ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The last of your expectation

    ลำดับตอนที่ #3 : ความลับของเอรีส

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.ค. 54


    อัลพาโรซี่ สกอร์ปิอัส และ ทอมไปที่กระท่อมของแฮกริด  ระหว่างเส้นทางนั้นพวกเค้าคุยกันอย่างสนุกไปสุดทาง  แฮกริดยอมที่จะต้อนรับพวกเค้าแม้จะดูไม่สนิดใจกับทอมนักมาตลอดหลายปีที่รู้จักกัน  เพราะเค้าไม่มีโอกาสได้พบรู้จักกันเป็นทางการ  และอีกประการ  เพราะเค้าช่างเหมือนโวลเดอร์มอร์ในวัยเด็กทั้งรูปร่างหน้าตาและน้ำเสียง  แต่เมื่อเห็นความสุภาพและอ่อนโยนนั่นเค้าก็คลายใจลงและนึกได้ว่าทอมไม่ใช่โวลเดอร์มอร์คนนั้น  แต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าเค้กหินกับชามันรสชาดดีกว่านี้หน่อย

    ทอมไม่เคยกล้าที่จะพูดคุยหรือถามไถ่อาจารย์คนไหนเกี่ยวกับทอม มาโวโล่ ริดเดิ้ล แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เค้ามีโอกาสได้ฟังเรื่องของทอมอีกคนจากคนอื่น  และพวกเค้าก็ไปที่ห้องเก็บรางวัล  พวกเค้าพบชื่อของทอม มาโวโล่ ริดเดิ้ล มากมายบนเหรียญรางวัล ถ้วย และ โล่เกียรติยศมากมายที่แสดงถึงความสามารถเกี่ยวกับเวทมนตร์

    แต่สิ่งที่ดึงความสนใจของทอม โลกิ ริดเดิ้ล กลับเป็นชื่อที่อยู่บนรางวัลเกี่ยวกับการปรุงยา  เซเวอรัส สเนป--ชื่อเดียวกับบาทหลวงที่แสนสำคัญของเค้า  คนที่เป็นทั้งเพื่อนและพี่ชาย

    หลังจากนั้น  พวกเค้าทั้งสี่ก็ออกไปเดินชมฮอกวอร์ตด้วยกัน  ทอมและอัลดีใจที่เห็นสกอร์ปิอัสและโรซี่สนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว  และคงดีกว่านี้  ถ้าไม่ใช่เพราะ  กลุ่มคนที่เดินเข้ามาห้อมล้อมพวกเค้าทั้งหมด  ทอมหยุดและมองไปรอบๆ เพื่อนๆ สลิธีรีนของเค้านั่น  เลโอเนลล์  การ์เรียเลฟก้าวออกมา

    "ดูซิ  เราเห็นอะไรกัน  คนนามสกุลริดเดิ้ลกับลูกชายของแฮร์รี่ พอตเตอร์ผู้โด่งดังกำลังคุยกันอย่างถูกปากถูกคอ  แล้วยังลูกหลานตระกูลวิสลี่ย์กับกระกูลมัลฟอยที่เป็นศัตรูกันมานานก็ทำท่าสนิทสนม  สงสัยคงได้แต่งงานกันเร็วๆ นี้แหละ"

    สิ้นคำเสียงโห่ร้องก็ดังขึ้น  ทอมพยายามแหวกกลุ่มคนออกไป  แต่กัลลิโตส  แครบก้าวเข้ามาขวาง "คิดจะไปไหนริดเดิ้ล"

    "หยุดนะ!!!" อัลบัส พอตเตอร์ตะโกน "นายคิดจะทำอะไร"

    "สั่งสอนมันไง" ไมน่อน เบส ตะโกนออกมา "เราไม่มีทางปล่อยให้คนที่เราคุยด้วยเดินจากไปโดยไม่เห็นเราในสายหรอกนะ"

    "เค้าก็เป็นสลิธีรีนเหมือนพวกเธอ" โรซี่  วิสลี่ย์ตะโกน "ทอมมีนามสกุลริดเดิ้ลของคนพวกพ่อและปู่ย่าตายายของพวกเธอเคย--"

    "ไม่มีใครบอกเธองั้นสิว่านามสกุลริดเดิ้ลของจอมมารเป็นนามสกุลที่ได้มาจากพ่อมักเกิ้ลโสครกของเค้า  แล้วจอมมารก็หน้าตาเหมือนพ่อมักเกิ้ลของเค้าด้วย  จะแปลกอะไรถ้าหมอนี่เป็นยาทของตระกูลริดเดิ้ลที่เป็นมักเกิ้ลโดยได้นามสกุลมาเพราะสืบสายตระกูลมาจากปู่ของจอมมาร  แต่บังเอิญหน้าเหมือนญาติฝ่ายพ่อก็เลยพลอยหน้าตาเหมือนจอมมารสมัยหนุ่มๆ ไปด้วย" กิลลิโตสว่า

    แต่จู่ๆ กลุ่มสลิธีรีนก็ก้าวออกไปจากพวกทอม  และอัลบัสก็ได้เห็นว่าคนที่เข้ามาคือเจมส์ พอตเตอร์และเฟร็ด วิสลี่ย์  ทั้งคู่กำลังคุยกันอย่างสนุกสนานจนไม่ทันเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า  แต่ท่าทีของแก๊งค์บ้านสลิธีรีนก็ทำให้ทั้งคู่สังเกตเห็นจนได้  เจมส์และเฟร็ดเดินตรงเข้ามาหาทอมอย่างสนใจทันที่  แม้ว่าพวกเค้าจะอยู่แค่ปีสาม  แต่ความร้ายกาจไม่ธรรมดาเลย  เหนือกว่านั้น  พวกเค้านิสัยเหมือนเขาแหลมกับเท้าปุ่ยมากกว่าฝาแฝดวิสลี่ย์

    "ดูซิ  เราเห็นใคร  ที่แท้ก็  ทอม  ริดเดิ้ลคนดัง  ผู้มีใบหน้าเหมือนลอร์ดโวลเดอร์มอร์สมัยหนุ่มๆ ยังกับโขกออกจากแม่พิมพ์เดียวกัน" เจมส์อุทาน "นายทำอะไรอยู่เหรอ?" ทอมไม่สนใจ

    "บางทีนายอาจจะกำลังรวบรวมผู้เสพความตายอยู่ก็ได้นะ" เฟร็ดออกความเห็น

    ทอมเดินผ่านเด็กชายทั้งสองโดยไม่สนใจแม้แต่น้อยก่อนจะถูกคาถาปลดอาวุธของเจมส์ทำให้ไม้กายสิทธิที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อของทอมกระเด็นออกไปไกล  ทอมหันควับทันทีก่อนจะโดนคาถาของเจมส์จนกระเด็นไปข้างหลังหลายเมตร  เฟร็ดระเบิดเสียงหัวเราะออกมาสุดเสียง  ก่อนจะหยุดและเลิกคิ้วเมื่อเห็นว่าสกอร์วิ่งออกมาแล้วขวางไม่ให้เจมส์ทำมากไปกว่านี้  เจมส์หัวเราะอย่างเสียมิได้  ก่อนจะถาม

    "นายคิดจะทำอะไร  มัลฟอย  จะสู้กับเราเหรอ"

    สกอร์ปิอัสชักไม่กายสิทธิ์ออกมาทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่สามารถทำอะไรได้  เพราะเค้าไม่รู้คาถาซักตัวด้วยซ้ำ  แต่ก็เป็นโรซี่ที่ชิงปลดอาวุธของเจมส์ซะก่อนที่เจมส์จะรู้ตัว  เธอไม่ได้เก่งอะไรหรอก  แค่ใช้วิธี 'อาจารย์หลับก็ลักจำ' มาจากตอนที่พ่อกับแม่ซ้อมกัน  รวมทั้งอัลที่ก้าวออกมาพร้อมกับชักไม้กายสิทธิ์ออกมาบ้าง

    "อย่ายุ่งกับพวกเค้านะ"

    "นายว่าอะไรนะ" เจมส์เลิกคิ้ว

    "ปล่อยพวกเค้าไป  ไม่งั้นชั้นไม่ยอมแน่"

    "อะไรนะ  นายจะทำอะไรชั้น  ไอ้น้องชาย"

    "อัลบัส... อย่าให้ชั้นต้องสาปนายนะ" เฟร็ดระอา

    "สาปเลยยังจะดีกว่า" อัลบอก "ตอนนี้ชั้นเสียใจที่เชื่อคำพูดของเจมส์จนไม่ยอมที่จะอยู่สลิธีรีน  แท้จริงแล้วพี่ชายของชั้นคือคนสารเลวที่ชอบรังแกคนอื่น  นายไม่รู้เหรอว่าทอมกับสกอร์ปิอัสน่าสงสารขนาดไหน"

    "พอแล้ว"

    เสียงของผู้หญิงดังขึ้น  และทุกคนก็หันไปยังที่มาของมัน  ศาสตราจารย์มินอว่า  มักกอนนากัล  อาจารย์ใหญ่ของฮอกวอร์ตยืนอยู่ตรงนั้น  และอะไรบางอย่างบอกให้ทุกคนรู้ว่าเธอคงยืนอยู่นานแล้ว  ขณะที่ทุกคนกังวลใจว่าจะถูกหักคนละกี่คะแนน  ศาสตราจารย์มักกอนนากัลกลับเรียกให้ทอม สกอร์ปิอัส อัลบัส และ โรซี่ ตามไปยังห้องทำงาน  ทำให้คนที่เหลือยืนอยู่งุงงก่อนจะแยกย้ายกันออกไป








    บานประตูเปิดออกพร้อมกับศาสตราจารย์มักกอนนากัลที่นำเด็กทั้งสี่ไปที่ห้องทำงานของเธอ  เวลานั้นทอมถูกทักทายทันทีโดยศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ "เธอสินะ  ทอมริดเดิ้ลที่เค้าลือกัน... เธอเหมือนกับโวลเดอร์มอร์อย่างไม่ผิดเพี้ยนเลยจริงๆ นั่นแหละ" ทอมโค้งให้กับอดีดอาจารย์ใหญ่ที่โด่งดังและยิ่งใหญ่ของฮอกวอร์ต "แต่เท่าที่ชั้นสืบทราบมา  โวลเดอร์มอร์ไม่มีลูกที่ไหนไม่ใช่เหรอ  แล้วจะว่าไป  เธอเองก็ไม่เคยมาถึงที่นี่ด้วยซ้ำ"

    "ชั้นเองก็พึ่งได้ยินอะไรดีๆ มาเหมือนกันอัลบัส  ตลอดเวลาที่เด็กคนนี้เรียนอยู่ที่นี่ทำไมไม่มีใครบอกชั้นเลยว่า  โวลเดอร์มอร์ได้รูปร่างหน้าตาและนามสกุลริดเดิ้้ลมาจากพ่อของเค้า  เพราะฉะนั้น  การที่เด็กคนนี้จะมีชื่อและหน้าตาที่เหมือนโวลเดอร์มอร์ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย  เพราะทอม  ริดเดิ้ลผู้หล่อเหล่าคงไม่ได้มีแต่ภรรยาขี้ริ้วขี้เหร่อย่างเมโรเพคนเดียวหรอก  ซึ่งนั่นแปลว่าลูกชายของเค้าก็คงไม่ได้มีแต่โวลเดอร์มอร์คนเดียวเหมือนกัน  แต่กว่าเราจะมาถึงตรงนี้เราก็ปล่อยให้เรื่องมันแย่ซะขนาดนี้แล้ว" เธอหันไปหาอัล "ถ้าพอตเตอร์คนนี้ไม่ได้บอกศาสตราจารย์ลองบัตท่อม--อาจารย์ประจำบ้านของเค้า  เราคงไม่มีโอกาสได้รู้อะไรเลยเหมือนกัน  ชั้นปล่อยให้เธอต้องนอนอยู่ที่คุกใต้ดินมานานขนาดนี้คงจะโกรธชั้นมากสินะ"

    "ไม่เลยครับผม--" ทอมยังไม่ทันพูดจบ  แต่มักกอนนากัลก็ชิงตัดบทก่อน

    "ถึงเธอจะโกรธชั้นก็ไม่ว่าอะไรหรอก  การที่ศาสตราจารย์สลักฮอร์นไม่บอกชั้นนับเป็นเรื่องที่แย่มากแต่การที่ชั้นไม่สนใจเรื่องของเธอมันก็แย่พอกันเหมือนกัน  ชั้นเองก็ไม่ใส่ใจจริงๆ ทั้งๆ ที่เธอมีผลการเรียนโดดเด่น  แค่ว่าเธอไม่เคยมีเรื่องมาร้องเรียนและไม่เคยเดินกับใครชั้นก็เหมาเอาว่าเธอไม่มีปัญหา  ขอโทษจริงๆ" ว่าแล้วหันไปหาสกอร์ปิอัส "และถ้าชั้นไม่ทำอะไร  คุณมัลฟอยก็คงต้องมาอยู่ในสภาพเดียวกับเธออีกถึงเจ็ดปี"

    "แต่การจะย้ายพวกเราขึ้นไปน่ะเป็นไปไม่ได้หรอกครับ  เพราะอาจารย์ไม่สามารถควบคุมความประพฤติของนักเรียนทุกคนได้ตลอดเวลาหรอก... แต่  ถ้าพวกเค้าสามารถที่จะชอบสกอร์ได้จากใจจริง  มันจะดีกว่า เพราะฉะนั้นอย่าได้ใช้อำนาจสั่งเลยครับ  แต่ให้สกอร์พยายามพิสูจน์ตัวเองน่าจะดีกว่า..."

    บรรดาอาจารย์ใหญ่ในภาพพากันยิ้มอย่างประทับใจสำหรับคำตอบที่เรียบง่ายแต่ก็เป็นเรื่องเป็นราวของเด็กหนุ่มอัลกับโรซี่หันมายิ้มให้กันอย่างยินดี  ก่อนจะนึกบางอย่างได้  อัลเงยหน้าและมองไปรอบๆ "อาจารย์ใหญ่คนไหนคืออาจารย์เซเวอรัสเหรอฮะ"

    ความเงียบเคลื่อนเข้ามาทันที  รอยยิ้มของบรรดาอาจารย์ใหญ่หายไปรวมทั้งมักกอนนากัลด้วย   เธอถอนใจและถามเบาๆ "พ่อของเธอให้มาถามเหรอ"

    "เปล่าฮะ" อัลรู้ซึ้งถึงความผิดปกติ "เพียงแต่  พ่อเคยบอกว่า ชื่อของผมตั้งตามอาจารย์ใหญ่สองคนของฮอกวอร์ต  คือ 'อัลบัส เซเวอรัส พอตเตอร์' ผมก็เลยอยากรู้จักบ้าง"

    "เค้าไม่อยู่ที่นี่หรอก... แต่อย่าบอกพ่อของเธอเชียวนะ"

    "ทำไม...?"

    "พ่อของเธอพยายามมาตลอดสิบปีเพื่อให้เค้าได้มีรูปติดไว้ที่ฮอกวอร์ต  แต่ว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอก  เราเลยได้แต่ทำให้เค้าสบายใจว่ารูปของสเนปจะมาแน่นอน  และแน่ล่ะ  เค้าไม่เคยรู้ว่าสเนปไม่มีวันที่จะมีรูปที่นี่  เพราะลึกๆ แล้วเค้าก็ไม่อยากเจอสเนปนักหรอก  ต่อให้มีรูปอยู่ที่นี่ชั้นก็บอกได้ว่าพวกเค้าจะไม่มีโอกาสพบกัน"

    "อาจารย์หลอกอาของหนูเหรอคะ!!" โรซี่ตกใจสุดขีด "หลอกมาตลอด!?"

    มินอร์วาถอนใจ  ได้แต่พยักหน้ารับช้า....

    พวกเด็กๆ ออกไปแล้ว  มินอร์ว่า  มักกอนนากัลนั่งทำงานอยู่ตามลำพังในห้อง  จนกระทั่งจวนได้เวลาอาหารค่ำแล้ว  เธอจึงเก็บทุกอย่างให้เรียบร้อย  แล้วออกจากห้องทำงานไปเพียงเพื่อจะพบว่ามีมือลึกลับโผล่มาจากความมืด  กระชากเธอหายวับไปด้วยกัน

    ในความมืด  ใครบางคนกำลังจูบเธออย่างดูดดื่ม  นานมากกว่าแยกจากกัน

    "ซิบิลล์  ทำแบบนี้ชั้นตกใจหมด"

    "โอ... มิเนอร์ว่า  มันเป็นความผิดของเธอเองที่ทำให้ชั้นต้องทำแบบนี้  เพราะความสัมพันธ์ของเราไม่สามารถเปิดเผยต่อคนอื่นได้  อยู่ต่อหน้าคนอื่นต้องทำเป็นเฉย  ชั้นแทบจะขาดใจได้อยู่แล้ว!" ศาสจารย์ทีลอนี่ย์น้ำตาคลอเบ้า  มินอร์ว่ารีบถอดแว่นขนาดใหญ่ออกจากหน้าของเธอเพราะมันทำให้เธอดูติงต๊องจนเกือบจะหมดอารมณ์  ใบหน้าที่ปราศจากแว่นของอาจารย์วิชาพยากรณ์ดูน่ารักกว่าที่คาดเช่นเดียวกับอาจารย์ใหญ่ที่ยังสวยเฉียบแม้อายุของทั้งคู่รวมกันแล้วจะเกือบสองร้อยปีก็ตาม

    แล้วทั้งคู่ก็เริ่มต้นกัดปากกันอีกครั้งอย่างดูดดื่ม แหงบ แหงบๆ! แหงบ!!

    "โธ่ มิเนอร์ว่า... ไม่มีคนอื่นแล้วรึไง..." ศาสตราจารย์บิน(ผีสอนประวัติศาสตร์เวทมนตร์)ที่ลอยมาเห็นได้แต่พึมพำกับตัวเองเศร้าๆ
    ----------------------------------------------------

    แฮร์รี่วางข้าวของทั้งหมดขณะที่รอนและเดรโกช่วยกันประคองบาทหลวงเซเวอรัสลงจากรถ  ใจจริงเค้าอยากจะร่ายเวทย์ให้อีกฝ่ายหายเร็วๆ แต่ไม่สามารถทำได้เพราะอาจจะทำให้อีกฝ่ายรับไม่ได้  เค้าได้เรียนรู้มาพอสมควรเกี่ยวกับการใช้เวทมนตร์ต่อหน้ามักเกิ้ลโดยเฉพาะในวิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์(แม้จะหลับเป็นส่วนใหญ่)  แต่มักเกิ้ลมักตื่นกลัวกับสิ่งที่ไม่รู้จักคุ้นเคย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งบาทหลวง  พวกเค้าไม่ยอมรับอำนาจที่ไม่ได้มาจากพระเจ้าแน่นอน

    เดรโกนำจดหมายฉบับหนึ่งซึ่งอยู่หน้าประตูโบสถ์ไปไว้ในห้องของหลวงพ่อเอรีส  และมองดูเค้าได้พบบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้หัวใจแทบหยุดเต้น  มันคือภาพถ่าย  เดรโก  มัลฟอยมองมันทีละใบอย่างตื่นตกใจ  ก่อนจะหยิบทั้งหมดมาใส่กระเป๋าและรีบออกจากห้อง

    "คุณเข้าไปทำอะไรในนั้น" บาทหลวงอเล็กซ์ถาม

    "ผม  เอาของไปเก็บให้" เดรโกพยายามวางราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น "เป็นจดหมายมาที่จ่าหน้าซองถึงท่าน  ผมถามบราเทอร์ที่กวาดพื้นอยู่ตรงนั้น  แล้วเค้าบอกผม"

    "ถึงกระนั้นคุณก็ไม่ควรเข้าไประหว่างที่เจ้าอาวาทไม่อยู่... ปกติท่านไม่ยอมให้ใครเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต"

    "ผมขอโทษ" แล้วรีบไปให้พ้นจากที่พักรวมของพวกพระ

    แฮร์รี่ยกมือเท้าสะเอวระหว่างที่เดินดูรอบๆ โบสถ์ที่ตั้งอยู่ที่ย่านสลัม  ห่างไปไม่มากคือตรอกช่างปั่นฝ้าย  แฮร์รี่พยายามนึกว่าเคยรู้จักที่แห่งนี้รึไม่  แต่เค้านึกไม่ออก  ไม่นานนักเดรโกที่หายไปก็โผล่ออกมาด้วยท่าทางแปลกๆ แล้วถามว่าจะกลับเมื่อไหร่  เตือนให้แฮร์รี่นึกได้ว่าไม่ควรอยู่นานเพราะพวกเค้าต่างยังมีธุระที่อื่นอยู่  พวกเค้าจึงต้องขอลากลับ แม้ว่าพวกพระจะชวนให้อยู่กินข้าวด้วยกัน

    "ไม่น่าเชื่อนะว่านายจะอยากมาเที่ยวโบสถ์มักเกิ้ล" รอนเหน็บเข้าให้ "แบบนี้ตระกูลมัลฟอยคงต้องอาบอายแน่"

    "เฮ้... รอน" แฮร์รี่ปราม  ก่อนจะถามเดรโกที่ดูหน้าซีด "นายไหวรึเปล่ามัลฟอย  ให้ชั้นไปส่งที่บ้านมั้ย" เดรโกส่ายหน้า  แต่บางอย่างในตัวมันทำให้แฮร์รี่หวนนึกไปถึงช่วงเวลาที่อดีตเพื่อนร่วมรุ่นได้รับคำสั่งให้ฆ่าดัมเบิ้ลดอร์  เค้าจอดรถกระทันหันแล้วถาม  โดยไม่สนใจรอนที่โวยวาย "บอกชั้นเดี๋ยวนี้ว่ามีอะไร" เดรโกไม่ตอบ  แฮร์รี่ชักไม้กายสิทธิ์ออกมา  เค้าเป็นมือปราบมารที่มีประสบการณ์  แค่การขู่นิดๆ หน่อยๆ ไม่ใช่ปัญหาเพราะเค้าต้องทำประจำในการสอบสวนผู้ต้องหา

    "แฮร์รี่  เกิดอะไรขึ้นนะ" รอนตกใจ  แต่แฮร์รี่ทำท่าจริงจังกว่าเดิม

    "อย่าให้ชั้นสาปนาย" เดรโกรู้เต็มออกว่าเค้าไม่มีทางสู้ชนะคนที่สามารถพิชิตจอมมารได้  ยิ่งอีกฝ่ายชักไม่กายสิทธิ์ออกมาก่อน  เค้าค่อยๆ ดึงของที่ขโมยมาออกมาให้แฮร์รี่และรอน  พวกเค้านำรถมักเกิ้ลไปจอดที่สวนสาธารณะ  แล้วนำสิ่งที่ได้รับมาพิจารณาดูทีละใบ  มันเป็นภาพของพวกพ่อมดแน่นอนเพราะสิ่งที่อยู่ในภาพทั้งหมดสามารถเคลื่อนไหวได้  พวกเค้าในรูปไม่ใช่คนที่พวกเค้าที่อยู่ที่นี่รู้จักก็จริง แต่ใบหน้าของหลายๆ คนล้วนเหมือนเคยเห็นมาก่อนทั้งนั้น  ใบหน้าของแฮร์รี่และรอนดูงุงงไม่แพ้กัน "นายเอามาจากไหน"

    "ห้องของหลวงพ่อเอรีส" เดรโกตอบ  สีหน้าไม่สู้ดี

    "แต่พวกเค้าเป็นมักเกิ้ล  จะมีของแบบนี้ได้ยังไง" รอนว่า "เว้นแต่พวกเค้าจะติดต่อกับพวกผู้วิเศษ"

    แฮร์รี่ไม่ตอบ  เค้ามองดูด้วยความพิศวง  พวกพ่อมดแม่มดพวกนี้เป็นใคร?  บางคนดูคล้ายเค้า คล้ายเดรโก  และแน่นอน  ดูคล้ายสเนปด้วย  และในบางภาพเค้าเห็นดัมเบิลดอร์ในวัยหนุ่ม  รวมถึงภาพของ ทอม มาโวโล่ ริดเดิ้ล วัยพอๆ กับ เจมส์ลูกชายคนโตของแฮร์รี่กับพ่อมดศาสตร์มืดวัยราวๆ ห้าสิบปี(แต่แน่นอนว่าเค้าอายุมากกว่าห้าสิบ)ชุดสีดำสนิทที่หน้าคล้ายสเนป และเดรโกจับพลิกด้านหลังให้เค้าดูชัดๆ

    โลกิ  พริ้นซ์ และ ทอม มาโวโล่ ริดเดิ้ล!

    พริ้นซ์?! เค้าเคยได้ยินนามสกุลนี้ที่ไหนมาก่อนรึเปล่า?!

    "แล้วดูนี่" เดรโกจับอีกรูปมาให้ดู "ดูเสร็จแล้วค่อยอ่านหลังภาพ"

    แฮร์รี่และรอนมองหน้ากันหลังจากเห็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อในภาพ  ก่อนจะมองภาพนี้อย่างพิจารณาอีกครั้ง  มันเป็นภาพเด็กผู้ชายที่ดูเหมือนเดรโกในสมัยที่เค้าเรียนปีหกของฮอกวอร์ต(แต่ไม่มีท่าทางหยิ่งยโสเหมือนเดรโกในสมัยนั้น  ออกจะนิ่มนวลและเป็นผู้ใหญ่เกินตัวด้วย)  และเด็กผู้หญิงที่ดูคล้ายนาซิสซา  มัลฟอยมาก  แต่สวยสดใสกว่า  ผมและดวงตาสีเดียวกับนาซิสซาแต่ผมของเธอไม่ได้เหยียดตรงเช่นนั้น มันหยิกสลวยเป็นเกลียวคลื่นเหมือนกับหลวงแม่ลูเครเซีย  ทั้งคู่หัวเราะด้วยกันอย่างอบอุ่นโดยมีเด็กทารกในอ้อมแขนสองคน  ทั้งคู่หน้าตาเหมือนกันอย่างไม่ผิดเพี้ยน  อายุราวๆ เจ็ดเดือน  เด็กทั้งสองต่างเพศโดยดูจากเสื้อผ้าเด็กอ่อนที่สวม  เด็กผู้ชายมีผมตรง  ส่วนเด็กผู้หญิงผมหยิก  อะไรบางสะกิดในความคิดของเค้า

    "พี่น้องกลุ่มนี้เหมือนนายเลยนะ" รอนพูดกับเดรโกแบบหยอกนิดๆ "รึพวกเค้าจะเป็นญาตินาย"

    "ไม่ใช่! ไม่ใช่พี่น้องชายและพี่น้องผู้หญิง!" แฮร์รี่บอก "แต่เป็นพ่อแม่และลูกแฝดต่างหาก!!" แฮร์รี่มองเดรโกและเดรโกพยักหน้าให้พลิกข้างหลังอ่าน

    --เอรีสที่รัก

     คำสาปของตระกูลมัลฟอยได้ให้สิทธิที่ตระกูลนี้จะมีลูกชายได้เพียงคนเดียว คุณอาของเธอจึงไม่สามารถมีลูกชายได้  ชั้นจึงอุ้มลูเซียสไปมอบให้กับเบริฟรอท  มัลฟอย--อาของเธอ  ชั้นอยากเห็นลูกทั้งสองเติบโตและอยู่กับเธอ  ทว่า  มีแต่ชีวิตทั้งชีวิตของชั้นเท่านั้นที่จะค่ำยันปราสาทกาลเวลาไว้  แต่แม้ชั้นจะเหมือนตายจากโลกนี้ไป  แต่ชั้นสัญญาว่าจะดูแลลูเซียส  ลูกชายของเรา
     สำหรับลูเครเซีย  ขอให้พาเธอหนีจากโลกเวทมนตร์ไปซะ  อย่าให้มันได้ทั้งคู่ไปพร้อมๆ กันเด็ดขาด  มิเช่นนั้นจะไม่มีความหวังใดในการรักษาโลกเวทมนตร์ไว้อีก  ชั้นขอให้คุณและลูเครเซียปลอดภัยจนกระทั่งวันที่อะโพคาลิฟ-ฟามาเยือน

    รักเธอสุดหัวใจ... จาก อะโฟดิตี้  เรเวลคลอ...

    แฮร์รี่และรอนมองเดรโกอย่างตกใจ  ลูเซียส มัลฟอยเป็นลูกชายของหลวงพ่อเอริสเหรอ! แล้วเป็นพี่น้องฝาแฝดกับหลวงแม่ลูเครเซียด้วย!  ที่สำคัญ  ที่แม่ของลูเซียสนามสกุลเรเวลคลอนี่มันหมายความว่ายังไงกัน!

    TBC.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×