ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Harry Potter fanfic:- พลิกตำนานปราสาทกาลเวลา

    ลำดับตอนที่ #35 : อนาคตที่โหดร้าย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 301
      6
      19 ก.ย. 56

    "กองปริศนา"
     
    "ใช่ ข้าให้เจ้าเป็นแม่ทัพสำหรับงานนี้"
     
    "แต่ข้าไม่สามารถ--"
     
    "ลูเซียส-- เจ้ากล้าปฏิเสธิข้า เก็บซ่อนอำนาจของตนเองจากการใช้งานของข้า เจ้าคิดจะต่อต้านข้ารึไง?"
     
    "ข้าเปล่า"
     
    "หุบปาก!!"
     
    สิ้นการตัดบท  ลูเซียสก็อ้ำอึ้ง  ตาสีเงินของเค้าหลุบลงเพื่อซ่อนความกระสับกระสาย ไม่สามารถบอกจอมมารได้ว่านั่นมันไม่ใช่เค้า แต่เป็นน้องสาว เพราะหากจอมมารรู้ เค้าจะไม่มีวันปลอดภัยอีก  ผู้แฝดชายหญิงที่ผู้พันธ์ทางฝ่ายวิญญาณไม่ใช่สิ่งที่จะเปิดเผยได้ มันเกิดขึ้นน้อยมาก แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่มหาศาล คิดถึงพลังที่ลูเครเซียมีสิ และตัวเค้า  ความจริง ตอนที่อยู่ที่โบสถ์ ระหว่างการสลับตัว พ่อได้บอกเค้าแล้วว่าเค้ามีพลังมากกว่าที่เค้ารู้ แต่ไม่เคยถูกปลุกขึ้นมาใช้เพราะมันต้องไม่ถูกปลุกขึ้นมา เหมือนที่พลังของพ่อจะต้องไม่ถูกปลุก เพราะมันจะเรียกหาพลังของคู่แฝดที่มีสายสัมพันธ์ทางวิญญาณกับตน
     
    "ลูเซียส... เจ้ากล้าเก็บซ่อนความสามารถที่แท้จริงไว้จากการใช้งานของข้าเหรอ"
     
    "ไม่ใช่นะครับ ข้า.."
     
    วินาทีนั้นที่โวลเดอร์มอร์จ้องตาเค้าลูเซียสมั่นใจว่าจอมมารกำลังจะพินิจใจเค้า เค้าพยายามปกปิดเรื่องของลูเครเซียเป็นอันดับแรก เพราะมันจะแย่แน่ๆ ถ้าความลับแตก  ตอนนั้น เซเวอรัสได้พยายามดึงความสนใจจอมมาร แต่เค้าไม่สนใจ จิตใจของเขาพัวพันแต่กับเรื่องความจริงที่ว่าลูเซียสพยายามเก็บซ่อนบางอย่างไว้
     
    การเป็นแฝดแท้ฝ่ายวิญญาณ(คือการที่เกิดพร้อมๆ กัน มาเป็นพี่น้องกันโดยมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันราวกับเป็นเวอร์ชั่นต่างเพศของกันและกัน และวิญญาณเชื่อมกัน)คือการที่เค้าและลูเครเซียแท้จริงแล้วเป็นคนเดียวกันด้วย เพราะวิญญาณของแฝดจำพวกนี้ก็คือครึ่งหนึ่งของกันและกัน และการที่ลูเครเซียผมหยิกแท้จริงแล้วเป็นการทำขึ้นโดยพ่อกับแม่ก่อนที่จะแยกพวกเค้าออกจากกัน เพราะหากมีใครมาพบ(ระหว่างที่พวกเค้าไม่ได้อยู่ด้วยกัน)ก็อาจจะพอถูไถว่าพวกเค้าเป็นแฝดชายหญิงที่บังเอิญเหมือนกันมาก หากจอมมารรู้ จะเกิดอะไรขึ้น
     
    แต่แม้จะพยายาม ภาพลูเครเซียกับยิ่งลอยขึ้นมาแจ่มชัด แม้เค้าจะสามารถเก็บซ่อนเรื่องที่เธอเป็นน้องสาวได้ แม่ไม่สามารถเก็บซ่อนภาพเธอได้
     
    "นั่นใคร"
     
    "...."
     
    "เป็นอะไรไปลูเซียส เจ้ากำลังคิดถึงใครอยู่?"
     
    "ข้า..." เค้าพึ่งนึกได้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
     
    "กำลังคิดถึงใครอยู่"
     
    ไม่มีประโยชน์ที่จะปิดบัง จอมมารเชี่ยวชาญการพินิจใจ
     
    "ผู้หญิงมักเกิ้ลคนหนึ่ง"
     
    คำพูดของเซเวอรัสทำให้ทุกคนอ้าปากค้าง คนอย่างผู้นำตระกูลมัลฟอยเนี่ยนะคิดถึงมักเกิ้ลสาว
     
    "ผู้หญิงมักเกิ้ลที่ดันหน้าเหมือนตัวเองยังก่ะฝาแฝด นี่มันน่าตกใจนะลูเซียส ที่ผู้หญิงมักเกิ้ลคนหนึ่งหน้าตาเหมือนพ่อมดเลือดบริสุทธ์และสูงส่งได้" แม้จะไม่เข้าท่านักแต่มันช่วยลูเซียสไว้
     
    --ขอบใจนะเซเวอรัส มาทันเวลาตลอด--
     
    "จริงเหรอ?"
     
    "จริงครับท่าน เธอเป็นนักบวชแถวๆ บ้านผม และเป็นญาติของพ่อผม"
     
    "พ่อเจ้า?"
     
    "พ่อมักเกิ้ลของผม"
     
    ...ลูเครเซียเนี่ยนะเป็นญาติพ่อ  แกนี่มันตอแหลได้โล่จริงๆ...
     
    หลังจากนั้นจอมารก็ไม่สนใจอะไรอีก เค้าเชื่อเซเวอรัเสมอ  ทำให้ลูเซียสถอนใจอย่างโล่งอกก่อนที่เซเวอรัสจะพาตัวเค้าออกไป
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    ตอนนี้เซเวอรัสกลับมานั่งอยู่กับลูเซียสตามลำพัง นานมากกว่าจะมีคนหนึ่งพูดออกมา
     
    "ขอบใจนะเซเวอรัสที่--"
     
    "ถ้าชั้นไม่ช่วยนายชั้นก็ซวยเหมือนกัน อย่าลืมเราสนิทกันที่สุดในกลุ่มผู้เสพความตาย แล้วคิดดู นายมีน้องสาวฝาแฝด แล้วชั้นเสือกไม่บอกจอมมาร ชั้นว่าเราเตรียมจองที่สำหรับนอนในสุสานได้เลย"
     
    "นั่นสินะ" ลูเซียสถอนใจ "วันนี้จะไปบ้านชั้นมั้ย ไหนๆ เดรโกก็--"
     
    "ไม่"
     
    "ทำไม"
     
    "เดี๋ยวนี้นาซิสซาชอบมองชั้นแปลกๆ ไม่เหมือนเดิม"
     
    ลูเซียสอึ้ง เพราะนับแต่เค้ากลับบ้านมาพบว่าจินตนาการวายๆ ของภรรยาก้าวหน้าไปมาก ซึ่งคงเพราะรับมาจากลูเครเซียแหงๆ แต่ไม่ทันที่เค้าจะพูดว่าอะไร เซเวอรัสก็เสนอเงื้อนไข
     
    "ถ้ายังไง เวลาจอมมารจะพินิจใจ นายก็ลองคิดอะไรที่จอมมารไม่อยากจะเห็น หรือเห็นแล้วนายสามารถมั่นใจได้ว่าจอมมารจะไม่อยากเข้าไปดูจิตใจของนายอีกต่อไปบ้างสิ เช่น คิดถึงท่าทางยั่วยวนของนาซิสซา"
     
    "ชั้นว่าคิดถึงภาพในการ์ตูนวายที่นาซิสซานั่งอ่านอย่างไม่อายฟ้าดินยังจะได้ผลดีกว่า"
     
    แน่นอน เพราะถ้าจอมมารพินิจใจเค้าแล้วเจอภาพติดเรทที่หลาบนหน้ากระดาษจอมมารย่อมต้องรีบล้างตาทันทีเว้นแต่จอมมารจะยอมเข้าสายวายด้วย และยิ่งไปกว่านั้น เผลอๆ จอมมารอาจจะไม่ยอมเข้าใกล้เค้าอีกต่อไป แต่ในนามแห่งสวรรค์ ใครจะไปกล้าคิดเรื่องพรรค์นั้นฟะ
     
    "การ์ตูนวาย... นาซิสซาอ่านของแบบนั้นด้วยเหรอ"
     
    "แกพูดยังก่ะรู้จักเลยนะเนี่ย"
     
    "ชั้นไม่แน่ใจหรอกนะเพราะไม่เคยเห็นเนื้อหาข้างใน แต่เมื่อหลายวันก่อน ชั้นกลับบ้านแล้วเห็นนาซิสซากับลูเครเซียนั่งอ่านการ์ตูนด้วยกันแล้วก็กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่"
     
    ...ตามไปอ่านการ์ตูนถึงโลกมักเกิ้ล  ยัยนั่นก้าวหน้าขนาดนั้นแล้วเหรอ...?
     
    "นั่นคือการ์ตูนวายเหรอ" เซเวอรัสถามอีกครั้ง
     
    "อย่ารู้เลยจะดีกว่า"
     
    "มันเกี่ยวกับการที่นาซิสซาชอบมองชั้นแปลกๆ ด้วยมั้ย"
     
    "เกี่ยวที่สุด"
     
    "งั้น... ชั้นไม่ขอรู้เหตุผลแล้วกัน"
    ------------------
     
    เวลาค่อยๆ คืบคลานผ่านไปช้าๆ...
     
    นี้เป็นคำอธิบายที่ดีที่สุดแล้วสำหรับเวลานี้ เว้นแต่จะนับคำพวกพ้องอื่น ลาก เลื้อย หรืออะไรทำนองนั้นไปด้วย
     
    เบื้องหน้าเค้าคือเบลลาทริกซ์ที่พึ่งออกจากคุกมาไม่นานนัก ดูเหมือนอัซคาบันจะทำให้ความงามส่วนใหญ่ของเธอหายไปจริงๆ เพราะเมื่อเธอได้อาบน้ำและแต่งตัวใหม่ เธอก็สวยสะพรั่งอีกทั้ง แม้จะไม่เท่าสมัยก่อนก็ตาม ท่าทางเย่อหยิ่งของเธอทำให้เค้ากลับคืนสู่ความเป็นลูเซียสได้ไม่อยากเย็นนัก เพราะตัวเค้า ลูเซียส มัลฟอยคุ้นเคยกับการทำตัวเป็นคนเย่อหยิ่ง มันเป็นกฏแห่งการเอาตัวรอดของพวกสลิธีรีนไปแล้วที่เข้าเมืองตาหลิ่วแล้วต้องหลิ่วตาตาม
     
    ตอนนี้เค้าถูกนำตัวมาในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังที่จะทำงานให้กับจอมมารในการบุกเข้าไปในกองปริศนา แต่เมื่อเจอกับพี่สาวของเมียก็พูดไม่ออกเหมือนกัน
     
    "ไม่ต้องเสนอหน้าพูดอะไรทั้งนั้น ลูเซียส" เธอบอกกับน้องเขยเสียงเฉียบขาด "ชั้นจะไม่ฟังคำสั่งของเธอหรอกนะ"
     
    "ผมก็ไม่คาดหวังจะให้คุณเชื่อฟังหรอกครับ พี่เมีย" ลูเซียสบ่นอุบ
     
    "อะไรนะ"
     
    เมื่อสาวเจ้าเสียงเข้มลูเซียสเลยไม่พูด
     
    ลูเครเซียนะลูเครเซีย เพราะเธอทำตัวเด่นไม่เข้าท่าชั้นเลยต้องมารับกรรม...
     
    ห่างออกไปไกลแสนไกล ลูเครเซียจามดังสนั่น
     
    "จำไว้ว่าใครคือคนที่จะสั่งการ" เบลลาทริกซ์พูดอีกครั้ง
     
    "ประทานโทษ  ผมจำได้ว่าจอมมารให้ลูเซียสเป็นแม่ทัพ"
     
    เสียงขรึมๆ ไม่สมกับหน้าของเซเวอรัสดังขึ้น และทำให้เบลลาทริกซ์หันขวับด้วยความไม่พอใจ "ชั้นไม่ได้พูดกับแกแม้แต่น้อย ไอ้คนเลือดผสมโสมม"
     
    สเนปเพียงแต่ยิ้ม ทำให้ลูเซียสไม่สบายใจลึกๆ อีกฝ่ายชินกับการโดนดูถูกเหยียดหยามได้ยังไงกัน
     
    "นายควรรีบกลับฮอกวอร์ต ไม่งั้นภาคีนกฟีนิกซ์จะต้องสงสัยนายแน่" ลูเซียสพูดกับเซเวอรัสเมื่อทั้งสองออกมาข้างนอกด้วยกัน
     
    "ไม่ว่าชั้นจะทำยังไงก็ต้องโดนสงสัยอยู่ดี"
     
    "เซเวอรัส"
     
    "แม้แต่พวกผู้เสพความตายก็ไม่เคยไว้ใจชั้นเลย  แล้วจะให้ชั้นคาดหวังอะไร"
     
    ท้ายที่สุดก็มีเพียงลูเซียสที่ต้องมองเซเวอรัสจากไปเงียบ
     
    "ก็ชั้นไงที่ไว้ใจนาย"
     
    คำพูดของเค้ามีไว้พูดกับลมเท่านั้น
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    แพขนตาของลูเซียสเปิดออกอีกครั้งเพื่อเผชิญหน้ากับความจริง  เค้าถูกจับที่กองปริศนา และถูกส่งมาที่คุกอัซคาบัน  ใบหน้าของนาซิสซาและเดรโกที่มีแต่ความเจ็บปวด  และเซเวอรัสที่มาเยี่ยม... ท้ายที่สุดความรู้สึกผ่อนคลายสบายใจเหล่านั้นก็ถูกดูดกลืนไปจนหมด
     
    เมื่อกี้คือความฝันเหรอ? เค้าฝันถึงอดีตเหรอ?
     
    ความสุขในอดีตกำลังถูกดูดกลืนไปจนหมด เหลือแต่ความทุกข์กับความเศร้าเท่านั้น...
     
    เค้าฝันถึงอดีตซ้ำแล้วซ้ำเล่าแล้วถูกดูดกลืนความสุขไปจากอดีตเหล่านั้น พระเจ้า... ตอนนี้ลูเซียสร้องไห้ออกมาเมื่อคิดได้ว่า สิ่งที่เค้าทำได้เพื่อให้ลืมความขมขื่นในคุกก็คือการคิดถึงอดีตเท่านั้นเอง... ตอนนี้เค้าไม่แน่ใจเรื่องเวลาอีกแล้ว นับตั้งแต่ฝันเกี่ยวกับความตายของโลกิ มาจนถึงวันที่ได้พูดว่า "ก็ชั้นไงที่ไว้ใจนาย" กับเซเวอรัส มันนานมากขนาดไหนนับจากวันที่ถูกจับมาขัง
     
    อาจจะเป็นแรมเดือน หรืออาจจผ่านไปหลายปีแล้ว
     
    ผู้คุมวิญญาณยังพยายามที่ดูดกลืนแสงสว่างอันเหลือน้อยจากเค้า แต่อยู่ๆมันก็กระจายหายไป 
     
    "อยู่ในความมืดนานเกินไปแล้ว ลูเซียส ชื่อของนายแปลว่าแสงสว่างไม่ใช่เหรอ?"
     
    อีกครั้งที่เซเวอรัสมาอยู่ต่อหน้าเค้า นี่เค้ายังทำได้แค่ฝันอยู่สินะ
     
    "นายไม่ได้ฝัน ไอ้เพื่อนยาก" เซเวอรัสดึงมือของเค้าไปแต่แก้มของตัวเอง "ชั้นอยู่นี่"
     
    คราวนี้เค้าร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ไม่ใช่น้ำตาแห่งความหวาดกลัวและความเศร้า
     
    "ลูเครเซียฝากชั้นมาดูแลนาย และจอมมารตัดสินใจจะพาพวกนายออกไปจากที่นี่"
     
    "เพราะนายขอร้องเหรอ"
     
    "รางวัลสำหรับการกำจัดศัตรูของเค้า"
     
    ลูเซียสแทบไม่ถาม เค้าลุกขึ้นแล้วเดินตามเซเวอรัสออกไป  ต้องการเวลาพอสมควรสำหรับการเยียวยาจิตใจ
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    เซเวอรัสไม่ได้พาเค้ากลับไปรวมกลุ่มกับพวกผู้เสพความตายทันที แต่พาเค้าไปอาบน้ำก่อน และเมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมา สิ่งแรกที่พบก็คือนาซิสซาที่โผลเข้ากอดและเดรโก มันยากมากที่จะบอกว่ารู้สึกยังไง และเซเวอรัส  ภาพที่ทำให้เดรโกตกใจ แต่นาซิสซาน้ำตาไหลด้วยความรู้สึกขอบคุณ  เซเวอรัสส่งกระป๋องน้ำอัดลมเย็นเฉียบให้กับทุกคน โคล่าสำหรับลูเซียสและนาซิสซา เซเว่นอัฟสำหรับเดรโกและตัวเค้าเอง
     
    "ขอบใจมากนะเซเวอรัส..." ลูเซียสพูดทั้งน้ำตา
     
    "ขอบคุณหลวงแม่ลูเครเซียเถอะ"
     
    "ทั้งคู่นั่นแหละ" นาซิสซาเช็ดน้ำตาที่ไหลพราก  "ชอบทำไม่ชอบพูด... ใจคอจะไม่ให้คนอื่นเค้าตอบแทนบุญคุณบ้างรึไง"
     
    เดรโกไม่เข้าใจว่าใครคือหลวงแม่  และน้ำกระป๋องมักเกิ้ลมีความหมายอะไรซ่อนอยู่ แต่เมื่อเค้าพยายามแกะ นาซิสซาก็ช่วยเปิดให้เค้าด้วยท่าทีคุ้นมือซะเต็มประดา "แม่?"
     
    "แม่กับพ่อมักได้กินมันบ่อยๆ เวลาไปเยี่ยมศาสตราจารย์สเนปที่โลกมักเกิ้ลน่ะ"
     
    เดรโกดื่มมัน  มันมีแก๊ซมากกว่าบัตเตอร์เบียร์อย่างเห็นได้ชัด และเพราะอะไรบางอย่าง เค้ารู้สึกว่ามันมีอะไรที่น่าสนใจกว่าบัตเตอร์เบียร์ มันไม่ได้ให้ความรู้สึกร้อนผ่าวและอบอุ่น หากแต่ให้ความรู้สึกที่สดชื่นและผ่อนคลาย และเค้ารู้สึกประหลาดใจที่เห็นเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์กับเจ้าพอตเตอร์นั่้นชอบบัตเตอร์เบียร์เอาซะเหลือเกิน เพราะแม้จะเป็นพ่อมดเลือดบริสุทธิ์ที่มีความภาคภูมิใจในสายเลือดสูง แต่เค้าไม่ลังเลที่จะเลือกน้ำโซดาหวานๆ ในกระป๋องสีเขียวจัดจ้านนี่แทนเบียร์เนย
     
    "จะว่าไป ถ้าไม่ใช่เพราะฮอกวอร์ตมีผลผลิตจากฟักทองมากเกินเหตุ บัตเตอร์เบียร์คงขายไม่ออกหรอก" เซเวอรัสพูดเหมือนจะรู้ใจเดรโก "เค้าว่ากันว่าฟักทองช่วยบำรุงสายตา ข้อนี้เห็นทีจะไม่จริง เพราะถ้าจริงพอตเตอร์คงถอดแว่นออกนานแล้ว" คำพูดของเซเวอรัส สเนปทำให้เดรโกหัวเราะพรวดออกมา เพราะจริงอย่างที่ว่า มีฟักทองมากมายที่สวนของฮอกวอร์ต แต่ละลูกใหญ่พอๆ กับกระท่อมของแฮกริด ขนาดเอาไปขายข้างนอกแล้วก็ยังเหลือบานเบอะ จนต้องมีเมนีฟักทองออกมาไม่หยุดไม่หย่อนทั้งพายฟักทอง เค้กฟักทอง ไอตีมฟักทอง น้ำฟักทอง ฯลฯ ขนาดเค้ายังเบื่อ ต้องเขียนจดหมายไปขอขนมจากที่บ้านมากิน ถ้าใครไม่รู้เห็นเด็กสั่งพายฟักทองมากินทุกโต๊ะก็คงหลงผิดว่าเป็นอาหารยอดฮิตหรืออาหารโปรดของใครหลายคน หารู้ไม่ มันมีแต่ฟักทองให้กินอยู่แล้ว
     
    วูบหนึ่งเค้าแน่ใจเมื่อมองดูท่าทางของพ่อกับแม่เมื่อน้ำสีดำไหลลงคอ พวกท่านไม่ได้เกลียดมักเกิ้ล แค่ทำท่าทางแบบนั้นเพื่อความอยู่รอดในสังคมชั้นสูงเท่านั้น แม่ท่านจะบอกชัดเจนว่าท่าไม่โอเคกับการที่เค้าจะแต่งงานกับพวกมักเกิ้ล แต่ว่า พวกท่านได้จัดการหุบปากเค้าอย่างง่ายดายเสมอไม่ให้ตำหนิพวกมักเกิ้ลและเลือดสีโคลนโดยการตั้งกฏง่ายๆ ว่าอย่าเอาเรื่องพวกนั้นมาพูดในบ้าน
     
    น่าแปลก... เค้าสามารถยอมรับมันได้เร็วกว่าที่คิด
     
    คงเพราะ... ศาสตราจารย์สเนป...?
     
    "นายฆ่าดัมเบิ้ลดอร์เหรอ?"
     
    นั่นคือคำถามที่ออกมาจากปากลูเซียสหลังจากตั้งหลักได้
     
    "ใช่"
     
    "แต่นายไม่จำเป็นต้องทำ" เค้าหันไปหานาซิสซา "เธอบังคับเค้า"
     
    "ชั้นเต็มใจ"
     
    อีกครั้งที่นาซิสซาร้องไห้... เซเวอรัสช่วยเธอไม่หยุดไม่หย่อน
     
    "พอแล้ว  เซเวอรัส" เธอพูดออกมาในที่สุด "ขอบคุณมาก"
     
    "ชั้นสิต้องขอบคุณ"
     
    "สำหรับอะไร"
     
    "ที่ทำดีกับพ่อมักเกิ้ลของชั้นมาตลอดทั้งที่ไม่จำเป็น"
     
    เดรโกเข้าใจในที่สุด  เค้าเสียใจที่ทำไม่ดีกับอาจารย์ไว้มาก ตอนนี้เค้ายินดีที่จะบอกว่าเค้ารักอาจารย์มากกว่าเดิม
     
    และเซเวอรัสเหมือนจะรู้ เค้ากอดเดรโกไว้แนบอก
    --------------------
     
    ลูเครเซียนั่นนิ่งราวกับถูกสาปเมื่อได้ยินคำขอร้องจากพ่อ การแปรธาตุมนุษย์ หรือการชุบร่างใหม่ หรือการแยกวิญญาณออกจากร่าง หรือจะอะไรก็ช่าง แต่ว่า จะให้ทำเรื่องแบบนั้นกับเซเวอรัสเนี่ยนะ
     
    "เข้าใจมั้ย ลูเครเซีย เซเวอรัสไม่ใช่แกะบริสุทธิ์อีกแล้ว แต่กลายเป็นแพะที่ต้องถูกสังเวยเพื่อให้ลูกแกะของพระเจ้าเกิดมาได้"
     
    "หมายความว่าพ่อจะปล่อยให้เซเวอรัสถูกฆ่าตายเหรอคะ"
     
    "ยังไม่มีอะไรชัดเจนว่าเซเวอรัสจะถูกฆ่าตาย เพียงแต่ ไฟชีวิตของเซเวอรัสกำลังมอดลงทุกขณะ"
     
    "หนูไม่เข้าใจ ทำไมเราไม่ช่วยเค้า ทำไมเราต้องปล่อยให้เค้าตาย"
     
    "แล้วลูกจะทำยังไง  เข้าไปช่วยเซเวอรัสแล้วถูกศัตรูที่เราไม่รู้จักพบตัวเหรอ  ลูกต้องการให้ตัวเองและพี่ชายของลูกอยู่ในอันตรายเหรอ"
     
    "แล้วเซเวอรัส.."
     
    "เราทำได้แค่ช่วยวิญญาณเค้า"
     
    "แค่พวกผู้เสพความตายนั่น ไม่น่ากลัวซักคนเดียว"
     
    "ลูกก็รู้ว่าคนที่รอเราอยู่ไม่ใช่ผู้เสพความตาย"
     
    "พ่อคะ?"
     
    "ตรวจสอบพิธีกรรมเถอะ เรามีเวลาไม่มาก"
     
    "พ่อจะไปไหน?"
     
    เอรีสไม่บอก เค้าเดินออกไปจากโบสถ์โดยไม่พูดอะไร  บ่อยครั้ง ลูเครเซียจะสงสัยเสมอว่า อาเทน่าตายจริงหรือไม่  เพราะความจริงแล้ว อาเทน่ากับเอรีสก็มีความสัมพันธ์กันเช่นเธอกับลูเซียส เผลอๆ ความสัมพันธ์ของทั้งสองจะเหนียวแน่นกว่าเธอกับพี่ชายด้วยซ้ำ เพราะทั้งสองมีความทรงจำร่วมกันในฐานะก๊อดริก กริฟฟินดอร์ด้วย ในขณะที่เธอกับพี่ชายฝาแฝดมีแค่ความผูกพันธ์กันในทางวิญญาณ
     
    แต่ เธอก็ได้แต่สงสัยเท่านั้น...
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    TBC.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×