ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : สภาพการณ์ที่จะดำเนินไปภายหลังจากยกเลิกมาตรา112
“ถ้าไม่มีมาตรา 112 แล้วถ้าพระมหากษัตริย์ถูกหมิ่นประมาท ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้าย จะให้สถาบันฯกษัตริย์ลงมาฟ้องร้องประชาชนเองเลยใช่มั้ยครับ??”
ถ้ากษัตริย์ ใช้สิทธิฟ้องร้อง จะหมายถึง กษัตริย์แยแสต่อสิ่งเล็ก ๆ น้อยน้อย แม้แต่คำวิจารณ์ !
การเรียกค่าเสียหายของกษัตริย์ ผมเชื่อว่า จะทำให้สถานะของกษัตริย์ยิ่งด้อยราคาลง ผิดกับการอยู่เฉย ๆ ปล่อยให้สิ่งที่วิจารณ์--ถ้าไม่จริง ก็ไม่มีคนเชื่อไปเอง แต่ถ้าจริง กษัตริย์จะต้องสำนึกแก้ไข
ถามว่า กษัตริย์พึงมีสิทธิดังว่ามั้ย? ผมเห็นว่า "ต้องมี" แต่จะใช้สิทธินั้นหรือไม่ก็แล้วแต่วิจารณญาณของกษัตริย์เอง
เรื่อง นี้ผมรับหลักการมาจากคำอธิบายกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ.127(ซึ่งบังคับใช้สมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์) โดย ศ.ดร.หยุด แสงอุทัย อธิบายเกี่ยวกับมาตราประเภทนี้ไว้ว่า :
"ความผิดทำนองที่บัญญัติ ไว้ในมาตรา104 อนุมาตรา 1 ประเทศต่าง ๆ ไม่นิยมจะให้มีการฟ้องร้อง เพราะถือว่าเท่ากับแสดงว่ารัฐบาลอ่อนแอ กลัวเกรงจนกระทั่งคำพูดหรือหนังสือที่เอกชนโฆษณา และถ้ารัฐบาลดีจริงแล้ว การแสดงออกเช่นนั้นก็ไม่มีใครเชื่อถืออยู่เองเป็นการกระทำที่ไร้ประโยชน์ใน ตัว"
“ความสัมพันธ์ระหว่างพระมหากษัตริย์กับประชาชนนั้น ถือเป็น "เอนกนิกรสโมสรสมมติ" กับ"ราชประชาสมาสัย"หมายความว่าพระมหากษัตริย์กับประชาชนเป็นอันหนึ่งอัน เดียวกัน เกื้อกูลกัน และจะไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกันเป็นอันขาด
พูดง่ายๆเหมือนกับพ่อปกครองลูก ไม่ใช่"เทวดา"นะครับ วัฒนธรรมไทยลูกให้ความเคารพต่อพ่อ พ่อให้ความเมตตาต่อลูกครับ
ดัง นั้นพระมหากษัตริย์จะไม่ทรงทำเด็ดขาดถ้าจะให้ฟ้องร้องประชาชนพสกนิกร นี้คือสิ่งที่จะไม่ทรงทำพระมหากษัตริย์ตามโบราณราชประเพณีไทยคือผู้อภิบาล คุ้มครองพสกนิกร ดังนั้นจะทรงมีพระเมตตากรุณาต่อพสกนิกรเป็นอันดับแรก
กลับกันลูกในฐานะพสกนิกรแผ่นดิน จะไม่กล่าวร้าย และจะเทิดทูนเคารพพ่อของแผ่นดินอย่างสูงสุดครับ นี้คือประเพณีไทยที่คนไทยต่างยอมรับ”
1.ถ้ากษัตริย์ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ก็ย่อมทำได้ตามวิจารณญาณส่วนพระองค์
2.ถ้า กษัตริย์ดีจริง ก็ไม่พึงแยแสต่อคำวิจารณ์ อีกนัยหนึ่งคือ กษัตริย์ต้องไม่ทรงสิ่งใดโดยพระองค์เองอยู่แล้ว(เว้นแต่จะ "ถูกขอ" และต้องมีผู้รับสนองฯ) ฉะนั้นเป็นการตัดขาดการกระทำทั้งปวง ซึ่งไม่เป็นเหตุให้วิจารณ์ และแม้นจะมีคนวิจารณ์ คำพูดนั้นก็ย่อมไม่มีคนเชื่อถือเอง ด้วยเหตุที่ไม่มีมูล ดังปรากฏในอังกฤษ ญี่ปุ่น ฯลฯ
กล่าวสั้น ๆ ว่า "ถ้าดีจริงก็อยู่ได้เอง และถ้าทนแม้แต่คำวิจารณ์ไม่ได้ หรือไม่ดีจริงก็สูญพันธุ์ไป"เท่านั้นครับ
“สามัญชนถ้าหากถูกหมิ่นประมาทหรือถูกโฆษณาในเรื่องไม่จริงทำให้เสื่อมเสีย ยังสามารถใช้สิทธิตามกระบวนการยุติธรรมได้ แต่นี้สถาบันฯไม่อยู่ในฐานะที่จะมาฟ้องร้องด้วย คุณได้กล่าวไว้แล้วถ้าสถาบันฯฟ้องเองก็จะทำให้ด้อยค่า
แล้วยังไงเหรอครับ หมายความว่าถ้าฟ้องเองก็เสีย ถ้าปล่อยไว้เฉยๆก็เสียอีกเพราะถือว่ายอมต่อข่าวเท็จ ข่าวลวงนั่นอีก
แบบนี้แล้วคุณ phuttipong จะให้สถาบันกษัตริย์ถูกทำลายลงไปเรื่อยๆหรือครับ”
กษัตริย์ มีสิทธิที่จะชี้แจงครับ(และมีสิทธิที่จะฟ้อง---แต่ถ้าฟ้องมันก็ดูเสื่อม ๆ) การชี้แจงย่อมกระทำได้ครับ โดยขึ้นอยู่ที่ตัวกษัตริย์และราษฎรว่า "เชื่อคำชี้แจงหรือไม่" มันเป็นเสรีภาพที่กษัตริย์มีได้ปกติ ตราบเท่าที่ไม่ใกล้ชิด(หรืออาจกระเทือน)ต่อ "อำนาจรัฐ"
“ถ้าใช้ตรรกะเดียวกับคุณ ถ้าผมถูกหมิ่นประมาท ก็อย่าฟ้องใช่มั้ยครับ เพราะถ้าฟ้องผมก็จะเสื่อม ให้ชี้แจงแทน โธ่ คุณ แค่ชี้แจงมันไม่พอหรอก การฟ้องร้องดำเนินคดี เพื่อมีเจตจำนงพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองนะครับ ถ้าชี้แจงใครๆก็ชี้แจงได้ แต่มันจะไม่เคลียร์ เพราะไม่ได้รับการพิสูจน์อะไรเลยต่างกับการดำเนินคดี มีการต่อสู้กันใช้ชั้นศาล พิสูจน์ข้อเท็จจริงด้วย พยานหลักฐาน ถึงจะเคลียร์”
ถ้ากษัตริย์ต้องการผูกใจเจ็บ หรือ เดือดร้อนตัวเอง ก็ต้องฟ้องเองครับ กษัตริย์ก็เป็นมนุษย์ ถ้ากลัวเสียหน้าก็ไม่ต้องฟ้อง
คุณกำลังยืนยันเสมอว่า "เจ้าวิเศษกว่ามนุษย์" ใช้กฎหมายมาตรฐานเดียวกับมนุษย์ไม่ได้!
ที่ผมบอกว่ามีสิทธิชี้แจง โดยอำนาจทางสังคม(หากไม่ผูกพยาบาท) ย่อมจูงใจให้คนเชื่อในตัวอยู่แล้ว ซึ่งต้องอยู่ที่ตัวกษัตริย์แต่ละพระองค์นั้นด้วย แต่ถ้าจะใช้สิทธิทางกฎหมายในการฟ้องร้อง ก็ทำได้ ถ้าคุณจะเอาเรื่องแต่กลัวอาย มันสมเหตุสมผลกันแล้วหรือ ! ตลกครับ
“เรื่องฟ้องร้อง ตามธรรมเนียมไทยผู้ใหญ่ไม่ลดตัวลงมาทะเลาะกับเด็ก ความเห็นที่จะให้พระมหากษัตริย์ฟ้องดำเนินคดีประชาชน จึงเป็นความเห็นที่ไม่ได้มองบริบทของสังคมไทยเลยครับ”
คราวก่อนคุณเพิ่งบอกเองว่า ถ้าไม่ให้สิทธิพระองค์เลย ก็จะกลายเป็นถูกจำกัดสิทธิยิ่งกว่าราษฎรทั่วไปที่ฟ้องร้องได้
และ ผมก็ได้อธิบายไปในคราวก่อนแล้วว่า กษัตริย์ทรงสิทธิที่จะใช้(เพราะพระองค์เป็นมนุษย์ ย่อมทรงสิทธิเท่ามนุษย์ด้วยกัน) แต่จะใช้หรือไม่? ให้เป็นวิจารณญาณของพระองค์
“คุณ phuttipong ต่อให้วันนี้ยกเลิก ม.112 โดยทันที ก็ไม่ได้หมายความว่า"การหมิ่น"จะถูกยกเลิกความเป็นของประหลาด คุณต้องเข้าใจว่าคนที่รักในหลวงและรักสถาบัน ไม่ใช่เพราะมีกฎหมายมาบังคับ หรือเพราะมี ม.112 แต่รักที่สถาบันทำประโยชน์ให้ชาติครับ ทำงานเพื่อประโยชน์สุขให้ประชาชน และวางตัวดีตลอด นี้คือสิ่งที่ผมและคนรักสถาบัน ยังรักและเคารพต่อในหลวง ขออภัยนะ ผมไม่ได้จะว่าคุณ มันเหมือนคุณกำลังดูถูกผม และ คนรักสถาบัน อื่นอยู่เลย มันเหมือนกับคุณกำลังสื่อว่า ถ้ายกเลิกกฎหมาย ม.112 แล้ว ผมและคนรักสถาบันจะเห็นว่าการหมิ่นไม่ใช่เรื่องประหลาด”
คือ คุณกำลังใช้มาตรฐานปัจจุบันอันเกิดจากความวิปริตผิดพลาด มาแสดงให้ผมเห็นว่า "พวกคุณเห็นว่ามันเป็นของประหลาดที่วิจารณ์เจ้า" คุณจะใช้ความรู้สึก ณ ความเชื่อและแวดล้อมเดิมไปตัดสินเหตุการณ์ทางสังคมไม่ได้(คล้าย ๆ กับ การห้ามเอาความรู้สึกปัจจุบันไปตัดสินสภาพในยุคประวัติศาสตร์) เพราะตัวแปรมันต่างกัน(เช่น กฎหมาย ข่าวสาร ความเสรีทางความคิด ฯลฯ )
สถาบัน ไม่ต้องทำงานครับ เพราะไม่ใช่ฝ่ายบริหาร(ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐ ผมอธิบายไปแล้วถึงหน้าที่ของพระองค์) ฉะนั้น ไม่ต้องทำงานเรียกเรตติ้งครับ คุณตัดสินกษัตริย์อีกแล้วว่าวางตัวดีโดยตลอด ผมถามว่า คุณเอาอะไรเป็นเกณฑ์ชี้วัด "สภาพจิตใจของคุณใช่มั้ย?"
ผมไม่เคยดูถูก เลยว่า พวกคุณจะต้องหัวอ่อนแปรพักตร์ (ผมจะดูถูกพวกคุณเฉพาะ คนที่ชอบด่ากราด) แต่ผมจะบอกคุณว่า ทุกวันนี้ที่เราเชื่อ(โดยไม่พิสูจน์)อย่างเลยตามเลยแบบนี้เพราะ ไม่มีการกระบวนการคิดกันจริง ๆ แจกแจงพฤติกรรมของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งมันทำให้มาตรฐานความคิดของคนไทยส่วนใหญ่ ก็คงมาตรฐานอยู่เท่าที่สมควรจะรู้หรือสมควรจะคิด ตามที่ถูกถ่ายทอดนำเสนอหรือโฆษณาการเท่านั้น
ถ้ากษัตริย์ ใช้สิทธิฟ้องร้อง จะหมายถึง กษัตริย์แยแสต่อสิ่งเล็ก ๆ น้อยน้อย แม้แต่คำวิจารณ์ !
การเรียกค่าเสียหายของกษัตริย์ ผมเชื่อว่า จะทำให้สถานะของกษัตริย์ยิ่งด้อยราคาลง ผิดกับการอยู่เฉย ๆ ปล่อยให้สิ่งที่วิจารณ์--ถ้าไม่จริง ก็ไม่มีคนเชื่อไปเอง แต่ถ้าจริง กษัตริย์จะต้องสำนึกแก้ไข
ถามว่า กษัตริย์พึงมีสิทธิดังว่ามั้ย? ผมเห็นว่า "ต้องมี" แต่จะใช้สิทธินั้นหรือไม่ก็แล้วแต่วิจารณญาณของกษัตริย์เอง
เรื่อง นี้ผมรับหลักการมาจากคำอธิบายกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ.127(ซึ่งบังคับใช้สมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์) โดย ศ.ดร.หยุด แสงอุทัย อธิบายเกี่ยวกับมาตราประเภทนี้ไว้ว่า :
"ความผิดทำนองที่บัญญัติ ไว้ในมาตรา104 อนุมาตรา 1 ประเทศต่าง ๆ ไม่นิยมจะให้มีการฟ้องร้อง เพราะถือว่าเท่ากับแสดงว่ารัฐบาลอ่อนแอ กลัวเกรงจนกระทั่งคำพูดหรือหนังสือที่เอกชนโฆษณา และถ้ารัฐบาลดีจริงแล้ว การแสดงออกเช่นนั้นก็ไม่มีใครเชื่อถืออยู่เองเป็นการกระทำที่ไร้ประโยชน์ใน ตัว"
“ความสัมพันธ์ระหว่างพระมหากษัตริย์กับประชาชนนั้น ถือเป็น "เอนกนิกรสโมสรสมมติ" กับ"ราชประชาสมาสัย"หมายความว่าพระมหากษัตริย์กับประชาชนเป็นอันหนึ่งอัน เดียวกัน เกื้อกูลกัน และจะไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกันเป็นอันขาด
พูดง่ายๆเหมือนกับพ่อปกครองลูก ไม่ใช่"เทวดา"นะครับ วัฒนธรรมไทยลูกให้ความเคารพต่อพ่อ พ่อให้ความเมตตาต่อลูกครับ
ดัง นั้นพระมหากษัตริย์จะไม่ทรงทำเด็ดขาดถ้าจะให้ฟ้องร้องประชาชนพสกนิกร นี้คือสิ่งที่จะไม่ทรงทำพระมหากษัตริย์ตามโบราณราชประเพณีไทยคือผู้อภิบาล คุ้มครองพสกนิกร ดังนั้นจะทรงมีพระเมตตากรุณาต่อพสกนิกรเป็นอันดับแรก
กลับกันลูกในฐานะพสกนิกรแผ่นดิน จะไม่กล่าวร้าย และจะเทิดทูนเคารพพ่อของแผ่นดินอย่างสูงสุดครับ นี้คือประเพณีไทยที่คนไทยต่างยอมรับ”
1.ถ้ากษัตริย์ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ก็ย่อมทำได้ตามวิจารณญาณส่วนพระองค์
2.ถ้า กษัตริย์ดีจริง ก็ไม่พึงแยแสต่อคำวิจารณ์ อีกนัยหนึ่งคือ กษัตริย์ต้องไม่ทรงสิ่งใดโดยพระองค์เองอยู่แล้ว(เว้นแต่จะ "ถูกขอ" และต้องมีผู้รับสนองฯ) ฉะนั้นเป็นการตัดขาดการกระทำทั้งปวง ซึ่งไม่เป็นเหตุให้วิจารณ์ และแม้นจะมีคนวิจารณ์ คำพูดนั้นก็ย่อมไม่มีคนเชื่อถือเอง ด้วยเหตุที่ไม่มีมูล ดังปรากฏในอังกฤษ ญี่ปุ่น ฯลฯ
กล่าวสั้น ๆ ว่า "ถ้าดีจริงก็อยู่ได้เอง และถ้าทนแม้แต่คำวิจารณ์ไม่ได้ หรือไม่ดีจริงก็สูญพันธุ์ไป"เท่านั้นครับ
“สามัญชนถ้าหากถูกหมิ่นประมาทหรือถูกโฆษณาในเรื่องไม่จริงทำให้เสื่อมเสีย ยังสามารถใช้สิทธิตามกระบวนการยุติธรรมได้ แต่นี้สถาบันฯไม่อยู่ในฐานะที่จะมาฟ้องร้องด้วย คุณได้กล่าวไว้แล้วถ้าสถาบันฯฟ้องเองก็จะทำให้ด้อยค่า
แล้วยังไงเหรอครับ หมายความว่าถ้าฟ้องเองก็เสีย ถ้าปล่อยไว้เฉยๆก็เสียอีกเพราะถือว่ายอมต่อข่าวเท็จ ข่าวลวงนั่นอีก
แบบนี้แล้วคุณ phuttipong จะให้สถาบันกษัตริย์ถูกทำลายลงไปเรื่อยๆหรือครับ”
กษัตริย์ มีสิทธิที่จะชี้แจงครับ(และมีสิทธิที่จะฟ้อง---แต่ถ้าฟ้องมันก็ดูเสื่อม ๆ) การชี้แจงย่อมกระทำได้ครับ โดยขึ้นอยู่ที่ตัวกษัตริย์และราษฎรว่า "เชื่อคำชี้แจงหรือไม่" มันเป็นเสรีภาพที่กษัตริย์มีได้ปกติ ตราบเท่าที่ไม่ใกล้ชิด(หรืออาจกระเทือน)ต่อ "อำนาจรัฐ"
“ถ้าใช้ตรรกะเดียวกับคุณ ถ้าผมถูกหมิ่นประมาท ก็อย่าฟ้องใช่มั้ยครับ เพราะถ้าฟ้องผมก็จะเสื่อม ให้ชี้แจงแทน โธ่ คุณ แค่ชี้แจงมันไม่พอหรอก การฟ้องร้องดำเนินคดี เพื่อมีเจตจำนงพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองนะครับ ถ้าชี้แจงใครๆก็ชี้แจงได้ แต่มันจะไม่เคลียร์ เพราะไม่ได้รับการพิสูจน์อะไรเลยต่างกับการดำเนินคดี มีการต่อสู้กันใช้ชั้นศาล พิสูจน์ข้อเท็จจริงด้วย พยานหลักฐาน ถึงจะเคลียร์”
ถ้ากษัตริย์ต้องการผูกใจเจ็บ หรือ เดือดร้อนตัวเอง ก็ต้องฟ้องเองครับ กษัตริย์ก็เป็นมนุษย์ ถ้ากลัวเสียหน้าก็ไม่ต้องฟ้อง
คุณกำลังยืนยันเสมอว่า "เจ้าวิเศษกว่ามนุษย์" ใช้กฎหมายมาตรฐานเดียวกับมนุษย์ไม่ได้!
ที่ผมบอกว่ามีสิทธิชี้แจง โดยอำนาจทางสังคม(หากไม่ผูกพยาบาท) ย่อมจูงใจให้คนเชื่อในตัวอยู่แล้ว ซึ่งต้องอยู่ที่ตัวกษัตริย์แต่ละพระองค์นั้นด้วย แต่ถ้าจะใช้สิทธิทางกฎหมายในการฟ้องร้อง ก็ทำได้ ถ้าคุณจะเอาเรื่องแต่กลัวอาย มันสมเหตุสมผลกันแล้วหรือ ! ตลกครับ
“เรื่องฟ้องร้อง ตามธรรมเนียมไทยผู้ใหญ่ไม่ลดตัวลงมาทะเลาะกับเด็ก ความเห็นที่จะให้พระมหากษัตริย์ฟ้องดำเนินคดีประชาชน จึงเป็นความเห็นที่ไม่ได้มองบริบทของสังคมไทยเลยครับ”
คราวก่อนคุณเพิ่งบอกเองว่า ถ้าไม่ให้สิทธิพระองค์เลย ก็จะกลายเป็นถูกจำกัดสิทธิยิ่งกว่าราษฎรทั่วไปที่ฟ้องร้องได้
และ ผมก็ได้อธิบายไปในคราวก่อนแล้วว่า กษัตริย์ทรงสิทธิที่จะใช้(เพราะพระองค์เป็นมนุษย์ ย่อมทรงสิทธิเท่ามนุษย์ด้วยกัน) แต่จะใช้หรือไม่? ให้เป็นวิจารณญาณของพระองค์
“คุณ phuttipong ต่อให้วันนี้ยกเลิก ม.112 โดยทันที ก็ไม่ได้หมายความว่า"การหมิ่น"จะถูกยกเลิกความเป็นของประหลาด คุณต้องเข้าใจว่าคนที่รักในหลวงและรักสถาบัน ไม่ใช่เพราะมีกฎหมายมาบังคับ หรือเพราะมี ม.112 แต่รักที่สถาบันทำประโยชน์ให้ชาติครับ ทำงานเพื่อประโยชน์สุขให้ประชาชน และวางตัวดีตลอด นี้คือสิ่งที่ผมและคนรักสถาบัน ยังรักและเคารพต่อในหลวง ขออภัยนะ ผมไม่ได้จะว่าคุณ มันเหมือนคุณกำลังดูถูกผม และ คนรักสถาบัน อื่นอยู่เลย มันเหมือนกับคุณกำลังสื่อว่า ถ้ายกเลิกกฎหมาย ม.112 แล้ว ผมและคนรักสถาบันจะเห็นว่าการหมิ่นไม่ใช่เรื่องประหลาด”
คือ คุณกำลังใช้มาตรฐานปัจจุบันอันเกิดจากความวิปริตผิดพลาด มาแสดงให้ผมเห็นว่า "พวกคุณเห็นว่ามันเป็นของประหลาดที่วิจารณ์เจ้า" คุณจะใช้ความรู้สึก ณ ความเชื่อและแวดล้อมเดิมไปตัดสินเหตุการณ์ทางสังคมไม่ได้(คล้าย ๆ กับ การห้ามเอาความรู้สึกปัจจุบันไปตัดสินสภาพในยุคประวัติศาสตร์) เพราะตัวแปรมันต่างกัน(เช่น กฎหมาย ข่าวสาร ความเสรีทางความคิด ฯลฯ )
สถาบัน ไม่ต้องทำงานครับ เพราะไม่ใช่ฝ่ายบริหาร(ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐ ผมอธิบายไปแล้วถึงหน้าที่ของพระองค์) ฉะนั้น ไม่ต้องทำงานเรียกเรตติ้งครับ คุณตัดสินกษัตริย์อีกแล้วว่าวางตัวดีโดยตลอด ผมถามว่า คุณเอาอะไรเป็นเกณฑ์ชี้วัด "สภาพจิตใจของคุณใช่มั้ย?"
ผมไม่เคยดูถูก เลยว่า พวกคุณจะต้องหัวอ่อนแปรพักตร์ (ผมจะดูถูกพวกคุณเฉพาะ คนที่ชอบด่ากราด) แต่ผมจะบอกคุณว่า ทุกวันนี้ที่เราเชื่อ(โดยไม่พิสูจน์)อย่างเลยตามเลยแบบนี้เพราะ ไม่มีการกระบวนการคิดกันจริง ๆ แจกแจงพฤติกรรมของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งมันทำให้มาตรฐานความคิดของคนไทยส่วนใหญ่ ก็คงมาตรฐานอยู่เท่าที่สมควรจะรู้หรือสมควรจะคิด ตามที่ถูกถ่ายทอดนำเสนอหรือโฆษณาการเท่านั้น
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น