ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เฮฮาประสาสามก๊ก

    ลำดับตอนที่ #36 : เส้นทางอำนาจของพระเจ้าเล่าปี่ตอนที่สอง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.23K
      6
      24 เม.ย. 55

    เส้นทางอำนาจของพระเจ้าเล่าปี่ตอนที่สอง
     

    ขอเล่าความหลังกันก่อนว่า เมื่อสมัยที่ยังเป็นเด็กเล่าปี่ได้ประกาศเป้าหมายสุดอันตรายไว้แล้วว่า "ข้าคือโอรสแห่งสวรรค์ กำลังนั่งอยู่บนราชรถ" ทั้งๆ ที่มีอายุไม่ถึงสิบขวบ แต่ไม่มีใครคิดจะตั้งข้อสังเกตเลยว่าเล่าปี่หมายล้มราชบัลลังก์ ด้วยเห็นว่าเป็นคำพูดของเด็กแต่กลับตีตราว่าโจโฉจะเป็นขบถเมื่อเขาถูกทำนายว่า "เจ้าเก่งขนาดครองโลกได้ แต่ก็จะเป็นอันตรายต่อราชวงศ์ฮั่น" ทั้งๆ ที่ตอนนั้นโจโฉเองก็เป็นเด็กหนุ่มต๊อกต๋อยคนหนึ่งเหมือนกัน.. ภาพของเล่าปี่ก็ถูกจับสลับกับโจโฉแบบจงใจในช่วงแรกๆ ของชีวิต ซามมาเอลเชื่อบันทึกร่วมสมัยมากกว่าฉบับเฉินโซ่ว และเชื่อเฉินโซ่วมากกว่าฉบับชำระภายหลังตามมาด้วยฉบับนิทานและตำนาน ยิ่งนิยายยิ่งแทบไม่เชื่อเลย  อีกอย่าง... ถ้าว่ากันตามบันทึกร่วมสมัยที่นักประวัติศาสตร์ยอมรับว่าถูกต้องที่สุด เรื่องราวของเล่าปี่และโจโฉมีอันต้องล้างกระดานเขียนใหม่หมด เพราะหลักฐานร่วมสมัยที่สืบค้นได้นั้น เล่าปี่เริ่มรวบรวมกลุ่มเพื่อนโดยตัวเองเป็นหัวหน้าตั้งแต่อายุสิบสอง และเมื่ออายุสิบสามก็กลายเป็นหัวหน้ากองทัพรับจ้างที่เก่งกาจด้วยสมาชิก30คน และเมื่ออายุยี่สิบสี่เขามีทหารในมือกว่า500 เล่าปี่ประสบการณ์เหนือโจโฉแบบลิบลิ่วด้วยชั่วโมงบินที่สูงแม้จะอายุน้อยกว่า เขาไม่เคยแพ้สงครามมาก่อน จนกระทั่งยุคขุนศึกจึงเริ่มแพ้เพราะต้องชนกับยอดขุนศึกอย่างอ้วนสุด ลิโป้ ขณะที่โจโฉแทบไม่มีประสบการณ์ทางการทหาร เป็นแม่ทัพครั้งแรกก็แพ้ซีเอ๋งที่เป็นแม่ทัพชั้นรอง ต้องหนีกลับไปในสภาพที่กลายเป็นเม่น

    แต่นั้นแหละ.. ไม่ใช่หลอกว้านจงคนเดียว ก่อนหน้าก็มีคนเอาสามก๊กเล่าเป็นนิทานจนเพี้ยนจากความจริงไปมากแล้ว หนึ่งในนั้นคือบูรพกรรมสามก๊ก ที่ผู้เขียนอ้างว่ามีญาณวิเศษรู้เห็นอดีตชาติของตัวละคร เช่น ชาติที่แล้วเหี้ยนเต้เป็นเล่าปัง โจโฉเป็นหานซิ่น หานซิ่นช่วยให้เล่าปังครองเมืองแต่เล่าปังยึดคติ "เสร็จศึกฆ่าขุนพล" ตัดหัวหานซิ่นเสียบอ้างเป็นขบถ ชาตินี้เหี้ยนเต้จึงต้องชดใช้ให้เขา ในเรื่องคนโน้นคนนี้ก็มาเกิดและมีกรรมผูกพันธ์กันจึงต้องชดใช้กรรมกันท่วนหน้า ในเวปจีนก็มีคนเอาเรื่องโจโฉเป็นหานซินกลับชาติมาเกิดมาถกกันด้วย ฉะนั้นจะแต่งพิลึกๆ ให้เล่าปี่เป็นพระเยซูหรือเป็นพระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิดก็ไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อย และเมื่อค้นคว้าจนเห็นตัวจริงที่ต่างจากนิยายเป็นคนละคนแล้ว ผมได้ข้อสรุปว่าแม้เล่าปี่จะไม่ได้ถูกใส่ร้ายป้ายสีจนกลายเป็นคนเลวเหมือนอย่างโจโฉ แต่การที่ทำให้เล่าปี่เป็นคนดีเกินเหตุก็ได้ทำลายภาพพจน์อันยอดเยี่ยมของเล่าปี่ไปไม่น้อย ขนาดทำให้คนรุ่นหลังเข้าใจผิดๆ ว่า "ไม่มีข่งเบ้ง กวนอู เตียวหุย จูล่ง เล่าปี่ทำอะไรไม่เป็นเลย" ส่วนโจโฉก็กลายเป็นคนมากเล่ห์แต่แรกเริ่มทั้งๆ ที่บันทึกเฉินโซ่วระบุไว้อย่างน่าเจ็บใจว่าโจโฉเที่ยวแปะโปสเตอร์ไปทั่วเพื่อหาคนมาร่วมปราบตั๋งโต๊ะ ข่งมอน้ำตาตกกับความคิดแสนซื่อของโจโฉจึงเขียนข้อความใหม่ให้เหมือนโจโฉรับราชโองการลับมา นั่นเองที่รวบรวมพลมาได้ถึงสิบเจ็ดหัวเมือง และความที่ซื่อเลยบอกความจริงว่าเขาไม่ได้รับราชโองการลับมา ทำให้กองทัพพันธมิตรทำงานล้มเหลวเพราะไม่มีใครอยากเล่นด้วย  แน่นอนว่าเวลาผ่านไปโจโฉที่เริ่มช่ำชองชีวิตก็เจ้าอุบายมากขึ้น แต่คนอย่างซุนฮก-กุยแกก็ยังเห็นตรงกันว่าเจ้านายของพวกเขาจริงใจเกินไปหน่อย
     

    กลับมาที่เหตุการณ์ที่ค้างไว้ เล่าปี่มาฝากเนื้อฝากตัวกับโจโฉ ตอนนั้นเป็นช่วงที่โจโฉพึ่งอุปการะเหี้ยนเต้ไว้ได้ไม่นานและทำให้โจโฉเกิดความเมตตาให้ทั้งไพร่พลและเสบียง ส่งไปปกครองเมือง ซึ่งช่วงนี้มีเหตุการณ์น่าสนใจคือกองซุนจ้านได้ประหารเชื้อพระวงศ์ผู้หนึ่งทั้งครอบครัว เชื้อพระวงศ์ผู้นี้ไม่ได้ผูกพันธ์กับเหี้ยนเต้ย้อยหลังไปสิบเจ็ดรุ่นเหมือนอย่างเล่าปี่ แต่เป็นราชนัดดา(ลูกของลูกชายอันเกิดจากพระสนม)ของอดีตฮ่องเต้ ซึ่งกองซุนจ้านท้าทายว่า "หากเจ้ามีค่าพอเป็นฮ่องเต้ ก็ทำให้ฝนตกลงมาสิ" แต่พระองค์ทำไม่ได้ จึงถูกประหารกลางตลาด ผมจึงชี้ปึกได้เลยว่า ถ้าโจโฉไม่เก็บเหี้ยนเต้มาเลี้ยงก็ไม่มีใครเก็บไปอยู่ดี ยิ่งเล่าปี่ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะช่วงแรกของยุคขุนศึก(Dynasty)เล่าปี่ยังหายไปกับม่านของตัวประกอบ แต่เขามีความสำคัญกว่าที่คิด ถ้าใครจำหงสาจอมราชัญได้ จะเห็นสุมาอี้วิ่งไปวิ่งมาเพื่อสร้างความปั่นป่วนเพราะเห็นว่ากลียุคยังวุ่นวายไม่พอ ทว่า.. เรื่องจริงคือสุมาอี้ตอนนั้้นอยู่ในการอุปการะของโจโฉและไม่ได้มีเวลาร่อนไปร่อนมาเมื่อศึกษาจากบันทึกร่วมสมัย นักประวัติจึงพร้อมใจฟันธงว่า ผู้ที่วิ่งวุ่นหลังฉากนั้นหาใช่สุมาอี้ไม่ แต่คือเล่าปี่นี่เอง นั่นเห็นเหตุผลที่ทำให้ที่ปรึกษาของโจโฉ(โดยเฉพาะซุนฮก)ไม่เคยไว้ใจเล่าปี่ ดูนี่ครับ.-

    ------หันเซียมและเอียวฮองอยู่ที่แห้ฝือออกปล้นทั่วมณฑลชีจิ๋วและยังจิ๋วแต่กองทัพก็ยังขาดแคลนเสบียง พวกเขาขออนุญาติไปเกงจิ๋ว แต่ลิโป้ปฏิเสธ  เอียวฮองรู้ว่าเล่าปี่เป็นศัตรูของลิโป้ เขาจึงส่งสารลับให้เล่าปี่ส่งทัพมาช่วยโจมตีลิโป้ เล่าปี่แกล้งตกลง  เอียวฮองจึงนำทัพไปที่เป่ย  เล่าปี่เชิญเขาเข้าเมือง ระหว่างทางไปงานเลี้ยงต้อนรับเอียวฮองถูกจับและถูกสังหาร  หันเซียมเมื่อไร้เอียวฮองก็ถูกตัดขาด เหลือทหารม้าไม่กี่สิบนาย เขาพยายามกลับไปมณฑลเป๊งจิ๋ว  แต่ถูกเตียวซวน นายอำเภอชูคิวฆ่าตาย  โฮจ๋ายและลิงักที่อยู่ในโฮต๋อง นั้นโฮจ๋ายถูกฆ่าตายจากการทะเลาะวิวาท ในขณะที่ลิงัก เสียชีวิตจากโรคภัย กุยกีถูกงอสิบลูกน้องของเขาฆ่าตาย-----

    กับการตัดสินใจนิดเดียวแต่สงผลมากมายมหาศาล... และผลทั้งหมดล้วนเข้าทางเล่าปี่หมด ถ้าไม่ใช่อัจฉริยะ จะคิดออกรึ? แล้วไม่นานเล่าปี่ก็ทิ้งลูกทิ้งเมียไว้ให้ลิโป้เลี้ยง จากนั้นก็ไปเดินทัพไปดักเจอโจโฉที่เมืองเหลียงพร้อมกับเล่าเรื่องที่ลิโป้ตีเมืองและจับลูกเมียไว้รวมทั้งไหว้เช้าไหว้เย็นให้โจโฉช่วยชิงเมืองคืนจากลิโป้ ด้วยความเห็นอกเห็นใจโจโฉจึงให้เล่าปี่เดินทางไปด้วยกันท่ามกลางการเขม่นของบรรดาที่ปรึกษาโจโฉ ช่วงนี้มีนิทานน่าสนใจเรื่องหนึ่งเล่าเกี่ยวกับฮันนิบาลท่านหนึ่งที่ฆ่าเมียเอาเนื้อมาทำอาหารให้เล่าปี่กิน ซึ่งหลอกว้านจงก็รับไปเขียนในบทงิ้วเช่นกัน แม้จะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะในช่วงกลียุคเช่นนั้นประชาชนที่อดอยากมากมายได้กลายคนกินคนไปกันหมด โรคฮันนิบาลจึงระบาดกันอย่างทั่วถึง  แต่พอโจโฉทราบเรื่องเท่านั้นแหละกลับร้องไห้แล้วเอาให้คนเอาเงินให้ร้อยตำลึงทอง ทำไมโจโฉที่อำมหิตจึงร้องไห้ก็มิทราบครับแถมยังให้เงินอีกต่างหาก เห็นใจที่เสียสละเมียเพื่อเลี้ยงเล่าปี่เหรอ? จากตรงนี้ท่านผู้อ่านเห็นอะไรที่ผิดปกติหรือไม่ชอบกลหรือไม่? ถ้าลิโป้ตีเมืองเล่าปี่จริงๆ ทำไมฮูหยินของเล่าปี่จะยังมีชีวิตรอดแบบไม่บุบสลาย ยอดคาสโนว่าอย่างลิโป้จะไม่แตะต้องเมียเล่าปี่บ้างรึ? แต่ชั่งเถอะ เอาเป็นว่าเมื่อเดินทัพไปกับโจโฉ เล่าปี่มีส่วนร่วมในการรบกับลิโป้ และยังเกลี้ยกล่อมโจโฉจนยอมเด็ดชีพลิโป้ให้ดับดิ้น สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ มันเป็นอย่างที่เราอ่านจริงๆ หรือมีอะไรแอบแฝง หากลิโป้ไม่ใช่คนฉลาดอะไรมากนักและโจโฉก็ซื่ออย่างที่กุยแก-ซุนฮกลงมติ แปลว่าทั้งคู่กำลังโดน "หลอก" ใช่มั้ย!?
     
    เล่าปี่ผู้เหนือเมฆ

    หลังการชนะโดยไม่ต้องรบของเล่าปี่ เขาก็มาอยู่กับโจโฉอย่างเป็นทางการพร้อมกับลูกเมียและน้องนุ่งรวมทั้งทหารที่ติดมามาแต่แรกเริ่มสร้างตัวรวมสองพันชีวิต ถ้าว่ากันตามตรงเล่าปี่มีทหารเอกมากมายไม่ใช่แค่กวนอู-เตียวหุย-จูล่ง-ม้าเฉียง-ฮองตง-อุยเอี๋ยน อย่างที่แฟนนิยายเข้าใจ และคนที่ไม่ถูกเอ่ยชื่อเหล่านี้ก็สร้างความปั่นป่วนให้กับกลียุคอย่างมาก เมื่อผมพบความจริงข้อนี่ผมต้องยอมรับว่าเล่าปี่เป็นจอมอัจฉริยะที่โคตรเทพจริงๆ มิน่าถึงสามารถนั่งกินนอนกินในถ้ำเสืออย่างอ้วนเสี้ยว โจโฉ ลิโป้ และซุนกวนราวกับนอนโรงแรม และเช็คเอ้าส์ออกอย่างสง่าผ่าเผย แบบนอกจากจะไม่ต้องจ่ายอะไรแล้วยังของติดไม้ติดมือกลับไปด้วย ปล่อยให้พวกนั้นน้ำตาตกพลางตะโกนบอกโลกทั้งโลกว่า "โดนแทงข้างหลัง!!" แต่ไม่มีใครสนใจฟังเพราะคิดว่าเล่าปี่หน่อมแน้ม ตอนที่เล่าปี่อยู่กับโจโฉนี้สิ่งที่ไม่ปรากฏในนิยายแต่ปรากฏในบันทึกบางเล่มว่า พวกเขามีความสนิทสนมกันมาก มักอยู่ด้วยกันตามลำพังและไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ โจโฉเป็นตัวของเขาเองจริงๆ เมื่ออยู่กับเล่าปี่ นั่นอธิบายได้ชัดว่าทำไมโจโฉโกรธแค้นเล่าปี่มากเมื่อถูกหักหลัง
     สนิทกันกว่าที่ปรากฏในนิยาย

    Oh My God! เราถูกหลอกให้เชื่อมาตลอดว่าโจโฉคิดร้ายกับเล่าปี่ทุกลมหายใจ ผมสนใจในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ในช่วงนี่และสงสัยว่าโองการเลือดคือแผนของเล่าปี่ ผู้ปลอมลายมือพระเจ้าเหี้ยนเต้คือเตียวหุย แต่แผนไม่ใช่เพื่อกำจัดโจโฉแน่ๆ แม้ว่าเล่าปี่กลับวางแผนร่วมกับคนกลุ่มหนึ่งที่เขม่นโจโฉ แล้วก็เกิดเรื่องมาปิดกันให้แซดว่าโจโฉข่มเหงเหี้ยนเต้ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นคนทั้งสองก็ปรองดองกันเป็นอย่างดี ถ้าเล่าปี่คิดกำจัดโจโฉทำไมจะต้องสร้างความปั่นป่วนโดยไม่จำเป็นด้วย ในเมื่อเขาสามารถฆ่าโจโฉได้ตลอดเวลา เขาจะกลายเป็นวีรบุรุษ แต่นี่เขากลับปล่อยให้หมอเกียดเป๋งมาดำเนินแผนการสั่วๆ จับโจโฉกรอกยาพิษนี่นะ? ความจริงอีกข้อคือในประวัติศาสตร์ไม่ได้กล่าวด้วยซ้ำว่ามีใครมาเตือนโจโฉเรื่องแผนลอบสังหาร เป็นไปได้ไหมว่าคนที่แย้มพรายก็คือเล่าปี่ เขาทำแบบนั้นเพื่ออะไร? แน่นอนว่าประวัติศาสตร์ไปไม่กล่าวอะไรเกี่ยวกับการสนทนาอันเป็นความลับของทั้งคู่มาตลอด(ใครจะไปนั่งจดไว้ล่ะ) นอกจากประโยคที่เล่าปี่แย้มพรายให้ลูกน้องฟังว่า "เป็นคำตอบที่โจโฉให้แก่ข้า" ที่เหลือจึงเป็นหน้าที่ของบรรดานักเขียนที่จิ้นกันว่าทั้งคู่พูดอะไรไปบ้างก่อนที่จะลงเอยที่ประโยค "วีรบุรุษคือข้ากับท่านเท่านั้น อ้วนเสี้ยวไม่อาจจะมาแทรกระหว่างเราได้" ของโจโฉ ซึ่งฉากนี้หลอกว้านจงเขียนได้มันส์ในอารมณ์มาก ส่วนเฉินโซ่วเขียนว่า

    --------------ก่อนหน้านั้นตังสินแม่ทัพราชรถและทหารม้าได้รับสารลับจากฮ่องเต้ซ่อนในเสื้อผ้าของเขา เขาจึงวางแผนกับเล่าปี่ที่จะฆ่าโจโฉ โจโฉได้พูดกับเล่าปี่ว่า มีเพียงท่านกับข้าเท่านั้นที่เป็นผู้กล้าของแผ่นดิน คนอย่างอ้วนเสี้ยวนั้นไม่อาจเปรียบเทียบกับเราได้ เล่าปี่กำลังกินเลี้ยงกับโจโฉอยู่ในตอนนั้น ทิ้งช้อนและตะเกียบลงด้วยความตื่นตระหนก ในตอนนั้นมีฟ้าร้อง เล่าปี่จึงพูดว่า นักปราชญ์กล่าวไว้ว่า เมื่อฟ้าร้อง หรือลมพายุรุนแรง เขาก็ไม่สามารถรักษาอาการสงบไว้ได้ ช่างคล้ายกับตัวข้านัก---------------

    การที่โจโฉถูกรอบสังหารนับครั้งไม่ถ้วนแม้จะฆ่าพวกตังสินแล้ว ทำให้ตอนหลังเปี้ยนสีต้องทำอาหารให้สามีกิน เนื่องจากกลัวจะมีผู้หวังดีเติมยาพิษลงไปในน้ำหรืออาหาร(โจโฉเคยเฉียดตายเพราะยาพิษในน้ำชา) แม้กระทั่งที่ค่ายที่กัวต๋อ เขาก็ยังถูกซูเตาและลิ่วล้อลอบฆ่าในที่พัก โชคดีที่เคาทูช่วยไว้ทัน เหล่ามือสังหารจึงตายเรียบ ส่วนเล่าปี่ของเราก็เป็นโรคแวบ หนีไปโดยอาศัยคำสั่งของโจโฉ ที่ให้ไปขัดขวางอ้วนสุด หลังจากเทียหยก กุยแกและตังเจี๋ยวเกลี้ยกล่อมอยู่พักใหญ่ โจโฉจึงเปลี่ยนใจและส่งคนไปเรียกตัวเล่าปี่กลับ ตอนนั้นเองที่เขารู้ว่าเล่าปี่ได้หักหลังเค้าจริงๆ และเล่าปี่ก็ได้อาศัยโองการเลือดนี่เองในการรวบรวมผู้คนและส่งฑูตไปหาอ้วนเสี้ยวเพื่อกระทำการร่วมกัน รวมทั้งตีเล่าต้ายและอ๋องต๋งที่โจโฉส่งมาแตกกระเจิง กระนั้น... เล่าปี่กลับพูดต่อเล่าต้ายว่า "โลกนี้มีแค่โจโฉที่ข้าก็ไม่สามารถรับมือได้" ทำไมเขาต้องพูดเหมือนเชิญชวนให้โจโฉมาเองด้วย? เล่าปี่มีแผนอะไร?

    ตอนหน้าผมคงไม่อู้แล้ว... เราจะกลับมาตามรอยเส้นทางอำนาจเล่าปี่อีกครั้งครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×