ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เฮฮาประสาสามก๊ก

    ลำดับตอนที่ #87 : คดีบังทองกับการถลกหนังครั้งใหญ่

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 868
      4
      26 มี.ค. 57

    บังทองกับการถลกหนังครั้งใหญ่
    บางคนอาจจะสงสัยทำไมตอนนี้ชื่อน่ากลัวนัก คำตอบเรียบง่ายครับ เมื่อคราวก่อนเราปูเกี่ยวกับหลักหยินหยางไปแล้ว คราวนี้เราจะมาดูลักษณะของเพื่อนซี้ที่ไปๆ มาๆ ซักจะซี้ซั่วอย่างเบ้งบังกันบ้าง
     
    บางคนเห็นผู้เขียนกำหนด "เบ้งบัง, บังเบ้ง" อาจอุตริคิดไปถึงดาวอังคารว่า คู่นี้เค้าสลับกันได้ ไม่ใช่นะครับ นี่ไม่ใช่คู่วาย ถ้าอยากอ่านวายไปโน่น สามก๊กโมเอะ เพราะคู่นี้เค้าวาย(ยูริ)กันในสามก๊กในฝัน
    หลอกว้านจงได้กำหนดคุณลักษณะของบังทองว่าเป็นคนอัปลักษณ์ ขี้เมา(เอ่อ... ข้อนี่ไม่มั่นใจว่าจะนับด้วยหรือไม่ เพราะคนดีๆ ในกลุ่มสามก๊กของหลอกว้านจงล้วนเป็นพวกคอทองแดง ยกเว้นบางคนจริงๆ) และดูเหมือนจะเย่อหยิ่งไม่น้อย คือ ถ้าไม่ใช่งานที่ไม่ชอบ แกจะไม่เอาท่าเดียว ถ้าจะจำกันได้ แกทิ้งงานที่เล่าปี่สั่งให้ทำ จนกระทั่งเมื่อเตียวหุยตามไปว๊าก แกก็จัดการอย่างรวดเร็ว
     
    ในความเป็นจริงบังทองก็เป็นเช่นนั้นจริง(ไม่แน่ใจในกรณีอัปลักษณ์เพราะไม่เคยเห็นหน้า) คือเป็นคนค่อนข้างเย่อหยิ่ง และถ้าไม่กลัวเพื่อนๆ จะโกรธ ผมขอพูดตามตรงคือค่อนข้างหลงตัวเองไม่น้อย  อันที่จริงในแก๊งค์ข่งเบ้ง ซีซี บังทอง แนวโน้มค่อนข้างหลงตัวเองทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม ซีซีและข่งเบ้งได้พิสูจน์ไปแล้วว่ายังอ่อนประสบการณ์อยู่ คือซีซีไม่สามารถโดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางแก๊งโจได้เลย  บังทองก็ตายเร็วไป ส่วนข่งเบ้งก็ไม่ประสบความสำเร็จ
     
    แล้วผมมีปัญหาอะไรนักหนาถึงขนาดต้องไปถลกหนัง?
     
    ไม่ใช่อะไรมากครับ... หนังที่อยากถลกคือ "หนังหน้า" หรือ "โฉมหน้า" แต่... ใครคือคนที่ผมจะถลกหนังหน้ากันล่ะ?
     
    บังทองเป็นคนผู้หนึ่งที่ข่งเบ้งทำตัวเป็นเส้นสายขั้นเทพ คอยฝากฝังงานให้ เล่าปี่ก็รับคำ ปรากฏว่าส่งไปทำงานที่ไม่สำคัญนัก บังทองไม่พอใจก็หาเรื่องไม่ทำงานด้วยเหตุผลเกรียนๆ จนเล่าปี่ต้องให้เตียวหุยตามดู ตรงนี้เล่าชวนหัวเคยแสดงทัศนะทำนองว่า "บังทองไม่ทำงานก็เพราะมันเป็นการจิปาถะ เช่นแก้ชื่อ ทะเบียนบ้าน ฯลฯ ก่ะจะเก็บไว้โก่งราคา  ส่วนเตียวหุยก็โง่ ไม่รู้อะไร เห็นบังทองทำเสร็จเร็วก็คิดว่าบังทองอัจฉริยะ..." อันนี้ผมไม่เห็นด้วย  เพราะเรารู้กันแล้วว่าเตียวหุยไม่ใช่ขี้ๆ เขาเป็นหนึ่งในที่ปรึกษาที่เล่าปี่วางใจที่สุด และเขาสนิทสนมกับเล่าปี่ตั้งแต่อายุแปดขวบ จนในที่สุดได้ร่วมกองทัพตอนอายุสิบแปดโดยเป็นทั้งแม่ทัพและกุนซือ ท่านคิดว่าเตียวหุยจะโง่หรือไม่?
    การที่เล่าปี่ส่งเตียวหุยไปดูก็เพราะจะมั่นใจว่าตัวเองจะไม่ถูกหลอก และเตียวหุยตัวจริงนั้นระดับคุณชาย เขาไม่ใช่คนไร้มารยาท ขี้โวยวาย หรือหยาบคายอย่างในนิยาย การไปตราจงานของเตียวหุยนี้เป็นทางการมาก และเห็นได้ชัดว่าเล่าปี่ต้องการกดดัน หรือทดสอบบางอย่างเกี่ยวกับบังทอง มิเช่นนั้น เขาไม่ต้องส่งเตียวหุย เขาส่งใครไปก็ได  เพราะฉะนั้นการตรวจการครั้งนี้จึงไม่ใช่ภาพขำๆ ที่เรามักเห็นในการ์ตูนสามก๊กหรือนิยาย แต่เป็นเรื่องที่เครียดพอสมควร เล่าปี่เป็นคนฉลาดและอ่านคนได้เก่ง เขาไม่ได้ส่งบังทองไปทำงานเพราะประมาทความสามารถแน่ๆ แต่เขาส่งบังทองไปทำงานเล็กเพื่อดูนิสัยมากกว่า เหมือนกรณีที่โจโฉรับยีเอ๋งไว้ตีกลอง(เป็นเสมียนในเวอร์ชั่นประวัติศาตร์)
     
    และแน่นอน, ทีแรกบังทองคงไม่ตระหนักถึงสิ่งที่ซ่อนในตัวเล่าปี่ ทั้งความคิดและความสามารถ เขาไม่พอใจและแสดงออกด้วยการงอน ไม่สนใจงาน วันๆ เอาแต่เมา(ก็ยังดีกว่ายีเอ๋งเยอะ) และไม่ทำงาน จนกระทั่งเมื่อเตียวหุยมา ตอนนั้นเองที่บังทองตระหนักถึงความสามารถในตัวเล่าปี่ เพราะถ้าไม่มีดีจริง ทำไมสามารถเอาคนอย่างเตียวหุยมาใช้งานได้ เตียวหุยคือบัณฑิตตัวจริงที่มีการศึกษาดีและมีความสามารถทางการทหารจากสมรภูมิจริง  เวลานั้น เขาพบว่าเขาถูกกดดันโดยทางอ้อมจากท่าทีและการวางตัวของเตียวหุย นั่นทำให้เขารีบทำงานให้เสร็จ และต้องตั้งใจทำให้ดีด้วยเพราะเตียวหุยกำลังประเมินเขาอยู่จริงๆ   บันทึกและนิยายกล่าวว่าบังทองทำงานเสร็จเร็วมาก แต่ไม่รู้ว่ามากแค่ไหน นี่อาจจะเป็นเขียนอวยก็เป็นได้ แต่โดยสรุป เตียวหุยกลับไปพร้อมกับรายงานเล่าปี่เกี่ยวกับสิ่งที่เขาพบและความเห็นของเขาต่อบังทอง
     
    แต่... ลืมคำพูดของข่งเบ้งที่พยายามเชียร์บังทองซะ เพราะข่งเบ้งไม่มีความหมายต่อเล่าปี่มากขนาดนั้น เขารับขงเบ้งไว้ไม่ใช่เพราะความสามารถสำหรับปัจจุบันของเล่าปี่ แต่เป็นความสามารถสำหรับอนาคต เพราะในสายตาเล่าปี่ ขงเบ้งต่างหากคือหมากที่เขาจะเอาไว้ใช้งาน เมื่อเวลานั้นมาถึง
    แน่นอนว่าเมื่อความสามารถเป็นที่ประจักษ์แต่นิสัยมีปัญหา การดัดนิสัยจึงเป็นสิ่งจำเป็น แต่... ถ้าไม่สามารถดัดนิสัย เล่าปี่จะไม่ปล่อยไว้ให้เป็นเสี้ยนหนาม เล่าปี่ไม่เหมือนโจโฉที่ปล่อยยีเอ๋งไป หรือเลี้ยงข่งหยงไว้ติดเบรกให้เสียเส้น เล่าปี่โหดอย่างสง่างามและนิ่มนวล--และโหดจริง!! ไม่เหมือนโจโฉที่โผงผางและตรงไปตรงมาแต่บางครั้งก็เหมือนหมาเห่าไม่กัด  และไม่เหมือนซุนกวนที่จิตใจไม่มั่นคง--เดี๋ยวโหดเดี๋ยวไม่โหด แล้วแต่อารมณ์จะพาไป  ฉะนั้น การนำบังทองมาทำงานใกล้ตัวก็เหมือนการดัดนิสัยบังทอง และฝึกบังทองเพื่อจะใช้ประโยชน์ในอนาคตด้วยเช่นกัน
     
    ฉะนั้น เราไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าบังทองไปอยู่ใกล้ตัวเล่าปี่ด้วยความรู้สึกอย่างไร? ภาคภูมิใจ? หรือเสียใจ? อีกอย่าง ถ้าเขาจะตีตัวจากเล่าปี่ต้องไปอยู่กับคนที่เล่าปี่จัดการไม่ได้ง่ายนัก เหมือนซีซีหนีไปอยู่กับโจโฉ เพราะถ้าคุณไม่ไปพึ่งใบบุญคนที่พลังพอ เล่าปี่จะกำจัดคุณเหมือนที่กำจัดลิโป้  และแน่นอน, บังทองไม่ได้ตระหนักว่าชีวิตตัวเองจะมาถึงขั้นนี้ ฉะนั้น เขาจึงไม่ได้สร้างความประทับใจให้กับเครือข่ายซุนกวนมากพอที่จะหันหลังกลับ  หนทางที่เขาพอจะกระทำได้เปลี่ยนตัวเองใช้สงบเสงี่ยมมากขึ้นเพื่อจะได้เป็นคนโปรดของเล่าปี่นานๆ หรือทำตัวให้เป็นประโยชน์น้อยลงเพื่อเล่าปี่จะได้ส่งไปอยู่ไกลๆ
     
    แต่หงส์อ่อนก็ยังเป็นหงส์อ่อนอยู่วันยังค่ำ เขาคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือ เขาต้องควบคุมเล่าปี่ให้ได้ ให้เล่าปี่รู้สึกว่าตัวเขาสำคัญเหมือนที่ซุนกวนรู้สึกว่าเตียวเจียวเป็นคนสำคัญที่ห้ามแตะต้อง ปัญหาคือ การที่คนๆ หนึ่งจะมีอิทธิพลต่อเล่าปี่ขนาดนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย การทำเช่นนี้ของบังทองเท่ากับพยายามถอนหงอกเล่าปี่ที่อายุคราวพ่อ  และเป็นการประกาศสงครามที่จะต้องจบลงด้วยความตายของใครคนหนึ่งเท่านั้น
     
    ตอนนี้หลายคงช๊อคพอควรว่า "นี่ผมกำลังจะบอกใช่มั้ยว่า ผมเชื่อว่าคความตายของบังทองมีเงื้อนงำ" ผมขอตอบว่า ใช่ครับ ผมเชื่อเช่นนั้น แต่ผมไม่ได้คาดหวังผู้อ่านจะเชื่อเหมือนผม
     
    แต่ตอนนี้ ผมจะหยุไว้แค่นี้ก่อน และครั้งหน้าเราจะมาตามลอยการถลกหนังครั้งสำคัญ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×