ลำดับตอนที่ #25
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : บางสิ่งที่อยากสารภาพ
เอรีสนั่งรอใครบางคนในร้านน้ำชา ระหว่างนั้นร่างผอมสูงของหญิงคนหนึ่งที่ดูราวกับเป็นเวอร์ชั่นเพศหญิงของเค้าก็ปรากฏตัวขึ้น "ไม่ได้เจอกันนานแล้วนะน้องที่รัก" เสียงที่มีความงดงามในตัวมันดังขึ้น "หรือจะเรียกว่า ตัวเองอีกคนหนึ่งดี" อาเทน่าเอ่ยเรื่อยๆ ระหว่างที่รินน้ำร้อนลงถ้วย
"ถ้าเรียกผมว่าตัวเองอีกคนหนึ่งแล้วทำไมไม่ทำตัวให้สมกับที่เราเป็นคนเดียวกัน"
หญิงงามเงยหน้ามองน้อง--ฝาแฝดแห่งตน--วิญญานที่ถูกฉีกเป็นสอง ทั้งสองต่างเป็นด้านสว่างและด้านมืดแห่งกันและกัน
เราต่างเป็น ครึ่งหนึ่งของกริฟฟินดอร์
"มานี่เพราะเรื่องนั้นเองเหรอ"
"แน่นอน" เอรีสเริ่มต้น "ไม่ต้องบอกหรอกว่ามีจุดประสงค์อะไร แต่เค้าเป็นลูกผมพอๆ กับลูกของพี่ ไม่ว่าจะเจตนายังไงก็ไม่ควรให้เค้ามีอันตรายแบบนั้น"
"เซเวอรัสตายไปโดยไม่ได้บอกอะไรไว้เลย" อาเทน่าเคร่งขรึม เธอกำลังหมายถึงเซเวอรัส เรวิน ฮัฟเฟิลพัฟ "และชั้นเปิดอ่านมันไม่ได้ เพราะมันเป็นสมุดที่แลกกับลูเซียสเท่านั้น"
"แต่เค้าไม่ใช่ลูเซียสคนนั้นและไม่มีวันเป็นด้วย พี่ไม่มีสิทธิจะใช้ประโยชน์จากเค้านะ!!" เอรีสคำราม
"เธอมันไม่รู้อะไรเลย! คิดว่าอาเทน่า มัลฟอยคนนี้เป็นใคร เธอไม่มีความเจ็บปวดตอนที่ลูเซียส เกล็นเดล กริฟฟินดอร์ตาย ไม่ได้มีความทรงจำในฐานะก๊อดริก กริฟฟินดอร์ด้วยซ้ำ เธอกล้าคิดว่าพี่สาวจะไม่รักเด็กคนนั้นเท่ากับที่ตัวเองรักงั้นเหรอ? เธอแน่ใจเหรอว่าเธอรู้สถานการณ์ดีพอแล้ว!!"
กับความเหยียบเย็นบางอย่างที่กระจายตัวออกไป เอรีสเหยียดรัวตรงและบอกกับหล่อน ในฐานะคนไม่กี่คนที่รู้ว่าจตุราชาที่เป็นเจ้าของตรามารสีน้ำเงินทั้งสามคนยังมีชีวิตอยู่ "ลูเซียสมีสิทธิที่จะรู้ว่าตัวเองกำลังเป็นเครื่องมือ แต่ผมจะไม่บอกเค้าหรอก แต่ยังไงก็ตาม พี่ทำแบบนี้ไม่ได้ต่างจากที่ดัมเบิลดอร์ทำกับแฮร์รี่ พอตเตอร์หรอกนะ"
บางสิ่งที่วิญญาณแห่งก๊อดริก กริฟฟินดอร์มองทะลุเข้าไปได้แม้แต่ในใจของพ่อมดที่ได้ชื่อว่าทรงฤทธิ์ที่สุดในยุคนี้ อาจจะแปลกที่พลังระดับนี้ซ่อนอยู่ในโลกเวทมนตร์โดยไม่มีใครรับรู้ แต่มันเป็นจริง และก่อนการจากไปเอรีสมองเห็นเด็กแฝดที่มีหน้าตาเหมือนเด็กคนหนึ่งที่เคยรักพี่สาวตนมาก เค้าตระหนักได้ว่าสองคนนั่นเป็นใคร
ลูกชายและลูกสาวของซิเรียส แบล็ก...
ด้วยวิญญาณดวงเดียวกัน เด็กสองคนนี้ย่อมเป็นทายาทของเค้าร่วมกับพี่สาว ทายาทกริฟฟินดอร์ หรือต่อให้ไม่มีสายสัมพันธ์ทางวิญญานพวกเค้าก็ยังเป็นญาติสนิทกันเพราะอาเทน่าป็นพี่สาวฝาแฝดของเค้า และด้วยสายใยนี้ เค้าอยากจะกอดเด็กทั้งสองแทบตาย แต่ยังทำไม่ได้
กับการผ่านไปโดยไม่มอง แต่บอกเงียบๆ "พ่อพวกเธอออกจากอัซคาบันแล้วนะ"
"ดูเหมือนจะพบกับจันทร์เจ้าแล้วด้วย" คำตอบมาจากเด็กหนุ่มคนพี่ "ตอนนี้หนีไปแล้ว"
"ไม่อยากพบเค้าบ้างเหรอ" เอรีสหันไปมองเป็นครั้งแรก
"ทำไมหนูต้องอยากเจอคนที่เคยคิดจะฆ่าเราด้วย" เด็กหญิงตอบบ้าง
"พี่สอนพวกเค้าเหรอ" เอรีสหันไปค้อนพี่สาว "สอนให้เด็กๆ เกลียดพ่อ"
"ไม่ซะหน่อย เด็กพวกนี้จำได้เอง เป็นผลจากการฝึกจิตน่ะ และจิตมันก็เป็นอะไรที่เก็บประสบการณ์แบบไม่แยกดี-เลว และพี่แค่นิดว่าเรื่องพรรค์นี้ต้องให้เรียนรู้เอง"
"เจริญล่ะ ไม่ว่าจะนามสกุลมัฟอย(ศรัทธาความชั่ว) หรือแบล็ก(ดำมืด)ก็ไม่เห็นจะต่างกันเลย คิดงั้นสินะ" เอรีสประชดอย่างเสียมิได้
"พี่คือด้านมืด เธอคือด้านสว่าง มันก็ถูกแล้วนี่" อาเทน่าตอบแบบไม่ลังเล
----------------------------------
เซเวอรัสเดินเซกลับบ้านหลังจากทั้งหมด แม้จะโดนกล่อมให้เชื่อเรื่องซิเรียสแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะหักใจได้ เค้าเชื่อว่าซิเรียสฆ่าลิลี่มาสิบสามปี มันยากที่จะยอมรับว่าตัวเองคิดผิดไป
บานประตูเปิดออกพร้อมกับร่างพ่อที่นอนหมอบอยู่กับขวดเหล้า เค้ามองมันอย่างทอดอาลัยก่อนจะเกินเข้าครัวไปหยิบน้ำดื่มมา กับการเปิดฝาแล้วกลืนกินมัน
น้ำเย็นๆ ที่ไหลลงไปในร่างกลายเหมือนจะเอาความเครียดไปทั้งหมด
เมื่อคอของพ่อยกสูงจากโต๊ะ และเสียงอ้อแอ้เรียกเค้าด้วยชื่อแม่ เซเวอรัสก็เพียงตอบรับ "กลับมาแล้วครับ"
"ป่วย"
"ใช่ เมื่อวานนี้เอง พึ่งเคยอีตาสเนปร้อนรนแบบนั้น อุ้มลูกไปโรงพยาบาลทั้งๆ ที่เซเวอรัสก็ไม่ได้เป็นเด็กตัวเล็กๆ แล้ว" ลูเครเซียพูดอย่างเปรมปรี "น่ารักดีเหมือนกันแฮะ"
ลูเซียสคิดภาพนั้นไม่ออก บางทีก็ไม่แน่ใจว่าหมอนั่น(โทไบอัส)รักเซเวอรัสบ้างมั้ย เพราะบางดีเหมือนจะรักและห่วงมาก แต่บางทีเหมือนจะฆ่าทิ้งให้ตายไปทั้งแบบนั้นเลย
นี่สินะที่เซเวอรัสไม่ยอมทิ้งพ่อไป เพราะความไม่แน่นอนนี่?
"เรื่องนั้นเก็บไว้ก่อนเถอะ... ว่าแต่... เธอเอาหลังสือมาด้วยรึเปล่าเนี่ย" ลูเซียสพาน้องสาวเสไปเรื่องอื่น "นาซิสซาฆ่าชั้นได้นะ หากชั้นหาให้หล่อนไม่ได้"
"ดูพูดสิ..." ลูเครเซียแซว "พี่ชายชั้นไม่กลัวเมียขนาดนั้นหรอก เค้าก็แค่รักเมียม้ากมาก" ว่าแล้วก็ส่งถุงกระดาษสีน้ำตาลให้ "มีเวลาอ่านสิบห้าวัน"
"อย่าว่าแต่สิบห้าวันเลย... สามวันก็พอแล้ว"
"นั่นสินะ"
แล้วสองพี่น้องก็หัวเราะพร้อมๆ กัน นี่เป็นความลับระดับโลกที่น้อยคนจะทราบ เพราะนาซิสซาและลูเซียสเป็นคนในตระกูลมัลฟอย และด้วยฐานะกับการจับตามองของหลายๆ คนในสายตระกูลนี้และรวมถึงพวกเลือดบริสุทธิ์ที่เป็นคนนอกด้วย และในฐานที่เป็นครอบครัวระดับผู้นำตระกูล มันไม่ใช่เรื่องงายที่จะแสดงความรู้สึกด้านบวกกับพวกมักเกิ้ลเหมือนอย่างอาเธอร์ วิสลี่ย์และครอบครัว ลูเครเซียรู้ดีว่าลูเซียสและนาซิสซาเป็นพวกเกลียดตัวกินไข่-เกลียดปลาไหลซดน้ำแกง แม้พวกเค้าไม่มีวันที่จะยอมรับสะใภ้ที่เป็นมักเกิ้ลหรือเลือดสีโคลนเข้าบ้านเด็ดขาด แต่พวกเค้าก็ไม่ได้เกลียดพวกมักเกิ้ลหรอก แค่คิดว่ามันคนละพวก-ไม่อาจจะผสมข้ามพันธุ์ได้ สองผัวเมียไม่ได้คิดว่าจอมเวทย์เป็นคนและมักเกิ้ลเป็นลิงหรอก แต่แค่มองว่าคนละพวก
หากว่ากันตามตรง ใช่แล้ว... จากลูเครเซียเห็น พี่และพี่สะใภ้ของเธอมองมักเกิ้ลด้วยสายตาแบบเดียวกับที่มัลเกิ้ลมองมนุษย์ต่างดาว! ไม่ได้รังเกียจนะ แค่รู้สึกว่าคนละพวก
ในทางตรงกันข้าม สองผัวเมียคู่นี้จัดว่า 'คลั่งไคล้มนุษย์ต่างดาว(มักเกิ้ล)' พอควร แต่ทำแบบเงียบๆ ไม่โฉ่งฉ่างเหมือนพวกวิสลี่ย์ หากพูดภาษามักเกิ้ลน่าจะเรียกว่าพวก 'แอบโอ(โอตาคุ)' แถมแอบโอทั้งผัวทั้งเมีย เพราะแม้ทำท่าแสยงไม่เล่นด้วย แต่เอาเข้าจริงๆ ลูเซียสเชี่ยวชาญด้านมักเกิ้ลวิทยายิ่งกว่าอาเธอร์วิสลี่ย์ที่ประกาศตัวว่าโอแท้แต่ความรู้ต่ำ จัดว่าเป็นโอระดับปลายแถวด้วยเพราะอัศจรรย์ใจกับปัญญามักเกิ้ลที่ไม่มีเวทมนตร์ใดๆ แท้ๆ แต่กลับทำให้เครื่องบินบินได้, ทำให้อากาศเย็นด้วยแอร์ และ ประตูที่เลื่อนโดยอัตโนมัติ ในขณะที่ลูเซียสรู้กลไกพวกนั้นเกือบหมด เก่งด้านคณิตศาสตร์ และยังอาจแอบถ่มน้ำลายรดหน้าอาเธอร์ วิสลี่ย์ในจินตนาการด้วยว่า "โธ่เอ้ย ไอ้คนน่าสมเพช มัวควานหาอยู่ได้ว่าทำไมเครื่องบินได้ พวกมักเกิ้ลเค้าส่งคนไปเหยียบดวงจันทร์มาแล้วด้วยซ้ำ" แน่นอนว่าพี่เธอปิดใจแน่นมากจนดัมเบิลดอร์ยังมองไม่ออก
ส่วนนาซิสซาก็ไม่แพ้กัน เพราะเธอสามารถรักษาตัวรอดตลอดการวิวาทระหว่างเบลลาทริกซ์และแอนโดรมิด้าได้ก็เป็นการการันตีแล้วว่าเธอต้องคุยเรื่องมักเกิ้ลได้เป็นคุ้งเป็นแควเมื่ออยู่กับแอนโดรมิด้า และวางมาดไม่ชอบพวกมักเกิ้ลได้อย่างแนบเนียนเมื่ออยู่กับเบลลาทริกซ์และคนอื่นๆ ไม่งั้นคงไม่สามารถปกปิดความสัมพันธ์กับลิลี่ได้ตลอดเจ็ดปีที่เรียนที่ฮอกวอร์ตแน่ๆ
เท่าที่ลูเครเซียทราบ พี่สะใภ้เป็นนักอ่านนิยายมักเกิ้ลตัวยงคนหนึ่ง โดยเฉพาะนิยายแฟนตาซีจะปลื้มเป็นพิเศษเพราะติดใจในจินตนาการอันเลิศล้ำเหนือเหล่าจอมเวทย์ของนักเขียนมักเกิ้ล เรื่องโปรดสมัยใหม่ของนาซิสซา ก็ได้แก่แหวนครองพิภพ(ลอร์ดอ๊อฟเดอะริงค์) นาเนีย พ่อมดเมืองมรกต อลิซในแดนมหัศจรรย์ และอื่นๆ อีกมากมาย กระทั้งเรื่องที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นนิยายที่ยาวที่สุดในโลกอย่างมหาภารตะและรามายณะเธอก็ยังอ่านจนจบได้ จึงไม่แปลกเลยที่จะอ่านเรื่องเล่าจากสามอาณาจักร(สามก๊ก) จบเป็นร้อยรอบภายปีเดียว ซึ่งสามเรื่องหลังนี้เป็นนิยายที่ลูเซียสและลูเครเซียไม่เคยอ่านจบเลยเพราะหน้ามืดกับข้อความที่ติดกันเป็นพืดโดยไม่มีการเว้นบรรทัด
สำหรับหนังสือที่ส่งให้ลูเซียสก็คือหนังสือชุด 'เชอร์ล๊อค โฮล์มส์' ซึ่งลูเซียสเอาพวกมันออกมาและมองอย่างเม่อลอย "มันทำให้ให้ชั้นคิดถึงโลกิเลยนะเนี่ย"
"เธอเคยอ่านมันเหรอ"
"ใช่... เจอมันที่บ้านโลกิน่ะ โลกิเค้าเล่าให้ฟังว่า เค้าไปสืบคดีหนึ่งที่มักเกิ้ลโดนพ่อมดมนตร์ดำฆ่าตายแล้วเจอหนังสือเล่มนี้ที่ตัวคนตาย เค้าเลยเอามันมานั่งอ่าน อ่านไปอ่านมาก็เลยเกิดประทับใจความเฉลียวฉลาดของผู้หญิงคนหนึ่งที่สามารถเอาชนะพระเอกได้ก็เลยเอาชื่อหล่อนไปตั้งให้ลูกสาว"
"เอ๋อ... ไอลีน แอสเลอร์สินะ"
"รู้ด้วยเหรอ?" ลูเซียสเลิกคิ้ว
"คุณไอลีนเคยบอกน่ะว่า พ่อตั้งชื่อเธอตามชื่อตัวละครในนิยายมักเกิ้ล" ลูเครเซียยิ้มอย่างเศร้าๆ "จะมีตัวละครหญิงชื่อไอลีนซักกี่คนกันเชียวที่จะทำให้โลกิ พริ้นซ์ประทับใจได้จนเอามาตั้งเป็นชื่อลูกสาว นอกจากไอลีน แอสเลอร์--หญิงสาวคนเดียวที่ฉลาดซะจนทำให้โฮล์มส์ไม่อาจหลงรักสาวงามคนใดได้อีก"
"พอพูดเรื่องคุณไอลีน..." ลูเซียสยืนขึ้น "ก็ทำให้นึกได้ว่าควรจะไปเยี่ยมเซเวอรัสที่โรงพยาบาลบ้าง"
"ถึงไม่พูดเรื่องไอลีนก็ต้องไปเยี่ยมเซเวอรัสอยู่แล้วล่ะ อีตาพี่บ้า"
"ลูเซียส... วันนี้ไหงมามาดบาทหลวงได้ล่ะ?"
"อันที่จริงไม่คิดว่าจะได้มาเยี่ยมนาย เรานัดคุยกัน ที่ตรอกไดแอก้อน แล้วได้พอได้ยินเรื่องนายก็เลยมาเยี่ยม แต่จะมาชุดพ่อมดก็คงไม่ได้หรอกใช่มั้ย เลยไปยืมที่โบสถ์มาใส่แทน แล้วก็... มีแต่"
"เออๆ ไม่ต้องบอกแล้วล่ะ" เซเวอรัสรับอะไรได้ง่ายพอแม้จะป่วย
ลูเซียสมองสายน้ำเกลือที่ระโยงระยางมาเสียบที่หลังมือ "นายต้องดูแลตัวเองบ้างนะ" แน่นอน เพราะเซเวอรัสเป็นนักปรุงยาระดับเทพ หากสุขภาพทรุดโทรมย่อมต้มยากินเองได้ แต่การที่ล้มลงจนพ่อต้องอุ้มมาแบบนี้แปลว่าอ่อนแรงจนไม่มีแม้แต่กำลังจะต้มยาเอง
"ชั้นไม่ได้ปล่อยให้ร่างกายแย่หรอกนะ ชั้นไม่คิดสั้นแบบนั้นหรอก ยังไม่ถึงเวลาตายซะหน่อย"
"แล้วทำไม"
"เผอิญว่า ร่างกายมันทนอารมณ์ตัวเองไม่ได้น่ะ" เซเวอรัสตอบแบบรวยรินเต็มทน "อย่าทำหน้าแบบนี้ได้มั้ย ทั้งสองคนนั่นแหละ"
"ก็ไม่นึกว่าจะสภาพแย่แบบนี้" ทั้งสองตอบพร้อมกัน
ลูเซียสน้ำตาคลอ ส่วนน้องสาวไหลเรียบร้อย เค้าไม่แน่ใจว่ามันเป็นอารมณ์เค้าเองหรืออารมณ์น้องสาว หรือว่าทั้งอารมณ์เค้าและน้องสาวรวมกัน เพราะเมื่ออยู่ใกล้กันนานพอ พวกเค้าจะเชื่อมวิญญานและจิตใจเป็นหนึ่งเดียวกันโดยอัตโนมัติ แน่นอนว่าเซเวอรัสสังเกตเห็นว่าทั้งสองดูเศร้าพอๆ กันและรู้เรื่องสายสัมพันธ์นี้ดี
พ่อมดศาสตร์มืดล้วนทราบเกี่ยวกับสายสัมพันธ์ระหว่างแฝดแท้ชายหญิงที่เชื่อมกันด้วยวิญญาน โชคดีเหลือเกินที่ตอนนั้นจอมมารไม่ทราบเรื่องที่ลูเซียสและอาเทน่ามีฝาแฝดที่มีพันธนาการวิญญานแบบนี้ ไม่งั้นโลกคงวิบัติเป็นแน่
"ชั้นแค่แค้นใจ ที่ช่วยลิลี่ไม่ได้ แค้นใจ ที่แบล็กเปลี่ยนตัวกับเพ็ตติกรู แค้นที่พอตเตอร์ก็ยอมรับแผนการโง่ๆ นั่น และทั้งหมดทำให้ลิลี่ตาย"
"มีบางอย่างที่อยากบอกนาย ลูเซียสเอ่ยเบา "ชั้นก็แค้นใจมาตลอดที่ช่วยลิลี่กับเจมส์ไม่ได้ และไม่อยากมองหน้าลูกพวกเค้า เพราะมันเหมือนโดนทั้งเจมส์และลิลี่มองอย่างตำหนิพร้อมๆ กัน แต่วันที่ชั้นรู้ว่ามันไม่ได้เป็นเพราะชั้นแต่เป็นเพราะคนอื่น ชั้นยกโทษให้ตัวเองได้ แต่... ก็แค้นใจดัมเบิลดอร์ที่ไม่ยอมบอกให้ชั้นรู้ ปล่อยให้แค้นตัวเองมาตั้งหลายปี"
"ชั้นก็ต้องให้นายอภัยเหมือนกัน เพื่อนยาก ในฐานะที่ไม่บอกนายว่ามันไม่ใช่ความผิดนาย"
"นั่นเพราะนายก็แค้นตัวเองพอๆ กับชั้นนั้นแหละ" ลูเซียสยิ้ม "แต่นายต้องหัดยกโทษให้ตัวเองบ้าง แล้วนายจะดีกว่าขึ้น ชั้นสาบานว่านายจะดีกว่าเดิม"
"คงงั้น..." เซเวอรัสพยายามยิ้ม หน้าซีดและแกมสีเทาเหมือนรูปสลักที่ถูกทิ้งให้ไร้ประโยชน์อยู่ริมฝั่งแม่น้ำไนล์ "คราวนี้หนังสือเรื่องอะไรอีกล่ะ" พลางส่งสายตาไปที่สัมภาระลูเซียส
"เชอร์ล๊อคน่ะ..."
"คงไม่ได้ซื่อให้หล่อนสินะ" เซเวอรัสแซว
"ไม่... ชั้นมีบทเรียนพอแล้วสำหรับการซื้อหนังสือเรื่องเล่าจากสามอาณาจักร นาซิสซาทำซะจนชั้นแทบจะจำตัวละครได้ทั้งเรื่องแล้ว ยังไม่นับเรื่องที่ฝันว่าได้ร่วมทัพโจโฉรบกับพวกเล่าปี่กว่าสามคืนติดกันด้วย"
"หนักกว่าชั้นอีกแฮะ ชั้นน่ะเป็นแค่คนนั่งชมในฝันเท่านั้นเอง"
"แหงสิ นายเป็นเพื่อนที่มาเยี่ยมบ้าน แต่ชั้นเป็นสามีที่นอนกอดกันทุกคืน" ลูเซียสหัวเราะ "ชั้นจะพาเดรโกกับนาซิสซามาเยี่ยมด้วยพรุ่งนี้ เธอจะได้ไม่ทำให้นายเก็บเรื่องโฮล์มส์กับหมอวัสสันต์ไปฝันอีกคน เพราะเธอต้องระวังเมื่อมีเดรโกอยู่ด้วย"
"แล้ว... พวกพ่อเลี้ยง(เบริฟรอท--น้องอัสลันเทียและครอบครัว)นายจะโอเคให้เดรโกมาที่โลกมักเกิ้ลแน่เหรอ"
"เดรโก... ควรจะรู้ว่านายเป็นคนที่นี่และยอมรับได้ ไม่งั้นก็เสียแรงที่นายรักเค้า" ลูเซียสเคร่งเครียด และเซเวอรัสเข้าใจว่าหมายความว่ายังไง
หลวงแม่-คนที่เป็นน้องสาวฝาแฝดก็มองแบบกระจ่างใจ ซักวันหนึ่งลูเซียสคงต้องเปิดเผยกับเดรโกว่า "เฮ้... ความจริงแล้วแม้พ่อทระนงในเลือดบริสุทธิ์ แต่พ่อไม่ได้เกลียดมักเกิ้ลอย่างที่ใครๆ คิดหรอกนะ เพียงแต่มันกลืนไม่เข้าคายไม่ออกต่างหาก" และแน่นอนว่ามันต้องค่อยเป็นค่อยไป เพราะหากเปิดเผยหมดพ่อแม่แอบโอคงไม่ต่างอะไรกับฟ้าฝ่าหน้าแล้งสำหรับเดรโก เพราะฉะนั้น พี่ของเธอกับพี่สะใภ้จึงค่อยๆ ไปทีละขั้น เริ่มจากเซเวอรันเป็นพ่อทูลหัว แล้วก็บอกทีหลังว่าเซเวอรัสครึ่งมักเกิ้ล พอเวลาผ่านไปก็พาเดรโกมาโลกมักเกิ้ล จากนั้นก็... คือค่อยๆ เปลี่ยนทัศนะคติไปทีละขั้น
แน่นอนว่าต้องทีละขั้น เพราะหากโฉ่งฉ่างพวกมัลฟอยคนอื่นๆ คงรับไม่ได้ รวมทั้งพวกญาติๆ ด้วย และลูเซียสก็ไม่ได้เป็นประเภทที่จะหักด้ามพร้าด้วยเข่า--หรือ--รับไม่ได้ก็แหลกไปข้างเหมือนอย่างซิเรียสหรืออาเทน่า
หรือแม้กระทั่ง... เธอเอง
แต่สิ่งหนึ่งที่ลูเครเซียแอบน้อยใจ จะมีโอกาสมั้ยที่เดรโกจะทราบว่าเธอเป็นอาแท้ๆ เพราะเรื่องนี้หนักหนากว่าการยอมรับมักเกิ้ล
TBC.
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น