ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Harry Potter fanfic:- พลิกตำนานปราสาทกาลเวลา

    ลำดับตอนที่ #11 : ความรักกับการปลอบโยน

    • อัปเดตล่าสุด 30 มี.ค. 55


    ช่วงนี้ผมอัพช้าเพราะเป็นช่วงสอบครับ


    ดัมเบิลดอร์ตะลึงเมื่อมองดูคนตรงหน้าชัดๆ อีวาน โรเซีย, ชายผู้นั้นดูตกใจไม่แพ้กัน เค้าคิดว่าเค้าจะกัดใครกัน!? ขณะที่พยายามหลบหนี ดัมเบิลดอร์พยายามอย่างยิ่งที่จะจับ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เซเวอรัสดูจะสำคัญกว่า เค้าหวนกลับมาดูแลบาดแผลของชายหนุ่มที่ลมหายใจรวยรินเต็มที  โดยไม่รู้ว่าผู้เสพความตายที่ชื่ออีวาน โรเซียจะตายหลังจากนั้นไม่นาน

    แต่ด้วยมือของใครไม่รู้!?

    "เซเวอรัส! เธอตายไม่ได้! เธอสัญญาว่าจะอยู่เพื่อปกป้องแฮร์รี่! เธอตายไม่ได้!"

    อีกด้าน  อีวาน โรเซียที่พยายามหนีหันกลับไปมองอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองรอดพ้น  แม้จะแปลกใจที่คนที่มาไม่ใช่คนที่เค้าคิด

    ความเจ็บปราดที่อก  นั่นไง คนที่เค้าตั้งใจดักดันมาอยู่นี่ โรเซียก้มลงมองไม้ที่แทงอกทะลุและมองดูคนที่ทำ

    "เด็กคนนั้นเป็นคนสำคัญของอนาคต แกไม่น่าทำเลยนะ" คนๆ นั้นพูด

    "ว่าแล้วว่าแกยังไม่ตาย! อาเทน่า มัลฟอย!"

    แต่ก่อนจะทำอะไรได้ ร่างของเค้าก็ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ โดยคนอีกคน

    "โหดไปหน่อยนะไลชา... นึกว่าจะทำอะไรกับหมอนี่ก่อนค่อยฆ่าซะอีก" คนข้างๆ เตือน

    "ตายจริง เอมิเรีย คนพรรค์นี้ข้าไม่เอามาทำพันธุ์หรอกย่ะ!"

    "ทำพันธุ์ พูดไปได้ เจ้าเป็นผู้ชายไม่ใช่รึไง"
    ---------------------------------------------

    เซเวอรัสไม่มีคำพูดมากมายเกี่ยวกับการที่เค้าต้องมานอนข้างๆ ลูเซียสในโรงพยาบาลเซนต์มังโกล พวกเค้านอนเคียงข้างกันอยู่ไม่นานนักกว่าก็ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ ลูเซียสกลับก่อน แล้วก็เค้าในอีกสองเดือนถัดมา

    "ปีศาจสเนปกลับมาแล้ว!" นั่นคือถ้อยคำที่ดังไปทั่วทั้งฮอกวอร์ตเมื่อเค้ากลับมาถึงวันเปิดภาคเรียนของเทอมที่สอง ซึ่งเค้าไม่ค่อยประหลาดใจสำหรับฉายาปีศาจ เพราะเค้าค่อนข้างเป็นอาจารย์ที่โหดพอตัว

    ความจริงมันก็ไม่มีอะไรมาก  เค้าโหดเพราะความว้าวุ่นใจเรื่องความปลอดภัยของลิลี่ และมาคราวนี้ ไม่มีเหตุผลที่จะลดความโหด เพราะแบบนี้น่าจะดีกว่า พวกเด็กๆ จะได้ตั้งใจเรียน

    ระหว่างที่เค้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล เค้าได้ข่าวเรื่องการถูกจับกุมโรโดฟัด เลสแสตงจ์และเบลลาทริกซ์-ภรรยาพร้อมด้วยบาร์ตี้ เคร้าซ์ จูเนียร์ และอีกคน ซิเรียส แบล็ก!

    "ชั้นเข้าใจความรู้สึกของเธอ แต่ชั้นไม่สามารถให้เธอไปพบแบล็กได้หรอกนะ!" นั่นคือคำตอบของดัมเบิลดอร์ผู้ห่วงใยเค้ายิ่งนัก สิ่งที่เซเวอรัสทำหลังจากคำพูดนั้นคือล้างหน้าในห้องน้ำแล้วเอามือชกกระจกสุดแรงจนมันแตกออก และมือของเค้าก็โชกเลือดเพราะกระจกบาด แต่ไม่เจ็บแม้แต่น้อย

    "กรี๊ดดดด! เลือด! เลือด! กรี๊ดดด!" เสียงกรีดร้องแสบแก้วหูของเมอร์ทิลจอมคร่ำครวญทำให้สติแตกยิ่งกว่าเดิมและเกือบจะร่ายคำสาปใส่ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ถ้าไม่ใช่เพราะ

    "ศาสตราจารย์สเนป! นั่นมือเป็นอะไรครับนั่น!"

    เป็นอากัส ฟิลซ์ที่โผล่มา เมื่อก่อนเป็นคนที่เค้าไม่ค่อยถูกโรคด้วยนักเพราะหาเรื่องเล่นงานลิลี่อยู่ตลอด(ลิลี่ชอบแหกกฎประจำ) แต่เวลานี้กลายเป็นคนที่ญาติดีกับเค้ายิ่งนักด้วยเหตุผลพื้นๆ หมอนี่มันซาดิสต์ ชอบเห็นคนอื่นเจ็บปวด และการที่เค้าโหดกับนักเรียนก็เป็นการสนองตัญหาซาดิสต์ของหมอนี่เป็นอย่างดี สเนปมองดูมือที่ดูไม่ค่อยดีนักของเค้าและฟิลซ์ก็เข้ามาพร้อมกับภรรยา(ขอโทษ-- อันที่จริงมันคือคุณนายนอริส-- แมวของเค้านั่นเอง)

    "ไม่นิ ฟิลซ์  ผมสบายดี"

    แต่กระนั้นก็ดี ฟิลซ์ดูแลแผลที่มือของเค้าอย่างปราณีต ทำให้เค้านึกได้ว่าบางครั้งคนเราอาจจะร้ายกาจ แต่ก็มีด้านดีๆ บ้างเหมือนกัน เค้าเองก็ต้องมีชีวิตอยู่ให้ได้เพื่อปกป้องแฮร์รี่เมื่อถึงเวลา ทั้งหมดก็เพื่อลิลี่ไม่ใช่รึไง!?








    ลูเซียสมายืนอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังของปราสาทแห่งหนึ่ง ดวงตาสีเทาเงินกวาดไปรอบๆ อย่างสงสัยว่าคราวนี้บันทึกต้องการพาเค้ามาดูอะไร จากนั้นแสงสีเขียวและสีเงินพุ่งทะลุร่างของเค้า ลูเซียสหันมาพบกับการต่อสู้ของพ่อมดศาสตร์มืดกับชายผู้หนึ่งที่คล้ายเจมส์และตัวเค้าในตอนนี้ แต่คนที่คล้ายเจมส์มีดวงตาสีฟ้าและคนที่คล้ายเค้ามีผมสีทอง เค้ารู้ทันทีว่านั่นคือโอดินกับพอตเตอร์คนที่เป็นปู่ของเจมส์และพ่อของเลาเรส

    มือปราบมาร, ลูเซียสบอกได้ไม่อยากเย็น!

    ภาพเปลี่ยนแปลงไป เป็นงานฉลองชัย จากที่ฟังจากที่พูดกัน พวกเค้าต่อสู้กับกลุ่มพ่อมดศาสตร์มืดและได้รับชัยชนะ โลกิและโอดินเป็นเพื่อนกันแล้ว กำลังพูดคุยกันอย่างสนุก แต่เจมส์(ปู่ของพ่อแฮร์รี่)กับอัสลันเทียกำลังออกไปจากงาน ดูเหมือนเจมส์จะเมามาก  เค้าอาเจียนอยู่ข้างต้นไม้แล้วเกือบทำให้ลูเซียสอ้วกตามไปด้วยเพราะของเก่าที่กินเข้าไปสลอนรวมออกมากองที่ใต้ต้นไม้(แล้วแกไปดูเค้าอ้วกทำไมวะ) ท่าทางอันอ่อนโยนของอัสลันเทียดูแล้วชั่งแตกต่างจากทั้งเบริฟรอทและบรูตัส อาจจะเป็นเพราะว่าเค้าเป็นเลือดบริสุทธิ์อันแท้จริง จึงไม่ต้องพะวงกับสายตาของใครว่าจะทำตัวใกล้ชิดกับคนชั้นล่าง หรือก็ไม่งั้น อาจจะเพราะเพื่อนที่กำลังอ้วกตรงนี้ก็เป็นเลือดบริสุทธิ์เหมือนกันกับตนเองจึงอ่อนโยนกับเค้าขนาดนั้น

    "ดื่มน้ำล้างปากหน่อย พอตเตอร์" พูดพลางเอาน้ำจากกระบอกน้ำพกให้ดื่ม เจมส์ซัดเข้าไปแล้วโอ๊กอ๊ากอีกรอบ "ชั้นว่านายต้องหาที่พักแล้ว"

    ทั้งคู่พยุงกันและกันเข้าไปในห้อง และพบกับไดอาน่าที่ปรากฏตัวพร้อมกับจามีส

    "ไดอาน่า!" กับเสียงที่อ้อแอ้เต็มทน เจมส์พุ่งเข้าไปกอดจูบเธออย่างตะกละตะกลาม ก่อนจะตามมาด้วยเสียงตบหน้าฉาดใหญ่และดวงตาที่บอกว่าไม่ให้อภัยของไดอาน่า  เจ้าหล่อนเดินหนีออกไปและเจมส์พยายามคว้า "ไดอาน่า รอเดี๋ยว! ไดอาน่าาาา!" แต่เธอไม่หันมามอง เจมส์มองจามีสคู่แฝดตัวเองอย่างอ่อนระโหย "โอย... แย่จัง" แล้วก็เอาหัวพิงกำแพงเพื่อพยุงตัว

    "จามีส... เธอดูน้องชายเธอก่อน ชั้นจะไปตามน้องสาวชั้น" อัสลันเทียรีบตามไป ลูเซียสก็ตัดสินใจตามเค้าไปเช่นกัน ทั้งคู่อยู่ในห้องทำงานของอัสลันเทียซึ่งในปัจจุุบันเป็นห้องทำงานของลูเซียสในกระทรวง เค้านั่งลงที่โซฟาแล้วลูบหลังเธอ "ไดอาน่า..."

    "ป่าเถื่อนที่สุด เห็นชั้นเป็นโสเภณีรึไงถึงได้ทำท่าทางแบบนั้น คอยดูนะ ชั้นจะถอนหมั้นกับเค้า!" เธอคำราม

    "เด็กโง่, เค้ารักเธอมากนะ แต่ตอนนี้เค้ากำลังเมา! คนเมาทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น" อัสลันเทียเตือนสติก่อนปลอบอีกครั้ง "ไปดูเค้าหน่อย นะ.. ยังไงซะเค้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อหายเมา หรือถ้าจำได้จะได้จัดการซะเลย"

    ทั้งคู่ออกจากห้องไปดูเจมส์ที่นอนกรนคร่อกๆ อยู่บนเก้าอี้ยาว "ชั้นสะกดนิ่งเค้า ตอนนี้สงบแล้วล่ะ"

    อัสลันเทียหัวเราะ มันดูเหมือนเจมส์ที่เป็นพี่น้องทางพลังเวทย์ของเค้านิดหน่อย ทำให้นึกได้ว่าคู่แฝดของเค้าแต่งกับเจมส์ แล้วให้กำเนิดเลาเรส ซึ่งก็คือพ่อของเจมส์-น้องชายทางพลังเวทย์ของเค้าที่ตายไปด้วยน้ำมือของจอมมารนั่นเอง  ความเหมือนนี้คือสายเลือด ไม่ใช่เหตุบังเอิญ  ใช่แล้ว...!

    ถึงไม่มีความเกี่ยวพันธ์ทางวิญญาน เค้ากับเจมส์ก็เป็นญาติกันอยู่ดี!

    ไดอาน่าหมั่นไส้ เอามือบีบจมูกคู่หมั้นตัวเอง  อัสลันเทียหัวเราะลั่น จามีสดุเอา "นี่! อย่ารังแกคู่หมั้นของตัวเองที่กำลังเมาสิ!"

    "ก็เพราะรักเค้ามากถึงได้แกล้งไง!" เธอปล่อยมือจากเค้า

    "โอเคๆ รักเค้ามากสินะ งั้นชั้นไม่กวนแล้ว อยู่ดูแลกันไปก็แล้วกันนะ" แล้วก็ออกไป

    ไม่นานนักลูเซียสก็รู้ว่าเธอไปไหนเพราะภาพเปลี่ยนไป จามีสกับโลกิยืนอยู่ด้วยกันตามลำพังใต้ต้นไม้  และโลกิก็ถามขึ้น

    "เรียกชั้นมานี่มีอะไรเหรอ"

    "ชั้น... อยากให้เรากลับไปเป็นเหมือนวันนั้นก่อนที่เราจะเลิกกัน"

    "จะบ้าเหรอ! อีกสามวันข้างหน้าเธอจะแต่งกับอัสลันเทียแล้วยังจะมาพูดแบบนี้อีก!"

    "แต่ชั้นไม่ได้รักอัสลันเทีย!" หญิงสาวตะโกนก่อนจะลดเสียงลง มันทำให้ลูเซียสสงสารพ่อกับป้าเมื่อนึกได้ว่าพวกเค้าไม่ได้เกิดจากความรักของพ่อกับแม่ "ชั้นรักเธอ"

    "จามีส! ชั้นแต่งงานแล้วนะ!"

    "แต่เมื่อก่อนผู้หญิงที่จะต้องแต่งงานกับเธอมันคือชั้นไม่ใช่เหรอ! ชั้นเสียใจที่ทำให้เธอกลายเป็นผู้ต้องสงสัยสังหารยูนิคอน! แต่ว่า! นั่นมันก็เพราะตัวเธอเองไม่ใช่รึไง!" เธอโวยวายออกมาและโลกิปิดตาลง "กล้าดียังไงที่คิดจะยกชั้นให้กับอัสลันเทีย! ชั้นไม่ได้รักอัสลันเทียซะหน่อย! ใช่สิเธอไม่ได้รักชั้นแต่เธอมีสิทธิ์อะไรที่จะมายกชั้นให้ใครก็ได้!" โลกิเอามือปิดหน้าอย่างเจ็บปวดก่อนพูดออกมาบ้าง

    "ผู้หญิงควรแต่งงานกับคนที่รักหล่อนไม่ใช่รึไง ไม่ใช่แต่งกับคนที่หล่อนรัก  นี่เป็นปกติธรรมดาสำหรับโลกอยู่แล้วกรณีที่เป็นรักข้างเดียว จามีส! ชั้นไม่สามารถแต่งงานกับเธอได้เพราะข้อแรกชั้นไม่ได้รักเธอ ส่วนข้อสอง... เธอจะแต่งงานกับลูกชายของคนที่ฆ่าปู่ของเธอเหรอ!"

    ลูเซียสตะลึง... ย่าของเค้าตอบกลับเบาๆ

    "ชั้นไม่แคร์หรอก... ไม่แคร์เลยซักนิด!"

    "แต่ชั้นแคร์มาก... ที่สำคัญ ชั้นไม่สามารถเลิกกับมานาเกียได้"

    "เธอรักมานาเกียมากเหรอ" คำถามมาพร้อมน้ำตาที่พราวหน้า "ทิ้งหล่อนไม่ได้เลยเหรอ"

    "...ใช่..." คำตอบนี้จริงที่สุดและส่องประกายวับในตาสีดำ โดยไม่ปลอบโยน โลกิเดินออกไปแล้วทิ้งให้จามีสร้องไห้ใต้ต้นแอปเปิ้ลตามลำพัง  ลูเซียสสงสารย่าของเค้าแต่นั่นอาจจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้วก็ได้

    ลูเซียสกลับมาสู่โลกของตนเองแล้วหยิบกระดาษออกมา  เค้าอยากเขียนจดหมายหาเซเวอรัส แต่นึกไม่ออก บางทีเค้าอาจจะแค่อยากบอกความรู้สึกของย่าให้โลกิรับรู้แม้นะนึกได้ว่าเซเวอรัสไม่ใช่โลกิก็ตาม แต่ระหว่างที่เหม่อ เค้ากลับทำขวดหมึกตกลงกับพื้น และสมุดที่จอมมารฝากมาก็ตกลงไปด้วยกัน ด้วยความตกใจ เหมือนกลัวจอมมารว่า เค้ารีบหยิบมันขึ้นมาเพื่อจะพบว่าไม่มีรอยเปื้อนใดๆ ปรากฏบนหน้ากระดาษว่างๆ พวกมันแม้แต่หน้าเดียว

    กับความกลัว ลูเซียสขว้างมันไปที่มุมห้องทันทีแล้วรีบกระโดดขึ้นเตียง  เตรียมการรบกับอะไรก็ตามที่จะออกมาจากสมุด!

    แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากนาซิสซาที่เดินเข้ามาพร้อมกับอุ้มเดรโกมาด้วย "ลูเซียส... ทำอะไรน่ะ?"

    "เอ่อ... ไม่มีอะไร!" เค้ารีบตอบพลางกระโดดลงมา เหยียบหมึกที่นองเต็มพื้นเข้าเต็มที่ "ก็แค่... กายบริหาร"

    นาซิสซาทำหน้ามุ่ยพลางโบกไม้กายสิทธิ์ หมึกหายไป "คุณนี่ก็ทำอะไรพิลึกเป็นเหมือนกัน นี่คงไม่ใช่ผลข้างเคียงจากคำสาปกรีดแทงหรอกใช่มั้ย"

    ลูเซียสมองภรรยา 'นี่เธอหาว่าชั้นบ้าเหรอ!?' หล่อนส่งเดรโกให้เค้าอุ้มแล้วเก็บสมุดของจอมมารที่มุมห้องขึ้นมา ลูเซียสใจหายใจคว่ำ

    "สมุดมักเกิ้ลนี่ คุณเอาของแบบนี้มาทำไม  ของเซเวอรัสเหรอ"

    "เอ่อ..."

    "อืม... ไม่ต้องบอกก็ได้" เธอวางมันที่หัวเตียง แต่ลูเซียสรีบเอามันไปเก็บไว้ที่หีบที่มีผนึกอาคม "ต้องมีอะไรแน่ๆ" นาซิสซาสรุปจากท่าทางสามี

    "ชั้นว่า...เราต้องหาทางกำจัดมันแล้วล่ะ"

    "ไร้สาระ แค่สมุดเล่มเดียว" ลูเซียสหันขวับ นาซิสซาถอนใจ "ถอนคำพูดก็ได้"
    ------------------------------------------------------

    "แล้ว... นาย เอาสมุดเล่มนี้มาให้ชั้นดูทำไม"

    "ก็อยากจะให้ช่วยตรวจสอบ  ชั้นไม่เข้าใจว่ามันมีประโยชน์ห่าอะไร  จอมมารเกลียดมักเกิ้ล! แต่ดันเอาสมุดมักเกิ้ลมาใช้เนี่ยนะ!?"

    "เรื่องนั้นไม่รู้ บางทีจอมมารคงมีอะไรที่เราไม่รู้อยู่ก็ได้" เซเวอรัสไม่ค่อยสนใจสมุดเท่าไหร่  เค้าสำหรับตรวจงานสำหรับนักเรียนวิชาปรุงยาปีหนึ่งอยู่ ซักพักได้ยินเสียงแกร่ก! ลูเซียสหันไปที่ประตู แต่ไม่มีอะไร

    "ถามจริง นายนั่งทำงานแบบนี้ไม่เสียสายตาบ้างรึไง" พูดพลางถูแขนด้วยความหนาว

    "ก็แค่ทำตัวให้ชินกับใต้ดินที่หนาวเหน็บแล้วก็สุสาน เพราะเมื่อทุกอย่างจบลง ชั้นจะได้ไปจากโลกนี้ซะที"

    "เซเวอรัส! อย่าพูดบ้าๆ นะ!"

    เซเวอรัสหันขวับ "สิ่งมีชีวิตที่เจิดจ้าอย่างคุณไม่มีวันเข้าใจผมหรอก คุณมัลฟอย"

    "อันที่จริงนายเจิดจ้าในแสงสว่างเลยนะ" ลูเซียสตอบ เพราะหน้าซีดๆ ของหมอนั่นทำให้เหมือนจะส่องแสงขึ้นมาเมื่ออยู่ท่ามกลางแสงสว่างที่มีเพียงเล็กน้อย

    เซเวอรัสไม่ตอบอะไรอีก เค้าหยิบกระดาษอีกแผ่นขึ้นมาแล้วเริ่มตรวจคำตอบข้อเขียนของเด็กปีหนึ่งคนหนึ่ง อ่านชื่อจากหัวกระดาษแล้ว 'นิมฟาเดอร่า ท๊องค์' หลานสาวของเค้านั่นเอง แน่สิ เพราะนี่คือลูกสาวของแอนโดรมิด้า--พี่สาวของนาซิสซากับมักเกิ้ล  และลูเซียสมั่นใจว่านิมฟาเดอร่าอยู่ที่นี่เพราะได้ยินเสียงครางเบาๆ ที่เซเวอรัสผู้คร่ำเครียดไม่ได้ยินเพราะมัวแต่วงคำผิด

    "ตั้งใจเรียนรึเปล่า นิมฟาเดอร่า" เซเวอรัสเหยียดยิ้มอย่างไม่น่าดูก่อนจะวงรอบข้อความหกบรรทัดรวดพร้อมกับเขียนกำกับไว้ว่า "มั่ว" จากนั้นก็เอาปากกาจุ่มหมึก เตรียมให้คะแนน

    "ขอซักห้าสิบนะอาจารย์!" เสียงกระซิบแทบไม่ได้ยินดังขึ้น เสียงนิมฟาเดอร่าแน่นอน ลูเซียสมั่นใจว่าเธอกำลังซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมล่องหน

    "เฮ้ย! อะไรกันเนี่ย!" เซเวอรัสคำรามเมื่อรู้สึกได้ว่ามีมือลึกลับกำลังพยายามบังคับไม่ให้เค้าเขียนคะแนนตามใจชอบ "ท๊องค์! นี่เธอใช่มั้ย! หยุดเดี่ยวนี้นะ ก่อนที่ชั้นจะหักคะแนนเธอต่อหน้าน้าเขยของเธอ!" เซเวอรัสกัดฟันกรอด "ลูเซียส! ทำอะไรซักอย่างสิ!" เซเวอรัสพูดพลางยื่นมือไปหยิบไม้กายสิทธิ์ ขณะลูเซียสกำลังอึ้ง ไม่รู้จะช่วยเพื่อนหรือช่วยหลาน

    วินาทีที่เซเวอรัสรู้ว่ากำลังจะเสียท่า กับเสียงคำรามว๊าก! เสียงโครมครามดังขึ้นและผ้าคลุมล่องหนเปิด เห็น 'ขา' ของนิมฟาเดอร่า แม่หนูที่น่าสงสารคงจะนึกได้ว่าถูกเห็น จึงรีบพุ่งหนีออกไปจากห้อง

    ศาสตราจารย์เซเวอรัส สเนปหอบฮักๆ อยู่ที่โต๊ะ ก่อนจะร้องขึ้นอย่างผู้ชนะเมื่อเห็นฝีมือตัวเอง "นั่นไง! สำเร็จแล้ว! คราวนี้! ศูนย์ตัวเบ่อเริ่มเลย!!"

    ลูเซียสมองดูเลขศูนย์ขนาดใหญ่บนหัวกระดาษที่ถูกกดลงไปจนกระดาษแทบจะขาดอย่างอนาจใจ...








    ลูเซียสกลับมาที่บ้านพร้อมกับโยนสมุดสัปรังเคลงที่เตียง ก่อนจะนึกได้เมื่อเห็นคราบหมึกที่ยังเปื้อนที่ขาเตียง  เซเวอรัสพูดว่ายังไงนะ 'ถ้าอยากรู้ให้ลองเขียนดูงั้นเหรอ!?' ลูเซียสรีบหยิบปากกาขึ้นมาแล้วเปิดสมุดเขียน

    'ผมชื่อลูเซียส มัลฟอย'

    ตัวหนังสือของเค้าหายไป มีข้อความใหม่ปรากฏขึ้นแทน

    'สวัสดีครับ ลูเซียส ผมชื่อ ทอม ริดเดิ้ล คุณเจอสมุดบันทึกของผมได้ยังไง!?'

    ลูเซียสรีบปิดสมุดแล้วขึ้นไปนั่งกอดเข่าสั่นอยู่บนเตียง แม้จะไม่รู้ว่าทอม ริดเดิ้ลคือใคร แต่เค้าไม่สนห่าอะไรอีกแล้ว!?!

    นาซิสซาเดินเข้ามาในห้องพลางมองท่าทางของสามี ทำหน้าเหมือนมีของเหม็นจ่อจมูก พลางดูสิ่งที่เป็นปัญหา... สมุดบันทึกเล่มเดิม

    "ลูเซียส... ชั้นว่าคุณไปหาจิตแพทย์ดีกว่ามั้ย"

    "นี่เธอหาว่าชั้นบ้าเหรอ!?" ลูเซียสโวยสุดเสียง

    "เปล่าซะหน่อย! ชั้นหมายถึงเรื่องพ่อเซเวอรัสต่างหาก เค้าจะได้เป็นอิสระจากภาระบ้าๆ นั่นซะที" เจ้าหล่อนเบี่ยงไปหาเรื่องอื่นได้อย่างแนบเนียลไร้ตะเข็บ

    "แล้วทำไมชั้นต้องไปด้วยล่ะ"

    "อ้าว! ก็เซเวอรัสกับพ่อไม่ยอมไปไม่ใช่เหรอ เราก็ต้องไปเพื่อเล่าเรื่องให้พวกเค้าฟังก่อนไง!"

    ลูเซียสเงียบก่อนจะบอก "จิตแพทย์นี่... มีแต่พวกมักเกิ้ลนะ"

    "ชั้นเคยได้ยินจอมมารพูดเปรยๆ นะ"

    ...รึว่า จอมมารจะ--...!?










    ลูเซียสกำลังมองดูย่าของเค้ากับปู่ของเค้าในห้อง พวกเค้ากำลังจะแต่งงานกันอยู่แล้ว จากเสื้อผ้าที่ใส่ แต่ใบหน้าของย่าดูแย่มาก เธอเต็มไปด้วยน้ำตา

    "เข้ามาทำไม" จามี พอตเตอร์พูดอย่างเย็นชา

    "เพราะเรากำลังจะแต่งงานกัน แต่ชั้นสงสัยว่าเธอจะปฏิเสธเมื่อถูกถามว่าจะรับชั้นเป็นสามีมั้ย" อัสลันเทียพูดอย่างเยือกเย็น

    "ทำไมคิดแบบนั้น" เธอยังไม่มองเค้า

    "เพราะเธอรักโลกิ"

    "แล้วยังจะอยากแต่งงานกับชั้นอีกเหรอ!?" หญิงสาวหันมาตวาด อัสลันเทียเดินตรงเข้ามา

    "อยากจะขอร้องเธอ เป็นภรรยาของชั้นเถอะ ชั้นจะทะนุถนอมเธอ และจะให้เกียรติเธออย่างดี ชั้นจะไม่ทำให้เธอต้องเสียใจเด็ดขาด"

    ดวงตาสีน้ำตาลมองตรงมา มันเหมือนเจมส์ พอตเตอร์ แต่ใบหน้านั้นเป็นใบหน้าของลูเซียสเมื่อยังเด็ก อ่อนกว่าและเป็นใบหน้าผู้หญิง มันมีแต่ความเสียใจ "ถ้าเธอแต่งกับชั้น ชั้นคงพูดถึงแต่โลกิทุกวัน แล้วก็คิดถึงโลกิทุกวัน เธอจะทนได้เหรอ!?"

    "งั้นเราก็คุยเรื่องของเค้าด้วยกันสิ" คำพูดนั้นอ่อนโยน แต่ลูเซียสแทบจะกลายเป็นหิน "เราจะคุยเรื่องของเค้าทุกวันเลยก็ได้"

    เป็นไปได้เหรอที่จะมีผู้ชายแบบนี้!? ผู้ชายที่พร้อมจะพูดคุยเรื่องของชายอื่นที่ภรรยาตัวเองรัก!?!

    หากคิดตามปกติ แค่ภรรยาคิดถึงชายอื่นก็แย่แล้ว! แต่นี่!?

    แม้แต่จามีสก็อดตะลึงไม่ได้ "เธอ.. แน่ใจเหรอ! ที่พูดออกมานะ!?!"

    "แน่ใจที่สุด" อัสลันเทียหัวเราะแจ่มใส สวนทางกับแววตาแสนเศร้า

    "ทำไม.. ทำไมเธอโยนขนาดนี้"

    "บอกแล้วว่าเพราะรักไง"

    วันนั้นในงานแต่งงาน ลูเซียสได้เป็นพยานการแต่งงานของปู่แท้ๆ ของเค้า--ผู้ชายเสียสละได้ทุกอย่างเพื่อผู้หญิงที่ตัวเองรัก และเค้ามั่นใจว่าซักวันหนึ่งจามีสจะรักอัสลันเทีย และตอนนั้นเธอจะไม่พูดเรื่องโลกิให้เค้าได้เสียใจอีก...






    TBC.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×