ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Harry Potter fanfic:- พลิกตำนานปราสาทกาลเวลา

    ลำดับตอนที่ #30 : ใกล้พบพาน1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 235
      5
      11 เม.ย. 56

    สองพี่น้องกำลังยืนเคียงข้างกันและกันในที่แห่งหนึ่ง...

    เด็กคนหนึ่งที่หน้าเหมือนเซเวอรัสเปี๊ยบ เหมือนเซเวอรัสตอนเด็กๆ ราวกับออกจากแม่พิมพ์เดียวกันแต่จมูกเล็กกว่า กำลังเตะฟุตบอลกับกลุ่มเด็กผู้ชายโดยมีเด็กหญิงใส่แว่นอีกคนที่หน้าตาเหมือนแฮร์รี่ พอตเตอร์(แต่หวานกว่า) ไว้ผมเปียยาวเลยเอว(แต่มองด้านหน้าจะไม่เห็น เลยออกทอมๆ ยังไงพิกล)วิ่งตามไปเหมือนเป็นคู่หู  ลูเซียส  มัลฟอย มองอย่างไตร่ตรอง ก่อนจะอ้าปากค้างเมื่อนึกได้ว่าทั้งสองคนนั้นเป็นใคร  มันคือไอลีน พริ้นซ์ และ เฟรยา เมอร์กัน แม่เซเวอรัส และแม่เจมส์  เฟรยาเหมือนแฮร์รี่กว่าที่เจมส์เหมือนทั้งที่เป็นเด็กหญิงและหน้าหวานกว่า ซึ่งอาจจะเป็นเพราะเธอไม่ได้มีท่าทางอวดดีเหมือนเจมส์  อีกทั้งแผลเป็นหน้ากลัวที่ขมับซ้ายก็ทำให้นึกถึงแผลเป็นรูปสายฟ้าที่กลางหน้าผากของแฮร์รี่

    แต่ที่ทำให้ลูเซียสพิศวรไม่ได้เป็นเพราะได้เห็นทั้งสองในวัยเด็ก แต่เป็นเพราะนึกได้ว่าเธอทั้งสองนั้นเป็นเด็กหญิงที่ทะโมนมากเพียงไร และยิ่งงงมากกว่าเดิมเมื่อเห็นกับตาว่าเด็กหญิงที่ทอมบอยมากๆ แบบนี้กลายเป็นแม่คนในอนาคตได้

    เหมือนจะเคยได้ยินพวกผู้เสพความตายพูดเหมือนกันว่า ไอลีน พรินซ์และเฟรยา เมอร์กันนั้นมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาซะด้วย ทั้งสองคนนั้นเป็นทั้งเพื่อนสนิทและ...

    เป็นคนรักกัน!?!?

    ฟุตบอลจบลงด้วยชัยชนะของแม่มดเหนือเด็กหนุ่มมักเกิ้ลหกคนที่แม้ตอนนี้ก็ยังไม่คิดว่าตัวเองจะแพ้เด็กผู้หญิงจริงๆ ซึ่งไม่น่าแปลกเพราะลูเซียสได้เคยโลกิและโอดินเล่าให้ฟังมานานแล้วว่าทั้งสองเก่งกีฬามากและเป็นนักกีฬาตัวแทนโรงเรียนด้วย ซึ่งความเก่งของทั้งสองถึงขั้นที่ว่า "ไม่ว่าจะแข่งอะไรก็ตาม ขอเพียงเป็นกีฬากลางแจ้ง  พวกเธอเล่นได้หมด" ซึ่งเกมส์ฟุตบอลเมื่อกี้ก็ดูจะเป็นข้อพิสูจน์ที่ยอดเยี่ยมมาก

    "ไม่น่าเชื่อเนอะว่าเซเวอรัสจะเล่นกีฬาไม่ค่อยได้เรื่อง" ลูเครเซียอดไม่ได้

    "เซเวอรัสเหมือนคุณยาย(มานาเกีย)น่ะ" ลูเซียสตอบ "พ่อบอกพี่แบบนี้"

    "พ่อก็บอกชั้นเหมือนกัน ถ้าจำไม่ผิดยายเซเวอรัสเป็นคนสวยมากเลยนะ ว่าแต่... ตานั่นมีอะไรที่เหมือนพ่อบ้างเนี่ย" ใบหน้าที่เหมือนพี่เปี๊ยบแต่หวานกว่าเริ่มไตร่ตรอง "จริงสิ เวลาอยู่ที่ฮอกวอร์ตเซเวอรัสมีท่าทางที่เหมือนพ่อสมัยที่ยังไม่เป็นบ้าเหมือนตอนนี้"

    คำว่า --เป็นบ้าเหมือนตอนนี้-- ทำให้ลูเซียสเหนื่อยใจ "นี่แสดงว่าคนทั้งซอยคงเห็นพ้องกันแล้ว โทไบอัส สเนปมันบ้าไปแล้ว เพราะมีแต่ปีศาจที่ทำร้ายลูกแบบนั้น ปัญหาคือ หากคิดว่าโทไบอัสมันบ้าไปแล้ว แล้วทำไมยังปล่อยให้เซเวอรัสใช้ชีวิตในบ้านหลังนั้น รึจะรอให้เซเวอรัสตายก่อนค่อยนึกได้ว่าไม่น่าปล่อยให้อยู่กับพ่อเลย"

    "พี่ก็รู้ว่าเซเวอรัสน่ะมาโซ เค้าไม่ออกจากบ้านหรอก" ลูเครเซียงึมงำ

    "แน่นอนว่าซาดิสต์กับมาโซมันเป็นอะไรที่เหมาะสมกันเหมือนผีเน่ากับโลงผุ แต่ได้โปรดเหอะ คิดถึงความจริงบ้าง พวกซาดิสต์เป็นพวกที่ชอบแสดงความรักด้วยการทำร้ายคนที่ตัวเองรัก และหากวันหนึ่งมันแรงถึงตายล่ะ!?"

    ทว่า น้องสาวไม่ได้ฟังเลย ตาสีเงินเจ้าหล่อนเบิกกว้างก่อนจะจับพี่หันไปมองแล้วทันทีที่ลูเซียสเห็นเค้าก็อ้าปากค้างเหมือนกัน

    ตรงหน้าคือโทไบอัส สเนป--วัยไม่เกินสิบเก้า--ท่าทางเหมือนลูกชายในวัยเด็กไม่มีผิด แต่ใบหน้ากับผมและดวงตานั่นเหมือนลิลี่มาก ลูเซียสและลูเครเซียมองสิ่งที่เห็นอย่างตะลึงพรึงเพริด ราวกับได้เห็นวีดีโอเรื่องเซเวอรัสและลิลี่ก็ไม่ปานแต่เป็นการฉายหนังแบบกลับตาลปัด เมื่อเซเวอรัสกลายเป็นเด็กสาวที่สดใสมีชีวิตชีวา ส่วนลิลี่กลายเป็นชายหนุ่มเซื่องซึม และเหมือนจะตระหนักได้ว่าเซเวอรัสหลงใหลลิลี่ได้ยังไง  ลิลี่รวมเอาความสดใสที่มีในไอลีนและรูปโฉมอันน่าประทับใจของโทไบอัสไว้ในตัวเธอ ในขณะที่เซเวอรัสรวมเอาความจืดของพ่อและแม่ไว้ในตัว พวกเค้าถูกดึงเข้าหากันราวกับอีกฝ่ายเป็นครึ่งหนึ่งที่หายไปของตน

    นี่คือเรื่องตลกอันโหดร้ายที่ไม่น่าเป็นได้กระนั้นหรือ?

    และเรื่องที่ประหลาดมากกว่านั้นก็คือ ไอ้ผู้ชายแบบนี้ได้แต่งงานกับผู้หญิงอย่างไอลีนเนี่ยนะ!? ลูเซียสไม่สามารถจินตนาการตามได้เลยว่าสองคนนั่นแต่งงานกันได้ยังไง ยิ่งเห็นท่าทางไอลีนและเฟรยาที่มีต่อกันมันยิ่งตอกย้ำความจริงที่ว่าพวกเธอวายกันมาก่อนที่ไอลีนจะได้แต่งงานด้วยซ้ำ

    "ศาสตราจารย์สลักซ์ฮอนบอกว่าจะให้เธอไปเป็นตัวแทนโรงเรียน เพราะมีแต่เธอที่หวังพึ่งเรื่องก๊อบสโตนได้" เฟรยาแจ่มใสเป็นพิเศษ "คิดว่าไงล่ะ"

    "อันที่จริงชั้นไม่เคยรักก๊อบสโตนเลยนะ" ไอลีนบอก "เพียงแต่มันเป็นกีฬาที่น่าเบื่อน้อยกว่าควิชดิช"

    ลูเซียสอึ้งรับประทาน ในโลกนี้ยังมีคนที่มองว่าควิชดิชน่าเบื่อด้วยเหรอ

    "น่าเบื่อเหรอ? ทั้งๆ ที่เธอและพ่อเป็นเซนเซอร์ที่เก่งปานนั้น แล้วยังเปลี่ยนมาเล่นเป็นซีกเกอร์ได้อย่างยอดเยี่ยมด้วย กระทั่งว่าเอาไม้กวาดระดับห่วยมาควบก็ยังจับเจ้าจิ๋วได้ก่อนซีกเกอร์ที่ควบไม้กวาดระดับโลกได้เนี่ยนะ" เฟรยาเลิกคิ้ว "ถามจริง"

    "เกมส์จบลงเมื่อจับสนิชได้ สมมตินะ หลังที่เป่านกหวีดเริ่มเกมส์ได้ไปสามนาที แล้วก็มีประกาศว่า กริฟฟินดอร์จับสนิชได้ ได้แต้มเป็นร้อย เกมส์จบลงแล้ว หลังจากที่พึ่งเริ่มไปได้สามนาทีเนี่ยนะ เป็นชั้นนั่งที่นั่นคงโมโหแย่ อย่าว่าแต่ลงไปเล่นเองเลย แล้วหากเล่นไปแล้วสามวันยังจับไม่ได้ล่ะ ชั้นก็คงไม่อยากสนใจแล้วว่าไอ้ใครหน้าไหนมันจะชนะเกมส์นี้ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นน่าจะดีกว่า  แบบนี้แล้วเกมส์มักเกิ้ลเมื่อกี้มันส์กว่าเยอะเลย" ไอลีนตอบ

    "...นั่นสินะ"เฟรยาอดไม่ได้หลังจากไตร่ตรองมาพอควร "ยังไม่นับกรณีที่เซนเซอร์อีกทีมทำแต้มเกือบถึงร้อย แล้วก็ต้องกลายเป็นฝ่ายแพ้ทั้งๆ ที่ทีมที่แข่งกับเราทำแต้มไม่ได้เลย เพียงเพราะซีกเกอร์ทีมนั้นจับเจ้าจิ๋วได้นี่ มันไม่แฟร์สุดๆ เลยนะ"

    แต่แล้วเด็กสาวทั้งสองก็มองตรงไปที่โทไบอัส สเนป ที่ยังมองตรงมาที่ไอลีนและเฟรยา ไอลีนกระโดดโหนตัวไปหาแบบที่เซเวอรัสไม่มีทางทำได้ แล้วจ้องคนตรงหน้า

    "นาย... มาที่นี่ตลอดนี่นะ"

    "...อืม"

    "ชอบบอลมากเหรอ"

    "...อืม"

    "แล้วทำไมไม่ลงไปเล่นล่ะ"

    "เล่นไม่เป็นน่ะ"

    "ไม่เป็นแล้วทำไมดูรู้เรื่องล่ะ อย่าบอกเลยว่าเล่นไม่เป็น เล่นไม่เก่งก็บอกเหอะ"

    แล้วลูเซียสก็ได้ติดตามสองสาวไปบ้านโทไบอัส โฮ่ เป็นคนมีฐานะนี่นา แล้วไหงสมบัติไม่ตกมาหาเซเวอรัสบ้างเลยล่ะ แต่จะว่าไป ไอลีนก็เหมือนกันนั่นแหละ  แล้วจากนั้นเค้าก็ขอไอลีนสำหรับการที่เธอจะเป็นนางแบบให้เค้า และลูเซียสก็ได้เห็นกับตาว่ายามโทไบอัสมองไอลีน มันเต็มไปด้วยความหลงไหลเพียงใด

    "เซเวอรัส... นายยอมมาตลอดเพราะสิ่งรึเปล่านะ"

    ลูเครเซียตบไหล่พี่ "--เราไม่มีวันเข้าใจหรอก"

    ลูเซียสมองความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองสลับกับเรื่องในโรงเรียนฮอกวอร์ต ก่อนจะสะกิดอะไรบางอย่าง ความทรงจำของปราสาทกาลเวลาเหมือนจะย้ายจากเรื่องของพวกโลกิมาเป็นไอลีน ทำไมกัน แต่เรื่องที่น่าประหลาดใจกว่านั้น เค้างงว่าไอลีนเริ่มมาที่โลกมักเกิ้ลตั้งแต่เมื่อไหร่และทำไม  เพราะอายุเธอตอนพบกับโทไอัสครั้งแรกเหมือนจะราวๆ สิบสามสิบสี่  พอๆ กับเดรโกตอนนี้ และจากการที่เธอเล่นบอลนั่น เห็นได้ชัดว่าเธอคุ้นชินกับมันพอควร เธอควรจะได้รู้จักมันและฝึกเล่นอย่างน้อยซักสองปีสิ จึงจะเก่งได้ปานนั้น เพราะเธอกับเฟรยาเพียงสองคนก็แทคทีมชนะเด็กผู้ชายมักเกิ้ลสิบเอ็ดคนได้ทั้งๆ ที่ไม่ใช้เวทมนตร์ซักแอะ

    แต่แล้วเค้าถูกรบกวนด้วยภาพบุรุษรูปงาม-ท่าทางสุภาพซึ่งเค้าจำได้ว่านั่นคือทอม ริดเดิ้ล เค้าไปหาเธอกับครอบครัวที่บ้าน นั่งทานอาหารด้วยกัน และโลกิ--ปฏิบัตต่อริดเดิ้ลราวกับครอบครัว  แต่เพราะอะไรบางอย่าง  ลูเซียสไม่ค่อยสบายใจเกี่ยวกับสิ่งที่เห็น  และคำตอบก็มา.. คำตอบที่ทำให้อดสะท้านไม่ได้

    "สมาคมที่เธอก่อตั้งนี้สนใจเรื่องศาสตร์มืดเหรอ?" โลกิเลิกคิ้วเมื่อริดเดิ้ลยืมหนังสือประจำตระกูล "มิน่าถึงได้ตั้งชื่อสมาชิกในสมาคมซะน่ากลัวเชียว.. อะไรนะ ผู้เสพความตายเหรอ"

    "โลกิรู้เรื่องด้วยเหรอฮะ" ทอมเหมือนจะสะอึกนิดหนึ่ง ราวกับว่าหากจะมีใครซักคนที่เค้าไม่อยากให้รู้เรื่องนี้ คนนั้นก็คือโลกิ

    "ตระกูลของเราก็เป็นพ่อมดศาสตร์มืด การจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับศาสตร์มืดเป็นเรื่องธรรมดา ไม่เอาน่า เด็กน้อย" โลกิตบบ่าอย่างรักไคร่ "การเป็นพ่อมดศาสตร์มืดไม่ได้แปลว่าเธอจะเป็นคนเลว  จำไว้.. ไม่ว่าคนอื่นจะเรียกเธอว่า ลอร์ดโวลเดอร์มอร์หรืออะไรก็ชั่ง  สำหรับชั้น เธอยังเป็นเจ้าแมวน้อยทอมคนเดิม"

    ลูเซียสแทบจะทนฟังต่อไม่ได้ เค้าถอยหลังไปหลายก้าวแล้วทรุดลงพลางหายใจหอบจนลูเครเซียต้องเข้ามาประคอง สองพี่น้องมองทอม ริดเดิ้ลอย่างขยะแขยง เมื่อรู้ว่าคนๆ นี้คือเจ้าแห่งศาสตร์มืด และคืนอันน่าเจ็บปวดนั่นเค้าได้ฆ่าโลกิและมานาเกีย-- ครอบครัวที่น่ารักที่สุดครอบครัวหนึ่ง ซึ่งไว้ใจเค้าโดยไม่เคยระแวงสงสัยเลย  ลูเซียสแทบจะทนมองไม่ได้เมื่อพบว่าโลกิพลาดอย่างร้ายกาจที่ไว้ใจเค้า ไม่แม้แต่จะพินาจใจเค้าซักครั้งทั้งๆ ที่ทำได้  วินาทีที่คลื่นความอึดอัดประดังเค้ามา  ลูเซียสวิ่งออกไปจากบ้านหลังนั้นโดยไม่อาจทนรับฟังอะไรได้อีก

    "พี่!!" ลูเครเซียวิ่งตามพี่ของเธอออกมา ขณะที่ทุกสิ่งกำลังดำเนินไปโดยไม่มีท่าทีจะหยุดพวกเค้ากลับเบือนหน้าออกจากมันและปลอบโยนกันและกัน

    น้องสาวฝาแฝดกำลังโอบกอดเค้า แต่เค้าอึดอัดและอาเจียรออกมา เธอลูบหลังเค้าจนกระทั่งความอัดอั้นทรมาณจางลง และภาพที่ฉายเบื้องหลังก็ดับไป นำทั้งสองกลับมาสู่โลกแห่งความจริงอีกครั้ง

    "ดูเหมือนมันจะแสดงให้เราดูก็ต่อเมื่อเราพร้อมเท่านั้นน่ะ" ลูเครเซียรำพึง "พี่โอเคมั้ย"

    "...เธอเห็นเหมือนที่ชั้นเห็นมั้ย" ลูเซียสถามน้องสาว

    "อะไร" ลูเครเซียตอบกลับราวกับจะไม่อยากให้เฉลย

    "แววตาของจอมมารที่มองครอบครัวพริ้นซ์น่ะ มันเหมือนกับเค้าเริ่มจะรักครอบครัวนั้น"

    "...พ่อบอกเหมือนกันว่า หากวันนั้นจอมมารไม่ฆ่าโลกิ  เค้าจะไม่มีวันเป็นลอร์ดมืดที่โลกเวทมนตร์รู้จักได้ เพราะหากปล่อยไว้ จอมมารจะรักโลกิ" ลูเครเซียบอกเบาๆ ลูเซียสหันขวับ "ไม่ได้ตั้งใจวายหรอกนะ แต่ชั้นคิดว่าหากไม่ติดว่าความรักไม่ใช่แค่ความรู้สึกผูกพันธ์  ชั้นกล้าบอกได้เลยล่ะว่า โวลเดอร์มอร์น่ะรักโลกิแล้ว เหมือนที่เค้ารักฮอกวอร์ตนั่นแหละ แต่ว่าโลกเลือกที่จะไม่ร่วมกับเค้า เพราะหากโลกิยอมเป็นผู้เสพความตาย เค้ายอมมั่นใจได้ว่าโลกิจะไม่มีวันไปจากเค้า และเค้าก็จะไม่กลัวที่จะรัก... แต่ว่า"

    หากเรียกความรู้สึกผูกพันธ์กับใครหรืออะไรซักอย่างว่าเป็นความรัก จอมมารก็ได้รักโลกิแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย...

    รัก หัวใจที่แสนบริสุทธิ์นั่น... หัวใจที่แม้แต่คนที่เกลียดศาสตร์มืดอย่างดัมเบิลดอร์ยังอดรักไม่ได้...

    แต่แล้วน้ำตาใสๆ กลับไหลลงมาอีก ลูเซียสนึกถึงวันที่พบกับไอรีน พริ้นซ์ครั้งแรกได้ แล้วจากนั้นเธอก็ตาย เธอตายเพราะจอมมาร..?  นี่คือสิ่งที่จอมมารตอบแทนคนที่เค้ารักงั้นเหรอ?  จอมมารยอมบอกความลับของตัวเองกับโลกิเพียงเพื่อจะใช้มันทำร้ายโลกิและครอบครัวงั้นเหรอ ลูเซียสยกมือขึ้นปิดหน้าเมื่อภาพการตายของโลกิและมานาเกียไหลประดังเข้ามาเป็นชุดๆ

    "มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง" ชายผมสีเงินร่ำไห้ "โลกิเป็นคนดีเกินไป เค้าไม่ควรได้รับสิ่งนี้จากจอมมาร เค้าไม่ควรตายในสภาพน่าสยดสยองแบบนั้น  แล้วยังลูกสาวของเค้าที่ต้องตายเพราะจอมมารอีก แล้วก็เซเวอรัสที่ต้องเสียคนที่รักเพราะจอมมาร  ทำไมจอมมารตอบแทนความรักของโลกิกับครอบครัวแบบนี้ จอมมารทำแบบนี้ได้ยังไง โลกิควรได้รับอะไรก็ได้ที่มันไม่ใช้ความเจ็บปวดสิ!!!"

    "พี่ชาย..." น้องสาวฝาแฝดเอื้อนเอ่ยอย่างแผ่วเบา "ชั้นรู้ว่าพี่หนักแน่นพอ ทั้งหมดมันผ่านไปแล้ว ยืนขึ้นเถอะ เราต้องกลับกันแล้วเพราะพี่มีภรรยาที่น่ารักรออยู่ที่บ้าน  ยืนซะ..."

    "โลกิควรได้รับสิ่งดีๆ จากจอมมาร ไม่ใช่ความเจ็บปวด!!!" อีกครั้งที่ลูเซียสตะโกนก้อง แต่ไม่มีใครได้ยินนอกจากน้องสาว

    ในความมืดที่คืบคลานเค้าลูเครเซียก้มลงไปหาลูเซียสและกอดเค้าไว้แนบแน่น

     

     

     

     


    "เด็กแฝดนั่นใกล้จะเจอสิ่งที่เรารอแล้ว"

    เสียงของผู้ชายที่มีความแหลมสูงอย่างผิดปกติรายงานอย่างราบเรียบ  อาเทน่า แบล็กวางหนังสือนิตยสารลงแล้วยกถ้วยกาแฟขึ้นดื่ม โดยไม่มองชายที่ท่าทางและการแต่งกายเหมือนผู้หญิงซะจนน่ากระโดดถีบ

    "หมายความว่าลูเครเซียมาร่วมวงด้วยเหรอ"

    "ความจริงท่านก็รู้ดีนี่ว่า  ลำพังลูเซียสคนเดียวไม่อาจทำสำเร็จได้หรอก  ท่านคาดการแต่แรกแล้วว่าเธอต้องให้ความร่วมมือ" อีกเสียงที่ดังมาจากร่างคนผมสีน้ำตาล--หน้าตาสวยงามดูเป็นผู้หญิงแต่ท่าทางไม่เหมือนแบบนั้นเลย "กริฟฟินดอร์"

    "ที่พูดมามันก็จริง" อาเทน่าหัวเราะ "หนึ่งในพวกนายผ่านโลกมามากกว่า ทำไมจะอ่านไม่ออก  คิดๆ ไปก็น่าขำ เป็นมักเกิ้ลแต่กำเนิดแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับมีเวทมนตร์มากกว่าจอมเวทย์ส่วนใหญ่ซะอีก  จริงมั้ย  เฟรย์" พลางหันไปหาชายตาสีฟ้าที่ดูราวกับเป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์ในวัยผู้ใหญ่

    "นั่นสิ จะว่าไปไม่รู้ที่มาที่ไปของพลังเวทย์ของพวกนายเลย ตอนนี้ชั้นก็เป็นหนึ่งในจตุราชาแทนที่เซเวอรัส เรวิน ฮัฟเฟิลพัฟแล้ว  จะบอกได้รึยังว่าพวกนายมีพลังเวทย์ได้ยังไง" เฟรย์เลิกคิ้วบ้าง

    "ไลชาได้มันมาตอนที่บุตรของพระเจ้าได้แบกกางเขนผ่านเค้าไปและทรงสาปเค้าไว้ ส่วนชั้น อดีตเจ้าชายแห่งฮังการี่ที่ทำสัญญากับปีศาจ แล้วเราก็อยู่เป็นอมตะมาอย่างที่นายเห็นนี่แหละ"

    "หากจอมมารรู้ความลับนี่  เค้าคงสั่นเทาแน่ๆ" บุรุษที่ถูกบุตรแห่งพระเจ้าสาปเอ่ยเบา "เค้าอยากเป็นอมตะมาตลอด แต่ไม่เคยได้มัน  ส่วนชั้น ไม่เคยหวังแต่กลับต้องไร้วันแตกดับเพียงเพราะชายชาวยิวคนหนึ่งพูดว่า --เจ้าจะต้องอยู่ที่นี่จนกว่าเราจะกลับมา-- อนิจจา  หากจอมมารรู้ว่าความเป็นอมตะเป็นยังไง  เค้าจะไม่มีวันอยากได้มันอีก"

    อาเทน่าและเฟรย์มอง "ผู้เป็นอมตะโดยคำสาป" และไม่พูดอะไรออกมาอีก

     

     

     


    TBC.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×