ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Harry Potter fanfic:- พลิกตำนานปราสาทกาลเวลา

    ลำดับตอนที่ #17 : คำสัญญา

    • อัปเดตล่าสุด 10 มิ.ย. 55


    นี่คือเรื่องที่บ้าบอที่สุดในโลก ตรงหน้าเค้าคือเซเวอรัส เรวิน ฮัฟเฟิลพัฟ!?

    ภาพรอบตัวหายไปแล้ว เห็นแต่ชายชุดดำกับความมืด ตาสีทองสุกสกาวราวกับดวงดาว

    "เจ้าไม่ใช่ลูเซียสนี่... เจ้าเป็นใคร"

    ไม่ใช่ลูเซียส... อย่าพูดบ้าๆ นะ ก็เค้านี่แหละคือลูเซียส มัลฟอย!

    เอ๊ะ!? เดี๋ยวสิ! ชายคนนี้ไม่ได้ถามถึงเค้าหรอกน่า!

    "ผม..." ลูเซียสตั้งสติ "ผมชื่อลูเซียส มัลฟอย"

    "มัลฟอยเหรอ... แต่มัลฟอยไม่ได้เกี่ยวพันธ์อะไรกับก๊อดริก กริฟฟินดอร์ไม่ใช่รึไง"

    "ผม... เป็นลูกชายของเอรีส มัลฟอย... พ่อผมมีพี่สาวฝาแฝดคืออาเทน่า มัลฟอย..."

    "เอรีส... อาเทน่า... เข้าใจล่ะ บุตรทางตรงของกริฟฟินดอร์ผ่านทางวิญญานนี่เอง.. แล้วพอดีเจ้าชื่อลูเซียสก็เลยเข้ามาในนี้ได้"

    "ที่นี่.. ที่ไหนกันครับ"

    "โลกแห่งจิตล่ะมั้ง"

    "โลกแห่งจิต!"

    "โลกสำหรับคนที่มีจิตใจขมุกขมัว"

    "ทำไงผมถึงจะออกไปได้"

    "ไม่มีทางออกได้หรอก"

    "ไม่มีเหรอ!? ไหงเป็นงั้นล่ะ!"

    "ขนาดเข้ามายังไงยังไม่รู้ อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วจะออกไปได้ยังไงกันล่ะ"

    ความกลัวจับเข้าทุกอนูของลูเซียส เค้ามองไปรอบๆ และเห็นแต่สีขาวโพลน วูบหนึ่ง! เค้ามองเห็นรถไฟวิ่งสวนไป และบางสิ่งที่ข้างทางรถไฟ แม่มดชุดดำกับชายคนหนึ่งที่นอนอยู่

    "ไม่ควรเลย! ชั้นไม่น่าทำอะไรตามใจชอบเลย! ขอโทษนะเซเวอรัส... ชั้นขอโทษ!"

    กับเสียงร่ำไห้ เค้าเห็นเซเวอรัส เรวิน ฮัฟเฟิลพัฟยกมือขึ้นแตะที่ท้องของเธอ "เธอทำเพื่อให้เค้าได้เกิดมาไม่ใช่เหรอ... ไม่ต้องขอโทษหรอก"

    ขณะที่กำลังงุงงกับภาพตรงหน้า บางสิ่งกระเด็นจากทางรถไฟพุ่งตรงมายังเค้า ก่อนที่จะทันเห็นว่าเป็นอะไร วูบหนึ่งนั้น! ลูเซียสเห็นลูเครเซียกระโดดเข้ามาบังเค้าไว้!?

    "ลูเคร---!?"

    ลูเซียสสะดุ้งตื่น เค้ามองไปรอบๆ ก่อนจะถอนใจและพูดเบาๆ "ฝันไปแฮะ" แต่ก็ต้องพิศวงเพราะมันออกมาพร้อมๆ กับเสียงของผู้หญิง เค้ามองไปข้างๆ และเห็นลูเครเซีย จำได้แล้ว เธอนอนข้างๆ เค้าเมื่อคืนนี้

    ลูเครเซียเข้ามาในความฝันเค้าเหรอ... นี่มันบ้าชัดๆ!?!










    "ผมต้องไปแล้ว พ่อ รักษาสุขภาพด้วย"

    "ไม่เป็นไรหรอก ดูแลตัวเองดีๆ หน่อยแล้วกัน"

    ลูเซียสมองไปรอบๆ เค้าอยากจะลาเซเวอรัสซะหน่อย แต่คงไม่ดี เพราะยังไงเค้าก็ไม่ได้เจอเซเวอรัสนานๆ ทีเหมือนเจอพ่อกับน้องสาว ลูเซียสกอดลูเครเซียไว้แล้วจูบลาน้องสาวของตัวเองที่หน้าผากของเจ้าหล่อน ใบหน้าที่เหมือนเค้าราวกับภาพพิมพ์ดูเปล่งประกาย

    "ชั้นคงคิดถึงเธอมาก... ทำไมเราอยู่ด้วยกันเหมือนพี่น้องทั่วไปไม่ได้นะ"

    "ไม่เป็นไรหรอก พี่ชาย.. วิญญาณของเราเป็นหนึ่งเดียวกันไม่ใช่เหรอ"

    ในที่สุด ลูเซียสก็ยอมจากไป ลูเครเซียมองดูเค้าจนกระทั่งลับสายตา ซักพัก เอรีสก็ถาม "รู้สึกว่าลูกกับพี่ชายของลูกจะมีความฝันที่เชื่อมต่อกันแล้วนะ"

    "ค่ะ... เมื่อคืนนี้หนูเข้าไปในความฝันของลูเซียสได้"

    เอรีสจับคางอย่างครุ่นคิด... รึสุดท้ายแล้ว อนาคตของการกอบกู้โลกจากอะโพคาลิฟ-ฟา ทั้งคู่จะเป็นกุญแจสำคัญของความสำเร็จไปจริงๆ"
    **********************************************

    เวลาผ่านไปนานพอสมควร หลังจากพบและพูดคุยกับเซเวอรัส เรวิน ฮัฟเฟินพัฟแล้ว เค้าไม่ได้เข้าไปดูในความทรงจำของปราสาทกาลเวลาอีก และแม้จะเป็นเช่นนั้น มันก็ไม่มารบกวนเค้าอีกเช่นกัน สงสัยว่าพ่อคงจะทำอะไรบางอย่างระหว่างที่เค้าหลับ แน่นอน การที่ลูเครเซียเข้ามาในความฝันได้ย่อมไม่ใช่เรื่องธรรมดา

    พ่ออาจจะทำอะไรกับเค้าจริงๆ

    แล้วเค้าควรทำตามที่พ่อแนะนำด้วยใช่มั้ย โดยการจัดการลอยแพสมุดบันทึกของจอมมารไปที่ฮอกวอร์ต เห!? นี่เค้าคิดบ้าอะไรเนี่ย มันเหมือนกับสัญญาปีศาจในบันทึกของพ่อมดศาสตร์มืดโบราณเลยไม่ใช่เหรอ!?

    แต่ความผิดชอชั่วดีมันหายไปเสมอ เมื่อเจอวิสลี่ย์อยู่กับพวกมักเกิ้ล ลูเซียสเข้าไปทักทาย จดจำพวกมันไว้ แล้วก็ฝากสมุดบันทึกของจอมมารไว้กับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เจนนี่เวร่า วิสลี่ย์!

    ลาก่อนจอมมาร ลาตลอดกาล อย่าได้ลอยกลับมาอยู่กับเค้าอีกเลย...

    ตอนนี้บันทึกของปราสาทกาลเวลาก็ไม่รบกวนเค้า บันทึกของจอมมารก็ไม่มี นี่น่าจะเป็นวันที่ดีที่สุดในโลกของลูเซียส

    ถ้าไม่ใช่เพราะชายคนหนึ่งที่เงียบจนขนลุกเดินผ่านมา!

    "เซเวอรัส! หน้านายไปโดนอะไรมากน่ะ!"

    "สวัสดี ลูเซียส ไม่เจอกันนานเลยนะ"

    "เรื่องนั้นชั่งกันก่อนเถอะ หน้านายไปโดนอะไรมา!?"

    "หกล้ม หัวฟาดขอบประตู" เซเวอรัสตอบราวกับไม่แยแส "ไม่เป็นไรมาก"

    "คงไม่ใช่เพราะพ่อนายหรอกนะ!"

    "เปล่า..."

    โกหก!

    ลูเซียสจับเซเวอรัสหันมาประจัญหน้า "เซเวอรัส" เสียงของเค้าจริงจังมาก "หน้า-นาย-ไป-โดน-อะไร-มา!"

    ดวงตาสีดำหลุบลงอย่างเศร้าสร้อย "พ่อเอากระทะฟาดหัวชั้นนะ ชั้นเลยเซไปโดนขอบประตูครัว"

    "ทำไมต้องรุนแรงขนาดนั้นด้วย!" ลูเซียสไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน เค้าเอามือลูบหลังศีรษะแล้วเจอกับส่วนที่ปูดโน "มันเกิดอะไรขึ้น!"

    "ชั้นเชคประวัติกิลเดอรอย ล๊อคฮาร์ทจนเลยเวลากลับบ้านน่ะ พอไม่ได้บอกเค้า เค้าก็เลยโกรธเหมือนทุกทีนั้นแหละ ดีนะที่กระทะเป็นกระทะที่ยังไม่เอาขึ้นเตา ไม่งั้นผมชั้นอาจจะหายไปครึ่งหัวเลยก็ได้ถ้าเจอกระทะร้อนๆ น่ะ" เซเวอรัสทำราวกับมันเป็นเรื่องขำขัน แต่สำหรับลูเซียส มันไม่ขำแม้แต่น้อย

    เซเวอรัสคุ้นชินกับการทำเรื่องเครียดให้เป็นเรื่องตลก จนเข้าข่ายตลกร้ายไปแล้ว แต่กับคนที่ไม่ได้อยู่ในความเครียดเช่นนั้น นี่มันไม่ขำแม้แต่น้อย

    "ไปบ้านชั้นมั้ย"

    "ไปทำไม"

    "ชั้นจะให้นาซิสซาดูแผลให้นาย นายคงไม่อยากไปที่ฮอกวอร์ตโดยที่พวกนักเรียนตั้งคำถามว่าหัวศาสตราจารย์สเนปไปโดนอะไรมาแน่ จะได้เป็นที่สมน้ำหน้าเปล่าๆ เพราะนายไม่ได้เป็นที่ชอบใจของเด็กๆ ส่วนใหญ่นี่นา"

    "ขอบคุณครับ ลูเซียส"

    คำพูดนั้นชั่งสุภาพเหลือเกินจนลูเซียสรู้สึกประหลาด...!











    "ใครคือล๊อคฮาร์ท"

    "อาจารย์สอนป้องกันตัวจากศาสตร์มืดคนใหม่"

    จริงสิ... หมอนี่หมายตำแหน่งไว้นี่นา!?

    "แล้ว มันมีปัญหาอะไรรึเปล่า"

    "มี... หมอนี่มันไม่ได้เรื่อง"

    "อ้าว! แล้วดัมเบิลดอร์จ้างมันมาทำไม?"

    "ก็มีแต่มันที่มาสมัครไง"

    ลูเซียสรู้สึกปวดหัว ถ้ามันหาคนดีๆ ไม่ได้ทำไมไม่ขอจากกระทรวงเลยล่ะ ทำหนังสือไปก็ได้นี่ หรือไม่ตัวเองก็ลงไปสอนเองเลยก็ได้ถ้าไม่อยากให้เซเวอรัสได้ตำแหน่ง!

    เหมือนกับที่เอรีสว่านั่นแหละ ชอบทำยังก่ะว่าโลกนี่กูเก่งอยู่คนเดียว น่าหมั่นไส้จริงๆ ด้วย!

    นาซิสซาล่ะมือที่อ่อนโยนออกจากแผลของเซเวอรัส "ไม่เกินสองวันมันก็จะหายสนิทไม่ทิ้งรอยแผลเป็นเลย"

    "ขอบคุณมากนะ นาซิสซา"

    "ไม่เป็นไร"

    "คงไม่รีบกลับใช่มั้ย เดี๋ยวชั้นไปเอาขนมกับชามา รอก่อนนะ"

    "อืม... ขอบคุณมาก"

    นาซิสซามองลูเซียสอย่างมีความหมาย เค้าลุกขึ้นและตามนาซิสซาไป... เมื่ออยู่ตามลำพัง นาซิสซาก็พูดขึ้น

    "สังเกตมั้ยว่าแผลของเซเวอรัสหายช้ากว่าปกติ"

    "ก็ไม่หายช้านี่"

    "เมื่อก่อนน่ะใช่นะลูเซียส เพราะเค้าไม่สามารถปรุงยาสำหรับทาแผลเองได้เนื่องจากกลัวและเกรงใจพ่อผู้ชิงชังเวทมนตร์ แต่จากวันนั้นถึงมันนี้มันต่างกันมากแล้ว สำหรับพ่อมดระดับเซเวอรัสไม่ต้องปรุงยาแล้วด้วยซ้ำ แค่ยกไม้กายสิทธิ์ก็พอแล้ว"

    "จริงสินะ... ทำไมกัน"

    "เพราะมันเป็นเรื่องของจิตไง"

    "จิต!?" ลูเซียสตะลึง

    "ใช่ จิต... เพราะมันเกิดส่งผลกระทบให้เกิดบาดแผลทางใจด้วยน่ะ แม้มักเกิ้ลจะไม่สามารถใช้ความคิดทำร้ายคนจนเกิดบาดแผลมากมายได้โดยตรง แต่ความคิดก็ทิ้งรอยแผลได้ล้ำลึกยิ่งกว่าเวทมนตร์ใดๆ บางทีถ้าถอดเสื้อผ้าออกอาบน้ำ เรื่องกายของเซเวอรัสคงมีรอยช้ำเต็มไปหมดก็ได้

    ภายใต้ความเย็นชาสีดำนั่น มีอะไรซ่อนอยู่มากมาย!

    เจ้านั่นเคยพูด 'ความรักคือการสิ้นหวัง' สินะ!?

    ตอนนั้น....

    ......................................................

    .........................

    ---เรกูรัสบอกว่านายปฏิเสธ! ทำไมต้องขัดขืนด้วยในเมื่อเราพยายามจะช่วยนาย!---

    ---ช่วยเหรอ! ชั้นไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคนที่เราก็รู้ว่าใครหรอกนะ!---

    ---แต่เค้าจะเปลี่ยนนาย! ดัมเบิ้ลดอร์ไม่สนใจแต่จอมมารสน! นายจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้แน่!---

    ----ชั้นไม่ต้องการที่จะเปลี่ยน.... เปลี่ยนเพื่ออะไร! เพื่อที่จะได้หันไม้กายสิทธิไปหาพ่อตัวเองเหรอ!? ชั้นไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหรอก!---

    ---ชั้นก็มาเพื่อจะเห็นกับตาว่านายจำเป็นต้องเปลี่ยนมั้ย--- ลูเซียสยังจดจำมันไม่ เมื่อเห็นรอยช้ำสีม่วงเข้มที่กระจายไปทั่วทั้งตัว ---นาซิสซาพูดถูก....--- ทำไมตาเค้ามันร้อนมากขนาดนี้ ทำไมกลั้นน้ำตาไม่ได้ ---นายบอบช้ำทั้งตัว!---

    ต่อหน้าของลิลี่ เซเวอรัสทุบตีลูเซียสเพื่อขับไล่ไปให้พ้น วันนั้นมีแต่คนร้องไห้ แม้ลิลี่จะยังเข้มแข็ง แต่เค้ามั่นใจว่าเธอจะต้องร้องไห้ เซเวอรัสอาละวาดอย่างบ้าคลั่ง เพราะถ้าจะมีใครซักคนที่เค้าไม่ต้องการให้เห็นที่สุดก็คือลิลี่ ลิลี่เท่านั้นที่จะต้องไม่สังเกตเห็นว่าเค้าน่าสมเพซเพียงไร ---ออกไป! ออกไป! ชั้นไม่ต้องการเห็นหน้านายอีกแล้ว!--- ลูเซียสไม่มีทางเลือก

    ตอนนั้นเค้าเลือกไปให้พ้นหน้าเซเวอรัส

    แต่ไม่ได้ไปจริงๆ

    เค้าอยู่ที่ด้านหน้าประตู ฟังคำปลอบโยนที่แสนหวานอย่างที่ทำให้เค้าไม่มีวันเชื่อว่าเธอจะทิ้งเซเวอรัสไปแต่งกับเจมส์

    ---ทั้งหมดไม่ใช่เรื่องจริง---

    นั่นคือสิ่งที่น่าเศร้าที่สุด ในการสนทนาเซเวอรัสกับลิลี่ มีเพียงเสียงของเซเวอรัสเท่านั้นที่เค้าสามารถจดจำมันได้

    ---ทั้งหมดไม่ใช่เรื่องจริง เพราะงั้นชั้นถึงทนได้--- กับเสียงสะอื้นที่ทำให้ใจคนฟังห่อเหี่ยว ---แม้เค้าจะเป็นแบบนั้น  แต่เค้ารักชั้น  เค้าอาจจะปากแข็งและแสดงออกอย่างรุนแรง  แต่เค้ารักชั้น  ถ้าชั้นไม่อยู่กับเค้าและปกป้องเค้าใครจะทำ  เพราะงั้น... ชั้นถึงทนได้  เมื่อชั้นเรียนจบและมีงานทำ  ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป  ชั้นจะไม่ต้องเป็นโสเภณีอีก  และชั้นจะดูแลเค้า---

    พอที... พอได้แล้ว...

    ---ความรุนแรงน่ะ  ยังไงก็ต้องหยุด  เพราะถ้าไม่หยุดก็มีแต่ตายเท่านั้น--- และเสียงทอดถอนใจ ---บางทีความรักของชั้นมันอาจจะหมายถึงการสิ้นหวังก็ได้---

    พอได้แล้ว....

    .................................

    ........................................................

    "ว่าแต่..." เสียงที่ดังขึ้นอีกครั้งของนาซิสซาปลุกให้ลูเซียสตื่นจากภวังค์ "หมู่นี้ด๊อบบี้หายไปไหนนะ"










    ไหนว่ามันจบแล้วไง...!?

    ไม่สิ มันไม่ได้จบหรอก มันแค่พักไปชั่วครู่...!!

    ลูเซียสนั่งขัดสมาธิอยู่บนเก้าอี้โซฟา มองดูเด็กแฝดสองคนเล่นอย่างสนุกสนาน ไม่ค่อยสนใจสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวเท่าไหร่เลย ขณะที่ดัมเบิลดอร์ผมสีน้ำตาล(ทำไมไม่เรียกดัมเบิลดอร์วัยหนุ่มฟะ!?)เรียกชื่อแต่ละคนออกไปสวมหมวกคัดสรร จนมาถึงอักษร 'M'

    "มัลฟอย, อาเทน่า!" เด็กผู้หญิงที่ดูราวกับกับเดรโกแต่มีผมที่ยาวกว่าเล็กน้อยวิ่งไปนั่งที่เก้าอี้ และทันทีที่หมวกคัดสรรลอยเหนือหัวโดยไม่ทันได้แตะแม้แต่น้อย มันก็ประกาศด้วยเสียงที่ยินดีที่สุุดเท่าที่เคยได้ยิน

    "กริฟฟินดอร์!"

    "มัลฟอย, เอรีส!" ดัมเบิลดอร์ประกาศเมื่ออาเทน่าลุุกจากเก้าอี้ไปนั่งรวมกลุ่มกับเด็กกริฟฟินดอร์ที่โต๊ะ

    คราวนี้มีอะไรแปลกๆ

    ลูเซียสได้ยินเสียงของหมวกคัดสรรทั้งที่มันไม่ได้อ้าปากแม้แต่น้อย...

    "เธอก็เหมือนกับเด็กผู้หญิงเมื่อกี้ พลังและวิญญานของกริฟฟินดอร์ไหลวนอยู่ภายในตัวอย่างน่าอัศจรรย์!? เหมือนโดยบังเอิญเหรอ! หรือว่าพวกเธอคือกริฟฟินดอร์ที่กลับชาติมาเกิด!?"

    "ต้องไปสลิธีรีนเท่านั้นนะ" เอรีสพึมพำ

    "ได้เหรอ!? ท่านก่อตั้งบ้านกริฟฟินดอร์! จะไปอยู่สลิธีรีนได้เหรอ!?"

    "ข้าต้องไปสลิธีรีนเท่านั้น หมวกคัดสรร! ข้ามีภาระกิจ!!"

    "ได้.. ได้... สลิธีรีน!"

    กับการถอนใจอย่างโล่งอก อาเทน่าก็ถอนใจเช่นกัน เอรีสวิ่งไปที่โต๊ะของสลิธีรีน เค้าเห็นเลาเรสวัยเด็กยิ้มเยือนด้วย

    ...ดูคล้ายย่าไดอาน่าแฮะ...

    การคัดสรรดำเนินต่อไปจนถึงอักษร 'P' เลาเรส พอตเตอร์ถูกส่งไปบ้านกริฟฟินดอร์

    ฉากเปลี่ยนไป... ในห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่ อาเทน่าเดินเข้ามาตามลำพัง...

    "ชั่งเงียบงันอะไรอย่างนี้นะ!" ลูเซียสรำพึง

    "ศาสตราจารย์กริฟฟินดอร์" หมวกคัดสรรทักทาย

    "ยังจำข้าได้!?" เหมือนจะไม่ตกใจเท่าน้ำเสียง

    "ใช่... จะลืมเลือนเจ้าของเดิมได้อย่างไร... นายท่าน! ข้าดีใจที่ได้พบท่านอีกครั้ง!"

    "ขอเวลาตามลำพังได้มั้ย"

    โดยไม่พูดมาก อาเทน่าหยิบหมวกขึ้นมาใส่  พาลูเซียสดิ่งลงในความทรงจำของกริฟฟินดอร์...!

    เรื่องเหลวไหลอะไรกันเนี่ย!? ความทรงจำซ้อนความทรงจำเหรอ!!

    ภาพที่ปรากฏ คือลูเซียส กริฟฟินดอร์ในวัยเด็ก วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ ทั้งหมดเปล่งประกายอย่างมีพลังก่อนจะเปลี่ยนเป็นความสิ้นหวัง คราวนี้เซเวอรัส เรวิน ฮัฟเฟิลพัฟก็อยู่ที่นั้น มองเพื่อน ในสภาพใกล้ตาย ในอ้อมแขนของก๊อดริก

    นี่คือความทรงจำอันแสนเจ็บปวด!?

    แต่ทำไม!?

    "อย่า.... ไห้"

    "หา" ก๊อดริกได้ยินเสียงลูกไม่ชัดนัก

    "อย่าร้องไห้เลย... พ่อ..."

    "ลูเซียส! เด็กโง่!"

    "คนเราทุกคนเกิดมาก็ต้องตาย! ไม่มีใครหนีความตายพ้น ทั้งหมดเป็นโดยสภาพของมันอยู่แล้ว.. ดูสิ... เซเวอรัส... หน้าเจ้าเปื้อนไปด้วยน้ำตา... ทั้งที่มันสวยงามมาก... เพราะฉะนั้น... อย่าร้องไห้อีกเลย"

    "ขอข้าร้องไห้แค่วันนี้ แล้วข้าสัญญาว่าจะเข้มแข็ง! จะหัวเราะในส่วนของเจ้าด้วย!"

    "เพื่อนเอ๋ย... เจ้าเชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิดมั้ย!?"

    "เชื่อสิ..."

    ลูเซียส เกรนเดล กริฟฟินดอร์จับมือของเซเวอรัส เรวิล ฮัฟเฟิลพัฟไว้ พวกเค้าชื่อเหมือนกัน กับลูเซียส มัลฟอย และเซเวอรัส สเนป ราวกับเป็นเรื่องเย้ยหยัน หรืออาจจะแค่ประชดแดกดัน! แต่มันก็ทำให้ไม่อาจจะถอนสายตาได้

    "ชาติหน้าขอให้เราเป็นเพื่อนกันอีกนะ"

    "แน่นอน ตลอดไป"

    "ร้องเพลง"

    เสียงแหบแห้ง ขอเป็นครั้งสุดท้าย ก๊อดริกพยักหน้า

    บทเพลงเริ่มต้น...

    ---ทุกสิ่งเริ่มในวันหนึ่ง  เทพโอดินเคลื่อนพลไปยังแคว้นอุดกัลล์
    โลกิอยู่ที่นั้น พวกเขาพบกันและถูกชะตา!
    คำสาบานด้วยเลือด พวกเขาทั้งคู่จะรักใคร่ผูกพันธ์ดั่งพี่น้อง
    โอดินรู้คำทำนาย แต่ความรู้สึกมีพลังยิ่งกว่าความหวาดกลัว!
    โลกิเป็นยักษ์รูปงาม อยู่อย่างสง่าในแอสการ์ดของทวยเทพ
    โอดินคือมหาเทพ ปกครองโลกทั้งเก้าด้วยเมตตาธรรม
    แต่โอดินนั้นรู้ สักวันหนึ่งแร็กนาร๊อคจะมาเยือน
    และเมื่อถึงตอนนั้น พวกเขามีชะตากรรมที่จะห้ำหั่นกัน!
    เคยนึกสงสัย ว่าถ้าเทพตายแล้วจะเป็นเช่นไร?
    เทพกลับชาติมาเกิดหรือไม่ กลายเป็นความสงสัยไม่คลาย
    เพียงแต่อยากอธิฐาน ถ้าเราสามารถเกิดใหม่ได้!
    ไม่ขอเป็นเทพ ไม่ขอเป็นยักษ์
    เราจะเป็นเพื่อนกัน!
    โอดินกับโลกิจะกลับมาเป็นเพื่อนกัน!---

    นั่นคือบทเพลงเก่าแก่ คำสาบานของโอดินที่เป็นมหาเทพและโลกิที่เป็นยักษ์น้ำแข็งเหมือนเป็นเรื่องเย้ยหยัน เพราะในช่วงหนึ่ง มีคนสองคนที่สนิทกันราวกับเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ก่อนจะเกิดมามีชื่อนี่

    โอดินกับโลกิ!

    "ลาก่อนลูเซียส" เซเวอรัสกระซิบ "พบกันชาติหน้าขอชั้นเป็นฝ่ายตายก่อนนายนะ!"

    ลูเซียส มัลฟอยถอนใจ คำขอบ้าๆ แบบนี้ก็มีด้วย!

    ถ้าเค้าตาย จะได้ไปอยู่ในวัลฮัลลาเหมือนเทพนิยายของนอร์ธรึเปล่านะ!?







    TBC.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×