คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : 10
10
“ไอ้เอ๋อออออออออออออออออออออออออออ” เสียงเรียกชื่อของไอ้เอ๋อดังลั่นหน้าบ้านหมอหนุ่ม น้ำเสียงดูจะร้อนรนจนไอ้เอ่อที่กำลังล้างจานอยู่ถึงกับต้องรีบวางของในมือลง แล้ววิ่งแจ้นไปที่หน้าบ้านทั้งๆ ที่ฟองสบู่ยังเต็มมือ
“พี่ต้าร์!!! ”
“เออกูเอง มาเปิดประตูดิ๊ ร้อนจะตายห่าอยู่ละ” ต้าบ่นพร้อมกับกระพือเสื้อตัวเองไปด้วย
“ครับๆ” มันเดินมาเปิดประตูให้ต้าร์แล้วเดินกลับเข้าบ้านไม่ได้สนใจคนที่อุตส่าห์บากหน้ามาหามันถึงที่นี่ เพราะสมองของมันกำลังสั่งให้มันกลับล้างจานให้เสร็จ เหมือนถูกตั้งโปรแกรมไว้ ร่างสูงของต้าร์เดินตามไอ้เอ๋อเข้าไปด้านในอย่างปลงๆ มองดูก็รู้ว่าเจ้าของบ้านไม่อยู่ให้กวนใจ
“เป็นไงบ้างมึง ตั้งแต่มาอยู่กับมันไม่มีไปหากูเลยนะ” ต้าร์แกล้งพูดเหมือนน้อยใจที่ไอ้เอ๋อลืม ไอ้เอ๋อมันหันมามองหน้าลูกพี่ตัวสูงของมันอย่างรู้สึกผิดทันที
“ขะ..ขอ..ขอโทษครับ”
“เออ ช่างมันเถอะ ว่าแต่วันนี้มึงว่างไหม ไปตกปลากับกูเปล่า?” วันนี้มันกะลักพาตัวไอ้เอ๋อเต็มที่
“ปะ ปะ..ไป”
“เออดีงั้นเปลี่ยนเสื้อผ้า”
“ไม่ได้ ยะ ยังพูดไม่จบเลย” วันนี้ไอ้เอ๋อมันดันตื่นเต้นที่ต้าร์จะพามันไปตกปลา เพราะความตื่นเต้นดีใจอาการมันเลยกำเริบอีกมันจะเป็นๆ หายๆ อยู่แบบนี้ตลอด ไอ่อาการติดอ่างกะทันหัน
“-*- ไอ้นี่ แล้วมึงทำอะไรอยู่”
“ล้าง จาน หนูล้างจานอยู่” มับตอบพร้อมกับขัดจานในมือไปด้วยจานแค่ห้าหกใบมันใช้เวลาค่อนข้างจะนานในการทำความสะอาดเนื้อตัวครึ่งบนเปียกไปครึ่งท่อน พอเช็ดจานจนแห้งแล้ววางไว้บนชั้น มันเอามือเช็ดเสื้อตัวเองแล้วเดินไปหาไอ้ต้าร์
“มา มา มา” มันกวักมือเรียกให้ไอ้ต้าร์เดินตามมันไป ไอ้เอ๋อเดินลงบันไดไปที่ใต้ถุนบ้าน ตรงนั้นมีตั่งไม้สี่เหลี่ยมลักษณะคล้ายกับโซฟาวางอยู่เป็นชุดรับแขกแบบโบราณมีโต๊ะกระจกตั้งอยู่ตรงกลาง
“นั่งก่อนนะ” บอกให้เขานั่งแต่มันดันนั่งก่อนเขาใบหน้าขาวๆ ชื้นเหงื่อนิดๆ
“นี่มึงเหลืออะไรที่ต้องทำบ้างวะกุจะพามึงไปเที่ยวเนี้ยะ”
“เหลืออะไรที่ต้องทำเหรอ เหลือ เหลืออ อืมมม อ่า เหลือกวาดใบไม้ กับซักผ้า” มันตอบ
“งั้นรีบไปทำสิจะได้เสร็จๆ” มันส่ายหัว
“ไม่รีบ หนูไม่รีบ รอพี่จ๋ากลับมา” พอได้ยินว่าไอ้เอ๋อมันจะรอสิงห์กลับมา ไอ้ต้าร์มันก็ฉุนขาด หงุดหงิดขึ้นมาทันที มันตีหน้ายักษ์ใส่ไอ้เอ๋อ
“จะรอมันทำไม มันเป็นพ่อมึงเหรอไอ้เอ๋อ!! ”
“เฮือกกก!! ดุ ดุ อย่าดุหนูT^T”
“โธ่ เว้ย! ..เออไม่ต้องเบะนะมึง ไม่ไปก็ไม่ไป แมร่งขัดใจก็ได้ทุกอย่าง” ในเมื่อไอ้เอ๋อมันไม่ยอมไปต้าร์มันก็เลยจะอยู่ที่นี่กับไอ้เอ๋อแทน จากการที่จะมันไปซื้อสมุดวาดรูปเป็นอันต้องยกเลิก ปลาก็ไม่ต้องตก ทุกอย่างที่มันคิดไว้ถูกพับเก็บเป็นที่เรียบร้อย
“ซักผ้านะ หนูซักผ้าก่อนนะพี่ต้าร์” มันบอกพร้อมกับขยับตัวลุกขึ้น
“เออ มึงไปซักผ้าไปเดี๋ยวกูกวาดใบไม้ให้”
“ครับ” ต่างคนต่างทำงานไอ้เอ๋อมันเก็บเสื้อผ้าที่ใส่แล้วใส่ตะกร้าก่อนจะนำลงเครื่องซักผ้ามันจำที่สิงห์สอนมันได้ดี หนึ่งคนซักผ้าอีกคนกวาดใบไม้พองานทุกอย่างเรียบร้อยไอ้เอ๋อมันก็มานั่งรอพี่จ่ามันที่ใต้ถุนบ้าน
“หิววะ”
“หิวหรอ หิวหรอ หนูก็หิวแต่รอพี่จ๋ากลับมาก่อน” ไอ้เอ๋อมันบอกพร้อมกับนั่งโยกตัวไปด้วย
“ทอดไข่ให้กินหน่อย” ต้าร์หันไปพูดกับมันที่นั่งมองออกไปทางหน้าบ้าน ไอ้เอ๋อมันเบนสายตากลับมา มันมองลูกของมันพร้อมกับเอียงคอนิดๆ อย่างคนใช้ความคิด
“ทอดไข่? อ๋อออออพี่ต้าหิว”
“เออหิว ครัวอยู่ไหน?” พอถามไอ้เอ๋อมันก็ชี้ไปบนบ้าน ไอ้ต้าร์มันทำหน้าเอือมใส่นี่มันกะให้เขาขึ้นไปเองใช่ไหม เดี๋ยวนี้ชักจะหัวหมอขึ้นทุกวันๆ ไม่ได้เกรงใจคนที่อุตส่าห์ดูแลมันมาตั้งแต่เล็กๆ เลยคิ้วเรียวของต้าร์กระตุกนิดๆ
“ขึ้นไปทำให้กูแดกสิวะ!! ” ความหงุดหงิดบวกกับอากาศร้อนๆ ทำให้ต้าร์เผลอตะคอกใส่ไอ้เอ๋อ
“งะ เฮือออก” ไอ้เอ๋อมันสะดุ้งเสียงตะคอกของไอ้ต้าร์
“ เร็ว! ”
“แต่ แต่หนูรอพี่จ๋า พี่จ๋าจะกลับมากินข้าวด้วย”
“-*- มันกับกู เลือกมาว่ามึงจะอยู่ข้างใคร จะรอไอ้สิงห์กลับมาแล้วมึงกับกูก็ไม่ต้องมาเจอกันอีก หรือจะขึ้นไปทอดไข่ให้กูกินแล้วทุกอย่างเหมือนเดิม” เงื่อนไขง่ายๆ ที่ยากสำหรับไอ้เอ๋อมันเลือกไม่ได้เพราะสองคนสำคัญสำหรับมันมาก
“งืออ เลือก เลือกสิ งือออ เลือกเหรอออออT^T” ไอ้ต้าร์มันหงุดหงิดที่ไอ้เอ๋อมันให้ความสำคัญกับสิงห์มากกว่าขอแค่ไข่ดาวไอ้เอ๋อยังไม่เห็นค่าเลย
“ทอดไข่ นี่คือคำสั่ง”
“ทอดไข่นี่คือคคำสั่ง!! ได้คำสั่ง ทอดไข่” พอบอกแบบนี้ต้าร์มันถึงจะได้กิน ป้อนข้อมูลที่เป็นระบบคำสั่งที่ทำงานด้วยระบบสมองไม่ใช่หัวใจ มันน้อยใจนะที่คนที่มันให้ความสำคัญที่สุดเห็นมันเป็นคนสุดท้ายแบบนี้ ไอ้เอ๋อขึ้นไปบนบ้านลงมือทอดไข่ดาวให้ไอ้ต้าร์ร่างสูงยืนมองจากด้านหลังมองมันด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย อยากจะเข้าไปกอด อยากจะเอามันไปอยู่ด้วยอยากจะดูแลมันให้ได้ดี แต่ในเมื่อมันยังเป็นแค่เด็กนักเรียนบ้านก็ไม่ได้รวยมันจะเอาปัญญาที่ไหนมาเลี้ยงไอ้เอ๋อจะเอาเงินที่ไหนมารักษามัน
“ทอดไข่ เสร็จแล้ว ทอดไข่เสร็จพี่ต้าร์กิน” มันวางจานที่มีไข่ดาวสีเข้มไว้ตรงโต๊ะกินข้าวร่างสูงเดินไปตักข้าวใส่จานไข่แล้วเหยาะน้ำปลาก่อนจะตักข้าวกินพร้อมกับมองไอ้เอ๋อที่ชะเง้อ ออกไปมองหน้าบ้านอยู่ตลอดเวลา ทุกๆ วันสิงห์จะกลับมาเวลาเที่ยงสิบห้านาที ไอ้เอ๋อมันจะเตรียมจานเตรียมช้อนเอาไว้รอ
“ต้องเตรียมไว้? ถ้ามันไม่กลับมาละ” ต้าร์ลองหยั่งเชิง พอได้ยินว่าสิงห์อาจจะไม่กลับไอ้เอ๋อมันก็หน้าบึ้งทันที
“กลับมาสิ กลับมา พี่จ๋าไม่ทิ้งหนู”
“ถ้าทิ้งละ”
“T^T” ไอ้เอ๋อเริ่มเบะ
“ถ้ามันทิ้งมึงกูจะเป็นคนมารับมึงกลับไปเองไม่ต้องกลัว” เหมือนคำมั่นสัญญาที่ให้ไอ้เอ๋อมันค่อยๆ คลายคิ้วของมันออก
“จริงนะ”
“เอออออ” ต้าร์ลากเสียงยาวใส่ด้วยความหมั่นไส้นิดๆ พอกินข้าวเสร็จก็เอาจานไปล้าง ไอ้เอ๋อมันจะได้ไม่ต้องมานั่งล้างอีก พอเครื่องซักผ้าส่งเสียงเตือนไอ้เอ๋อมันก็สะดุ้งนิดๆ ก่อนจะเดินถือตะกร้าไปเอาผ้าที่ซักไว้ไปตากตรงราวตากในสวน ต้าร์เดินตามไอ้เอ๋อมันทุกฝีก้าว และช่วยมันตากผ้าด้วย
โค๊รกกก ครากกกก เสียงท้องร้องของไอ้เอ๋อดังมาเป็นระยะๆ เที่ยงกว่าแล้วสิงห์ยังไม่กลับมาสักที ไอ้เอ๋อมันยิ่งฝังใจกับคำพูดของไอ้ต้าร์อยู่ด้วย
“พี่จ๋าไม่มาสักที -*- “
“เดี๋ยวมันก็มา ไปๆ ตากเสร็จแล้วก็เข้าร่มมายืนตากแดดทำไม” ต้าร์ดันแผ่นหลังชื้นเหงื่อของไอ้เอ๋อให้เข้าไปนั่งที่ใต้ถุนบ้าน
“พี่จ๋าเมื่อไหร่จะกลับ เมื่อไหร่จะกลับ หิว หิว” มันพูดวนอยู่แบบนั้นซ้ำๆ จนต้าร์นึกรำคาญทั้งๆ ที่เขาก็นั่งอยู่ตรงนั้นมันกลับมองข้ามไป สักพักก็มีรถขับมาจอดที่หน้าบ้าน พอไอ้เอ๋อมันเห็นมันก็วิ่งไปที่หน้าบ้านทันที แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะคนที่มาไม่ใช่สิงห์แต่เป็นหมอไม้เมือง ที่เดินลงมาพร้อมกับถุงกับข้าวมากมาย
“พี่หมอ พี่จ๋าละจ้ะ พี่จ๋าละ” มันพยามจะมองหาพี่จ๋าของมันแต่ก็ไม่เจอ
“อ่า พี่หมอติดธุระครับ นะโมรอพี่สิงห์หรอครับ” หมอไม้พูดเสียงอ่อนโยนพร้อมกับลูบหัวไอ้เอ๋อไปด้วย
“อื้อ หนูรอพี่จ๋า กินข้าว” มันตอบด้วยสีหน้าที่ผิดหวังนิดๆ
“หิวแล้วใช่ไหม พี่จ๋าของนะโมฝากไข่พะโล้มาให้ด้วยนะ” ว่าพร้อมกับชูถุงไข่พะโล้ของโปรดไอ้เอ๋อ ให้มันได้เห็น ถึงจะดีใจที่จะได้กินพะโล้แต่มันกลับรู้สึกเศร้าๆ หงอยๆ
“คิดถึงพี่สิงห์เหรอ?”
“ครับ...T^T”
“เข้าบ้านดีกว่าเนอะ แดดร้อน” ไม้เมืองรีบต้อนไอ้เอ๋อเข้าไปในบ้านก่อนที่สิงห์จะรู้ว่าเขาพาไอ้เอ๋อมันตาก
พอเข้ามาเขาก็เจอคนที่กำลังนึกถึงนั่งไขว่ห้างอ่านนิตยสารอยู่
“หึหึ กะแล้ว ว่าต้องเจอมึงที่นี่” ไม่เมืองหัวเราะในลำคอก่อนจะเดินผ่านต้ารืขึ้นไปบนบ้าน ส่วนต้าร์แค่เหลือบมองหมอไม้เมืองเท่านั้น ก่อนจะลุกขึ้นและตามพวกเข้าขึ้นไปบนบ้าน ไม่ว่าใครต้าร์มันก็ไม่ไว้ใจ
“มาทำอะไร?” ต้าร์เอ่ยถามเสียงขุ่น
“แล้วมึงละมาทำอะไร?”
“มาหาไอ้เอ๋อ”
“กูก็มาหานะโมเหมือนกัน/นะโมไปเอาจานมาให้พี่ทีครับ ตักข้าวมาด้วยนะ”
“ครับ”
“กวนตีนกูเหรอ!! ”
“นี่คนที่กวนตีนกูก่อนคือมึงไม่ใช่เหรอไอ้เด็กช่าง ตั้งแต่ที่ค่ายละ” ไม้เมืองว่าเสียงดุ
“เหรอ ถ้ามึงไม่แย่งกูจีบครูเขากูจะกวนตีนมึงไหม!! ”
“หึหึ เด็กไม่หย่านมแบบมึงครูลิสาเค้าไม่สนใจหรอก!! ” ไม่เมืองว่าเสียงเยาะ ซึ่งมันก็เป็นดั่งไม้เมืองว่า เพราะคนที่จีบครุสาวสวยติดคือหมอไม้ที่คีบลุคเท่สุขุมนุ่มลึกกว่าเด็กช่างใจร้อนอย่างต้าร์
“มึง!! ”
“อ๊ะๆ ลงไม้ลงมือกับกูอย่าหาว่าไม่เตือน เด็กแบบมึงโดนกุปราบมานักต่อนัก อย่าเชี่ยวนะ” ไม้เมืองชี้หน้าใส่ขณะที่อีกคนยกกำปั้นหมายจะซัดใส่
“ฮึ้ยย ฝากไว้ก่อนเถอะมึง” ต้าร์เป็นฝ่ายยอมล่าถอยเพราะขนาดตัวของเขากับหมอต่างกันต้าร์ตัวสูงแต่ไม่ได้หนาเท่าหมอที่ทั้งสูงและหนา อาการปึงปังหงุดหงิดไม่พอใจของต้าร์ ทำให้หมอไม้เมืองรู้สึกสนุกและสะใจอย่างบอกไม่ถูก คิดจะปีนเกลัยวกับเขาคิดผิดถนัด แต่ทว่าเด็กช่างขี้หงุดหงิดไม่ได้ยอมแพ้ง่ายๆ ต้าร์ส่งสายตาเคียดแค้นและหมั่นไส้ไปให้หมอหนุ่มจนไอ้เอ๋อมันเดินกลับมาพร้อมจานชามอีกมือมีหม้อหุงข้าวติดมือมาด้วย
“คุยไรกานนนน คุยด้วย คึคึ”
“พี่ช่วยนะครับ” ไม้เมืองช่วยไอ้เอ๋อมันเทกับข้าวใส่จานพร้อมกับตักข้าวให้
“กินด้วยกันไหม?” ปากถามแต่ตาไม่ได้มอง
“ไม่แดก”
“ก็สมควรที่จะตอบแบบนั้น ความจริงก็ไม่ได้อยากชวนหรอก แต่มันเป็นมารยาท :J”
“ไอ้ ไอ้!! แมร่ง ไอ้เอ๋อกูกลับละอยู่ไปก็อารมณ์เสีย!! ” ต้าหันไปหาไอ้เอ๋อแล้วกอดมันเบาๆ
“อ่าว หนูไม่ไปส่งนะ หนูจะกินไข่พะโล้*0*” ขนาดไข่พะโล้ยังชนะมันเลยคิดดู ต้าร์กระแทกเท้าลงจากบ้านด้วยความโมโห พอออกมาหน้าบ้านเห็นรถของหมอไม้จอดอยู่
“หึหึหึ” รอยยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้าหล่อๆ นั่น ก่อนที่มันจะหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋า
+++++++++++
หมอไม้อยู่เป็นเพื่อนไอ้เอ๋อจนถึงเย็น ไอ้เอ๋อมันนั่งรอพี่หมอของมันไม่ไปไหน คอก็คอยชะเง้อมีบ้างที่มันวิ่งไปปากซอย ที่วิ่งไม่ใช่อะไร มันวิ่งเพราะได้ยินเสียงรถไอศกรีม หมอไม้เมืองตกใจวิ่งตามมันไปรองเท้าก็ไม่ได้ใส่ พอรู้สาเหตุที่มันวิ่งก็ถึงกับตบหน้าผากตัวเอง ไอ้เอ๋อมันเกาะท้ายรถไอติมพร้อมกับร้องกรี๊ดๆ ออกมาด้วยความดีใจ
“ลุงๆ ๆ ๆ ๆ ๆ คิดถึงหนูม้ายยยย” มันสนิทกับลุงขายไอ้ติมตักเจ้าประจำในหมู่บ้าน
“เออลุงไม่เห็นเอ็งหลายวันไปไหนมาวะ?”
“อยู่บ้านนู้นๆ ทำงาน ทำงาน คึคึคึ”
“วันนี้เอาอะไรดี ขนมปังหรือเอาถ้วยมาใส่ละ”
“เอาขนมปังๆ สองอันๆ” มันยิ้มกว้างพร้อมกับชูสองนิ้ว หมอไม้เมืองเดินเท้าเอวมาหามันด้วยสีหน้าซีดๆ เพราะวิ่งเร็วเกินไปเขาเลยรู้สึกจุก
“ยี่สิบ อะนี่โคนกรอบๆ ลุงแถมให้^^” ลุงขายไอศกรีมเอาโคนเปล่าคว่ำใส่ไอติมของไอ้เอ๋อให้
“ว้าวววววววววววว*0*ขอบคุณครับ” มันควักเหรียญสิบบาทออกมาสองเหรียญแล้วยื่นให้ ก่อนจะรับไอติมมาถือไว้
“อ่าวพี่หมอ^0^ ทำไมไม่ใส่รองเท้า ไม่ใส่รองเท้าดื้อนะรู้ไหม? ไปๆ กินติมหนูเลี้ยง” มันพูดเสียงเจื้อยแจ้วพร้อมกับยื่นไอติมให้หมอหนุ่มซึ่งรับมาอย่างงงๆ ตอนนนี้ฝ่าเท้าเขาร้อนไปหมด ก่อนที่ต่างคนต่างวิ่งกลับเข้าบ้านเพราะแดดมันร้อนเกิน
“พี่สิงห์จะเอาน้องอยู่ไหมเนี้ยะ” ไม้เมืองคิดขณะนั่งเล็มไอติมในมือไปด้วย
บรื่นนน เอี๊ยด จนกระทั่งเสียงจอดรถอันแสนคุ้นเคยดังขึ้น ไอ้เอ๋อมันนอนอยู่ใต้ถุนบ้านส่วนหมออยู่บนบ้าน พอมันได้ยินเสียงรถมันก้ลุกพรวดขึ้นทันที
“พี่จ๋า...”
“หึหึหึ.” ร่างสูงของสิงห์ยิ้มละไมเพราะเสียงเรียกของไอ้เอ๋อ เขาลงจากรถในมือมีกล่องเค้กติดมือมาด้วย แต่ก่อนจะเข้าบ้านเขาสังเกตเห็นรถของหมอรุ่นน้อง ที่ยางทั้งสี่ข้างแฟบลงเหมือนโดนคนเจาะยาง
“แสบใช่เล่น กล้าทำลูกรักไอ้ไม้เดี๋ยวมึงได้เจอของดีแน่ๆ ไอ้ต้าร์” สิงห์สำรวจรอบๆ รถก่อนจะเดินมาจับมือไอ้เอ๋อแล้วพาเข้าบ้าน หมอไม้พอเห็ว่าสิงห์มาแล้วก้จะขอตัวกลับเลยเพราะมีนัดกินข้าวกับหมอสาวที่ทำงานด้วยกัน
“ผมกลับก่อนนะพี่ พอดีมีนัด”
“เหรอ อะเอานี่ไป” สิงห์โยนกุญแจรถของตัวเองให้หมอหนุ่ม
“เอามาทำไมพี่รถผมก็มี” ไม้เมืองทำหน้างงๆ
“ลงไปที่รถแล้วจะรู้เอง หึหึ กูว่ามึงเจอตอเข้าให้แล้ววะ” พอได้ยินที่สิงห์พูดไม้เมืองก็รู้ได้ทันทีว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับรถของเขาแน่ๆ ถึงได้วิ่งลงไปอย่างรีบร้อน
“พี่หมอปวดอึแน่ๆ เลยเนอะพี่จ๋า วิ่งไวจัง” ไอ้เอ๋อมันมองตามแผ่นหลังนั้นออกไป
“อืมปวดอึ มันต้องปวดมากๆ แน่ ^^ “สิงห์อมยิ้มกับความคิดที่วิ่งอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ของไอ้เอ๋อ เขาพามันเข้าไปในครัว ช่วยกันอุ่นกับข้าวที่ซื้อมาเมื่อทุกๆ มื้อจะต้องมีไข่พะโล้ สิงห์จับสังเกตได้ถ้ามื้อไหนไม่มีไข่พะโล้ไอ้เอ๋อมันจะนั่งนิ่งๆ ไม่สนใจ หรือกินได้น้อยมากๆ แต่ถ้าวันไหนมีไข่พะโล้มันจะกินข้าวได้เยอะมาก เยอะจนสิงห์ตกใจ
“ไข่พะโล้*0*”
“แบ่งกันคนละสามลูกนะครับ^^”
“-3-หนูยังเด็กอยู่นะหนูต้องได้เยอะกว่าสิ” เรื่องกินคือเรื่องใหญ่สำหรับมัน มันยู่ปากเหมือนเด็กเอาแต่ใจ
“กินไข่เยอะไม่ดีต่อสุขภาพนะครับ พี่จ๋าให้แค่สามฟองนะ” สิงห์กำลังสอนให้ไอ้เอ๋อรู้จักแบ่งปันและความพอเหมาะพอดี
“แต่หนูอยากกินเยอะๆ นี่ -3- สี่ฟองนะๆ”
“ไม่ได้ครับ” สิงห์ไม่ได้ใช้น้ำเสียงที่ดูดุ หรือแข็งๆ ใส่ แต่เขาพูดด้วยโทนเสียงที่นิ่งๆ แต่นุ่มนวล
“T^Tพี่จ๋าหวงไข่หรอ”
“ซะงั้น” ใบหน้าที่กำลังจะมีน้ำตากับปากที่เริ่มเบะคว่ำของไอ้เอ๋อเล่นเอาสิงห์ทำตัวไม่ถูก
“พี่จ๋าหวงไข่กะหนู ฮึกT^T...”
“ไม่ใช่อย่างนั้น เฮ้อออ เอาอย่างนี้นะครับ ถ้านะโมทำตามที่พี่จ๋าบอกพี่จ๋าจะให้นะโมกินขนมเค้กเอาไหม” ไอ้เอ๋อมันไม่ได้ทันเห็นเค้กที่สิงห์แช่ไว้ในตู้เย็น พอได้ยินมันก็หูผึ่งยกมือขึ้นปาดน้ำตาป้อยๆ
“จริงหยออออ ^0^” มุมปากมันคลี่ออกจนกว้างหมดเค้าเด็กงอแงเมื่อกี้นี้ไปเสียหมด
“อื้อ ไข่สามใบกับเค้กหนึ่งชิ้น” สิงห์ต่อรอง
“ครับ ไข่สามใบต่อเค้กหนึ่งชิ้น ต่อเค้กหนึ่งชิ้น หุหุหุ กำไลๆ” มันคิดออกมาเป็นคำพูดพร้อมกับนับนิ้วไปด้วย มันได้กินทั้งไข่ทั้งขนมถือว่าคุ้ม เมื่อตกลงกันเรียบร้อยก็ลงมือกินข้าวเย็นสิงห์มองว่านะโมชอบกินอะไรนอกเหนือจากไข่พะโล้ และสิ่งที่เขารู้คือไม่มีอะไรเลยนอกจากไข่พะโล้ทั้งผัดผัก แกงเขียวหวาน ไอ้เอ๋อมันแทบจะไม่แตะ แบบนี้คงแย่แน่ๆ เพราะไอ้เอ๋อมันจะไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ สิงห์คิดถึงวิธีที่จะทำให้นะโมยอมกินอาหารอย่างอื่นด้วย แต่ขณะที่คิดอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น สิงห์เดินไปรับแล้วออกไปคุยทานระเบียงหน้าบ้าน พอเห็นว่าพี่จ๋าของมันลุกออกไป ไอ้เอ๋อมันได้โอกาส จ้วงไข่ในชามจนหมดครบทุกใบไม่เหลือ ก่อนจะเดินไปเอาเค้กที่สิงห์ตัดแบ่งไว้มากินจนหมด ก่อนที่สิงห์จะกลับมาที่โต๊ะด้วยซ้ำ
“นะโม!!! ”
“กรี๊ดๆ ๆ ๆ คิคิคิคิ ไข่หาย ไข่หายหมดเลย” ไอ้เอ๋อมันทำหน้าล้อเลียนพี่จ๋าของมันทันทีที่สิงห์รู้ว่าไข่ของเขาโดนขโมยจนเกลี้ยง
“แสบนักนะเรา มาให้พี่ทำโทษซะดีๆ !! ” สิงห์ไม่ได้โกรธหรือโมโหอะไร เขาแกล้งวิ่งไล่ให้ไอ้เอ๋อมันกลัวเล่นๆ
“กรี๊ดๆ ๆ อย่าน้าๆ ไม่ทำโทษไม่ทำ คิคิคิ” สิงห์คว้าตัวไอ้เอ๋อที่วิ่งไปมารอบๆ ห้องนั่งเล่นก่อนจะสะดุดล้มลงบนเบาะนุ่มที่เอาไว้นั่งดูทีวี ไอ้เอ๋อมันยังหัวเราะไม่หยุดทั้งที่ใบหน้ามันอยู่ห่างจากใบหน้าหล่อคมของสิงห์เพียงน้อยนิด ร่างสูงของสิงห์ทับมันไว้แค่ครึ่งตัว สองแขนกำยำเท้าลงกับเบาะกั้นมันเอาไว้
“ทำผิดต้องโดนลงดทษนะครับรู้ไหม? ^^” เขายิ้มหื่นๆ พร้อมกับใช้มือเกลื่อยผมออกจากหน้าผากของไอ้เอ๋อ
“คิคิ หนูไม่ผิด พี่จ๋าผิด พี่จ่าไม่ยอมมากินข้าว คึคึ”
“แต่เราสัญญากันแล้วนะ เพราะฉะนั้น เด็กดื้อต้องถูกลงโทษ” สิงห์ยิ้มเจ้าเล่ห์ เขากำลังใช้ความไร้เดียงสาของไอ้เอ๋อทำให้เขาบรรลุเป้าหมาย
จุ๊บ
“งื้อออออ -////- “
“พี่ลงโทษเราแล้วนะ ทีหลังอย่าทำอีกนะครับ” สิงห์จูบลงบนหน้าผากสวยๆ ของไอ้เอ๋อก่อนจะดันตัวให้ลุกขึ้นแล้วเดินออกไป ใครจะรู้ว่าตอนนี้หัวใจของเขาเต้นแรงแทบจะกระเด็นออกมานอกอกเมื่อสบตากับเด็กน้อยของเขาระยะใกล้ชิดขนาดนั้น สิงห์ต้องข่มใจอย่างหนักที่จะไม่ล่วงเกินมันไปมากกว่านี้ ส่วนตัวต้นเรื่องตอนนี้นอนฟังเสียงหัวใจตัวเองด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
“พี่จ๋า..หัวใจหนูเต้นแรงจัง>//<”
++++++++++++++++++++++++++++
รักน้องด้วยนะคะ นี่เป็นข้อมุลเพียงบางส่วนที่ไรท์พยามศึกษาเพื่อที่จะเข้าใจความคิดความอ่านของน้องเอ๋อมากขึ้น และนิยายเรื่องนี้มันเป็นเพียงจินตาการของไรท์นะคะโดยใช้ข้อมูลในการอ้างอิงบางส่วนในเรื่อง
ออทิสติก
กลุ่มอาการแอสเพอร์เกอร์ (Asperger Syndrome)
กลุ่มอาการแอสเพอร์เกอร์ (Asperger Syndrome) คือ กลุ่มอาการที่เกิดจากความผิดปกติทางการทำงานของระบบประสาท ที่จัดอยู่ในกลุ่มของโรคกลุ่มออทิสติค (Autistic spectrum disorders) ซึ่งเป็นกลุ่มอาการของโรคที่มีปัญหาทางด้านพฤติกรรม และพัฒนาการทางด้านการพูด เช่น โรคออติสติค (Autism) และพฤติกรรมแปลกอื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายออทิสติค
เหตุที่จัดเป็นกลุ่มอาการของโรค เนื่องจากอาการของผู้ป่วยแต่ละคน จะมีความแตกต่างกันได้หลากหลาย ทั้งทางด้านรูปแบบของอาการแสดง และความรุนแรงของปัญหา แม้ผู้ป่วยสองคนจะมีการวินิจฉัยโรคเหมือนกัน แต่จะพบว่า อาการแสดงและความสามารถทางด้านทักษะของแต่ละคนจะมีความแตกต่างกันได้ค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงมักแบ่งอาการเหล่านี้ ออกตามความสามารถ และทักษะของผู้ป่วย เช่น
@ Low-functioning คือ กลุ่มที่มีความสามารถในการพูด การใช้ภาษาและการปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นๆ ได้น้อย)
@ High-functioning คือ กลุ่มที่สามารถพูด ใช้ภาษาและปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นๆ ได้ดี
@ Autistic tendencies คือ กลุ่มที่มีอาการคล้ายออทิสติค
@ Pervasive developmental disorder คือ กลุ่มที่มีปัญหาทางด้านพัฒนาการผิดปกติ ทำอะไรซ้ำๆ ย้ำคิดย้ำทำ เพื่อใช้เรียกผู้ป่วยที่มีอาการแสดงของออทิสติค ที่มีความสามารถและทักษะต่างๆ กัน ซึ่งผู้ป่วยที่มีอาการอยู่ในกลุ่มแอสเพอร์เกอร์นี้ มักจะมีความสามารถและทักษะต่างๆ ค่อนข้างดี เหมือนกับกลุ่มที่จัดเป็น high-functioning autism
อาการแสดงที่เป็นลักษณะของแอสเพอร์เกอร์ คือ การที่มีปัญหาในการเข้าสังคมกับคนอื่นๆ ไม่ค่อยมีปฎิสัมพันธ์กับผู้อื่น มีความหมกมุ่นอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เหมือนเป็นแบบย้ำคิดย้ำทำ มีลักษณะการพูดที่แปลกๆ รวมทั้งพฤติกรรมบางอย่างที่แปลกไปจากธรรมดา เด็กเหล่านี้มักจะไม่ค่อยมีสีหน้าที่แสดงอารมณ์ต่างๆ เท่าไรนัก และมักจะมีปัญหาในการอ่านใจ และภาษาท่าทางของคนอื่นๆ ที่ตนเองสนทนาด้วย
มักจะชอบทำอะไรซ้ำๆ หรือมีรายละเอียดในการปฏิบัติตนในชีวิตประจำวันที่เหมือนๆ เดิมเสมอ และบางรายจะมีความไวต่อสิ่งเร้า ที่มาจากภายนอกค่อนข้างมากกว่าคนทั่วไป เช่น อาจจะรู้สึกรำคาญหงุดหงิดกับแสงไฟเล็กๆ บนเพดาน ในขณะที่คนอื่นๆ แทบจะไม่ได้สังเกตว่า ไฟดวงนั้นได้ถูกเปิดทิ้งไว้ หรืออาจจะชอบที่จะสวมใส่เสื้อผ้าบางชนิดซ้ำๆ กัน โดยไม่ยอมใช้เสื้อผ้าประเภทอื่นเลย
โดยทั่วไปเด็กที่มีปัญหาในกลุ่มอาการแอสเพอร์เกอร์นี้ ส่วนใหญ่จะสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้เป็นปกติ แต่อาจจะมีปัญหาบ้าง เมื่อต้องมีปฎิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ โดยอาจมีพฤติกรรมการแสดงออก ที่ไม่สมกับวัย ดูเด็กกว่าวัย (socially immature) หรือมีลักษณะแปลกๆ ต่างจากเด็กคนอื่นๆ
ลักษณะอื่นๆ ที่อาจพบได้ในแอสเพอร์เกอร์ คือ การพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหว และกล้ามเนื้อ ค่อนข้างช้า หรือไม่คล่องตัวเหมือนเด็กทั่วไป ดูเหมือนงุ่มง่ามกว่า ไม่ค่อยสนใจสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว และอาจจะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องบางเรื่องอย่างมาก เช่น อาจสนใจ หรือพูดแต่เรื่องไดโนเสาร์อย่างเดียวตลอดเวลา หมกมุ่นมากเกินกว่าเด็กในวัยเดียวกัน
เมื่อเด็กเหล่านี้โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ก็ยังจะมีปัญหาในการเข้าสังคมกับผู้อื่น เช่น อาจจะไม่ค่อยสนใจในความรู้สึกของผู้อื่น ไม่ค่อยมีความเห็นอกเห็นใจ หรือมีอารมณ์ร่วมกับคนอื่นๆ ทำให้มีปัญหาในการปฎิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน และคนรอบข้าง พบว่าปัญหาเหล่านี้ จะยังคงอยู่ไปตลอด แม้ว่าจะมีอายุมากขึ้น และมีวุฒิภาวะมากขึ้น ตามวัยแล้วก็ตาม แต่อาการแสดงต่างๆ อาจจะมีมาก หรือน้อยเป็นช่วงๆ ได้
เนื้อหาบางส่วนไรทืศึกษาจากน้องคนนี้นะคะ ลองเข้าไปอ่านดูจะเข้าใจพฤติกรรมน้องมากขึ้น
https://pantip.com/topic/32585970
to be con
ความคิดเห็น