คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ความฝันกับสัตว์อสูร (1)
ดอกไม้นานาพรรณพากันแบ่งบานรับแสงอาทิตย์ยามบ่าย ท้องฟ้าสีฟ้าสดใสและเมฆก้อนน้อยใหญ่เป็นรูปร่างต่างๆ ลอยอยู่เบื้องบน คารอสมองภาพธรรมชาติตรงหน้าด้วยความสบายใจสุดๆ ความทุกข์ที่มีอยู่ลืมมันไว้เบื้องหลัง ในขณะที่เอนหลังนอนกลางทุ่งดอกไม้เปลือกตาค่อยๆ เลื่อนมาปิดบังดวงตาสีเขียวมรกต เสียงน้ำตกดังแว่วมาตามสายลม คารอสค่อยๆ เดินไปตามเสียงของน้ำตกยิ่งเดินเสียงน้ำตกก็ยิ่งดังขึ้นจนเห็นสายน้ำสีฟ้าสดใสของมหาสมุทรตกกระทบกับก้อนหินน้อยใหญ่เบื้องล่าง คารอสยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งนกยักษ์รูปร่างคล้ายกับนกอินทรีย์บินลงมาทางตน ส่วนหัวของมันเหมือนนกอินทรีย์แต่ตั้งแต่คอลงมาเรื่อยๆ จนถึงเท้ากลับมีรูปร่างเหมือนมนุษย์ ปีกแต่ละข้างกว้างและใหญ่ขนาดสนามฟุตบอลมีไฟสีน้ำเงินเข้มรอบปีกแต่ละข้างของมัน กรงเล็บแหลมคมเหมือนใบมีดมีไข่ใบใหญ่สีแดงเหมือนสีเลือดหนึ่งฟอง
“กริซ” เสียงคำรามของมันดังกึกก้องจนคารอสต้องยกมือขึ้นปิดหู พร้อมทั้งเรียกดาบวิญญาณแห่งเปลวเพลิง และคทาไฟร์ฟินิกส์ให้ปรากฏอยู่ในมือทั้งสองข้างของคารอส
“กริซ กริซ กริซ” สัตว์อสูรตนนั้นยังส่งเสียงร้องออกมาไม่หยุดเมื่อมันเห็นผู้บุกรุกล่วงล้ำเข้ามาในเขตของมัน ดวงตากลมโตสีเพลิงจ้องมองมาทางคารอสพร้อมกับบินอยู่รอบๆ คารอสทันที
“เจ้าเข้ามาในสวนวิหกโลกันตร์ได้อย่างไร” เสียงพูดของสัตว์อสูรนั้นแผ่วเบาแต่กับดังกึกก้องและกังวารยึ่งนัก
“ข้าชื่อคารอส ซาฟิก้า ไฟร์ ราชเวียร์เป็นองค์ชายรัชทายาทของเมืองลาพาเท็นโต้ และข้าก็ไม่รู้ว่าข้าเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร” คารอสพูดบอกชื่อเสียงเรียงนามของตน และตอบคำถามของสัตว์อสูรตรงหน้า
เมื่อสัตว์อสูรได้ยินดังนั้นจึงบินลงมายืนตรงหน้าคารอสทันที แค่เพียงช่วงเวลากระพริบตาสัตว์อสูรก็พาร่างอันใหญ่โตของมันมายืนอยู่ตรงหน้าคารอสอย่างรวดเร็ว
‘หรือว่าเจ้านี่จะเป็นผู้ครอบครองสัตว์อสูรในไข่ฟองนี้ คงต้องทดสอบซะหน่อยแล้ว ถ้าไม่ใช่มันต้องตายสถานเดียว’ สัตว์อสูรลำดับความคิดภายในใจ
“ถ้าเจ้าไม่รู้ ข้าคือพญาอินทรีย์พาทูคาเมน และข้าเป็นผู้ปกครองสวนแห่งนี้” สัตว์อสูรแนะนำตนเองเช่นกัน
“ถ้าเจ้าพิสูจน์ว่าเจ้าสามารถผ่านด่านทดสอบของข้าได้ ข้าจะให้ไข่ฟองนี้กับเจ้า แต่ถ้าไม่เจ้าจะต้องตายอยู่ที่นี่” สัตว์อสูรพูดพลางชูไข่ในอุ้งมือให้คารอสดู
“ตกลง” คารอสพูด แต่ภายในใจชักเริ่มกังวล
สัตว์อสูรตรงหน้าร่ายเวทโบราณด้วยภาษาที่คารอสไม่รู้จัก เสียงร่ายเวทดังกึกก้องและกังวาร ตัวอักขระสีทองอร่ามปรากฏขึ้นมาล้อมรอบตัวคารอส จำนวนตัวอักขระเพิ่มจำนวนมากขึ้นตามคำพูดของสัตว์อสูร เมื่อสัตว์อสูรร่ายเวทจนครบอักขระสีทองทุกตัวต่างหมุนวนรอบตัวของคารอส และเริ่มหมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งคารอสเริ่มมองเห็นไม่ชัดสติเริ่มจะดับ ตรงบริเวณที่เท้าของคารอสเคยยืนอยู่นั้นก็ปรากฏเป็นหลุมสีดำขนาดใหญ่ และแรงดึงดูดมหาศาลก็พาคารอสลงไปในหลุม
ทางด้านเอคัสปรากฏเป็นภาพของมหาสมุทรกว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตา ไม่ปรากฏเกาะให้เห็น ทั่วทั้งบริเวณมีแต่น้ำในมหาสมุทรมีสีเขียวปนคราม ช่างเป็นภาพที่สวยงามยิ่งนักดูแล้วจรรโลงจิตใจได้เป็นอย่างดี แต่มีหรือที่เอคัสจะนิ่งนอนใจกับความผิดปกติตรงหน้า ชายหนุ่มกำลังยืนอยู่บนผิวน้ำเพื่อสังเกตการณ์
‘ทำไมเราถึงมาอยู่ที่นี่ได้ แล้วที่นี่มันที่ไหนกัน’ คิ้วทั้งสองข้างของเอคัสขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด
ตรงกลางมหาสมุทรเริ่มเกิดกระแสน้ำวนขึ้น และน้ำวนเริ่มขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนมองเห็นพื้นดินในมหาสมุทร น้ำในมหาสมุทรกำลังแยกออกเปิดทางให้กับเหล่าคาราวานพวกทหารใต้สมุทร ปูก้ามโตถือหอก กุ้งมีดาบนับสิบอยู่ตามขาของมัน เหล่าทหารอสูรต่างพร้อมใจกันเปิดทางตรงกลางออกปรากฏให้เห็นเป็นชายชรารูปร่างใหญ่โตในมือถือหอกเล่มใหญ่ขนาดมหึมา ช่วงเอวลงไปมีลักษณะเหมือนหางปลามีสีเขียวดั่งสีน้ำมหาสมุทรของที่นี่ ชายชราเริ่มขยับกายเข้ามาหาเอคัสเรื่อยๆ ท่าทางและขนาดใหญ่โตของมันเริ่มทำให้เอคัสไม่ไว้วางใจ
“มหาสมุทรเลือนลั่น” เอคัสเรียกคทาประจำตัวออกมาเพื่อเตรียมพร้อม หัวลูกแก้วสีฟ้าใส มีสายน้ำไหลวนอยู่ข้างใน ด้ามคทาเป็นไม้เนื้ออ่อนสีขาว ลวดลายสวยงาม
“เจ้าหาญกล้าคิดมาขโมยสมบัติที่มหาสมุทรโอเชี่ยนตาติกของข้า” เสียงพูดที่เปล่งออกมานั้นแหลมสูงจนเหลือเชื่อ ถ้ามีกระจกสักบานมาวัดระดับความแหลมสูงแล้วล่ะก็ คงจะแตกไปตั้งแต่คำพูดแรกของสัตว์อสูรแล้ว
“ท่านเป็นใคร” คำพูดแสนสุภาพอย่างเกรงใจสัตว์อสูรตรงหน้ามาจากปากของเอคัสที่ยืนสง่าอย่างไม่สะทกสะท้านกับสัตว์อสูรตรงหน้า
“ฮ่าๆๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะของสัตว์อสูรตรงหน้านั้น ทำให้เกิดคลื่นยักษ์ที่มหาสมุทร คลื่นลูกใหญ่ที่พัดมาทางเอคัสหวังให้ตายไปทันที
“วอเตอร์วอลล์” กำแพงน้ำสีฟ้าสดใสปรากฏขึ้นตรงหน้าเด็กหนุ่มทันที ความสูงของมันสามารถกั้นการมองเห็นของสัตว์อสูรไว้ได้
“เจ้าบังอาจรุกล้ำเข้ามาในเขตแดนของข้า เจ้าจงตายซะเถอะ” ชายชรารูปร่างคล้ายเงือกพูดกับเอคัสพร้อมทั้งร่ายเวทจนผืนน้ำสั่นสะเทือน ท้องฟ้าคำรามเลือนลั่นจากท้องฟ้าสีฟ้ามีก้อนเมฆน้อยใหญ่กลายเป็นมืดครึ้นขึ้นถนัดตา บรรยากาศเย็นเยือกและวังเวงยิ่งนัก
“เปร้ง” เสียงฟ้าร้องดังสนั่น ปรากฏสายฟ้าผ่าลงทุกทิศทุกทางด้วยอัตราความเร็วเหนือแสง
“ตายไปซะ” ฟังจากเสียงก็ดูรู้อยู่แล้วว่ามันเกรี้ยวกราวขนาดไหน
สัตว์อสูรตรงหน้าไม่เสียเวลาแนะนำตัวแม้แต่น้อย ความกลัวที่จะมีใครมาขโมยไข่ที่อยู่กับมันมาเป็นเวลานานนับหลายพันปี ทั้งที่ไข่มันน่าจะฟักได้แล้วก็ตาม แต่ไข่สีฟ้าอมเขียวใบนั้นกลับไม่เคยแม้แต่จะฟักแม้แต่น้อย สัตว์อสูรจึงนำไข่ใบนั้นไปซ่อนไว้ในตัวของมันเอง
“ข้าแต่เทพีแห่งสายน้ำและมหาสมุทร ขอท่านจงโปรดมอบพลังให้แก่ข้า เจ้าแห่งท้องทะเลและมหาสมุทรทั้งปวง ขอพลังให้ข้าได้ปกป้องไข่ของข้าด้วยเถิด” สิ้นเสียงของสัตว์อสูรตรงหน้า คลื่นทะเลปั่นป่วนขึ้นมาทันใด แม้แต่กำแพงเวทของเอคัสก็มิอาจต้านอยู่
“ข้าในนามของเอคัส ฟามินโก้ เวล เซราฟ องค์ชายรัชทายาทอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรอินทีโมดาส ผู้ควบคุมพลังเวทธาตุน้ำ ขอจงโปรดประทานพลังให้กับข้าด้วยเถิด” สิ้นคำกล่าวของเอคัสหัวลูกแก้วบนคทาได้เปร่งแสงสีฟ้าอ่อนเจิดจ้า จนสัตว์อสูรต้องหลับตา พลังสีน้ำเงินครามดั่งสีน้ำทะเลต่างไหลเวียนเข้ามาในหัวลูกแก้วของชายหนุ่มทันที
คารีเฟียร์กำลังนอนอยู่กลางทุ่งหญ้ากว้างใหญ่อย่างอารมณ์ดีภายใต้ท้องฟ้าสีฟ้าสดใส ด้านหน้าของเธอไกลออกไปประมาณหนึ่งกิโล เป็นป่าผลัดใบแลดูร่มรื่นยิ่งนัก หมู่นกต่างพากันขับขานเสียงเพลงให้เธอฟัง แต่แล้วความเงียบก็บังเกิด สัญชาติญาณเตือนให้เธอระวังตัว
“ฉึก ฉึก ฉึก” มีดสั้นจำนวนสามเล่มก็ถูกส่งมาเป็นรางวัลสำหรับคนที่กำลังนอนอารมณ์ดีเกินเหตุ
“ใคร ข้าถามว่าใคร” คารีเฟียร์ที่กำลังอารมณ์เสีย เสียอารมณ์อย่างที่สุดตะโกนออกไป เมื่อกระโดดหลบวิถีของอาวุธที่ส่งมายังเธอ
“พึบ ฉับ ฉับ ตึง” นอกจากจะไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียกแล้ว ยังแถมมีดสั้นอีกหนึ่งเล่มให้คารีเฟียร์อีก ต้องบอกว่าโชคยังเข้าข้างคารีเฟียร์อยู่ เพราะเธอเห็นแสงสะท้อนใบดาบของมีดสั้นจึงทำให้หลบได้ทัน มีดสั้นจึงไปผ่าเอาต้นไม้ด้านหลังเธอ
‘ดูจากความรุนแรงแล้วต้องร่ายเวทเพื่อเพิ่มพลังทำลายเป็นแน่ ลำพังมีดสั้นไม่สามารถตัดต้นไม้ได้แน่นอน’ สาวน้อยวิเคราะห์พลังทำลายของคู่ต่อสู้ พร้อมกับการปรากฏตัวของชายชุดดำหนึ่งคน เป็นชุดสีดำรัดรูป ที่ข้างหลังเหน็บดาบซามูไรอยู่สองอัน
“นายนี่ชอบเล่นทีเผลอใช่ไหม” คารีเฟียร์พูดจบก็เรียกดาบมาไว้ที่ตัว สายลมสังหารตอนนี้ปรากฏอยู่ที่มือของคารีเฟียร์ และความโกรธของคารีเฟียร์ทำให้ลมหมุนที่ใบดาบทวีความรุนแรงมากขึ้นอีก
คารีเฟียร์ใช้ความเร็วของนักฆ่าฟาดฟันดาบใส่ศัตรูตรงหน้าทันทีไม่ปล่อยให้ศัตรูตรงหน้าได้ตั้งตัว แรงโกรธทำให้พลังในการลงดาบแต่ละครั้งเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น
“ย้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
สาวน้อยเงี้ยงดาบขึ้นฟันครั้งสุดท้ายด้วยความแรงสูงสุดเท่าที่ตัวเองจะมี และนั่นทำให้ชายชุดดำต้องใช้สองมือจับปลายด้ามและยกขึ้นกันดาบของคารีเฟียร์อย่างรวดเร็ว การลงดาบครั้งนี้ดุดัน และหนักแน่นมาก ทำให้ชายชุดดำเกือบจะกันคมดาบของคารีเฟียร์ไม่อยู่ คารีเฟียร์ไม่รอช้าใช้ฝ่าเท้าน้อยๆ ของเธอกระโดดเตะก้านคอให้อีกทีหนึ่งด้วยความรักสุดซึ้ง แล้วกระโดดออกมาตั้งหลัก ชายชุดดำซึ่งโดนลูกเตะมหากาฬของคารีเฟียร์เข้าไปถึงกับยืนไม่อยู่ ต้องใช้ดาบปักลงพื้นแล้วใช้ยืนค้ำแทนไม้เท้า
“เป็นไง ตกลงจะบอกได้หรือยังว่านายเป็นใคร แล้วมาทำร้ายฉันทำไม” คารีเฟียร์ถามคำถามต่อทันที เพราะตอนนี้เธอยังไม่มีอารมณ์จะสู้เท่าใดนัก
“ข้าก็เป็นคนธรรมดาไง หรือว่าเจ้าเห็นข้าเป็นเทวดา หรือเทพบุตรหน้าตาหล่อเหลาล่ะ” ชายชุดดำไม่ตอบคำถาม แถมยังพูดจากวนฝ่าเท้าของคารีเฟียร์เต็มที่
“ได้ไม่เป็นไร แต่นายตาย...” คารีเฟียร์ที่เสียอารมณ์เต็มที่พูดจบก็ร่ายเวททันที
ทางด้านคำสิงห์นั้นได้ไปโผล่กลางทะเลทรายในอียิปต์ที่อากาศแสนจะร้อนระอุ เบื้องหน้าของเด็กหนุ่มปรากฏเป็นตัวหุบเขาตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ ฝั่งตรงข้ามกับเมืองธีบส์ ยิ่งอยู่กลางทะเลทรายอย่างนี้ด้วยแล้วคำสิงห์ยิ่งโมโหหนักเข้าไปอีก
‘ที่นี่มันที่ไหนนะ ดูคุ้นๆ ยังไงชอบกล นึกออกแล้วอียิปต์นี่หว่า งั้นนี่ก็หุบผากษัตริย์นี่เอง’ คำสิงห์บ่นรำพึงกับตัวเองในใจ
‘ทำไมข้าไม่มีพลังเวทธาตุน้ำบ้างนะ ร้อนจะตายอยู่แล้ว หิวน้ำด้วย’ คำสิงห์บ่นตัดพ้อต่อว่าตัวเองที่มีพลังเวทธาตุดิน เพราะตอนนี้ชายหนุ่มต้องการน้ำอย่างแรง
“เฮ้ย! นั่นแม่น้ำไนล์นี่หว่า” คำสิงห์ซึ่งเห็นแม่น้ำไนล์มาแต่ไกลก็ดีใจจนวิ่งไปไม่หยุด จุดหมายสำคัญคือแม่น้ำสายสีน้ำเงินสดใส แต่วิ่งไปได้หนึ่งชั่วโมงก็ยังไปไม่ถึงซะที
‘ขนาดใช้ความเร็วของนักฆ่าแล้วนะ ทำไมมันไกลจังว่ะ’ คำสิงห์ที่ยังวิ่งไม่หยุดก็บ่นกับตัวเอง ขณะที่วิ่งไปคำสิงห์ก็เกิดไอเดียเจ๋งแล่นขึ้นมาในสมอง
“ตูบ” คำสิงห์ใช้เวทพลังธาตุของธาตุดินทันที พื้นทรายตรงใต้เท้าคำสิงห์ยุบตัวลงจนตอนนี้คำสิงห์อยู่ใต้ผืนทรายไปแล้ว และกำลังเคลื่อนตัวไปใต้พื้นทรายอย่างรวดเร็ว
“ในเมื่อวิ่งไปมันเหนื่อย งั้นดำทรายมันไปเลยดีกว่า ให้มันรู้กันไปเลยว่าคนอย่างข้าพลเรือนลิงคำสิงห์ซะอย่าง” คำสิงห์ยิ้มให้กับความคิดของตัวเองในตอนนี้ แถมหน้าตาของคำสิงห์ในตอนนี้มันก็เหมือนลิงอีกต่างหาก
ขณะที่กำลังเคลื่อนตัวไปใต้พื้นทรายอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักคำสิงห์ก็มาปรากฏอยู่ตรงริมแม่น้ำไนล์ และก้มหน้าก้มตาดื่มน้ำอย่างรวดเร็ว
“ชื่นใจสุดๆ เลย”
คำสิงห์พูดออกมาอย่างสบายใจ และล้างหน้าในแม่น้ำไนล์ทันที และแล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นฝูงกองทัพผีดิบกำลังเคลื่อนตัวมาหาคำสิงห์อย่างรวดเร็ว สภาพของมันมีผ้าลินินเก่าๆ จนกลายเป็นสีชาพันอยู่รอบร่างกายของมัน กลิ่นลมหายใจเหม็นสาบเกินคำบรรยาย ที่เห็นจะไม่มีผ้าพันไว้ก็เหลือแต่ลูกตาดีแดงกล่ำ และปลายนิ้วที่โผล่ออกมามีสภาพเหมือนหนังแห้งกรังติดกระดูกสีดำน่าเกลียดน่ากลัว
“เฮ้ย! นั่นมันมัมมี่นี่หว่า จะหนีก็ไม่ทันแล้ว” คำสิงห์พูดพร้อมกับที่กองทัพมัมมี่ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากพื้นทรายจนตอนนี้มีจำนวนไม่ต่ำกว่าห้าสิบตัวแล้ว
“เจ้าต้องมาเป็นทาสรับใช้ของข้าไปชั่วชีวิตของเจ้า หึๆๆๆๆ” เสียงพูดของมันแหลมสูงและดูวังเวง ทำให้ขนในกายถึงกับลุกขึ้นมาทันใด หนึ่งในกองทัพมัมมี่พูดขึ้น ลักษณะของมันดูแล้วเหมือนมัมมี่ปกติ แต่ที่แปลกเห็นจะมีคทาอยู่ในมือของมัน หัวลูกแก้วบนคทาสีเขียวมรกต
‘สงสัยเจ้านั่นต้องเป็นหัวหน้าแน่ๆ’ คำสิงห์รำพึงกับตัวเองในใจ พร้อมทั้งใช้มือลูบปลายคางอย่างใช้ความคิด
“พ่อจะยิงให้ไส้แตกเลย ให้มันรู้ไปว่ามันจะไม่ตายใหม่ ตายแล้วก็ยังตายได้อีกเว้ย ถ้าลูกกระสุนหมดก็ใส่ใหม่ได้โว้ย” คำสิงห์พูดออกมาด้วยเสียงดังเพื่อกลบเกลื่อนความกลัว
ทางด้านคารอสเมื่อรู้สึกว่ามีสายน้ำลอยอยู่รอบตัว แต่อุณหภูมิของมันเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เปลือกตาจึงค่อยๆ เลื่อนขึ้นเผยให้เห็นดวงตาสีเขียวมรกต กับน้ำสีน้ำเงินที่กำลังร้อนขึ้น ไวกว่าความคิดมือซ้ายวาดเป็นรูปดาวห้าแฉก แสงสีม่วงอ่อนปรากฏขึ้นเป็นรูปดาวห้าแฉกก่อนส่องแสงสว่างขึ้นเรื่อยๆ ตามที่คารอสวาด พร้อมกับที่ไฟร์ฟินิกส์ปรากฏอยู่ในมือของคารอสทันที
“ข้าแต่เทพแห่งอัคคี เจ้าแห่งไฟขอจงมอบพลังให้แก่ข้า โปรดประทานเพลิงโลกันตร์ให้แก่ข้า” คารอสเริ่มร่ายคาถาทันที ไฟสีน้ำเงินปนส้มปรากฏขึ้นภายในหัวลูกแก้วบนคทาของคารอสทันที
“ไฟร์วอลล์” กำแพงไฟสีน้ำเงินปรากฏขึ้นล้อมรอบตัวคารอสทันที เพื่อเป็นเกราะป้องกันให้คารอส
“หึๆๆๆๆ ใช้ได้นี่เจ้า” พญาอินทรีย์พาทูคาเมนพูดขึ้นอย่างถูกใจในพลังของไฟในตัวคารอส พญาอินทรีย์พาทูคาเมนกระพือปีกอันใหญ่โตของมันทันที ทำให้เกิดพายุลูกไฟสีส้มพุ่งตรงมาใส่คารอสเต็มๆ
“ซุปเปอร์ไฟร์” ลูกไฟสีน้ำเงินปนส้มพุ่งเข้าใส่พญาอินทรีย์พาทูคาเมนทันที จากลูกไฟเล็กๆ ขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนสัตว์อสูรหลบลูกไฟไม่พ้น มันจึงอ้าปากปรากฏเป็นแสงวงกลมเล็กๆ สีส้มและเริ่มขยายขนาดเมื่อรวบรวมพลังได้มากพอ จึงปล่อยใส่คารอส
แต่ไม่ทันที่ลำแสงสีส้มจะมาถึงตัวคารอสก็ปรากฏกำแพงไฟสีน้ำเงินปนส้มของคารอสเข้ามาขวางไว้ทันที
“กริซ กริซ กริซ” พญาอินทรีย์พาทูคาเมนส่งเสียงคำรามกึกก้องสนั่นหวั่นไหวอย่างไม่พอใจที่คารอสรอดพ้นจากลูกไฟของตนไปได้ เสียงคำรามนั้นทำให้ถ้ำถึงกับสั่นสะเทือนขึ้นมาโดยพลัน
“ดาบวิญญาณแห่งเปลวเพลิง” ดาบคู่เล่มใหญ่ ใบมีดกว้างและหนา ใบดาบสีแดงเข้ม แต่ใบดาบนั้นใส และเปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ภายในใบดาบแลดูสวยงาม ด้ามดาบเป็นสีเงิน สลักลวดลายเข้มแข็ง ปรากฏอยู่ในมือของคารอส
“ย้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
เสียงที่ร้องออกมาจนดังสนั่นเพื่อเรียกกำลังที่มีอยู่ทั้งหมดให้ออกมา พร้อมกับวิ่งเข้าไปหาสัตว์อสูรตรงหน้าทันที
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก” พญาอินทรีย์พาทูคาเมนพูดจบก็กระโดดขึ้นพร้อมๆ กับอุ้งมือปรากฏเป็นจักรไฟขนาดใหญ่ มันหมุนเป็นวงกลมและเพิ่มขนาดเร็วขึ้น จนเกิดกระแสไฟฟ้าลั่นอยู่ข้างในและพุ่งตรงเข้าใส่คารอส ณ เวลานั้น
“พรึบ พรึบ พรึบ”
คารอสยกดาบคู่ขึ้นฟันจักรไฟที่พุ่งมาใส่ตนจากทุกทิศทาง แต่ไม่ว่าจะฟันยังไงก็ยังฟันไม่ทันความเร็วของจักรไฟ ตามตัวปรากฏเป็นบาดแผลทั่วทั้งตัวเลือดที่ไหลออกมาสร้างความเจ็บปวดให้ไม่น้อย อีกไม่นานบาดแผลพวกนี้จะทำให้อ่อนเพลียเพราะเสียเลือด และสิ่งที่กัลป์มาทอริกซ์เอ่ยก็ปรากฏขึ้นในสมองของคารอส การใช้จิต
“นี่เจ้าถอดใจยอมแพ้แล้วหรือ ถึงได้หลับตารอความตายอยู่ตรงนั้น ได้ข้าจะช่วยสงเคราะห์เจ้าเอง” สัตว์อสูรที่เห็นคารอสยืนหลับตาอยู่ ก็คิดว่าเด็กหนุ่มถอดใจยอมแพ้จึงขว้างจักรไฟใส่คารอสทันที
‘ตั้งสมาธิใช้การเคลื่อนไหวโดยใช้จิต’ คารอสรำพึงกับตัวเองในใจ
“เคร้ง เคร้ง เคร้ง”
“บรึมมมมมมมมมมม” คราวนี้กลับกลายเป็นว่าคารอสฟันจักรไฟได้ทันทุกครั้ง ตามมาด้วยเสียระเบิดของจักรไฟ
“เจ้าบังอาจทำลายอาวุธของข้า” สัตว์อสูรที่กำลังโกรธจัดพูดด้วยเสียงดังกึกก้อง พร้อมกับไอสังหารที่แผ่ออกมาอย่างรุนแรง
“ท่านเอาจริงแล้วเหรอ” คารอสที่เห็นฝ่ายตรงข้ามเริ่มเอาจริง จริงเริ่มเอาจริงด้วยเช่นกัน
“ผ่าอัคคี” ดาบเล่มใหญ่พร้อมกับไฟที่ปรากฏขึ้นแทนด้ามดาบนั้นมีความร้อนแรงดังเพลิงโลกันตร์ได้ปรากฏเข้ามาในมือของสัตว์อสูร
ทั้งสองพุ่งเข้าหากันทันทีน้ำที่เดือดอยู่ข้างล่างไม่เป็นอุปสรรคแม้แต่น้อย กำแพงไฟรอบตัวคารอสเป็นเกราะป้องกันชั้นดีอยู่แล้ว ส่วนสัตว์อสูรปีกที่อยู่ที่หลังของมันทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมเช่นกัน ทั้งคู่พุ่งเข้าหากันอย่างไม่ลดละ ฝ่ายหนึ่งรุกฝ่ายหนึ่งรับ
“เคร้ง เคร้ง เคร้ง ปึก” คารอสรับดาบของพญาอินทรีย์พาทูคาเมนได้ด้วยการใช้จิตเคลื่อนที่ และใช้เท้าถีบท้องน้อยของสัตว์อสูรเต็มแรงจนกระเด็นไปจนถึงผนังถ้ำอีกฝั่งอย่างรวดเร็ว ขณะที่คารอสกำลังได้เปรียบนั้น
ได้มีไข่ใบใหญ่สีแดงเหมือนสีเลือดปรากฏขึ้นตรงหน้าของคารอส ไข่ใบนั้นลอยเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของคารอสแบบไม่ขาดฝัน ทันทีที่ไข่เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของคารอสความอบอุ่นก็แผ่ไปทั่วทั้งร่างกายของชายหนุ่ม ความรู้สึกที่ผูกพันตั้งแต่ที่ไข่เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดนั้นเป็นเสมือนสายใยบางๆ ที่ร้อยกันเป็นเส้นแสงสีทองจนพญาอินทรีย์พาทูคาเมนถึงกับตกตะลึง ยอมยกไข่ที่เป็นของรักของหวงให้คารอสทันที เพียงชั่วครู่สติของคารอสพลันดับวูบลง
“เจ้าจงดูแลไข่ฟองนี้ไว้ให้ดี วันข้างหน้ามันจะอยู่สู้เคียงข้างกับเจ้า” คำพูดนั้นดังก้องอยู่ในโสตประสาทของคารอส พร้อมกับที่ร่างกายของคารอสปรากฏขึ้นภายในห้องนอนของหัวหน้าชั้นปีพร้อมกับไข่ฟองนั้น คารอสนอนกอดไข่ฟองใหญ่สีแดงดั่งเลือดไว้ตลอดทั้งคืน
“เจ้ากำแหงคิดกับข้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ เจ้ามนุษย์สามหาว” สุรเสียงที่เปล่งออกมาดังกึกก้องซ่อนความโกรธไว้ไม่มิด สัตว์อสูรรูปร่างคล้ายเงือกโกรธแค้นเด็กหนุ่มตรงหน้ายิ่งนัก
“คัมเดอวา คัมฟอมู อินฟอเรน” สัตว์อสูรร่ายเวททันที พายุเริ่มก่อเค้าขึ้นฉับพรัน ปรากฎเสียงฟ้าร้องและฟ้าผ่าดังกึกก้อง จนฝูงทหารสัตว์อสูรเริ่มกลัวจนลนลาน สายฝนกระหน่ำลงมาอย่างแรงดั่งเทพเจ้าพิโรธก็ไม่ปาน ตามมหาสมุทรเกิดคลื่นน้อยใหญ่พัดกระหน่ำดั่งว่าจะเกิดพายุ
“เอโดร่า อีมาโด้ คัมฟอมวอ คารามิน อินวอเตอร์” แทนคำกล่าวเอคัสร่ายเวทเสียงดังกึกก้องทันที ปรากฏเป็นสายฝนที่ตกกระหน่ำลงมาหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น จากหยดน้ำหยุดนิ่งเริ่มการสภาพเป็นน้ำแข็งด้วยอุณภูมิที่ลดลงอย่างรวดเร็ว และพุ่งตรงใส่สัตว์อสูรตรงหน้า
ดวงตาของสัตว์อสูรเบิกกว้างพลางยกแขนขวาข้างที่ถือหอกเล่มใหญ่ขึ้น วาดแขนเพียงเล็กน้อยเหล่าทหารสัตว์อสูรที่โชคร้าย ต่างลอยเข้าไปรับเคราะห์แทนเจ้าแห่งมหาสมุทรทันที สัตว์อสูรได้แต่ลอยเข้าไปรับหยดฝนที่กลายสภาพเป็นน้ำแข็งแทนเจ้านายอย่างน่าเวทนายิ่งนัก
“หึๆๆๆๆๆๆ” แค่นี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอกเจ้าไม่เห็นหรอกหรือ
ด้วยความลำพองใจของสัตว์อสูรที่ไม่รู้แม้แต่น้อยว่าเอคัสนั้นใช้จิตเคลื่อนไหวในตอนนี้ไปแล้ว การซ่อนไอสังหารของเอคัสนั้นช่างแนบเนียนยิ่งนัก การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วจนสายตามองไม่ทัน กลายเป็นเอคัสยืนหลับตาอยู่เฉยๆ นั้นยิ่งทำให้สัตว์อสูรลำพองตัวมากขึ้น
“ข้าจะทำให้เจ้าตายอย่างไม่ทร...โอ๊ยยยยยยยยยยย” คำพูดที่ยังไม่จบประโยคพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนเนื่องจากเอคัสร่ายเวททำให้น้ำในมหาสมุทรบางส่วนกลายเป็นผลึกน้ำแข็งแล้วพุ่งตรงเข้าใส่สัตว์อสูรทันที เลือดที่ไหลออกมามีสีเขียวเข้มไหลออกมาไม่ยอมหยุดเพราะเกิดจากบาดแผลเวท
“เอโดร่า อีมาโด้ คัมฟอวอลล์ คารามิน อินวอเตอร์ โบราโด้” เอคัสร่างเวทกางเขตอาคมทันที เสียงร่ายเวทนั้นดังสนั่นหวั่นไหว สัตว์อสูรถูกกักขังอยู่ในเขตอาคมเรียบร้อย
“เจ้า” พูดได้เพียงเท่านั้นร่างกายของมันก็ระเบิดโดยตรง เพราะอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ดังไฟโลกันตร์ก็ไม่ปานที่ทำให้ร่างของสัตว์อสูรระเบิดออกมา สัตว์น้ำหรือจะทนความร้อนได้ เป็นไปอย่างที่เอคัสคิดไม่มีผิด
‘กลับไปจะขอบคุณคารอสที่ช่วยสอนเวทนี้ให้’ เด็กหนุ่มรำพึงกับตัวเองเบาๆ
ทันทีที่สายตาเหลือบไปเห็นไข่สีฟ้าอมเขียวสดใสลอยอยู่ในเขตอาคมจึงสลายเขตอาคมทันที ไข่ใบนั้นลอยเข้ามาอยู่อ้อมกอดของเอคัสความอบอุ่นก็แผ่ไปทั่วทั้งร่างกายของเด็กหนุ่มโดยความรู้สึกที่ผูกพันตั้งแต่ที่ไข่เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดนั้นเป็นเสมือนสายใยบางๆ ที่ร้อยกันเป็นเส้นแสงสีทอง เพียงชั่วครู่สติของเอคัสพลันดับวูบลง
“เจ้าจงดูแลไข่ฟองนี้ไว้ให้ดี วันข้างหน้ามันจะจงรักภักดีกับเจ้า” คำพูดนั้นล่องลอยมาตามสายลมดังก้องอยู่ในโสตประสาทของเอคัส พร้อมกับที่ร่างกายของเอคัสปรากฏขึ้นภายในห้องนอนของหัวหน้าชั้นปีพร้อมกับไข่ฟองนั้น เอคัสนอนกอดไข่ฟองใหญ่สีฟ้าอมเขียวสดใสไว้ตลอดทั้งคืน
“ข้าแต่เทพเจ้าแห่งวายุ ข้าคารีเฟียร์ เฟอร์เทียร์ ผู้ควบคุมพลังเวทธาตุลมขอพลังจากท่าน ขอท่านได้โปรดประทานพลังให้กับข้าด้วยเถิด” ทันทีที่คารีเฟียร์ร่ายเวทจบก็บังเกิดพายุพัดโอบล้อมรอบตัวของคารีเฟียร์ทันที
ชายชุดดำเริ่มตระหนักได้ถึงความโกรธของผู้หญิงขึ้นมา ความโกรธแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยที่น่ากลัวกับเรี่ยวแรงที่เพิ่มขึ้นนั้นทำให้ชายชุดดำเริ่มเอาจริงขึ้นมาเช่นกัน
“เจ้าตายแน่ แม่จะแทงให้พรุนไปทั้งตัวเลย ให้มันรู้กันไปว่าคนอย่างคารีเฟียร์ซะอย่าง ไม่ตายไม่เลิกเว้ย” คำพูดอวดศักดาของสาวน้อยนั้นดูหาเรื่องไม่ใช่น้อย
“พึบ พึบ พึบ” ดาวกระจายอาวุธลับของนินจาถูกส่งให้สาวน้อยตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
“เคร้ง เคร้ง เคร้ง” คารีเฟียร์ใช้สายลมสังหารปัดดาวกระจายออกไปอย่างง่ายด้วย
“เคร้ง เคร้ง เคร้ง ตูบ” คารีเฟียร์ใช้สายลมสังหารฟาดใส่ศัตรูอย่างไม่ลดละ ทางชายชุดดำได้แต่ยกดาบซามูไรกันอย่างเดียว จึงโดนลูกถีบที่ความแรงไม่สมกับตัวของคารีเฟียร์เข้าไปเต็มๆ
คารีเฟียร์จัดการส่งมีดสั้นใส่ชายชุดดำไปทีเดียวหกเล่มเป็นของแถมให้เล่นๆ ที่กล้าทำให้เธอเสียอารมณ์ พร้อมกับร่ายเวทเพิ่มความเร็วของมีดสั้นทันที ชายชุดดำยกดาบซามูไรฟันแต่ผลเป็นว่าไม่ว่าจะฟันเมื่อไหร่ มีดสั้นก็จะหันทิศมาทางตนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
คารีเฟียร์ที่ยืนมองดูด้วยความสนุกแบบสะใจสุดๆ จึงหยุดการเคลื่อนไหวของมีดสั้นนั้น พร้อมกับคทาที่ตอนนี้ลอยมาอยู่ในมือของคารีเฟียร์เรียบร้อยแล้ว
“จะกวนตีนกัน กวนให้มันถูกคนหน่อยพี่ชาย” สาวน้อยพูดพร้อมทั้งยักคิ้วให้เป็นการกวนกลับไป
“มาดวลกันตัวตัว ไม่ใช้เวทมนต์ ถ้าเจ้าชนะข้าจะให้ไข่ใบนี้กับเจ้า” ชายชุดดำพูดพร้อมทั้งชูไข่สีขาวขุ่นใบใหญ่ให้คารีเฟียร์ดูทันที
“ตกลง” คารีเฟียร์ที่ตอบตกลงทันที เพราะจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาร่ายเวทเป็น นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีเลยทีเดียว
“เคร้ง เคร้ง เคร้ง” เสียงดาบที่ฟันใส่กันทั้งรุกทั้งรับนั้นไม่ได้ทำให้คารีเฟียร์รู้สึกดีขึ้นมาเท่าไหร่นัก
“อย่ามัวแต่เล่นอยู่เลย สู้กันจริงๆ ซะที ข้าขี้เกียจจะเล่นด้วยแล้วนะ” คารีเฟียร์ที่เริ่มรู้สึกเบื่อพูดขึ้นแบบไม่อ้อมแม้แต่น้อย
“ได้...เจอนี่หน่อยเป็นไง วิชาก้นหีบของนินจาเรา” พูดจบชายชุดดำก็กระโดดถอยห่างออกมา
ชายชุดดำยืนตัวตรงมือทั้งสองข้างไขว้ไว้ด้วยกัน พร้อมกับร่างที่เริ่มเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ จนยืนเป็นวงกลมล้อมคารีเฟียร์ไว้ทุกด้าน โดยมีคารีเฟียร์ยืนอยู่ตรงกลาง ปลายดาบซามูไรทุกด้ามเริ่มชี้มาทางเธอ
“ตายแน่คารีเฟียร์เอ้ย” หญิงสาวบ่นกับตัวเองเบาๆ
ดาบซามูไรทั้งสิบเล่มฟันใส่คารีเฟียร์พร้อมกัน สาวน้อยยกสายลมสังหารขึ้นกันแต่ก็กันได้ไม่หมด แน่นอนว่าเกิดบาดแผลตามตัวของคารีเฟียร์ทันที หญิงสาวตระหนักดีว่าไม่ทำให้ถึงตายแต่ก็ทำให้เรี่ยวแรงลดลงไปแน่นอน ช่วงเวลานี้คารีเฟียร์คิดถึงใบหน้าของเอคัสกับผมสีเงิน ดวงตาสีฟ้าเย็นชาคู่นั้น
‘นายจะรู้บ้างไหมว่าฉันอยู่ตรงนี้’ คารีเฟียร์คิดถึงเอคัสในใจ
สาวน้อยหลับตาลงพร้อมกับตั้งสมาธิเพื่อการเคลื่อนไหวด้วยจิต และการเคลื่อนไหวชนิดนี้ต้องปกปิดไอสังหารด้วย เพื่อเพิ่มประสิทธิการในการจู่โจม
“ถอดใจแล้วเหรอน้องสาว ไม่เป็นไรมาอยู่กับพี่มา” ชายชุดดำที่คิดว่าคารีเฟียร์ยอมแพ้แล้ว เพราะสาวน้อยตรงหน้าหลับตาลง และไอสังหารก็สลายหายไปสิ้นแต่ถ้าหากชายชุดดำล่วงรู้ว่าคารีเฟียร์กำลังจะทำอะไรละก็คงไม่พูดจายียวนกวนประสาทแบบนี้แน่
“ฉึก” คารีเฟียร์ใช้สายลมสังหารฟันใส่แขนของชายชุดดำทันที เรียกเลือดออกมาได้ ชายชุดดำที่เริ่มตั้งสติได้จึงลงมือใช้ดาบฟันคารีเฟียร์ต่อ
คราวนี้ความเร็วของคารีเฟียร์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ความเร็วที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยสายตา ความรุนแรงในการลงดาบแต่ละครั้ง กับไอสังหารที่หายไปทำให้จับการเคลื่อนไหวของคารีเฟียร์ไม่ได้
“เป็นอะไรไปพี่ชาย มามะมายอมแพ้ซะดีๆ” คารีเฟียร์ไม่พูดเปล่ายังยกมือขึ้นข้างหนึ่งเพื่อกวักมือเรียกชายชุดดำ
“เคร้ง เคร้ง เคร้ง” เสียงการรับดาบนั้นดังอย่างต่อเนื่องจนไม่สามารถนับได้ ความเร็วนั้นทำให้ชายชุดดำเริ่มถอดใจยอมแพ้ พร้อมๆกับกำลังที่กำลังลดถอยลงเรื่อยๆ
และแล้วปลายดาบของสายลมสังหารก็จ่ออยู่ที่คอของชายชุดดำทันที
“หึๆๆๆๆๆ ข้าแพ้เจ้าแล้วรึเนี่ย”
“ไข่ใบนี้จงดูแลมันให้ดี แล้วมันจะตอบแทนเจ้าด้วยชีวิตของมัน” ชายชุดดำพูดพร้อมทั้งยื่นไข่สีขาวขุ่นใบใหญ่ให้คารีเฟียร์ ทันทีที่รับไข่มาไว้ในอ้อมกอดสายใยเส้นสีทองบางๆ ก็ถักทอขึ้นล้อมรอบคารีเฟียร์ทันที พร้อมกับสติที่ดับวูบลง
ความคิดเห็น