคนที่ได้รับฉายาว่า สิงห์ราชาผู้ไร้หัวใจ ผมไม่เคยสนใจน้ำตาของใครไม่เคยสนด้วยว่าใครจะรู้สึกยังไง กับทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ผมเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอย่างอิสระ อยากทำอะไรทำ อยากได้อะไรก็ต้องไปคว้ามันมาให้ได้ แต่กับเด็กคนนี้ เด็กคนนี้เพียงคนเดียวที่ทำให้ผมหลุดจากลุคคนเย็นชา คนไม่มีหัวใจ ผมคว้าตัวน้องเข้ามากอด เขาพยามดิ้นแต่ผมไม่ปล่อยหรอก
“พี่จะไม่ทำแบบนั้นอีก พี่จะไม่ไปไหนพี่จะไม่ทิ้งหนูนะครับ”
“โกหก ฮรือออ” เขาพูดออกมาเสียงสั่น นะโมไม่ไว้ใจผมอีก
“ไม่ครับ ไม่โกหก”
“อยากกลับบ้านT^T” น้องพูดพร้อมกับหันมาจ้องผมด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ผมต้องใจเย็นกว่านี้ ผมจูงมือเขาเดินกลับมาที่รถยังดีที่เขาไม่สะบัดออกอีก...แต่จะว่าไปเวลาน้องโกรธก็น่ารักดีนะครับว่าไหม...
จบพาทสิงห์
เพราะมัวแต่เสียเวลาไปกับการช่วยช้างเชือกนั้นทำให้ร่างสูงต้องหาที่พักในตัวเมืองแทนที่จะขับรถกลับบ้าน เขาเหนื่อเกินกว่าจะขับรถไปไหวอีกอย่างนะโมก็ยังไม่ยอมคุยกับเขาเด้กหนุ่มนั่งเงียบมาตลอดทาง ดวงตากลมเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างตลอดเวลา นะโมโกรธจริง
“นะโมครับ หันมาคุยกับพี่จ๋าหน่อยนะครับ”
“....”
“วันนี้เรากลับบ้านไม่ทันแล้ว เราต้องนอนค้างที่นี่นะครับ” สิงห์พยายามหาเรื่องคุย
....”
“เอ ว่าแต่วันนี้คุณยีราฟให้นะโมจับด้วยใช่ไหมเอ่ย”
“.....” นะโมยังเงียบไม่ยอมคุย
“พี่จ๋าหิวน้ำจังเลย เด็กดีคนไหนจะเอาน้ำให้พี่จ๋ากินได้น้า” นะโมชะงักไปนิดก่อนจะหดมือที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบน้ำมาป้อนให้สิงห์ พร้อมทำปากขมุบขมิบเบาๆ สิงห์เหลือบมองแล้วอมยิ้มนิดๆ
“คอพี่จ๋าแห้งมากเลย แคกๆ” ร่างสูงแกล้งไอเจ็บคอนะโมหันมามองนิดๆ พร้อมกับทำสีหน้าที่ลังเล คือยังโกรธเขาอยู่แต่ก็รู้สึกเป็นห่วงด้วย
“...-3-...”
“โอยย หิวน้ำ เจ็บคอจังเลย พี่จ๋าต้องตายแน่ๆ ถ้าไม่ได้กินน้ำ” ร่างสูงทำเสียงทรมาน
“กินสิ -3- “นะโนอดใจไม่ไหวหยิบขวดน้ำป้อนให้กับร่างสูง
“ไม่โกรธที่จ๋าแล้วหรอครับ”
“หนูโกรธ แต่หนูกลัวพี่จ๋าตายมากกว่า” นะโมเหมือนแก้วใสมีอะไรก็จะพูดออกมาตามที่ใจคิด ไม่มีเสแสร้ง หรือโกหก มองภายนอกนะโมคือเด็กหนุ่มวัยสิบเก้าปี กำลังย่างเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นอย่างเต็มตัว แต่ถ้ามองให้ลึกลงไปแล้วเขาเป็นเพียงเด็กวัยสิบขวบ ที่ต้องการความรักและการเอาใจใส่มากกว่าคนปรกติทั่วไป
“แล้วถ้าพี่จ๋าตายนะโมจะหายโกรธพี่จ๋าไหม” สิงห์แสร้งทำเสียงเศร้าตีหน้าละห้อย พอได้ยินคำว่าตายอีกครั้ง นะโมถึงกับทำตาโตมันส่ายหัวไปมาเร็วๆ แล้วรีบกอดสิงห์ไว้แน่น เล่นรถแทบเสียหลักลงข้างทางดีที่เขาจับพวงมาลัยเอาไว้แน่น
“ไม่เอาไม่ตาย อย่าพูด เดี๋ยวตีปากเลยT^T”
“ก็นะโมโกรธพี่นี่ครับ”
“หายโกรธก็ด้ายย ฮึกแต่พี่จ๋าห้ามตายนะ ไม่เอานะ” ครั้งนี้ไอ้เอ๋อมันร้องไห้หนักกว่าเดิมจนสิงห์ต้องหาจอดรถข้างทางแล้วกอดปลอบมันใบหน้าหวานสวยของมันซุกอยู่ตรงอกเขา สิงห์ใจเต้นแรงขึ้นมาทันที
“ไม่ร้องนะครับ โอ๋ๆ”
“อย่าตาย”
“ไม่ตายครับไม่ตาย พี่จ๋าจะอยู่กับนะโมไปจนกว่านะโมจะแกเลยนะ”
“เกี่ยวก้อย ฮึก”
“เกี่ยวก้อยๆ” สิงห์เกี่ยวนิ้วเข้ากับนิ้วเรียวๆ ของมันเป็นการสัญญาไอ้เอ๋อมันยกมือขึ้นปาดน้ำตาอย่างลวกๆ ยกชายเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตาน้ำมูกของตัวเอง
“ฮึก..ฮึก..สัญ ยะ ญาแล้วนะ ฮึก”
“ครับ พี่สัญญา หยุดร้องไห้ได้แล้ว ตาบวมแล้วครับ” สิงห์ใช้นิ้วโป้งลูบลงบนเปลือกตาของมันอย่างอ่อนโยน ไอ้เอ๋อมันรีบจับมือแล้วเอาหน้ามันแนบลงกับฝ่ามือของสิงห์อย่างอ้อนๆ มันช้อนตาบวมๆ ของมันมองคนตรงหน้า
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก เสียงหัวใจของสิงห์ก้องออกมา ไอ้เอ๋อมันทำเอฟเฟกใส่เขาอีกแล้วชายหนุ่มเริ่มหายใจติดๆ ขัดๆ เลือดในกายแล่นพล่านไปหมด ใครเจอแบบเขาต่อให้เอาหลวงตามานั่งตรงหน้าเขาก็อดทนไม่ไหว มันขบปากบางอมชมพูของมันเบาๆ
“นะ..โม”
“หนูหิว...”
“ห๊ะ?”
“หนูหิว พี่จ๋าหนูหิว” มันมองเขาด้วยแววตาใสซื่อ ซื้อจนเขาต้องสำนึกผิดจากบาปที่ตัวเองก็ขึ้นในใจ เกือบไปแล้ว เกือบไปแล้วจริงๆ
หมดเงินอีกสองร้อยกับค่าอาหารและขนมของไอ้เอ๋อ ดีหน่อยเขาได้โรงแรมใกล้กับแหล่งชอปแหล่งกินของจังหวัด ไอ้เอ๋อมันถือของกินไว้เต็มสองมือลามไปให้สิงห์ช่วยถืออีกเดินย่อยจนหายจุกถึงพากันกลับโรงแรม
“อาบน้ำก่อนนะครับแล้วค่อยมานอน” สิงห์บอกกับไอ้เอ๋อ
“อาบด้วยกัน”
“หืม? ว่ายังไงนะครับ”
“อาบด้วยกัน”
“-///- “แทนที่คนชวนจะเขินแต่กลับเป็นเขาที่ต้องเลือดขึ้นหน้าอีกรอบ ให้ตายสิ นี่ไอ้เอ๋อมันกะจะฆ่าเขาทางอ้อมใช่ไหม?
“อาบไหม?”
“อะ อาบสิ อาบ” อย่าตื่นเต้นไอ้สิงห์ แค่อาบน้ำ อย่าตื่นเต้น!!!!!!
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เออ ระหว่างสองคนนี้ใครมันจะใจง่ายกว่ากัน ใครมันจะแพ้ก่อนคนหนึ่งก็ซื้อซื่อ อีกคนก็เจ้าเล่ห์
รักคนอ่านทุกคนนนะ อย่าลืมเค้านะ ให้กำลังใจเค้าเยอะๆ นะจะได้มีแรงปั่น
จุ๊ฟ
ความคิดเห็น