ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เฮฮาประสาสามก๊ก

    ลำดับตอนที่ #15 : ศึกใหญ่ตอนที่สอง(ภาคโหมโรง)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.77K
      9
      28 ต.ค. 54

    ศึกใหญ่ตอนที่สอง(ภาคโหมโรง)

     <โจโฉแต่งเพลงออกศึกด้วยใจฮึกเหิม มีใจความถึงความมุ่งมุ่นที่จะกวาดรวมแผนดินให้เป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง ในนิยายโจโฉได้ฆ่าเล่าฮกตาย แต่ตามประวัติศาสตร์ เล่าฮกป่วยตาย

    ศึกผาแดงนี้เป็นศึกที่แฟนๆ สามก๊กจำกันได้ติดตาตรึงใจเพราะเป็นการเปิดตัวหงส์อ่อนมังกรหลับอย่างยิ่งใหญ่  แถมยังเอามาสร้างเป็นหนังอย่างครึกครื่นว่า "สามก๊ก โจโฉแตกทัพเรือ" แต่น้อยคนจะรู้ว่านี่คือศึกที่ถูกใส่สีตีไข่มากที่สุดในเรื่องสามก๊ก ประมาณว่าถ้าคุณชื่อว่าสามก๊กนั้นเป็นเรื่องจริงเจ็ดส่วนแต่งขึ้นสามส่วนล่ะก็  หากคุณได้อ่านเรื่องจริงของศึกผาแดงคุณอาจจะพูดใหม่ว่า "สามก๊กเป็นเรื่องจริงสามส่วนแต่งขึ้นเจ็ดส่วน" เพราะมันมั่วบรรลัยเลย  แต่นั่นแหละ  คนส่วนใหญ่เชื่อไปแล้วว่าสามก๊กเป็นเรื่องจริงเจ็ดส่วนแต่งเพิ่มสามส่วน  จึงพลอยเชื่อไปด้วยว่าในศึกผาแดงนั้นเป็นดังนิยายว่าไว้จริงๆ  แต่เนื่องจากหลายคนรู้แล้วเกี่ยวกับนิยายเพราะมันโจ๋งครึ่มทั้งในหน้าหนังสือและในโรงภาพยนตร์  ผมเลยขอเน้นเรื่องประวัติศาสตร์ดีกว่าครับ  อาจจะมีบ้าๆ บอๆ บ้างตามประสาคนเขียนที่สมองบรรจุแต่เรื่องซังกะบ๊วย

    เรื่องนี้มีเค้าลางเริ่มต้นเมื่อเล่าปี่ผู้มีความดีงามเต็มเปรี่ยมดุจบัวขาวผุดขึ้นจากน้ำเน่าได้จัดการหักหลังโจโฉครั้งใหญ่อย่างที่เรียกว่าฟันแล้วทิ้ง(คือฟันด้วยดาบแล้วทิ้งให้ตายนะครับ อย่าคิดเป็นอื่น)  จากนั้นก็หนีไปซบตักอ้วนเสี้ยวให้ครางอิ๋งๆ ด้วยความเสียว  ก่อนจะตีจากไปอีกรอบตามประสาคนที่อยู่กับใครไม่ได้นานหลังจากที่นำสิริมงคลอันยิ่งใหญ่ไปฝากอ้วนเสี้ยวผู้เคยเต็มเปรี่ยมด้วยสง่าราศีก็ต้องเศร้าหมองผอมลงทุกวันๆ จนในที่สุดก็ต้องตายคาตีนอดีตภรรยา... เฮ้ย! จะบ้าเหรอ!? ไม่ได้ตายแทบเท้าโจโฉสุดที่รักซะหน่อยแต่ตายในอ้อมแขนต่างหาก! อุๆๆ ล้อเล่น... จะตายยังไงก็ช่างหัวมันเถอะ  เอาเป็นว่าหลังจากนั้นไม่นานโจโฉก็ได้เป็นใหญ่ครองภาคเหนือ-กลาง-และอิสานทั้งหมด  ส่วนเล่าปี่คนดีที่หนึ่งเลยทั้งๆ ที่ไม่เคยไปเลยก็เผ่นแนบลงใต้เพื่อกระจายสิริมงคลประจำตัวให้กับทุกคนอย่างเสมอภาค โดยเฉพาะโจโฉที่หมายหัวเป็นพิเศษแต่เพราะเป็นคนแขนขาสั้นไม่ยาวเหมือนเล่าปี่ทำให้ตามเท่าไหร่ก็ไม่ทัน-เหมือนกับที่เค้าต้องล้าหลังเสมอในยามถอยทัพ  ยิ่งเล่าปี่สตาร์ไปก่อนยิ่งไม่ต้องพูดถึง  เค้าจึงต้องกลับไปวางแผนที่จะทำให้เส้นทางการติดตามสั้นลง  หลังจากนอนเอาเท้าก่ายหน้าผากคิดซักพักก็มีคำสั่งให้ขุดสระเพื่อฝึกซ้อมการสัปยุทธทางเรือ

    ตอนนั้นเอง  เล่าปี่ก็ได้ไปอาศัยอยู่กับเล่าเปียวซึ่งต้อนรับอย่างดี  แต่บรรดาเมียและลูกน้องค้านหัวชนฝาเพราะเกรงว่าเล่าเปียวจะโดนอาถรรพณ์  ซึ่งไม่ได้พูดเล่นๆ แต่เปิดปูมประวัติเล่าปี่มาพูดกันให้เห็นจะๆ (มันเข้าแก๊งไหนหัวหน้าแก๊งซวยหมด)แต่เล่าเปียวนั้นทำบุญมาเยอะจริงไม่เชื่อคำพูดของใคร  เลี้ยงดูเล่าปี่อย่างดีมาถึงเจ็ดปี  ช่วงนี้มีเรื่องที่เขียนอย่างชัดเจนในประวัติศาสตร์เลยว่า ระหว่างประชุมเล่าปี่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ  ครั้งกลับมาก็ร้องไห้ พอเล่าเปียวถามแกก็ตอบว่า "สมัยก่อนโคนขาของข้าพเจ้าผอมเพรียวและแข็งแกร่ง เพราะรบทัพจับศึกอยู่บนหลังม้า แต่ตอนนี้โคนขาของข้าพเจ้าอ้วนฉุและหย่อนยาน" ครับ... ผมว่าหลายๆ ท่านคงเคยอ่านสามก๊กหลายเวอร์ชั่น โดยเฉพาะล่าสุดนี้มีเวอร์ชั่นแปลจากจีนพิมพ์สีทั้งเล่ม ราคา 180 บาท เล่มแรกขึ้นปกด้วยกวนอู ตามมาด้วยลิโป้ โจโฉ แฮหัวตุ้น ฯลฯ ผมอ่านแล้วหัวเราะก๊าก เพราะโจโฉนับวันจะขยายข้าง ขณะที่เล่าปี่หุ่นดีมีกล้าม!? เรื่องจริงมันผิดกันลิบลับเลย เพราะโจโฉนั้นบอบบางร่างเล็ก พอออกศึกก็ผอมลงเพราะซดแต่ข้าวต้มกับโครงไก่ แล้วยิ่งตอนใกล้ตายเค้าว่าผอมจนแทบเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก!? ขณะที่เล่าปี่หุ่นดีแค่ช่วงหนุ่มๆ พอแก่ตัวมาแทบจะเปลี่ยนชื่อจากเล่าปี่เป็นเล่ากลองเพราะกินจนอ้วน

    ช่วงนี้มีการปรากฏตัวของลูกกตัญญูนามซีซี, ผู้ซึ่งหลอกว้านจงเขียนไว้ว่าเป็นยอดอัจฉริยะคนหนึ่ง แต่เสียรู้จดหมายที่โจโฉสั่งปลอมลายมือแม่ส่งมาให้ จนต้องจากเล่าปี่มาอยู่กับโจโฉ ทั้งที่เรื่องจริงในประวัติศาสตร์อีตาซีซีมันหนีไปหาโจโฉด้วยตัวมันเอง แถมหลอกว้านจงยังยกเมฆอีกว่าด้วยแผนการของเมอร์ซิเออร์ซีซีทำให้เล่าปี่สามารถชนะแฮหัวตุ้นได้... อันนี้ต้องตำหนิครับ  เพราะความจริงในประวัติศาสตร์นั้นผมได้ให้ความเห็นแล้วว่า ผู้นำที่เหลือรอดในยุคนั้นล้วนเป็นวีรบุรุษโฉดแห่งกลียุคทั้งสิ้น  เล่าปี่ก็ถือเป็นวีรบุรุษโฉดเช่นกันและเก่งกล้าสามารถยิ่งกว่าในนิยายมากนัก  ผมจึงสงสัยติดหมัดว่าหลอกว้านจงแกกินยาผิดรึไงถึงเขียนให้ยอดคนอย่างเล่าปี่เป็นจอมขี้แยแบบนั้น  เพราะในการรบกับแฮหัวตุ้นแล้วชนะนั้นเล่าปี่วางแผนเองและชนะด้วยความสามารถ(เล่าปี่ตัวจริงเทพกว่าข่งเบ้งมาก  เค้าไม่ต้องพึ่งสติปัญญาของท่านมังกรแม้แต่น้อย)  เล่าปี่ทั้งเก่งกาจ เจ้าอุบาย เป็นนักจับเสือมือเปล่า และโหดยิ่งกว่าโจโฉ(ที่ถูกยัดเยียดบทอำมหิต)หลายเท่าตัว  ที่โหดกว่าเพราะใจเย็นและเลือดเย็น  ถ้าคิดกำจัดไม่ช้าหรือเร็วก็ต้องกำจัด  โจโฉซะอีกที่โผงผางแต่พอเอาเข้าจริงๆ กลับใจอ่อนเกินคาด ไม่เชื่อกลับไปดูกรณี ตันก๋ง วุ่ยจง ตันเหลิม อองซาน(สามีของซัวบุ้นกี้) ฯลฯ

    ก่อนที่บิ๊กจิ๋ว เอ้ย! บิ๊กโจ ผู้นำรัฐบาลผู้มีรูปร่างหน้าตาไม่สัมพันธ์กับอายุและตำแหน่งทางการเมืองจะเคลื่อนทัพลงสู่ภาคใต้นั้น  ก็ได้รับการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เป็นนายกรัฐมนตรี หรือ "เจ้าพระยามหาอุปราช" แต่ในสามก๊กดันทะลึ่งกร่อนคำจนกลายเป็น "มหาอุปราช" ซึ่งถือว่าผิดอย่างไม่น่าให้อภัย เพราะ มหาอุปราช คือตำแหน่ง "วังหน้า" ซึ่งมีศักดิ์เป็น "รองพระเจ้าแผ่นดิน" ซึ่งต้องหมอบคลานเข้าเฝ้าและใช้คำราชาศัพท์  โจโฉเป็นช่วงขาขึ้นและของขึ้นก็ส่งสายลงมาทำสงครามจิตวิทยาเป็นระยะๆ ว่าจะยกทัพลงมาแปดแสนคน(ป๊าด!) ทำให้เล่าเปียวถึงกับช๊อกจนล้มป่วยทันที  เล่าปี่ร้อนใจมากจนต้องออกไปตามหาเด็กหนุ่มที่เคยมาเสนอนโยบายแต่ตนไม่สนใจ-จูกัดเหลียง ข่งเบ้ง  และเยือนกระท่อมสามครั้งจึงพบเด็กหนุ่มในสภาพแต่งตัวหรูหราทั้งๆ ที่เป็นชาวนาอยู่บนดอย เจ้าหนุ่มก็ร่ายยาวเกี่ยวกับหนทางการเป็นเจ้าแผ่นดิน  เล่าปี่ได้ฟังก็เคลิบเคลิ้มถึงขั้นตีอกชกหัวร้องไห้รำพันขอให้ข่งเบ้งเห็นใจและขอนอนเดียวกัน ข่งเบ้งก็โปรยยิ้มละไมจัดให้อยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่นกะหนุ่งกะหนิงก่อนจะเก็บข้าวเก็บของหนีตามเล่าปี่ไป(สงสัยเล่าปี่คงเสพไปแล้วในคืนนั้นเอง) หลังจากนั้นไม่นานเล่าเปียวก็มีอันต้องป่วยตายอย่างลึกลับ ตำแหน่งเจ้าเมืองจึงตกเป็นของเล่าจ๋อง  ระหว่างนี้โจโฉได้ประหารข่งหย่งด้วยครับ ส่วนสาเหตุนั้นผมจะแจกแจงอีกทีหลัง
     
    ^ยุทธศาสตร์หลงจง สุดยอดแผนการบรรลือโลก แต่ผมกับเล่าชวนหัวเห็นด้วยกับท่านเหมาเจ๋อตงว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นของความสื่อระดับโลกมากกว่า

    ข่งเบ้งนี้หลายคนได้รู้จักเค้าเป็นอย่างดีทั้งในนิยายของหลอกว้านจงและในบทงิ้ว ละคร เกมส์ ไปจนถึงภาพยนตร์เนื่องจากเปิดฉากสนทนา(ไม่ใช่สนทนาธรรมนะ) กับเล่าปี่ในกระท่อมหลงจงจนถูกยกย่องให้เป็นสุดยอดยุทธศาสตร์  แต่อย่างไรก็ดียังมีผู้เห็นต่างคือเมอร์ซิเออร์เหมาเจ๋อตงที่กล่าวไว้ว่า "ข่งเบ้งแพ้ทั้งแต่เปิดตัวครั้งแรก และไม่ต้องสงสัยว่าทำไมจ๊กก๊กถึงได้ล่มสลายก่อนใคร เนื่องจากแผนการในกระท่อมหลงจงนั่นเอง เพราะตามแผนการของข่งเบ้งจะต้องกระจายกำลังออกเป็นสามส่วนและอยู่หางกันหลายพันลี้ไม่สามารถเรียกระดมพลในเวลลาที่ต้องการได้  แบบนี้ไม่แพ้ได้อย่างไร" และท่านยังกล่าวว่า "ช่างเย็บหนังสามคนยังเก่งกว่าข่งเบ้ง" แม้บางท่านไม่เคยได้ยินคำนี้  แต่ถ้าอ่านหงสาจอมราชันญ์ก็จะเจอสำนวนนี้เหมือนกันครับ  เพียงแต่สำนวนนี้ในจอมราชันย์  ใครไม่รู้คิดว่าเป็นสำนวนแต่โบราณ  จริงๆ ผู้ริเริ่มคือท่านประธานเหมานี่เอง  สำหรับผมยอมรับว่าไม่ได้รู้สึกว่าเป็นแผนอัจฉริยะอะไรเพราะไม่รู้เรื่องการทหารเหมือนท่านประธานเหมา  แต่ผมสะกิดใจตรงที่ว่า  เฮ่... นี่ใจคอจะไปพึ่งคนอื่นยังจะวางโกงคนที่จะไปหวังพึ่งเลยเหรอ?  ยอมรับว่าอ่านเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกว่าพวกเล่าปี่เป็นพระเอก  โจโฉซะอีก  ได้ชื่อว่าเลวอย่างนั้นอย่างนี้  แต่พอผมอ่านนิยายผมกลับไม่แน่ใจว่าโจโฉร้ายจริงรึเปล่า  นี่ขนาดนิยายนะ! พอเจอเล่าชวนหัวชี้เป้าก็เลยออกข้างแบบช่วยไม่ได้

    เพราะก่อนที่ผมจะอ่านสามก๊กฉบับคนเดินดิน  ผมก็เห็นตรงกันกับเล่าชวนหัวว่า ถึงเล่ากลอง(ไม่เล่าปี่แล้ว  เพราะมันอ้วนแล้ว)จะไม่มีข่งเบ้งแนะนำ  แกก็ต้องไปหาซุนกวนอยู่แล้ว  เพราะซุนกวนเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่แกยังไม่ไปพึ่ง  อีกประการ  ตอนอ่านนิยายผมไม่เชื่อว่าช่งเบ้งเก่งจริงเหมือนกับที่ญาติผมบอกว่าเก่งจนรู้ดินฟ้ามหาสมุทธ  เพราะหนึ่ง ผมมองโจโฉเสียทหารไปคราวละแสนถึงสองครั้งไม่น่าทำให้แกสามารถนำทัพลงมาอีกได้ เพราะคงไม่มีใครเล่นด้วย  ถ้ายังดันทุรังมีแต่จะถูกรัฐประหารเปล่า  แต่โจโฉก็ยังนำทัพมาให้เผาอีกเกือบล้าน  ทำให้ผมสงสัยว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องจริง  เพราะ

    1 โจโฉที่ฉลาดล้ำมาตั้งแต่ยังหนุ่มไม่น่าเสียท่าเด็กที่พึ่งลงจากดอย 
    2 ถ้าข่งเบ้งเก่งจริงเล่าปี่คงไม่หนีหัวซุกหัวซุนขนาดนั้น  เพราะเล่าปี่เป็นยอดนักชักดาบ(จากที่อ่านมาทั้งนิยายและประวัติศาสตร์)  แต่พอข่งเบ้งมาอยู่ด้วยไม่นานเล่าปี่ก็หนีแบบหมดสภาพที่สุด  ถ้าข่งเบ้งเก่งจริงเล่าปี่คงไม่อยู่ในสภาพนั้น 
    3 เค้าว่าถ้าได้หงส์หรือมังกรอย่างใดอย่างหนึ่งจะได้ครองแผ่นดิน  แล้วทำไมเล่าปี่มีทั้งหงส์และมังกรจึงพบแต่ความผิดหวัง  เว้นแต่สองคนนี้(เบ้ง-บัง)จะไม่ใช่หงส์และมังกรนั่นเอง(พอๆ กับที่อ่านผู้ชนะสิบทิศแล้วไม่เชื่อที่ยาขอบเขียนนั่นแหละครับ เลยศึกษาเอง ไปๆ มาๆ ชอบตะเบ็งชเวตี้มากกว่าจะเด็ดซะอีก จนเอาเป็นตัวเอกในปาฏิหารย์รักเหนือกาลเวลามาแล้ว) พอมาศึกษาประวัติศาสตร์สามก๊กก็เลยตาสว่างเลยครับ 
    4 ถ้าท่านสนใจเรื่องจริงก็จะเห็นชัดเจนเช่นกันว่า หลังจากการหนีอย่างหมดสภาพครั้งนั้น  เล่าปี่ไม่เชื่อข่งเบ้งอีกเลย!? และข่งก็ไม่เคยมีบทบาทอะไรในชีวิตของเล่าปี่อีกจนกระทั่งหลังศึกสุดท้ายเพราะไม่มีใครจะให้ฝากฝังแล้วนั่นเอง

    บางทีผมก็แอบคิดเล่นๆ ถ้าหงส์และมังกรไม่ใช่บังทองและข่งเบ้งจะเป็นใคร?  ขอบคุณประวัติศาสตร์ที่ให้คำตอบ  หงส์คือโจโฉส่วนมังกรคือพระเจ้าเหี้ยนเต้!(หงส์ตามความหมายของคนสมัยนั้นหมายถึงนางแก้วกัลยา หรือ ยอดเสนาธิการที่มีสติปัญญาสูงส่ง  ส่วนมังกรหมายถึงผู้มีอำนาจ--มีสิทธิในราชบัลลังก์) ผู้ชักใยเบื้องหลังคือสุมาฝางที่เดินหมากก่อนตาย สุมาเอี๋ยนที่เป็นลูกหลานจึงได้ครองทั้งแผ่นดิน! เพราะผู้ครองหงส์และมังกรที่แท้จริงก็คือตระกูลสุมานี่เอง!
     
    ^โจโฉมาดพญาหงส์ แล้วเป็นหงส์ที่ปีกกล้าขาแข็งด้วยครับ ไม่ใช่แค่หงส์อ่อนเหมือนบังทอง

    กลับมาที่สงครามใหม่...! หลังจากส่งคนมาทำสงครามจิตวิทยาพอแล้ว โจโฉก็เคลื่อนพลสองแสนมาหมายพิชิตศึกให้เร็วที่สุดพร้อมกับปล่อยข่าวโคมลอยมาตลอดทางมีไพร่พลเรือนล้าน! และสงครามจิตวิทยาเป็นผลสำเร็จเพราะระหว่างเคลื่อนพลลงมานั้นไม่มีการต่อต้านแม้แต่น้อย! เนื่องจากชื่อเสียงความโหด(ยอดคนดีค้ำแผ่นดิน-จอมทมิฬกินเมือง), นักรบขั้นเทพ และความงมงายของคนเรื่องพญาหงสาแปลงร่างเป็นมนุษย์และร่อนลงมายังลุ่มแม้น้ำฮวงโห เมื่อผู้คนฝ่อมากขนาดนั้น  เล่าจ๋องผู้มีชื่อนำหน้าด้วยคำว่า "เด็กชาย" จะทำอะไรได้  นอกจากออกมาอ่อนน้อม-ยกเมืองให้  นับว่าเล่าปี่ฉลาดมากที่ไม่รับเมืองจากเล่าเปียวเพราะถ้ารับไว้ต้องพังพาบจบสิ้นเพียงเท่านั้นเนื่องจากโจโฉคงไม่ยอมโดนหลอกซ้ำแน่นอน! และโจโฉก็มีการเอาพลที่ตนนำมาทิ้งไว้รักษาเมือง  ก่อนจะขอไพร่พลเกงจิ๋วที่เชี่ยวชาญการรบทางเรือไปเพื่อเดินทางไปสู่เมืองกังตั๋ง  ไพร่พลทั้งหมดที่โจโฉรวบรวมได้เพื่อไปรบต่อมีรวมทั้งสิ้นประมาณ แสนแปดเศษๆ เกือบสองแสน

    ข่งเบ้งได้สั่งให้มีการอพยพผู้คนไปพร้อมกับเล่าปี่(เพื่ออะไร?)โดยประกาศว่าโจโฉเป็นคนเหี้ยมโหดพร้อมจะฆ่าทุกคนอย่างไม่ปราณี  ก่อนจะอพยพอีกเมืองเมื่อไปถึงและทั้งสองเมืองก็ถูกเผาจนย่อยยับเพื่อไม่ให้โจโฉใช้ประโยชน์ได้  เป็นไปได้รึเปล่าว่าการเผาเพื่อบีบให้ประชาชนต้องทิ้งเมือง  ตอนนี้เองที่ซีซีตัดสินใจทิ้งเล่าปี่ไปอยู่กับโจโฉ  ว่ากันว่าเพราะแม่ของซีซีถูกโจโฉจับตัวได้  แต่โจโฉจะไปรู้จักมักจี้แม่ซีซีเมื่อไหร่กัน  ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นคือเมื่อโจโฉมาถึงเมืองที่ถูกเผาทำลายสิ่งแรกที่โจโฉทำคือให้ทหารช่วยผู้ประสบอัคคีภัยเป็นอันดับแรก(แปลว่าที่ประกาศออกไปโกหกสิ) ดังนั้นแม่ซีซี จึงไม่น่าจะถูกจับตัวแต่ได้รับการช่วยเหลือ และซีซีเลือกไปอยู่กับโจโฉเพราะพวกเล่าปี่ทำให้แม่ตนอยู่ในอันตรายจึงหันไปหาโจโฉที่ช่วยแม่ตนเองไว้  การที่โจโฉเสียเวลาเยียวยาผู้ประสบภัยนี่เองทำให้เค้าต้องล้าหลังเล่าปี่อีกครั้งก่อนจะตัดสินใจไล่กวดในภายหลัง  ช่วงนี้มีเหตุการณ์ที่น่าสนใจเกิดขึ้นดังนี้

    ศึกนี้ชงต๊ะหรือสุมาอี้ได้ติดตามมาด้วย(แต่ไม่มีบทในศึกผาแดง)โดยได้ไล่ตามเล่าปี่ไปจนถึงเมืองที่สอง และทหารใต้บัญชาการของเค้าได้ฆ่าฟันผู้คนไปเป็นจำนวนมากเพราะต้องการจับเล่าปี่ให้ทันแต่ประชาชนขวางทางค่อนข้างมากเหมือนกัน(ตกลงประชาชนเป็นโล่ของเจ้าปี่รึนี่...) ในเมืองที่สองนี้เองเล่าปี่หนีไปก่อนเพื่อนโดยระหว่างทางได้โยนลูกสาวลงจากรถม้าถึงสองคน  เรื่องนี้มีจริงในประวัติศาสตร์แต่ไม่มีในบทงิ้ว  ไม่ต้องตกใจในความโหดครั้งนี้ครับ เพราะบรรพบุรุษของเล่าปี่ก็ถีบลูกชายตัวเองลงจากรถม้าเพื่อให้รถม้าเบาเหมือนกัน  เมื่อโจโฉตามมาถึงเลยว๊ากเข้าให้(ในมังกรอหังการฯ เป็นมาซึมิว๊ากแทน)และไม่ยอมให้สุมาอี้ตามไปในศึกผาแดง  แต่ไม่ได้ลงโทษมากมายอะไรเพราะเป็นเหตุการณ์ปกติในสงครามที่อะไรก็เกิดขึ้นได้  แล้วก็สั่งให้ทหารเข้าดูแลประชาชนที่ประสบภัย  ส่วนจูล่งที่ระวังบรรดาประชาชนที่ถูกเกณฑ์ให้ตามเล่าปี่ไปนั้นก็ได้ทราบทีหลังว่าอาเต้าและฮูหยินของเล่าปี่อยู่ในที่เมืองที่ทหารโจพึ่งยึดได้  แต่อย่างไรก็ตามสถานการณ์ที่ทหารโจโฉสุมหัวกันเต็มไปหมดนั้นคุณจะเข้าไปโดยปลอดภัยได้หรือไม่แม้ว่าทหารกำลังช่วยคนก็ตาม  เพราะแม้จะช่วยชาวบ้านแต่เค้าจะฆ่าพวกเล่าปี่นี่  จึงเกิดวีรกรรมตะลุชิงตัวอาเต๊าในครั้งนี้  โชคดีที่โจโฉมาทันเวลาและเห็นว่าจูล่งกำลังอุ้มเด็กจึงสั่งให้เปิดทางให้จูล่งหนีไป และครั้งนี้เล่าปี่ก็จัดการโยนลูก ทำให้อาเต๊าเกือบตาย และคงตายไปแล้วถ้าจูล่งไม่มารับไว้

    ตอนต่อไปจะเป็นเช่นไร ผมจะมาเล่าต่อแน่นอนครับ!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×