ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The last of your expectation

    ลำดับตอนที่ #10 : คฤหาสมัลฟอย

    • อัปเดตล่าสุด 20 ส.ค. 54


    บานประตูเปิดออกพร้อมกับร่างของบาทหลวงห้าคนกับภิกษุณี, โยเซฟ  เจคอบ อลัน แอนดรู เอรีส และ ลูเครเซีย  ส่วนด้านหลังคือพ่อมดสองคน แม่มดหนึ่ง และจอมเวทย์รุ่นเล็กสามคนที่มีศพเดินดินอย่างเซเวอรัส สเนปตามมาด้วย และเอรีสเริ่มต้น

    "ว่าแล้วว่าต้องอยู่ที่นี่... เอาล่ะ  เราต้องไปกันแล้ว  เราต้องทำให้เซเวอรัสคนนี้กลับเป็นปกติก่อน  เพราะคนที่ไม่สามารถจะตายได้นี่แหละคือกำลังสำคัญของเรา"

    "ผมไม่ไปหรอก"

    "ทอม..."

    "ผมคือโวลเดอร์มอร์  ไม่มีใครต้อนรับผมด้วยใจจริง  ผมจะอยู่ที่นี่  รอให้พวกยมทูตมาเอาตัวผมกลับนรก" ทอมหอบ "พวกคุณไปเถอะ  วิญญานที่พิกลพิการเพราะการฆ่าคนเพื่อสร้างฮอลรักซ์ไม่สามารถช่วยอะไรคุณได้หรอก"

    "เธอจำได้ทุกอย่างสินะ..." ลูเครเซียถอนใจ "งั้น  ตามตรงเลยนะ  ลอร์ดโวลเดอร์มอร์  ความทรงจำคุณกลับมาเมื่อไหร่"

    "สองปีก่อน"

    "แล้วมัวรออะไรอยู่" ทอมอึ้ง  ลูเครเซียหัวเราะก่อนจะถามอีกครั้ง "ทำไมไม่ยอมเชื่อว่าตัวเองคือเจ้าแห่งศาสตร์มืดแต่พยายามปฏิเสธตัวเองไปทำไม"

    แฮร์รี่รู้สึกเย็นแต่หัวจรดเท้า... เด็กคนนี้รู้แต่แรกแล้ว  เฮอร์ไมโอนี่รีบจับมือเค้าไว้และหันไปหารอนเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ทำอะไรโง่ๆ ต่อให้ทอมเป็นโวลเดอร์มอร์จริง! แต่กระนั้นก็อดขนลุกไม่ได้ตามประสาคนเป็นแม่!

    เธอปล่อยให้ลูกหลานของเธออยู่กับโวลเดอร์มาตั้งห้าเดือน!?!?

    สกอร์ปิอัสเดินเข้าไปหา  แต่ทอมคำราม "อย่านะ!" สกอร์ปิอัสชะงัก  แต่ก็ไม่ยอมถอยออกไป "ถ้าเธอไม่อยากตาย  เหมือนกับคนอื่นๆ"

    "ทอมครับ... ถ้าคุณคือจอมมารที่น่ากลัวจริงๆ  ทำไมคุณไม่ฆ่าพ่อกับปู่และย่าของผม  รวมทั้งผมที่เป็นลูกของคนทรยศด้วย... ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่จอมมารคนเดิม  เพราะคุณได้รับอิทธิพลจากนิสัยของตัวคนที่กลับมาเริ่มต้นใหม่  ในฐานะลูกของพระเจ้า  ในฐานะคริสเตียน  ผมยังจำวันที่เรานั่งในคุกใต้ดิน--ในห้องนอนของเราแล้วร้องเพลงสรรเสริญด้วยกัน  คุณพาผมอธิฐานรับเชื่อและสัญญาว่าจะให้เซเวอรัสของคุณบัพติสมาให้ผม" สกอร์ร้องไห้ "ผมไม่เห็นแคร์เลยว่าผมเป็นสกอร์ปิอัส ไฮเปอเรี่ยล มัลฟอย  ผมสนแต่ว่าผมเป็นพี่น้องฝ่ายวิญญานของคุณ  เป็นคริสเตียนและเป็นลูกพระเจ้า" น้ำตาของเด็กชายไหลไม่ขาดสายแล้วตอนนี้ "แล้วจะให้ผมปล่อยให้คนที่ทำให้ผมได้รับความรอดอยู่ในมุมมืดได้เหรอ!!"

    ทอมร้องไห้ และหลังจากนั้นก็กอดสกอร์ปิอัส  พวกเค้าร้องไห้ด้วยกัน  มันน่าประทับใจมาก  และมันทำให้เฮอร์ไมโอนี่อดไม่ได้ที่จะคิดถึงสมัยที่เธอยังไม่ได้เป็นแม่มด... และ

    ชีวิตคริสเตียนของเธอ....

    คราวนี้เป็นโรซี่และอัลที่วิ่งเข้ามากอดทอมกับสกอร์ปิอัส  พวกเค้าจับมือกัน  อธิฐานให้กัน  และร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าด้วยกัน  เหมือนที่ทำในคุกใต้ดินมาตลอดห้าเดือน  และในที่สุด  อัลก็หันมาบอกกับพ่อของเค้า "พ่อฮะ! ผมขออนุญาตรับลอร์ดโวลเดอร์มอร์เป็นเพื่อนสนิทได้มั้ยฮะ!?!"

    "แม่คะ! พ่อค่ะ! อนุญาตด้วยนะคะ!" โรซี่เอาบ้าง

    "ถ้าชั้นบอกว่ายกโทษให้สำหรับการที่ชั้นต้องเสียซิเรียส เสียพ่อแม่ เสียศาสตราจารย์ลูปิน เสียดัมเบิ้ลดอร์ และอีกมากมาย  มันก็เป็นการโกหกที่น่าสมเพชรที่สุด เพราะชั้นจะไม่มีวันยกโทษให้กับโวลเดอร์มอร์ได้" รอนและเฮอร์ไมโอนี่มองเพื่อนรักและพบว่าแฮร์รี่หันไปมองดูสเนปที่ยังว่างเปล่าและอยู่ในโลกของตัวเอง  ก่อนจะพูดช้า "แต่ชั้นจำได้ว่าชั้นเกลียดเซเวอรัส สเนปเท่าๆ กับที่เกลียดโวลเดอร์มอร์  ก่อนที่ชั้นจะยกโทษให้เค้าสำหรับทุกอย่างเมื่อพบว่าทั้งหมดที่เค้าทำมาตลอดเพื่อแม่ของชั้น  แต่แน่นอน  แม้ว่าเค้าจะเป็นอย่างนั้น  แต่เค้านิสัยแย่กว่านายในตอนนี้ที่อยู่ตรงหน้าชั้นซะอีก" แฮร์รี่หันหน้ามามองทอม "ชั้นไม่สามารถยกโทษให้นายได้...  แต่เห็นแก่เด็กๆ  ชั้นก็จะยอมที่จะไม่เป็นศัตรูกับนายและไว้ใจที่จะให้นายดูแลเด็กๆ พวกนี้"

    แม้จะไม่ได้รับการยกโทษ  แต่มันก็ได้ยกภาระทั้งหมดออกจากใจ  ทอมมองแฮร์รี่ด้วยน้ำตาที่คลอเบ้าก่อนจะกระซิบเบา "ขอบคุณ"

    "เอาล่ะ" เอรีสพูดช้าๆ "ตอนนี้หมดเรื่องแล้ว   เราไปกันเถอะ"

    "ไปไหนฮะ" อัลถามอย่างมีความสุขแม้จะรู้คำตอบอยู่แล้ว

    "ไปหาทางทำให้เซเวอรัสกลับเป็นเหมือนเดิม! เราต้องการกำลังจากเค้า!"

    ทอมมองดูเซเวอรัส  สเนป  คนที่เค้าเคยฆ่า  คนที่เคยเป็นคนเดียวกันกับเซเวอรัสที่เป็นพี่น้องฝ่ายวิญญานที่เค้ารักที่สุด  หลานของคนในความทรงจำที่ทำให้เค้าหวั่นไหว.... ถ้าสเนปคนนี้กลับเป็นเหมือนเดิม  แล้วจำลอร์ดโวลเดอร์มอร์คนนี้ได้  เค้าจะทำยังไง  เค้าจะได้รับการยกโทษให้หรือไม่  จะอดทนต่อการเกลียดชังและอาฆาตมาตร้ายได้หรือไม่  แค่คิดว่าจะถูกสเนปคนนี้เกลียดก็เจ็บเจียนตายแล้วด้วยซ้ำ

    ถ้าต้องถูกบราเทอร์เซเวอรัสเกลียดด้วย  เค้าคงล้มลงกับพื้นแล้วขาดใจตายไปทั้งอย่างนั้นเลยก็ได้!!
    ----------------------------------

    เดรโกไม่เข้าใจว่าอะไรเกิดขึ้นกันแน่  แต่สุสานถูกทำให้พังทลาย  ร่างของผู้คนมากมายหายไป  รวมทั้งร่างของศาสตราจารย์สเนปด้วย  เท่าที่สังเกตได้ มันล้วนเป็นร่างของผู้เสพความตายทั้งนั้น

    ความฟุ้งซ้านทำให้อดไม่ได้ที่จะสังเกตรอยแผลเป็นของเค้า  ตรามาร!  มันเริ่มเหมือนกับจะมีชีวิตกลับมา!? มันจะกลายเป็นบาดแผลที่ไม่เจ็บไม่ปวดอีกต่อไป!? เค้าจำได้ว่ามันกลายเป็นสีแดงอันสมบูรณ์ครั้งแรกก็เมื่อตอนที่เค้าไปที่ฮอกวอร์ต  ก่อนจะโล่งใจเมื่อพบว่ามันกลับเป็นรอยแผลเหมือนแผลไฟลวกเหมือนเดิมเมื่อเค้ากลับมาบ้าน  เพราะอะไร!? อาจจะเพราะผีของจอมมารยังคงวนเวียนอยู่แถวนั้นรึเปล่า!? ที่สำคัญ!

    ทำไมตอนนี้มันกลับเริ่มแดงขึ้นมาอีกครั้ง!?!?

    เสียงโวยวายทำให้เดรโกปิดก๊อกน้ำแล้วคว้าผ้าขนหนูออกมาห่อรอบตัว  เค้าตกใจสุดขีดเมื่อพบว่าคนที่เดินตรงแด๋วมาเปิดประตูห้องน้ำคือศาสตราจารย์สเนป... ศาสตราจารย์สเนป!? เดี๋ยว! มันจะเป็นไปได้ยังไง!? สเนปตายไปเป็นชาติแล้ว! แล้วไอ้พ่อมดที่หน้าตาดูเหม่อลอยแถมคอเป็นแผลเหวอะหวะนี่มันใครกันวะ!?

    "ลูเซียส?..." สเนปพูดเบาๆ หันไปหาชายอีกสองคนที่เดินตามเค้ามา "นั่นก็ลูเซียส... และนั่นก็ลูเซียส..." ท่าทางเค้าดูสับสนมาก  และทำให้ลูเซียสนึกได้(มันเป็นความผิดของเจ.เค โรลิ่งที่ดันบรรยายว่าเดรโกเหมือนพ่อไม่มีผิด และสกอร์ก็เหมือนเดรโกไม่มีผิด  พอซามมาเอลบอกว่าเอรีสก็เหมือนลูกแฝดของเค้านั่นแหละก็เลยกลายเป็นครอบครัวโคลนนิ่งอย่างที่เห็น)  ว่ามันคงเป็นอะไรที่พิลึกพอควรเมื่อมีคนสามคนที่หน้าเหมือนกันยังกับถ่ายสำเนาออกมามารวมกันแม้อายุของพวกเค้าจะห่างกันแต่ก็ดูแก่กว่ากันไม่มาก  สิ่งที่ต่างกันจริงๆ ก็แค่เสื้อผ้า  และเอรีสหันไปถามลูเซียส

    "เซเวอรัสเคยมาที่นี่เหรอ"

    "ครับ... ตอนที่จอมมารมาที่นี่"

    "พ่อ!" เดรโกตกใจ "นี่อะไรกันฮะ!? แล้วทำไมหลวงพ่อ--"

    "คุณปู่" ลูเซียสแก้ไขให้ "เรียกเค้าว่าคุณปู่... คราวนี้รีบไปใส่เสื้อผ้าได้แล้ว" แล้วก็หันไปทางสเนป "มากับชั้น เซเวอรัส  ดีนะที่คนที่อาบน้ำเป็นเดรโก  เพราะถ้าเป็นแอสโทเรียหรือนาซิสซา  ชั้นนึกไม่ออกจริงๆ ว่าอะไรจะเกิดขึ้น" สเนปที่ยังดูเหม่อถูกดึงออกไป  ทิ้งให้เดรโกยืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่ตรงนั้น








    หลังจากนั้นไม่นาน  เดรโกลงมาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่เพื่อจะต้อนรับแขกกลุ่มใหญ่ที่รวมตัวกันในห้องรับแขก  และสังเกตเห็นแขกที่คาดไม่ถึงอีกคนหนึ่ง  ไดอาน่า  มัลฟอยยืนพูดคุยกับเอรีสอย่างสนิทสนม  และไม่นานทุกคนก็ทราบถึงการมาของเดรโก "มาสิหลานรัก" ไดอาน่าพูด "ได้เวลาที่ผู้นำตระกูลมัลฟอยต้องทำหน้าที่แล้ว" โดยไม่รู้เรื่อง  เค้าเดินผ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์และรอน วิสลี่ย์ รวมทั้งเฮอร์ไมโอนี่--ภรรยาของรอน  ไปหา 'ปู่ที่แท้จริง' ของเค้าที่ส่งแหวนวงหนึ่งให้

    "สวมมัน  และหันหัวไปที่ผนังด้านโน่น"

    แหวนมีรูปร่างเหมือนงูที่สีเงินขดตัว  ล้อมมรกตที่สวยงาม  เดรโกสวมมันแล้วหันหัวแหวนไปที่ผนัง  สิ่งที่เค้าคาดไม่ถึงว่าจะซ่อนอยู่ในบ้านเค้าได้เกิดขึ้น  ของทุกชิ้นถูกผลักออกจากผนัง  และผนังว่างเปล่าก็ปรากฏ.... บางสิ้งที่เหมือนกับต้นไม้ขนาดใหญ่ที่หัวทิ้มลง  สาแหรกตระกูลมัลฟอยถูกเริ่มที่เจ้าหญิงริวาลน่า  เพลารีส กับ อองรี มัลฟอย  เดรโกไล่สายตาลงมาเรื่อยๆ ตามเส้นสีเขียวที่โดดเด่นจนกระทั่งมาถึง อิสมาล  มัลฟอย ที่มีลูกขายสองคนคือ 'อัสลันเทีย' ซึ่งเป็นทวดของเค้าจริงๆ และ 'เบริฟรอด' ที่เค้าเคยคิดว่าเป็นปู่ของเค้า... เบริฟรอดไม่ใช่ปู่ แต่เป็นน้องชายของทวด--และเค้าไม่มีทายาท  เดรโกมองรอยเปื้อนสีแดงปรากฏเหมือนเลือดที่สาดกระจายบนพื้นที่ใต้ชื่ออัสลันเทียกับพี่สาวของเค้าซึ่งตีพื้นที่มาเป็นทางยาว

    "คุณไม่ได้โกหก" เฮอร์ไมโอนี่อุทานเมื่อเห็นชื่อ 'อัสลันเทีย' แต่งกับ 'จามีส พอตเตอร์' สาแหรกถูกลากจากทั้งคู่มาเป็น 'อาเทน่า' ซึ่งแต่งกับ 'ซิเรียส แบล็ก' มีลูกสองคนที่ถูกทำเครื่องหมายว่า "ไม่นับ" เช่นเดียวกับหลายชื่อของลูกหลานตระกูลนี้ที่ต้องเปลี่ยนไปใช้นามสกุลพ่อ  ขณะที่ชื่อของเอรีสยังอยู่และถูกโยงไปหาอะโฟรดิตี้  เรเวนครอ ซึ่งสาแหรกแตกจากพวกเค้าคือลูเซียสและลูเครเซีย และยิ่งไปกว่านั้นเธอยังเห็นชัดๆ เช่นเดียวกับทุุกคนที่ว่าเอรีสเป็นรุ่นที่สองเพราะอัสลันเทียมีพี่สาว 'ไดอาน่า' แต่งกับ 'เจมส์ พอตเตอร์' เธอหันไปหาเอรีสอย่างตกใจ "จามีสกับเจมส์เป็นฝาแฝด! และเลาเรสตั้งชื่อลูกชายว่าเจมส์ตามชื่อพ่อของเค้า!"

    แต่คนที่ตกใจกว่าน่าจะเป็นเดรโก  เค้าหันขวับไปหาผู้หญิงที่อายุมากที่สุดในห้องนี้ "คุณไม่ใช่ย่าของผมแต่ทวด! ยิ่งไปกว่านั้น! ทำไมคุณไม่เคยบอกผมว่าคุณแต่งงานกับพวกพอตเตอร์! คุณเป็นย่าของเจมส์! แล้วก็เป็นทวดของแฮร์รี่ พอตเตอร์!" เค้าชี่ไปที่แฮร์รีที่ตกใจไม่แพ้กัน(แม้ว่าจะได้ยินทุกอย่างจากเอรีสแล้ว) ขณะเดียวกัน  สกอร์ปิอัสวิ่งเข้าไปช่วยโรซี่พยุงพ่อของเธอที่สลบแล้วสลบอีกด้วยความช๊อก "แล้วที่แย่ไปกว่านั้น! คุณเปลี่ยนนามสกุลกลับมาเป็นมัลฟอยทำไม!"

    "ผมคงไม่มีสิทธิจะถามป้า  เอ่อ  ไม่มีสิทธิจะถามแม่ใช่มั้ยครับ" เอรีสหัวเราะอย่างสบอารมณ์  ไดอาน่าถอนใจอย่างระอา

    "เจมส์ไม่ชอบศาสตร์มืด.... ชั้นก็เลยหย่ากับเค้าแล้วก็ดูแลลูกด้วยกัน... วันดีคืนดีเค้าก็อุ้มลูกหนีไปเพราะกลัววิธีที่ชั้นฆ่าสมุนของกิลเดวัลเพราะเค้ากลัวว่าลูกจะเอาอย่างแม่... แล้วไงล่ะ" เธอหัวเราะอย่างร้ายกาจ "เจมส์น้อยนิสัยเหมือนชั้นเปี๊ยบเลย... เห็นได้ชัดว่าเลือดข้นกว่าน้ำ  แม้ชั้นจะไม่ได้อยู่กับหลานแต่เลาเรสก็อุส่าห์เลี้ยงลูกได้นิสัยน่ารักเหมือนแม่ของเค้าไม่มีผิด"

    แล้วเสียงหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ก็ทำให้ทุกคนเริ่มหันมามองแฮร์รี่อย่างระแวงด้วยความสงสัยว่า "เจมส์ พอตเตอร์" ผู้พ่อของเด็กชายผู้รอดชีวิตนั้นเป็นคนแบบไหน  และเช่นเดียวกับที่พอจะนึกออกว่าแท้จริงแล้ว "เจมส์ ซิเรียส พอตเตอร์" ได้นิสัยเลวๆ จากใคร!?

    ตระกูลมัลฟอย!?!?

    "ปู่ครับ... จากตรงนี้" สกอร์ถามเบาๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เหมือนรอยเลือด

    "ชั้นกับน้องชายมีพันธสัญญากับก๊อดริก กริฟฟินดอร์น่ะ" ไดอาน่าเป็นคนตอบแทนลูเซียส "ตอนที่เราไปค้นหาตัวตนของมานาเกีย... กริฟฟินดอร์บอกเราว่าเค้าจำเป็นต้องมีร่างกายเพื่อทำงานสำคัญให้สำเร็จ  เพราะฉะนั้น  เค้าจึงขอเราสำหรับการแบ่งวิญญานเป็นสองส่วน... แต่เอาจริงๆ วิญญานของกริฟฟินดอร์ที่ปฏิสนธิในท้องชั้นมีแค่หนึ่งในสี่" เธอหันไปมองเอรีส น้ำตาคลอเบ้า  ในวันที่เลาเรสตาย  วิญญานด้านสว่างได้กลับไปรวมกับวิญญานด้านสว่างด้วยกันที่ยังมีชีวิตอยู่ในร่างเอรีส... เอรีส มัลฟอย! เพราะฉะนั้น... เธอจึงเปลี่ยนกลับไปใช้นามสกุลมัลฟอยอีกครั้ง! และเอรีสก็เข้าใจ

    "ตอนนี้มันมีสองแล้วครับ.. แม่... แม้ความทรงจำส่วนตัวของเลาเรสจะหายไป  แต่เราเป็นคนเดียวกัน" เค้ายิ้มออกมาอย่างเข้าใจ  ก่อนจะหันไปที่ผนังอีกครั้ง "แต่เราไม่ได้มาเพื่อทดทวนสิ่งนี้.. อาโลโฮโมล่า!" คราวนี้ผนังแยกออกจากกัน  และเป็นบันไดให้เดินลงไป "เรามาที่นี่เพื่อทำให้สติของเซเวอรัสกลับมาสมบูรณ์!"

    "ให้ตายสิ..." นาซิสซา  มัลฟอยถอนใจ "ชั้นคิดว่าชั้นรู้จักบ้านหลังนี้ดีแล้วแท้ๆ ที่ไหนได้... ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย!"

    แอสโทเรียยิ้มเซ็งๆ ไม่ใช่แต่แม่สามีของเธอที่อยู่มาจนอายุหกสิบแล้วยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับบ้านหลังนี้  เพราะดูจากปฏิกิริยาของเดรโก ลูเซียส และสกอร์ปิอัสแล้ว พวกเค้าก็ไม่มีใครรู้จนกระทั้งเอรีสโผล่มานั่นแหละ  พวกเค้าทั้งหมดลงไปตามความมืดของบันไดพร้อมๆ กันและมันถูกทำให้สว่างขึ้นเพราะตะเกียง  แต่ก็อดไม่ได้กับอะไรบางอย่างในตัวเด็กชื่อทอมที่มันบาดใจแปลก  จนไม่นานนัก  คำตอบก็ปรากฏเมื่อ  ลูเครเซียถามขึ้นมา

    "เธอจำอะไรได้บ้าง?"

    ทอมเงียบอยู่พักหนึ่ง  ก่อนจะตอบ "ไม่ฮะ"

    "ความทรงจำยังกลับมาไม่ครบสินะ"

    "ถึงกลับมาครบก็จำไม่ได้อยู่ดี  เพราะ... ผมว่าผมไม่เคยมาที่นี่"

    ลูเครเซียหยุดกึกและทำให้บาทหลวงแอนดรูที่เดินตามมาแบบไม่ดูตามม้าตาเรือชนเข้าไปจังๆ  และนั้นทำให้คนถูกชนล้มคะมำไปข้างหน้า  โชคดีที่มีสเนปเดินอยู่ตรงหน้าพอดีเลยแถมข้างหน้ายังมีอีกเป็นพรวนจึงแถไปด้วยกันทั้งหมด  กลิ้งตกบันไดสะบักสะบอมไปตามๆ กัน  ดีว่าตอนนั้นเหลือไม่ถึงเจ็ดขั้นก็จะถึงพื้น  ไม่งั้นคงพากันคอหักกันหมด ทอมและพวกสะใภ้มัลฟอย รวมทั้งเด็กๆ จึงต้องช่วยกันพยุงแต่ละคนให้ลุกขึ้น  โชคดีเป็นของไดอาน่าเดินหลังสุดและเอรีสกับบาทหลวงอลันที่เดินนำไปไกลแล้วเลยรอดตัวไป

    "เจ็บ..." สเนปจอมเหม่อพูดสั้นๆ   เค้านอนคว่ำอยู่บนร่างของเฮอร์ไมโอนี่และเดรโก  ส่วนรอน แฮร์รี่ ลูเซียส และบาทหลวงอีกสองคนที่เดินนำพวกเค้านั้นกลิ้นไปคนละทิศละทาง  สนุกล่ะที่นี่  เพราะทุกคนที่หกคะมำคว่ำคะเมนในจากนี้ นอกจากลูเซียสกับเดรโก  ทุกคนล้วนบาทเจ็บมาแล้วจากการโจมตีของเฟรย์

    "เธอไม่เคยมาที่นี่!" ลูเครเซียที่ยืนขึ้นได้ว๊ากเพ่ยออกมา "ทั้งๆ ที่สนิทกับโลกิมาตั้งแต่สมัยยังเป็นทอม มาโวโล่ ริดเดิ้ลเนี่ยนะ!"

    คราวนี้พวกมัลฟอยหันมาพร้อมๆ กัน เพราะหลังจากศึกตัดสินเมื่อสิบเก้าปีก่อน  ทุกคนก็ได้มีโอกาสรู้กันทั้งโลกว่าโวลเดอร์มอร์มีชื่อจริงๆ ว่า ทอม มาโวโล่ ริดเดิ้ล!

    "ถ้าผมเคยรู้จักที่นี่ผมคงไม่เสียเวลากับพวกผู้เสพความตายหรอก  เอาเวลามาศึกษาที่นี่ไม่เป็นประโยคกว่าเรอะ!" พูดพลางที่ไปที่สิ่งที่อยู่ในห้องใต้ดินขนาดใหญ่  มันเต็มไปด้วยหนังสือบันทึก  เวทมนตร์ที่ยังคงอยู่ในรูปของอาเขต  หนังสือมากมาย  และของที่เกี่ยวกับศาสตร์มืดและการทรมาน

    และที่ห้องมีรูปของผู้หญิงชุดสีดำที่หน้าตาสวยที่สุดเท่าที่ทุกคนเคยเห็นมาในโลกนี้  สวยกว่าเหล่าวีล่า  สวยกว่าภาพนางในภาพวาดทุกนาง  เธอมีลักษณะเป็นแม่มดศาสตร์มืดเต็มตัว เฮอร์ไมโอนี่หันขวับไปมองสเนปและเห็นว่าทั้งสองมีเค้าหน้าเหมือนกันมากแม้สเนปจะไม่อาจเทียบชั้นความงามกับผู้หญิงตรงหน้าได้ มีดวงตาสีทองเจิดจ้า  ผมยาวลากพื้นและมีแบดเจอร์สีดำหมอบแทบเท้า  ช่วงเวลานั้นทุกคนตะลึงมองสตรีที่งดงามนั้นราวกับถูกสะกดจิต  ภาพของเธอเป็นภาพเต็มตัวที่ใหญ่โตและเด่นเป็นสง่าในความมืด  นิ่งสนิทเหมือนภาพวาดของพวกมักเกิ้ล

    "คุณนายมานาเกีย  พริ้นซ์.... ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ได้" ลูเซียสกระซิบเป็นคนแรก

    "เพราะมีคนตระกูลมัลฟอยถึงสี่คนเคยได้เรียนที่เพลมีล๊อกมาแล้ว  เพราะฉะนั้นจึงได้มีรูปนี้ในห้องแห่งนี้" เอรีสชี้ไปที่รูป "นี่คือบุคคลอันเป็นที่เคารพยิ่งของศิษย์เพลมิล๊อกทุกคน  ในฐานะผู้ก่อตั้งสถาบันลับแห่งเวทมนตร์นั้น... ศาสตราจารย์เฮก้า ฮัฟเฟิลพัฟ"

    "สวย... เป็นผู้หญิงที่สวยอะไรแบบนี้" อัลกระซิบ  และมองดูเซเวอรัสที่นิ่งมองภาพนั้น  อดีตอาจารย์สอนปรุงยาแห่งฮอกวอร์ตน้ำตาไหลพรากราวกับได้เห็นญาติสนิทที่จากกันไปนานแสนนาน






    TBC.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×