ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เฮฮาประสาสามก๊ก

    ลำดับตอนที่ #58 : Rittlewingขอมา2-โจโฉทำให้คนเกรงได้ยังไง

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.51K
      5
      12 พ.ย. 55

    นรลักษณ์ศาสตร์ภาค2-โจโฉ

    แค่รูปเปิดก็แย่แล้ว น่ารักเกินกว่าจะกลัวลงจริงๆ^

    เพื่อนเราคนหนึ่งตั้งคำถามได้น่าสนใจมากว่า "โจโฉมีดีอะไรจึงทำให้คนมากมายมาสวามิภัก" แน่นอนว่านอกจากจะตัวเล็ก หน้าอ่อน แล้วยังกระเดียดไปทาง "น่ารัก" ด้วย รูปลักษณ์เช่นนี้คงไม่มีใครเค้ากลัวกันหรอกครับท่าน(อย่าว่าแต่กลัวเลย เค้าไม่ตบหัวเล่นก็บุญโขแล้ว) เราจึงต้องมาไล่ไปทีละขั้น

    อย่างแรกเลย... โจโฉออกจะเป็นคนที่ฝืนเกินตัว ประวัติโจโฉที่บันทึกโดยเฉินโซ่วกล่าวไว้ว่า "เป็นเด็กที่ฉลาด แก้ปัญหาเฉพาะได้เก่ง และชอบทำอะไรตามอำเภอใจ แต่เนื่องจากกล้าที่จะยืนหยัดเพื่อความถูกต้องเป็นธรรมแก่คนอื่นแม้ว่าจะต้องเจอปัญหามากมายเพียงใด ทำให้โหเง้าและเกียวซวนมองว่าโจโฉไม่ใช่เด็กธรรมดาสามัญ" และแนะนำให้ไปรับราชการ แต่โจโฉก็ไม่ค่อยสนใจนัก จนกระทั่งถูกทางจังหวัดคัดไปสอบชิงทุนในโควต้าลูกกตัญญู ตาของโจโฉคงเล็งเห็นว่ารูปร่างหน้าตาของหลานชายนั้นหากให้ทำอยู่ทำนากับตาและก็ พอถึงเวลาเกี่ยวข้าว พวกหนุ่มๆ ในหมู่บ้านคงมาร่วมกันลงแขกโจโฉมากกว่าจะมาลงแขกเกี่ยวข้าว จึงไล่ให้ไปสอบ กพ. พร้อมกับร่ายยาวเรื่องโหวเฮ้งเป็นต้นว่าตีนเล็กๆ แบบนี้มันทำนาทำไล่ไม่ได้หรอก มือเล็กๆ แบบนี้อย่าจับอะไรที่หนักกว่าผู้กันเลย ฯลฯ  โจโฉจึงไปรับคำนายจากเขาเฉียวเพื่อประกอบการตัดสินใจ ซึ่งจดหมายที่เขาเขียนไปหาเพื่อนได้กลายเป็นเอกสารสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ทำให้เรารู้จักหน้าตาโจโฉตัวจริง เขาเฉียวบอกเล่ารูปลักษณ์โจโฉไว้อย่างน่าตกใจ

    "เขาเป็นคนที่ตัวเล็กและบอบบางมากกว่าคนทั้งหมดที่เคยพบ หน้าตาสวยงาม มีแขนขาเล็กๆ ที่ยาวผิดจากคนอื่นจนดูเหมือนภาพวาดมากกว่าจะเป็นคนจริงๆ เขามีดวงตาที่ใหญ่และแจ่มใส มองตรงแน่วนิ่ง เสียงของเขาแจ่มใสดังกังวาลและมีความหนักแน่นผิดจากทุกคนที่เคยพบเห็นมา และท่าทางก็สงบไม่วอกแวก ซึ่งทั้งหมดนี้บ่งขี้ความเป็นมหาบุรุษและมหาปราชญ์ แต่ติดว่าเด็กนี่มีคิ้วดาบและมีขนยาวแม้จะเป็นขนที่เส้นเล็กและอ่อนนิ่มไม่เหมือนคนอื่นแต่มันก็ยาว(คิ้วดาบกับขนยาวเป็นลักษณะของนักรบที่เด็ดเดี่ยวมุทะลุ) ซึ่งเป็นลักษณะค้านกันอยู่ในตัว(นักรบกับนักปราชญ์) แต่กระนั้นก็ดูไม่ยากว่าเป็นเด็กหนุ่มที่เกิดมาเพื่อทำการใหญ่แน่นอน" แหม... รูปลักษณ์ต่างจากนิยายยังก่ะคนละคนเลยเนอะ ถ้าใครไม่เคยอ่านนิยาย ผมบอกให้ "เป็นคนคิ้วเล็ก ตาเล็กหยิบหยีที่มักกลิ้วกลอกระวังระแวง ตัวเตี้ยแต่หนา เครายาวหน้าเหลี่ยม" ซึ่งทั้งหมดในนิยายนับเป็นโหวเฮ้งขบถ-บอกยี่ห้อกังฉิน ส่วนตัวจริงนั้นออกแนว "หน้าไม่ให้แต่ใจรัก" เพราะดูยังไงก็ไม่เหมาะกับการขี่ม้าควงกระบี่ แต่เวลาลั่นกลองรบให้จับมันไว้ดีๆ ไม่งั้นมันจะพุ่งม้าออกไปเป็นคนแรก

    ภาพโจโฉ ฝีมือจิตกรจีน(วาดตามจินตนาการและข้อมูลจากเอกสารประวัติศาสตร์) ดูจากเครื่องแต่งกายโจโฉควรมีตำแหน่งอย่างน้อยสุด "นายกรัฐมนตรี" ทั้งที่มีอายุมากกว่าสี่สิบแล้ว แต่ประทานโทษ วาดหน้าอ่อนไปมั้ยเนี่ย(หน้าตามีเค้าของพวกเติร์กจางๆ ก็ลูกเสี้ยวนี่ ไม่ใช่ลูกครึ่ง) ดูแล้วไม่ค่อยเหมือนคนจีนเท่าไหร่

    จากตรงนี้เราจะเห็นบ้างแล้วว่าโจโฉคงเป็นที่รักของคนในชุมชนเดิมพอตัวเพราะเขาไม่มักคนไม่ได้เมื่อเห็นคนถูกรังแกหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมแล้วก็เข้าไปสอดทุกครั้งไป  ซึ่งขนาดเป็นเด็กหนุ่มต๊อกต๋อยแบบนี้ยังกล้าไปให้เค้าตื้บแบบนี้ผู้คนย่อมพูดถึงเขาดีมาก แม้จะเป็นคนดีที่ติดจะโง่ก็ตาม แต่จะว่าโง่ก็ไม่เชิงเพราะเขาเอาตัวรอดเก่งด้วยแต่ก็ไม่ทิ้งคนที่ตัวพยายามช่วยเหมือนกัน นี่แหละคุณสมบัติที่ทางการตามหา.. แต่เพราะนิสัยแบบนี้นี่แหละเมื่อไปเป็นข้าราชการก็เลยโดนแกล้งให้เป็นทำงานฝ่ายบู๊ทั้งๆ ที่หน้าไม่ให้แถมสอบติดฝ่ายบุ๋น แต่กลับกลายเป็นเรื่องดี เพราะแม้จะอ่อนแอและหน้าไม่ให้ แต่เมื่อมาประจำเป็นทหารก็ย่อมมีอำนาจมากโดยปริยายเพราะมีป้ายฐานะบอกตำแหน่งที่คนต้องเคารพ ทหารใต้บัญชาก็ต้องทำตามคำสั่งอย่างเคร่งคัด(กฎทหารเปรียบได้กับกฎอัยการศึกที่ห้ามขัดคำสั่งเด็ดขาด) ประกอบกับโจโฉเป็นคนจริง เขากล้าสั่งโบยอาของขันทีจูเซอะ ตรงนี้เป็นการวัดใจเพราะโจโฉกล้าทำในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้า เท่ากับได้สร้างบารมีไว้แล้วทำให้คนเคารพมากกว่าเดิม และเมื่อย้ายไปเป็นข้าราชการพลเรือนเขาก็มีตำแหน่งสูงขึ้น ซึ่งแม้จะมีอำนาจทางทหารน้อยลงแต่เมื่อตำแหน่งสูงกว่าเดิมตามป้ายฐานะ ผู้คนก็ต้องแสดงการคารวะตามทำเนียมจีน ทำให้โจโฉเริมชินกับการถูกคำนับไปด้วย(นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมโจโฉไม่คำนับยีเอ๋ง เพราะตามธรรมเนียมจีนคือแบบนี้ แต่ยีเอ๋งคิดตนว่าเป็นคนสำคัญที่โจโฉต้องแสดงความเคารพโดยลืมคิดไปว่าตนเป็นเด็กหนุ่มธรรมดาส่วนโจโฉเป็นนายกรัฐมนตรีและแก่กว่ายีเอ๋งยี่สิบปี)

    บางท่านอาจจะลืมเรื่อง "ซาชี่" ไปแล้ว มันคือจิตสังหารตามธรรมชาติ ผมบอกท่านแล้วว่าเบ้าตาโจโฉนั้นเป็นแบบพวกเติร์กบวกกับคิ้วดาบ มันทำให้ตาดุกว่าคนอื่น ผมรู้จักผู้หญิงลักษณะที่มีตาเหมือนโจโฉคนหนึ่ง เธอตัวเล็ก-สูงร้อยห้าสิบสี่เห็นจะได้ หน้าตาก็บ้านๆ แต่เธอมีตาที่ใหญ่และคม กระดูกโหนกคิ้วเด่นและมีคิ้วดาบ และก็เหมือนโจโฉที่ว่าเป็นคนจ้องคนไม่กระพริบ ผมสังเกตเห็นว่าแม้แต่ผู้ชายที่ท่าทางนักเลงเสียเต็มประดาบางทียังต้องหลบตาหรือเหลือบมองทางอื่นบ่อย(แน่นอนว่าเธอไม่ได้สบตาท้าทาย เธอแค่มองธรรมดา อันที่จริงเธอเป็นคนซื่อไม่คิดละแวงคนด้วย) ตาโจโฉก็แบบนี้-เวลาจ้องจะมีลักษณะเหมือนกำลังจ้องแบบเอาเป็นเอาตาย ทั้งๆ ที่มองธรรมดาๆ แบบซื่อๆ ด้วยซ้ำ แต่คนที่คุยด้วยกลับต้องกระสับกระส่ายและหลบตาเป็นพักๆ แถมเขายังเป็นคนที่คอยเรียกร้องความเป็นธรรมให้ชาวบ้าน คนที่โดนจ้องเช่นนี้จึงไม่พ้นพวกขุนนางและขันที ลองคิดเอาแล้วกันว่าดวงตาคูนี้จะสร้างความหงุดหงิดให้ราชสำนักมากขนาดใหน จนในที่สุดทางการก็ต้องย้ายโจโฉไปอยู่กับอ้วนเสี้ยวเพื่อให้มันจ้องพวกทหารแทน

    แน่นอนว่าแม้จะไปทำหน้าที่นายพลเสนาธิการ แต่มีตำแหน่งสูงกว่าทหารใต้บัญชาอ้วนเสี้ยวทั้งหมด และบอกไปแล้วว่า "กฎทหารห้ามขัดผู้บังคับบัญชา" แม้ไม่กลัวก็ต้องกลัวครับ เพราะฐานขัดคำสั่งมีโทษหนักมาก และตามธรรมชาติเจ้านายตัวเล็กก็มักทำให้ทหารเกร็งอยู่แล้ว เพราะเจ้านายตัวใหญ่เวลาคารวะไม่ต้องก้มมากก็ไม่เป็นไร(ขอแค่ไม่ค้ำหัวเจ้านายก็ใช้ได้แล้ว) แต่ก็เจ้านายตัวเล็กมันต้องก้มมากกว่าปกติ เพราะแม้จะก้มแค่ไหนแต่ถ้ายังไม่ต่ำกว่าอกเจ้านายก็ต้องโดนลากไปโบยฐานไม่มีสัมมาคารวะอยู่ดี เพราะเวลาโจโฉเดินตรวจนี่ ไม่ต้องคิดแล้วครับ ก้มให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้จะได้ไม่เจอคุกทหาร

    คงมีคนอีกไม่น้อยที่ยังไม่ทราบว่ามือของโจโฉเป็นมือสี่เหลี่ยมแต่ก็สวยและบอบบาง ตามหลักหัตถศาสตร์ก็เป็นการผสมระหว่างมือสี่เหลี่ยมกับมือแห่งจิตใจอีก เราจะเห็นมือพวกนี้ในหมู่ศิลปิน(โจโฉก็มีอารมณ์ศิลปินจริงๆ ซะด้วย) ซึ่งเพื่อนๆ อาจจะพบในมหาวิทยาลัยได้โดยไปลังเกตมือพวกเอกศิลป์ มือพวกนั้นจะมีสองแบบ แบบแรกคือรูปกรวย(ปลายนิ้วแหลมโคนนิ้วใหญ่)ซึ่งมักเป็นของผู้หญิง-เจ้าของมือมักเป็นพวกเพ้อฝัน แต่เราจะไม่กล่าวมากเพราะมือโจโฉเป็นแบบที่สอง ลักษณะมือเป็นสี่เหลี่ยม-นิ้วตรงยาวเหมือนแท่งเทียน เป็นมือที่ใหญ่แต่ผอมบางกว่ามือคนทั่วไป พวกนี้เป็นพวกบ้าอุดมการณ์ ยามบ้านเมืองปกติพวกเขาเป็นคนธรรมดา แต่เมื่อไหร่กลียุคมา พวกเขาจะกลายเป็นผู้นำทางจิตวิญญานแก่คนจำนวนมาก แต่ใครจะเป็นแม่ทัพหรือไปเป็นศาสดาก็ต้องพิจารณาด้วยว่าเส้นลายมือเป็นอย่างไร

    ตลอดสิบปีที่โจโฉได้เป็นข้าราชการ เขาได้สะสมบารมีอย่างเป็นขั้นตอน แม้จะไม่ได้มีลักษณะ-ท่าทางที่ดึงดูดใจอย่างเล่าปี่  แต่อย่างที่กุยแกบอก "ภายนอกนั้นแสนธรรมดาแต่งกายก็เรียบง่าย แท้จริงนั้นฉลาดเฉลียว บัณฑิตที่ใจเป็นธรรมจะอยากรับใช้ท่าน" การสร้างสมอำนาจของโจโฉไม่ได้เป็นไปอย่างก้าวกระโดดและโลดโผนอย่างเล่าปี่ เขามีชื่อเสียงและบารมีจากการเป็นขุนนาง ผู้คนรู้จักเขาล้วนเริ่มจาก "เฮ้ย ตัวเล็กนิดเดียวเองจะไปรอดเหรอวะ" แล้วก็กลายเป็น "เฮ้ย.. เห็นอย่างงี้แต่จริงๆ แล้วเจ๋งนี่หว่าใต้เท้าน้อย" ตอนที่โจโฉสร้างกองทัพของเขาก็ได้ความช่วยเหลือจากพี่น้องแฮหัว ซึ่งทั้งตุ้นและเอียนต่างก็รักและเคารพพี่โฉทั้งสิ้น ลูกน้องตุ้นกับเอียนก็ต้องเคารพพี่โฉโดยปริยายตามลำดับนักเลงแม้จะกังขาความสามารถบ้าง ซึ่งเท่ากับให้โอกาสโจโฉพิสูจน์ตัวเองด้วย และเมื่อพิสูจน์ตัวเองสำเร็จ โจโฉก็จะได้รับการยอมรับอย่างแท้จริงซึ่งภายหลังคนพวกนี้ก็คือปราการที่คอยปกป้องคนที่หมิ่นโจโฉและปราการใหญ่ขนาดนี้ก็ย่อมทำให้โจโฉยิ่งดูมีอำนาจมากขึ้นไปอีก และที่สำคัญคืออำนาจเหล่านี้ล้วนเป็นอำนาจที่โจโฉสร้างขึ้นเอง(ไม่ได้มาจากบุคลิกภูมิฐานที่เอาติดตัวมาแต่เกิดเหมือนเล่าปี่ ซุนเกี๋ยน)ด้วยน้ำพักน้ำแรงของเขาประกอบกับความเฉลี่ยวฉลาดในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เอาสิ่งที่เกิดเองรอบๆ ตัวมาทำให้เป็นประโยชน์ต่อตน


    เช่นกัน.. โจโฉเอาก็รู้ว่าตัวเองไม่ได้มีอะไรมากมายพอจะทำให้คนกลัวได้ ตอนที่สร้างกองทัพธรรมนั้น คนที่เป็นหัวหน้าก็คืออ้วนเสี้ยว และคนที่ทำให้คนกลัวจนต้องร่วมกับกองทัพก็คือซุนเกี๋ยน... โจโฉรู้ชัดว่าตนไม่มีอะไรจริงๆ เพราะหากเขามีอำนาจ ดูสง่างามสมจะมาเป็นจอมคนทำไมเขาไม่สามารถควบคุมพวกเสือสิงกระทิงแรดในกองทัพธรรมได้ จนต้องออกรบด้วยตัวเองและบาดเจ็บสาหัส แต่กระนั้นก็ดี มันทำให้เขาได้ใจจากประชาชนและลูกน้องที่เฝ้าจับตาดูว่าเจ้านายตัวเล็กจะรับมือกับสถานการณ์อย่างไร


     

    ดูแล้วน่าสงสารไปมั้ง...

    ครับ.. ผมคิดเช่นนั้นจริงๆ เพราะหากโจโฉดูสง่ามีบารมีด้วยบุคลิกที่ตนมีเองเหมือนในหนังสือการ์ตูนจริงๆ ก็คงไม่โดนทหารไม่ทราบจำนวนของเตียวสิ้วจับกระทำชำเราปู้ยี่ปู้ยำจนกลายเป็นโรคขี้ระแวง+ละเมอฆ่าคนเป็นแน่

    แม้ความน่าเกรงขามที่ร่ำลือไปทั่วของโจโฉ เอาเข้าจริงๆ แล้วจะไม่ใช่บุคลิกลักษณะเหมือนอย่างเล่าปี่ อ้วนเสี้ยว ลิโป้ ซุนเกี๋ยน หรือใครต่อใคร แต่เป็นกองทัพทั้งบู้บุ๋ที่เขามีต่างหากที่น่ากลัว แต่อย่างไรก็ตาม ใบหน้าและท่วงท่าของคนล้วนจารึกสิ่งที่คนๆ นั้นเคยผ่านมาทั้งสิ้น โจโฉที่ต้องแก้ปัญหามากมาย ผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านสงครามและการเมืองมานับไม่ถ้วนย่อมหลายสิ่งที่ก่อเกิดในตัว คือประสบการณ์ แววตา ท่าทาง และอื่นๆ อีกมากมาย แม้จะตัวเล็กและหน้ารักเพียงใดแต่สำหรับคนที่มีประสบการณ์หรือตาถึงย่อมมองออกว่าคนๆ นี้ "ไม่ธรรมดา" เหมือนที่ทูตซงหนูสามารถมองออกในช่วงเวลาสั้นๆ เพราะแม้จะตัวเล็กบอบบางและเป็นมิตรแค่ไหน แต่ทั้งหมดที่ผ่านมากว่าหกสิบปีได้จารึกไว้บนหน้าโจโฉหมดแล้ว มีหรือที่คนระดับวุ่ยอ๋องโจโฉจะสามารถซ่อนตัวจากคนที่ "ตามีแวว" ด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ได้ ทั้งหมดได้ถูกทูตจับจ้องหมดแล้วและยังกล่าวว่า "วุ่ยอ๋อง(ซุนต่ำ)สง่างามสมคำเล่าลือ แต่.. บุรุษน้อยที่พกดาบงามล้ำไว้ที่เอวนั้นกลับดูเป็นคนเก่งกล้าสามารถยิ่งกว่า ข้าแน่ใจว่าเขาต้องเป็นวรบุรุษกระเดื่องนาม หรือต่อไปก็อาจกลายเป็นกษัตริย์ตราธิราช อะไรบางอย่างในตัวเขาสยบและควบคุมทุกคนในห้องไว้ บางทีนี่อาจจะเป็นการทดสอบก็ได้ และบุรุษน้อยนั่นชะรอยจะเป็นวุ่ยอ๋องตัวจริงซะแล้ว"

    คราวหน้าผมจะลงเรื่องดอกไม้เหล็กแล้วนะครับ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×