คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : สิ่งที่ซ่อนอยู่หลังหน้ากากอันเยือกเย็น(-_-)
“แฮร์รี่.............…”
“อื้อ......... จินนี่ มีอะไรรึเปล่า”
“ชั้นเห็นเธอค้นหนังสือเกี่ยวกับอาการป่วยของพ่อมด มีอะไรรึเปล่าละ ถามชั้นได้นะ” จินนี่นั่งลงข้างๆ
“อืม........... เธอเคยได้ยินเรื่องโรคที่ทำให้บาดแผลไม่หาย หรือหายช้าผิดปกติรึเปล่า”
“ไม่นี่ ทำไมเหรอ” จินนี่เลิกคิ้ว เธอคิดไปเองรึเปล่านะ “แฮร์รี่(พูดพลางพิจารณา) สีหน้าของเธอเหมือนจะไม่ใช่เรื่องสมมติเล่นๆ มีใครป่วยด้วยโรคแบบนั้นรึเปล่า”
“เปล่าหรอก................ ชั้นแค่ถามน่ะ” เด็กหนุ่มพยายามกลบเกลื่อน จินนี่ถอนใจ
“บาดแผลน่ะ ถ้าไม่ดูแลเอาใจใส่ก็ไม่หายง่ายๆ หรอกนะ อย่างรอยช้ำน่ะ ถ้าเธอหมั่นนวดขึ้นผึ้ง แค่เจ็ดวันก็หาย แต่ถ้าเธอไม่สนใจ ก็อาจจะนานกว่าที่ควรเป็นนะ”
“นั่นสิ” แฮร์รี่ปิดหนังสือ “จินนี่ พอดีชั้นเห็นลูกแมวตัวหนึ่งบาดเจ็บอยู่ ทั้งตัวมันมีทั้งรอยช้ำและแผลฉกรรจ์เต็มไปหมด คิดว่าจะเอายาแบบไหนรักษาให้มันดี” เด็กหนุ่มเกาหัว “เอาแบบที่มันไม่เจ็บไม่แสบก็จะดีมากเลย คือ.... ชั้นหมายถึง มันเจ็บมากแล้ว.......... ไม่น่าจะไปทรมานมันอีก”
ให้ตายสิ........... นี่เค้าพูดอะไรออกมา......... แมวที่ว่านั่นมันสเนปนะ ไม่ใช่แค่คนน่ารังเกียจธรรมดา........
****************************************************
"สายใยแห่งชีวิตชั้นกำลังจะขาดลง................. วิญญาณของชั้นจะหลุดจากกรงแล้วโผบินไป..................... แต่ลึกๆ ก็อยากให้เธอเป็นคนพาไป................. แล้วปลอบชั้นให้เคลิบเคลิ้มไปกับความไม่จริง.....................
เพื่อให้ชั้นได้ลืมความจริงอันทรมาน................... ให้ชั้นได้ดิ่งลงสู่รักที่หอมหวาน..................... ให้สมกับที่รักเธอมานานแสนนาน...................... ให้ชั้นได้ร้องไห้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนออกจากกรง..................…"
เด็กหนุ่มชะงักฝีเท้าอย่างพิศวง เพราะชาตินี้ทั้งชาติเค้าไม่เคยคิดเลยว่าจะได้ยินสเนปร้องเพลง นี้เป็นบทเพลงที่เค้าเคยได้ยินเดรโกร้องมาก่อน แม้มันจะฟังดูแห้งโหย ไม่ได้ใสกังวานเหมือนเสียงของเดรโก แต่มันก็ไพเราะเสนาะโสต และหายลับไปกับสายลมเหมือนกัน แฮร์รี่สะบัดหัวแรงๆ เพื่อไล่ความหอมหวานซาบซึ้ง ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปข้างใน
ร่างบางยังคงนอนจมอยู่บนที่นอน ใบหน้าแดงระเรืองและเต็มไปด้วยเหงื่อที่พราวเต็มหน้า แฮร์รี่หยุดสนิทอยู่ตรงนั้น ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้ามาใกล้ เด็กหนุ่มกัดปาก ก่อนจะเอื้อมมือลงไปสัมผัสร่างกายอย่างตัดอกตัดใจเต็มที่ และพบว่าร่างกายของคนหน้าร้อนผละผ่าว เค้านิ่วหน้าพลางตรวจดูรอยแผล
"มันเป็นหนองนี่............... คงเพราะอักเสบ ใส่ยาหน่อยเดี่ยวก็หาย" เด็กหนุ่มพูดพลางถอดเสื้อผ้าของเซเวอรัสออก แล้วเอายาออกกล่อง
"เพราะถ้าติดเชื้อใสกระแสเลือด ชั้นก็จะตาย" เซเวอรัสพูดอย่างเฉยชาทั้งๆ ที่เสียแห้งแหบและร่างทั้งร่างก็ไร้เรี่ยวแรงเต็มทน "เธอคงไม่อยากให้ชั้นตายเร็วนักอยู่แล้วนิ"
"ทำนองนั้น" แฮร์รี่ตอบ รู้สึกเสียวแวบในอก มือใหญ่ผอมที่ค่อนข้างกร้านนิดๆ ค่อยๆ ใช้เข็มกลัดหนองออก แล้วทายาลงไปทั่วร่างบาง ฤทธิ์ของยาเย็นทำให้เค้าผ่อนคลาย รู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูก
"เสร็จแล้ว........... อึดนี้ ไม่ร้องซักแอะเลย"
ไม่มีเสียงตอบ แฮร์รี่ค่อยๆ ก้มลงมองดูร่างบางที่ยังนอนนิ่งอยู่ ด้วยลมหายใจที่สม่ำเสมอ ดวงตาสีเขียวที่มองดูร่างบางกำลังเปลี่ยนแปลงไปช้าๆ เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ไม่มีความแค้นและความไม่พอใจนิดๆ ในดวงตาคู่สวยยามมองดูชายคนนี้
ใบหน้ายามนิทราชั่งไร้เดียงสา ไม่มีความโอหังและความทุกข์ใดๆ วูบหนึ่ง............. เด็กหนุ่มรู้สึกอยากจะเห็นใบหน้ายามนิทราที่อบอุ่นเช่นนี้ตลอดไป...............
*********************************************************
เสียงชักโครกดังขึ้นในยามเช้า แฮร์รี่โผล่ออกมาพร้อมกับเสบียงของวันนี้ พลางมองไปยังอดีตอาจารย์ที่เค้าเกลียดที่สุด ที่นั่งอย่างหมดสภาพอยู่บนพื้นห้องน้ำด้วยแววตาที่เหมือนจะห่วงวูบหนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาเบาๆ "แล้วไปนั่งทำอะไรอยู่ตรงนั้น สารรูปแบบนี้ ยังไม่ล้างหน้าเลยด้วยซ้ำล่ะสิ"
"ใช่................... ยังไม่ได้ทำอะไรซักอย่าง" เซเวอรัสตอบอย่างหมดกำลัง ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างโงนเงน เพื่อทำภารกิจประจำวัน ไม่ได้มองมายังแฮร์รี่ เซเวอรัสยอมรับว่าพักนี้เค้าชอบอาบน้ำ ทั้งๆ ที่กิจวัตรประจำวันก็ไม่ได้ทำให้ร่างกายสกปรกเท่าไหร่ เพียงแต่อยู่ว่างๆ มันทำให้เค้าเบื่อ............ มันก็เท่านั้น
"งั้น........ ตามสบาย ผมจะกินข้าวก่อนล่ะ" เด็กหนุ่มนั่งลงที่โซฟา "คุณดื่มน้ำฟักทองได้มั้ย"
“คิดว่าคงไม่ได้” พูดพลางหายใจหอบลึก ก่อนจะปิดประตูห้องน้ำ แล้วแปรงฟันช้าๆ อย่างลำบากยากเย็นเพราะแผลในช่องปาก
แฮร์รี่หยิบหนังสือเรียนออกมาอ่านเพื่อรอสเนป ทั้งๆ ที่เค้าคิดว่าตัวเองไม่มีเหตุผลอะไรทีจะต้องรอแท้ๆ แต่ก็ไม่สามารถให้คำตอบอะไรได้ว่าจะรอไปเพื่ออะไร แถมคนป่วยก็อาบน้ำนานเกินเหตุ จนในที่สุดเด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นอย่างหัวเสียแล้วตะโกนเข้าไปในห้องน้ำ
“สเนป!!! จะอาบน้ำไปถึงไหนเนี่ย”
“..............................................…” มีเพียงเสียงน้ำที่ไหลไม่ขาดสาย
“สเนป เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ!!!” แฮร์รี่ทุบประตู
“.............................................…”
เด็กหนุ่มตัดสินใจใช้ไม้ตาย ถีบประตูจนพังแล้วเข้าไปข้างใน ก่อนจะร้องสุดเสียง ปิดน้ำ แล้วเข้าไปเขย่าร่างที่นอนบนพื้นให้รู้สึกตัว “ศาสตราจารย์ครับ ทำใจดีๆ ไว้!!!”
แฮร์รี่คว้าเช็ดตัวมาห่อ แล้วอุ้มเอาร่างผอมบอกช้ำออกจากห้องน้ำมาวางไว้บนเตียง สเนปหายใจอย่างติดขัด ทำให้เด็กหนุ่มนึกได้ว่าลืมเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งไป ร่างผอมสูงรีบค้นกล่องปฐมพยาบาลที่เก็บไว้ในตู้ ก่อนคว้าขวดยาออกมา แล้วกรอกเข้าปากคนป่วย
เวลาผ่านไปช้าๆ พร้อมกับลมหายใจอันติดขัดที่เริ่มดีขึ้น ในที่สุด สเนปก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นอีกครั้ง
“ทำไมคุณไม่เคยบอกใครว่าเป็นโรคหัวใจ”
“ไปฟังมาจากไหน..............…”
“มาดามพรอมฟรีย์บอกผม” คำพูดนั้นทำให้ใบหน้าซีดเซียวหันมามอง “แต่ไม่ต้องกังวลหรอก ผมให้คุณกินยาแล้ว ก็........... ถ้าคุณหัวใจวายตายแทนที่จะตายเพราะยาพิษผมก็เสียเวลาเปล่าน่ะสิ.............. เป็นอะไรรึเปล่า”
“นิดหน่อย.......…” เซเวอรัสตอบ รู้สึกว่าขามันชาแปลกๆ หลังจากอาบน้ำ บางอย่างสะกิดในใจของนักปรุงยา วูบหนึ่งเค้าเกือบจะร้องไห้ออกมา แต่เมื่อนึกได้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน น้ำตาก็ถูกสกัดกั้นจนหมด
“ตกลงคุณคิดจะบอกผมมั้ย ว่าทำไมคุณไม่เคยบอกใครว่าคุณเป็นโรคหัว แล้วคุณเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่”
“บอกไปแล้วได้อะไร เธอจะไปประกาศให้คนสงสารชั้นรึไง อีกอย่าง ถึงใครรู้ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ยิ่งสำหรับพวกเด็กทะโมนไพรที่ฮอกวอร์ตมันก็จะเป็นข่าวดีซะอีก พวกนั้นคงนั่งนับวันที่ชั้นจะตายอย่างสนุกเลยล่ะ หรือไม่ อาจจะหาวิธีที่จะทำให้ชั้นตายเร็วขึ้น เช่นสับเปลี่ยนยาที่ชั้นจะกิน วางกับดักให้ชั้นตกใจจนช๊อก”
“คุณนี่มองโลกในแง่ร้ายจริงๆ”
“อย่าบอกเชียวว่าเธอไม่เคยคิดวาดภาพให้ชั้นตายอย่างสยดสยองระหว่างที่เรียนกับชั้น”
แฮร์รี่ไม่ปฏิเสธ เพราะมันก็จริงอย่างที่สเนปพูด เด็กหนุ่มก้มหน้าลงอย่างละอายใจ แต่แล้วก็รวบรวมความกล้าแล้วเงยหน้าขึ้นมาใหม่ “มันไม่ใช่ความผิดของพวกเค้าที่คิดกับคุณแบบนั้นนะ สเนป แต่เป็นความผิดของคุณเอง อยากทำตัวไม่ให้เป็นที่นิยมเองนี่”
“แล้วทำไมต้องทำตัวให้เป็นที่นิยมด้วยล่ะ” ใบหน้าอ่อนเรียบและซีดจัดหันมามอง ดวงตาคู่สวยฉายแววเศร้าสร้อยอย่างยากจะบรรยาย แม้ท่าทีจะยังเย็นชาอยู่ “แม้มันจะเจ็บปวด แต่ก็ยังดีกว่าตายไปแล้วมีคนที่รักมากๆ ร้องอยู่ข้างหลัง รึไม่ก็จมอยู่ในความทุกข์ที่ต้องสูญเสียคนที่รักไปไม่ใช่รึไง”
“ตัดใจซะก็สิ้นเรื่อง!!” แฮร์รี่ตะโกน รู้สึกเจ็บอย่างบอกไม่ถูก “คนเราต้องรู้จักปล่อยวางแล้วลืมความเศร้า ไม่งั้นจะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้!!!”
“แต่จะทำไงล่ะท่ามันตัดใจไม่ได้!!!” สเนปตะคอกทั้งน้ำตา อีกครั้งที่หน้ากากอันสงบเยือกเย็นเลื่อนไหล หลุดออกจากใบหน้า แฮร์รี่แน่ใจว่าเค้าเห็นเด็กผู้ชายคัวเล็กๆ ที่ร้องไห้อยู่ทีมุมห้อง ตอนที่โบไบอัสและไอลีน สเนปทะเลาะกันอีกครั้ง
“ชั้นลืมไม่ได้นี่จะทำไง!!! ชั้นรักพ่อ พ่อที่ตั้งใจจะฆ่าชั้น ชั้นรักแม่ แม่ที่ปกป้องชั้น และชั้นก็รักหล่อน หล่อนที่ทิ้งชั้นไปแล้วไปแต่งงานกับคนที่ชั้นเกลียด!!! แต่ถึงพวกเค้าจะทำให้ทรมานมาก แต่ชั้นก็ร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือดตอนที่พวกเค้าตาย ผ่านมาจนบัดนี้ชั้นก็ยังคิดถึงพวกเค้าอยู่”
สเนปหยุดแล้วหอบหายใจ ดีจริงๆ ที่กินยาเข้าไปแล้ว แม้งั้นอาจจะขาดใจตายตรงนี้เลยก็ได้
“แล้วเธอล่ะพอตเตอร์ เธอลืมซีเรียส แบล็กได้มั้ย ลืมวันที่ชั้นฆ่าดัมเบิลดอร์ได้มั้ย ลืมพ่อกับแม่เธอได้มั้ย ถ้าทำไม่ได้ ก็อย่าพูดอะไรที่สวยหรูนักเลยใช่............ พอตเตอร์ ชั้นไม่เคยเชื่อคำพูดของใคร เพราะคำพูดนั้นนะ จะพูดยังไงก็ได้ แต่การกระทำเท่านั้นที่ไม่โกหก”
วูบหนึ่งแฮร์รี่คิดว่าเค้าสามารถที่จะจู่โจมสเนปได้เลย เพราะทุกถ้อยคำนั้นล้วนแต่แทงเค้าได้จังๆ แต่แล้วเด็กหนุ่มก็หันหลังแล้วไปที่ประตู “คุณพูดถูก..........…” เสียงของเค้าแหบแห้ง “ไม่มีใครปล่อยวางได้หรอก ผมไม่มีเหตุผลที่จะยกโทษให้คุณ เหมือนที่คุณไม่มีเหตุผลที่จะทำตัวให้เป็นที่นิยม เราเลิกพูดเรื่องนี่กันเถอะ”
แฮร์รี่เดินออกไป ทิ้งให้เซเวอรัสร้องให้อยู่คนเดียวเงียบๆ ในใจของเด็กหนุ่มโหวเหวงอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยในชีวิต
ความคิดเห็น