ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คารีเฟียร์ กับตำราแห่งมนตรา และทายาทจอมอสูร

    ลำดับตอนที่ #4 : สะสางบัญชี (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 23 เม.ย. 50


    ดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้านกน้อยต่างส่งเสียงขับขานกันเป็นสำเนียงเพลงที่ไพเราะ  แต่ไม่ว่าเหล่านกน้อยจะส่งเสียงเพื่อปลุกสาวน้อยในห้องสักเพียงใด  สาวน้อยบนเตียงก็ยังไม่ตื่นอีกเช่นเคย  ดวงตากลมโตสีดำจับจ้องร่างบางบนเตียงเพื่อเริ่มหาทางปลุกสาวน้อยบนเตียง  พรางย้อนคิดไปถึงคารอสที่บรรยายสรรพคุณเรื่องที่คารีเฟียร์นอนขี้เซาขนาดไหน

                    คำสิงห์เวลานายจะปลุกคารีเฟียร์  ฉันขอแนะนำนายควรใช้วิธีแบบซาดิสม์  หรือไม่ก็วิธีรุนแรงไปเลย  ขนาดฉันตะโกนก็แล้ว  เขย่าตัวก็แล้วก็ยังไม่ยอมตื่น  แถมยังหันหลังให้ฉันอีก  จนฉันต้องใช้วิธีสาดน้ำใส่  แม่คุณถึงจะตื่น  ครั้นคำสิงห์ได้ฟังถึงกับส่ายหน้าอย่างระอาด้วยความขี้เซาของสาวน้อยตรงหน้า

                    คารีเฟียร์ตื่น...  คำสิงห์ใช้เสียงตะโกนกรอกใส่ลงไปในหู  แต่สาวน้อยตรงหน้ากลับยกฝ่าเท้าน้อยๆ ของเธอถีบคำสิงห์ด้วยแรงเต็มรักแบบไม่ยั้ง  จากนั้นพลิกตัวหันหลังให้และหลับต่อ  ผลจากแรงถีบเมื่อครู่ทำให้คำสิงห์ถึงกับจุกจนพูดไม่ออก  จะขยับตัวก็ทำได้ลำบากยิ่งนัก  ในห้วงคิดของคำสิงห์เริ่มเข้าใจถึงความรู้สึกของคารอสแล้ว  ว่าทำไมคารอสถึงดีใจนักหนาที่ไม่ได้เป็นคนปลุกสาวน้อยตรงหน้าในวันนี้

                    จะจูบแบบซาดิสม์ดี  หรือใช้กำลังปลุกดีหนอ  ถึงจะทำให้คารีเฟียร์ตื่น  คำสิงห์บ่นกับตัวเองเบาๆ อย่างใช้ความคิด  ไวเท่าความคิดมือใหญ่สากดึงกระชากผ้าห่มออกจากตัวของคารีเฟียร์  พร้อมกับใช้มืออีกข้างคว้าข้อเท้าทั้งสองของหญิงสาว  และจับเหวี่ยงเสมือนเป็นลูกข่างแล้วส่งไอสังหารอย่างรุนแรงออกมาด้วยเป็นของแถม  คารีเฟียร์สะดุ้งตื่นทันใด  พร้อมกับบ่นคำสิงห์อย่างไม่หยุด

                    เฮ้ย!  ปล่อยฉันลงไปเดี๋ยวนี้นะ  ฉันเวียนหัวจะตายอยู่แล้ว  ทำไมไม่ปลุกกันให้ดีกว่านี้หน่อย  คำสิงห์หยุดเหวี่ยงคารีเฟียร์ทันที  พร้อมกับรีบวิ่งหนีออกไปห้องทันทีด้วยความรวดเร็ว  ทิ้งให้สาวเจ้าบ่นอย่างหัวเสีย  และเดินไปอาบน้ำ 

                    ไปปลุกแม่คุณยังไง  คารีเฟียร์ถึงได้บ่นอย่างนั้น  แล้วนี่นายปลุกด้วยวิธีไหน  ทันทีที่คำสิงห์ออกจากห้องของคารีเฟียร์  คารอสยิงคำถามรวดเดียวด้วยความอยากรู้

                    เออ...  เดี๋ยวสิฉันตอบคำถามนายไม่ทัน  ก็เมื่อวานนายใช้น้ำสาดเธอ  เธอเลยเก็บถังน้ำแล้วใช้เวทมนต์ล็อกประตูห้องน้ำไว้  ไอ้เราหรือจะใช้วิธีปลุกแบบเดียวกับนายก็ไม่ได้  ก็เลยคิดถึงคำพูดของนายว่าให้ใช้วิธีแบบซาดิมส์  ข้าก็เลยจับข้อเท้าของคารีเฟียร์แล้วจับเหวี่ยงเป็นลูกข้างพร้อมกับส่งไอสังหารออกไปให้ด้วยเป็นของแถมไง  คารอสที่ได้ฟังคำสิงห์พูดจบก็ตะลึงในความคิดอันพิสดารทันที

                    หลังจากนั้นประมาณยี่สิบนาทีคารีเฟียร์ก็ออกมาจากห้องเพื่อลงไปทานอาหารเช้าพร้อมกับเพื่อนที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว  เมื่อทั้งหมดมาถึงโรงอาหารทันทีที่คารีเฟียร์เห็นกิบบ้อนเด็กชายที่ดูถูกเธอเมื่อวาน  ก็เดินเข้าไปหาด้วยท่าทางของนักเลงโตจะไปยกพวกตีอย่างใดอย่างนั้น  ครั้นกิบบ้อนเหลือบสายตามาด้านหลังด้วยเพราะมีไอสังหารแผ่ตรงมาที่ตนอย่างรุนแรน  และทันทีที่คารีเฟียร์เห็นกิบบ้อนเริ่มที่จะขยับเท้าวิ่งหนีออกจากโรงอาหาร  ในขณะเดียวกันกับที่คารีเฟียร์เริ่มร่ายเวทพันธนาการเอาไว้แล้ว  กิบบ้อนไม่สามารถที่จะขยับไปไหนได้  คารีเฟียร์จึงเดินเข้าไปแล้วเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้กิบบ้อนตะลึงตาค้างแบบคาดไม่ถึง

                    ข้าคารีเฟียร์  เฟอร์เทียร์ขอท้าเจ้ากิบบ้อน  บาโลด้าสู้ที่สนามประลองเวท  วันนี้ตอนเที่ยงครึ่ง  สาวน้อยพูดด้วยเสียงดังจนนักเรียนในหอพักอื่นได้ยินกันทั้งโรงอาหาร  ทางด้านกิบบ้อนพอได้ยินถึงกับเข่าอ่อนไปทันที  จนเพื่อนในหอพักพีระมิดจัตุภาค  และเมอริก้าจากหอคอยผู้พิทักษ์ต่างเข้ามาลากคารีเฟียร์ไปนั่งทานข้าวที่โต๊ะของตน  พร้อมกับที่คารีเฟียร์และคารอสเริ่มการกินอาหารแบบมาราทอนแข่งกันซะแล้ว

     

                    ณ ขณะนี้ทุกคนในโรงอาหารต่างได้ยินการท้าสู้ของนักฆ่าตระกูลเฟอร์เทียร์  และต่างกระจายข่าวไปโดยทั่วกันภายในเวลาไม่กี่นาที  ทำให้การเรียนในช่วงเช้าไม่มีใครมีจิตใจจดจ่อในเรื่องวิชาเรียนแต่อย่างไร  ในใจของกิบบ้อนตอนนี้ร้อนรอยิ่งกว่าใคร  พลางเดินไปหาเมอริก้า

                    เมอริก้า  เจ้าช่วยข้าพูดกับคารีเฟียร์หน่อยสิ  ให้ช่วยยกเลิกการต่อสู้กับข้าที  ลำพังที่วันนี้ข้าหายเป็นปกติ  เพราะได้เวทรักษาของอาจารย์ประจำห้องพยาบาลช่วยต่อกระดูกให้  และรักษาบาดแผลจนสมานเป็นเนื้อเดียวกัน  ไม่อย่างนั้นวันนี้ข้ายังเดินไม่ได้  และต้องนอนในห้องพยาบาลด้วยซ้ำ  กิบบ้อนพูดเพื่อให้เมอริก้าเห็นใจ  แต่เมอริก้ากลับพูดในสิ่งที่กิบบ้อนกลับกลัวมากกว่าเดิม

                    นี่ถ้านายไม่รู้จักคารีเฟียร์ล่ะก็  ข้าจะบอกให้นะ  ข้าเป็นเพื่อนกับคารีเฟียร์มาตั้งแต่เด็ก  ครอบครัวของคารีเฟียร์เป็นนักฆ่าเจ้าคงจะรู้จักตระกูลนักฆ่าของเฟอร์เทียร์ดีเรื่องฝีมือในการต่อสู้  และการฆ่าอย่างไร้ความปราณีใดๆ  ตั้งแต่เด็กคารีเฟียร์ได้ถูกฝึกให้เรียนรู้วิธีป้องกันตัว  และการต่อสู้ทุกรูปแบบตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ด้วยซ้ำ  ข้าเกิดก่อนคารีเฟียร์เดือนเดียวข้ายังเห็นคารีเฟียร์ต้องต่อสู้ตั้งแต่ข้ายังจำความไม่ได้เหมือนกัน  จนกระทั่งนางอายุห้าขวบคารีเฟียร์รู้สึกโศกเศร้าเสียใจที่เธอต้องเป็นนักฆ่า  ตอนนั้นข้าเห็นใจนางมากแต่ข้าก็ยังช่วยอะไรนางไม่ได้  คารีเฟียร์ได้แต่ร้องไห้โดยมีข้าช่วยปลอยใจอยู่ทุกวัน  จนมาถึงวันนี้ฝีมือของคารีเฟียร์ก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดไปเลยทีเดียว  แล้วคารีเฟียร์ไม่เคยกลับคำพูดด้วย  นายจำคำพูดของฉันให้ดี  นายนั่นแหละที่ไม่ดีเองไปพูดจาดูถูกคารีเฟียร์และตระกูลของเธอ  เมอริก้าพูดจบ  จึงหันหลังเตรียมตัวเดินหนีออกไปด้วยความรำคาญ  แต่แล้ว

                    เจ้าจะไม่ช่วยข้าหน่อยเหรอ  อย่างน้อยก็คนหอพักเดียวกัน  กิบบ้อนไม่ล้มเลิกความตั้งใจ  แต่ยังคงพูดขอให้เมอริก้าเห็นใจต่อไป

                    ไม่...  อีกอย่างที่คารีเฟียร์สู้กับนายเมื่อวาน  เธอใช้พลังแค่หนึ่งในสี่ส่วนเท่านั้น  นายไม่ต้องมาพูดอีก  ฉันรำคาญ  เมอริก้าพูดจบก็เดินจากไปทันทีทิ้งให้กิบบ้อนตกใจกับสิ่งที่เมอริก้าพูด

     

                    เวลาเที่ยงมาถึงโรงอาหารในวันนี้ช่างเงียบเหงายิ่งนัก  นักเรียนของหอพักพีระมิดจัตุภาคนั่งทานอาหารด้วยความสงสัย  พร้อมกับเมอริก้า  แต่คารีเฟียร์กลับกินเยอะกว่าเดิมอีกจากสี่จานเป็นหกจาน  โดยมีคารอสมองตาค้างด้วยความตะลึงว่าเพื่อนสาวของเธอทำไมกินเยอะจัง 

                    เฮ้...  คารีเฟียร์ทำไมกินเยอะจังนี่เข้าจานที่หกแล้วนะ  คารอสพูด  พร้อมกับเพื่อนทุกคนที่พยักหน้าพร้อมกันอย่างเห็นด้วย

                    โธ่วันนี้ต้องใช้แรงอีกเยอะนะ  ก็เลยต้องกินเยอะๆ ไว้ก่อน  คารีเฟียร์พูดจบจึงหยิบแก้วน้ำแครอทขึ้นดื่มจนหมดแก้ว  แล้วจึงชวนเพื่อนๆ ของเธอไปที่ลานประลองเพื่อสู้กับกิบบ้อน  เพราะทุกคนทานข้าวกันเสร็จหมดแล้ว  เหลือแต่เธอคนเดียว

     

                    พอทั้งหมดมาถึงลานประลองก็ต้องตกใจเพราะที่นั่งบนสแตนของสนามประลองเวทเต็มทุกที่  เพราะทุกคนต่างพร้อมใจกันนำอาหารมาทานที่ลานประลองเวทเพื่อจองที่นั่ง  คารีเฟียร์เดินขึ้นไปยืนบนสนามประลองด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม  จวบจบเวลาผ่านไปสิบนาทีก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของกิบบ้อน  คารีเฟียร์รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันใด  พร้อมกับร่ายเวทด้วยเสียงดังกึกก้องจนได้ยินไปทั้งสนามประลองเวท  เพียงไม่ถึงนาทีกิบบ้อนได้มาปรากฏตัวที่สนามประลอง  ทันทีที่กิบบ้อนลืมตาขึ้นมาก็ต้องตกใจที่ตนมาโผล่ที่สนามประลองได้อย่างไร

                    ข้าเรียกเจ้ามาเองตกใจเหรอ  คารีเฟียร์พูดด้วยเสียงหวาน  พร้อมรอยยิ้มยิงฟันที่พยายามให้ดูสวยที่สุดในขณะที่กิบบ้อนรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันที  กรรมการในที่นี้ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นประธานหอพักของพีระมิดจัตุภาค  และประธานของหอคอยผู้พิทักษ์ 

    การต่อสู้จะจบลงเมื่อคู่ต่อสู้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่สามารถตู่สู้ได้แล้วเท่านั้น  แต่ต้องไม่สู้กันจนถึงตาย  ทันทีที่เวลเมอรอนบอกกติกาและให้สัญญาณเริ่มต้นการต่อสู้  กิบบ้อนตระหนักได้แล้วว่าไม่ว่าอย่างไรตนก็ต้องสู้เพื่อเอาชีวิตรอด

     

                    กิบบ้อนเป็นผู้ใช้เวทประเภทมนต์ขาว  ส่วนคารีเฟียร์นั้นเป็นสายเวทธรรมชาติธาตุลม  สายเวทธรรมชาติเป็นพลังเวทที่แข็งแกร่งกว่ามนต์ขาว  และมนต์ดำมาก  กิบบ้อนเริ่มร่ายเวทเรียกมังกรขึ้นมาใช้สู้แทนตน  ในขณะที่คารีเฟียร์ยังจ้องมองดูอยู่  ประมาณสามนาทีผ่านไปมังกรสีเหลืองสดใส  ดวงตาสีเหลืองด้วยอัญมณี  ความสูงเท่าตึกสามชั้นก็ปรากฏขึ้นข้างๆ กิบบ้อน  ครั้นกิบบ้อนลืมตาขึ้นหลังจากร่ายเวทเรียกมังกรเสร็จก็เห็นคารีเฟียร์ยืนมองเฉยๆ 

                    เฮ้ย  นี่เธอตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเลยเหรอ  กิบบ้อนพูด  พร้อมด้วยกำลังใจที่เริ่มมาทีละนิด          

    เปล่าซะหน่อย  ฉันกำลังยืนมองนายอยู่ต่างหากร่ายเวทเรียกมังกรตั้งนาน  ได้แต่มังกรตัวแค่นี้น่ะเหรอ  มังกรของจริงมันต้องนี่  คารีเฟียร์พูดพร้อมทั้งร่ายเวทเรียกมังกรทันที 

     

                    ท้องฟ้าที่เคยสว่างบัดนี้กลับมืดครื้น  มีเสียงท้องฟ้าคำรามและผ่าลงมาไม่ขาดสาย  เพียงเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีมังกรสีฟ้าอ่อน  ดวงตาสีน้ำเงินสดใส  เหนือคิ้วทั้งสองมีเขางอกออกมาทั้งสองข้าง  ตรงกระดูกสันหลังมีหนามเล็กงอกออกมาไล่ลงไปจนถึงปลายหาง  ส่วนปลายหางมีลักษณะเป็นใบมีดคมคล้ายหอก  เสียงคำรามของมันดังกึกก้องจนทุกคนต้องยกมือขึ้นปิดหู  ความสูงขนาดตึกแปดชั้น  ช่างดูแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับมังกรของกิบบ้อน  กิบบ้อนนั้นตกใจสุดขีดที่เวลาภายในไม่ถึงหนึ่งนาทีคารีเฟียร์เรียกมังกรออกมาได้  ทันทีที่มังกรของคารีเฟียร์เห็นมังกรสีเหลืองสดใสของกิบบ้อนก็วิ่งตรงเข้าใส่มังกรของกิบบ้อนทันที  มังกรทั้งสองตัวต่อสู้กันทันที  มังกรสีเหลืองของกิบบ้อนอ้าปากปล่อยลำแสงสีเหลืองออกมา  เพียงแค่มังกรฟ้าของคารีเฟียร์ขยับปีกก็พาตัวมันเองหลบพ้นลำแสงทำลายของมังกรสีเหลืองของกิบบ้อนได้แล้ว  พลังทำลายของมังกรสีเหลืองนั้นทำให้สนามประลองเกิดหลุมขนาดใหญ่ทันที  มังกรของคารีเฟียร์พุ่งเข้าโจมตีพร้อมกับใช้หางที่มีความคมดั่งใบมีดฟาดเข้าใส่มังกรของกิบบ้อนทำให้มังกรของกิบบ้อนได้รับบาดเจ็บทันที 

     

    ทางด้านคารีเฟียร์เสียงตะโกนเรียกดาบคู่กายดังขึ้นด้วยเสียงอันทรงพลังเพื่อเรียกดาบของตน  เสียงเรียกดาบอันทรงพลังนั้นกึกก้องและกังวาน  สายลมสังหารปรากฏอยู่ในมือของคารีเฟียร์  ส่วนกิบบ้อนนั้นเรียกดาบของตนออกมาเช่นกัน

                    อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก  กิบบ้อนตะโกนสุดเสียง 

                    พร้อมทั้งวิ่งเข้าใส่คารีเฟียร์  คารีเฟียร์ยกแขนข้างที่ถือดาบกางวงแขนสี่สิบห้าองศาเพื่อให้คบดาบสัมผัสกับแขนของกิบบ้อนทันที  ในขณะที่มืออีกข้างยกคทาประจำตัวขึ้นกันคมดาบแหลมคมของกิบบ้อน  ทางด้านกิบบ้อนหลบคมดาบของคารีเฟียร์ได้อย่างหวุดหวิด  แต่ก็สามารถเรียกเลือดของกิบบ้อนได้เช่นกัน  การต่อสู้เริ่มขึ้นอีกครั้งที่กิบบ้อนร่ายเวทเพื่อเรียกให้เถาวัลย์ปรากฏมาพันรัดรอบตัวคารีเฟียร์ดังเช่นเมื่อวาน  คราวนี้เถาวัลย์ถูกคารีเฟียร์ฟันไม่เหลือซาก  พร้อมกับร่ายเวทเรียกพายุหมุน  กิบบ้อนดึงมีดสั้นขึ้นมาพร้อมกับขว้างไปสุดแรงตรงไปทางคารีเฟียร์  คารีเฟียร์หลบได้อย่างเฉียดฉิด  แต่เรียกเลือดของคารีเฟียร์ได้เช่นกัน 

                    ผลปรากฏออกมาว่ามังกรของคารีเฟียร์ชนะมังกรของกิบบ้อนได้  และมังกรของคารีเฟียร์พุ่งเข้าใส่กิบบ้อนที่ยืนตะลึงอยู่  พร้อมกับอ้าปากจนเกิดแสงสีส้มที่ตรงกลางปากพุ่งตรงเข้าใส่         กิบบ้อนทันที  เป็นจังหวะเดียวกับที่พายุหมุนของคารีเฟียร์เริ่มขยายขนาดจนดึงกิบบ้อนเข้าไปสู่ใจกลางพายุ  มังกรฟ้าหันไปสบตากับคารีเฟียร์พร้อมกับบินหายไปทันที  ตามกระแสจิตที่คารีเฟียร์บอกให้มันกลับไปได้แล้ว  หลังพายุหมุนสงบลงกิบบ้อนนอนสลบเหมือดทันที  ชัยชนะเป็นของคารีเฟียร์  ตลอดวันนั้นทั้งวันคารีเฟียร์ได้แต่ยิ้มทั้งวัน  ในขณะที่เพื่อนร่วมหอพักของคารีเฟียร์นั้นต่างรู้สึกสงสารกิบบ้อนขึ้นมาจับใจในเรื่องดวงซวยของกิบบ้อน 

     

                    วันที่สามของการเรียนก็มาถึง  หากแต่สาวน้อยในห้องยังคงนอนหลับสบายอยู่บนเตียงเช่นเดิม  วันนี้เป็นเวรปลุกของเอคัส  ดวงตาสีฟ้าสดใส  กับผมสีเงินหยุ่งเหยิงรูปร่างสูงโปร่งของเอคัสยืนมองคารีเฟียร์อยู่บนเตียง  คราวนี้คารีเฟียร์ร่ายเวทเพื่อกางเขตอาคมให้ตัวเองไปแล้ว  ทำให้เอคัสใช้วิธีปลุกคารีเฟียร์แบบเดิมไม่ได้

                    กางข่ายอาคมซะด้วย  แล้วจะปลุกยังไงล่ะเนี่ย  เอคัสบ่นออกมากับตัวเองเบาๆ  ก่อนจะนึกไอเดียบางอย่างขึ้นมาได้

                    คารีเฟียร์ตอนนี้โรงอาหารกำหนดเวลากินข้าวใหม่ถ้าไม่ลงไปตอนนี้  จะมีข้าวเหลือให้เธอกินแค่จานเดียวนะ  ทันทีที่ได้ยินว่าจะได้กินข้าวแค่จานเดียว  เท่านั้นแหละคารีเฟียร์ก็ตื่นขึ้นมาทันใด  พร้อมกับที่รีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปทันที  ในขณะที่เอคัสเดินออกไปรอนอกห้อง  ครั้งคำสิงห์  และคารอสเห็นเอคัสออกมาจากห้องเร็วกว่าที่คิดไว้  จึงถามวิธีปลุกคารีเฟียร์

                    ก็คารีเฟียร์ร่ายเวทกางเขตอาคมเอาไว้  ทำให้ใช้วิธีปลุกแบบพวกนายไม่ได้  ก็เลยตะโกนไปว่าถ้าไม่รีบลงไปตอนนี้  จะเหลือข้าวให้กินแค่จานเดียว  เท่านั้นแหละแม่คุณก็ตื่นแล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปทันที  เอคัสพูด  พร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ

     

                    วิชาแรกเป็นวิชาการใช้อาวุธ  แน่นอนว่าทุกคนนั้นถูกฝึกให้ใช้อาวุธในการต่อสู้ตั้งแต่เด็กเพื่อป้องกันตัวกันอยู่แล้ว  วิชานี้จึงเป็นวิชาที่ทุกคนชอบมาก  เพราะไม่ต้องใช้สมาธิในอ่านหนังสือหรือจดแล็กเชอร์ใดๆ ทั้งสิ้น  ศาสตราจารย์ผู้สอนวิชานี้มีผมสีน้ำตาลอ่อนซอยเป็นทรงแลดูยุ่งเหยิง  ดวงตาสีเงินสดใส  รูปร่างสูงใหญ่  ผิวสีแทนเข้มเพราะคล้ำแดด  อยู่ในชุดสีดำเข้ารูป  แลดูน่าเกรงขาม  เป็นศาสตราจารย์คนใหม่ที่เพิ่งเข้ามาสอนที่โรงเรียนมหาเวทวาเคซัสในปีนี้ 

                    ข้าชื่อกัลป์มาทอริกซ์  เฟอร์เทียร์  เป็นศาสตราจารย์สอนวิชาการใช้อาวุธ  พวกเจ้าเรียกข้าว่ากัลป์มาทอริกซ์ก็พอ  ไม่ต้องเรียกศาสตราจารย์เพราะข้ายังไม่แก่  อายุข้าเพิ่งจะยี่สิบปีเอง  ทันทีที่ศาสตราจารย์กัลป์มาทอริกซ์แนะนำตัวเสร็จก็เกิดเสียงพูดคุยดังขึ้นทันที 

                    ท่านอา  ปีนี้ท่านอายุยี่สิบเอ็ดปี  ไม่ใช่ยี่สิบสักหน่อย  คารีเฟียร์พูดพร้อมกับหัวเราะออกมาเพราะ  อาของเธอไม่เคยยอมรับเรื่องตัวเองเริ่มมีอายุแล้วนั่นเอง

                    โธ่อีกสองเดือนกว่าจะยี่สิบเอ็ดปีนะคารีเฟียร์  หลานรักแล้วหลานยังไม่ส่งจดหมายไปบอกท่านพี่อีริค  และคาทีน่าเลยนะหลาน  กัลป์มาทอริกซ์พูดพร้อมทั้งลูบผมหลานสาวเล่น

                    โอ๊ย!  ข้าลืมเรื่องนี้ไปเลยท่านอา  ยังไงข้าฝากท่านอาบอกท่านพ่อกับท่านแม่ด้วยนะคะ  ท่าอา  คารีเฟียร์พูดพร้อมทั้งแสดงท่าทางแบบเด็กขึ้นมาทันทีทันใด     ท่าทางแบบนี้ทำให้กัลป์มาทอริกซ์คิดว่ายังไงก็เด็กชัดๆ 

                    ท่านอาทำไมอยู่ๆ ถึงมาสอนวิชานี้ได้ค่ะ  คงไม่ได้มาจับตาดูหลานสาวคนนี้หรอกนะ  คารีเฟียร์ถามด้วยความสงสัย

                    บ่ะ  ดันรู้ทันซะได้  กัลป์มาทอริกซ์คิดในใจ  จึงเอ่ยพูดตัดบท

                    เอาไว้เราค่อยคุยกัน  ตอนนี้เพื่อนหลานคงสงสัยแย่แล้ว  ข้าเป็นอาของคารีเฟียร์  วันนี้ข้าจะสอนวิธีการใช้ดาบในการต่อสู้  เอาเป็นว่ายืนเป็นแถวตรงหน้ากระดานด่วน  ศาสตราจารย์กัลป์มาทอริกซ์พูด

     

                    ทุกคนในหอพักพีระมิดจัตุภาคต่างรีบยืนเรียงแถวหน้ากระดานทันทีไม่มีแม้แต่เสียงพูดคุย    เพราะกลัวว่าศาสตราจารย์กัลป์มาทอริกซ์จะเกิดอยากใช้อาชีพของตัวเองฆ่าพวกตนเสียก่อน  กัลป์มาทอริกซ์ใช้สายตามองด้วยความพอใจ  จึงเอ่ยขึ้นว่า

                    วันนี้เราจะมาใช้วิธีการใช้จิตแทนดาบ  เพราะดาบไม่สามารถใช้ได้ดีเท่ากับจิตที่คิดได้ตามเจ้าของ  ข้าจะแสดงตัวอย่างให้ดู  กัลป์มาทอริกซ์พูดจบ  ก็ดีดนิ้วหนึ่งทีตุ๊กตาหุ่นฟางเคลื่อนไหวได้จำนวนยี่สิบตัวปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคน

    เริ่มแรกให้ถือดาบไว้ในมือเฉยๆ  ไม่ต้องเดินไปฟันหุ่นฟาง  แต่ให้พวกเจ้าหลับตาลงเพื่อตั้งสมาธิ  ให้คิดว่าหุ่นฟางอยู่ตรงหน้าพวกเจ้า  แล้วใช้จิตฟันพวกมันอย่างนี้  กัลป์มาทอริกซ์พูดจบก็หลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นมา  เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีตุ๊กตาหุ่นฟางจำนวนยี่สิบตัวล้มลงแยกออกเป็นสองท่อน  ทั้งที่กัลป์มาทอริกซ์ยังไม่ขยับตัวด้วยช้ำ

                    การที่ข้าให้พวกเจ้าหลับตาตั้งสมาธิก่อน  เพราะพวกเจ้ายังไม่รู้วิธีใช้จิตเคลื่อนย้ายตัวเอง  ดังนั้นจงเข้าใจไว้ว่า  ถ้าพวกเจ้าใช้จิตเคลื่อนย้ายตัวเองได้เมื่อไหร  ศัตรูตรงหน้าจะไม่รู้ว่าเจ้าเอาเวลาไหนไปทำร้ายเขา  นี่เป็นวิธีที่นักฆ่าใช้สังหารคู่ต่อสู้  และจะมีเฉพาะนักฆ่าเท่านั้นที่รู้  แล้วคำสิงห์ท่านโรเนล  กับท่านวันวิสาข์เป็นอย่างไรบ้างสบายดีไหม  กัลป์มาทอริกซ์พูดถาม

                    สบายดีทั้งสองท่านครับ  ท่านกัลป์มาทอริกซ์  คำสิงห์พูดจบ  กัลป์มาทอริกจึงพูดต่อว่า

    เอาหล่ะข้าจะให้คารีเฟียร์  และคำสิงห์แสดงให้พวกเจ้าดูอีกครั้งหนึ่งเป็นตัวอย่าง  กัลป์มาทอริกซ์พูดพบก็ดีดนิ้วอีกครั้งหนึ่ง  ตุ๊กตาฟางจำนวนยี่สิบตัวเคลื่อนไหวรวดเร็วกว่าเดิมปรากฏขึ้นล้อมรอบตัวคารีเฟียร์  และคำสิงห์ทันที

                    คารีเฟียร์กับคำสิงห์จัดการตุ๊กตาหุ่นฟางพวกนี้ในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที  เพื่อนๆ ทุกคนในหอพักเริ่มฝึกใช้จิตกันอย่างตั้งอกตั้งใจโดยมีกัลป์มาทอริกซ์, คารีเฟียร์  และคำสิงห์คอยช่วยแนะนำอีกทีหนึ่ง

                   

                    ช่วงบ่ายเป็นวิชาเรียนที่น่าเบื่อสำหรับคารีเฟียร์อย่างยิ่ง  นั่นก็เพราะเป็นวิชาประวัติศาสตร์เมืองเกลเบี้ยน  หลังจากที่คารีเฟียร์พยายามนั่งถ่างตาก็แล้ว  หยิกตัวเองก็แล้ว  ผลปรากฏออกมาก็ยังคงจะหลับให้ได้อยู่ดี  พอมองไปรอบตัวคารอส  และคำสิงห์หลับกันไปแล้ว  แล้วจะไม่ให้เธอหลับได้ยังไงในเมื่อเพื่อนของเธอหลับไปแล้ว  เหลือก็แต่เอคัสที่ยังคงนั่งตาสว่างอยู่ได้  งั้นก็ให้เอคัสนั่งเรียนเป็นตัวแทนของเพื่อนๆ  และหัวหน้าชั้นปีของหอพักพีระมิดจัตุภาคแล้วกัน  คารีเฟียร์คิดในใจเสร็จก็ล้มตัวเอาหน้าฟุบลงกับแขนทั้งสองข้างทันที  การเข้าญาณในวิชานี้คงเป็นวิชาที่ทำสถิติสูงสุดตลอดกาลตั้งแต่เริ่มก่อตั้งโรงเรียนมหาเวทวาเคซัส  เสียงของศาสตราจารย์เอมบิทนั้นเหมือนเสียงเล่านิทานก่อนนอนให้เด็กน้อยฟังไม่มีผิด  ยิ่งฟังก็ยิ่งง่วงนอน

     

    จนกระทั่งถึงวันศุกร์  เวลเมอรอนประธานหอพักพีระมิดจัตุภาคเดินมาพบทุกคนเพื่อมารับใบสมัคร  เวลเมอรอนมองรายชื่อในกีฬาที่รุ่นน้องชั้นปีหนึ่งในหอพักพีระมิดจัตุภาคลงชื่อในกีฬาแต่ละประเภท  แน่นอนว่าเวลเมอรอนกับซาฟีร่า  มัลโควิชรองประธานหอพักพีระมิดจัตุภาคเห็นด้วยกับการคัดเลือกผู้เล่นนี้ด้วย  คารีเฟียร์สังเกตว่าซาฟีร่านั้นเป็นหญิงสาวยิปซี  หน้าตาอ่อนหวานแต่เซ็กซี่  ผมสีบอล์นหยิกเป็นลอนยาวถึงกลางหลัง  ผิวสีแทนเข้ม  ดวงตากลมโตสีม่วงอ่อน  ซึ่งกำลังยิ้มให้กับเวลเมอรอน  และทั้งขณะที่ทั้งคู่กำลังปรึกษากันอยู่  เสียงพูดคุยในห้องก็ดังไม่หยุดไม่แพ้กัน  ส่วนคำสิงห์นั้นกำลังสอนคารีเฟียร์ยิงปืนด้วยเพราะทนเสียงออดอ้อนของคารีเฟียร์ไม่ไหว  คำสิงห์สอนคารีเฟียร์ใช้ปืนพก m1911a1  และวิธีการเหนี่ยวไกปืน  ส่วนสาเหตุที่คำสิงห์สอนคารีเฟียร์ใช้ปีนพก m1911a1 นั้นเพราะมีน้ำหนัก 3 ปอนด์เท่านั้น 

                    ดังนั้นมหกรรมการไล่ฆ่าล้างบางจึงเกิดขึ้นโดยมีคำสิงห์  และคารีเฟียร์นำทีมไล่ฆ่าเพื่อนร่วมหอพักเดียวกัน  ส่วนลูกกระสุนนั้นเป็นลูกกระสุนสี  ซึ่งเวลายิงจะกลายเป็นน้ำสีเขียว  และสีน้ำเงินแล้วแต่ๆ ละทีม  เพราะคำสิงห์ใจดีสอนเพื่อนทุกคนในหอพักชั้นปีหนึ่ง  รวมถึงการให้ยืมปืนใช้ชั่วคราวอีกด้วย  ทางด้านเวลเมอรอน  และซาฟีร่าเห็นเสียงดังผิดปรกติเพราะฝูงลิงทโมนกำลังเอาปืนมาวิ่งไล่ยิงกัน  ทำให้เวลเมอรอนโดยลูกกระสุนของอาซีฟเข้าไปเต็มๆ หน้า  ทำให้ทั้งใบหน้าในตอนนี้เป็นสีน้ำเงิน  ดูๆ แล้วช่างเหมือนตุ๊กแกสิ้นดี  พร้อมกับเสียงที่ตะโกนแข่งกับฝูงลิง

                    หยุดเดี๋ยวนี้นะ...  ข้าขอสั่งให้พวกเจ้าเก็บปืน  และทำความหอพักให้เรียบร้อยเดี๋ยวนี้  แล้วพรุ่งนี้เจอกันที่สนามหญ้าหลังหอพักพีระมิดจัตุภาคเวลาแปดโมงเช้า  ห้ามสายเด็ดขาดไม่งั้นโดนทำโทษแน่  เวลเมอรอนพูดจบ  ก็เดินจากไปพร้อมกับซาฟีร่าทันที  พร้อมทั้งเอามือกุมขมับกับความซนของรุ่นน้องของตน  ที่ดันเล่นมหกรรมไล่ฆ่าล้างบางกันแบบนี้

     

                    เรื่องเก็บกวาดนั้นไม่มีใครห่วงเพราะกิลเดอรอนเป็นนักเวท  แค่ร่ายเวทนิดหน่อยห้องทั้งห้องก็สะอาดเรียบร้อยแล้ว  ทุกคนจึงพากันเข้านอนกันอย่างรวดเร็ว  เพราะยังไงก็คงไม่อยากโดนทำโทษแน่นอน  เพราะประธานหอพักของพีระมิดจัตุภาคนั้นขึ้นชื่อเรื่องการทำโทษแบบพิสดารอยู่ด้วย  หลังจากบอกลาทุกคนคารีเฟียร์ก็เข้าห้องอาบน้ำ

                    ราตรีสวัสดิ์คารีเฟียร์  คารีเฟียร์พูดกับตัวเองเบาๆ  แล้วล้มตัวลงนอน

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×