ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Harry Potter fanfic:- พลิกตำนานปราสาทกาลเวลา

    ลำดับตอนที่ #16 : ปลดปล่อยตนเอง

    • อัปเดตล่าสุด 30 พ.ค. 55


    เซเวอรัสนั่งอยู่ในความเงียบตามลำพัง ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงไม่สามารถควบคุมตัวเองให้ลุกไปจากโต๊ะได้ เพราะนาซิสซาบอกว่าแฮร์รี่เหมือนเค้าเหรอ!? เค้าไม่เข้าใจว่าทำไม... ความจริง ตอนที่นาซิสซาพูดแบบนั้น เค้าไม่ได้เมินพอที่จะไม่สังเกตว่าลูเซียสเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน

    ลูเซียสมองว่าแฮร์รี่เหมือนเค้าเหรอ!? เค้าไม่เข้าใจ

    แต่ว่า... แม้จะไม่ชอบเด็กคนนั้น แต่บางดีเมื่อเห็นดวงตาสีเขียวคู่นั้น ใจมันก็อ่อนลง

    แปลก... อะไรทำให้เค้าทำแบบนี้ ทั้งๆ ที่เค้าควรจะพยายามรักเด็กคนนั้นเหมือนที่ลิลี่หวังว่าเค้าจะทำ... ใช่! เค้ารู้ว่าลิลี่หวังเช่นนั้นแต่เค้าไม่สามารถทำได้

    เพราะถ้าสิ่งที่ดัมเบิลดอร์พูดเป็นความจริง หากจอมมารไม่ได้จากไปจริงๆ

    และมันก็เป็นจริงในวันนั้น แฮร์รี่ พอตเตอร์เผชิญหน้ากับจอมมารที่อยู่เบื้องหลังควีเรลล์ และตอนนี้เค้ายังไม่ฟื้นขึ้นมา!

    เซเวอรัสลอบเข้าไปที่ห้องพยาบาลในกลางดึก ไม่มีใครเห็นเค้า ขณะที่นั่งลงข้างๆ เตียงของเค้าและจับจ้อง... เซเวอรัสไม่แน่ใจว่าตนคาดหวังอะไร แต่เค้าต้องการให้เด็กคนนี้ปลอดภัย... อยากให้เค้าลืมตาขึ้นมามองเซเวอรัสแม้ว่าจะเป็นดวงตาแห่งความเกลียดชังก็ตาม... ขอเพียงดวงตาคู่นี้มองเค้าอีกครั้ง!

    กับน้ำตาที่ไหลออกมา หล่นที่แก้มของพอตเตอร์ และพอตเตอร์จะไม่มีวันรู้!
    ----------------------------------------------------------

    ลูเซียสเดินทางไปรับลูกชายของตนที่สถานีรถไฟคิงครอส ท่าทางแกแจ่มใสดี ยกเว้น "กริฟฟินดอร์ได้รางวัลบ้านดีเด่น" ท่าทางไม่พอใจที่ดูเหมือนเจมส์ พอตเตอร์ไม่มีผิด แล้วก็มาที่ "พ่อไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ" ท่าทางแบบนี้ทำให้เค้าอดหัวเราะไม่ได้

    "สมัยที่พ่อเป็นเด็ก บ้านเรเวนครอได้ถ้วยบ้านดีเด่น พ่อไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย" ก่อนจะทำท่าเคร่งขรึมขึ้นมาเมื่อเห็นเอเวอรี่พาลูกชายมานั่งใกล้ๆ กัน "แต่คราวหน้าแกก็ต้องทำตัวให้ดีขึ้น แล้วแกจะได้รางวัลเองนั่นแหละ แกทำได้อยู่แล้วเพราะแกมีดีมากกว่าที่คนอื่นมี"

    "ไม่เจอกันนานนะมัลฟอย" เอเวอรี่ทักข้ามโต๊ะมา

    "สวัสดี เอเวอรี่" ทักกลับอย่างไม่ใส่ใจ "ไปกันเถอะเดรโก แม่คงรอแย่แล้ว"

    "เดี๋ยวๆ แกคิดจะไปไหนกัน"

    เสียงท้าทายทำให้ลูเซียสหันไปมอง เอเวอรี่ผู้พ่อเดินตรงเข้ามาแล้วบีบแขนเค้าอย่างแรง ยากมากที่ลูเซียสจะรักษาหน้าเรียบๆ ของตนไว้ เค้าจึงนิ่วหน้าแค่นิดหน่อยแล้วพูดอย่างไม่พอใจ "ช่วยปล่อยชั้นหน่อยได้มั้ย!"

    "จำเป็นเหรอ ถามหน่อย ถ้าชั้นไม่ปล่อยนายจะทำอะไรชั้นได้"

    "นายต้องการอะไร"

    "ลูกชายของชั้นถูกเด็กแฝดวิสลี่ย์แกล้ง นายต้องจัดการ"

    "เด็กทะเลาะกันทำไมชั้นต้องเข้าไปยุ่งกับมันด้วย!"

    "นี่นายพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง!"

    "หยุดนะ"

    เสียงดังขึ้นทำให้เอเวอรี่ปล่อยมือจากลูเซียส เซเวอรัสเดินตรงเข้ามาทั้งสี่คนที่ยืนตรงนั้น เอเวอรี่พาลูกชายไปโดยที่ไม่ปล่อยให้ลูกชายได้ทักอาจารย์ประจำบ้านเลยด้วยซ้ำ ลูเซียสไม่แม้แต่จะเอามือลูบต้นแขนแต่เค้าก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่กำลังเต้นตุบๆ เดรโกดูจะไม่เข้าใจอะไรเลย แต่ลูเซียสมองตรงไปที่เพื่อนที่อายุน้อยกว่าเค้าอย่างน้อยหกปี

    "ขอบใจนะ"

    "ไม่เป็นไร นายเจ็บรึเปล่า"

    "ไม่... ไม่เจ็บมาก"

    "นายนี่เถรตรงจริงๆ นะ ถ้าเป็นชั้นคงบอกว่าไม่เจ็บหรอก"

    "ชั้นไม่ใช่คนปากไม่ตรงกับใจเหมือนอย่างนายนี่" ลูเซียสตอบ "ไปบ้านชั้นได้มั้ย"

    "ไปมั้ยครับศาสตราจารย์สเนป!" เดรโกชวน

    "คงไม่ได้หรอก ชั้นน่ะ"

    "กลับไปหาพ่อเหรอ" ลูเซียสถามเบาๆ

    "ใช่..."

    "ชั้นก็รีบกลับเถอะ เดี๋ยวเค้าจะโวยวาย"

    "แล้วชั้นจะติดต่อไปนะ"

    "ชั้นจะรอ"

    ลูเซียสมองเซเวอรัสเดินจากไป หวังว่าจะไม่เป็นอะไรนะ... เดรโกเขย่าเรียกพ่อ "พ่อครับพ่อ"

    "ว่าไงเดรโก"

    "พ่อของเซเวอรัสเป็นคนแบบไหนครับ"

    "เค้าน่ากลัวมาก"

    "เป็นพ่อมดชั่วร้ายเหรอฮะ!?"

    "เปล่า... แต่เป็นคนดุร้าย"

    ลูเซียสพบว่าเค้าไม่กล้าที่จะบอกลูกชายว่าพ่อของเซเวอรัสเป็นเพียงมักเกิ้ลธรรมดา เดรโกขมวดคิ้ว "ดุร้ายที่ว่าเป็นยังไงครับ"

    "เค้า... ทุบตีเซเวอรัส และเคยทำร้ายพ่อด้วย.."

    "ถามจริง!?"

    "จริง..."

    "แล้วทำไมเซเวอรัสต้องทนอยู่กับเค้าด้วย!?"

    "เซเวอรัส รักพ่อมากเกินไป"

    "แล้วพ่อไม่ทำอะไรเหรอ!?"

    ลูเซียสหันหน้ามาเผชิญหน้ากับลูกชาย ก่อนจะพูดอย่างจริงจัง "เราต้องรีบกลับแล้วเพราะพ่อมีธุระที่บ้านเซเวอรัส!"

    กับความงุงงของลูกชาย เค้าถูกถูลากถูกังไปโดยไม่สามารถพูดอะไรได้ ลูเซียสไม่สนอะไรเกี่ยวกับเดรโกมากนัก บทเพลงโบราณนั่นดังก้องในหูอย่างประหลาด

    คำพูดเดิมๆ การกระทำเดิมๆ...
    บางคนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังย่ำอยู่กับที่
    พยายามหาหนทางที่จะขอการคืนดี
    แต่ไม่เคยที่จะย้อนมองตัวเอง

    พยายามที่จะวิ่งเข้าไปขอโทษนับพันครั้ง
    พยายามที่จะพูดนับพันหน
    มีประโยชน์อันใดถ้าไม่รู้ว่าตนผิดเรื่องอะไร
    แทนที่จะพยายามโง่ๆ น่าจะย้อนมองตัวเอง

    เรื่องเดิมจะผ่านเข้ามาในชีวิตอีกครั้ง
    ซ้ำแล้วซ้ำเล่าสำหรับคนที่ไม่เคยเรียนรู้
    ความทุกข์เดิมๆ จะเวียรมาหาคนที่ไม่เอาผิดเป็นครู
    คนที่ไม่เคยเรียนรู้จากความผิดพลาดใดๆ

    ไม่มีใครเปลี่ยนใครได้นอกจากเปลี่ยนตนเอง
    ทิฐิแรงกล้าก็ไม่ต่างอะไรกับโคลนที่ถมดอกบัวไว้
    หากความนอบน้อมสามารถแหวกทิฐิขึ้นมาได้
    ก็ไม่ต่างอะไรกับดอกบัวที่เบ่งบานในใจเรา

    บางทีอาจจะมีแต่เซเวอรัสเท่านั้นที่สามารถปลดปล่อยตัวเองได้ หรือไม่ก็มีแต่เค้าเท่านั้นที่สามารถปลดปล่อยพันธนาการบางอย่างได้ บเพลงเหมือนจะบอกอะไรในตัวมันเอง แม้ว่า สิ่งที่เค้าคิดออกคือ... บางทีเพลงบทนี้อาจจะไม่ใช่เพื่อทุกคนอย่างที่เคยเข้าใจ แต่อาจจะเป็นเพลงของใครบางคนถึงใครบางคน












    ท่ามกลางฝนที่ตกลงมาไม่ขาดสาย ลูเซียสวิ่งไปกลางถนน อีกครั้งที่คิดถึงบทเพลงที่ก้องในหัวตลอดเวลา...

    "คำพูดเดิมๆ การกระทำเดิมๆ... บางคนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังย่ำอยู่กับที่ พยายามหาหนทางที่จะขอการคืนดี แต่ไม่เคยที่จะย้อนมองตัวเอง" สิ่งนี้เหมือนกับตัวของเซเวอรัสที่พยายามที่จะรักษาสายสัมพันธ์กับพ่อ ทั้งที่ความจริงสิ่งที่เค้าทำมาทั้งหมดอาจจะไม่ใช่คำตอบก็เป็นได้

    "พยายามที่จะวิ่งเข้าไปขอโทษนับพันครั้ง  พยายามที่จะพูดนับพันหน  มีประโยชน์อันใดถ้าไม่รู้ว่าตนผิดเรื่องอะไร  แทนที่จะพยายามโง่ๆ น่าจะย้อนมองตัวเอง" ลูเซียสพึมพำท่อนต่อมาของบทเพลง ก่อนจะคำรามออกมา ใช่สิ... ใช่

    ไม่มีประโยชน์หรอกถ้าไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด!? เซเวอรัส! นายทำผิดอะไรกันล่ะ!

    นายจะแก้ไขอะไรได้ ในเมื่อนายไม่ได้ทำอะไรผิดมาแต่ต้น!?

    บานประตูเปิดผ่างพร้อมกับร่างที่เปียกฝน เซเวอรัสในชุดแบบมักเกิ้ลยืนขึ้นและบอก "รอนี่นะ!" ก่อนจะหายไปหลังตู้หนังสือที่ซ่อนบันไดไว้แล้วกลับมาอีกครั้งพร้อมกับผ้าเช็ดตัว "ให้ตายสิ ทำไมเปียกมาแบบนี้!?"

    "เซวี" เสียงคำรามดังขึ้นและทำให้เซเวอรัสหันขวับ โทไบอัส สเนปเดินลงมาจากบันได "อ้าว เธอมาทำอะไรที่นี่อีก"

    "คุณสเนป วันนี้ผมจะมาค้างกับเซเวอรัสน่ะครับ"

    "ชั้นไม่อนุญาต"

    "งั้นผมขอให้เซเวอรัสไปค้างกับผม--"

    "บอกว่าไม่อนุญาต!"

    "ที่โบสถ์" ลูเซียสไม่ลดละ "ผมมีเรื่องสำคัญที่จะต้องพูดกับเค้า"

    "ธุระของเธอ จัดการมันที่นี่แล้วออกไปพร้อมกับมันซะเมื่อหมดแล้ว ชั้นไม่อนุญาต!"

    "งั้นคุณคงต้องฆ่าผมแล้ว"

    โทไบอัสก้าวลงมา และทำให้เซเวอรัสส่งเสียงดัง "พ่อครับ! อย่า!"

    "หลีกไป!"

    "พ่อทำร้ายลูเซียสไม่ได้นะครับ"

    "ชั้นบอกให้หลีกไป!"

    "ถ้าพ่อทำร้ายลูเซียสจะเป็นเรื่องใหญ่มาก พวกที่โลกเวทมนตร์จะไม่เอาเราไว้แน่ และถึงตอนนั้นผมจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย! ได้โปรดเถอะครับพ่อ! อย่ายุ่งกับเค้า!"

    แต่เซเวอรัสกลับถูกลูเซียสดึงมาไว้ข้างหลัง "แทนที่จะพยายามทำโง่ๆ น่าจะย้อนมองดูตัวเองหน่อย เซเวอรัส นายทำผิดอะไรถึงต้องมารับเคราะห์กรรมเฮงซวยนี่ ที่นี่ไม่ใช่นรก! และเค้าก็ไม่ใช่นายนิรบาล!"

    คำพูดเดิมๆ การกระทำเดิมๆ...

    มีประโยชน์อันใดถ้าไม่รู้ว่าตนผิดเรื่องอะไร...

    "ต้องการอะไร" สเนปพูดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอาจริง ยังไงอีกฝ่ายก็เสกเวทมนตร์ได้ เค้าต้องระมัดระวัง ลูเซียสถอนหายใจช้า ก่อนจะพูดด้วยท่าทางที่สุภาพอย่างที่ไม่เคยทำเมื่ออยู่กับคนที่เกลียดอย่างดัมเบิลดอร์ หรือไม่ก็วิสลี่ย์

    "ผมมีธุระสำคัญต้องคุยกับเซเวอรัส ได้โปรดเถอะครับ เราต้องใช้เวลานาน แล้วผมจะไม่รบกวนคุณโดยไม่จำเป็นอีก ผมขอที่จะให้เค้าไปกับผมที่โบสถ์ ตอนนี้ แล้วหลังจากนั้น พรุ่งนี้เช้าผมจะให้เค้ากลับบ้าน" ไม่เพียงพูดเปล่า ลูเซียสโค้งลงอย่างสุภาพจนเซเวอรัสแทบไม่เชื่อสายตา

    โทไบอัสหายไป ก่อนจะกลับมาพร้อมกับร่มสองคัน "น่าแปลกนะ ชั้นหายไปโดยไม่บอกกล่าว กลับรอชั้นแทนที่จะไปเลย"

    "ผมให้เกียรติคุณครับ คุณสเนป"

    เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ลูเซียสได้เห็นโทไบอัสยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่บางจนแทบไม่สังเกต เค้ารับร่มไปแล้วโค้งอย่างให้เกียรติ พาเซเวอรัสออกไปจากที่นั่น

    "มีธุระอะไรเหรอ?"

    "เกี่ยวกับสมุดนั่น"

    "ที่อาเทน่าให้เหรอ"

    "ที่จอมมารให้"

    โกหก... แต่ก็ชั่งมันเถอะ...

    "เรื่องเดิมจะผ่านเข้ามาในชีวิตอีกครั้ง  ซ้ำแล้วซ้ำเล่าสำหรับคนที่ไม่เคยเรียนรู้  ความทุกข์เดิมๆ จะเวียรมาหาคนที่ไม่เอาผิดเป็นครู  คนที่ไม่เคยเรียนรู้จากความผิดพลาดใดๆ.... ไม่มีใครเปลี่ยนใครได้นอกจากเปลี่ยนตนเอง  ทิฐิแรงกล้าก็ไม่ต่างอะไรกับโคลนที่ถมดอกบัวไว้  หากความนอบน้อมสามารถแหวกทิฐิขึ้นมาได้  ก็ไม่ต่างอะไรกับดอกบัวที่เบ่งบานในใจเรา"

    "เป็นเพลงที่นายชอบมากจริงๆ นะ"

    "ใช่ แต่ทำไม่ค่อยได้น่ะ"

    "ไม่หรอก... นายทำดีพอแล้ว ขอบใจนะลูเซียส ไม่ว่านายจะมีเจตนาใดก็ตาม"
    ------------------------------------------------------------------

    "แม่ฮะ"

    "ว่าไงเดรโก"

    "พ่อเซเวอรัสเป็นแบบไหนฮะ"

    "ทำไมเหรอ"

    "ผมได้ยินเกี่ยวกับเค้า"

    นาซิสซาหันมา "พ่อพูดเหรอ"

    "ฮะ"

    "ว่า"

    "เค้าเป็นคนดุร้าย"

    "แค่นั้นเหรอ"

    "เค้าเคยทำร้ายพ่อ"

    "...ใช่"

    "เค้าเป็นผู้เสพความตายหรือมือปราบมารเหรอฮะ"

    "ไม่มีวัน... เค้าเกลียดเวทมนตร์"

    "แต่เค้าเป็นพ่อของเซเวอรัส!?"

    "ใช่... แต่เค้าก็เกลียดเวทมนตร์มาก"

    "ทำไม!?" เดรโกรู้สึกขนลุกอย่างประหลาดอย่าบอกนะว่าเค้าเป็น...

    "เวทมนตร์ทำให้แม่ของเซเวอรัสตาย และเวทมนตร์ก็ทำให้ชีวิตของเซเวอรัสอยู่ในอันตรายมาตลอด เพราะฉะนั้น เค้าจึงพยายามรีดเอาเวทมนตร์ออกจากลูกชาย"

    นาซิสซารู้สึกถึงความโล่งอกของเดรโก... เด็กคนนี้ถูกเลี้ยงมาโดยเบริฟรอท... เค้าน่าจะเป็นพวกคลั่งเลือดพอควร อาจจะรับไม่ได้กับการที่เซเวอรัสและลูเซียสต้องถูกมักเกิ้ลทุบตี

    "ทำไมกระทรวงไม่ทำอะไรกับเค้าล่ะฮะ"

    "เซเวอรัสรักพ่อ... ถ้าลูกส่งพ่อเซเวอรัสเข้าอัซคาบัน ลูกกำลังฆ่าเค้าเลยล่ะ" นาซิสซาพูดให้รู้ว่าไม่ควรถามอีกต่อไป "เอาล่ะ... บอกซิว่าที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้าง"











    "เธอไปเอาสมุดนี่มาจากไหน" เอรีสเปิดดูอย่างสนใจ

    "จอมมาร"

    "ลอร์ดโวลเดอร์มอร์" ลูเครเซียเลิกคิ้ว ลูเซียสกับเซเวอรัสหน้าซีด ยกมือขึ้นบีบแขนโดยไม่รู้ตัว "ที่กำลังบีบอยู่คือตำแหน่งตรามารสินะ"

    "ตอนนี้ไม่มีแล้ว จอมมารจากไปนานมากแล้ว" ลูเซียสบอก

    "แต่เค้าจะกลับมา" เซเวอรัสเอ่ยเบาๆ

    "ดัมเบิลดอร์บอกเหรอ" ลูเซียสหันไปถาม เซเวอรัสพยักหน้า

    "ถึงเค้าไม่บอก ชั้นก็พออนุมานได้" เอรีสปิดสมุด "ถ้าเค้าจากไปตลอดกาล รอยประทับตราจะกลายเป็นแปลเป็น เหมือนตรามารของเฮก้า ฮัฟเฟิลพัฟ... ไม่ใช่หายไปเหมือนของพวกเธอ"

    "เฮก้า ฮัฟเฟิลพัฟมีตรามารเหรอครับ!?" ลูเซียสไม่อยากเชื่อเลย

    "มี! เฮก้าเคยเป็นสาวกของเจ้าแห่งศาสตร์มืดยุคโบราณที่เรียกกันว่า 'อะโพคาลิฟ-ฟา' เมื่ออะโพคาลิฟ-ฟาจากไป มันก็กลายเป็นแผลเป็นที่เหมือนถูกเหล็กร้อนๆ นาบทับแต่หายแล้ว เจ้าหล่อนเป็นแม่มดศาสตร์มืดที่อันตรายมากก่อนจะแปรพักตร์ไปอยู่กับกองทัพต่อต้านของกริฟฟินดอร์ แถมเป็นคนที่ให้กำเนิดสามคำสาปโทษผิดสถานเดียวด้วย"

    "โห... ทั้งปรุงยาเก่ง ประดิษฐ์ศาสตร์มืด เป็นสาวกฝ่ายมืดที่แปรพักตร์ ครบชุดเหมือนนายเลยนะเนี่ย!" ลูเซียสหันไปหาเซเวอรัส

    "แล้วทำไมจอมมารถึงมีสมุดที่ซื้อจากโลกมักเกิ้ลได้ล่ะครับ" เซเวอรัสถามโดยไม่สนใจลูเซียส

    "เพราะสมุดมักเกิ้ลราคาถูกกว่าสมุดของโลกเวทมนตร์แถมอยู่ใกล้สถานสงเคราะห์มั้ง"

    "ใกล้สถานสงเคราะห์?"

    "ใช่ เค้าเกิดและโตที่โลกมักเกิ้ล"

    "รึว่า...!?" เซเวอรัสชักตะหงิดๆ แล้ว

    "นี่สมุดของเค้า" เอรีสตอบอย่างไม่แยแส

    ...น่าน ทีล๊อตตารี่ทำไมทายไม่ถูกวะ...

    "ผมควรทำไงกับมัน พ่อ!"

    "ถ้าจะให้พ่อแนะนำนะ มีสองอย่างที่ควรทำ อย่างแรกเผาทิ้ง เพราะมันทำให้ลูกไม่สบายใจ อย่างที่สองเก็บมันไว้ซะ เพราะหากเค้ากลับมาแล้วพบว่าสมุดหายไปเค้าฆ่าแกแน่!"

    ลูเซียสจ๋อยสนิท

    "เอรีส!?"

    "ว่าไง เซเวอรัส"

    "สมุดเล่มนี้ไม่ใช่สมุดธรรมดาสินะครับ"

    "ใช่... ใจจริงชั้นอยากให้ลูเซียสหาทางยัดเยียดมันให้กับเด็กที่ฮอกวอร์ตซักคนมากกว่าจะจะเผาทิ้งหรือเก็บไว้นะ"

    "พ่อ!?" ลูเซียสตะโกน

    "อยากรู้เหมือนกันว่าดัมเบิลดอร์จะหามันเจอมั้ย"

    "คุณเสียสติไปแล้วเหรอ!?" เซเวอรัสมองอย่างไม่เชื่อ ลูเครเซียมองพ่อตัวเองบ้าง

    "สมุดเล่มนี่ฆ่าใครไม่ได้หรอก แต่คงสร้างความปั่นป่วนน่าดูเชียวล่ะ! ความจริง!" ท่าทางเค้าเหมือนกำลังสนุก "ลูกน่าจะลองคุยกับเค้าดูนะ ถ้าเค้าโอเคขึ้นมาวันนั้นทอม ริดเดิ้ลตัวจริงก็ไม่มีสิทธิเอาผิดลูกเพราะตัวเค้าอีกคนที่อยู่ในสมุดเป็นคนตัดสินใจเอง"

    "เป้าหมายของพ่อคืออะไร!? สร้างความปั่นป่วนแค่นั้นเหรอ!?"

    "ก็ไม่เชิงนะไอ้ลูกชาย... เพียงแต่ว่า... สมุดเล่มนี้เป็นของทายาทโดยตรงของสลิธีรีน มันจะต้องหาสัตว์ร้ายของสลิธีรีนเจอแน่ๆ" เอรีสดื่มน้ำส้มก่อนจะบอก "เมื่อพันปีก่อน สลิธีรีนได้สร้างห้องลับไว้ที้ฮอกวอร์ตและซ่อนสัตว์ร้ายตัวหนึ่งไว้ คิดดูแล้วกันว่าถ้ามันยังอยู่แล้วไม่มีใครหามันพบเพื่อกำจัดมันซะจะอันตรายขนาดไหน"

    "พูดง่ายๆ คุณต้องการหาต้นตอของทั้งหมดโดยการปล่อยให้บางอย่างเกิดขึ้นเหรอ!?" เซเวอรัสโวย

    "ใช่! ถูกเผงเลย!?"

    "แล้วทำไมพ่อคิดว่า สมุดนี้จะทำแบบนั้นได้"

    "ตอนที่ริดเดิ้ลอยู่ปีห้า พ่อเข้าเรียนปีแรก ตอนนั้นสัตว์ร้ายได้ปรากฏตัวแต่ไม่มีใครเห็น เพราะริดเดิ้ลกลัวถูกจับได้เลยหาแพะซะ แล้วเรื่องก็เงียบไป เจ้าสัตว์ตัวนี้ยังอยู่ที่นั่นแน่ๆ และที่กังวลคือไม่รู้มันมีกี่ตัวและซ่อนที่ไหน อายุยืนเท่าไหร่! เพราะงั้น! เราต้องจัดการมันซะแล้ว... แต่... พ่อไม่มีสิทธิในฮอกวอร์ต เลยต้องโอนให้คนที่ชอบอวดตัวว่าเก่งไปจัดการดู"

    สรุปแล้วพ่อก็แอบหมั่นไส้ดัมเบิลดอร์สินะ!?

    "จำเป็นต้องทำจริงๆ เหรอ" เซเวอรัสไม่แน่ใจ

    "คนตัดสินใจไม่ใช่เธอ... ลูเซียสต่างหาก!" ลูเครเซียเข้าขากับพ่อได้ดี

    "ลูเซียส!?" เซเวอรัสหันไปกดดันเพื่อน

    "เอ่อ...ชั้นจะคิดทีหลัง"











    บานประตูเปิดออกพร้อมกับร่างของโลกิและเด็กชาย มานาเกียเดินเข้ามาต้อนรับ "ตายจริง นั่นใครน่ะ!?" ท่าทางเธอทั้งตื่นเต้นและดีใจ โลกิแนะนำเบาๆ

    "ชั้นเธอเค้าตากฝนอยู่"

    "ชื่ออะไรเอ่ย หนุ่มน้อย"

    "ทอม! เอ่อ... ทอม ริดเดิ้ลฮะ"

    "ทอมเหรอ... ชื่อน่ารักจัง"

    "น่ารักเหรอ! มันโหลจะตาย! มีคนชื่อทอมตั้งเยอะ!"

    "เป็นเด็กที่อ่อนไหวซะด้วย" โลกิหัวเราะ "ทอมเป็นชื่อที่น่ารัก มันแปลว่าแมวตัวผู้"

    "งั้นทั้งคู่ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวชั้นจัดอาหารให้ อ้อ! ทอม! เธออยู่กินข้าวกับเรานะ! เดี๋ยวเอลฝ์จะเอาเสื้อผ้าไปส่งที่ห้องน้ำ"

    "เอ่อ... ฮะ"

    "ไปเถอะ!" โลกิดึงไป "อยากเป็นหวัดรึไง!"

    ทอมถูกพาไปที่ห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ โลกิปิดประตูแล้วทิ้งทอมไว้ตามลำพัง...

    "เด็กคนนี้เติบโตขึ้นมาเป็นจอมมารเหรอเนี่ย" ลูเซียสที่นั่งมองเหตุการณ์ทั้งหมดถอนใจ "ไม่น่าเชื่อเลยแฮะ" ก่อนจะออกไปจากห้องน้ำเมื่อเด็กชายเริ่มถอดเสื้อผ้าแล้วลงไปหามานาเกีย

    เฮ้! มีเด็กคนหนึ่งที่เหมือนเซเวอรัสตอนเด็กๆ มาก!? นั่นต้องเป็นไอลีน พริ้นซ์แน่ๆ!? ลูเซียสพิจารณาเธอ เสียดายที่ไม่สวยเหมือนแม่ มานาเกียสวยมากจริงๆ

    วูบหนึ่งลูเซียสมองเห็นบางอย่างที่แขนขวาที่ถูกพับแขนเสื้อขึ้น.. แผลเป็น!?

    เหมือนกับถูกเหล็กร้อนๆ จี้ รูปงู...

    งูเจ็ดหัว!?!

    ลูเซียสพยายามคิด... แต่คิดไม่ออก วูบหนึ่ง! เหมือนมีลมผ่าน!?!

    ใครบางคนมาที่นี่! แต่... ทำไมเค้ารู้สึกได้ล่ะ!?

    ลูเซียสหันไปพบกับดวงตาสีทองอีกคู่หนึ่ง..!






    TBC.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×