ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Harry Potter fanfic:- พลิกตำนานปราสาทกาลเวลา

    ลำดับตอนที่ #29 : หาหนังสือให้ลูเครเซีย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 274
      6
      12 มี.ค. 56

    ขอโทษครับไม่ได้มาต่อซะนานเลย พอดีผมกำลังวิ่งวุ่นเรื่อง "คืนอัศจรรย์" น่ะครับ ศาสนจารย์เฮนรี่ มาดาว่า--ผู้มีของประทานฝ่ายวิญญานด้านการรักษาโรคจะมาที่อุบลฯ ในวันที่ 22-23-24 มีนาคมนี้ ที่สนามกีฬากลาง ม. อุบลราชธานีนี้เอง งานเริ่ม 18.00-22.000 น. ครับ มาแค่วันเดียวก็ได้ เอาเป็นว่าผมเชิญตรงนี้เลยแล้วกัน  ใครมาได้ก็มา มาไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ ว่าแล้วก็มาเข้าเรื่องวุ่นๆ ของนายลูเซียส  มัลฟอยกันต่อ ซึ่งนี่ก็เป็นปลายเรื่องแล้ว เพราะเรื่องซ้อนทับกับภาคสี่ในหนังสือแล้ว แสดงว่าเหลือเพียงสามภาคเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าจะเล่าในส่วนของลูเซียสกับครอบครัว และเรื่องจะจบลงหลังการตายของโวลเดอร์เมอร์ ส่วนจะยาวไปอีกกี่ตอนนั้นผมไม่อาจฟันธงได้ แต่คิดว่าจะจบไล่ๆ กับเรื่อง "เฮฮาประสาสามก๊ก" ซึ่งหมดจากสองเรื่องนี้แล้ว ผมจะเขียนบทความเกี่ยวกับการดูหนัง แล้วก็เรื่องเศร้าเรื่องหนึ่งซึ่งอาจจะไม่มีคนอ่านเลยก็ได้ แต่จะเขียนเพียงเพราะมันเป็นพลอตการ์ตูนที่จะใช้เสนอโรงพิมพ์(หรืออย่างแย่คือเป็นโดจิน)ในช่วงที่จะไปเรียนต่อต่างประเทศเท่านั้นครับ
    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     

    คืนนั้นที่สนามแข่งควิชดิชคัฟ ตรามารที่ปรากฏบนท้องฟ้าทำให้คนโจษจันไปทั่วทั้งโลกเวทมนตร์ ปัญหาคือว่า ใครเป็นคนเสกตรามาร  มีแต่พวกเราเท่านั้นที่ทำได้

    ลูเซียสเอามือจับหน้าผากอย่างอ่อนเพลีย คำว่าพวกเราหมายความว่าอะไร เค้าก็ออกจะ...

    "ลูเซียส!!!" เสียงกรี๊ดจากนาซิสซาทำให้เค้าผวา ดวงตาสีเงินหันมาประจัญหน้ากับดวงสีฟ้าเหมือนอะควัวมารีนที่เงียบสงบไร้คลื่นลมในเบ้าตาภรรยา(อันที่จริงมันมีคลื่นลมแทบจะเรียกว่าเป็นเฮอริเคนด้วยซ้ำแล้วแกจะเรียกว่าไร้คลื่นลมได้ไงกันฟะ) นาซิสซาร้องเป็นบ้าเป็นบอ "ลูเซียส!!! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!!! แฮร์รี่ พอตเตอร์กลายเป็นตัวแทนการประลองเวทย์ไตรภาคีแล้ว!!"

    ลูเซียสอ้าปากค้าง ก่อนจะส่ายหน้า "นั่นมันเป็นไปไม่ได้"

    แน่นอน มันจะเป็นไปได้ไงที่หลานชายเค้าจะกลายเป็นตัวแทนฮอกวอร์ตได้(แน่นอนว่าหลานชาย เพราะหมอนั่นเกิดจากเจมส์ซึ่งเป็นน้องชายในทางวิญญานเค้าแท้ๆ

    "ไม่ต้องมาบอกว่าเป็นไปไม่ได้!" นาซิสซาแวดออกมา "อ่านหนังสือพิมพ์ก่อนแล้วค่อยตัดสินย่ะ!"

    ลูเซียสดึงหนังสือพิมพ์มาอ่าน ก่อนจะเปิดไปเปิดมาอย่างตื่นเต้น "ไม่ๆๆๆ นี่มันเป็นไปไม่ได้" ปฏิเสธไปก็เท่านั้นแหละ เพราะภาพไอ้เด็กเวรนั่นโชว์หลาบนหน้าหนังสือพิมพ์ "อะไรเนี่ย เด็กบ้านี่กลายเป็นตัวแทนได้ยังไงกัน เค้าห้ามเด็กที่ต่ำกว่าสิบเจ็ดปีลงสมัครนี่นา"

    คนบอกเค้าไม่ได้เป็นคนอื่นคนไกล  ศาสตราจารย์เซเวอรัส สเนป--หัวหน้าบ้านสลิธีรีนนั่นเอง...

    "เธอจะไปหาเซเวอรัสเหรอ" นาซิสซาเดาออก

    แน่ล่ะ นาซิสซาไม่ต้องพ่นอะไรออกมาอีกเมื่อเห็นสามีวิ่งวนไปวนมาในบ้าน(บ้ารึเปล่า) ก่อนจะชะงักเหมือนโดนคาถา "นะจังงัง" ซึ่งเป็นคาถาสะกดนิ่งของพวกจอมเวทย์ญี่ปุ่นใช้กัน จากนั้นลูเซียสแล่นออกไปจากบ้านโดยที่นาซิสซามองตามอย่างเซ็ง เธอเกาหัวก่อนจะ

    "แน่ใจนะว่าไม่อยากได้ไม้กายสิทธิ์" เธอหยิบไม้กายสิทธิที่เค้าลืมไว้ขึ้นมามองอย่างงง "ไปซะแล้ว เซเวอรัส ชั้นฝากสามีด้วยนะ"

     

     

     

    เซเวอรัสมองเพื่อนที่มาพบในสภาพมอมแมม ก่อนจะทักอย่างสนิทสนมตามแบบฉบับของเค้า "ว่าไง ลูเซียส นายดูเหมือนหมาข้างถนนเลยว่ะ"

    "นั่นปากเหรอ"

    "นี่แหละปากล่ะ"

    "ไม่น่าถามมันเลย" คนผมสีเงินได้แต่ทอดถอนใจ

    "ลมอะไรพัดนายมานี่ล่ะ"

    "หลาน..." ลูเซียส มัลฟอยเริ่มต้นและเซเวอรัส สเนปก็ไม่ต้องเสียเวลาคิดนาน

    "นี่นายยังไม่เลิกนับญาติกับพวกพอตเตอร์อีกเหรอ นายคงไม่ได้ลืมหรอกนะว่าไม่มีใครคิดว่าพวกพอตเตอร์เป็นญาติของนายเลยแม้แต่คนเดียว"

    "ไม่ต้องทำมาเป็นสอนหรอก ศาสตราจารย์แร็บบิท สเนป"

    ตาสีดำที่มักว่างเปล่าเสมอตวัดมองทันควัน แต่ลูเซียสกล้าพอที่จะพนันด้วยว่า มันเกือบๆ จะ "ซ่อน" รอยยิ้มนิดหน่อย... ไม่มีใครเรียกเค้าแบบนี้มานานแล้ว

    ...ชั้นคงคิดถึงเธอน่าดูเลย ศาสตราจารย์แร็บบิท สเนป... เสียงใสๆ จากสาวนางหนึ่งดังก้องในความทรงจำ สาวนางหนึ่งที่ไม่ได้อยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว

    ดวงตาสีดำแจ่มใสเพียงครู่เดียวมันก็แทนที่ด้วยความเจ็บปวดเหลือคนานับอีกครั้ง ก่อนจะหายไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    "มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับพอตเตอร์ล่ะ"

    "ทำไมเด็กแค่สิบสี่ได้เป็นตัวแทนฮอกวอร์ตได้"

    "วางแผนมาดี ทำตัวเองให้ได้ไง"

    --โกหก--

    ลูเซียสพิจารณาตามสภาพความเป็นจริง  เซเวอรัสกำลังมองมาทางเค้าด้วยใบหน้าเย็นนิ่งเหมือนเดิม แต่ลูเซียสจับได้ว่ามีอะไรซ่อนไว้ในใจแน่ๆ เพราะเซเวอรัสไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสะกัดใจเมื่อต้องพบกับเค้า

    "นายโกหก  เซเวอรัส  พอตเตอร์ไม่ได้ทำตัวเองสินะ"

    "ทำไมคิดว่าโกหกล่ะ"

    "นายสะกัดใจทำไม  ไม่ไว้ใจกันรึไง"

    ทันใดนั้น ใบหน้าที่สวยเยือกเย็นหันหนีจากเค้าทันที และอะไรบางอย่างบอกเค้าว่าอายนิดๆ

    --ห่วงแฮร์รี่ก็บอกมาเหอะ ไอ้คนปากไม่ตรงกับใจ--

    "ไม่ได้สะกัดใจซักหน่อย" เซเวอรัสตอบเสียงทื่อๆ

    "เชื่อก็ออกลูกเป็นลิงแล้ว"

    "ทำเป็นเก่งไปเหอะน่า" เซเวอรัสดึงไม้กายสิทธิออกมาวางที่โต๊ะ และทำให้ลูเซียสสะอึกได้พอควร "คิดยังไงออกมานอกบ้านโดนไม่พกไม้กายสิทธิ์"

    ลูเซียสพึ่งนึกได้ว่าตัวเองลืมอะไรไป "ทำไมมันมาอยู่ในมือนาย"

    "นาซิสซาให้เอลฟ์ประจำบ้านเอามาให้น่ะ เพราะเธอรู้ว่านายต้องมาที่นี่"

    "โอ้ ศรีภรรยาจริงๆ" ลูเซียสอดไม่ได้

    "แล้วก็นี่" เซเวอรัสเอาจดหมายอีกฉบับออกมา "น้องสาวฝาแฝดนายขอให้ยืมจากห้องสมุดให้ แต่ชั้นไม่สะดวกจัดการให้"

    "ค่อยทำวันอาทิตย์ก็ได้นี่  วันอาทิตย์นายไปโบสถ์อยู่แล้วนี่"

    "คงไม่เหมาะ เพราะเป็นวันนมัสการ นายคงไม่คิดว่าพ่อมดควรเอาหนังสือศาสมืดไปให้พระในวันอาทิตย์หรอกนะ แม่ว่าเธอจะไม่ได้เป็นพระคาทอริกก็เหอะ"

    "ทำไมนายไม่เป็นบาทหลวงไปให้มันรู้แล้วรู้รอดเลยนะ" ลูเซียสรับงานไปทำจนได้
    ----------------------------------------

    "นี่มันไม่ใช่นี่นา  ที่อยากได้คือหนังสือโดย คาน ซังแกลวตั้งหาก"

    "ใช้แทนไม่ได้เลยเหรอ?" พี่ชายถอนใจ คาน ซังแกลวเป็นพ่อมดมนดำที่แต่งหนังสือต้องหากออกมาหลายเล่ม การหาหนังสือแบบนั้นทำให้เค้าเสี่ยงต่อการถูกกระทรวงเวทมนตร์เพ่งเล็ง ยิ่งตอนนี้ หลังจากที่ตรามารปรากฏบนฟ้าแล้ว

    "ไม่... มีแต่คาน ซังแกลง ที่แต่งหนังสือมนดำได้ถูกต้องตามหลักแห่งศาสตร์มืดที่สุด เพราะเค้าเป็นอาจารย์ผู้ช่วยของเซเวอรัส เรวิน ฮัฟเฟินพัฟเมื่อสี่ร้อยปีก่อน"

    ลูเซียสไม่แม้แต่จะถามน้องสาวว่าเธอต้องการพวกมันไปทำอะไร เค้าเคยชินกับการรักษาความลับ  ในฐานะผู้เสพความตายคนหนึ่ง การหลุดปากพูดหมายถึงความตายได้เสมอ ลูเซียสเก็บถุงกระดาษกลับบ้านไปเพื่อไปหาที่ถูกต้องมาให้ภายหลัง

    เพียงเพื่อจะพบว่าถุงกระดาษคนละใบที่เหมือนกันเปี๊ยบยกเว้นสิ่งที่อยู่ภายใน!!!

    ลูเซียสเปิดหลังสือที่พบด้วยความตะลึงพรึงเพลิดกับภาพวาดแช่มช้อยแต่น่ากลัวยิ่งนักเพราะมันมีภาพการร่วมรักกันระหว่างชายสองคนชนิดที่เร่าร้อนถึงพริกถึงขิงสุดๆ แล้วยังมีตัวอักษรเหมือนอักษรตะวันออกเต็มไปหมด

    "ลูเครเซีย!!! นี่เธออ่านหนังสืออะไรเนี่ย!!!" ลูเซียสร้องลั่นบ้าน

    และหนังสือสี่เล่มนี้ก็เล่นงานเค้าหนักหนาจนฝันร้าย  ในนามแห่งเมอร์ลิน ลูเซียสเห็นแฮกริกกับดัมเบิลดอร์พยายามรุมย่ำยีเซเวอรัสที่น่าสงสาร และเค้าไม่อาจะทำอะไรเพื่อปกป้องกระต่ายหัวเมือกเพื่อนรักได้เลย

    "ม่ายยยย!!! หยุดซะที!!! นั่นมันทางออกไม่ใช่ทางเข้า!!!" เสียงละเมอของลูเซียสดังก้องอย่างน่าสงสาร

    นาซิสซาไม่ได้พยายามช่วยสามีออกจากฝันร้าย เพราะเธอคิดว่าตอนนี้เค้าน่ารักเป็นบ้า(เฮ้ย)  เค้าไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน และอดไม่ได้ที่จะแอบอ่านหนังสือที่ทำให้สามีติสแตกได้บานนี้  และนาซิสซาก็ต้องอ้าปากค้าง ตาโตไม่ต่างอะไรกับลูเซียสในตอนนั้น เมื่อได้เห็นภาพผู้ชายสองคนหรือมากกว่านั้นเริ่มออกบทเรท NC17+ อย่าง ชัดเจน เธอไม่คาดคิดว่าคนญี่ปุ่นจะอ่านการ์ตูนน่ากลัวขนาดนี้

    "อะไรเนี่ย... บัดสีที่สุดสีที่สุดเลย"

    ไอ้ที่น่าแปลกคือคนอ่านที่เป็นพระนี่แหละ ที่สำคัญกว่านั้นคือถึงจะเป็นพระก็เป็นพระผู้หญิงด้วย แม้จะไม่บวชอย่างถูกต้องตามหลักนิกายโรมันคาทอริกก็เหอะแต่เธอก็เป็นพระแล้ว แบบนี้มันอาบัตินี่หน่า(เห็นยัยนี้อยู่แต่บ้าน แต่อย่าดูถูก หล่อนรู้เรื่องโลกมักเกิลมากกว่าสามีอีก) แต่กระนั้นหล่อนก็ยังพลิกหน้าต่อๆ ไป แล้วภาพที่หวือหวามากกว่าเดิมก็ปรากฏ

    แต่ก็มีด้านดีๆ บ้าง คือมีสิ่งอื่นนอกจากเรื่องเซ็กซ์มากั้นกลาง มีการดำเนินเรื่องที่นิ่มนวล ทำให้นาซิสซาผ่อนคลาย จากใบหน้าที่แหยงๆ ก็เริ่มสงบลง เสียงต่อว่าก็ลดลงเรื่อยๆ

    ภาพต่อๆ มาคือภาพเด็กหนุ่มที่เหมือนจะสารภาพรักกับคนรักเพศเดียวกันแล้วก็จบลงที่เรื่องบนเตียงอันหนักหน่วง แต่ก็พอจะเดาได้ว่าจบแบบมีความแฮปปี้

    "โอ้... (-///-) ว้าว..." นาซิสซาครางออกมาในที่สุด

    ติดตามสามีและน้องสามีสู่ลัทธิวายไปอีกคน...

     

     

     

     

    ลูเซียสตรวจสอบตรามารที่ต้นแขนอย่างลำบากใจ  มันกระจ่างมากขึ้นจนน่าใจหาย กับการที่เค้าต้องเอาหนังสือที่หาได้จากตลาดค้าสินค้าศาสตร์มืดอย่างหนังสือของคาน ซังแกลว มาด้วย  และไม่แน่ใจว่าทำไม  เค้าสัมผัสได้ว่าเพื่อนๆ สมัยที่ร่วมกับจอมมารเริ่มติดตามเค้ามากขึ้น  ลูเซียสตัดสินใจพยายามลัดเลาะออกจากเส้นทาง แต่ก็ยิ่งทำให้สังเกตได้ว่าคนที่ตามมาเป็นอดีตผู้เสพความตายเหมือนเค้า  และตรามารที่กำลังกรีดร้องก็เหมือนตอกย้ำให้ชัดเจนว่า  ไม่มีใครเลิกเป็นผู้เสพความตายได้

    คนที่ติดตามมาคือเอเวอรี่ น๊อต แครบ กอย และลูกๆ ของพวกนั้นก็กำลังติดตามเดรโกตามคำสั่งพ่อตัวเอง  เดรโกไม่เคยสงสัยในตัวเพื่อนๆ เลยว่าพวกเค้าไม่ได้เป็นเพื่อนที่ทำตัวเป็นลูกน้องอย่างที่เค้าคิด แต่เป็นสายลับที่ทำตัวให้ซื่อบื่อ แน่ล่ะ หากพวกเค้าซื่อบื้อไร้สมองจริงย่อมกระเด็นไปฮัฟเฟิลพัฟแน่นอน ไม่มีทางได้รับเลือกให้ไปบ้านสลิธีรีนแน่ๆ

    ความจริงแล้ว คนที่ซื่ออย่างแท้จริงก็คือเดรโกที่คิดว่าตัวเองฉลาด...!!!

    เหมือนเจมส์ พอตเตอร์--พี่น้องทางจิตวิญญาณของเค้าจริงๆ

    ก็หากไม่ใช่คนซื่อที่คิดว่าตัวเองฉลาด มีเหลือจะตายเพราะเพื่อนรักได้

    ลูเซียสพยายามลัดเลาะหาเส้นทางที่ปลอดภัย เพื่อสลัดให้หลุดจากการติดตาม แต่ไม่เป็นผล อีกฝ่ายไหวตัวแล้วติดตามมาอย่างไม่ลดลาวาศอก จนนาทีที่เค้าคิดว่าต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อให้รอดจากภัยที่กำลังตามติด  มือนิ่มๆ ดึงเค้าออกไปจากทางและปิดปากเค้าไว้แน่น

    --ลูเครเซีย--

    พวกนั้นผ่านไปแล้ว  น้องสาวปล่อยพี่แล้วพาออกไปอีกทาง

    "ทำไมหาชั้นเจอ"

    "แค่คิดว่าอยากเจอพี่ ชั้นก็เหมือนจะอยากมาที่นี่เฉยๆ"

    พี่ชายไม่ประหลาดใจ   เพราะเค้าเองก็กำลังคิดว่าจะไปหาน้องสาวได้ยังไง และพยายามที่จะเดินไปหาตัวเธอให้เร็วกว่าเพื่อนผู้เสพความตาย  ท่าทางสายใยระหว่างเค้ากับเธอจะแนบแน่นขึ้นทุกครั้งที่พบกัน แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องทำนองนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ ในโลกเวทมนตร์  ลูเซียสจึงกังวลใจว่า กระทรวงเวทมนตร์สามารถตรวจจับความสัมพันธ์เชิงจิตวิญญาณได้หรือไม่

    "ได้หนังสือคาน ซังแกลวรึเปล่า"

    "ได้... เธอจะเอาไปทำอะไร"

    "มากับชั้น" เธอพาเค้าหายตัวไปด้วยวงแหวนเวทย์

    จนกระทั่งถึงที่หมาย คฤหาสที่ร้างไปนับตั้งแต่โลกิและมานาเกียจากโลกนี้ไป ลูเซียสอดไม่ได้ที่จะครางเบาๆ "ทำไม?"

    "เพราะสงสัยว่าบันทึกความทรงจำแห่งปราสาทกาลเวลาที่ป้าอาเทน่าให้พี่มาต้องเกี่ยวอะไรกับครอบครัวนี้น่ะสิ  พวกเค้ามีความสนใจในตัวโลกิ แล้วก็เบนมันมาทางเซเวอรัส หลังจากที่โลกิตาย เพราะงั้น เราก็ทำให้มันจบๆ ไปเหอะ"

    "จบๆ ไป หมายความว่าไง"

    "รึว่าพี่อยากจะเจ็บตัวเหมือนตอนนั้นอีก"

    "แน่ล่ะว่าไม่อยาก"

    หลวงแม่ลูเครเซียเปิดหลังสือหน้าที่ต้องการแล้ววาดวงแหวนเวทย์รอบๆ บ้าน จากนั้นการเคลื่อนไหวของพลังเวทก็เริ่มขึ้น ลูเซียสมองไปรอบๆ ด้วยความกังวล "กระทรวงเวทย์มนตร์จะตรวจจับได้มั้ย"

    "คงไม่หรอก เว้นแต่จะเป็นคนที่รอบรู้เรื่องศาสตร์มืดแบบสุดๆ"

    "งั้นจอมมารก็คง--"

    "ลอร์ด โวลเดอร์มอร์ไปไม่ถึงระดับนั้นหรอก"

    "อย่าเอ่ยชื่อจอมมาร!!"

    "ไม่มีใครที่เค้าจะส่งมาเล่นงานเราตอนนี้หรอกพี่ชาย เค้าอ่อนแอเกินไปและยังรวบรวมพวกพ้องไม่ได้ แต่หลังจากนี้สิ การคืนชีพอย่างสมบูรณ์จะทำให้อะโพคาลิฟ-ฟาสั่นสะเทือน พวกเราจะต้องหาทางทำให้มันสงบลงให้ได้"

    "อะโพคาลิฟ-ฟาน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ"

    "พี่คิดว่าโลกเราใหญ่ขนาดใหญ่"

    "ก็ใหญ่จนเรามีขนาดแค่เศษดินนั่นแหละ"

    "แล้วพี่คิดว่ามันน่ากลัวมั้ยหากว่าโลกไม่อยากให้พวกเราอยู่อีกต่อไป"

    ลูเซียสกระจ่างแจ้งในจิตใจทันที  หากเปรียบโลกเป็นร่างกายคน พวกเค้าก็ไม่ต่างอะไรกับแบททีเรียเล็กๆ แล้วหากมองในมุมของแบททีเรีย มันคงน่ากลัวพิลึกหากคนอยากจะอาบน้ำขึ้นมา แน่นอนว่าหากความน่ากลัวของอะโพคาลิฟ-ฟาเปรียบได้กับโลกที่ไม่อยากให้พวกเค้าอยู่อีกต่อไป  จอมมารก็คงเทียบไม่ติด

    "ป้าอาเทน่า--ก๊อดริก  กริฟฟินดอร์ทุ่มทั้งหมดที่มีเพื่อปกป้องพวกเราทั้งหมดจากอะโพคาลิฟ-ฟา เพราะงั้นไม่ว่าพ่อจะว่ายังไง การหาบางสิ่งที่อาจจะเป็นผลดีต่อการหยุดอะโพคาลิฟ-ฟาย่อมจำเป็นกว่าความสุขกายสบายใจของเราอยู่แล้วล่ะ" ลูเครเซียบอกเบาๆ "ยื่นมือออกมาสิ เราต้องไปกันแล้ว"

    ลูเซียสยืนมือไปจับอย่างหวาดหวั่น เมื่อรู้ชัดถึงความปราถนาที่จะปิดทองหลังพระของน้องสาว ไม่ว่าสุดท้ายจะเป็นยังไง ไม่มีใครจะมายกย่องสรรเสริญเค้าเหมือนที่สรรเสริญดัมเบิลดอร์ที่ปราบกิลเดวัลน์ลงได้ ไม่มีใครยกย่องเค้าเหมือนที่ยกย่องแฮร์รี่ พอตเตอร์เมื่อเค้าทำให้จอมมารหายไปได้  และหากพวกเค้าตายเพราะการปิดทองหลังพระนี้ คนที่มาพบศพและรู้ว่านี่คือลูเซียส มัลฟอยและน้องสาวที่หายไป พวกเค้าจะสมน้ำหน้าและเปรมปรีที่พ่อมดดำตนหนึ่งได้หายไปจากโลกแล้วตลอดกาล  แม้มันจะน่าเจ็บใจซักหน่อยที่พวกเค้ากำลังทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าดัมเบิลดอร์และพอตเตอร์หลายเท่าแต่ไม่มีใครเห็นความดีก็เหอะ  แต่หากเค้าปฏิเสธ ย่อมไม่มีอนาคตใดๆ เหลือให้คนที่เค้ารักอีกต่อไปเหมือนกัน

    แสงสว่างที่เจิดจ้าออกมาทำให้เค้าและน้องสาวร่วงหล่นสู่การหลับไหลเพื่อเดินทางออกไปยังอดีตอันแสนไกล

     

     

     


    TBC.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×