ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : รอยยิ้มของหัวใจ...Chapter 1
บทที่ 1 การเริ่มต้น
บุรุษร่างสูงเกินสันทัดก้าวขายาวสวบสาบอย่างรีบเร่ง พร้อมกับเบี่ยงบ่าหนา ราวกำแพงคอนกรีต เพื่อฝ่ากลุ่มคนที่ควักไขว่ในบริเวณช่องทางผู้โดยสารขา ออกของสนามบิน สายตาภายใต้แว่นกันแดดสีเข้มแลกวาดไปทั่ว จนกระทั่งปะทะกับใบหน้าอันคุ้นเคยของผู้มารอรับ
คนที่เพิ่งลงจากเครื่องบินจึงกระชับกระเป๋าสะพาย พร้อมกระเป๋าเดินทางใบเล็ก ในมือให้มั่น ก่อนจะเดินดุ่มๆ ตรงมายังจุดรอรับผู้โดยสาร ที่ซึ่งชายหนุ่มดวงตาซุกซน ยืนยิ้มรออยู่พร้อมกับหญิงสาวใบหน้าหวานอีกคนหนึ่ง
“ ไงนายภัค ” เสียงห้าวของผู้มาคอยทักขึ้นก่อนอย่างแจ่มใส “ หิ้วพี่สะใภ้มาฝาก หรือเปล่างวดนี้ ไปตั้งอาทิตย์นึง ? ”
คนถูกทักใช้มือข้างที่ว่างหลังจากการส่งกระเป๋าสะพายให้อีกฝ่าย ยกขึ้นถอดแว่นสีชาออก เผยให้เห็นดวงตาคมวะวามชัดเจนก่อนสวนกลับ
“ นายพูดอย่างกับของแบบนั้นมันหาซื้อกันได้ง่ายๆ ตามห้างสรรพสินค้าเหมือนน้ำมันพืชงั้นแหละ ”
น้ำเสียงเย็นๆ ของผู้มาใหม่ทำให้เรื่องที่กำลังสนทนาอยู่ฟังดูเคร่งเครียดไป โดยปริยาย ดีแต่คนเป็นพี่เป็นน้องคลานตามกันมาคุ้นชิ้นกับโทนเสียงแข็งๆ ของอีกฝ่าย จึงไม่รู้สึกแปลกอะไร ขณะหญิงสาวข้างเคียงที่เพิ่งมาเป็นน้องสะใภ้ยิ้มแห้งเต็มทน เพราะไม่แน่ใจว่าตนกำลังฟังการเสียดสีอย่างจริงจังหรือการหยอกล้อแบบสนุกสนาน อยู่กันแน่
หลังจากปะทะคารมกับน้องชายพอหอมปากหอมคอ เจ้าของดวงตาเข้มก็หันมายิ้มให้หญิงสาวน้อยๆ อย่างสุภาพและเป็นกันเอง คำซักไซ้อย่างสนิทสนมที่ตามมา ทำให้อีกฝ่ายผ่อนคลายมากขึ้น จนสามารถคลี่ยิ้มจริงใจออกมาได้ในที่สุด
“ อีกราวสี่เดือนได้ไหมครับคุณตี ? ”
ระหว่างพูดสายตาคมก็ชำเลืองมาช่วงกลางลำตัวที่อวบขึ้น เพราะมีชีวิตใหม่กำลังจะถือกำเนิด ว่าที่คุณแม่หัวเราะเบาๆ อย่างขัดเขิน ขณะว่าที่คุณพ่อแย่งกระเป๋าเดินทางอีกใบของพี่ชายมาถือไว้ก่อนตอบแทนภรรยาว่า
“ เพิ่งจะสามเดือน อีกหกเดือนโน่นกว่าจะคลอด จบเศรษฐศาสตร์มาแท้ๆ ไม่น่าอ่อนคำนวณ ”
“ จะยังไงชั้นก็มั่นใจว่าหลานชั้นต้องฉลาดแล้วก็หน้าตาดีกว่านายแน่ๆ ตระกูลเรานอกจากนายแล้วที่เหลือก็หน้าตาดีๆ กันทั้งนั้น คุณตีเองก็สวยเสียจนชั้นคิดว่านายคงจะไปล่อลวงเขามา ”
คณะเดินทางพากันออกเดินไปยังโรงจอดรถ ระหว่างทาง ‘คุณตี’ ก็แอบชำเลืองมอง เสี้ยวหน้าของพี่ชายสามีอย่างพินิจพิเคราะห์เป็นพักๆ ครั้งนี้เกือบจะนับได้ว่าเป็นครั้งแรก ที่ชายหนุ่มยืนอยู่ในระยะประชิดขนาดมองเห็นปลายจมูกโด่งและหางคิ้วเข้มเป็นปื้นได้ชัด พอสองคนพี่น้องมายืนเทียบกัน ความแตกต่างจึงยิ่งปรากฏเด่นขึ้นมาแก่สายตาของ คนทั่วไป
เปรียบเทียบกันแล้วภูตีภัทรตัวเล็กกว่าพี่ชายเล็กน้อย แต่หนาน้อยกว่ามาก สีผิวของชายหนุ่มก็อ่อนกว่า และที่สำคัญใบหน้าของสามีหล่อนเจือรอยยิ้มเกือบ ตลอดเวลา ขัดกันลิบลับกับริมฝีปากปิดสนิทและแววตาเย็นชาคู่นั้นของบุรุษอีกคน
กลุ่มคนเล็กๆ มุ่งหน้าออกจากสนามบินด้วยรถยนต์ยุโรปราคาสูง การจราจรที่ไม่ติดขัดนัก ทำให้พาหนะรูปทรงประเปรียวใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมง ก็สามารถเลี้ยวเข้าหมู่บ้านแถบชานเมืองของประดาผู้มีอันเกินทั้งหลาย สุดท้ายรถคันเล็กก็วกเข้าอาณาเขตของคฤหาสน์ลังใหญ่สีขาวสะอาดตา ประดับประดาด้วยน้ำพุสูงและสวนหย่อมจัดเป็นสัดเป็นส่วน
ด้วยความเคยคุ้นกับพื้นที่คนขับ จึงสามารถหยุดรถลงตรงบริเวณหน้าประตู บานสูงของตัวบ้านได้พอดี
“ ไงไอ้ภัค ”
เสียงดังกังวานทักนำมาก่อนร่างค่อนข้างท้วมสมวัยของบุรุษชราประมุขของบ้าน จะปรากฏขึ้น แม้ผมหยิกสะบัดปลายน้อยๆ จะกลายเป็นสีเงินแล้วหมดทั้งหัวบ่งบอก ถึงอายุ หากใบหน้าเจ้าของคฤหาสน์ยังคงสดใส สะท้อนถึงสุขภาพจิตที่สมบูรณ์ แต่อารมณ์ขณะนี้ติดจะขุ่นมัวเพราะลูกชายคนโต
ดังนั้นเมื่อเห็นหน้าถนัดว่าไม่ผิดตัวแน่ ผู้เป็นพ่อจึงรัวไม่ยั้ง
“ แว่บไปแว่บหายอย่างกับพรายกระซิบ จะหาตัวทีได้ยากได้เย็น เดี๋ยวโผล่ตรงโน้น เดี๋ยวแผล่บไปตรงนี้ ข้าอยากจะรู้นักว่าไอ้....... ”
“ เดี๋ยวป๋าหยุดก่อน เล่นด่ายาวรวดเดียวไม่พักหายใจแบบนั้น เดี๋ยวก็ได้บันทึกสถิติด่าทนในกินเนสบุ๊คหรอก...โอ๊ย! ” ลูกชายคนเล็กรีบปราม ก่อนสูดปากลั่น เพราะภรรยาเหน็บเข้าให้ที่สีข้างพร้อมทั้งทำตาเขียวใส่
ชายหนุ่มจึงรีบพูดต่อเร็วปรือ
“ ก็...ตีกำลังท้องกำลังไส้ ยื่นนานๆ ไม่ดีนะจ๊ะ ป๋าเข้าไปนั่งบ่น....เอ๊ย....นั่งถาม สารทุกข์สุขดิบกันต่อข้างในดีกว่า ”
คนทั้งกลุ่มพยักหน้าเห็นด้วยกับเหตุผล จึงเคลื่อนย้ายสถานที่สนทนาไปยัง ห้องรับแขกใหญ่ของบ้าน
เรียกได้ว่ายังไม่ทันหย่อนตัวลงนั่งแนบเบาะได้สนิทดีคนเป็นพ่อก็ถามต่อ
“ ไปงวดนี้จะเอาเท่าไหร่? ”
อันที่จริงการเจรจาธุรกิจส่วนใหญ่สมควรมุ่งเน้นถึงเรื่องความสำเร็จ แต่เมื่อไหร่ลูกชายคนโตลงมือเอง เรื่องสำเร็จจึงกลายเป็นสิ่งปรกติไปโดยปริยาย ในขณะการขยายสาขาและการลงทุนใหม่กลับเป็นประเด็นหลักแทน
“ ผมขอดูให้แน่ใจก่อนว่ามันไม่ตุกติกแน่ แล้วจะบอกป๋าอีกทีครับ ” คนตอบถนอมทั้งเสียงทั้งคำพูด
“ แล้วเรื่องเคซีกรุ๊ปมันเป็นยังไง สองสามวันก่อนเห็นวิ่งกันวุ่นวาย ” ประมุขของบ้าน รัวข้อสงสัยต่อไม่ยั้ง
ร่างสูงถอนหายใจยาวก่อนจะขยับนั่งหลังตรง ครู่หนึ่งสีหน้าชายหนุ่มมีริ้วรอย เหนื่อยหน่ายต่อคณะบุคคลที่ถูกกล่าวอ้างถึงอย่างเห็นได้ชัด
“ เห็นว่ามีเรื่องเปลี่ยนบอร์ดผู้บริหารกันใหม่ครับ ยกชุดเลยคราวนี้ เลยยุ่งๆ นิดหน่อย คณะผู้บริหารใหม่ก็ต้องการสัญญาใหม่ที่จะเอื้อกับงานของเขามากกว่า แต่สัญญาที่เราทำไว้กับคณะเก่าดีกับทางเราผมก็เลยไม่อยากเปลี่ยน ”
“ แล้วจะทำยังไงต่อ ? ” มีบ้างที่บางครั้งคนเป็นพ่อตามความคิดลูกชายไม่ทัน
“ ป๋าไม่ต้องห่วงครับ ผมกลับมางวดนี้เดี๋ยวจัดการเอง รับรองไม่เกินอาทิตย์จะ เรียบร้อย ” แววตาบุตรชายคนโตมุ่งมั่นดุจดั่งที่เคยเป็นเสมอมา น้ำเสียงเย็นเยียบ แฝงความมั่นใจเต็มเปี่ยม เสมือนไม่เคยมีสิ่งใดที่เจ้าตัวลงมือทำแล้วจะไม่สำเร็จ รอยยิ้มอ่อนๆ ที่บางคนขนานนามว่า ‘ รอยยิ้มมัจจุราช ’ สร้างทั้งความรู้สึกกลัวเกรง ให้แก่ผู้ด้อยกว่า รวมทั้งกระแสความไม่เป็นมิตรที่ทำให้หลายต่อหลายคนจงชังนักหนา
นี่คือสิ่งเล็กน้อยในอีกหลายๆ สิ่งที่รวมกันเป็น......ภูริภัค ภูวนตรัย
“ คืนนี้ดวลเหล้ากันซักยกดีไหม? ” พอภูริภัครับปากเป็นมั่นเหมาะ คุณภูผาก็เริ่มครึ้มอกครึ้มใจจนเอ่ยปากชวนลูกชายคนโต
แต่คนตอบรับเสียงใสหน้าตาแป้นแล้นกลายเป็นลูกชายคนเล็ก “ ดีครับป๋า แหมป๋านี่เวลาอารมณ์ดีทีไรน่ารักทุกที เสียอยู่อย่างเดียว ป๋าอารมณ์ดีปีละสามหนเท่านั้นเอง ”
ภรรยาสาวแนบเข้าให้ที่สีข้างอีกทีอย่างอดไม่อยู่ ทำเอาชายหนุ่มครางโอย หุบปากลงทันควันก่อนหันมามองหน้าคนประทุษร้ายตาปรอยๆ อย่างออดอ้อน จะว่าไปตั้งแต่ภูตีภัทรรู้ว่าภรรยากำลังตั้งท้อง เขาก็เลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทุกประเภท ถ้าไปงานเลี้ยงและจำเป็นจริงๆ ชายหนุ่มก็จะจิบบ้างเอาแค่พอเป็นพิธีแล้ววาง หันไปคว้าน้ำอัดลมไม่ก็น้ำผลไม้แทน นัยว่าเป็นการดื่มเป็นเพื่อนเพื่อเอาใจภรรยาสาว ที่กำลังตั้งท้อง
เห็นแบบนั้นตยาคีก็ใจอ่อน จะว่าไปหล่อนก็ไม่เคยหวงหรือห้ามสามี เมื่อเขาเต็มใจ จะลดละเลิกด้วยตัวเองทั้งๆ ที่เคยดื่มเป็นงานอดิเรก หญิงสาวก็แอบปลื้มเปรมอยู่เงียบๆ ดังนั้นคราวนี้พอเป็นโอกาสดีพ่อลูกจะได้สังสรรค์ตยาคีก็เลยไม่คิดจะขัด แต่ที่หยิกเข้าให้หมับหนึ่งเพราะว่าที่คุณพ่อดูจะร่าเริงกับน้ำเมาเกินเหตุ
“ พูดกับคุณป๋าดีๆ สิคะ ”
แรกเริ่มเดิมทีนั้นสะใภ้เล็กก็เรียกขานคุณภูผาว่า ‘ ป๋า ’ ตามผู้เป็นสามี แต่ผ่านไปได้ไม่กี่วัน ภูตีภัทรก็เริ่มรู้สึกคันๆ หู
‘ อย่าเรียกป๋าเฉยๆ เลย เวลาไปเดินไหนๆ ด้วยกัน เดี๋ยวคนอื่นจะนึกว่าป๋าเก่ง ขนาดจีบสาวสวยอย่างคุณตีมาเป็นกิ๊กได้ ’
ผลสรุปคือทั้งป๋าและภรรยารวมกันประสิทธิประสาทพรให้ชายหนุ่มแบบไม่ซ้ำซ้อน สามวันรวด โทษฐานลามปามบุพการีและภรรยาที่ควรเคารพ หากสุดท้าย ตยาคีก็อดโอนอ่อนตามใจสามีไม่ได้
ยามนี้ ‘ คุณป๋า ’ เลยทำเสียงสาแก่ใจแฝงแววเป็นต่อ
“ สมน้ำหน้าโดนเมียด่า ถ้ารู้ว่าแต่งหนูตีเข้าบ้านแล้วข้าจะสบายอกสบายใจแบบนี้ ข้าไปขอให้เอ็งตั้งแต่สิบขวบแล้ว ”
คนพูดกระหยิ่มยิ้มย่องขณะลูกสะใภ้เองก็หันมายิ้มหวานตอบให้
“ คุณป๋าก็ห้ามดื่มเกินสองแก้วนะคะ คุณลุงหมอฟ้องว่าความดันเริ่มจะขึ้นอีกแล้ว ”
คราวนี้คุณป๋าหุบปากลงฉับทันควัน ขณะลูกชายคนเล็กยักคิ้วแผล็บใส่ พร้อมทั้งลอกเลียนทั้งประโยคทั้งน้ำเสียงกระแนะกระแหนมาแทบจะไม่ผิดเพียน
“ แหม...ถ้ารู้ว่าแต่งคุณตีเข้าบ้านแล้วผมจะสบายอกสบายใจแบบนี้ ผมไปขอให้ตัวเองตั้งแต่อายุสิบขวบแล้ว ”
สองพ่อลูกคู่อาฆาตจ้องหน้ากันครู่หนึ่งก่อนระเบิดเสียงหัวเราะดังสนั่น ตยาคีเองก็พลอยยิ้มอย่างมีความสุขไปด้วย จนกระทั้งสายตาไปสะดุดกับใบหน้า ครามคมเข้มของลูกชายคนโตคุณภูผา ที่เพียงแต่ยิ้มน้อยๆ ตรงมุมปาก ราวกับว่าเขาเป็นภาพเขียนที่ศิลปินไม่ปารถนาให้แสดงอารมณ์ใดๆ มากไปกว่าความสงบนิ่งและเรียบเฉย
“ งั้นวันนี้ค้างที่นี่ซักคืนนะนายภัค จะได้กินกันยันสว่า...ง... ” น้องชายหันมาเสนอ และภรรยาก็สนองทันทีด้วยดวงตาเขียวปั๊ดทำให้คนพูดต้องรีบกลับลำเรือจนเสียงหลง “ อันที่จริงเอาแค่เกือบเช้าก็ได้...โอ๊ะ!....ไม่สิ เอาแค่ดึกๆ ก็พอ ”
ภูริภัคไหวไหล่ทีหนึ่งเพื่อแสดงการตกลง ลูกตาดุๆ มีแววขำขัน
“ เป็นพี่เป็นน้องกันมาสามสิบกว่าปี เพิ่งเห็นนายถูกปราบได้อยู่หมัดก็วันนี้ ดีใจชะมัด ”
แม้ฟังเผินๆ จะเหมือนเป็นการดูถูกกลายๆ แต่ลึกลงไป ภูริภัคหมายความตามที่เขาพูดจริงๆ ตั้งแต่ตยาคีย้ายเข้ามาอยู่ในคฤหาสหลังนี้ บ้านใหญ่ก็เริ่มมีชีวิตชีวา ไม่ใช่แค่คิดว่ามีเหมือนในอดีต ภูตีภัทรอาจจะเป็นคนหัวเราะง่ายกับทุกเรื่อง แต่ชายหนุ่มก็รู้ดีตามภาษาคนใกล้ชิดผูกพันกันว่ามันเป็นไปแบบผืนๆ ตามมารยาท และแห้งแล้งเต็มทน เพิ่งจะไม่นานมานี้ที่รอยยิ้มน้องชายดูสดใสอ่อนละมุนโดยไม่เสแสร้ง
“ เราเก็บไว้ไปดีใจมั่งวันที่นายถูกปราบก็ได้ ” คนโดนแซวค่อยสงบปากสงบคำลง เพราะภรรยาที่เคารพรักนั่งกระแอมปรามเป็นเซ็นเซอร์คำไม่สุภาพอยู่ข้างๆ
ภูริภัคหัวเราะหึๆ ในลำคอก่อนตอบทีเล่นทีจริง
“ อย่าเลยเพราะนายคงไม่ได้ดีใจง่ายๆ หรอก ”
คนที่เพิ่งลงจากเครื่องบินจึงกระชับกระเป๋าสะพาย พร้อมกระเป๋าเดินทางใบเล็ก ในมือให้มั่น ก่อนจะเดินดุ่มๆ ตรงมายังจุดรอรับผู้โดยสาร ที่ซึ่งชายหนุ่มดวงตาซุกซน ยืนยิ้มรออยู่พร้อมกับหญิงสาวใบหน้าหวานอีกคนหนึ่ง
“ ไงนายภัค ” เสียงห้าวของผู้มาคอยทักขึ้นก่อนอย่างแจ่มใส “ หิ้วพี่สะใภ้มาฝาก หรือเปล่างวดนี้ ไปตั้งอาทิตย์นึง ? ”
คนถูกทักใช้มือข้างที่ว่างหลังจากการส่งกระเป๋าสะพายให้อีกฝ่าย ยกขึ้นถอดแว่นสีชาออก เผยให้เห็นดวงตาคมวะวามชัดเจนก่อนสวนกลับ
“ นายพูดอย่างกับของแบบนั้นมันหาซื้อกันได้ง่ายๆ ตามห้างสรรพสินค้าเหมือนน้ำมันพืชงั้นแหละ ”
น้ำเสียงเย็นๆ ของผู้มาใหม่ทำให้เรื่องที่กำลังสนทนาอยู่ฟังดูเคร่งเครียดไป โดยปริยาย ดีแต่คนเป็นพี่เป็นน้องคลานตามกันมาคุ้นชิ้นกับโทนเสียงแข็งๆ ของอีกฝ่าย จึงไม่รู้สึกแปลกอะไร ขณะหญิงสาวข้างเคียงที่เพิ่งมาเป็นน้องสะใภ้ยิ้มแห้งเต็มทน เพราะไม่แน่ใจว่าตนกำลังฟังการเสียดสีอย่างจริงจังหรือการหยอกล้อแบบสนุกสนาน อยู่กันแน่
หลังจากปะทะคารมกับน้องชายพอหอมปากหอมคอ เจ้าของดวงตาเข้มก็หันมายิ้มให้หญิงสาวน้อยๆ อย่างสุภาพและเป็นกันเอง คำซักไซ้อย่างสนิทสนมที่ตามมา ทำให้อีกฝ่ายผ่อนคลายมากขึ้น จนสามารถคลี่ยิ้มจริงใจออกมาได้ในที่สุด
“ อีกราวสี่เดือนได้ไหมครับคุณตี ? ”
ระหว่างพูดสายตาคมก็ชำเลืองมาช่วงกลางลำตัวที่อวบขึ้น เพราะมีชีวิตใหม่กำลังจะถือกำเนิด ว่าที่คุณแม่หัวเราะเบาๆ อย่างขัดเขิน ขณะว่าที่คุณพ่อแย่งกระเป๋าเดินทางอีกใบของพี่ชายมาถือไว้ก่อนตอบแทนภรรยาว่า
“ เพิ่งจะสามเดือน อีกหกเดือนโน่นกว่าจะคลอด จบเศรษฐศาสตร์มาแท้ๆ ไม่น่าอ่อนคำนวณ ”
“ จะยังไงชั้นก็มั่นใจว่าหลานชั้นต้องฉลาดแล้วก็หน้าตาดีกว่านายแน่ๆ ตระกูลเรานอกจากนายแล้วที่เหลือก็หน้าตาดีๆ กันทั้งนั้น คุณตีเองก็สวยเสียจนชั้นคิดว่านายคงจะไปล่อลวงเขามา ”
คณะเดินทางพากันออกเดินไปยังโรงจอดรถ ระหว่างทาง ‘คุณตี’ ก็แอบชำเลืองมอง เสี้ยวหน้าของพี่ชายสามีอย่างพินิจพิเคราะห์เป็นพักๆ ครั้งนี้เกือบจะนับได้ว่าเป็นครั้งแรก ที่ชายหนุ่มยืนอยู่ในระยะประชิดขนาดมองเห็นปลายจมูกโด่งและหางคิ้วเข้มเป็นปื้นได้ชัด พอสองคนพี่น้องมายืนเทียบกัน ความแตกต่างจึงยิ่งปรากฏเด่นขึ้นมาแก่สายตาของ คนทั่วไป
เปรียบเทียบกันแล้วภูตีภัทรตัวเล็กกว่าพี่ชายเล็กน้อย แต่หนาน้อยกว่ามาก สีผิวของชายหนุ่มก็อ่อนกว่า และที่สำคัญใบหน้าของสามีหล่อนเจือรอยยิ้มเกือบ ตลอดเวลา ขัดกันลิบลับกับริมฝีปากปิดสนิทและแววตาเย็นชาคู่นั้นของบุรุษอีกคน
กลุ่มคนเล็กๆ มุ่งหน้าออกจากสนามบินด้วยรถยนต์ยุโรปราคาสูง การจราจรที่ไม่ติดขัดนัก ทำให้พาหนะรูปทรงประเปรียวใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมง ก็สามารถเลี้ยวเข้าหมู่บ้านแถบชานเมืองของประดาผู้มีอันเกินทั้งหลาย สุดท้ายรถคันเล็กก็วกเข้าอาณาเขตของคฤหาสน์ลังใหญ่สีขาวสะอาดตา ประดับประดาด้วยน้ำพุสูงและสวนหย่อมจัดเป็นสัดเป็นส่วน
ด้วยความเคยคุ้นกับพื้นที่คนขับ จึงสามารถหยุดรถลงตรงบริเวณหน้าประตู บานสูงของตัวบ้านได้พอดี
“ ไงไอ้ภัค ”
เสียงดังกังวานทักนำมาก่อนร่างค่อนข้างท้วมสมวัยของบุรุษชราประมุขของบ้าน จะปรากฏขึ้น แม้ผมหยิกสะบัดปลายน้อยๆ จะกลายเป็นสีเงินแล้วหมดทั้งหัวบ่งบอก ถึงอายุ หากใบหน้าเจ้าของคฤหาสน์ยังคงสดใส สะท้อนถึงสุขภาพจิตที่สมบูรณ์ แต่อารมณ์ขณะนี้ติดจะขุ่นมัวเพราะลูกชายคนโต
ดังนั้นเมื่อเห็นหน้าถนัดว่าไม่ผิดตัวแน่ ผู้เป็นพ่อจึงรัวไม่ยั้ง
“ แว่บไปแว่บหายอย่างกับพรายกระซิบ จะหาตัวทีได้ยากได้เย็น เดี๋ยวโผล่ตรงโน้น เดี๋ยวแผล่บไปตรงนี้ ข้าอยากจะรู้นักว่าไอ้....... ”
“ เดี๋ยวป๋าหยุดก่อน เล่นด่ายาวรวดเดียวไม่พักหายใจแบบนั้น เดี๋ยวก็ได้บันทึกสถิติด่าทนในกินเนสบุ๊คหรอก...โอ๊ย! ” ลูกชายคนเล็กรีบปราม ก่อนสูดปากลั่น เพราะภรรยาเหน็บเข้าให้ที่สีข้างพร้อมทั้งทำตาเขียวใส่
ชายหนุ่มจึงรีบพูดต่อเร็วปรือ
“ ก็...ตีกำลังท้องกำลังไส้ ยื่นนานๆ ไม่ดีนะจ๊ะ ป๋าเข้าไปนั่งบ่น....เอ๊ย....นั่งถาม สารทุกข์สุขดิบกันต่อข้างในดีกว่า ”
คนทั้งกลุ่มพยักหน้าเห็นด้วยกับเหตุผล จึงเคลื่อนย้ายสถานที่สนทนาไปยัง ห้องรับแขกใหญ่ของบ้าน
เรียกได้ว่ายังไม่ทันหย่อนตัวลงนั่งแนบเบาะได้สนิทดีคนเป็นพ่อก็ถามต่อ
“ ไปงวดนี้จะเอาเท่าไหร่? ”
อันที่จริงการเจรจาธุรกิจส่วนใหญ่สมควรมุ่งเน้นถึงเรื่องความสำเร็จ แต่เมื่อไหร่ลูกชายคนโตลงมือเอง เรื่องสำเร็จจึงกลายเป็นสิ่งปรกติไปโดยปริยาย ในขณะการขยายสาขาและการลงทุนใหม่กลับเป็นประเด็นหลักแทน
“ ผมขอดูให้แน่ใจก่อนว่ามันไม่ตุกติกแน่ แล้วจะบอกป๋าอีกทีครับ ” คนตอบถนอมทั้งเสียงทั้งคำพูด
“ แล้วเรื่องเคซีกรุ๊ปมันเป็นยังไง สองสามวันก่อนเห็นวิ่งกันวุ่นวาย ” ประมุขของบ้าน รัวข้อสงสัยต่อไม่ยั้ง
ร่างสูงถอนหายใจยาวก่อนจะขยับนั่งหลังตรง ครู่หนึ่งสีหน้าชายหนุ่มมีริ้วรอย เหนื่อยหน่ายต่อคณะบุคคลที่ถูกกล่าวอ้างถึงอย่างเห็นได้ชัด
“ เห็นว่ามีเรื่องเปลี่ยนบอร์ดผู้บริหารกันใหม่ครับ ยกชุดเลยคราวนี้ เลยยุ่งๆ นิดหน่อย คณะผู้บริหารใหม่ก็ต้องการสัญญาใหม่ที่จะเอื้อกับงานของเขามากกว่า แต่สัญญาที่เราทำไว้กับคณะเก่าดีกับทางเราผมก็เลยไม่อยากเปลี่ยน ”
“ แล้วจะทำยังไงต่อ ? ” มีบ้างที่บางครั้งคนเป็นพ่อตามความคิดลูกชายไม่ทัน
“ ป๋าไม่ต้องห่วงครับ ผมกลับมางวดนี้เดี๋ยวจัดการเอง รับรองไม่เกินอาทิตย์จะ เรียบร้อย ” แววตาบุตรชายคนโตมุ่งมั่นดุจดั่งที่เคยเป็นเสมอมา น้ำเสียงเย็นเยียบ แฝงความมั่นใจเต็มเปี่ยม เสมือนไม่เคยมีสิ่งใดที่เจ้าตัวลงมือทำแล้วจะไม่สำเร็จ รอยยิ้มอ่อนๆ ที่บางคนขนานนามว่า ‘ รอยยิ้มมัจจุราช ’ สร้างทั้งความรู้สึกกลัวเกรง ให้แก่ผู้ด้อยกว่า รวมทั้งกระแสความไม่เป็นมิตรที่ทำให้หลายต่อหลายคนจงชังนักหนา
นี่คือสิ่งเล็กน้อยในอีกหลายๆ สิ่งที่รวมกันเป็น......ภูริภัค ภูวนตรัย
“ คืนนี้ดวลเหล้ากันซักยกดีไหม? ” พอภูริภัครับปากเป็นมั่นเหมาะ คุณภูผาก็เริ่มครึ้มอกครึ้มใจจนเอ่ยปากชวนลูกชายคนโต
แต่คนตอบรับเสียงใสหน้าตาแป้นแล้นกลายเป็นลูกชายคนเล็ก “ ดีครับป๋า แหมป๋านี่เวลาอารมณ์ดีทีไรน่ารักทุกที เสียอยู่อย่างเดียว ป๋าอารมณ์ดีปีละสามหนเท่านั้นเอง ”
ภรรยาสาวแนบเข้าให้ที่สีข้างอีกทีอย่างอดไม่อยู่ ทำเอาชายหนุ่มครางโอย หุบปากลงทันควันก่อนหันมามองหน้าคนประทุษร้ายตาปรอยๆ อย่างออดอ้อน จะว่าไปตั้งแต่ภูตีภัทรรู้ว่าภรรยากำลังตั้งท้อง เขาก็เลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทุกประเภท ถ้าไปงานเลี้ยงและจำเป็นจริงๆ ชายหนุ่มก็จะจิบบ้างเอาแค่พอเป็นพิธีแล้ววาง หันไปคว้าน้ำอัดลมไม่ก็น้ำผลไม้แทน นัยว่าเป็นการดื่มเป็นเพื่อนเพื่อเอาใจภรรยาสาว ที่กำลังตั้งท้อง
เห็นแบบนั้นตยาคีก็ใจอ่อน จะว่าไปหล่อนก็ไม่เคยหวงหรือห้ามสามี เมื่อเขาเต็มใจ จะลดละเลิกด้วยตัวเองทั้งๆ ที่เคยดื่มเป็นงานอดิเรก หญิงสาวก็แอบปลื้มเปรมอยู่เงียบๆ ดังนั้นคราวนี้พอเป็นโอกาสดีพ่อลูกจะได้สังสรรค์ตยาคีก็เลยไม่คิดจะขัด แต่ที่หยิกเข้าให้หมับหนึ่งเพราะว่าที่คุณพ่อดูจะร่าเริงกับน้ำเมาเกินเหตุ
“ พูดกับคุณป๋าดีๆ สิคะ ”
แรกเริ่มเดิมทีนั้นสะใภ้เล็กก็เรียกขานคุณภูผาว่า ‘ ป๋า ’ ตามผู้เป็นสามี แต่ผ่านไปได้ไม่กี่วัน ภูตีภัทรก็เริ่มรู้สึกคันๆ หู
‘ อย่าเรียกป๋าเฉยๆ เลย เวลาไปเดินไหนๆ ด้วยกัน เดี๋ยวคนอื่นจะนึกว่าป๋าเก่ง ขนาดจีบสาวสวยอย่างคุณตีมาเป็นกิ๊กได้ ’
ผลสรุปคือทั้งป๋าและภรรยารวมกันประสิทธิประสาทพรให้ชายหนุ่มแบบไม่ซ้ำซ้อน สามวันรวด โทษฐานลามปามบุพการีและภรรยาที่ควรเคารพ หากสุดท้าย ตยาคีก็อดโอนอ่อนตามใจสามีไม่ได้
ยามนี้ ‘ คุณป๋า ’ เลยทำเสียงสาแก่ใจแฝงแววเป็นต่อ
“ สมน้ำหน้าโดนเมียด่า ถ้ารู้ว่าแต่งหนูตีเข้าบ้านแล้วข้าจะสบายอกสบายใจแบบนี้ ข้าไปขอให้เอ็งตั้งแต่สิบขวบแล้ว ”
คนพูดกระหยิ่มยิ้มย่องขณะลูกสะใภ้เองก็หันมายิ้มหวานตอบให้
“ คุณป๋าก็ห้ามดื่มเกินสองแก้วนะคะ คุณลุงหมอฟ้องว่าความดันเริ่มจะขึ้นอีกแล้ว ”
คราวนี้คุณป๋าหุบปากลงฉับทันควัน ขณะลูกชายคนเล็กยักคิ้วแผล็บใส่ พร้อมทั้งลอกเลียนทั้งประโยคทั้งน้ำเสียงกระแนะกระแหนมาแทบจะไม่ผิดเพียน
“ แหม...ถ้ารู้ว่าแต่งคุณตีเข้าบ้านแล้วผมจะสบายอกสบายใจแบบนี้ ผมไปขอให้ตัวเองตั้งแต่อายุสิบขวบแล้ว ”
สองพ่อลูกคู่อาฆาตจ้องหน้ากันครู่หนึ่งก่อนระเบิดเสียงหัวเราะดังสนั่น ตยาคีเองก็พลอยยิ้มอย่างมีความสุขไปด้วย จนกระทั้งสายตาไปสะดุดกับใบหน้า ครามคมเข้มของลูกชายคนโตคุณภูผา ที่เพียงแต่ยิ้มน้อยๆ ตรงมุมปาก ราวกับว่าเขาเป็นภาพเขียนที่ศิลปินไม่ปารถนาให้แสดงอารมณ์ใดๆ มากไปกว่าความสงบนิ่งและเรียบเฉย
“ งั้นวันนี้ค้างที่นี่ซักคืนนะนายภัค จะได้กินกันยันสว่า...ง... ” น้องชายหันมาเสนอ และภรรยาก็สนองทันทีด้วยดวงตาเขียวปั๊ดทำให้คนพูดต้องรีบกลับลำเรือจนเสียงหลง “ อันที่จริงเอาแค่เกือบเช้าก็ได้...โอ๊ะ!....ไม่สิ เอาแค่ดึกๆ ก็พอ ”
ภูริภัคไหวไหล่ทีหนึ่งเพื่อแสดงการตกลง ลูกตาดุๆ มีแววขำขัน
“ เป็นพี่เป็นน้องกันมาสามสิบกว่าปี เพิ่งเห็นนายถูกปราบได้อยู่หมัดก็วันนี้ ดีใจชะมัด ”
แม้ฟังเผินๆ จะเหมือนเป็นการดูถูกกลายๆ แต่ลึกลงไป ภูริภัคหมายความตามที่เขาพูดจริงๆ ตั้งแต่ตยาคีย้ายเข้ามาอยู่ในคฤหาสหลังนี้ บ้านใหญ่ก็เริ่มมีชีวิตชีวา ไม่ใช่แค่คิดว่ามีเหมือนในอดีต ภูตีภัทรอาจจะเป็นคนหัวเราะง่ายกับทุกเรื่อง แต่ชายหนุ่มก็รู้ดีตามภาษาคนใกล้ชิดผูกพันกันว่ามันเป็นไปแบบผืนๆ ตามมารยาท และแห้งแล้งเต็มทน เพิ่งจะไม่นานมานี้ที่รอยยิ้มน้องชายดูสดใสอ่อนละมุนโดยไม่เสแสร้ง
“ เราเก็บไว้ไปดีใจมั่งวันที่นายถูกปราบก็ได้ ” คนโดนแซวค่อยสงบปากสงบคำลง เพราะภรรยาที่เคารพรักนั่งกระแอมปรามเป็นเซ็นเซอร์คำไม่สุภาพอยู่ข้างๆ
ภูริภัคหัวเราะหึๆ ในลำคอก่อนตอบทีเล่นทีจริง
“ อย่าเลยเพราะนายคงไม่ได้ดีใจง่ายๆ หรอก ”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น