ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คุณปู่ซ่า...คุณย่าแสบ (ฉบับรีไรน์)

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.พ. 49




    “คุณปู่ใจร้าย ไม่รักษาสัญญา ใบเฟิร์นไม่รักคุณปู่แล้ว”

    เสียงต่อว่าดังมาร่างของเด็กหญิงวัยห้าขวบในชุดนอนลายหมีพูสีชมพูสดใส ซึ่งนอนอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก ทำให้ภูผาที่กำลังปิดประตูอยู่ชะงักแล้วหันไปมองด้วยสายตาลุแก่โทษ

    “ใบเฟิร์นจ๋า คุณปู่ขอโทษ คุณปู่มีงานด่วนจริง ๆ ยกโทษให้คุณปู่นะครับ” พูดพลางก้มไปหมายจะอุ้มหลานสาว แต่เจ้าตัวกลับขยับหนีเสียก่อน

    ให้มันได้อย่างนี้สิ สงสัยวันนี้เป็นวันซวยของเขาจริง ๆ แบบว่าซวยซ้ำ ซวยซาก หลังจากจัดการกับเอกสารบัญชีงบดุลที่มีปัญหาเสร็จ ต้องไปรบกับผู้หญิงไม่ว่าจะเป็นลิลลี่ หรือว่าคุณย่าจอมแสบคนนั้น กว่าจะลากสังขารตัวเองกับมาถึงบ้าน เขาต้องมารบกับหลานสาวคนเดียวอีกหรืออย่างไรนะ ภูผาคิดอย่างอ่อนใจ ”ว้า...สงสัยเค้กช็อกโกเลตกล่องนี้ คุณปู่ต้องกินคนเดียวแล้วสิ” บ่นพร้อมกับชูกล่องขนมเค้กไปมา

    “ใบเฟิร์นกินค่ะ ยกโทษให้คุณปู่ก็ได้ แต่คราวหลังใบเฟิร์นโกรธจริง ๆ นะคะ” ว่าพลางก็ลุกขึ้นมากอดภูผา

    ชายหนุ่มจึงอุ้มหลานสาวเดินเข้าไปในครัว ที่มีอุปกรณ์ทำครัวที่แสนจะทันสมัยจัดวางอยู่อย่างเป็นระเบียบ ด้วยเหตุที่ไม่มีใครใช้นั่นเอง

    นาน ๆ ทีที่ป้าแววแม่บ้านจะลงมือทำครัวสักที ถ้าเย็นวันไหนเขาบอกว่าจะกลับมากินข้าวที่บ้าน แต่ส่วนใหญ่เขาจะไปฝากท้องตามร้านอาหารหรู ๆ กับบรรดาสาว ๆ เสียมากกว่า ส่วนใบเฟิร์นเขาก็เอาไปฝากให้คุณหญิงจริญญาแม่ของตุลาเพื่อนสนิท ซึ่งเขาเคารพและนับถือเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งดูแลหลานแทน

    ซึ่งท่านก็รับฝากโดยดีเพราะท่านรักและเอ็นดูใบเฟิร์นอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่วายบ่นเรื่องที่เขายังออกตระเวนราตรีเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ทั่ง ๆ ที่น่าจะเพลา ๆ ลงได้แล้ว แต่ภูผาก็ยังคงเป็นภูผาทำตัวเป็นคุณปู่ที่ดีของหลานได้ไม่นานก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม ครั้นท่านจะปล่อยปะละเลยก็ไม่ได้เพราะสงสารเด็กตาดำ ๆ ขึ้นมาจับใจ ท่านได้แต่ภาวนาให้ภูผามีคนมาปราบเสียที จะได้อยู่เฝ้าบ้านเป็นอย่างคนอื่นบ้าง

    “ป้าแววไปไหนนะ ทำไมปล่อยให้เราอยู่คนเดียว”

    “ป้าแววทำความสะอาดห้องคุณปู่อยู่ค่ะ”

    ป้าแววแม่บ้านวัยกลางคนที่เขาจ้างมาทำความสะอาดสัปดาห์ละสามครั้ง แต่ช่วงสามปีหลังนี้ต้องพ่วงด้วยตำแหน่งพี่เลี้ยงเด็กเข้าไปด้วยอีกตำแหน่งหนึ่ง

    “แล้วเราล่ะ เพิ่งตื่นนอนใช่ไหม” พูดขณะวางหลานสาวบนเก้าอี้เด็กในห้องรับประทานอาหารซึ่งอยู่ติดกับห้องครัว

    “ใบเฟิร์นตื่นนานแล้วค่ะ ใบเฟิร์นไม่เคยตื่นสายนะคะ คุณครูบอกว่าคนนอนตื่นสายเป็นเด็กไม่ดี”

    “จริงอ่ะ...อย่างนี้ต้องพิสูจน์” พูดพร้อมกับหอมแก้มหลานสาวฟอดใหญ่

    “ไม่เอาคุณปู่ ใบเฟิร์นอยากกินเค้ก”

    “ก็ได้...”

    ภูผาพูดจบก็รีบเดินเข้าไปหยิบช้อน จานในครัว ขณะที่เขากำลังแกะกล่องเค้กอยู่นั้น ป้าแววรีบวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา พอเห็นว่าใบเฟิร์นอยู่กับเขาถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก

    “ค่อยยังชั่ว นึกว่าหายไป...คุณภูค่ะ วันนี้ป้าขอลากลับก่อนนะคะ คงอยู่ดูคุณหนูตอนเย็นไม่ได้”

    “ทำไมล่ะครับ” ชายหนุ่มถามขณะวางจานขนมบนโต๊ะ

    “คือลูกป้า ประสบอุบัติเหตุตอนนี้นอนอยู่โรงพยาบาลน่ะคะ”

    “เป็นอะไรมากไปหรือเปล่าครับ” ภูผาถามอย่างเป็นห่วง เพราะคำว่าเขารู้สึกไม่ดี หรือใจหายทุกครั้งเมื่อได้ยินคำว่า อุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ ก็ตาม ด้วยอดีตที่ผ่านมาที่เขาต้องสูญเสียคนในครอบครัวไปเกือบทั้งหมด ก็เพราะคำว่า อุบัติเหตุ เพียงคำเดียวเท่านั้น เขาจึงอดเป็นห่วง และไม่อยากให้ใครต้องเจอกับเรื่องร้ายเหมือนเขา

    “ก็ไม่มากหรอกค่ะ แค่ขาขวา กับแขนขวาหักน่ะค่ะ”

    “ผมว่าป้ารีบไปเถอะครับ ไม่ต้องห่วงทางนี้...ผมจะดูแลใบเฟิร์นเอง”

    “คุณภูไม่นัดสาวไว้ที่ไหนเหรอค่ะ”

    ป้าแววถามพร้อมกับเหลือบมองนายจ้างอย่างเกรงใจ เพราะรู้อยู่แล้วว่าหนุ่มเนื้อหอมอย่างภูผามักจะมีนัดกับสาวไม่ซ้ำหน้า ไปดินเนอร์กันในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์อย่างนี้เสมอ แต่ความจริง...เกือบทุกวัน โดยมีป้าแววเป็นพี่เลี้ยงดูแลหลานสาวให้ แต่วันปกติจะพาไปฝากคุณหญิงจริญญาเสียมากกว่า

    “ไม่เป็นไรหรอกวันนี้ผมว่าง”

    “งั้นป้ากลับก่อนนะค่ะ” ป้าแววพูดอย่างไม่ค่อยเชื่อถือเขามากเท่าไหร่

    เมื่อป้าแววกลับไปแล้วภูผาจึงหันถามหลานสาวที่กินเค้กอย่างเอร็ดอร่อย เขาส่ายหน้าอย่างอารมณ์ดีกับความไร้เดียงสาของเด็กน้อย คงมีแต่เด็กเท่านั้นแหละที่เป็นตัวของตัวเองได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะโกรธ จะเกลียด หรือว่าดีใจ เสียใจ ที่แสดงความรู้สึกออกมาได้อย่างไม่ปิดบัง

    เขาไม่รู้เหมือนกันว่าโตขึ้นแล้ว ใบเฟิร์นหลานสาวสุดที่รักของเขาจะเป็นอย่างไร จะกลายเป็นคนเอาแต่ใจเหมือนลูกของคนมีหน้ามีตาในสังคมที่ถูกตามใจมาจนเคยตัวหรือเปล่า หรือว่าจะกลายเป็นเด็กเสียคนอย่างที่หลาย ๆ คนชอบใช้อ้างกันว่า มาจากครอบครัวไม่อบอุ่น

    เฮ้ย...คิดแต่เรื่องดี ๆ ทั้งนั้น ไอ้ภูเอ้ย เขาบ่นตัวเองในใจกับความรู้สึกที่เขาเป็นกังวลกับอนาคตของหลานตัวเอง ก่อนจะถามใบเฟิร์นที่นั่งเก้าอี้เด็กฝั่งตรงข้ามว่า

    “เป็นไงอร่อยไหม กินไม่ยอมพูดยอมจาเลยนะเรา”

    “อร่อยค่ะ อร่อยเหมือนเค้กที่คุณย่าทำให้ต้นกล้าเลยค่ะ”

    “ใครล่ะลูก ปู่รู้จักไหม” หลานสาวส่ายหน้าแทนคำตอบ “ต้นกล้าเป็นศัตรู...เอ๊ย...เพื่อนที่โรงเรียนค่ะคุณปู่” ภูผาเงยหน้าจากจานขนมที่ตัวเองกำลังตักกินอย่างแปลกใจกับคำตอบของหลานสาว ก่อนที่เขาจะถามต่อหลานสาวตัวดีก็พูดเสียก่อน “เค้าชอบดึงผมใบเฟิร์นบ่อย ๆ ตอนเค้าจับได้ว่าใบเฟิร์นแอบกินขนมเค้า”

    แทบสำลักกับเหตุผลของหลานตัวเอง “แต่ปู่ให้เงินลูกไปใช้แล้วหนิครับ ปู่บอกแล้วไงว่าอยากได้อะไร ให้ใช้เงินซื้อน่ะ”

    “แต่ซื้อขนมกินเองมันไม่อร่อยเหมือนขนมของต้นกล้าหนิค่ะ” หลานสาววัยห้าขวบพยายามแย้ง

    “งั้นลูกต้องบอกเพื่อนก่อน ขอเขาดี ๆ สิครับ อย่าแอบกินอย่างนี้มันไม่ดี” ภูผาพยายามอธิบายให้เด็กหญิงเข้าใจ แต่หลานสาวก็ยังไม่ยอมจำนน

    “ไม่บอกหรอก ขืนบอกไปต้นกล้าก็เอาไปซ่อนใบเฟิร์นก็อดสิค่ะ”

    “งั้นก็ซื้อขนมไปแบ่งเพื่อนสิ เค้าจะได้แบ่งให้เรา”

    “ไม่แบ่งให้หรอกค่ะ เดี๋ยวต้นกล้าก็กินของใบเฟิร์นหมด ยิ่งงก ๆ อยู่ด้วย แล้วอีกอย่างนะคะ ขนมของต้นกล้าก็มีตั้งเยอะใบเฟิร์นกินนิดเดียวเอง ดึงผมใบเฟิร์นแทบหลุดแหนะ จ้างให้ก็ไม่แบ่งให้หรอก” ยิ่งได้ฟังคำพูดของหลานสาวมันทำให้ภูผาถึงกับสรรหาคำพูดมาสั่งสอนไม่ถูก

    เขาจะเลี้ยงหลานอย่างไรดีนะ ไม่ให้หลานเสียคน ต้องให้เวลาอยู่กับหลานมากกว่านี้หรือเปล่า แต่ถ้าอยู่ด้วยแล้วไม่รู้จะสอนอย่างไรอีกล่ะ คราวนี้จะทำอย่างไรดี
    ทำอย่างไรดีนะ...จะสอนให้หลานสาวรู้จักเสียสละ

    ทำไมเลี้ยงเด็กนี่มันถึงได้ยากได้เย็นอย่างนี้นะ ดีนะที่ใบเฟิร์นเป็นแค่หลานไม่ใช่ลูก ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าเขาจะกลุ้มมากกว่านี้อีกกี่เท่า แล้วนี่เขาจะสอนหลานอย่างไรดี ถ้าคนในครอบครัวเขายังมีชีวิตอยู่ก็คงดี เขาคงไม่กลุ้มอย่างนี้ คงยังใช้ชีวิตหนุ่มโสดอย่างอิสรเสรีไม่มีห่วงให้คอยกังวลอย่างนี้

    ขณะนั้นเองเสียงโทรศัพท์มือถือก็ปลุกเขาจากภวังค์ “ว่าไง” ภูเขาตอบไปโดยไม่มีคำทักทาย “...งั้นเหรอ...คงไม่ได้หรอก วันนี้ต้องอยู่เลี้ยงหลานไปไหนไม่ได้”

    “...”

    “อืม...ก็ได้ ราว ๆ สองทุ่ม งั้นฉันโทรบอกนายตุลเองแล้วกัน ฉันไม่มีปัญหาอยู่แล้ว...ได้แล้วเจอกัน”

    “คุณปู่ใจร้าย จะทิ้งใบเฟิร์นอีกแล้ว วันนี้ก็ผิดสัญญาไม่พาใบเฟิร์นไปเที่ยว แล้วยังจะหนีเที่ยวอีก ใจร้ายที่สุดเลย” เสียงหลานสาวคนเดียวต่อว่าทันทีหลังจากเขาวางโทรศัพท์

    “ปู่ไม่ได้หนีเที่ยวสักหน่อย วันนี้อาภัทรกับอาตุลจะมาบ้านเรา ใบเฟิร์นไม่ดีใจหรือคะ...อาภัทรเพิ่งกลับจากอเมริกาด้วยสิ ไม่รู้ว่าจะมีของฝากมาให้รึเปล่าน้า...”

    “คุณปู่ไม่ได้ออกไปจริง ๆ นะคะ” พยักหน้าแทนคำตอบ “ไชโย...พรุ่งนี้ใบเฟิร์นจะมีเรื่องไปอวดเพื่อนที่โรงเรียนแล้ว...คุณปู่ขา พรุ่งนี้คุณปู่อย่าลืมซื้อเค้กอย่างนี้มาให้ใบเฟิร์นอีกนะค่ะ อร่อยดี ใบเฟิร์นจะเก็บไว้เอาไปอวดต้นกล้าที่โรงเรียน”

    “จ้า...กินเสร็จแล้วไปอาบน้ำได้แล้ว จะบ่ายสองอยู่แล้วยังมอมอยู่เลยนะเรา” ว่าแล้วร่างของหลานสาวตัวน้อยก็วิ่งหายเข้าไปในห้อง เขาก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาขณะเก็บจานขนมไปล้างใบครัว

    ++++++++++++++++++++

    เสียงคนหัวเราะกันดังมาจากในครัวขณะที่อิงฟ้ากำลังเดินเข้าไป บริเวณครัวขนาดใหญ่ที่บริเวณริมทางเข้าจะมีชั้นวางขนมที่ทำเสร็จใหม่ ๆ วางอยู่ ถัดจากนั้นจะเป็นพื้นที่ที่ใช้ในการทำขนมประเภทอบ โดยมีเตาอบขนาดกลางอยู่ติดผนัง ใกล้ ๆ กันนั้นก็มีเครื่องตีแป้งตั้งอยู่

    ส่วนในสุดของครัวจะเป็นบริเวณทำขนมไทย ที่อุปกรณ์ต่าง ๆ วางอยู่อย่างเป็นระเบียบ ไม่ว่าจะเป็นรังถึง กระทะทองเหลือง รวมถึงบริเวณตรงกลางห้องมีโต๊ะขนาดใหญ่สำหรับเตรียมของ ซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยใบตอง และเป็นที่มาของเสียงหัวเราะที่อิงฟ้าได้ยิน

    “สรุปแล้วอีตานั้นใช่งูตัวที่ฟ้าเจอในฝันหรือเปล่าจ๊ะ” เกศแก้วที่กำลังเจียนใบตองอยู่ถามทันทีเมื่อเห็นว่าใครเดินเข้ามา

    “ไม่ใช่...แล้วก็ไม่มีทางจะใช่ด้วย อีตาบ้านั่นยกให้ฟรี ก็ไม่เอาหรอก ผู้ชายอะไรกวนโอ๊ยชะมัด” อิงฟ้าพูดอย่างหัวเสียขณะวางของที่ซื้อมาบนโต๊ะ

    “เค้าพูดอะไรให้ไม่เข้าหูล่ะจ๊ะ ถึงได้หัวเสียอย่างนี้น่ะ เราเห็นแต่ฟ้าพูดอยู่ฝ่ายเดียวน้า”

    “ไม่ได้พูดก็กวนได้...ไม่เห็นเหรอตอนที่อีตานั่นมองเราสองคนน่ะ มองอย่างกับเราเป็นพวกอย่างว่า ฮึ...นึกว่าตัวเองดีตายล่ะ แล้วแกก็อีกคนนะ ทำอย่างนั้นน่ะ อีกตาบ้านั่นคงเชื่อสนิทใจแล้วมั้งว่าเราสองคนเป็นทอมกับดี้”

    “แล้วมันไม่ดีหรือจ๊ะ ต่อไปเค้าจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับฟ้าน่ะ อืม...หรือว่าฟ้าอยากให้เค้ายุ่งจ๊ะ จะว่าไปเค้าก็ดีนะ ฟังจากที่ต้นกล้าพูดมาว่าวันนี้ไปเจอนางยักษ์ทำร้ายมาน่ะ แล้วที่สำคัญหล่อด้วยน้า...ฟ้าไม่สนหรือจ้า”

    “หล่อตายล่ะ...อย่างกะตุ๊ด” ว่าพลางเก็บของให้เข้าที่เข้าทาง

    อิงฟ้าคิด ...ผู้ชายอะไรรูปร่างก็ดูเป็นผู้ชายอยู่หรอก...สูง ขาว จมูกโด่ง คิ้วคมเข้ม หัวคิ้วชนกันอีกต่างหาก เจ้าชู้แหง่ ๆ มองรวม ๆ ก็หน้าตาดีอยู่หรอก จะเรียกว่าหล่อก็ไม่ใช่...แต่จะเรียกว่าสวยก็คงไม่ได้อีก สรุปแล้วว่าเป็นผู้ชายที่ดูสวยกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก

    “แต่ผมชอบคุณอานะครับ หล่อ ใจดี แล้วก็รวยด้วย” ต้นกล้าที่กำลังปั้นลูกชุบอยู่พูดขึ้นมาบ้าง คำพูดของเด็กชายทำเอาผู้ใหญ่สองคนถึงกับเลิกคิ้วด้วยความสงสัย “ก็รถคุณอาสวย...ผมชอบ แล้วอาเกศบอกว่านางยักษ์มักจะชอบจับคนรวยไงครับ”

    ได้เรื่องแล้วสิ แม่เพื่อนตัวดีสอนอะไรไม่สอน

    อิงฟ้าปลายตาไปมองเพื่อนตัวเองที่ทำเป็นง่วนกับงานตรงหน้า ไม่สนใจเงยหน้าขึ้นมามองหล่อนเลยสักนิด เหมือนคนที่กำลังมีความผิดแล้วไม่กล้าสบตากับใคร ปล่อยให้หลานตัวแสบอยู่กับเพื่อนตัวดีทีไรได้เรื่องทุกที เพราะแต่ละอย่างที่เกศแก้วสอนต้นกล้านั้น ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่อิงฟ้ารับไม่ได้ทั้งนั้น

    ไม่ว่าจะเป็นสอนปีนต้นไม้ สอนหมัดมวย หรือแม้กระทั่งสอนเทคนิคการเอาคืนโดยที่ไม่ถูกใครจับได้ ตอนแรกที่อิงฟ้ารู้เรื่องนี้นั้น ทำเอาหล่อนลมจับ เลือดขึ้นหน้าด้วยความโมโห โดยเฉพาะเพื่อนของหล่อนที่เป็นผู้ใหญ่แต่กลับสอนอะไรที่ไม่เข้าเรื่องกับเด็ก

    แม้หล่อนจะต่อว่าเพื่อนไปอย่างไร เกศแก้วก็ยังคงสอนอะไรแผลงให้ต้นกล้าเป็นประจำในยามที่หล่อนไม่อยู่ด้วย และดูเหมือนชายตัวดีจะร่วมมือด้วยเป็นอย่างดี เพราะไม่ว่าสอนอะไรมาเด็กชายก็สามารถจดจำได้อย่างแม่นยำและไม่ยอมบอกให้หล่อนรู้อีกต่างหาก

    "แล้วคุณลุงอาตี๋ที่มาบ่อย ๆ ต้นกล้าไม่ชอบหรือครับ เค้าก็ใจดี แล้วก็รวยเหมือนกันนะครับ” เกศแก้วลองถามหยั่งเชิงถึง อภิชาติหรืออาตี๋ ลูกชายเจ้าของร้านเพชรที่มาสมัครเป็นคุณปู่ของต้นกล้า แต่ถูกพ่อหลานตัวแสบแกล้งอยู่บ่อย ๆ ด้วยความร่วมมือของเด็กในร้านและความช่วยเหลือของเกศแก้ว

    “ผมไม่ชอบ...หล่อก็ไม่หล่อ อ้วนก็อ้วน แล้วยังชอบใส่เพชรมาที ผมเงี้ย...แสบตาหมดเลย” ว่าแล้วก็หลับตาหยีประกอบคำพูดของตน เรียกเสียงหัวเราะจากสองสาวได้เป็นอย่างดี “แต่ถ้าเป็นคุณอาคนเมื่อกี้ ผมว่าน่าจะสู้กับคุณปู่ของใบเฟิร์นได้”

    “ใครล่ะลูก” อิงฟ้าถามด้วยความแปลกใจ

    “เพื่อนที่โรงเรียนครับ คนที่ชอบแอบกินขนมของผมบ่อย ๆ”

    “ทำไมไม่แบ่งให้เพื่อนหละครับ ขนมเรามีตั้งเยอะ” อิงฟ้าต่อว่าหลาน

    “แบ่งให้ทำไมครับ...เงินของใบเฟิร์นมีตั้งเยอะ ซื้อขนมกินเองได้ตั้งหลายอย่าง ใบเฟิร์นงกจะตาย ขนาดไม่แบ่งยังกินเกือบหมด ถ้าแบ่งให้คงกินของผมหมดแน่เลย”

    “แล้วเราปล่อยให้เค้ากิน ฟรี ๆ หรือไงจ๊ะ” เกศแก้วถามขึ้นบ้างอย่างรู้ทัน

    “ผมก็ดึงผมของใบเฟิร์นสิครับ” ว่าพลางทำท่าประกอบ

    “อะไรนะ” อิงฟ้าร้องขึ้นอย่างตกใจ “ย่าไม่เคยสอนให้ลูกเห็นแก่ตัว แล้วก็ไม่เคยสอนให้ทำร้ายเพื่อนด้วยนะ”

    “แต่อาเกศบอกว่าใครทำอะไรเราไว้ต้องตอบแทนอย่างสาสม”

    นั่นไง...สอนแต่ละอย่าง ได้เรื่องทั้งนั้น

    อิงฟ้าคิดพร้อมส่งค้อนวงใหญ่ไปให้เพื่อนอีกรอบ สงสัยงานนี้หล่อนต้องจัดการอบรมสั่งสอนแม่เพื่อนตัวดีก่อนเสียแล้ว หลังจากนั้นค่อยมาจัดการกับหลานชายทีหลัง เพราะเด็กอย่างไรก็เป็นเด็ก ถ้าไม่มีผู้ใหญ่สั่งสอนไปในทางที่ผิด หรือทำตัวอย่างที่ไม่ดีให้เห็น เด็กคงไม่ทำอะไรนอกลู่นอกทางหรอก

    “แต่อาไม่ได้บอกให้รังแกผู้หญิงนะลูก” เกศแก้วพูดอย่างร้อนตัวเมื่อสบสายตาพิฆาตของเพื่อนสาว แล้วต่อด้วย “ผู้ชายแข็งแรงกว่าต้องปกป้องดูแลผู้หญิงนะครับ”

    “ต้นกล้า...อย่าดึงผมเพื่อนอีกนะ แล้วขนมก็แบ่งให้เพื่อนด้วย ถ้ากลัวหมดก็เอาไปเยอะ ๆ หรือไม่ก็กลับมากินที่บ้าน” อิงฟ้าบอก

    แต่หลานชายก็ขัดขึ้นมา “แต่ผมไม่อยากแบ่งให้ใบเฟิร์นหนิครับ ผมไม่ชอบ”

    “ทำไมล่ะลูก เพื่อนกันก็ต้องรักกันสิ” เกศแก้วอดที่จะถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจไม่ได้

    “ก็ใบเฟิร์นเค้าชอบอวดว่าคุณปู่เค้าเก่ง หล่อ แล้วก็รวยนะสิครับ”

    “ขนาดนั้นเชียว” อิงฟ้าถามอย่างเหลืออด

    “ครับ...ใบเฟิร์นเล่าว่า ควงผู้หญิงทีไม่ซ้ำหน้ากันเลย แถมแต่ละคนสวยอย่างกับนางเอกละครอีกด้วย”

    ตาเฒ่าหัวงู...ทำอะไรไม่รู้จักระวัง อิงฟ้าค่อนขอดในใจ ไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง อิงฟ้ารู้สึกสงสารเด็กหญิงใบเฟิร์นอย่างจับใจ แม้ว่าจะไม่เคยเห็นหน้าเลยก็ตาม

    “ผมก็เลยไม่ชอบ เพราะผมไม่มีคุณปู่ไปอวดเค้า” พูดพร้อมกับทำหน้าเศร้า

    “ถึงไม่มีคุณปู่ แต่ต้นกล้าก็มีคุณย่าไปอวดเพื่อน ๆ ได้หนิครับ” เกศแก้วปลอบใจ

    “แต่ใบเฟิร์นไม่มีคุณย่า แล้วเค้าจะรู้ได้ยังไงว่าคุณย่าของผมเก่งกว่า แล้วก็สวยกว่าคุณย่าของเค้า”

    เอาเข้าไป...แค่นี้ก็เดาได้แล้วว่า เด็กสองคนไม่ถูกชะตากันเพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะความอิจฉา ที่เห็นอีกฝ่ายมีสิ่งที่ตนเองไม่มี เห็นทีงานนี้หล่อนคงต้องจัดการอบรมหลานใหม่เสียแล้ว อิงฟ้าคิดพลางขณะลูกหัวของต้นกล้าอย่างเอ็นดู

    เมื่อบอกให้ต้นกล้าออกไปกินขนมด้านนอกแล้ว อิงฟ้าจึงหันไปเล่นงานเพื่อนสาวที่ตอนนี้หันไปตัดใบเตยอยู่สุดหัวโต๊ะ เรียกว่าขอให้ห่างหล่อนให้มากที่สุดเท่าที่พื้นที่จะเอื้ออำนวย นี่ก็อีกคน ที่หล่อนต้องจัดการให้เรียบร้อย

    “ว่าไงย่ะแม่ตัวดี คิดว่าหนีไปอยู่ตรงนั้นแล้วจะรอดเหรอ”

    “หนี...หนีอะไร แล้วทำไมต้องหนีด้วย” ทำหน้าเหรอหราขณะพูด

    อิงฟ้าเดินเข้าไปหาพร้อมกับยกมือขึ้นมาจับผมเพื่อนตัวเองเล่น “แล้วผมเนี่ยนะ...คิดยังไงไปตัด ก่อนออกจากบ้านผมยังยาวอยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วที่ว่าไปทำธุระน่ะ ไปตัดผมมาใช่ไหม แค่นี้ก็ทำเป็นความลับ”

    “ไม่ใช่สักหน่อยฉันไปทำธุระจริง ๆ เรื่องของยัยรินน่ะ”

    พอพูดถึงวรินดาลูกพี่ลูกน้อง ซึ่งอิงฟ้ารู้ว่าเพื่อนของตัวเองรักเหมือนน้องสาวแท้ ๆ แววตาขี้เล่นก็มีแววเศร้าขึ้นมาแวบหนึ่ง ก่อนจะปรับให้เป็นปกติ

    “แล้วตัดผมเนี้ยะ...มันของแถม”

    “แล้วยัยรินเป็นไงบ้าง” อิงฟ้าถามอย่างเกรงใจเพื่อน

    “ไม่เป็นไรแล้วล่ะ พรุ่งนี้ทุกอย่างจะเรียบร้อย”

    อิงฟ้ามองเพื่อนอย่างไม่ค่อยเชื่อ แต่ก็ไม่ซักมากไปกว่านี้ เพราะรู้ดีว่าเพื่อนตัวเองคงไม่ยอมหลุดปากอะไรมามากกว่านี้แน่

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×