ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เฮฮาประสาสามก๊ก

    ลำดับตอนที่ #41 : เปิดกรุยอดกุนซือ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.78K
      7
      20 พ.ค. 55

    เปิดกรุยอดกุนซือ
     

    เผลอแผล็บเดียวผมเขียนเรื่องสามก๊กมามากกว่าสี่สิบตอนแล้ว และยังเล่าไปไม่ถึงครึ่งของทั้งหมดที่นั่งวิเคราะห์มา เรื่องนี้ทีแรกผมก่ะจะพูดอาทิตย์หน้าแต่ดันพิมพ์เสร็จก็เลยเอามาลงไว้เลย... ที่ผ่านมาผมพูดถึงฝ่ายบู๊แค่บางส่วนเท่านั้น ส่วนกุนซือก็แค่หอมปากหอมคอ ตอนนี้ผมคิดว่าน่าจะคุยเรื่องพวกเขากันบ้าง... กุนซือนับเป็นผู้ที่สามารถกำหนดผลสงครามได้แม้จะนั่งอยู่ในกระโจม รวมทั้งเป็นบุคคลสำคัญที่ช่วยในการพัฒนาบ้านเมือง เราจำต้องให้ความสำคัญกับพวกเขาที่เสียสละเป็นหัวคิดให้แก่พรรคการเมืองยุคนั้นเนื่องจากนักวิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่าผู้ที่ใช้สมองเสียพลังงานมากกว่าพวกที่ใช้แรงงาน ...(-_-)... ส่วนใหญ่มักเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นซะมากกว่า ฝ่ายบู๊ก็มีแต่ไม่มากนัก(เท่าที่นับๆ ดู กุนซือที่รบเป็นก็มีแค่โจโฉ จิวยี่ เตียวหุย สุมาอี้ ลิบอง ลกซุน นอกนั้นจะเน้นใช้สมองอย่างเดียว) วันนี้ผมจะเปิดกรุกุนซือนิดๆ พอหอมปากหอมคอเป็นการโหมโรงก่อนจะโยงเรื่องราวไปหาพวกเขาในตอนถัดๆ ไป

    เริ่มจากซุน-หวู่หรือบ้านเราเรียกง่อก๊ก(Sun-Wu)คือก๊กที่เราจะพูดถึงเป็นก๊กแรกเพราะตอนหน้าเราจะคุยกันเรื่องซุนเกี๋ยนและซุนเซ็กก่อนจะกลับมาเข้าเรื่องกุนซือครับ กุนซือนับว่ามีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศมาก เนื่องจากซุนกวนนั้นเป็นผู้นำที่มีความรับผิดชอบต่ำที่สุดในสามก๊กนับตั้งแต่สิ้นสงครามกวนตู้เป็นต้นมา(เวร) ซึ่งอาจจะเพราะเขายังเด็กมากตอนขึ้นสู่ตำแหน่ง และเขาพอใจในสิ่งที่เขาเป็น ไม่เคยยกทัพออกนอกดินแดนโดนไม่จำเป็นด้วย ซุนกวนมักใช้เวลาส่วนใหญ่ในการล่าเสือและล่าสาวแถมอารมณ์ยังพัดไปพัดมาเหมือนลม ง่อจึงพัฒนาแบบทุลักทุเลพอสมควร แต่ด้วยความสามารถอันเยี่ยมยอดทั้งการรบ การรัก และสติปัญญาโจโฉก็ยังต้องออกปากว่า "มีลูกชายต้องได้อย่างซุนกวน" เพราะฉะนั้นกุนซือของง่อจึงต้องเป็นกุนซือประเภท "ฮิตาชิ" คือทำได้ทุกอย่างและสามารถยัดเข้าตำแหน่งใดก็ได้เมื่อมีบางคนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติ กุนซือของง่อที่สำคัญๆ ได้แก่
     
    ง่อก๊ก--อ้าว จะพูดเรื่องกุนซือทำไมเจอแต่ผู้หญิงฟะ

    -----จิวยี่ เป็นทั้งยอดกุนซือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กระทรวงต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์!? เห็นรึยังว่าสารพัดประโยชน์เพียงใด เขาเป็นเพื่อนและคู่เขยกับซุนเซ็ก เป็นหนุ่มรูปงามที่เพอร์เฟ็กตั้งแต่หัวจรดเท้า เก่งทั้งบู๊บุ๋น น้ำใจงามเลิศ ในพงศาวดารกล่าวถึงจิวยี่อย่างชื่นชมว่า "การได้คบหาคนเช่นจิวยี่เหมือนได้ดื่มสุราเลิศรสที่ลิ้มของครั้งเดียวก็จะติดใจไม่รู้ลืม" จิวยี่บูมมากในกังตั๋งขนาดมีสำนวนว่า "ทำนองผิด จิวยี่เหลียว" คือถ้าอยากให้ท่าผู้ชายที่เพอร์เฟ็กมากๆ ต้องทำผิดพลาดให้เขาเห็น เพราะรอบๆ ตัวเขามีแต่ผู้หญิงที่เพียบพร้อมจนเขาตาลาย แต่ถ้าเราเป็นแกะดำตัวเดียวเขาจะได้จดจำและสนใจเรา ทว่า... ด้วยการกระทำของนักเขียนที่ป่วยเป็นโรคบิดทั้งหลาย จิวยี่จึงกลายเป็นไอ้ขี้อิจฉาที่ถ่มน้ำลายรดฟ้า ซึ่งเราคงว่าอะไรไม่ได้เพราะอาจารย์หลอกว้านจงแกเขียนนิยายอิงประวัติศาสตร์ ไม่ได้เขียนหนังสือธรรมะ

    -----เตียวเจียว นี่ก็เป็นบุคคลที่หลอกว้านจงเมินอีกคน แต่เป็นคนที่มีความสำคัญมาก ขนาดว่าไม่มีตานี่ ก๊กง่อก็ไม่เป็นโล้เป็นพายเลย เรารู้จักเขามานิดหน่อยในตอนของซุนกวนกันแล้ว ซึ่งผมจะพูดถึงเขาอีกแน่ๆ

    -----โลซก เพื่อนของจิวยี่ที่อายุมากกว่าสาม มีสติปัญญาและความสามารถ กระนั้นบุคคลผู้นี้ก็ยังเป็นสิ่งที่เหมือนกระจกที่ส่องให้เราเห็นความจริงเกี่ยวกับสติปัญญาของเล่าปี่ที่ทุกคนมองข้ามเพราะมัวแต่ชูฮกข่งเบ้งว่ายอดๆๆ เพราะทั้งๆ ที่โลซกมีความสามารถชัดเจนเป็นที่ปรากฏหลายอย่าง แต่ก็ต้องเสียท่าเล่าปี่ทุกครั้ง(ไม่ใช่เรื่องแบบนั้นนะ)

    -----ลิบอง เป็นทั้งที่ปรึกษาและคู่หูจอมแสบของซุนกวนที่นอนกอดก่ายกันทั้งวันทั้งคืน(เอ๊ะ ยังไงกัน)

    -----ลกซุน บุคคลอีกคนที่หลอกว้านจงเขียนถึงอย่างเสียมิได้ทั้งๆ ที่บันทึกประวัติศาตร์เขียนถึงอย่างยกย่อง เป็นผู้พิชิตเล่าปี่อย่างเกรียวกราวจนกลายเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ภาพพจน์ของเล่าปี่ผิดเพี้ยนจากความจริงจนถึงทุกวันนี้

    เฉา-เว่ยหรือวุ่ยก๊ก(Cao-Wei) นำโดยโจโฉที่สูงน้อยที่สุดในบรรดาผู้นำทั้งหมดของเรื่องสามก๊ก คือสูงเพียงร้อยห้าสิบหกเซนติเมตร และแน่นอนว่ายิ่งแก่ยิ่งเตี้ยลงไปอีก(ตอนอายุหกสิบคงสูงประมาณร้อยสี่สิบห้า) เป็นก๊กที่มีที่ปรึกษาเยอะที่สุดเนื่องจากโจโฉปวดหัวบ่อยจึงต้องยืมหัวคนอื่นด้วย ปรากฏว่าแทนที่จะปวดหัวน้อยลงกลับยิ่งปวดหัวมากขึ้นเพราะมากคนมากความ เหตุผลพื้นๆ คือโจโฉชอบชุบเลี้ยงผู้คนที่มีความสามารถแม้ว่าจะมีความเห็นไม่ตรงกับเขาก็ตาม และอีกเหตุผลที่ทำให้เขาชอบขลุกอยู่กับพวกฝ่ายบุ๋นเพราะปมด้อยเรื่องรูปร่าง โจโฉไม่ค่อยชอบให้พวกองครักษ์ที่สูงใหญ่บึกบึนแถมหน้าเหี้ยมมายืนใกล้ๆ โดยไม่จำเป็นเพราะมันทำให้เขาดูน่ารักน่าทะนุถนอมมากขึ้น คนที่ยืนล้อมหน้าล้อมหลังโจโฉนอกสมรภูมิรบจึงมักรูปร่างไม่ค่อนล่ำสันและความสูงก็ไม่ควรมากเกินไปจนเมื่อยคอ ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นพวกใช้สมองมากกว่าจะเป็นทหารหรือนักรบ(แต่โจโฉก็ยังเป็นคนที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มอยู่ดี) รายชื่อกุนซือของโจโฉนั้นถ้าจะให้ไล่จริงๆ จังๆ ก็ยาวเหยียดเป็นหางว่าว จึงขอยกมาเฉพาะที่สำคัญๆ ดังต่อไปนี้
     
    วุ่ยก๊ก--คนเสื้อแดงที่เตี้ยที่สุดในรูปคือโจโฉ ส่วนหนุ่มที่นั่งสูบบุหรีคือกุยแก

    -----ซุนฮก กุนซือคนแรกของโจโฉ เป็นคนที่โจโฉรักและไว้วางใจที่สุด เราพอรู้เกี่ยวกับเขาบ้างแล้ว ต่อไปผมจะบอกเกี่ยวกับเขาเพิ่มขึ้น

    -----เทียหยก กุนซือที่ไม่ได้เป็นนักรบแต่กลับมีร่างกายสูงใหญ่ที่สุด ท่าทางองอาจ สูงถึงแปดเชี๊ยะสามชุนหรือร้อยเก้าสิบเอ็ดเซนติเมตร ทำให้โจโฉต้องยอมนั่งลงทุกครั้งที่จะคุยด้วย เพราะถ้ายืนเทียบกัน คนที่ตาไม่ถึงพอจะสับสนทันทีว่าใครคือโจโฉ

    -----ซุนฮิว เป็นที่ปรึกษาที่ร่วมในกิจกรรมสงครามกับโจโฉมากที่สุด และเป็นกุนซือที่ถูกเอ่ยชื่อมากที่สุดในบันทึกประวัติศาสตร์(ไม่นับข่งเบ้ง เพราะหลังเล่าปี่ตาย ข่งเบ้งมีสถานะเป็นนายคน ไม่ใช่กุนชื่อ ถ้าไม่ถือกฏนี้ โจโฉจะกลายเป็นกุนซือที่ประวัติศาสตร์เอ่ยถึงมากที่สุด) คนนี้ใครไม่พูดถึงก็แย่แล้วครับ

    -----กุยแก เป็นกุนซือที่มีรูปร่างบอบบางที่สุด สูงแค่ร้อยเจ็ดสิบเท่านั้นเอง แต่ความสามารถไม่ธรรมดา ขนาดมีคนพูดว่าถ้ากุยแกไม่ตายซะก่อนโจโฉคงรวมแผ่นดินได้สำเร็จในศึกผาแดง เดี๋ยวเราจะมาชำแหละกุยแกกัน

    -----ข่งหยง กุนซือปากจัดที่ไม่ค่อยทำอะไรให้โจโฉมาก มีแต่พูดแดกดันและขัดคอชาวบ้าน แต่เป็นผู้มีสติปัญญาสูง โจโฉจัดไว้ในหมวดวรรณและราชการแผ่นดินแทนเนื่องจากไม่ใช่นักการทหาร

    -----กาเซี่ยง เสนาธิการปีศาจที่สร้างบาดแผลให้โจโฉได้มากที่สุด แต่ก็เป็นคนที่โจโฉออกปากว่าเก่งที่สุดเช่นกัน

    -----สุมาอี้ ใครๆ ก็ว่าเป็นเจ้าตำหรับด้าน-ดำที่ทำลายสกุลโจอย่างเลือดเย็น แต่ในบันทึกประวัติศาตร์ ตอนสุมาอี้จะตายเขาได้บอกลูกๆ ว่า "แม้ใครจะว่าพ่อคิดล้มราชวงศ์ก็ชั่ง ความจริงพ่อทำไม่ได้หรอก แค่คิดถึงพระพักตร์เว่ยหวู่ตี้(โจโฉ)พ่อก็ทำไม่ลงแล้ว ไม่กล้าแม้แต่จะคิดทำด้วยซ้ำ เพราะงั้นพวกเจ้าก็อย่าได้ทำเลยนะ" ใครมันหาว่าสุมาอี้คิดร้ายต่อราชวงศ์วุ่ยวะเนี่ย?

    -----เล่าหัว พระเจ้าอาตัวจริงของเหี้ยนเต้ มีความสามารถในการประดิษฐ์พอฟัดพอเหวี่ยวกับข่งเบ้งและภรรยาทีเดียว

    -----เอียวสิ้ว คนอวดรู้ หลานน้าของอ้วนเสี้ยว ทำผิดมหันต์ด้วยการร่วมกับฮองเฮาวางแผนเอาชีวิตโจผี(แต่โจโฉกลับโดนเองเพราะเป้าหมายฮองเฮาคือโจโฉ) แต่โจโฉปล่อยไว้เพราะถ้าเอาผิดตอนนั้นโจสิดคงต้องตายตามไปด้วย แต่ภายหลังจบชีวิตในปี ค.ศ. 219 ก่อนกวนอูนิดหน่อยเท่านั้น เพราะขืนปล่อยไว้จะกลายเป็นเสี้ยนหนามโจผีในอนาคต

    -----หวางซ่าน เป็นคนที่ความจำดี คำนวนเป็นเลิศ และเก่งศิลปะ โจโฉจัดเข้าหมวดเศรษฐกิจและศิลปะ

    -----ตันเหลิม อดีตกุนซือของโฮจิ๋นอ้วนเสี้ยวคู่กับโจโฉ แต่ทั้งคู่ทำการไม่สำเร็จเนื่องจากเจ้านายไม่ยอมฟัง ต้องน้ำตาตก ภายหลังได้ร่างแถลงการณ์ฉบับประวัติศาตร์ที่กลายเป็นใบสั่งแพทย์ให้โจโฉหายปวดหัวทันที ทั้งๆ ที่นอนป่วยไข้ขึ้นเหงื่อโทรมมาหลายอาทิตย์

    -----ซุนต่ำ เป็นทั้งนักรบและที่ปรึกษาราชการสงครามที่เก่งกาจและไหวพริบเป็นเลิศ ท่าทางองอาจน่าเกรงขามจนโจโฉจับแปลงโฉมมานั่งทำท่าเป็นวุ่ยอ๋องรับหน้าทูตซงหนูมาแล้ว บังเอิญหัวหน้าทูตตาแหลม รู้ว่าไอ้คนที่ตัวเล็กที่สุดในห้องนั่นแหละโจโฉตัวจริง

    ฮั่น-ชู่หรือจ๊กก๊ก(Han-Shu) นำโดยเล่าปี่ผู้ลึกลับและเป็นปริศนา ด้วยความเป็นคนที่คาดเดาได้อยากที่สุดและเหนือชั้นกว่าใครๆ เขาแทบไม่ต้องการกุนซือเลยเพราะมันไม่ได้ช่วยอะไรเขามากนัก ส่วนใหญ่จะเกะกะมากกว่า แต่ไม่ใช่ว่าไม่อยากได้กุนซือนะเพราะความจริงก่อนที่เขาจะเป็นที่จดจำในฐานะผู้นำคนหนึ่งในสามก๊ก เขาเคยมีผลงานยิ่งใหญ่มาแล้วในการปราบขถบผ้าเหลืองด้วยความร่วมมือของกุนซือชั่วคราว "โจโฉ" ปรากฏว่าหลังศึกนั้นโจโฉดังระเบิดจนหลายคนคิดว่าโจโฉเป็นแม่ทัพปราบขบถ(ข่งเบ้งยังจำว่าเป็นกุนซือ แต่โจโฉนี่ถึงขนาดคนเข้าใจผิดว่าแกคุมทัพเองเลย) เล่าปี่ติดใจคนๆ นี้มากขนาดตามจีบอยู่ตั้งหลายปีและไม่สนใจใครเลย... จนตอนหลังต้องตัดใจจึงไปหาคนอื่นมาเป็นกุนซือแทน ก๊กเล่าปี่จึงแทบไม่ปรากฏกุนซือเพราะส่วนใหญ่เล่าปี่เป็นผู้ออกหัวคิดแต่เพียงผู้เดียวซะมากกว่าเนื่องจากมัวแต่เสียเวลาตามจีบคนๆ เดียวอยู่นาน กุนซือของเล่าปี่จึงมีค่อนข้างจำกัดดังนี้
     

    -----เตียวหุย ตกใจล่ะสิ เขาเป็นกุนซือคนแรกๆ ของเล่าปี่เลยล่ะ เตียวหุยตัวจริงอาจจะมีรูปลักษณ์ที่ต่างนิยายมากด้วยเพราะเขาเป็นบันฑิตที่มีชื่อเสียงในหมู่บ้านมาก่อนที่จะมาเป็นนักรบระบือนาม ไม่ได้เชือดหมูขายอย่างที่ใครๆ เข้าใจ เดี๋ยวผมจะเจาะเรื่องของเขาแน่ๆ

    -----ซีซี น่ากลัวจะไม่ได้พูดถึงมากเพราะแม้เราจะรู้จักเขาว่าเป็นอัจฉริยะจากวรรณกรรม แต่เรื่องจริงเขาไม่ได้มีบทมากมากมายอะไรมากนอกจากห่วงแม่และออกมาตามหาจนพบแม่อยู่ในความดูแลของโจโฉ ด้วยความซาบซึ้งจึงปาวรนาตัวเข้ารับใช้โจโฉ แต่ก็ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้โจโฉมาก เนื่องจากโจโฉไม่ค่อยวางใจคนของเล่าปี่(ขนาดกวนอูที่ชอบๆ ยังต้องปล่อยให้หนีไปเฉย) ซึ่งอาจจะเพราะกลัวว่าซีซีจะลวนลามตนเหมือนที่เล่าปี่ชอบทำประจำตลอดสองปีที่อยู่ด้วยกัน

    -----ข่งเบ้ง มังกรหลับผู้โด่งดัง เฉินโซ่วยกย่องคนผู้นี้มากเพียงแต่ตอนท้ายตั้งข้อสังเกตว่า "ไม่ใช่นักการทหารที่เก่ง" เท่านั้นก็โดนสาวกข่งเบ้งรุมประนามใหญ่ แต่ผมจะเปิดเผยบางอย่างที่ท่านอาจจะต้องอึ้ง เพราะผู้ที่จะบอกท่านเกี่ยวกับข่งเบ้งก็คือ "เล่าปี่" ไม่ใช่ผม ผมแค่เอามุมมองของเล่าปี่มาฝากท่านเท่านั้น

    -----บังทอง หงส์อ่อนผู้มีสติปัญญาเทียบเท่าข่งเบ้ง มีคำกล่าวว่า "หงส์อ่อนมังกรหลับ พอเพียงได้หนึ่งในสองก็จักได้ครองแผ่นดิน" แล้วทำไมเล่าปี่ที่ได้ครองทั้งคู่จึงพบกับความผิดหวัง เดี๋ยวท่านจะได้รู้แน่ เพราะผมจะเอาสิ่งที่เล่าปี่จะพูดมาบอก

    -----หวดเจ้ง นี่คือบุคคลที่เล่าปี่ยกย่องที่สุดในบรรดากุนซือของเขา(จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ไม่ใช่เวอร์ชั่นนิยาย) เป็นคนที่เล่าปี่รักใคร่มากๆ จนข่งเบ้งยังต้องยอมรับว่า ถ้าคนผู้นี้ยังอยู่ เขานี่แหละจะหยุดความผยองของเล่าปี่ได้ เพราะเล่าปี่ฟังชายผู้นี้คนเดียว
     
    เล่าปี่ลวนลามโจโฉ(มุขน่ะ อย่าคิดมาก)

    ตอนนี้เอาแค่นี้ก่อน ตอนหน้าผมจะพาไปพบกับกับซุนเกี๋ยนและซุนเซ็กก่อน แล้วจึงจะพาท่านไปกลับไปเซย์ฮัลโหลกับเหล่ากุนซือกันอีกครั้ง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×