คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : เผชิญหน้า
"ลูเซียส..."
เสียงที่ดังขึ้นมาทำให้ลูเซียสหันขวับเพียงเพื่อจะพบกันน้องสาวที่ลอยมาจากไหนไม่ทราบชนเข้าอย่างจังจนล้มถลาไปกับพื้น แน่นิ่งไปทั้งสอง ซักพักลูเครเซียก็ลุกขึ้นแล้วทักทายพี่ชายฝาแฝดอย่างร่าเริง
"เจอตัวจนได้ ลูเซียส เป็นห่วงแทบแย่"
ลูเซียสอ้าปากค้างระหว่างที่น้องสาวฉุดประคองขึ้นจากพื้น "เธอมาทำอะไรที่นี่"
"มารับเธอไง"
"มารับ... เธอพาชั้นออกไปได้เหรอ?"
"ไม่รู้สิ" ลูเครเซียมองไปรอบอย่างไม่แน่ใจ และ "ว้าว... มีผู้ชายหน้าเหมือนเจมส์กับเซเวอรัสกำลังกิ๊กกันด้วย แย่จังเลยไม่ได้เอากล้องมา"
มันเป็นพันธุกรรมจริงๆ ด้วย
"นั่นมันโอดินกับโลกิต่างหาก" ลูเซียสบอก
"ว้ายๆๆๆ โลกิรับ โอดินรุก!!!" หลวงแม่ลูเครเซียกรี๊ดกราด
"เดี๋ยวๆ น้องสาว.. เธอเป็นพระนะ" คนเป็นพี่รีบเตือนน้อง ก่อนจะนึกได้อย่างฉงน "เดี๋ยว.. ดูยังไงว่าใครรับใครรุก"
ลูเครเซียหันมามองพี่ชายอย่างอายๆ "แล้วอยากรับทราบไปทำไมยะ อย่าบอกนะว่าพี่ก็..."
ม่ายยยยย!!! จิตใจผมมันแปดเปื้อนไปแล้ว!! จะไปอยากรู้ทำไมว่าใครรุกใครรับ!!!(ภาพลูเซียสตอนนี้เป็นภาพที่เราจะไม่มีวันได้เห็นในแฮร์รี่ พอตเตอร์ภาคปกติ) ผู้นำตระกูลมัลฟอยยกมือขึ้นปิดหน้า ขณะที่น้องสาวฝาแฝดกรี๊ดยิ่งกว่าเดิม(อันที่จริงนี่ก็เป็นภาพพจน์อีกแบบของหลวงแม่ที่ไม่มีใครเคยเห็นนอกจากพี่ชายฝาแฝดเช่นกัน)
"อะไรกัน นี่พี่มีเลือดสีม่วงปนกับเดือดสีแดงแล้วเหรอ!?"
ในโลกแห่งความจริงเซเวอรัสกับเอรีสก็กำลังมองดูใบหน้าไอ้-อีคู่แฝดด้วยความงุงง ทำไมพวกมันทำน่าซื่อบื้อแบบนี้ เจออะไรแปลกๆ ในโลกแห่งจิตรึไง
"นี่... หลวงพ่อ พวกเค้าไม่เป็นไรแน่เหรอครับ" เซเวอรัสชี้หน้าทั้งสองพลางหันไปถามแบบไม่แน่ใจ
"คง... ไม่เป็นไร... มั้ง..." เอรีสตอบ
แม้เอรีสจะเป็นอดีตผู้นำตระกูลมัลฟอย แต่เค้าไม่ได้รับอิทธิพลบ้าจิ้นมาจากตระกูลนี่เลย เช่นเดียวกับอาเทน่า พวกเค้ายังมีจิตใจที่เป็น "ก๊อดริก กริฟฟินดอร์" เต็มร้อย แต่...
หากเป็นเดรโก อะพอลโล่ อาร์เทมีส หรือ ลูเซียสกับลูเครเซียก็ไม่แน่...
คิดแล้วก็สบายใจที่ลูเซียสกับลูเครเซียต้องโดนจับแยกกันเลี้ยง เพราะเกิดให้สองพี่น้องที่มีเลือดจิ้นแหลกมาอยู่ด้วยกัน โลกเวทมนตร์คงไม่ค่อยสงบสุขนัก เพราะแค่ลำพังอัสลันเทียกับไดอาน่าก็ยังจับคนโน่นมาเป็นคู่รักร่วมเพศกับคนนี้และส่งเสริมจินตนาการกันและกันอย่างมีความสุข ผู้ชายและผู้หญิงหลายคนที่เอรีสรู้จักล้วนถูกกระทำชำเราในจินตนาการของทั้งคู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยน้ำมือของบุคคลเพศเดียวกัน
ลองคิดเล่นๆ หากปู่(อัสลันเทีย)ยังมีชีวิตอยู่ และย่า(ไดอาน่า)ก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่บ้านมัลฟอยร่วมกับพี่น้องฝาแฝดของเธอ ชีวิตลูเซียสจะเป็นอย่างไร จะโดนแต่งแต้มจินตนาการขนาดไหน? ยิ่งถ้าน้องสาวก็อยู่ด้วยกันมาแต่เล็กด้วย สองพี่น้องจะจิ้นเตลิดไปไหนอีกบ้างกว่าจะเป็นผู้ใหญ่ เผลอๆ เดรโกที่เกิดมาอาจจะไม่ได้มีแค่เลือดจิ้น แต่อาจจะกลายเป็นพวกลักร่วมเพศไปเลย
เวลานี้ เอรีสรู้ชัดแล้วว่าทำไม "มัลฟอย" จึงต้องมีทายาทแค่คนเดียว หากมีฝาแฝดต้องฆ่าทิ้งให้เหลือคนเดียว หรือไม่ก็ต้องแยกกันเลี้ยง รวมทั้งพี่น้องก็ต้องจับแยกเลี้ยงให้หมด แถม... ทายาทอันดับหนึ่งยังถูกเลี้ยงอย่างเทดทูลให้มีความหยิ่งจองหองไม่คบใครง่ายๆ เพราะจะได้ไม่กระตุ้นต่อมจิ้นอันเป็นรากเหง้ามาแต่บรรพบุรุษ คืออย่างน้อยก็ให้ได้แต่งงานมีทายาทก่อน แล้วจะไปเป็นกิ๊กกับใครก็ค่อยว่ากัน รู้สึกว่าเซเวอรัสที่เป็นแค่เลือดผสมก็เหมือนจะเข้าออกบ้านมัลฟอยง่ายเกินไปหน่อยแล้วนับแต่ลูเซียสขึ้นตำแหน่งผู้นำตระกูล ซึ่งคงเพราะภาพเซเวอรัสกับลูเซียสเป็นอะไรที่สนองสันดานดิบพวกผู้ใหญ่บ้านมัลฟอย
สรุปคือ พฤติกรรมน่ารังเกียจทั้งหมดที่พวกมัลฟอยเสี้ยมสอนให้ลูกหลานเป็นก็คือ ความฉลาดของบรรพบุรุษในการพยายามรักษาไม่ให้ "มัลฟอย" ต้องสูญพันธุ์ไปจากโลกเวทมนตร์นั่นเอง...
"หลวงพ่อ... เป็นอะไรหรือครับ" เซเวอรัสเรียกสติเค้า
"เออ... คิดอะไรเพลินไปหน่อยนะ" เอรีสมองเซเวอรัสพลางคิดไปอีก
จะว่าไป... เซเวอรัสก็ผ่านอะไรมาไม่น้อย(ไหนจะเคยโดนโทรมมาด้วย) ดีจริงๆ ที่ตอนนั้นลูเซียสไร้เดียงสาเกินกว่าจะคิดอะไรแบบนั้น ส่วนลูเครเซีย...
บางทีเธออาจจแอบพอใจลึกๆ ที่มีกรณีเซเวอรัสมาคอยสนองจินตนาการ...
น่ากลัวจริงๆ....
ระหว่างที่สองพี่น้องกำลังจิ้นวายกระจายคูเลอร์ พวกเค้าทั้งสองก็ถูกพรากออกจากสถานการณ์ทั้งหมด ลูเซียสดึงน้องสาวมาแนบอกเมื่ออยู่ในใจกลางพายุ ดวงตาสีเงินมองไปรอบๆ อย่างหาทางออก
ความจริงแล้ว เค้ารู้เต็มอกว่าลูเครเซียแข็งแกร่งกว่าเค้าเยอะด้วยเป็นยอดนักเวทย์สายเพลมิล๊อค แต่ทั้งหมดเค้าทำไปตามสัญชาตญาณที่พี่ชายพึงปกป้องน้องสาว แม้เค้าจะอ่อนแอกว่าน้องก็ไม่ได้แปลว่าเค้าจะรับการปกป้องจากน้อง ใช่... เซเวอรัสเองก็คงเหมือนกัน แม่จะอ่อนแอกว่าลิลี่แต่ก็มีใจมุ่งมั่นที่จะปกป้องเธอ การที่เค้าต้องคอยรับการปกป้องจากเธอคงทำให้เค้าอดสูไม่น้อย เพราะงั้นเค้าจึงได้พลั้งปากออกไป "ยัยเด็กเลือดสีโคลน" อย่างน้อยก็ทำให้โล่งใจบ้าง แม้จะเจ็บปวดแต่ก็ไม่อยากให้เห็นลิลี่มาเห็นสภาพน่าอุบาทว์(ในความนึกคิดเซเวอรัสเอง)แบบนั้น
คนโง่ที่น่าสงสาร...!
"พี่... ชั้นไม่เป็นไรหรอก"
"เงียบน่า ถึงจะเก่งแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิง ทั้งคอ ทั้งไหล่ ทั้งเอวบางกว่าพี่ตั้งเยอะ หากไม่นับพลังเวทย์ล่ะก็ เธอสู้พี่ไม่ได้หรอก"
"นั่นสินะ" ลูเครเซียตอบรับอย่างง่ายดาย เธอแนบหน้ากับอกเค้า
เธอก็แค่ตัวสูงหน่อยแต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะบึกจนไม่ต้องการรับการปกป้อง ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องไปทำเก่งเพื่อที่พี่ชายเธอจะเสียหน้า เพราะยังไงเสียผู้ชายทุกคนก็รู้สึกดีอยู่แล้วที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่พึ่งพาได้(เว้นแต่จะเป็นพวกผิดเพศ) ส่วนผู้หญิงเองก็รู้สึกดีที่ตัวเองดูน่าทะนุถนอมเหมือนกัน(เว้นแต่จะเฟมินิสเต็มที่ หรือทอมเต็มที) เพราะงั้น เธอยอมให้เค้าปกป้องน่ะดีแล้ว
ลูเซียสมองที่ไปที่มาแห่งสิ่งที่กำลังก่อกวน(หรือเจตนาโจมตี)อย่างว้าวุ่น ตาสีเงินกระจ่างเบิกกว้างและกระชับอ้อมกอดตนให้แน่นเมื่อเห็นชัดถึงบางสิ่งที่อลังการ
"นั่นมัน... อะไรนะ"
คำพูดนี้ทำให้ลูเครเซียเงยหน้ามองบ้าง และเธอต้องตกใจไม่แพ้กัน เมื่อมวลพายุที่ห่อล้อมพวกเธอกลายเป็นร่างคน... ร่าง... เด็ก
มันเหมือนกับ....
"แฮร์รี่ พอตเตอร์?" ลูเซียสครางอย่างไม่คาดคิด "เธอมาได้ยังไง"
เด็กชายวัยสิบเอ็ดปีในชุดนักเรียนฮอกวอร์ต ดวงตาในกรอบแว่นสีเหมือนใบไม้ ผมสีดำกระเซิงเผยให้เห็นแผลเป็นรูปสายฟ้า แต่ บางสิ่งสะกิดใจทั้งลูเซียสและลูเครเซีย แฮร์รี่ พอตเตอร์อายุเท่าไหร่แล้ว? สิบสามไม่ใช่เหรอ?
เด็กคนนี้เป็นใคร?
"ใครบางคนใช้ประตูบานนี้เดินทางมาสู่ความทรงจำแห่งปราสาทกาลเวลา แล้วยังทะลวงมาจนถึงประสาทเยื่อหูของข้า ที่แท้คือพวกเจ้านี่เอง" แม้แต่เสียงก็เหมือนแฮร์รี่ พอตเตอร์ "ทายาทของราชวงศ์โพลาลิซ แถม... เป็นเด็กแฝดที่แท้จริงที่มีพลังฝายวิญญานของก๊อดริก กริฟฟินดอร์ไหลเวียนในร่างด้วย"
ทายาทของราชวงศ์อะไรนั่นพวกเค้าไม่สนใจหรอก แต่กล้าดียังไงมาเรียกพวกเค้าว่าเด็กแฝดฮะเจ้าเด็กน้อย พวกเราแก่คราวพ่อแม่แกนะเว้ย!
กับพลังอันน่าสะพรึงกลัว สองพี่น้องหมุนคว้างแล้วตกลงกับพื้น ขณะที่เด็กคนนั้นเหมือนจะชิวๆ ด้วยซ้ำ ลูเซียสลุกขึ้นยืนหมายจะตอบโต้แต่โดนน้องสาวฉุดเอาไว้
"ไม่... ลูเซียส... พี่สู้มันไม่ได้"
"ทำไมจะ--"
ยังไม่ทันที่จะโต้กลับ ลูเซียสก็สัมผัสพลังบางอย่างที่จำให้ร่างกายทั่วร่างตื่นตระหนกได้แล้ว เค้าสั่นสะท้านกับพลังนั้น เมื่อเด็กตัวเล็กๆ เดินตรงมาหา
โดยไม่รู้ตัว ลูเซียสคุกเข่าลงและก้มจนหน้าผากจรดพื้น!
เจ้าหนูนี่มันใครกัน!?
"ลูเซียส... เป็นนามที่ไม่เคยลืมเลย" เด็กชายกระซิบอย่างชื่นมื่น บุตรแห่งกริฟฟินดอร์ที่ยอมตายเพื่อหยุดอะโพคาลิฟ-ฟาคนนี้"
โดยไม่ได้คาดคิด กับการได้ยินนามอันน่าสะพรึงกลัว ลูเครเซียเงยหน้ามองเด็กน้อย และวูบเดียวกับการทำผิดกฎแห่งการเข้าเฝ้าเทพเจ้า เสียงฉับดังขึ้นและลูเซียสที่ยกหัวมองภาพนั้นก็ต้องโดนด้วย วูบเดียวที่ความเจ็บปวดมาเยืยน ศีรษะเค้าก็กระเด็นออกจากบ่าเหมือนกับน้องสาว
สองพี่น้องผวาพรวด มือกุมรอบคออย่างใจหาย พวกเค้าได้กลับมายังโลกแห่งความจริงแล้ว ขณะที่เซเวอรัส สเนปและเอรีส มัลฟอยรวมทั้งพวกบาทหลวงมองพวกเค้าอย่างตกใจ ดวงตาของพ่อที่มองมาบอกว่า "ปลอดภัยแล้ว" แต่เซเวอรัส เหมือนจะรับอะไรมามากเกินจำเป็น เค้าเดินออกจากห้องไปทันที
"เซเวอรัส เป็นไรไป" มัลฟอยคนพี่ร้องตาม แต่ไม่มีการตอบกลับ
"ความกังวลใจ" พ่อบอกเค้า "ตามไปสิ คงมีอะไรที่ต้องคุยกันบ้าง"
ลูเซียสวิ่งตามเซเวอรัสออกไป
"ว้าย... พี่ชายล่ะก็ เป็นคิงก็ไม่บอก นึกว่าเป็นควีนซะอีก"
"ลูเครเซีย... อย่าไปจับคู่ส่งเดชแบบนั้นสิ" เอรีสดุหล่อน
ให้ตายสิ แม้แต่ลูเซียสก็ยังไม่วายถูกกระทำชำเราปูยี่ปู้ยำในจินตนาการเหรอเนี่ย
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เอรีสกังวลใจ เกี่ยวกับหนังสือเล่มนั้น บางทีเค้าต้องจัดการเองกระมัง...
"เซเวอรัส รอก่อน เซเวอรัส โกรธอะไรเนี่ย"
"ไม่ได้โกรธ" เซเวอรัสหันมา แค่เหนื่อยและอยากอยู่คนเดียว
ลูเซียสรู้ว่าอีกฝ่ายพูดความจริง เพราะคนที่กำลังโกรธจะมีน้ำเสียงที่ฟังดูกระชากอย่างชัดเจน แต่เสียงเซเวอรัสตอนนี้ มันฟังดูเหนื่อยๆ และกึ่งๆ จะร้องไห้ เซเวอรัสยกมือปิดหน้าอย่างอ่อนเพลีย
"ไม่รู้จะตอบแทนยังไง" ลูเซียสบอกอย่างซาบซึ้ง
"เรื่องอะไร" เซเวอรัสไม่แน่ใจว่าเพื่อนรักหมายถึงอะไร
"เรื่องที่นายห่วง... จนพามานี่ มาให้พ่อกับลูเครเซีย--"
"ไม่ต้องตอบแทน" เซเวอรัสตัดบท ตาแดงกล่ำ "หากนายเป็นอะไรไปเดรโกจะเป็นยังไง เด็กไม่ต้องการเสียใครไหนหรอก ไม่ว่าพ่อหรือแม่ ไม่อยากเสียใครไปซักคน"
ในประโยคนั้นบอกชัด... 'ชัดไม่สามารถจะเสียพ่อได้ แม้ว่าท่านจะเลวบัดซบเหมือนสัตว์แค่ไหนก็ตาม' ลูเซียสมองดูดวงตาที่แดงกล่ำนั่น สมองเย็นลงอย่างว่างเปล่า สิ่งที่ทำให้เซเวอรัสมีเมตตาต่อคนอื่นก็คือความกลัวที่จะสูญเสียสินะ
หากเซเวอรัสไม่กลัวที่จะเสีย เค้าคงไม่มองเห็นคนที่กำลังจะสูญเสียเป็นตนเอง และคงไม่คิดจะ...
แต่ความคิดนั้นโดนปัดออกไป เค้านึกถึงเซเวอรัสอีกคน คนที่มีดวงตาสีทอง แต่มีผมสีดำและแต่งกายด้วยอาภรณ์สีดำเหมือนกับเซเวอรัสคนนี้
และเค้าก็ดันชื่อลูเซียส ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับเซเวอรัสคนนั้น นี่มันเรื่องแดกดันรึไง?
วันเวลาได้หวนกลับมา ท่ามกลางความท่วมท้นในจิตใจทั้งหมด เหมือนลูเซียสและเซเวอรัสในอดีตได้หวนกลับมาพบกันอีกครั้ง ณ ห้วงเวลานี้ เหมือนพวกเค้าเป็นลูเซียสและเซเวอรัสที่กลับมาเกิดใหม่..
ตอนที่ลูเซียสคนนั้นตาย... เซเวอรัสคนนั้นเจ็บปวดเพียงใด บางทีเซเวอรัสคนนี้ก็คงไม่ต่างกัน
วินาทีนั้นลูเซียสก้มลงกอดเพื่อนรักไว้แนบอก "ไม่ต้องห่วงหรอก ชั้นจะไม่ตายก่อนนาย"
-----------------------------------------
บานประตูเปิดออกพร้อมกับร่างบาทหลวงเอรีสที่ตรงไปยังโต๊ะและหยิบสมุดเจ้าปัญหาออกมา แม้หลังการตายของเลาเรส พอตเตอร์จะทำให้เค้ากลายเป็น "ครึ่งหนึ่งของก๊อดริก กริฟฟินดอร์" แล้ว ไม่ได้เป็นแค่ "หนึ่งในสี่ของวิญญาณทั้งหมดอีกต่อไป แต่เอรีสก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เค้าเทียบพี่สาวฝาแฝดไม่ติด ซึ่งอาจจะเป็นเพราะชั่วโมงบินที่เหนือกว่ามาก หล่อนเป็น "ครึ่งหนึ่ง" มาตั้งแต่แรกเกิดไม่ได้เป็นแค่ "หนึ่งในสี่" เหมือนอย่างเค้า" แถมยังมีความทรงจำในฐานะก๊อดริก กริฟฟินดอร์อย่างเต็มเปรี่ยมด้วย
ที่ผ่ามมาเค้าเป็นเพียงหนึ่งในสิบเท่านั้น
แต่ทว่า... เมื่อเค้าแปรสภาพจากหนึ่งในสี่มาเป็นครึ่งหนึ่ง เค้าก็ตามทันเธอถึงเก้าในสิบ
แต่ตอนนี้เค้าก็พบความจริงว่า "เก้าในสิบที่เค้าตามเธอทัน" นั้นมันเป็นเพียงแค่หนึ่งส่วนที่ "โผล่พ้นน้ำ" แต่อีก "เก้าส่วนที่จมอยู่ใต้น้ำ" นั้นเค้ายังไม่เห็น
เพราะหากเค้าเห็น เค้ารู้นานแล้วว่าอะไรเป็นอะไร!
"พ่อ..." ลูเซียสครางอย่างไม่แน่ใจเมื่อเห็นพ่อเผาทำลายความทรงจำแห่งปราสาทกาลเวลาทิ้งแบบนั้น เอรัสหันมาหาลูก
"หล่อนบอกใช่มั้ยว่าเธอต้องรู้เกี่ยวกับบางสิ่ง คราวหน้าให้ไปที่โบสถ์แล้วพ่อจะบอกเล่าสิ่งที่ความทรงจำแห่งปราสาทกาลเวลาบรรจุไว้ให้เธอรู้เอง"
เรื่องในครั้งนี้ทำให้เอรีสโกรธพี่สาว...
แม้ตอนนี้เค้ากับเธอจะเป็นคนละคน แต่พวกเค้าต่างก็วิญญาณครึ่งหนึ่ง พวกเค้าคือก๊อดริก กริฟฟินดอร์ และลูเซียสก็คือบุตรแห่งกริฟฟินดอร์ ไม่ได้เป็นลูกของเค้าคนเดียวแต่เป็นลูกของเธอด้วย
แล้วเธอกล้าดียังไงให้ลูกมาเสี่ยงอันตรายแบบนี้!?!
ห่างออกไปไกลแสนไกล ผู้หญิงในชุดมักเกิลนั่งดื่มชากับบุตร-ธิดาฝาแฝดอย่างมีความสุข ทายาทของเธอถอดแบบออกมาจากสามีที่ตอนนี้ออกจากอัซคาบันเรียบร้อยแล้ว
และการรายงานก็มาถึง
"เฟรย์บอกว่าพลังที่ประสานรวมกันทำให้อะโพคาลิฟ-ฟาตื่นตัว แม่ทำแบบนี้ไม่กลัวเป็นผลร้ายหรือคะ"
อาเทน่า แบล็กยิ้ม ก่อนจะตอบ "บางทีอาจจะดีมากกว่า เพราะหากอะโพคาลิฟ-ฟาตื่นในเวลาที่เราไม่อยู่แล้ว เราไม่อาจจะทำอะไรได้เลย อาร์เทมีส เราอาจจะเป็นคนกลุ่มสุดท้ายแล้วที่กล้าท้าทายเทพเจ้า"
เพราะหลังจากนี้จะไม่มีใครทำหน้าที่นี่อีก...
"เซเวอรัสกลับไปที่ฮอกวอร์ตแล้ว ท่าทางไม่เหมือนตอนที่วิงวอนให้ลูปินช่วยลูเซียสเลย" อะพอลโล่ว่า
"เพราะเซเวอรัสเกลียดพวกตัวกวนที่สุด" อาเทน่าหัวเราะ "ยิ่งเค้าไม่ได้พึ่งพาพวกตัวกวนด้วย หมดเรื่องเพื่อนไปแล้ว ก็คงกลับสู่โหมดปรปักษ์เหมือนเดิม อา... จันทร์เจ้าที่น่าสงสาร"
"แม่... เซเวอรัสไม่สะอาดพอ... แล้วเค้ายังจะเป็นคนสำคัญอีกเหรอ" อาร์เทมีสกังขา
เครื่องสังเวยบริสุทธิ์ต้องโดนตัดศีรษะ... อาเทน่ามองภาพคำทำนายอย่างเศร้าๆ แม่จะน่าสงสารแต่ก็จำต้องเลือก ยังไงซะวิญญาณก็ยังเกิดใหม่ทดแทนกันได้
"เมื่อเวลานั้น..." อาเทน่ามองไปไกลลิบ "เราจะสร้างเซเวอรัสคนใหม่เพื่อนำมาเป็นเครื่องสังเวย"
TBC.
ความคิดเห็น