ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เฮฮาประสาสามก๊ก

    ลำดับตอนที่ #53 : ขั้นรายการ-รากฐานสำคัญของวุยก๊กที่คนมองข้าม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.45K
      7
      1 ต.ค. 55

    ก่อนจะลงเรื่องอิเกียดและโจจู๋ ผมขอขั้นรายการนิดหน่อย นี่เป็นประโยชน์ในการอ่านมาก เพราะบางครั้งความซับซ้อนมักทำให้คนอ่านสับสน อีกประการมันมีบางส่วนโยนไปหาเรื่องจอมเวทย์ทั้งหลายที่จะกล่าวในบทต่อไปด้วย และหลายท่านอาจจะเริ่มตกใจว่าสามก๊กไม่ได้มีแค่เรื่องสงคราม อำนาจ และการแย่งดินแดน แต่มีเรื่องศาสนาด้วย

    ท่านรู้มั้ยว่าแท้จริงแล้วโจโฉเป็นประมุขเม้งกะ!?

    คนที่อ่านหนังสือกำลังภายนายหรือเคยดูอาจจะเคยได้ยินเรื่องพรรคมารหรือเม้งกะมาบ้าง โดยเฉพาะเรื่องมังกรหยกภาคเตียบ่อกี้ เพราะพระเอก-เตียบ่อกี้นั้นเป็นประมุขเม้งกะ ซึ่งเม้งกะไม่ใช่พรรคสมมติที่กิมย้งคิดเองรวมทั้งไม่ใช่พรรคมารด้วย เม้งกะนั้นมีมาตั้งแต่สมัยสามก๊กแล้วโดยมีกำเนิดที่เปอร์เซียและเผยแพร่ไปทั่วอาหรับ ทว่าเมื่อมายังจีนก็ต้องปรับให้เข้ากับจีนด้วย เม้งกะนั้นนับถือพระเจ้าสูงสุดคือแมนนี่หรือแมนก้าซึ่งก็คือ "อหุรามาซาดะ" อันเป็นพระเจ้าของโซโรอัสเตอร์ หรือพูดให้ชัดคือเม้งกะก็คือนิกายหนึ่งของศาสนาโซโรอัสเตอร์นั่น แล้วผมบอกเรื่องเม้งกะทำไม... เพราะเมื่อราชสำนักตกต่ำ คนก็ไม่อยากจงรักภักดีต่อไป ตลอดเวลาที่หยูสอนก็คือการจงรักภักดี แต่คนไม่ต้องการภักดีอีกแล้วหากแต่ต้องการสู้กับความเหลวแหลก ประชาชนจึงทิ้งหยูและหันไปเป็นเม้งกะที่สอนเรื่องการต่อสู้ระหว่างความดีกับความเลว  ระหว่างอหุรามาซาดะ-พระเจ้า และ อริมันด์-พญามาร แล้วก็มีสามศิษยาภิบาลแห่งเม้งกะที่ทนกดขี่ไม่ไหว ปลุกเร้าคนให้สู้กับความอยุติธรรมด้วยสโลแกน "เมื่อท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน"

    สามศิษยาภิบาลนี้ก็คือ "สามพี่น้องตระกูลจาง" หรือที่เราเรียกว่าเตียวก๊ก ผู้นำสูงสุดของขบวนการโพกผ้าเหลือง นั่นคือการเริ่มต้นของราชสำนักในการใส่ความว่าเม้งกะเป็นพรรคมารและเรียกพวกเม้งกะว่าโจรโพกผ้าเหลืองเพื่อสร้างความชอบธรรมให้การปราบและทำให้เชื่อเสียงเม้งกะเน่าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แต่กระนั้นเม้งกะกลับยิ่งเข้มแข็งโดยกระจายเต็มพื้นที่ทางภายเหนือและอิสานทั้งหมด ประธานเม้งกะในสาขาอื่นทั่วจีนก็คือ อิเกียด เตียวฬ่อ ม้าเท้ง หันซุย ฯลฯ ซึ่งมีสาวกรวมครึ่งประเทศ และเนื่องจากสถานการณ์ไม่เหมือนแต่ก่อนเม้งกะจึงไม่เชื่อฟังทางการแต่เชื่อผู้นำเพราะเหลือทนกับทางการ

    แล้วโจโฉเกี่ยวอะไร คำตอบแรกคือ ท่านรู้มั้ยว่าโจโฉอาจไม่ใช่จีนแท้ร้อยเปอร์เซนต์... แล้วเกี่ยวอะไรอีกล่ะ คำตอบที่สองก็คือแซ่เฉาของจีนนั้นมีสามสายซึ่งเฉาทั้งสามใช่อักษรจีนตัวเดียวกันแต่ไม่ได้เกี่ยวโยงกันเลย สายแรกคือเจ้าครองแคว้นเฉา สายที่สองคือสายเจ้าชายเฉา(ชื่อพระองค์)ซึ่งโจโก๋เป็นลูกบุญธรรมสายนี้ และสายที่สามคือเผ่าเฉาซึ่งเผ่าเฉานี้คือชุมชนที่เป็นเสมือนสถานีที่ติดต่อระหว่างจีนกับประเทศทางตะวันตกผ่าน "เส้นทางสายไหม" พวกเฉาเป็นคนจากดินแดนอันไกลที่เดินทางตามเส้นทางสายไหมมาตั้งรกรากที่จีนในสมัยฮั่น และประเทศที่จีนเรียกว่าเฉานี้ปัจจุบันก็คืออูสเบกีสาน ซึ่งในสมัยราชวงศ์ฮั่นนั้นพวกนี้ยังเป็นเลือดเฉาแท้ๆ ที่ยังไม่ผสมกับจีนเพราะส่วนมากจะแต่งกับคนในเผ่า แต่ก็มีบ้างที่แต่งกับชาวฮั่น ซึ่งพวกนี้ก็จะใช้แซ่เฉาโดยปริยาย ซึ่งยายโจโฉก็เป็นสายนี้ แม่โจโฉเป็นลูกครึ่งเฉา ส่วนโจโฉก็เป็นเสี้ยวที่มีสายเลือดอูสเบกิสานในตัว นั่นเป็นคำอธิบายเกี่ยวกับรูปลักษณ์โจโฉที่ดูแตกต่างจากเด็กหนุ่มฮั่นทั่วไป เป็นไปได้ว่าเมื่อเขาเฉียวเห็นดวงตาสีดำสนิททีคมคายสองชั้นที่ใหญ่และลึกลงไปในเป้า เห็นขนที่ยาวรุงรังแต่ไม่หยิกหยอยหากดูอ่อนเรียบสะอาดสะอ้าน รวมทั้งแขนขาที่เพียวยาว เขาก็คงรู้แล้วว่าคนนี้เป็นลูกเสี้ยวเฉา ถึงได้ทำนายว่าจะเป็นจอมทมิฬกินเมือง เพราะพวกเฉาเป็นเม้งกะอยู่แล้ว และโดยปกติคนอาหรับ(เฉา)ก็ค่อนข้างหัวรุนแรง แต่โจโฉตัวเล็กเกินไปจนผิดปกติทั้งที่มีเลือดเฉา ซึ่งนั่นเป็นส่วนที่น่าจะเรียกว่า "โหวเฮ้งด้อย"

    ตัวเล็กและน่ารัก(ฮา)

    นั่นอาจเป็นคำตอบว่าทำไมโจโฉไม่ค่อยอารีย์อารอบกับลัทธิข่งจื้อ เพราะหากโจโฉเติบโตมาในความดูแลของมารดาจริงตามที่พงศาวดารเก่าบอก โจโฉก็ต้องซึมซับความเป็นโซโรอัสเตอร์ไว้ด้วยอย่างแน่นอน(ไม่ว่าจะนับถือตามหรือไม่) อีกทั้งนิสัยและวิถีความคิดก็ต่างจากคนจีนทั่วๆ ไปด้วย แล้วรู้ได้ไงว่าโจโฉเป็นเฉา เพราะต้วนจงเป็นลูกครึ่งเฉาครับ(เธอเลยตัวสูง) เมื่อเธอให้กำเนิด "เซียง" ซึ่งเป็นลูกของเธอกับสามีคนก่อน โจโฉก็บอกให้ใช่แซ่เฉา(โจ) ซึ่งทีแรกต้วนจงไม่เห็นด้วยเพราะเด็กมีสิทธิรู้ว่าพ่อตนเป็นใคร โจโฉก็บอกว่า "แซ่โจ(เฉา)นี้ข้าไม่ได้ใช้เพราะต้องการทวงความเป็นลูกพ่อ(โจโก๋) แต่ใช้เพื่อที่ข้าก็เป็นเหมือนเซียง" คือเซียงมียายเป็นเฉาและมีแม่เป็นครึ่งเฉา  คราวนี้เราเห็นภาพชัดกว่าเดิมมั้ยครับ สีแดงของทัพโจไม่ใช่แค่แสดงความเป็นข้ารับใช้ราชวงศ์ฮั่นเท่านั้นแต่ยังอาจหมาย "ไฟ" เพราะเม้งกะนั้นบูชาไฟ และผมพึ่งบอกไปว่าพวกเม้งกะ(พวกโพกผ้าเหลือง)ไม่ฟังใครนอกจากผู้นำ ฉะนั้นเม้งกะจะไม่สวามิภักโจโฉแน่ๆ แต่แล้วโจโฉเจรจากับผู้คุมกฏคนหนึ่งของเม้งกะจนคนๆ นั้นฆ่าตัวตายเพื่อมอบคนของตนให้โจโฉ โจโฉจึงสั่งเปิดประตูเมืองเพื่อรับคนพวกนี้เข้าเมือง


    ถ้าโจโฉมีเชื้อสายเฉา(อูสเบกิสถาน)แล้ว เขาคงต้องมีใบหน้าที่คมกว่านี้ ดูท่านักแสดงคงต้องเปลี่ยนแล้วล่ะ

    โจโฉมีอำนาจอะไรในการทำให้คนพวกนี้เชื่อฟัง เว้นแต่จะได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการแล้วจากผู้นำในตอนนั้น และต้องได้รับอะไรบางอย่างที่แสดงถึงสถานภาพใหม่นี้ด้วย ประกาศิตอัคคีอาจไม่ได้เป็นแท่งอะไรซักอย่างเหมือนที่พวกเปอร์เซียในมังกรหยกถือมา แต่น่าจะเป็นดาบ(ซึ่งต้องทำให้เหมาะกับสาขาจีน)เหมือนดาบอาญาสิทธิ์ ซึ่งไม่แปลกใจว่าพวกมันอันหนึ่งคือดาบล้ำค่าที่ทูตชงหนูเห็นและทำให้รู้ว่าโจโฉตัวจริงหาใช่คนบนบัลลังก์ไม่ แต่เป็นชายร่างเล็กที่ยืนในที่ไม่ควรยืน เพราะตอนนั้นชงหนูเองก็เป็นเม้งกะ ฉะนั้นการรบทางเหนือจึงไม่ใช่แค่รวมแผนดินธรรมดาแต่ยังเป็นการรบระหว่างประธานเม้งกะด้วย เมื่อโจโฉพิชิตทั้งหมดได้ก็ย่อมกลายเป็นประมุขสูงสุดของเม้งกะที่มีฐานะเทียบได้กับพระสังฆราช แต่โจโฉต้องแยกศาสนาจากการเมืองจึงยกตำแหน่งประมุขให้กับโจเปียวซึ่งโจโฉเลือกขึ้นมาแทนโจฉองที่เขาตั้งใจจะให้สืบทอด

    อำนาจตระกูลโจฝังรากลึกในแผ่นดินจนเมื่อสุมาอี้เกิดตาโตอยากเป็นใหญ่ก็ต้องกำจัดอำนาจที่ใหญ่ที่สุดก่อนนั่นคือตระกูลของโจเปียวซึ่งเป็นประมุขเม้งกะก่อนเป็นอันดับแรกซึ่งทำให้ประเทศระส่ำระสายเพราะตอนนั้นคนเป็นเม้งกะกว่าครึ่งแผ่นดิน พอสุมาอี้ตาย สุมาเจียวกับสุมาสูก็ล้างตระกูลโจและเลยไปถึงลูกหลานแฮหัวเอียนด้วย แฮหัวเอียนเป็นเม้งกะ เนื่องจากแต่งกับสุมาหลิน-น้องสาวโจโฉ แล้วแม่โจโฉดันไปมีลูกกับสุมาฝางซึ่งเป็นพ่อสุมาอี้ และแก่กว่าลูกชายแค่หกปีได้อย่างไร? ข่งหยงจึงได้ข้อนินทาอีกว่าแม่โจโฉเป็นโสเภณี แม่ตายหลังน้องเกิดแค่ปีเดียว ตอนนั้นโจโฉก็พึ่งสิบหกและพึ่งแต่งงานเลยเลี้ยงน้องเหมือนเลี้ยงลูก น้องทั้งสองก็เรียกเต็งสุ่ยเจิงว่าเป็น "แม่ซ้อ" คือเป็นทั้งแม่และพี่สะใภ้ เด็กแฝดที่เกิดจากการนอนครั้งเดียวนี้ชื่อหลินกับหลานโดยหลินแต่งกับแฮหัวเอียน ส่วนหลานแต่งกับเยิ่นจวุ้น-ป๋อต๊ะ ซึ่งก็แปลสุมาสูนี่โหดมากที่ฆ่าได้กระทั้งลูกหลานป้า-สุมาหลาน พอสมัยสุมาเอี๋ยนก็ฆ่าล้างพวกเม้งกะจนศาสนาโซโรอัสเตอร์แทบจะหมดจากแผ่นดินจีน... อนิจจังเนาะ แต่ก็ทำให้นึกได้อีกว่าที่ต้องเปลี่ยนประวัติโจโฉเพราะโจโฉเป็นเฉาและเป็นเม้งกะ ในฐานะปฐมฮ่องเต้ย่อมไม่ควรมีสภาพเป็นคนนอกหรือสิ่งแปลกปลอมในสายตาประชาชน จึ่งแต่งเรื่องว่าโจโฉหรืออาหมานน้อยนั้นเป็นแก้วตาดวงใจบิดาและไม่เห็นบอกว่ามีเชื้อเฉาซักหน่อย
    โจโฉ-บุรุษที่ถูกคนยุคนั้นกล่าวขวัญว่าเป็นคนเหนือคนและเป็นคนที่มีทัศนะคติต่อสิ่งรอบตัวต่างจากคนอื่น และยังเป็นคนที่แปลกอย่างไม่เคยมีมา ซึ่งส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ใช่คนจีนแท้ๆ นั่นเอง

    น้องสาวสองคนของโจโฉสวยมากครับ และโจโฉก็หวงมากด้วย ไม่ใช่ยกให้ใครง่ายๆ กระทั่งอ้วนเสี้ยวยังโดนถีบหงายเพราะมือปลาหมึก-แต่เนื้อต้องตัวน้องสาว!

    ครอบครัวโจโฉ(เท่าที่สืบเสาะได้) อาจจะออกเสียงเวอร์ชั่นไทยไม่ถูกนะครับ เพราะฉบับเจ้าพระยาพระคลังท่านก็ออกเสียงไม่ตรงกับภาษาจีน แล้วยังไม่ได้บอกรายนามทายาทโจโฉทั้งหมดด้วย เริ่มจากภรรยาและเด็กๆ ลูกชายผมไล่ครบครับ แต่ลูกสาวไล่ไม่ครบ เพราะโจโฉมีลูกสาวสิบห้าคน(หากผมไม่ผิดนะ)แต่สืบเสาะไม่ค่อยได้ พระประวัติศาสตร์ไม่ค่อยบรรทึก.-

    เต็งฮูหยิน(Lady Ding) ภรรยาคนแรก เป็นสาวอินเดีย แต่ไม่มีทายาทด้วยกัน ภายหลังหนีจากโจโฉเพราะโกรธที่โจโฉไม่แก้แค้นให้โจงั่ง

    เล่าฮูหยิน(Lady Liu) แซ่เดียวกับเล่าปี่ มีทายาทให้โจโฉสี่หรือห้าคน คนโตคือโจงั่ง(Cao An) คนที่สองคือโจตู๋(Cao Shuo) และว่ากันว่าโจตู๋มีฝาแฝดด้วยคือโจเตียว(Cao Shang) คนต่อมาคือกงจู้ใหญ่ชิงเหอ(Qinghe) ซึ่งทีแรกว่าจะได้แต่งกับเต็งหงี แต่โจผีกีดกันจึงไปแต่งกับแฮหัวเหมา(Xiahou Mao) แทน ส่วนลูกสาวคนเล็กเล่าของเล่าฮูหยินนั้นสืบเสาะนามไม่ได้ ทราบเพียงว่าเธอบวชเป็นพระเมื่ออายุยี่สิบปีโดยรับศีล 312 ข้อตามแบบเถรวาท(ซึ่งต่อมาไม่กี่ร้อยปีเถรวาทก็หายไปจากจีนเนื่องจากปฏิบัติได้ยากในสมัยนั้น จึงเหลือแต่มหายานที่ปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสม) ว่ากันว่าโจโฉเมื่อเป็นเว่ยหวางได้สนทนาธรรมกับเธอและประทับใจในแตกฉานทางพระธรรมของเธอมากจนกล่าวว่า "ไม่แน่ใจว่ากำลังเอ็นดูหรือเลื่อมใสกันแน่" แล้วก็คารวะเธอสามครั้งโดยกล่าวว่า "ไม่ได้กราบธิดาแต่กราบภาวะธรรม" ซึ่งเธอก็ได้กราบโจโฉกลับโดยบอกว่า "กราบนี้ไม่ได้กราบบิดาแต่กราบคำสอนพระธรรมบิดาได้เห็นชั่วขณะหนึ่ง"

    เปี้ยนฮูหยิน(Lady Bian) ให้กำเนิดโจผี(Cao Pi) โจเจียง(Cao Zhang) โจสิด(Cao Zhi) โจเปียว(Cao Xiong) และโจเจี๋ย(Cao Jie)ตามลำดับ โดยโจเจี๋ยได้เป็นสนมเหี้ยนเต้และต่อมาก็กลายเป็นฮองเฮา
    โจโฉ-โจผี พ่อลูกผูกพันธ์

    หวนฮูหยิน-ต้วนจง(Lady Huan) ยอดนักรบครึ่งเฉา ก่อนจะมาอยู่กับโจโฉเธอแต่งงานกับเปี้ยนหลาง(Bian Rang)มาก่อน แต่ก็ตายทั้งที่พึ่งแต่งไม่เกินสามวัน ทิ้งลูกสาวติดท้องไว้คือโจเซียง(Cao Xian) ซึ่งโจโฉรับเป็นลูก ได้เป็นสนมเหี้ยนเต้พร้อมๆ กับโจเจี๋ย, ส่วนที่เกิดจากโจโฉหลังจากรักกับโจโฉคือโจฉอง(Cao Chong) โจจู้(Cao Ju) โจหยู(Cao Yu)

    นางพยัคฆ์แห่งวุยก๊ก

    ตู้ฮูหยิน(Lady Du) อดีตเมียเฉินหยีลู่ที่มีทายาทด้วยกันคือเฉินหลาง(Qin Lang), ต่อมานางโดนลิโป้ริบเป็นตัวประกัน(รวมทั้งตัวประกบ) กวนอูหลงนางจนน้ำลายไหลเปียกเครา แต่นางกลัวกวนอูเลยไปมอบตัวให้โจโฉก่อน เมื่อได้เสียกันแล้วโจโฉเก็บใส่ตู้ไม่ให้กวนอูมาเดินเรียบๆ เคียงๆ ต่อมาก็ให้กำเนิดโจหลิน(Cao Lin) โจกัน(Cao Gun) และเจ้าหญิงจินเซียง(Jinxiang)ซึ่งแต่งกับเฮอะหยัน(He Yan) ส่วนอดีตสามีก็มาสวามิภักกับโจโฉ ด้วยความที่อายุห่างกันและไม่รู้ความเป็นมาของอีกฝ่ายในตอนนั้นจึงทำให้โจโฉรับเป็นลูกเลี้ยง เรื่องนี้เป็นที่เอ็นจอยปากคนมากโดยเฉพาะปากข่งหยง ใครอยากทราบตอนจบของเรื่องให้อ่านใน "เทิดศักดิ์ศรีจูล่ง" โดย "เล่าชวนหัว" หน้าหนึ่งร้อยหก

    กิ๋นฮูหยิน(Lady Qin) ให้กำเนิดโจจ้าน(Cao Xuan) และ โจจั่น(Cao Jun)

    หยินฮูหยิน(Lady Yin) ให้กำเนิดโจจั๊วะ(Cao Ju)

    หวังฮูหยิน(Lady Wang) ให้กำเนิดโจจ้าน(Cao Gan) และเจ้าหญิงหลินเฟย(Princess Linfen)

    แม่นางซุน(Consort Sun), ให้กำเนิดโจซอง(Cao Shang) โจเบี้ยว(Cao Biao) และโจเฉินCao Qin

    แม่นางลี้(Consort Li), ให้กำเนิดโจเจิ้น(Cao Cheng) โจฉิน(Cao Zheng) และ โจจิ้ง(Cao Jing)

    ท่านหมอโช, แม่นางโช(Consort Zhou) หมอประจำตัวโจโฉ, ไม่ทราบรักษากันอีท่าไหนจนให้กำเนิด โจจุน(Cao Jun)ได้ ต่อมาก็ให้กำเนิดโจหัว(Cao Hua)ซึ่งกลายเป็นสนมเหี้ยนเต้อีกคน และลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน, หว่าหวา(Cao Wa) ซึ่งเกิดพร้อมๆโจยอย(เอียนสีคลอดโจยอยก่อนกำหนดสองเดือน ส่วนหว่าหวาครบกำหนดคลอดทั้งนี้เพราะโจโฉมีอะไรๆ กับหมอประจำตัวระหว่างสงครามนั้นเอง โดยมีอะไรกันเมื่อราวๆ สองเดือนก่อนโจผีเจอเอียนสี  มีเกร็ดบางเรื่องเล่าว่า จริงๆ ลูกคนโตของท่านหมอโชที่โจโฉทำให้มีชื่อว่าโจติงหยู เรียนหมอจากแม่จนเก่งเหมือนแม่เลย แล้วโดนกวนอูจับไปทำเมียก่อนเธอจะหนีกระเซอะกระเซิงกลับมาโดยมีทายาทกวนอูติดท้องมาด้วย และหลังโจโฉตายเธอก็หายตัวไป

    แม่นางเล่า(Consort Liu)แซ่เดียวกับเล่าปี่ แต่เป็นพระญาติเหี้ยนเต้(จริงๆ)ด้วยเพราะเป็นพี่สาวเล่าหัวด้วย ให้กำเนิดโจจี้(Cao Ji) และเจ้าหญิงอันยาง(Princess Anyang) ต่อมาแต่งงานกับลูกชายเทียหยก

    แม้นางซ้อง(Consort Song) ให้กำเนิดโจเหา(Cao Hui) ซึ่งเกิดได้เพียงสามปีก็กำพร้าแม้ พอได้ห้าปีก็กำพร้าพ่อ(โจโฉตาย) สร้างความสงสัยว่าแม้นางซ้องปล้ำโจโฉรึไงจึงเกิดเป็นโจเหา เพราะตอนนั้นโจโฉอายุหกสิบแล้ว และก่อนหน้านั้นสองปีแกก็บอกว่าแกนกเขาไม่ขันแล้ว แล้วไหงมีโจเหางอกออกมาอีก

    แม่นางเซ็ง(Consort Chen) มอบตัวพร้อมแม่นางซ้อง และเชื่อว่าสองคนนี้ต้องร่วมมือกันปล้ำโจโฉแน่ๆ เพราะตาเฒ่าวัยหกสิบไฉนจะมีกำลังนอนกับสาวพร้อมกันสองนางได้ เพียงแต่หลังการเสพครั้งนั้นแม่นางซ้องมีทายาทแต่หล่อนไม่มี แล้วไม่มีโอกาสแก้ตัวด้วยเนื่องด้วยโจโฉไม่กล้าเฉียดใกล้ที่พักหล่อนอีก แม่นางเซ็งจึงเซ็งสมชื่อ

    อีกสองคนนี้ไม่อยากนับเลย...

    แม่นางจ้าว หรือนางเจ๋าซื่อ(Consort Zhao) โจโฉช้ำใจจนไม่อยากมองหน้า เพราะนางเป็นเหตุให้โจงั่งตายแล้วยังทำให้โจโฉโดนกลุ่มชายฉกรรณ์ไม่ทราบจำนวนรุมโทรมจนผวาผู้ชายกลายเป็นโรคขี้ระแวงแถมละเมอฆ่าคนอีก แต่เมื่อเตียวสิ้วมาสวามิภักนางก็มาด้วย แล้วยังมีลูกติดท้องมาด้วยทำให้โจโฉจำใจรับเพราะสงสารลูก เนื่องจากตนเองมีความเจ็บปวดว่าเป็นมารหัวขนหรือลูกไม่มีพ่อ ซึ่งเด็กคนนี้ก็คือโจเมา(Cao Mao)

    ไล่เอ็งยี(Laiying'er) ความจริงเป็นนักร้องประจำกองทัพและอาจจะนางบำเรอด้วย แต่ก็ไปกิ๊กกับหวังถู(Wang Tu)

    *โจซองกับโจเมานี้เป็นคนละคนกับบรรดาลูกหลานโจโฉที่ได้เป็นฮ่องเต้ และจริงๆ พวกฮ่องเต้ในมือพวกสุมาพวกนี้ก็ไม่ได้เป็นสายเลือดโจยอยด้วย  จะว่าไปก็นึกสงสาร โจเซียง(Cao Xian) โจฉอง(Cao Chong) โจจู้(Cao Ju) โจหยู(Cao Yu) โจจุน(Cao Jun)ได้ โจหัว(Cao Hua) และหว่าหวา(Cao Wa) ซึ่งไม่เพียงแต่ต้องมาลุ้นว่าจะกำพร้าพ่อเมื่อไหร่เล่านั้น แต่ต้องคอยลุ้นว่าจะกำพร้าแม่เมื่อไหร่ด้วย เพราะเด็กพวกนี้ทั้งหมดเกิดเกิดจากท่านหมอโชกับแม่ทัพต้วนจงซึ่งต้องติดตามโจโฉไปในสงครามตลอด

    นอกจากนี้โจโฉยังมีลูกเลี้ยงอีกด้วย คือโจจิ๋น(Cao Zhen) ซึ่งเป็นลูกพี่ชายแม่ เกิดก่อนโจงั่งอีก แล้วก็มีเฮอะหยัน(He Yan) ที่เป็นลูกหยินฮูหยินกับอดีตสามี-เฮอะเว่ย(He Wei) ซึ่งเฮอะหยันก็แต่งกับเจ้าหญิงจินเซียง(Jinxiang)

    คราวหน้าเป็นอิเกียดกับโจจู๋จริงๆ ครับ และตามด้วยเรื่องที่LE BASIlIC แอบอยากจะรู้เพิ่ม แต่ผมจะไม่แอบบอกหรอกครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×