ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Harry Potter fanfic:- พลิกตำนานปราสาทกาลเวลา

    ลำดับตอนที่ #13 : สายสัมพันธ์ทางวิญญาณของคู่แฝด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 510
      7
      5 พ.ค. 55

    ลูเซียสลืมตาขึ้นตอนเช้าหลังจากนอนเบียดกับเซเวอรัสมาทั้งคืน เค้ารีบปลุกเพื่อนและส่องหน้าต่าง เห็นน้องสาวฝาแฝดของตัวเองกำลังคุยกับโทไบอัส สเนป ไม่นานก็เห็นเธอยื่นมือไปที่หน้าผากของเค้าและเค้าก็นำเธอเข้าบ้าน

    ลูเซียสรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น!?

    ลูเครเซียเปิดประตูเข้ามาในห้องของเซเวอรัส เธออยู่ในชุดแบบสาวมักเกิ้ลธรรมดา ทักทายกับพี่ชายที่สารรูปดูไม่ได้พอๆ กันกับพื้นที่อยู่บนเตียง "ไง หน้าช้ำทั้งคู่เลยนะ"

    "เธอทำอะไรเค้าน่ะ!?" ลูเซียสโวย

    "ไม่มีอะไร แค่ทำให้เค้าสับสนนิดหน่อย" ลูเครเซียตอบเบาๆ พลางส่งถุงเสื้อผ้าให้กับพี่ชาย "เค้าจะเข้าใจว่าเค้าอนุญาตเซเวอรัสด้วยตัวเอง เดี๋ยวเราไปข้างนอกด้วยกันหน่อยนะ"

    "ชั้นไม่ได้อยากปฏิเสธเธอหรอกนะ แต่เซเวอรัสไม่ค่อยสบายเท่าไหร่"

    "ดื่มนี่สิ แล้วรีบแต่งตัวซะ" เธอดึงขวดออกมาสองขวด "มันเป็นยาชูกำลังอย่างทีที่ศิษย์เพลมิล๊อกเท่านั้นที่รู้จัก"

    "ดีจริงๆ นั่นแหละ" ลูเซียสพูดหลังจากดื่มจนหมด ความเจ็บปวดในร่างกายหายเกลี้ยงรวมทั้งใบหน้าที่มีรอยช้ำก็กลับสู่สภาพดีดังเดิม "น่าจะเปิดเผยให้โลกเวทมนตร์รู้จักหน่อยนะ"

    "ไม่ได้หรอก... มันเป็นหนึ่งในยาต้องห้ามที่มีส่วนผสมของมนุษย์อยู่ในตัว และไม่ใช่แค่ใช้เส้นผมหรือเล็บมือเล็บเท้าก็ปรุงได้เหมือนอย่างน้ำยาสรรพรส"

    "ส่วนของอะไร?" เซเวอรัสชักไม่แน่ใจที่จะรู้หลังจากกินหมดแล้วดีขึ้นภายในหนึ่งนาที

    "ตับอ่อนของทารก"

    เท่านั้นแหล่ะ! สองหนุ่มทำท่าจะแหวะออกมาพร้อมๆ กัน ลูเซียสคว้าคอเสื้อของเธอดึงเข้ามา "นี่เธอเอาของพรรคนี้มาได้ยังไง!?"

    "ใจเย็นน่า เด็กคนนี้ตายแล้วตอนที่ชั้นใช้เวทมนตร์เฉือนออกมาก่อนที่จะฉีดฟอมมารีน และตายเพราะแม่เด็กละเลยจนคลานไปตกบันไดเท่านั้นเอง ชั้นไม่ได้ลงมือซะหน่อย แล้วที่พวกเธอกินเข้าไปมันก็แค่คนละหนึ่งมิลลิกรัมเท่านั้นเอง"

    "แต่เธอเป็นพระนะ! จะมาทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง!" ลูเซียสโวยสุดเสียง

    "ดีที่สุดแล้วสำหรับพวกเธอ อีกอย่างนี่แค่ครั้งเดียวแล้วต่อไปจะไม่ได้อีก ชั้นอาจจะถูกจับส่งอัซคาบันถ้ามีใครรู้ว่าชั้นปรุงยาแบบนี้"

    "รู้ว่าอันตรายแล้วทำทำไมวะ!" ลูเซียสคราง

    "ก็แค่อยากทดลองดูว่าสรรพคุณมันเยี่ยมจริงรึเปล่า"

    "อยากทดลอง!?!" ลูเซียสร้องเสียงหลง "นี่เธอเห็นชั้นเป็นหนูขาวตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!?"

    "เลิกเถียงกันซะทีเถอะ แค่นี้ชั้นก็จะอ้วกอยู่แล้ว" เซเวอรัสพูดขึ้น แต่ไม่มีใครสนใจ

    "ชั้นไม่ได้เห็นเธอเป็นหนูขาวนะ... แต่... เอ๊ะ!? พวกผู้วิเศษไม่ได้ทำการทดลองกับหนูขาวไม่ใช่เหรอ!?" ลูเครเซียทำหน้าเหมือนรู้ทัน

    ลูเซียสหุบปาก ใช่สิ! ถ้าใครรู้ว่าเค้าอ่านเจอพวกมันจากหนังสือวิทยาศาสตร์ของพวกมักเกิ้ลจะต้องเป็นข่าวใหญ่แน่ โดยเฉพาะอาเธอร์ วิสลี่ย์ที่จะได้ชอนไชค่อนแคะทั้งวัน เพราะทำตัวเป็นปรปักฏ์กับมักเกิ้ลแต่ดันสนใจวิทยาการของพวกเค้า

    "ลูเครเซีย... อย่าทำให้มันเป็นประเด็นเชียว ในบรรดาพวกไฮโซของโลกผู้วิเศษน่ะ ลูเซียสดังมากนะ ยิ่งกว่าดาราด้วยซ้ำ" เซเวอรัสเตือน

    "ชั้นรู้" เธอตอบอย่างไม่ยินดียินร้าย "แต่งตัวได้แล้ว ชั้นจะไปรอข้างนอก"











    สามชั่วโมงต่อมา พวกเค้าเดินซื้อของอยู่ในย่านการค้า เซเวอรัสในเสื้อคอเต่าสีดำกับกับกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเก่าๆ ลูเซียสดูแปลกตาในชุดมักเกิ้ลสวมเสื้อผ้าคล้ายกับลูเครเซีย--เป็นเป็นเสื้อเชิ้ตดำที่มีลายตะรางสีขาวกับกางเกงยีนส์สีขาว รองเท้าผ้าใบสีขาวที่เชือกผูกสีดำ กับน้องสาวฝาแฝดที่สวมเสื้อเชิ้ตแบบผู้หญิงสีขาวลายตะรางสีดำกับกางเกงยีนสีดำและรองเท้าผ้าใบสีดำแต่มีเชือกผูกสีขาว ทั้งคู่คาดเข็มขัดหนังสีน้ำตาลเหมือนกันด้วย(เข้าใจว่าสลับเชือกผูกรองเท้าเพื่อความเท่) แถมยังผูกริบบิ้นสีแดงเหมือนกันอีก! เซเวอรัสมั่นใจว่าเอรีสจะต้องเป็นคนจัดหามาสำหรับวันนี้ของทั้งคู่แน่ๆ และมันก็เหมาะดีด้วย เพราะทั้งสองก็มีรูปร่างหน้าตาที่เหมือนกันมากด้วย ต่างแค่ลูเซียสผมตรง(ลูเครเซียผมหยักโสก) สูงกว่าประมาณสี่นิ้ว ไหล่กว้างกว่า และสะโพกเล็ก ระหว่างที่ทั้งคู่เดินด้วยกัน สายตาหลายคู่จะจับจ้องมาทางนี้ทันที ซึ่งไม่แปลกเพราะความสูงส่ง+หน้าตาดีค่อนข้างส่องประกายมากอยู่แล้ว

    อันที่จริงเซเวอรัสพบว่าลูเครเซียและลูเซียสเหมือนกันมากกว่าที่คาดด้วย เพราะพวกเค้ามักซื้อของเหมือนๆ กัน ไม่ว่าจะของกิน เครื่องดื่ม หรือเครื่องประดับ!? เมื่อกี้นี้ทั้งคู่พึ่งซื้อสร้อยข้อมือร้อยลูกปัดที่เหมือนกันเป๊ะมาใส่ แถมเอาสร้อยสแตนเลสห้อยไม้กางเขนที่เหมือนกันเป๊ะมาเป็นของขวัญให้กันด้วย!? ทั้งๆ ที่ไปซื้อกันคนละร้าน!? แถมร้านทั้งสองก็ห่างกันถึงสองช่วงตึก!

    นี่เอง... ที่เค้าเรียกกันว่าฝาแฝด!?

    และเซเวอรัสยังสังเกตเพิ่มด้วยว่า พวกเค้าชอบผลไม้และของหวานที่เหมือนกัน แถมกินในปริมาณเท่าๆ กันอีก

    "เมื่อคืนนี้นายฝันบ้างรึเปล่า" เซเวอรัสกำลังคิดอะไรเนี่ย ถึงได้ถามขณะที่กำลังล้างมือด้วยกันในห้องน้ำชาย

    "ฝันสิ ทำไมเหรอ" ลูเซียสขมวดคิ้ว

    "จำได้มั้ย"

    "ได้..."

    "เล่าให้ฟังได้มั้ย เอาจริงๆ นะห้ามล้อเล่นเด็ดขาด"

    "ชั้นฝันว่าชั้นฆ่าคนๆ หนึ่งที่ห้องเก็บของ แล้วเลยหนีไปซ่อนที่โรงละคร จากนั้นก็ถูกวิสามัญที่นั่น" ลูเซียสเล่าโดยปกปิดว่าไปฆ่าใคร แต่เซเวอรัสกลับทำให้เค้าสะท้าน

    "ฆ่าพ่อชั้นใช่มั้ย"

    "ทำไมนาย--!?"

    "ชั้นได้ยินนายละเมอน่ะ... นายเกลียดพ่อชั้นขนาดนั้นเลยเหรอ..." แต่เค้าก็หยุดเมื่อเห็นลูเซียสลำบากใจ "ไม่เป็นไรหรอก มันแค่ความฝันไม่ใช่เหรอ"

    "ชั้นเกลียดพ่อนายเป็นอันดับแรก... รองลงมาก็ดัมเบิ้ลดอร์  แล้วคนที่ดันวิสามัญชั้นในฝันก็คือดัมเบิลดอร์ด้วย" เค้าพูดเมื่อเซเวอรัสเดินไปที่ประตู เซเวอรัสกลับมาตบไหล่เพื่อนและบอกว่าไม่เป็นไรหรอก จากนั้นก็ออกไปเจอกับลูเครเซียที่ออกจากห้องน้ำหญิงมา  แต่ยังไม่ทำอะไร ลูเซียสก็มองไปที่ผู้หญิงอีกคนที่เห็นไกลๆ แอนโดรมีด้า ท้องซ์!? "เดี๋ยวไปรอที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ที่เราพึ่งทิ้งมานะ แล้วชั้นจะตามไป ตอนนี้ชั้นมีธุระนิดหน่อย" แล้วก็พุ่งออกไป เซเวอรัสไม่ถามเพราะพอจะเข้าใจ ลูเซียสกำลังคาใจเรื่องที่เกิดทั้งหมด เพราะเรื่องที่ลูเซียสต้องถูกกระทรวงพิจารณาเป็นผลมาจากเธอ

    "เราไปรอเค้าที่เดิมเถอะ" เซเวอรัสบอก









    "แอนโดรมิด้า! คอยเดี๋ยว!"

    เสียงที่ดังก้องทำให้ครอบครัวท้องซ์หันมามอง นิมฟาเดอร่าไม่ได้อยู่ที่นี่ แปลว่าเธอคงจะไม่ได้กลับบ้านคริสมาส หรืออาจจะกลับไปที่โรงเรียนเพราะนี่เดินกุมภาพันธ์-ไกล้เปิดเทอมแล้ว แต่ไม่สำคัญ ลูเซียสเดินเข้าไปคว้าแขนแอนโดรมีด้าและทำให้เท็ด ท้องซ์เข้ามาขวาง "นี่คุณทำอะไรภรรยาผมน่ะ!?"

    "ไม่เป็นไรเท็ด" เธอบอกสามี "นี่น้องเขยชั้นเอง เค้าเป็นสามีของน้องสาวคนเล็กของชั้น--นาซิสซา" จากนั้นก็ยิงคำถาม "มีอะไรเหรอลูเซียส ปกติคุณไม่ใช่คนเสียมารยาทแบบนี้"

    "คุณเอาเรื่องของผมไปบอกคนอื่น! เมื่อเร็วๆ นี่ผมถูกที่ทำงานสอบสวน! เค้าหาว่าผมเป็นบ้า!"

    "ใจเย็น... ชั้นไม่ได้คิดร้ายนะ ชั้นแค่ไปเยี่ยมเบลลาทริกซ์ที่อัซคาบันเท่านั้นเอง แล้วพอดีเจอคนรู้จักก็คุยกัน อาเธอร์ วิสลี่ย์บอกว่าคุณเป็นพ่อมดชั่วร้ายที่คลั่งไคล้ศาสตร์มืดและเกลียดมักเกิ้ล ชั้นเลยแก้ต่างให้ว่าไม่ใช่หรอก เพราะถ้าคุณแย่ขนาดนั้นชั้นมั่นใจว่านาซิสซาจะไม่เลือกคุณ เพราะถึงเธอจะทระนงในเลือดบริสุทธิ์ของตระกูลแบล็ก แต่เธอก็ไม่เคยรังเกียจหรือเป็นอริกับมักเกิ้ลหรอก ที่สำคัญ คุณมักไปที่โลกมักเกิ้ลบ่อยๆ ด้วย ล่าสุดนี่เห็นเดินเข้าไปในสถาบันจิตเวชกับน้องสาวชั้น อาจจะไปเยี่ยมเพื่อนที่เป็นมักเกิ้ลก็ได้"

    "รึว่าอาเธอร์ วิสลี่ย์!?" ไม่นึกว่าหมอนั่นจะเล่นสกปรกขนาดนี้

    "ไม่หรอก ชั้นว่าไม่ใช่เค้านะ คงเป็นภรรยาเค้ามากกว่า เพราะเธออยู่ด้วยตอนที่เราคุยกัน แต่เธอคงไม่มีเจตนาร้ายหรอก คงแค่เอาไปพูดกับเพื่อนๆ ตามประสาผู้หญิงเท่านั้นเอง" แอนโดรมิด้าตอบอย่างฉะฉาน "แต่คุณน่ะสร้างศัตรูเยอะไปหน่อยน่ะสิ! ถึงได้มีแต่คนจ้องเลื่อยขาเก้าอี้ตลอด!"

    "ขอโทษนะ ผมไม่รบกวนแล้ว" ลูเซียสลูบหน้าอย่างอ่อนเพลีย

    "แต่... ไหนๆ ก็มาแล้ว ไปดื่มอะไรหน่อยมั้ย" เท็ดตัดบท เสนอไมตรีเพื่อถือโอกาสทำความรู้จักกับญาติของภรรยา

    "ไม่ล่ะ ขอบคุณมาก ผมต้องไปแล้ว น้องสาวผมรออยู่" แล้วก็จากไปเงียบๆ แอนโดรมิด้าขมวดคิ้ว ลูเซียสมีน้องสาวด้วยรึ!?
    -----------------------------------------------------------

    "ลูเครเซีย"

    "หือ"

    "เมื่อคืนเธอจำความฝันได้มั้ย"

    "ได้สิ ทำไมเหรอ"

    "เล่าให้ฟังได้มั้ย"

    ลูเครเซียมองหน้าเซเวอรัสที่นั่งข้างๆ มาพักหนึ่งแล้ว เธอถอนใจเบา "ทำไม"

    "ก็ มีเรื่องที่ชั้นสงสัยน่ะ"

    "อืม... มันแปลกๆ ชั้นฝันว่าชั้นฆ่าดัมเบิลดอร์ระหว่างที่เค้านั่งอยู่ในโรงละคร ตอนนั้นเล่นเรื่องอะไรก็ไม่รู้ จำไม่ได้ แล้วชั้นก็หนีไปเรื่อยๆ จนไปซ่อนที่ห้องเก็บของของโรงงานแห่งหนึ่ง แล้วจากนั้น ชั้นเห็นพ่อเธอ เค้าเอาปืนยิงชั้นตายคาที่เลย!"

    เซเวอรัสอ้าปากค้าง "แล้ว... เธอเกลียดดัมเบิลดอร์รึเปล่า..."

    "จะว่าเกลียดก็เกลียด เพราะเค้าน่ะกวาดล้างเพลมิล๊อคนี่นา... แต่ว่าทำไมชั้นเกลียดเค้าน้อยกว่าพ่อเธอก็ไม่รู้..."

    เซเวอรัสจับคางอย่างใช้ความคิด ทั้งคู่มีความฝันที่เชื่อมโยงกันอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะลูเซียสฆ่าโทไบอัสที่โกดังเก็บของแล้วหนีไปโดนดัมเบิลดอร์ฆ่าที่โรงละคร... ขณะที่ลูเครเซียฆ่าดัมเบิลดอร์ที่โรงละครแล้วหนีไปโดนโทไบอัสฆ่าที่ห้องเก็บของ นี่มันยังกับดูวีดีโอแล้วเล่นฉายภาพแบบย้อนกลับก็ไม่ปาน แถมรายละเอียดก็ตรงกันด้วย ดัมเบิลดอร์-โรงละคร, โทไบอัส-ห้องเก็บของ ทั้งคู่ฆ่าคนที่เกลียดที่สุดแล้วโดนคนที่เกลียดรองลงมาฆ่า ยังมีอะไรที่บังเอิญขนาดนี้อีกมั้ยเนี่ย

    "แล้วเธอสะดุ้งตื่นหลังจากถูกฆ่าด้วยรึเปล่า"

    "ใช่ ตอนนั้นมองไปที่นาฬิกาแล้วประมาณตีสอง"

    พร้อมกับที่ลูเซียสสะดุ้งตื่น... เป็นไปได้เหรอเนี่ย!?

    "คืนนี้เธอมาค้างที่บ้านชั้นได้มั้ย หรือถ้าไม่สะดวก ให้ชั้นไปค้างที่โบสถ์ก็ได้ ชั้นจะขอพ่อเอง แต่ว่า อยากให้เธอนอนใกล้ๆ กับลูเซียส"

    "มีอะไรเหรอ!?"

    "สนใจน่ะ" เซเวอรัสพูดพลางมองไปอีกทาง "ลูเซียสกลับมาพอดี"

    นาซิสซาที่รัก

    ตอนนี้ผมยังกลับบ้านไม่ได้ เพราะเซเวอรัสไม่สบายมาก ดูแลลูกด้วย แล้วผมจะกลับมาแน่นอน ขอโทษที่ไม่ได้บอกแต่แรก

    ลูเซียส



    นาซิสซาอ่านจดหมายแล้วถอนใจ พลางมองดูลูกชายที่กำลังหลับสนิท

    "หายหัวไปทั้งคืน... ชั้นห่วงเป็นนะ จะเขียนแก้ตัวก็ให้มันยาวกว่านี้หน่อยสิตาบ้า"

    เวลานี้มีแต่เธอเท่านั้นที่อยู่ในปราสาทประจำตระกูล










    ลูเซียสแน่ใจว่ากำลังฝัน... เพราะเค้าเห็นต้นเอลเดอร์ขนาดใหญ่อยู่ที่นั่น...

    ใต้ต้นไม้คือกองซากของคนมากมายที่ถูกรากเอลเดอร์ดูดกินเป็นอาหาร แต่ความเจ็บสุดพรรณาถ่าโถมเมื่อเห็นว่าอะไรอยู่ใต้ต้นไม้นั่น

    ผู้หญิงคนหนึ่งที่ผอมแห้ง ผมสีบรอนซ์ของเธอแห้งราวกับหญ้าแห้งที่ขาดน้ำ

    น้ำตาเค้าไหลออกมา ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร...

    "ลูเซียส!"

    "ลูเครเซีย..." ลูเซียสมองงงๆ ไปทางน้องสาว "ทำไมมาอยู่นี่"

    "ชั้นสิต้องถามเธอ ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้!?"

    "ชั้นก็ไม่รู้... ที่นี่ที่ไหน!?"

    "ป้าอาเทน่านำมาให้ชั้น และชั้นก็มักฝันถึงด้วย..."

    ลูเซียสสะดุ้งตื่นแล้วพบว่าน้องสาวก็ตื่นพร้อมกับเค้า คราวนี้เซเวอรัสก็ตื่นเหมือนกัน เค้าสอบถามทั้งคู่...

    ทั้งลูเซียสและลูเครเซียฝันตรงกันทั้งรายละเอียดและถ้อยคำ คราวนี้ไม่ใช่แค่ฝันเชื่อมโยงกันแล้ว แต่เป็นทั้งคู่เข้าไปอยู่ในความฝันเรื่องเดียวกันด้วย!? เรื่องบ้าๆ แบบนี้มีด้วยเหรอ!?!

    "ลูเซียสควรกลับได้แล้ว" เอรีสบอกในเช้าวันต่อมา "เพราะถ้าปล่อยให้พวกเธอเชื่อมโยนกันมากเกินไปจะไม่สามารถแยกกันได้อีก และถ้าเกิดอะไรขึ้นกับอีกคนหนึ่ง มันจะเป็นอะไรที่เจ็บปวดยิ่งกว่าการเสียคนที่รักที่สุดไปด้วยซ้ำ"

    "รุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอครับ" เซเวอรัสถาม

    "ใช่"

    "แล้วทำไม... ต้องแยกพวกเค้าออกล่ะครับ ในเมื่อพระเจ้าทรงสร้างพันธนาการอันยิ่งใหญ่ถึงขนาดนี้ไว้แล้ว ทำไมเรายังต้องใช้วิธีการอันแยบยลในการแยกทั้งคู่ออกจากกันด้วย"

    สายสัมพันธ์อันยิ่งใหญ่... ที่เหนือกว่ากฎและโซ่ตรวนใดๆ...

    "เพราะตอนนี้มันไม่ควรน่ะสิ"

    "ไม่ควร!?"

    "ทั้งลูเซียสและลูเครเซียมีงานใหญ่รออยู่ ถ้าปล่อยให้ทั้งคู่ผูกพันธ์กันมากเกินไปสุดท้ายถ้าคนหนึ่งต้องตายอีกคนอาจจะตายไปด้วยเหมือนอย่างที่ฝาแฝดอะพอลโล่-อาร์เทมีสเผชิญอยู่ตอนนี้"

    "อะพอลโล่, อาร์เทมีส... ชื่อเหมือนลูกแฝดของซิเรียส แบล็กเลยแฮะ"

    "ใช่... มันก็คือพวกเค้านั่นแหละ"

    เซเวอรัสตะลึง! "พวกนั้นตายแล้วนี่ครับ!"

    "ยังอยู่ทั้งคู่ แต่อย่าพึ่งบอกใครล่ะ!!" เอรีสกำชับ

    "หลวงพ่อรู้ได้ยังไง!?!"

    "เมื่อตอนที่พวกเธอไปเที่ยว เด็กสองคนนั่นมาหาชั้น... สายสัมพันธ์ทางวิญญาของทั้งคู่เหนียวแน่นมากจนชั้นรู้สึกได้  ว่าพวกเค้าไม่มีอยู่ไกลกันเกินสิบเมตรหรอก หรือถ้าเกินก็เพียงช่วงเวลาสั้นๆ และบางทีพวกเค้า! ในอนาคตสายสัมพันธ์นี้อาจจะรุนแรงถึงขนาดว่าไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้หากคนหนึ่งตายหรือต้องแยกจากกัน!!"

    "หลวงพ่อ..."

    "ก็เลยจะทำลายความสัมพันธ์ของลูเซียสกับลูเครเซียเหรอครับ"

    "เปล่าเลย" เค้าส่ายหน้า "ชั้นแค่ทำให้แน่ใจว่าอีกคนจะอยู่ได้ถ้าอีกคนตายเท่านั้นเอง เพราะอนาคตอันไกลของทั้งคู่ มีคนหนึ่งต้องตาย ชั้นไม่รู้ว่าใคร... แต่กับเด็กแฝดตระกูลแบล็ก พวกเค้าจะมีชีวิตอยู่ร่วมกัน อาเทน่าจึงไม่คิดจะแยกทั้งคู่"

    "แสดงคุณไม่ได้จัดเสื้อผ้าพวกนั้น"

    "เปล่า... ลูเครเซียอยากทำเองต่างหาก"
    --------------------------------------------------------------------

    ลูเซียสกลับมาบ้านด้วยความรู้สึกโหยหาแปลกๆ ราวกับเค้าพึ่งบอกลาอะไรที่สำคัญมาก ไม่น่าเชื่อว่าช่วงเวลาสั้นๆ จะทำให้เค้าคิดถึงลูเครเซียขนาดนี้ นี่ถ้าเค้าไม่กลับมาแต่อยู่ต่ออีกซักสองสามวันล่ะก้อ การแยกจากน้องสาวอาจจะเป็นอะไรที่ยากกว่านี้ เผลอๆ เค้าอาจจะขอร้องให้เธอกลับมาอยู่บ้านมัลฟอยด้วยซ้ำ

    ฝาแฝดไม่จำเป็นต้องเหมือนกันก็ได้ เค้าเห็นมันจากเฟรด-จอร์ด วิสลี่ย์แล้ว แต่ไม่ยักเป็นแบบนั้นกับเค้าบ้าง...!? ทำไม!?

    กับคำถามที่อยากได้คำตอบ แต่คำตอบกลับถูกปฏิเสธ ตอนนี้ลูเซียสเปิดสมุดบันทึกอีกครั้ง นี่เค้ากลายเป็นพวกสอดรู้เรื่องชาวบ้านเมื่อไหร่กันนะ

    เวลา ในอีกช่วงหนึ่ง ของใครบางคน...!!

    ก่อนแรก เค้าอารมณ์บูดเมื่อเห็นดัมเบิลดอร์! ผู้ชายที่เกลียดเป็นอันดับสองรองจากพ่อของเซเวอรัส และอีกคนที่ทำให้หัวใครเค้าเต้นได้น่าฟังขึ้น โลกิ

    ดัมเบิลดอร์กำลังหอบ ร้องไห้ และโลกิกำลังปลอบ!?!

    "ชั้นฆ่าอารีอันน่า...!"

    "กิลเดวัลด์บอกนายเหรอ"

    ดัมเบิลดอร์ส่ายหน้า "เปล่าหรอก แต่ชั้นกลัวว่าเค้าจะพูดแบบนี้"

    "พูดว่านายฆ่า หรือเค้าฆ่า"

    "ชั้น... ความจริง โลกิ... ชั้นรู้ดีที่สุดว่าอะไรเกิดขึ้น! วันนั้นที่อารีอันน่าตาย! คนเดียวที่เสกคำสาปพิฆาต! มันคือชั้น! ถึงแม้ว่าชั้นจะเที่ยวบอกใครในอีกร้อยปีข้างหน้าว่าวันนั้นมันชุนละมุนก็ตาม! แต่คนที่รู้ดีที่สุดก็คือชั้น! แต่ว่า... ชั้นไม่ได้เล็งไปที่เธอนะ ชั้นเล็งไปที่เค้า! ชั้นเลือกเพื่อนยิ่งกว่าน้องชายตัวเอง เพราะงั้นเค้าถึงชกชั้นในงานศพ!"

    "อัลบัส!"

    "นี่คือตัวจริงของชั้น พริ้นซ์! ชั้นมันขี้ขลาดและอัปลักษณ์!" ดวงตาที่ชุ่มน้ำตามองดูโลกิ "ชั้นรู้ว่าจากนี้จนตายชั้นจะไม่มีวันบอกความจริงกับใคร แต่... นาย! คนๆ เดียวที่ชั้นจะขอสารภาพบาปด้วย! ชั้นไม่เคยรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่กับใครเหมือนอย่างนายเลย"

    โลกิไม่ตอบ แต่คราวนี้เปลี่ยนเป็นกอด ลูเซียสตะลึงมองสิ่งที่เกิดขึ้น

    นี่เค้ามาเพื่อดูอะไรกันแน่!?!

    แต่อย่างไรก็ตาม เค้าเกลียดดัมเบิลดอร์มากขึ้นไปอีก! คนที่ทำทุกสิ่งเพื่อให้ตนพ้นผิด! ขนาดว่ายอมโกหกทุกคนว่าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น! ไม่รู้ว่าใครยิงคาถาใส่เด็กผู้หญิง! โกหกว่าเด็กผู้หญิงตายเพราะคาถาของใครก็ไม่รู้! ทั้งๆ ที่คำสาปถึงตายมันมีแค่คำสาปเดียว!

    ลูเซียสออกมาจากบันทึกปราสาทการเวลาด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความขยะแขยง...

    "ภายนอกที่สวยงาม ท้ายที่สุดแกก็ไม่ต่างอะไรกับโทไบอัส!"

    ไม่สิ.. เลวยิ่งกว่า!

    คนที่ทำตัวเป็นคนดี... แต่แล้วใช้ภายนอกที่เป็นคนดีเป็นปราการไม่ให้ใครกล่าวโทษ...!

    โลกจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครเพราะมันเป็นนิสัยเค้าอยู่แล้ว นี่สินะ! เหตุผลที่หมอนั่นไม่ยอมไปพบกรินเดวัลด์จนมีคนตายไปไม่รู้กี่ร้อยกี่พันคน! เพราะกลัว! กลัวว่ากรินเดวัลด์จะประกาศความคิดของตัวเองต่อคนอื่น!









    TBC.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×