ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เฮฮาประสาประวัติศาสตร์--ภาคVlad_Tepes

    ลำดับตอนที่ #11 : วลาดพาน้องๆ บุกถ้ำเสือ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 484
      2
      31 พ.ค. 58

    วลาดพาน้องๆ บุกถ้ำเสือ


    วลาดและน้องสาวสุดที่รัก

    แดร็กคิวล่าหรือวลาดน้อยอยู่อย่างมีความสุขได้แค่ประมาณ3 ปีเท่านั้นครับก็เกิดรัฐประหารในมอลโดว่า พระเจ้าบองดัน--สมเด็จน้าก็ถูกจับปลงพระชนม์ซะงั้นทำให้วลาดต้องพาเจ้าชายสเตฟาน--ลูกพี่ลูกน้องวัย 18 พรรษา(โอรสของบองดัน)หนีเตลิดเปิดเปิงออกจากมอลโดว่า ซึ่งตามบันทึกนั้นวลาดได้พาพระขนิษฐา(ซึ่งน่าจะเป็นน้องสาวฝาแฝดของพระองค์)ของพระองค์ติดตามไปด้วย ในตอนนี้ราชนิกูลทั้งสามอยู่ในอันตราย จะอยู่ป่าก็คงอยู่ไม่ได้เพราะพระองค์ทั้งสามน่าจะติดสบายมาแต่เด็กแล้ว วลาดก็ไม่ใช่ขี้ๆ นี่ครับ ทรงเป็นถึงพระเจ้าแผ่นดิน น้องสาวที่ตามก็ย่อมเป็นน้องของพระราชา ส่วน สเตฟานก็เป็นถึงเจ้าฟ้าชาย เพราะฉะนั้นวลาดในฐานะที่พระชนม์มากที่สุด(จะครบยี่สิบในอีกสี่สิบวันข้างหน้า) จึงต้องตัดสินใจเร่งด่วนเกี่ยวกับชีวิตของน้องๆ ทั้งสอง แต่จะกลับไปพึ่งออตโตมันก็ไม่ได้ เพราะก้นของวลาดคงไม่ยอมรับอะไรอีกแล้ว ดังนั้น ด้วยความบ้าบิ่นอย่างที่สุด พระองค์จึงบุกขึ้นทรานซิลวาเนียและเพื่อไปเข้าพบศัตรูที่ฆ่าพ่ออย่างยาโนส ฮุนยาดี วลาดถึงบ้านของศัตรูในเดือนตุลาคม และพระองค์กำลังจะเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้ว


    ยาโนส-ศัตรูที่ฆ่าพ่อ

    แน่นอนว่าฮุนยาดีไม่ใช่ผู้ชายที่น่ารักนัก แถมยังฆ่าพ่อและพี่น้องของวลาดในวัลลาเคียเกือบหมด จึงเกิดเป็นข้อครหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของวลาดและยาโนสอยู่พักหนึ่ง(เขาอยู่ด้วยกันสามปี เชิญจิ้นวายไปตามระเบียบได้เลย) ซึ่งภายหลังถูกยกออกไป เพราะยาโนสสร้างคุณงามความดีให้แก่ประวัติศาสตร์ยุโรปและถูกยกย่องว่าเป็นนักบุญของคาทอริค ดังนั้นย่อมไม่สามารถมีข้อครหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งได้ โดยเฉพาะเด็กหนุ่มซึ่งเอกสารของทรานซิลวาเนียระบุว่า "ใบหน้างามโดดเด่น ดวงตาสีเขียวชวนหลงใหล และคิ้วเข้ม" ครับ วลาดน่ารักมากจากเอกสารที่ผมค้นพบ ดวงตาสีเขียวของพระองค์ถูกกล่าวถึงอย่างเข้มข้นว่ามันเหมือนมีอำนาจพิเศษที่ทำให้คนหลงใหลได้ เช่นในเอกสารฉบับหนึ่งระบุว่า "อาชญากรจะปกป้องชีวิตของพวกเขาจากดาบของพระองค์ ส่วนผู้บริสุทธิ์จะปกป้องตัวใจของพวกเขาจากพระรูปโฉม" จะมีก็แต่เอกสารของผู้แทนสันตะปาปาที่ไม่ได้ระบุเกี่ยวกับความงามของวลาด เพราะอยู่ในภาวะกดดัน แต่เราก็ค้นพบได้ง่ายๆ จากเอกสารนั้นว่าวลาดไม่ใช่คนขี้เหร่แน่ๆ ไม่เชื่อพิจารณาเอกสารได้เลยครับ แปลมาให้แล้วด้วยภาษาธรรมดา แต่ขอบอกว่าข้อความที่ท่านอ่านอยู่นี้เป็นข้อความที่บรรยายรูปลักษณะของวลาดขณะอายุ 33 ปีนะครับ ไม่ใช่ 19-20 ปีซึ่งช่วงเวลาที่ผมพูดถึง

    "..เขาไม่ใช่คนที่สูงมาก แต่เตี้ยม่อต้อเอามากๆ และดูสมบุกสมบัน มีลักษณะเย็นชาและไร้ความปราณี หน้าผากสูงและกว้าง-ขมับนูน ผิวขาวสว่างและอมชมพู จมูกเหมือนจงอยปากนกอินทรี ตาโตถูกล้อมกรอบด้วยขนตาที่หนาและขนตายาวมากๆ และตาสีเขียว แต่คิ้วเข้มทำให้รู้สึกว่าถูกจับจ้องด้วยสายตาคุกคาม ผอมบาง ใบหน้าอ่อนเยาว์และคางเกลี้ยงเกลา แต่มีหนวดขยายตัวเหนือริมฝีปาก คอใหญ่เชื่อมศีรษะเข้ากับไหล่กว้าง ผมหยิกสีดำสยายปกคลุมไหล่ทั้งสองยาวลงมาจนถึงเอว.." หึๆๆๆ ถ้ายังไม่สะใจอ่านนี้... "ใบหน้าอ่อนเยาว์ คางเรียวเล็ก ตัวเล็ก, บอบบาง  และลึกลับ พูดน้อยแต่น้ำเสียงไพเราะมาก ดวงตาใหญ่และสีเขียวกระจ่าง ผิวขาวมากจนเรืองแสง ผมหยิกยาวเป็นเงาวาว"


    วลาดที่สาม(แดร็กคิวล่า)ตัวจริง-ภาพขณะมีพระชนม์มายุ 31 พรรษ

    แน่ล่ะว่าวลาดไม่ใช่คนตัวโต ตรงกันข้าม พระองค์จัดว่าเป็นคนตัวเล็กมากแม้แต่ยุคกลาง ตอนนี้บางคนคงสงสัยว่า "ที่่ว่าตัวเล็กน่ะเล็กแค่ไหน?" ผมก็สามารถบอกได้เลยว่าเอกสารในยุคนั้นระบุชัดเจนว่าวลาดสูงแค่ไหล่ของอัศวินคนอื่นๆ เท่านั้น นิทานพื้นบ้านของชาวโรมาเนียก็บอกเช่นกันว่า "วลาดสูงพอๆ กับพวกเขา(ชาวนา)" นี่แหละหลักฐานชั้นเอกที่ชี้ว่าวลาดไม่เหมือนในหนังเลย เพราะชาวนาในยุคกลางทั้งชายหญิงมีความสูงเฉลี่ยรวมกันเพียง 153 ซม. ฉะนั้นถ้าวลาดสูงเท่ากับชาวนา(ชาย)ในยุคกลาง วลาดจะมีความสูงระหว่าง 153-158 ซม. (พอๆ กับโจโฉ) สรุปว่าผู้อ่านคนชัดแล้วว่าทำไมพระองค์จึงมักมีอันตราย(ลูกลากไปกระทำชำเรา)บ่อยๆ เพราะทรงเป็น "เหยื่อขนาดเอก" ในทางชีวะภาพอย่างไม่ต้องสงสัย รูปร่างหน้าตาก็น่าจับกด เผลอๆ อาจจะปากดีด้วยเพราะมีความเย่อหยิ่งตามประสากษัตริย์ พวกตุรีเรียกพระองค์ว่า "กะเทยใช้งาน" และมีฉายาแถมให้ถึงสี่ฉายา ได้แก่ Ibne-เศษเหล็ก(ปวกเปียกมากขนาดพูดได้ว่า เป็นผู้หญิงมีจู๋), Suzgec-ผ้ากรอง/ผ้าเช็ด(เช็ดสเปิร์ม..), Gotveren-ท่อระบายน้ำ/รูทวาร, ตามด้วย Kaziglu Bey-คุณชายถูกแทง(ต้องแปลมั้ย?), ก่อนจะกลายเป็น Kazikli Voyvoda-กษัตริย์นักเสียบ(เมื่อเริ่มบทโหด)

    เอาล่ะ ผมมั่นใจว่าเหตุผลคือความเป็น "จอกศักดิ์สิทธิ์" ที่ทำให้ฮุนยาดีรับวลาดไว้ในอุปการะและให้เงินพอใช้จ่ายอย่างไม่ฟุ่มเฟือย(แต่เชื่อเถอะว่ากินดีอยู่ดีกว่าเราแน่) แต่วลาดก็ระมัดระวังตัวเองเสมอเช่นกันคือ พระองค์ไม่ปล่อยให้ฮุนยาดีฉวยโอกาสจากพระองค์เลย เมื่อฮุนยาดีเสนอตำแหน่งดีๆ ให้ วลาดก็ปฏิเสธตลอด ระหว่างนี้มีเรื่องเล่าว่า "วลาดฆ่าตำรวจคนหนึ่ง" คือเอกสารเยอรมันซึ่งเน้นการใส่ร้ายป้ายสีระบุว่าตำรวจไล่ตามคนร้ายแล้วคนร้ายปีนเข้าไปหลบในบ้านวลาด พอตำรวจปีนตามเข้าไปเลยถูกฆ่าทันทีฐานบุกรุก ซึ่งผมยอมรับว่าผมเชื่อไม่ลงเพราะเอกสารไม่อธิบายว่าคนร้ายหายไปไหน เพราะถ้าลองไล่ล่ากันกระชั้นชิดขนาดนั้นวลาดน่าจะฆ่าทั้งคนร้ายและตำรวจ ผมจึงสงสัยว่าในความเป็นจริงตำรวจที่ว่าอาจจะไม่ได้ปืนไปไล่ล่าใครแต่ปีนขึ้นไปมองสาวมากกว่า เพราะวลาดมีน้องสาวสวยมาก แถมท้าวเธอก็หวงพระขนิษฐาองค์นี้ยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ด้วยขนาดประกาศเลยว่าจะเลือกสามีให้น้องสาวเอง แล้วผลที่ได้ก็คือน้องสาวคนนี้ได้แต่งงานกับสตีเฟ่น บาโธรี่ผู้เป็นบรรพบุรุษโดยตรงของอลิซาเบธ บาโธรี่ผู้โด่งดัง เนื่องจากสตีเฟ่นเข้าถูกทาง ระหว่างที่คนอื่นพยายามจีบเจ้าหญิงจนโดนปาดคอไปหลายคน สตีเฟ่นเข้าหาทางวลาดเลยได้ไป แต่ผมไม่สามารถระบุได้ว่า อลิซาเบธ บาโธรี่เป็นเชื่อสายของสตีเฟ่นกับน้องสาววลาด หรือ สตีเฟ่นกับภรรยาอื่น

    นอกจากจะหน้าตางามและมีน้องสาวสวยแล้ว วลาดยังมีความสามารถพิเศษที่หายากมากแม้แต่ในปัจจุบัน นั่นเป็นเหตุผลที่ผู้คนลือกันว่าพระองค์มีอำนาจพิเศษ นั่นคือพระองค์มีความสามารถที่จะทำให้สัตว์เชื่องกับพระองค์ได้ ไม่เว้นแม้แต่หมาป่าทั้งฝูง และพระองค์สามารถฝึกสัตว์ร้ายให้เชื่อได้ด้วยเวลาอันรวดเร็ว ประกอบกับมีความรู้มากกว่าคนในยุคเดียวกันเพราะเรียนจากออตโตมัน(ในยุคนั้น วิทยาการอาหรับก้าวหน้ามาก) พูดได้เก้าภาษา แถมไม่ใช่คนขี้โม้เหมือนผูชายหนุ่มทั่วไปด้วยแต่พูดจริงทำจริงและเก่งจริง พระองค์จึงเป็นที่หลงใหลของพวกผู้หญิงและชายสูงวัย(เอ๊ะ ยังไงกัน) แต่อัศวินรุ่นเดียวกันอิจฉาพระองค์มากและยังลามไปถึงแมทเทียส คอไวนัส-บุตรนอกสมรสของฮุนยาดีที่อิจฉาวลาดเนื่องจากฮุนยาดีโปรดปรานวลาดมากกว่าลูกในใส้(ทำให้แมทเทียสได้ก่อวีรกรรมวีรเวรกับวลาดไว้อย่างที่ทำให้ชาวโรมาเนียเกลียดลูกหลานฮังการี่จนทุกวันนี้ ซึ่งจะได้อ่านในภายหลัง) แต่ แม้จะมีสาวทอดสะพานให้มากมายอย่างไร ผู้ที่ได้แต่งกับวลาดก็ต้องเป็นคนในราชวงศ์ นั่นคือหลานสาวของฮุนยาดี--ลูกสาวของกษัตริย์แห่งทรานซิลวาเนียนั้นเอง ระหว่างนี้วลาดก็มีทายาทขึ้นมา แหม ถ้าใครดูแดร็กคิวล่า-ตำนานลับโลกไม่รู้ หรือแดร็กคิวล่า-เจ้าชายกระหายเลือด คงนึกภาพลูกชายของวลาดไว้เลย แต่ตกใจมั้ยถ้าผมจะพูดว่าลูกคนแรกของวลาดเป็นผู้หญิง!? และเป็นเจ้าหญิงที่วลาดหมายมั่นปั้นมือจะให้สืบทอดราชบัลลังก์ซะด้วย!! แต่นั่นแหละ การที่วลาดจะได้กลับสู่บัลลังก์อีกครั้ง พระองค์ต้องเจอคู่แข็งที่ร้ายกาจ นั่นคือพระเชษฐาต่างมารดาของพระองค์เอง--เจ้าชายแดนซึ่งประสูตรจากหญิงชาวทรานซิลวาเนียนี่แหละหมายปองราชบัลลังก์เช่นกันทำให้ทั้งสองพระองค์ต้องสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายและจบลงที่การต่อสู้อันไร้เกียรติและน่าอับอาย ในที่สุดเป็นพ่ายแพ้ของแดน พระองค์ท่าทายวลาดให้สังหารพระองค์ซะหรือไม่ก็ให้พระองค์กลับมาล้างแค้นทีหลัง วลาดก็เลยโยนพลั่วให้แล้วสั่งให้แดนขุดหลุมฝังศพของตัวเองได้เลย

    เราเข้าใจได้ว่าวลาดไม่มีความรู้สึกผูกพันธ์กับพระเชษฐาองค์นี้มากนักเนื่องจากพึ่งมารู้จักกันตอนโตเหมือน "คาคาร๊อต(โกคู)กับราดิช" จึงจบลงที่การฆ่ากันเองได้อย่างเลือดเย็น ขณะที่พี่น้องที่รู้จักกันแต่เด็กแม้ไม่ผูกพันธ์มากอย่างพระเจ้ามีเซอาแต่วลาดก็เดือดร้อนแทนเป็นอันมากถึงขั้นล้างแค้นให้กันเลยทีเดียวเหมือน "เบจีต้ากับทาร์เบิล"  อีกประการ การที่พระเจ้าดราคูลมีลูกมากมายราวกับเห็ดเช่นนั้น วลาดจะแน่ใจในสายเลือดได้อย่างไรและจะรู้ได้อย่างไรว่าในบรรดาเห็ดเหล่านั้นคือพี่น้องของพระองค์จริงๆ เพราะคนเหล่านั้นอาจจะแอบอ้างเพื่อสิทธิในบัลลังก์ก็เป็นได้!!

    ว่าแต่ผมหลงไปที่ดราก้อนบอลได้ยังไง?

    อีกด้านหนึ่งที่ออตโตมัน สุลต่านมูรัตที่สองก็สละบัลลังก์ให้เมห์เหม็ตและออกจากเมืองหลวง ก่อนจะประชวรและสวรรคตเงียบๆ เปิดทางให้เมห์เหม็ตซึ่งพร้อมแล้วสำหรับการพิชิตคอนสแตนติโนเปิลนำโลกก้าวไปสู่ยุคฟื่นฟูศิลปะวิทยา
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×