ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Harry Potter fanfic:- พลิกตำนานปราสาทกาลเวลา

    ลำดับตอนที่ #27 : ฝันยาว-2-บทกลาง

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 252
      5
      13 ม.ค. 56

    "พี่น้องกับเราสองคนเหรอ!? อย่าบอกนะว่าเด็กสองคนนั่นคืออะพอลโล่กับอาร์เทมีส!?" ลูเซียสกระซิบอย่างไม่เชื่อ มันจะเป็นไปได้ยังไง... เด็กสองคนนั้นควรตายไปตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ

    แต่เดี๋ยว... จากข่าวที่ปรากฏไปทั่ว จตุราชา-สี่จอมเวทย์ที่ยอมกลายเป็นสาวกจอมมารได้โดนจอมมารสั่งฆ่าเพราะระแวงในพลังเวทย์ที่สี่คนนั่นมี แต่ว่า... สาวกที่เรียกกันว่า 'ผู้เสพความตายสีน้ำเงิน' สาวกแห่งศาสตร์มืดที่เป็นรองก็แต่จอมมารเท่านั้น-- คนพวกนั้นน่ะ จะโดนสังหารง่ายๆ ได้อยู่เหรอ พวกนั้นน่ะ-- แม้แต่ดัมเบิลดอร์ยังกังวล ไม่กล้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าเชียวนะ...

    ที่สำคัญ...ไม่เห็นว่าจะพบศพเลยไม่ใช่รึไง!?!?

    "พ่อฮะ... เป็นอะไรรึเปล่าฮะ" เดรโกเริ่มกังวลหลังจากเห็นพ่อเงียบไปนาน และเริ่มมองพวกบาทหลวงมักเกิ้ลอย่างตกใจเพื่อหนึ่งในนั้นถาม

    "อะพอลโล่กับอาร์เทมีสที่ว่าเป็นลูกอาเทน่า มัลฟอยกับซิเรียส แบล็กน่ะเหรอ?"

    "หุบปากนะ!!!!"

    เสียงตะโกนจากลูเซียสทำให้พวกบาทหลวงมองตาม ก็พอจะทราบว่าเดรโกยังไม่รู้ว่าตัวเองมีอา  แต่จากท่าทีลูเซียส รึว่า...

    "เกิดอะไรขึ้น" บาทหลางแอนดรูเหมือนจะเดาได้ แม่จะถามออกมาแบบนั้น แต่ไม่ได้คาดหวังคำตอบเลย

    "เดรโก"

    "พ่อ?"

    "แกอยู่กับบาทหลวงพวกนี้ก่อนนะ"

    "หา!? แล้วพ่อล่ะ!?!" เดรโกร้องลั่น

    "มีเรื่องต้องทำ" กับคำตอบสั้นๆ ลูเซียสรีบวิ่งออกไปโดนที่เดรโกได้แต่ยืนมอง

    "เดรโก" บาทหลวงคนหนึ่งเรียกสติ

    "อ๊ะ?"

    "พาเราไปเยี่ยมเซเวอรัสหน่อยได้มั้ย"

    เดรโกอ้าปากค้าง ก่อนจะหุบลง แล้วก็อ้าใหม่ "พวกคุณมาเยี่ยมศาสตราจารย์สเนปเหรอฮะ"

    "ใช่ พาเราไปเร็ว"

    เดรโกยิ่งทวีความสงสัยขึ้นไปอีก เพราะแน่ใจว่าพวกบาทหลวงทำเพื่อเบนความสนใจจากเดรโก แต่ด้วยเลือดสลิธีรีนที่ไหลเวียนในร่าง เค้าฉลาดพอที่จะเก็บมันไว้และทำตามที่พวกบาทหลวงมักเกิ้ลบอก แต่สายตาของเค้าเต็มไปด้วยความสับสน

     

     

     


    การตามหาน้องสาวฝาแฝดไม่ได้ยากเย็นอะไร เพราะลูเซียสกับลูเครเซียมีสายสัมพันธ์ทางวิญญานที่ลึกล้ำ ไม่นานนักเค้าก็พบกับน้องสาวที่ยืนบนยอดตึก(ไม่ต้องสงสัยว่าเธอไปยืนบนนั้นได้อย่างไร เพราะพวกที่จบจากเพลมิล๊อคมักมีวิชาแปลกๆ ติดตัวมาพอๆ กับพวกผู้เสพความตายนั่นแหละ) ลูเซียสมองไปบนยอดตึกด้วยอารมณ์ที่สุดจะบรรยาย

    "โธ่... มันสูงเอาเรื่องเลยนะน้องพี่ เธอยังอุส่าห์ไปยืนบนนั้นได้" แม้ว่าลูเซียสจะสามารถเหาะได้โดยไม่มีไม้กวาดเหมือนกับพวกผู้เสพความตายทั่วๆ ไป แต่คงไม่ใช่ต่อหน้าต่อตามักเกิ้ลเป็นร้อยแบบนี้แน่ ยิ่งมองไปที่จะให้วิ่งไปหาโดยใช้บันไดยิ่งไม่ต้องคิด(หอบตายก่อนแน่ๆ)

    "พี่เดินไปเข้าห้องน้ำ แล้วขึ้นมาหาชั้นโดยการหายตัวก็ได้นี่" เสียงเซ็งๆ ที่ดังในหัวลูเซียสทำให้เค้านึกได้ เค้ามองไปยังที่สูงอีกครั้ง ก่อนจะนึกอย่างประหลาดใจ นี่พวกเค้าเชื่อมกันถึงขั้นติดต่อกันผ่านจิตได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

    จากนั้นทุกอย่างก็เหมือนจะพลิกค่ำพลิกหงาย...

    มันต่อเนื่องมาจากตอนนั้น....

    ตอนที่โอดินกับโลกิคุยกัน แต่คราวนี้ภาพมันเคลื่อนเข้ามาในหัวเค้าอย่างรวดเร็ว พวกนั้นเดินทางไปที่ปราสาทที่เหมือนกับฮอกวอร์ต เผชิญหน้ากับอันตรายหลายรูปแบบ เห็นโลกิโดนจับมัดไว้ และคนๆ หนึ่งที่เหมือนเงาทะมึนน่าสะพรึงกลัวจับร่างโลกิฟาดกับโต๊ะ

    "พอแล้ว... พอที... หัวจะระเบิดแล้ว" ลูเซียสคราง แต่มันไม่ยอมจากไป ร่างสูงล้มลงกับพื้นและอาเจียนออกมา มองไม่เห็นคนที่วิ่งมาล้อมลอบเค้า

    ภาพยังดำเนินต่อไป ร่างที่เหมือนกับยักษ์ได้เริ่มต้นตอกตะปูอันใหญ่บนร่างโลกิ แต่คราวนี้ไม่ได้แค่รับรู้ภาพ ความเจ็บปวดแล่นมาที่มือซ้ายเค้า

    กับดวงตาสีเงินทีเปล่นประกายด้วยความกลัว เค้าพบว่าตัวเองได้หลุดจากโลกแห่งความจริงแล้ว ลูเซียสไม่เห็นอะไรอีกนอกจากตัวเองที่ลอยคว้างในความมืด แต่ภาพในหัวไหลมาไม่ลดละพร้อมด้วยความทรมาณของโลกิ พริ้นซ์

    เลือดอาบชุมมือซ้าย ก่อนจะตามมาด้วยความเจ็บปวดทรมาณที่มือขวา

    "ม่ายยย!!!! ได้โปรด!!!" เสียงร้องครางดังออกไปในความมืดที่คงไม่มีใครได้ยิน "พอที.. เจ็บ"

    เลือดไหลออกมาเหมือนสายน้ำ ภาพในหัวของเค้าคือภาพโลกิที่กำลังโดนตรึงร่างกับแท่นบูชาด้วยตะปูอันใหญ่ มือและเท้าเค้าท่วมไปด้วยเลือดสีแดงคาวคลุ้ง น้ำตาแห่งความทรมาณไหลอาบหน้าลูเซียส

    กับการกรี๊ดร้อง กับการดิ้นพราดๆ เลือดกระเซ็นออกจากข้อมือ แขน ไหล่ ตามลำดับ

    เค้านึกถึงภาพสลักบุรุษที่โดนตรึงในตอนที่เค้าท่องไปในความทรงจำแห่งปราสาทกาลเวลา  รู้แล้วว่ามันเจ็บเพียงไร ลูเซียสพยายามตะกายหนีจากความทรมาณอย่างสูญเปล่า

    "ชะ... ช่วยด้วย... ใครก็ได้..." ชายผมยาวสีเงินครางอย่างสิ้นสง่าราศี ตอนนี้แม้แต่ความตายยังน่ากลัวน้อยกว่า ร่ายกายไม่สามารถเคลื่อนไปได้อีก และน้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างสิ้นหวัง

    แต่ไม่มีการตอกซ้ำอีกแล้ว...

    ภาพแสงสว่างในหัว คือโอดินที่บุกมาพร้อมกับเพื่อนๆ กับความพยายามที่จะดึงตะปูออกจากร่างโลกิ และพาเค้าออกไป...

    "พี่... พี่คะ"

    เสียงสั่นเครือดังในหัว เสียงลูเครเซีย เค้าจำได้ แต่ เป็นเสียงที่เจ็บและทรมาณเหลือเกิน...

    วูบเดียวที่กลับมาสู่ความจริง เค้าเห็นน้องสาวที่เลือดท่วมไม่ต่างจากเค้า เห็นแสงสว่าง คนมากมาย น้ำตาน้องสาวที่หล่นลงมา แล้วสติก็ดับหาย

    ดิ่งลงไปในฝันที่ยากจะตื่น...

    และเสียงที่ดังในหู...

    "คนที่เล่นเกมนี่ ต้องเล่นไปจนกว่าจะจบ"

    .....................................

    .....................

    ....................................

    ............................

     

    "โลกิ... ตื่นสิ.. โลกิ"

    ลูเซียสลืมตา ภาพตรงหน้าเค้าคือภาพโอดินที่กำลังกอดโลกิแนบอก และโลกิที่หลับไม่ได้สติ บางทีเค้าอาจจะคิดมากไปเอง แต่สองคนนี้ออกจะ...

    "ไม่ได้... ไม่ได้..." ลูเซียสพยายามปิดตาตัวเอง "เลิกจินตนาการไร้สาระได้แล้ว"

    "จินตนาการเรื่องอะไร?"

    เป็นเสียงผู้หญิงที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี ชายหนุ่มลืมตาแล้วหันไปมองก่อนจะอ้าปากค้าง น้องสาวเค้าจริงๆ ด้วย!!!

    "พอสมุดโดนทำลาย พี่ก็ไม่อาจเล่นเกมให้จบได้... เว้นแต่จะประสานกับจิตน้องสาวฝาแฝด  คิดว่างั้นนะ" ลูเครเซียบอกเซ็ง

    "เดาได้ดีนี่" ลูเซียสพ่นลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย "เดาอะไรได้อีกมั้ย จะได้บอกให้ชั้นตาสว่างบ้าง"

    "บางทีฝาแฝดนั่นคงจงใจทำให้ชั้นเกิดความตึงเครียดน่ะ พวกเค้าอยู่ด้วยกันตลอด ต้องรู้แน่ๆ ว่าแฝดแท้เชื่อมกันได้มากแค่ไหน เพราะเค้าต้องใช่พี่ในการอ่านบันทึกใช่มั้ยล่ะ?"

    "แต่คนที่เอาบันทึกให้ชั้นคือป้าอาเทน่านะ" ลูเซียสไตร่ตรอง "เด็กสองคนนั้นไม่มีจำเป็นต้องอยากรับทราบอะไรเกี่ยวกับบันทึกนั่นซะหน่อย.. เว้นแต่--"

    "ป้าอาเทน่าอาจจะยังมี--" สองคนพึมพำพร้อมกัน มองหน้ากัน และในตอนท้าย ลูเซียสก็เงียบไป เหลือเพียงลูเครเซียที่พ่นออกมาในที่สุด

    "ก็อยากรู้เหมือนกันว่าไอ้บันทึกบ้านี่มันมีอะไรกันแน่ ทำไมต้องพยายาให้พี่อ่านด้วย"

    ลูเซียสและลูเครเซียยื่นมือไปจับมือกันและกันโดนไม่ต้องนัดหมาย ดวงตาสีเงินเพ่งมองภาพในอดีตที่เกิดตรงหน้า ไม่ต้องบอกก็เดาได้ว่าคราวนี้คงฝันยาวแน่ๆ

    ตรงหน้าของทั้งสอง คือโลกิในอ้อนแขนโอดินที่มองเงาดำตรงหน้าอย่างโกรธแค้น

    "นาย... คือทอร์สินะ"

    "................"

    "ทอร์ที่จะตอกร่างของโลกิเพื่อตรึงวิญญานของราชาอุดกัลล์ ไม่ให้ท้าวเธอได้กลับคืนสู่สรวงสวรรค์"

    "................"

    "ตอบมาสิวะไอ้บ้านี่!" กับการคำรามอย่างเหลืออด ในตอนท้าย เงาดำก็เปล่งเสียงออกมา

    เสียงหัวเราะอย่างขบขัน

    "เสียงเหมือนกับ..." ลูเครเซียสั่นอย่างช่วยไม่ได้ ส่วนลูเซียสเหมือนจะเป็นลม

    "แกเป็นใคร...?" โอดินถามเสียงหวิว กลัวสิ่งที่กำลังจะรู้เหมือนกัน

    ความมืดค่อยๆ ปลดเปลื้องร่างที่แท้จริง

    ผมสีทองปลิวสะบัดในสายลมเย็น

    ลูเซียสล้มลง ส่วนคนที่ยืนขึ้นคือลูเครเซีย ภาพตรงหน้าไม่ใช่ภาพที่ทั้งสองจะยอมรับได้

    "พอตเตอร์?"

    "ชั้นเอง" เจมส์ พอตเตอร์--ปู่ของนายเขาแหลมยืนยิ้มในแสงจ้า

    "ทำไม..."

    "เลือดของชั้นทั้งหมดคือทอร์... แกะบริสุทธิ์ต้องสังเวยเพื่อตรึงไนจัส อะโพคาลิฟไว้บนโลก สังเวยเพื่อสะกดอะโพคาลิฟ-ฟาในการหลับไหลตลอดกาล"

    สองพี่น้องสั่น มันไม่เข้าเรื่องกันเลย เจมส์ที่ผจญภัยมากับพวกโอดินและโลกิจะมาหักหลังกันตอนนี้นี่นะ?

    แล้วพวกเค้าก็คิดถูก

    "หลบไปโอดิน!!!!"

    เสียงที่คุ้นเคยทำให้ลูเซียสและลูเครเซียหันไปมอง และวินาทีนั้นโอดินหมอบลงกับพื้น แสงทีส้มกระแทกกับอกเจมส์และร่างก็กระเด็นออกไป

    เจมส์อีกคนคือเจ้าของแสงนั้น

    "เจมส์!!!"

    "โอดิน รีบพาโลกิไป เดี๋ยวจะคุ้มกันให้"

    "แล้วนายล่ะ"

    "ชั้นดูแลตัวเองได้ เดี๋ยวจะตามไปแน่นอน"

    จากนั้นเจมส์ก็รัวคาถาใส่ แล้วพวกเค้าก็ได้เห็นว่าร่างที่ถูกเวทมนตร์สาดใส่เป็นกระบุงค่อยๆ เปลี่ยนไปกลายเป็นร่างที่พวกเค้าเห็นในตอนนั้นที่กำลังจะตื่น

    เด็กผู้ชายที่มีแผลเป็นรูปสายฟ้า--แฮร์รี่ พอตเตอร์

    ทุกอย่างดับวูบลงอีกครั้ง...

    "คราวนี้... อะไรอีกล่ะ" ลูเซียสพึมพำโดยไม่ต้องการคำตอบ ส่วนน้องสาวเดินไปรอบๆ เพื่อตรวจตรา

    "บางทีเราอาจจะโดนขังในห้วงมิติที่ปิดตายก็ได้" ลูเครเซียพูดเบาๆ "พี่... จะเป็นยังไงหากเราไม่อาจตื่นจากฝันได้อีกเลย"

    "ไม่รู้สิ" ลูเซียสเหมือนจะไม่สนใจคำถามที่ลูเครเซียพ่นออกมา ในหัวมีสิ่งที่สนใจมากกว่าหลายเท่า "เด็กที่เหมือนแฮร์รี่ พอตเตอร์นั่นเป็นใครกัน"

    กับเสียงหัวเราะที่ดังออกมาอย่างสุดๆ คนพี่หันไปมองน้องอย่างพิศวง เธอบอกกับเค้าด้วยเสียงที่คาดเดาอารมณ์ไม่ออก "สบายใจได้  มันไม่เกี่ยวกับเค้าหรอก" ก่อนที่จะทำหน้าตาเหมือนกำลังจะหล่นลงเหว "ตอนนี้อาจจะมีเหตุผลบางอย่างที่เราไม่สามารถเคลื่อนต่อไปได้ อาจจะเพราะบางส่วนของสมุดบันทึกโดนฉีกออกไป บางทีเราคงต้องยื่นมือไปยังหน้าที่ห่างไกลหลายหน้าด้วยตัวเอง พี่มาทางนี้ซิ"

    "จะให้ทำอะไร"

    "จะลองเวทย์โบราณที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก" เธอฉีกยิ้มอย่างร้ายกาจ "ต้องอาศัยพรสวรรค์ในการคำนวนระดับเทพ พี่ต้องคำนวนว่าปริมาณที่หายไปคิดเป็นกี่อักขระ"

    ลูเซียสอ้าปากค้าง แต่เมื่อเห็นน้องสาวยื่นมือทะลวงมิติและเห็นแสงสีทองกระจายรอบๆ ส่วนที่มือเธอทะลวงออกไป วูบหนึ่งเค้าเบาใจที่เธอจบจากเพลมิล๊อค--ซึ่งหลักสูตรที่สอนคือการใช้เวทมนตร์โดยไม่ต้องพึ่งไม้กายสิทธิ เพราะหากเธอต้องใช้ไม้กายสิทธิร่ายเวทย์เหมือนที่ผู้วิเศษทั่วทั้งโลกจำเป็นต้องพึ่งมัน(เหมือนที่เค้าต้องพึ่งด้วย) ตอนนี้พวกเค้าอาจจะต้องติดอยู่ในห้องมิติปิดนี่ไปตลอดกาล

    ตัวเลขมากมายเริ่มผ่านเข้ามาในหัว ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเค้าต้องรวมทั้งหมดเข้าด้วยกัน และเมื่อตัวเลขตัวสุดท้ายผ่านไปลูเซียสก็แปลงออกมาเป็นคำตอบ

    "สี่พันสามร้อยสี่สิบห้าอักขระ"

    คราวนี้แสงสว่างกระจายออกจากจุดที่ลูเครเซียทะลวงผ่าน และมิติสีดำก็สลายตัวลง

    "คำนวนแม่นยังก่ะกดเครื่องคิดเลขเลยแฮะ" น้องสาวอดแซวพี่ชายไม่ได้

    "ชั้นงงมากกว่าเธอรู้ได้ไงว่าต้องแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้"

    "ไลชา เอริน่อมเป็นคนสอนน่ะ"

    "ใครนะ?"

    "อาจารย์ของชั้นเอง เค้าเป็นอาจารย์คนเดียวที่เหลือในเพลมิล๊อค--หลังจากศาสตราจารย์เซเวอรัส เรวิน ฮัฟเฟิลพัฟเสียชีวิต" ลูเครเซียบอกอย่างเอื่อยๆ "ตอนที่ศาสตราจารย์ฮัฟเฟิลพัฟตาย ชั้นอายุแค่ห้าขวบ เลยไม่ได้เรียนวิชาคำนวนกับท่าน ได้ยินพวกรุ่นพี่บอกเหมือนกันว่าท่านสอนสนุกมากเลย" จากนั้นเธอก็หันไปมองพี่ชาย "ชั้นสงสัยว่าทำไมอักขระมากมายจึงหายไปจากบันทึกความทรงจำของปราสาทกาลเวลา"

    ลูเซียสไม่ตอบ ในหัวมีเรื่องให้คิดมากกว่านั้น เค้ารู้ว่าเซเวอรัส เรวิน ฮัฟเฟิลพัฟมีชีวิตผ่านกาลเวลามานับพันปีแม้จะไม่รู้ว่าทำไม แต่ไม่นึกมาก่อนเลยว่าจะตายตอนเค้ากับลูเครเซียอายุห้าขวบ หรือพูดง่ายๆ หนึ่งปีก่อนเซเวอรัส สเนปเกิด

    และบันทึกความทรงจำแห่งปราสาทกาลเวลาก็รวมอยู่ในสมุดที่ควรจะเป็นของเซเวอรัส เรวิน ฮัฟเฟิลพัฟที่หากว่าตามตรงน่าจะเป็น "ไดอารี่" ที่เซเวอรัส เรวิน ฮัฟเฟิลพัฟแลกกับลูเซียส เกล็นเดล กริฟฟินดอร์ เพราะมันไม่เหตุผลที่สมุดนี้จะใส่สลักเวทย์ อนุญาตให้ลูเซียสที่เป็นทายาทแห่งก๊อดริก กริฟฟินดอร์เท่านั้นเปิดอ่านได้

    บางทีเซเวอรัสคนนั้นอาจจะซ่อนบางอย่างในนี้ บางสิ่งที่ป้าอาเทน่าอยากรู้  ลูเซียสกอดอกเมื่อคิดเรื่องนี้อย่างจริงจังเป็นครั้งแรก จากนั้นตาสีเงินก็ตวัดไปที่สภาพรอบตัวที่ปรากฏตรงหน้าเค้า

    "เป็นอะไรไป" ลูเครเซียตั้งคำถามในที่สุด

    "พ่อเคยบอกเราว่าอยากรู้อะไรให้ถาม" ลูเซียสงึมงำ

    "อื้อ... แล้วไง"

    "ชั้นว่าเราต้องหาคำตอบแล้วล่ะว่าส่วนที่หายไปมีอะไรบ้าง หากบังเอิญว่ามันเป็นสิ่งที่เราจำเป็นต้องรู้"

    "นึกว่าสิ่งแรกที่เราต้องทำคือออกจากที่นี่" ลูเครเซียครางออกมา

    "เราจะออกจากที่นี่ แต่ต้องให้คนข้างนอกพาเราออกไป ไม่ก็ต้องดูจนเรื่องจบ"

    "ทำให้นึกถึงหนังเรื่องจูแมนจี้เลย"

    "อะไรนะ"

    "หนังมักเกิ้ล เก่าพอควร มันเป็นเรื่องที่เล่นเกมทอยลูกเต๋าแล้วไปเจอสิงสาราสัตว์กับเรื่องพิลึกกึกกือ เอาไว้เราออกไปจากที่นี่จะเอาวีดีโอให้ยืม ว่าแต่ ที่บ้านมีเครื่องเล่นรึเปล่า"

    "ไม่... และไม่ต้องให้ยืม เพราะชั้นจะมานั่งดูกับเธอที่โลกมักเกิ้ลนี่แหละ"

    "พานาซิสซามาได้นะ"

    "แน่นอน"

    จากนั้นทั้งสองคนก็มองหน้ากัน ตกลงเราพูดเรื่องหนังกันทำไมเนี่ย? จากนั้นก็ได้ยินเสียงแปลกๆ ครางมาแต่ไกล ทั้งสองมองหน้ากันอีกครั้งแล้วตามเสียงนั้นไป  ก่อนจะตาโตกับภาพที่เห็น โลกิโดนมัดกับพื้นโบสถ์ เค้าเหมาะกับชุดบาทหลวงมากกว่าเอริส ชายคนหนึ่งคร่อมเหนือเค้าและยกกระป๋องยาฆ่าแมลงขึ้นมา

    "มีอะไรจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายมั้ย" ทำไมฉากนี้คุ้นๆ วะ

    "อย่าฆ่าชั้น" โลกิตอบเงียบๆ

    "ลาก่อน" ชายคนนั้นบอก

    บาทาใครบางคนถีบประตูพัง และลำแสงสะกดนิ่งก็พุ่งกระแทกอกหมอนั่นกระเด็นไป สามสหายหน้าทะเล้นนั่นเอง เจมส์ที่เสยผมเหมือนจะหล่อซะเต็มประดา อัสลันเทียที่ไปตรวจอาการคนร้าย และโอดินที่ไปแก้มัดให้โลกิ

    "ว๊ายๆๆๆ โอดินเท่มากๆ เลย โลกิก็น่ารัก" ลูเครเซียเริ่มจิ้นกระจายอีกครั้ง

    "นี่สองคนนั้นไปถึงขั้นไหนแล้วเนี่ย" ลูเซียสเคร่งเครียด

    จากนั้นสองพี่น้องก็มองหน้ากันอีกรอบ โดยเฉพาะน้องสาวที่มองพี่ตัวเองด้วยความประทับใจว่าได้เดินทางสู่เส้นทางสายวายแล้วรึนี่? ลูเซียสหันหน้าที่แดงกล่ำหนี ประมาณว่าทั้งหมดเป็นเพราะเธอนั่นแหละที่พูดจนชั้นคิด

    "พี่ชาย" ลูเครเซียเสียงหวาน

    "ไม่ๆๆๆ ชั้นคิดจริงแต่ไม่ได้ชอบ ที่ชั้นรับได้คือเลสเบี้ยนเท่านั้น" ลูเซียสคำราม

    "คนทั่วๆ ไปน่ะ ไม่ว่าเกย์หรือเลสเบี้ยนก็รับไม่ได้ทั้งนั้นแหละ" น้องสาวเสียงหวานมากกว่าเดิม "พี่จ๋า... ในฐานะที่เลือดม่วงได้ผสมกับเลือดแดงไปเรียบร้อยแล้ว น้องสาวคนนี้ยินดีต้อนรับพี่สู่ลัทธิวายนะ"

    "ลัทธิวายนี่มันอะไรกัน!?!"

    "ยาโอยกับยูริจ้า" ลูเครเซียกรี๊ดอย่างมีความสุขขณะที่ลูเซียสอ้าปากค้าง

     

     

     


    TBC.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×