ลำดับตอนที่ #78
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #78 : จับเข่านินทาพฤติกรรมของสุมาอี้
จับเข่านินทาพฤติกรรมของสุมาอี้
สำหรับคนที่ตามอ่านเป็นเวลานาน ย่อมรู้ว่าสุมาอี้ในเวอร์ชั่นนี้มีอะไรบ้าง แต่ผมก็จะขอบอกทุกท่านเหมือนเดิมว่า, สิ่งที่ผมได้มาเขียนบอกท่านนั้น ไม่ต้องหลับหูหลับตาเชื่อไปซะทุกอย่าง เพราะผมก็ผสมผสานระหว่างเรื่องจริงกับเรื่อง จริงบ้างมั่วบ้างเป็นธรรดาเพื่อให้บทความมันสนุกขึ้น อ่านแล้วไม่ต้องจดจำให้รกสมอง ถือว่าอ่านเอามันส์เป็นพอ
เป็นที่รู้กันมานานแล้วว่าสุมาอี้นั้นเป็นโรคภูมิแพ้, โดยเฉพาะอย่างยิ่ง, แพ้แมว แต่ก็ดันมารับใช้เจ้านายที่ชอบแมว และมีนิสัยแบบแมวๆ อย่างท่านโฉ ชีวิตของสุมาอี้ก็เลยวนเวียนอยู่แต่กับเรื่องแมวๆ(เขียนอะไรวะเนี่ย) แต่สุมาอี้ยังแอบมีเรื่องอื่นให้นินทาหลายอย่าง และมีความลับอย่างหนึ่งที่น้อยคนจะรู้ เพราะในฐานะที่ถูกสถาปณาเป็นปฐมฮ่องเต้แห่งจิ้นก๊ก สิ่งนี้ย่อมไม่อาจจะเขียนกันให้สนุกมือได้ นั่นคือเรื่องที่สุมาอี้นั้นกลัวเมีย!?!?
ปัญหาเกี่ยวกับการมีอีแก่อยู่ที่บ้าน คอยจ้องจะฉีกอกเป็นเรื่องน่ากลัดกลุ้มในทุกยุคทุกสมัย อันที่จริงผมไม่ได้ฟันธงหรอกว่าสุมาอี้กลัวเมียจริงหรือไม่ เพราะไม่มีหลักฐานอะไรที่แสดงความชัดเจนว่าสุมาอี้กลัวเมีย เพียงแต่เมื่อมีคนตั้งประเด็นสิ่งนี้ขึ้นมา ผมก็ต้องมานั่งวิเคราะห์ว่ามันใช่หรือไม่ สุมาอี้เองก็ได้เมียคนนี้มาด้วยการถูกคลุมถุงชน แรกๆ เธอก็เป็นหญิงงามที่สุภาพเรียบร้อย แต่อยู่ไปอยู่มาเธอก็เริ่มเป็นเหมือนหญิงทั่วไปที่มีสามีอายุมากกว่านั้นคือ "แก่ง่ายและตายช้า" ทำให้สุมาอี้ต้องไปหาผู้หญิงข้างนอกเพื่อมาสร้างความรื่นรมณ์ให้กับชีวิต แน่นอนยิ่งไปกับโจโฉยิ่งไปต้องพูดถึง เพราะโจโฉนั้นชอบสะสมแม่ม่าย(อาจจะสงสารแม่ ก็เลยมีเมตตาต่อผู้หญิงที่ผัวไม่มีเป็นพิเศษ) ฉะนั้น สาวใช้ของแม่ม่ายซึ่งส่วนใหญ่เป็นสาวซิงย่อมเป็นของลูกน้องโจโฉ สุมาอี้ก็ได้อนิสงฆ์นี้ไปด้วย
ทว่า... ศักดิ์ศรีท่านเมียผู้นี้ย่อมมิใช่ธรรมดา ถ้าใครๆ พอจะจำเรื่องเล่าได้ว่า เมื่อสุมาอี้แกล้งป่วย ภรรยารู้เข้าก็มาเยี่ยม สุมาอี้ก็บ่นว่า "ของเก่าๆ หน้าตาน่าเกลียด ทำไมชอบออกมาสร้างความเดือดร้อนรำคาณใจให้คนอื่นด้วยนะ" ทำให้คุณเมียโกรธจัดขนาดไม่ยอมกินข้าว ลูกๆ ของสุมาอี้จึงต้องมาขอร้อง-ร้องไห้ร้องห่มสารพัดขอให้พ่อแก้ปัญหานี้ ในที่สุดสุมาอี้จึงยอมขอโทษภรรยา ทว่า เขาก็บอกอีกเช่นกันว่า "ที่ยอมขนาดนี้ไม่ใช่เพราะรักเมียแต่เพราะลูกที่แสนดีสองคนต่างหาก
ปัญหาคือ... เมื่อพิจารณาไปเรื่อย ผมพบว่าเรื่องนี้ไร้สาระที่สุด เพราะหากพิจารณาสถานการณ์ทั้งหมด ตอนที่สุมาอี้ควรจะโดนโจโฉลากไปทำงานนั้น จริงๆ แล้วก่อนศึกอ้วนเสี้ยวด้วยซ้ำ และสุมาอี้ก็บ่าย-แกล้งทำเป็นป่วย ทำให้โจโฉยอมเชื่อว่าป่วยจริง แต่หลังจากนั้นก็ลากมาทำงานจนได้ซึ่งเรื่องเกิดก่อนผาแดงด้วยซ้ำ... ถ้าเราจะยอมเชื่อเรื่องสุมาอี้แกล้งป่วยที่ถูกเขียนไว้ในประวัติของท่าน ท่านผู้อ่านคิดลูกๆ สองคนของสุมาอี้น่าจะอายุเท่าไหร่ครับ? สุมาเจียวและสุมาสูล้วนอายุน้อยกว่าโจผีและโจสิด... ไง? เด็กสองคนนั้นอายุเท่าไหร่ ถึงขนาดร้องไห้-แสดงความกตัญญู-ให้พ่อขอโทษแม่เพื่อยอมให้แม่กินข้าว สองขวบ, หรือสามขวบ?
แล้วเด็กเล็กๆ แบบนั้นจะไปเข้าใจสถานการณ์พ่อแม่ทะเลาะกันซักแค่ไหนกันครับ ไหนจะไปแสดงความกตัญญูกตเวทิตากับแม่ด้วย?
ฉะนั้น... เรื่องนี้คงจะเขียนแก้เก้อเหมือนกับเรื่องแกล้งป่วยนั้นแหละ...
คำถาม? ทำไมต้องเขียนเหมือนกับว่าเมียของสุมาอี้ไม่มีความสำคัญอะไรในสายตาของสุมาอี้? เรื่องไร้สาระขนาดนี้จำเป็นต้องจารึกในประวัติของปฐมฮ่องเต้องค์หนึ่งเชียวเหรอ? ไม่อายลูกหลานบ้างรึไง?
แสดงว่า... บันทึกนี้อาจจเขียนเพื่อไม่ให้สุมาอี้มีภาพลักษณ์ที่ไม่ควรมีหรือไม่ เช่นกรณีที่สุมาอี้มีเจตนาให้ราชวงศ์ฮั่นล่มสลาย ผู้เขียนจึงเขียนว่าสุมาอี้ไม่อยากทำงานกับโจโฉแต่แรก เพื่อไม่ให้สุมาอี้มีภาพลักษณ์เหมือนโจโฉซึ่งถูกทาสีจนมอมว่าเจตนาล้มล้างราชวงศ์ฮั่น(อันที่จริงโจโฉไม่ได้ล้มล้างฮั่นเลยนะ เพียงแต่เป็นเจ้านายของฮั่นเท่านั้น เนื่องจากพระเจ้าเหี้ยนเต้ท่านได้กลายเป็นทาสแมวไปเพราะทนความน่ารักของน้องแมวที่ชื่อเฉาเชาไม่ได้เท่านั้น)
เหี้ยนเต้.- "เชา, เอาปลามั้ย
โจโฉ.- "เมี้ยวววว(เอาสาวๆ แทนได้มั้ย)"
เหี้ยนเต้.- "ได้สิ, เดี๋ยวจะให้คนไปหามาให้ ตอนนี้เชานอนตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวเราจะเกาคางให้"
โจโฉ.- "เมี้ยว(เกาพุงแทนดีกว่า)"
อ่ะแอ่ม....(-"-) กลับมาเข้าเรื่องก่อน, ถ้าจะแก้ภาพลักษณ์ให้สุมาอี้ ทำไมต้องเขียนเหมือนไม่แยแสเมีย เธอไม่มีอำนาจในสายตาเขา... แสดงว่าในสายตาของคนที่มีชีวิตร่วมสมัย, ภรรเมียของสุมาอี้คงจะมีอำนาจมากมายขนาดสับให้สุมาอี้หันซ้ายหันขวาได้... จริงอยู่ว่าเธออาจจะไม่คอยมาเป่าหูให้สุมาอี้ทำโน่นนี่นั่น แต่การที่เมียมีอำนาจในบ้านไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร เพราะสามีเป็นผู้มีอำนาจในสังคม แต่กลับเข้าบ้านมาเมียอาจจะเป็นผู้ครอบครองอำนาจในบ้านก็เป็นได้ โจโฉและเล่าปี่เองก็ให้เมียมีอำนาจเต็มที่ในบ้าน เพราะเธอต้องดูแลครอบครัวของเขาขณะที่พวกเขาไม่อยู่ โดยเฉพาะโจโฉถึงกับสนับสนุนให้ภรรยายูริได้อย่างเปิดเผย(เพราะแฟนสาวของเมียกรูก็คือเมียน้องกรูเช่นกัน) และให้อำนาจเปี้ยนสีในการที่จะจัดการทุกสิ่งในบ้านของเขา เมื่อโจโฉกลับเข้ามาในบ้าน เขาได้รับความรักและการต้อนรับจากลูกเมีย แต่แน่นอน, เขาไม่ยุ่งเรื่องการจัดบ้านจัดโต๊ะของภรรยา ไม่ยุ่งเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอและลูกๆ เพราะเขาเชื่อว่าเมียหลวงของเขาจัดการทุกอย่างได้
คราวนี้กลับมาที่สุมาอี้... เป็นไปได้ที่สุมาอี้จะรักเมียมากจนไม่อาจยอมได้ถ้าเมียจะอดข้าวตาย คำถามคือ? ก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร ทำไมต้องไปเขียนไร้สาระแบบนั้น จะเบิดเบือนเรื่องจริงด้วยเหตุผลใด? เป็นไปได้ว่าเรื่องอดข้าวตายอาจเป็นเรื่องจริง แต่ไม่ใช่คุณนายอดข้าวตาย แต่คุณนายอาจบังคับสุมาอี้อดข้าวมากกว่า(ฮา)
คราวนี้... มีคนตั้งข้อสังเกตว่า "แท้จริงแล้วสุมาอี้กลัวเมีย, ข่งเบ้งรู้ข้อนี้ จึงแกล้งส่งเสื้อผ้าผู้หญิงไปให้" คือไม่ได้เอาไปให้สุมาอี้ใส่ แต่ส่งไปแบล็กเมย์สุมาอี้ว่า "เฮ้ย... ชั้นรู้ว่าแกแอบมาเอาเมียแถวนี้ นี่คือเสื้อผ้าของหล่อน ถ้าคุณนายของแกรู้แก้ตายแน่" และมีบางคนบอกว่า ตอนที่ข่งเบ้งส่งคนไปร้องด่าท้าทายก็ล้อเลียนด้วยเรื่องสุมาอี้กลัวเมียเป็นหลัก
ผมไม่ได้คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริงหรอก เพราะมันไม่มีหลักฐาน แต่น่าสนว่าถ้ามีคนร้องด่าขนาดนั้นก็ต้องมีคนเอากลับไปเล่าต่อที่วุ่ยจนสนุกปาก ผลที่ได้คือคนไม่น้อยต้องเชื่อเรื่องนี้... นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ต้องเขียนเรื่องไร้สาระเกี่ยวกับผัวเมียลงในเอกสารประวัติศาสตร์ ทั้งๆ ที่มันไม่จำเป็น
แต่... ผมอยากให้ท่านผู้อ่านลองคิดต่อว่า เรื่องภรรยาอดข้าวประท้วงสุมาอี้ แท้จริงแล้วมีอะไรแอบแฝงกันแน่
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น