ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Harry Potter fanfic:- พลิกตำนานปราสาทกาลเวลา

    ลำดับตอนที่ #6 : การสานคืนมิตรภาพที่พังลง

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.พ. 55


    "สิ่งที่อยู่ในหัวเจ้ามันคืออะไร! ลูเซียส!"

    เสียงที่น่าสะพรึงกลัวดึงชายหนุ่มไปสู่ความมืดเมื่อจอมมารได้แทรกเข้ามาในความคิด "มันก็แค่... สูตรคำนวนทั่วๆ ไป"

    "โกหก! โลกิบอกว่าสิ่งที่อยู่ในหัวเจ้าคือคำตอบของทุกอย่าง!" จอมมารคำราม "อย่ามาโกหกกับข้า!" ไม่มีใครปกปิดเค้าได้  จอมมารเชี่ยวชาญการพินิจใจเป็นที่หนึ่ง "มันคือวิธีการที่จะถอดอาคมที่คุ้มครองฮอกวอร์ตใช่มั้ย!?" ทุกคนมองเค้าเป็นตาเดียวขณะที่เวทมนตร์อันน่ากลัวได้กดเค้าลงกับพื้น และคำสาปกรีดแทงที่ยิงลงบนร่างเค้าอย่างรุนแรง  จนกระทั่งหยุดลง

    ลูเซียสหายใจหอบ น้ำตาไหลริน เค้ามองไปในความมืดและเห็นจตุราชายืนอยู่ด้านหลังของจอมมาร ทุกครั้งที่เห็นป้าอาเทน่าเค้าจะปิดใจอย่างยอดเยี่ยมโดยการคิดอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับอาเทน่าเพราะถ้าจอมมารรู้อาเทน่าอาจจะไม่ปลอดภัยอีก รวมทั้งจตุราชาคนอื่นๆ ด้วย แต่เค้าไม่ทันระวัง เลยไปคิดถึงสิ่งที่เซเวอรัส เรวิน ฮัฟเฟิลพัฟแสดงแทน

    "ข้าไม่รู้นายท่าน" ลูเซียสหอบทั้งน้ำตา "ข้าสาบาน"

    "โกหก! มันอยู่ในหัวเจ้า! บอกมันกับข้า!"

    "ข้าไม่รู้จริงๆ! ถึงข้ารู้ข้าก็ไม่สามารถบอกได้! ข้ารู้แค่ว่ามันเหตุวิธีไขคำตอบ! แต่ไม่รู้ว่าเป็นคำตอบของอะไร! ได้โปรดเถอะนายท่าน! ขอเพียงมีโจทย์สำหรับการไขปริศนา  แต่ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโจทย์อยู่ที่ไหน!"

    "จอมมาร เค้าพูดความจริง ข้าเห็นชั่วขณะหนึ่ง มันคือวิธีการคำนวนหาการถอดอาคมของเซเวอรัส เรวิน ฮัฟเฟิลพัฟ" อาเทน่าพูดอย่างเยือกเย็น "แต่เราต้องการโจทย์สำหรับการถอดอาคม"

    "ไม่มีวิธีการที่จัดการข่ายอาคมโดยไม่ต้องพึ่งโจทย์ที่ว่ารึไง เจ้าบอกข้าว่าอาคมรอบๆ ฮอกวอร์ตกำลังเสื่อมลงไม่ใช่เหรอ"

    "จอมมาร ถ้าข่ายอาคมเสื่อมจะเป็นอันตรายอย่างที่สุด ถึงตอนนั้นอะโพคาลิฟ-ฟาก็จะ--"

    "เจ้าเชื่อเทพนิยายไร้สาระนั่นด้วยเหรอ อาเทน่า มัลฟอย"

    "มันไม่ใช่เทพนิยายไร้สาระจอมมาร! ก๊อดริก กริฟฟินดอร์เห็นมันด้วยตาของเค้าเอง!"

    โวลเดอร์มอร์มองเธอ เธอมองตรงไปที่เค้าราวกับเธอนี่แหละคือก๊อดริก กริฟฟินดอร์ แต่โวลเดอร์มอร์ไม่อยากยุ่งกับเธอโดยไม่จำเป็น สำหรับจตุราชาแห่งความมืด-เจ้าของตรามารสีน้ำเงิน เธอเป็นผู้นำสูงสุด แม้เค้าจะไม่เคยพบความผิดปกติในการพินิจใจแต่เค้าไม่เคยไว้ใจเธอเลย  ยิ่งกว่านั้นอำนาจของเธอตามเค้าแค่ก้าวเดียว!

    ด้วยความห่างชั้นเพียงแค่ก้าวเดียว บวกทักษะการต่อสู้ ไหวพริบ และโอกาสชั่วพริบตา อาเทน่ามีสิทธิเอาชนะเค้าหรือดัมเบิลดอร์ได้!

    เค้าเอาผู้หญิงคนนี้มาเป็นหนังหน้าไฟในการเผชิญหน้ากับดัมเบิลดอร์เท่านั้น เค้าไม่เคยตามหาดัมเบิลดอร์เพราะเค้าไม่แน่ใจเกี่ยวกับความสามารถที่สูสีกัน เช่นกันกับที่ดัมเบิลดอร์ไม่เคยออกตามหาเค้าเพราะเค้ามีผู้หญิงคนนี้ และยังมีจตุราชาอีกสามคนด้วย

    "เจ้าเอาเค้าออกไปซะ!"

    "ค่ะ จอมมาร" เธอกล่าวเรียบๆ และพยุงลูเซียสออกไป  ก่อนที่จะพ้นประตู โวลเดอร์มอร์เรียกเธออีกครั้ง

    "อาเทน่า!"

    "ค่ะ ท่าน"

    "เจ้าบอกข้าว่าห้ามฆ่าเซเวอรัส สเนปเพราะเราต้องใช้เค้าเมื่ออาคมเสื่อมสินะ"

    "ค่ะ ท่าน"

    "งั้นก็จงทำให้เค้าเป็นพวกเราซะที  เพราะไม่แล้วข้าจะไม่มีวันวางใจให้เค้ามีชีวิตอยู่เด็ดขาด"

    ลูเซียสหอบสะท้าน ขณะที่อาเทน่าพูดเบาๆ เพียง "ค่ะ ท่าน" ตามเดิม
    -------------------------------------------

    ลูเซียสเดินตรงไปที่ร้านหัวหมูและพบกับนาซิสซา เพื่อจะรับฟังเรื่องที่น่าตกใจมาก "ลิลี่กำลังมีปัญหากับเซเวอรัส"

    "ลิลี่นี่เหรอ...?"

    "เซเวอรัสเรียกเธอว่าเลือดสีโคลน!"

    "เธอล้อเล่นแล้ว เซเวอรัสไม่มีทาง--!"

    "สถานการณ์บีบบังคับให้เค้าต้องทำแบบนั้น ลูเซียส ถ้าเธอจะเข้าใจ มันเป็นทางเดียวที่เค้าจะไล่เธอให้ไปจากตรงนั้นได้..." นาซิสซาดูเศร้ามาก "หลังจากนั้นเค้าก็ตามไปขอโทษเธอ แต่เธอไม่แม้แต่จะฟัง" นาซิสซาถอนใจ "เราควรให้เธอรู้เรื่องนั้นดีมั้ย!?"

    "ถ้าเค้ารู้ว่าเป็นเรา  เค้าจะโกรธเรามาก"

    "ชั้นจะหาวิธีให้เธอรู้เรื่องโดยไม่ต้องมีปัญหามาถึงเรา ลูเซียส... นี่อาจจะโหดสำหรับลิลี่ แต่ชั้นคิดว่า! ในฐานะเพื่อนของเซเวอรัส! และเป็นคนที่เค้ารัก! เธอควรรู้เรื่องนี้มากกวาใครและยอมรับในสิ่งที่เค้าเป็นไม่ใช่เหรอ!?" นาซิสซามีน้ำตาคลอ

    "เพราะเจ้าหล่อนรักเซเวอรัสสินะ" ลูเซียสถอนใจ นาซิสซาพยักหน้า "หล่อนเคยบอกเซเวอรัสมั้ย"

    "อย่าโง่ไปหน่อยเลย... ผู้หญิงเค้าไม่พูดก่อนผู้ชายหรอก ผู้หญิงมากมายเลยต้องผิดหวังเพราะผู้ชายซื่อบื้อไง!" เธอลดเสียงลงเล็กน้อย "เหมือนที่เบลล่าแต่งงานกับเลสแตรงส์เพื่อแสดงความรักต่อผู้ชายซื่อบื้อของหล่อน"

    "จอมมารไม่ได้ซื่อบื้อ แต่เค้าเย็นชา!" ลูเซียสกัดฟันกรอดเมื่อคิดถึงสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นก่อนจะหันไปมองนาซิสซาอย่างเข้าใจในนัยยะแอบแฝงของสิ่งที่พูดออกมา "แต่ชั้นไม่ซื่อบื้อหรือเย็นชาหรอก... หวังว่าเธอจะแต่งงานกับชั้นเมื่อเรียนจบนะ"

    นาซิสซาหันไปอย่างตกใจแต่ลูเซียสไปที่ประตูซะแล้ว  และเหมือนเค้ารู้ หันมามองเธอ "เมื่อกี้คุณพูดว่า!?" เธอไม่แน่ใจสิ่งที่ได้ยิน ลูเซียสยิ้มและบอกอย่างจริงจัง

    "ชั้นอยากแต่งงานกับเธอ... ได้ยินไม่ผิดหรอก" แล้วก็จากไปเงียบๆ ทิ้งให้นาซิสซายืนงงอยู่ตรงนั้น










    ลูเซียสเปิดอ่านบันทึกอีกครั้ง คราวนี้เข้าไปยืนอยู่ในป่าต้องห้าม... เค้าเห็นโลกิวัยเด็กหนุ่มวิ่งไปในความมืดราวกับจะตามรอยอะไรซักอย่าง  ทำให้เค้าตามไป ลูเซียสเห็นแสงสีเงินสะท้อนอยู่เป็นหย่อมๆ มือเรียวผอมยื่นไปแต่ไม่สามารถจับได้  ขณะที่โลกิ พริ้นซ์ยกไม้ที่มีสารสีเงินขึ้นดม มันเป็นของเหลวเหนียวๆ

    เลือดยูนิคอน!?

    โลกิเดินออกไปอีกครั้ง และหยุดที่สัตว์ที่สวยงามมาก  สัตว์ที่ไม่เข้าไกล้สิ่งที่ไม่บริสุทธิ์ มันมีรูปร่างเป็นม้า เท้าเป็นกีบเหมือนแพะ หางเหมือนสิงโต มีเคราเหมือนแพะกับเขาสวยงามที่กลางหน้าผาก โลกิก้มลงและเอามือลูบมัน

    น้ำตาใสๆ ไหลอาบแก้มก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและทำให้ลูเซียสพลอยมองเห็นไปด้วย! เด็กหนุ่มคนหนึ่งอยู่ตรงนั้นพร้อมกับคนโท!? ไม่ผิดแน่! ด้วยเหตุผลบางอย่าง! เค้าฆ่ายูนิคอนเพื่อเอาเลือดของมัน!?

    แล้วเด็กคนนั้นก็หายไป มีเด็กอีกคนที่ด้านหนึ่งที่มองเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างตกใจ-อัลบัส ดัมเบิลดอร์ในวัยเด็ก ก่อนที่โลกิจะถูกอาจารย์กลุ่มใหญ่มารุมล้อมราวกับเป็นผู้ร้าย  และอีกไม่กี่นาทีต่อมาโลกิถูกมองราวกับเป็นคนที่ฆ่ายูนิคอนนั่น บ้าที่สุด! โลกิที่บริสุทธิ์ขนาดนั้นจะฆ่ายูนิคอนได้ยังไง พวกอาจารย์โง่ๆ นั่นก็พูดไม่ใช่เหรอว่ายูนิคอนที่โตเต็มวัยจะไม่เข้าใกล้มนุษย์เว้นแต่จะเป็นผู้บริสุทธิ์! คนสมัยโบราณนั้นถ้าจะจับยูนิคอนต้องใช้สาวพรหมจรรย์ด้วยซ้ำ! แล้วพวกอาจารย์ที่พากันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ายูนิคอนเข้าใกล้โลกิจะไม่มีเชาว์ซักนิดเหรอว่าโลกิจะมีจิตมารขนาดฆ่าสัตว์บริสุทธิได้อย่างไร!?

    ลูเซียสขยะแขยงเมื่อเห็นธาตุแท้ของดัมเบิลดอร์ที่ให้การต่อเหล่าอาจารย์ราวกับจะเปิดช่องให้ทุกคนเข้าใจว่าโลกิเป็นคนฆ่ายูนิคอน มีเพียงเจมส์(พ่อของเลาเรส) อัสลันเทีย มัลฟอย และ โอดิน เมอร์กันที่ยืนยันว่าโลกิบริสุทธิแน่นอนแม้พวกเค้าจะไม่อยู่ในเหตุการณ์ แต่อาจารย์ก็ไม่เชื่อว่าเค้าจะบริสุทธิ์เพราะตระกูลพริ้นซ์เป็นตระกูลพ่อมดศาสตร์มืด รวมทั้งพ่อแม่ของเค้าเคยก่ออาชญากรรมน่ากลัวมาแล้ว ตามคำให้การของเด็กผู้หญิงที่เหมือนเค้ามากแต่มีผมสีทองกับตาสีน้ำตาล เมื่อทุกคนแยกย้ายไป โลกิเดินไปหาเธอและพูดเบาๆ "เราถอนหมั้นกันเถอะ" ก่อนจะจากไปทิ้งให้เธอที่เตรียมฉะยืนอึ้งตรงนั้น โลกิวิ่งตามจนกระทั่งทันโอดิน "เฮ้ รอก่อน..." โอดินหันมา "เมื่อกี้นายช่วยชั้น?"

    "แล้วไง"

    "ช่วยชั้นทำไม... นายเกลียดชั้นไม่ใช่เหรอ?" ดวงตาของโลกิเต็มไปด้วยความสับสนและคาดหวัง

    "คนอย่างนายนี่มันไม่รู้อะไรเลย... ไม่รู้ซักอย่าง" โอดินพูดแล้วจากไป 

    ภาพต่างๆ เปลี่ยนไป  คราวนี้ลูเซียสเห็นโลกิยืนรออะไรซักอย่างที่ทางเดิน และเสียงของเจมส์เรียกเค้าจากภวังค์ "นั่นโลกินี่! เฮ้! โลกิ!"

    "เจมส์..." โลกิมองดูเจมส์ ก่อนจะหันไปมองโอดีนที่มาด้วยกัน "ลมอะไรหอบนายมาเนี่ย  พวกนายไม่ยักอยู่กับเพื่อนร่วมทีมส์ของนาย"

    "นายก็ไม่อยู่ฉลองชัยกับสลิธีรีนเหมือนกัน... อันที่จริงนายมารอเจอชั้นใช่มั้ย" แต่อีกฝ่ายไม่ตอบ "พริ้นซ์!"

    โลกิเงียบ นานมากกว่าโอดินที่มองอย่างไม่พอใจและผิดหวังจะจากไป "เฮ้! โอดีน! ทำไมงั้นล่ะ!" เจมส์ร้องตาม ทำท่าจะตามไป แต่ก็หยุดตัวเองไว้ก่อนและหันไปมองโลกิ "ทำไมล่ะ... พวกนายไม่ได้เกลียดกันจริงไม่ใช่รึไง!?" โลกิยามทอดถอนใจดูเหมือนเซเวอรัสไม่มีผิด "ยังไงก็ตาม... เรื่องของพวกนายอาจจะต้องการเวลา... แต่ว่าเรื่องของพี่สาวชั้นน่ะ... นายไตร่ตรองเรื่องถอนหมั้นหน่อยเถอะ ถึงเธอจะแสดงออกแบบนั้น  แต่เธอชอบนายจริงๆ นะ... ชอบมากๆ เลย  เอ่อ... เผื่อนายไม่สังเกต"

    "จามีสไม่ได้ชอบชั้นจริงๆ หรอก... ไม่งั้นเธอคงไม่ทำแบบนั้น  นายทำกับคู่หมั้นของนายแบบนั้นเหรอ เจมส์"

    "...ก็จริง  แต่ถ้านายถอนหมั้น  พ่อของชั้นคงไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่หรอกนะ"

    "ชั้นไม่คิดว่าผู้นำตระกูลพอตเตอร์จะเอาเรื่องเด็กกำพร้าที่อยู่ตามลำพังกับเอลฝ์ประจำบ้านอย่างชั้นหรอก  อีกอย่าง  มันดีต่อครอบครัวของนายมากกว่า  เพราะแม่นายอยากอัสลันเทียเป็นลูกเขยพร้อมๆ กับที่จะได้ไดอาน่าเป็นสะใภ้  ถ้าชั้นถอนหมั้นบ้านนายก็จะได้อยู่กันอย่างสงบสุขซะที  และอัสลันเทีย  ชั้นไม่คิดว่าพ่อของเค้าจะมีปัญหากับการที่แม่นายจะมาทาบทามลูกชายเค้าหรอก  เพราะยังไงซะ  ครอบครัวมัลฟอยก็ต้องการสะใภ้เลือดบริสุทธิ์ที่มาจากตระกูลอันสูงส่ง  คุณสมบัตินี้ครบถ้วนในตัวของจามีส พอตเตอร์อยู่แล้ว"

    "แล้วความรู้สึกของจามีสล่ะ?" เจมส์ถามหาโอกาสสุดท้ายสำหรับพี่สาว

    "เจมส์... เจ็บตอนนี้ยังดีกว่ายิ่งอยู่ยิ่งเจ็บนะ  อีกอย่าง ถ้านายคิดว่าสงสารพี่สาวตัวเอง  แล้วถ้าเราแต่งงานกันไปแล้วชั้นก็ไม่รักเธอจนนาทีสุดท้าย  เธอก็ยิ่งน่าสงสารกว่าเหรอ  ยังไม่รวมความจริงที่ว่าเกิดชั้นรักคนอื่น..."

    "เข้าใจล่ะ... ชั้นคงเปลี่ยนใจนายไม่ได้สินะ"

    "จามีสเป็นคนเข้มแข็ง  ไม่มีทางล้มลงไปตายกับเรื่องขี้ป่ะติ๋วแบบนี้แน่ๆ"

    หลังทั้งคู่จากไปแล้ว ไม่นานอัสลันเทียก็เดินมาจากอีกด้านหนึ่ง "โลกิ... อยู่นี่เอง  ทำไมนายไม่ไปฉลองกับทุกคนล่ะ"

    "งานนี้ควรฉลองให้นาย อัสลัน  เพราะนายจับลูกสนิชได้  สลิธีรีนไม่เคยทำแต้มมากขนาดนี้เลยในประวัติศาสตร์!"

    "เพราะเรามีเซนเซอร์ที่เก่งอย่างนายต่างหาก  ต่อให้ชั้นจับสนิชไม่ได้กริฟฟินดอร์ก็ไม่มีทางตามทันหรอก  นายเป็นนักกีฬาที่เก่งที่สุดเท่าที่เรามีเลย" อัสลันเทีย มัลฟอยพยายามปลอบโยน

    "อย่าเลย มันเป็นความผิดของชั้นที่เราพลาดถ้วยบ้านดีเด่น... ถ้าชั้นไม่ทำเสียมากขนาดนั้น  ตั้งพันคะแนน  บ้านเรายังติดลบอยู่เลย..."

    "นายไม่ได้ฆ่ายูนิคอน! ชั้นเชื่อแบบนั้น  เจมส์เชื่อแบบนั้น  และโอดินก็เชื่อแบบนั้นเหมือนกัน บางทีอาจจะเป็นดัม--"

    "ไม่มีทางเป็นดัมเบิ้ลดอร์หรอก เค้าอาจจะดูเหมือนหมกมุ่นไปบ้าง  แต่เค้าไม่มีทางเป็นคนแบบนั้นแน่"

    "แต่เค้าเป็นพยายานว่าเห็นนายที่นั่น! แม้เค้าจะไม่ได้ทำจริง! แต่เค้าอาจจะรู้ว่าใครทำ! และเค้าไม่ยอมบอกอาจารย์! ได้โปรดเถอะโลกิ ชั้นรู้ว่านายรู้สึกอะไรกับเรื่องนี้! สาบานได้ว่านายต้องรู้สึก! ไม่งั้นนายถอนหมั้นจามีสที่ให้การไปในทางเดียวกับดัมเบิ้ลดอร์ทำไม!"

    "ชั้นไม่ได้ถอนหมั้นจามีสที่พูดความจริงหรอกนะ ยอมรับว่าโกรธที่เธอแก้แค้นชั้นโดยวิธีนี้ แต่ที่เธอพูดก็เป็นความจริงทุกอย่าง!" โลกิพูดเสียงดังก่อนจะลดเสียงลง "ส่วนดัมเบิ้ลดอร์... เค้าเสียใจที่ทำให้ชั้นถูกคาดโทษจากกระทรวงเวทมนตร์  แม้ผลการตัดสินจะกลายเป็นว่าชั้นฆ่ายูนิคอนโดยไม่ตั้งใจ  แต่เค้าก็ได้พูดสิ่งที่ทำให้ชั้นกลายเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งทั้งๆ ที่เค้ารู้เต็มอกว่าชั้นไม่ได้ทำ  ชั้นรู้ว่าเค้าเสียใจและรู้สึกผิด.. แต่นายเข้าใจหน่อยเถอะว่าเค้าเป็นคนที่น่าสงสาร  เก่งเกินไปจนไม่มีเพื่อน... น่าสงสาร"

    "โลกิ... นายรู้ใช่มั้ยว่าใครฆ่ายูนิคอน" โลกิไม่ตอบ "โลกิ!"

    "ไม่ใช่โดจหรอก... แน่นอนว่าไม่ใช่นักเรียนของโรงเรียนนี้"

    "แล้วเค้าเป็นใคร!?!"

    "เค้าเป็นคนสำคัญของดัมเบิ้ลดอร์... นายรู้ใช่มั้ยว่าคนเราพร้อมทำทุกสิ่งที่ทำได้เพื่อปกป้องคนที่รักแม้จะต้องทำร้ายคนอื่น...คนที่มีความรักไม่ใช่คนเลวหรอก"

    "เด็กเดริมสแตรงนั่น!" อัสลันเทียพ่นออกมาทำให้ลูเซียสขมวดคิ้ว "ก็ดี! อย่างน้อยเรื่องบ้าๆ นี่ก็ทำให้เห็นโฉมหน้าของคนหลายคน  และคนที่ชั้นสงสัยมาตลอดว่าเพื่อนนายหรือศัตรูของนายก็คือโอดิน... เค้าปกป้องนายมาก  ที่นายมาที่นี่เพื่อคุยอะไรกับเค้าใช่มั้ย"

    "รู้ด้วยเหรอ!"

    "เดาเอาจากตอนที่นายถามว่าทำไมเค้าช่วยนาย เค้าบอกว่าไงนะ 'คนอย่างนายไม่เคยรู้อะไรเลย! ไม่ซักอย่าง!' แล้วจากนั้นท่าทางของนายก็ดูแปลกๆ นายคุยอะไรกับเค้ารึยัง" โลกิส่ายหน้า "ทำไมละ!?"

    "เพราะเค้าบอกว่าชั้นไม่เคยรู้อะไรไง ก็เลยไม่ได้พูดอะไร  เพราะกลัวว่าความไม่รู้ของชั้นจะไปทำร้ายเค้า"

    ลูเซียสกลับมาที่ห้องของตัวเองและย้อนคิดถึงทั้งหมด  แท้จริงแล้วโอดินไม่ได้เกลียดโลกิ เพราะพวกเค้าเป็นเพื่อนกันมาแต่เด็ก แต่โลกิกับโอดินผิดใจกันตั้งแต่ตอนนั้น...
    ------------------------------------------------

    เซเวอรัสนั่งอยู่ในห้องแคบๆ มืดๆ ตามลำพัง... ใช้ไม้กายสิทธิ์ยิงแมงวันตกลงมา เค้าคิดถึงสิ่งที่เกิดระหว่างเค้ากับลิลี่ ไม่นานนักชายกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามา มองดูเค้าอย่างกระหาย เด็กผู้ชายที่กายเป็นสินค้า!? เซเวอรัสเก็บไม้กายสิทธิ ขอเพียงให้บางสิ่งบางอย่างลบความทรงจำที่เลวร้ายออก ความทรงจำที่บังอาจเรียกลิลี่ว่า "เลือดสีโคลน" แม้ว่าที่เค้าทำไปก็เพราะไม่อยากให้เธอต้องถูกเพื่อนลอยแพ เหมือนที่อลิซพูดกับเค้าเกี่ยวกับความรู้สึกที่เพื่อนๆ มีต่อเธอ เด็กหนุ่มถอดเสื้อผ้าช้าๆ แล้วนั่งบนที่นอน การเล้าโลมเริ่มขึ้น เริ่มจากอ่อนหวานกลายเป็นหนักหน่วง ร่างที่ผอมมากกับผิวซีดๆ ที่มีรอยช้ำจางๆ ทาไปทั่วอาจจะดูเย้ายวนสำหรับชายวิกลจริตบางจำพวก.. จากนั้นเซเวอรัสถูกกระชากลงสู่นรกด้วยการแทรกลึกเข้าสู่ภายใน เค้าพยายามที่จะไม่ร้อง แต่ร่างกายของเค้ามันทนรับอะไรไม่ได้แล้ว มันเจ็บ... เจ็บเหลือเกิน

    กับการบุกรุกที่รุนแรง เค้ารู้สึกถึงเลือดที่ไหลออกมา ผสมกับหยาดน้ำกามที่ถูกปลดปล่อยโดยชายที่คุกคามตน ตาที่ร้อนเพราะน้ำตาที่ไหลทะลัก เด็กหนุ่มเกร็งด้วยความเจ็บปวด แต่แล้วทุกอย่างก็เริ่มจางลง

    เหลือแต่การทอดถอนใจ ยังไงซะ  ความรุนแรงมันต้องจบ...

    "เซเวอรัส!!"

    กับดวงตาที่หันมา แต่ไม่มีแม้แต่เรียวแรงจะยกตัวเองขึ้น เด็กผู้หญิงผมสีแดง เธอถือตระกร้าแซนวิชมาด้วย เหมือนจะเอามาขาย... นี่ชั่งเลวร้ายเหลือเกิน แต่ร่างกายของเขาเหมือนจะเป็นอัมภาพ... มันขยับไม่ได้ เซเวอรัสหอบและปิดตาลง กับเสียงตะโกนด่า "ยัยเด็กเวรเอ้ย รีบออกไปเดี๋ยวนี้ ทำไมไม่เคาะประตูวะ!!"

    ...ความรักมันสวยงามจริงๆ เหรอ...!?

    ...ไม่ สำหรับเค้ามันคือการสิ้นหวังต่างหาก...!!

    "พวกคุณทำอะไร..." ลิลี่รู้สึกเหมือนจะเป็นลมกับสิ่งที่เห็น

    "ทำไม...? ก็เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ เธอไม่เคยทำแบบนี้กับแฟนรึไงแม่หนู" ชายคนหนึ่งลุกขึ้นและตรงไปหาเธอในสภาพเปลือยเปล่า "เอามานี่ ชั้นซื้อทั้งหมด แล้วรีบไปให้พ้นซะ! ก่อนที่ชั้นจะจัดการเธอด้วย!"

    เด็กเธอไม่สนใจเค้า  ดวงตาสีสวยมองตรงไปยังเด็กผู้ชายผมดำเป็นมันเยิ้มที่กำลังถูกรุมกินโต๊ะอยู่ เค้าผอมมาก... และรอยช้ำเต็มตัวไปหมด!? พระเจ้า! เธอไม่เคยเห็นอะไรที่น่ากลัวแบบนี้มาก่อน เธอแน่ใจว่าเธอเห็นเลือด ที่โคนขา เลือด ที่ปากที่มอดไหม้ไปในความเศร้าและความเจ็บปวด เลือด.. จากรอยฟันที่กัดลงบนอกและไหล่ ราวกับอีกฝ่ายหมายจะฉีกกินเนื้อซะ

    "พวกคุณทำร้ายเค้า... ข่มขืนเค้า!?" เธอกัดปาก  น้ำตาไหลเป็นทาง

    "ข่มขืนอะไร สมยอมต่างหาก พ่อเค้าขายเค้าให้เรา  เธอออกไปได้แล้ว!" พูดพลางหยิบเงินจากกระเป๋าและโยนให้เธอ แต่ลิลี่ทุ่มตระกร้าแซนวิชลงกับพื้น ชักไม้กายสิทธิ์ออกมา

    "ออกไปจากเค้าเดียวนี้นะ! พวกสารเลว!"

    จากนั้นแสงมากมายกระจายไปทั่วห้อง เหมือนเธอกำลังบ้าไปชั่วขณะ ก่อนที่เธอจะทำสิ่งที่เลวร้าย ใครบางคนเข้ามาขวางเธอไว้ "ลิลี่! เธอทำอะไรน่ะ! หยุดนะ!" แล้วจากนั้นลิลี่ก็ทรุดลงกับพื้นและร้องไห้โฮ มีนาซิสซากำลังกอดปลอบ  เรกูรัสค่อยๆ คลานเข้าไปหา

    "รุ่นพี่สเนป" เค้าพยายามเขย่า  แต่สเนปไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ ดวงตาสีดำเปิดค้างอย่างว่างเปล่า  น้ำตาของเด็กหนุ่มไหลอาบหน้าโดยไม่รู้ตัว ไม่เคยเห็นอะไรน่าสมเพชแบบนี้มาก่อน "เค้าต้องการหมอ พี่ซิสซี่ เราต้องพาเค้าไปที่เซนต์มังโก"

    "ไม่! ให้ใครรู้ไม่ได้!" นาซิสซาบอก "ลิลี่... เข้มแข็งไว้ เธอกับเรกูรัสต้องอยู่กับเซเวอรัส  ชั้นจะไปหาลูเซียส ได้ยินมั้ย ชั้นจะไปตามลูเซียส!" ลิลี่พยักหน้า นาซิสซารีบออกไป

    ทั้งหมดเป็นแผนของนาซิสซาเอง  เธอสืบจนรู้ว่าวันนี้เซเวอรัสจะถูกขายให้ใครและที่ไหนเหมือนทุกครั้ง แต่วันนี้เธอเลือกที่จะไม่ขัดขวางมัน แต่แกล้งชวนเรกูรัสไปช่วยลิลี่ขายแซนวิส เธอไว้ใจเค้า เพราะเค้าเป็นคนเดียวที่เก็บความลับได้และเป็นคนที่อ่อนโยน

    เพียงแต่เธอไม่คิดว่าจะได้เห็นอะไรที่น่ากลัวขนาดนี้







    TBC.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×