ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เฮฮาประสาประวัติศาสตร์--ภาคVlad_Tepes

    ลำดับตอนที่ #25 : จุดจบ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 288
      7
      30 มิ.ย. 59


    หลังจากที่วลาดรบชนะพระเจ้าบาซารับแล้วกลับมาสู่ราชบัลลังก์ พระองค์ก็กลับสู่ราชกิจการพัฒนาประเทศอย่างที่เคยเป็น วัลลาเคียกลับสู่สภาวะปลอดอาชญากรรมอีกครั้งแม้ว่าวลอดจะไม่ทรงเสียบใครเลย ถ้วยทองคำสามารถตั้งไว้กลางเมืองเพื่อให้ทุกคนได้ดื่มน้ำอีกครั้ง ดูเหมือนประเทศจะกลับเข้าสู่ระเบียบอย่างเงียบๆ โดยไม่จำเป็นต้องมีคำสั่งของพระราชา ซึ่งทำให้คิดว่าแม้วลาดจะเป็นกษัตริย์ที่่อ่อนโยนและเป็นมิตรกับประชาชน แต่ความโหดเหี้ยมในการลงโทษคนผิดอย่างไร้ปราณีก็เป็นความจริงด้วยเหมือนกัน

    อย่างไรก็ตาม วลาดอยู่ในพระราชอำนาจได้เพียงไม่นานก็เกิดศึกใหญ่ขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ออตโตมันนำกองทัพมาและวลาดแทบไม่อยู่ในสภาพที่จะต่อสู้ได้อย่างร้อยเปอร์เซนต์เนื่องจากพึ่งกลับสู่ราชบัลลังก์ไม่นาน อะไรๆ ก็ยังไม่เข้าที่เข้าทางอีกทั้งทหารบางส่วนถูกส่งไปร่วมกองทัพกับพระเจ้าสเตฟานมหาราชย์และพระเจ้าสตีเฟ่น บาโธรี่แห่งทรานซิลวาเนีย ทำให้พระองค์อยู่ในภาวะขาดแคลน ทหารอาชีพของพระเจ้ามีน้อยเกิดไปที่จะรับมือกับทัพใหญ่เช่นนั้น อีกทั้งตอนนี้กำลังเข้าสู่ฤดูหนาว ระหว่างที่พระองค์ทรงวุ่นวายพระทัยเกี่ยวกับอนาคตที่ไม่แน่นอนนี้ ประชาชนได้ปราภฏตัวที่หน้าพระราชวังแล้วประกาศที่จะรบเคียงบางเคียงใหญ่กับพระองค์--ไม่เว้นแม้แต่เด็กผู้หญิง ทำให้วลาดทรงประทับใจมาก

    ^สงครามครั้งสุดท้าย

    บางที วลาดอาจจะมองหาวิธีที่จะถ่วงเวลามากกว่าจะเอาชนะ เพราะพระองค์ไม่เคยปล่อยให้ประชาชนของพระองค์ต้องอยู่ในอันตราย ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นคือวลาดแบ่งทหารเป็นสองกอง--กองหนึ่งอารักขาประชาชนไปซ่อนที่ภูเขา และอีกส่วนอยู่กับพระองค์เพื่อวางแผนการรบ ทำไมผมคิดแบบนั้น? เพราะจำนวนทหารที่อยู่กับพระองค์คือประมาณ300คน! วลาดอาจจะบ้าไปแล้วถ้าจะทรงคิดเอาชนะออตโตมันด้วยทหารแค่สามร้อยคน แต่ท่านอ่านไม่ผิดครับ พระองค์เป็นบ้าพอที่จะนำทหารจำนวนพอๆ กับลีโอไนดัสไปต่อสู้ต้านทัพเติร์กราวกับเป็นวีรบุรุษสปาร์ต้า.. ผมพยายามว่าวลาดจะได้อะไรจากสิ่งนี้ ชัยชนะในเชิงจิตวิทยา? จริงถ้าพระองค์สามารถต้านทัพจำนวนมหาศาลด้วยทหารเพียงหยิบมือ ยุโรปจะสนใจที่จะต่อสู้กับเติร์กอย่างจริงจังหรือไม่? วลาดเคยทำเช่นนั้นมาแล้ว ไม่เห็นได้อะไรขึ้นมา แม้แต่ความพยายามที่จะขอความช่วยเหลือยังถูกปฏิเสธ วลาดถูกทิ้งให้สู้เพียงลำพังสำหรับเวลาที่ผ่านมาและกลายเป็นนักโทษทางการเมืองสำหรับความพยายามที่จะปกป้องประเทศ--ยุโรป--และคริสตจักร

    ดังนั้น ผมมาสู่ข้อสรุปที่ไม่คาดคิดอีกอย่าง... นั่นคือวลาดอาจจะไม่ได้เตรียมเพื่อเอาชนะ แต่ทำให้แน่ใจว่าพระองค์จะปกป้องคนของพระองค์ได้นานที่สุดหรือไม่? เมื่อพระองค์ตรัสกับทหารสามร้อยนายของพระองค์ว่า "ยกดาบของพวกเจ้าขึ้นมาและต่อสู้ร่วมกับข้าพเจ้า"

    เอาล่ะ... ไม่ว่าเรื่องจริงจะเป็นยังไง สิ่งที่เราต้องรู้ก็คือ ปีที่สงครามเกิดคือปี 1476--ปีที่วลาดเสด็จสวรรคต!

    ^คิดว่าสุดท้ายทั้งเมห์เหม็ตและวลาดคงไม่ได้ต่อสู้กันเหมือนในภาพนี้

    และเรื่องราวกับสงครามครั้งนี้เต็มไปด้วยปริศนา...

    ประการแรกไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่มีใครบันทึกเหตุการณ์จริงจัง แต่มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้นสี่แบบ

    1. วลาดและทหารสามร้อยคนต่อสู้จนตัวตายจริงๆ
    2. วลาดสามารถทำให้ทหารเติร์กล่าถอยไปได้ แต่ระหว่างนั้นราชองครักษ์ของพระองค์ได้ฉวยโอกาสที่อยู่กับพระองค์ตามลำพังปลงพระชนม์พระองค์
    3. สงครามยังไม่ทันรู้ผลแพ้ชนะ แต่หนึ่งในคนของพระองค์ได้รับสินบนจากทหารเติร์กให้สังหารพระองค์ซะ
    และสุดท้าย, 4. วลาดรบแพ้-ถูกจับเป็นเชลย-และถูกประหารโดยพวกเติร์ก

    และไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร ทุกตำนานเหมือนกันคือ, วลาดถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม--โดยผู้ที่สังหารพระองค์ทำให้แน่ใจว่าพระองค์จะต้องสวรรคตอย่างทรมาณ หลังจากนั้นก็ตัดพระเศียรเพื่อเสียบประจาน... อา..ในที่สุดนักเสียบก็ถูกเสียบซะเอง... ชั่งเป็นตอนจบที่น่าหดหู่อะไรเช่นนี้

    ^ป้ายแนะนำเกี่ยวกับวลาดอย่างคร่าวๆ

    และแล้วผมก็มาถึงตอนจบเช่นกัน ผู้อ่านอ่านทั้งหมดมาแล้วอาจจะไม่เชื่อว่าท้ายที่สุดวลาดได้กลายเป็นทรราชย์ที่แวมไพร์ ทั้งที่พระองค์เป็นคนที่ถูกรังแกตั้งแต่ต้นจนจบ(แม้จะได้แก้เผ็ดบ้างในบางช่วง) ทำไมเรื่องแบบนี้จึงเกิดขึ้นได้ เพราะแค่บราม สโตรกเกอร์บังเอิญเจอพระนามของพระองค์ท่ามกลางเอกสารเกี่ยวกับลำดับราชวงศ์ของทรานซิลวาเนียแล้วรู้สึกว่ามันเท่ดีถ้าจะกลายเป็นชื่อของท่านเคาท์แวมไพร์เท่านั้นเองเหรอ

    แล้วเมห์เหม็ต? พระองค์เป็นไงบ้างนะ... ครับ ในเอกสารฝั่งตุรกีระบุว่าพระองค์โกรธแค้นวลาดสำหรับการเป็นศัตรู แต่เมื่อได้เห็นพักรที่งดงามของพระองค์ที่ถูกออกจากโหลที่เต็มไปด้วยน้ำผึ้ง(ป้องกันศพเน่า) ความพิโรธก็ดับวูบ กลายเป็นความอาลัยรักขึ้นมาแทน, แต่ด้วยความซึนก็เลยสั่งให้เสียบประจานตามประเพณีศึก แต่ครับ... ไม่ทันวัน พระเศียรของพระเจ้าวลาดก็ถูกถอดลงจากหลักไม้และทำพิธีฝังอย่างสมพระเกียรติ

    ^ภาพจำลองเมห์เหม็ตแบบสามมิติโดยจำลองจากภาพเหมือน... หล่อเหมือนกันนี่นา

    ไม่มีใครรู้ว่าพระเศียรของวลาดถูกฝังที่ใด แต่.. มีตำนานเล่าเกี่ยวกับที่บริเวณถนนธนาคารในกรุงอิสตันบูลระบุว่า มีพื้นที่เล็กๆ ซึ่งในสมัยของเมห์เหม็ตที่สองเรียกกันว่าถนนของพระราชา ซึ่งเมห์เหม็ตหวงแหนมากขนาดว่าถ้าใครเหยียบพื้นที่บริเวณนั้นจะถูกประหารทันทีโดยไม่ต้องฟังคำอธิบายเพราะถือว่าเป็นการดูหมิ่นพระเชษฐาร่วมสาบานของพระองค์ซึ่งพักผ่อนที่นั้น.. แน่นอนว่าไม่มีใครได้เป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเมห์เหม็ตนอกจากวลาดเท่านั้น

    ถ้าใครไปเที่ยวตุรกีลองตามลอยวลาดดูละกัน สวัสดีครับ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×