ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คารีเฟียร์ กับตำราแห่งมนตรา และทายาทจอมอสูร

    ลำดับตอนที่ #2 : ด่านหฤโหด

    • อัปเดตล่าสุด 4 เม.ย. 50


    ทั้งสามหยุดพักกันครู่หนึ่งก่อนเริ่มต้นเดินทางกันต่อ  เมื่อทั้งสามเดินทางเข้าเมืองเกลเบี้ยนที่กำลังคึกคักอยู่ในขณะนี้  เพราะเป็นเทศกาลของการสมัครเข้าเรียนโรงเรียนมหาเวทวาเคซัสทั้งสามต่างตกตะลึงในความงดงามของตัวเมืองดั่งถูกเวทมนต์ตราตึงไว้  ทำให้ไม่สามารถละสายตาไปจากตัวเมืองได้  ต้นไม้ทุกต้นล้วนได้รับการดูแลเอาใจใส่จากชาวเมืองทุกคน  ต้นหญ้าเขียวขจีถูกตัดสั้นดูเป็นระเบียบ  ตึกรามบ้านช่องในยุคกรีกโบราณช่างเข้ากันดีกับตึกสมัยใหม่ที่ถูกตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับประจำเมือง  ซึ่งเป็นดอกไม้ที่คารีเฟียร์ไม่เคยพบเห็นมาก่อนดอกไม้ทั้งกลีบมีสีขาวบริสุทธิ์ลากยาวไปจนถึงก้านใบตรงกลางเป็นสีม่วงอ่อน  และมีกลิ่นหอมวนิลาอ่อน ๆ

                    ป้าจ๋า...  ดอกไม้นี่มีชื่อว่าอะไรหรือจ๊ะ  คารีเฟียร์ถาม  พร้อมทั้งแสดงหน้าตาใสซื่อ  จนป้านึกเอ็นดูในใจ

                    ดอกเรสซี่จ๊ะ  หนูกำลังจะไปสมัครเรียนหรือจ๊ะ 

                    ค่ะ  งั้นหนูกับเพื่อนขอตัวก่อนนะค่ะ

                    เด็กสาวเดินจากไปพร้อมกับเอคัส  และคารอสเพื่อเดินทางไปสมัครเรียน  ซึ่งคารีเฟียร์พูดคุยกับคารอสมากกว่าเอคัส  และเป็นที่แน่นอนว่าเด็กสาวนึกหมั่นไส้เอคัสในใจ  ไอหัวเงินนี่มันจะไม่คิดแสดงสีหน้าอย่างอื่นเลยหรือ  ทำแต่สีหน้าเย็นชาอย่างกับรูปปั้น

                    ดู๊... ดูเอคัสเจ้าไม่คิดจะพูดกับข้าบ้างหรือไงห๊า...  เด็กสาวไม่ว่าเปล่าแต่ยังทำท่าทางเย็นชาในแบบของเอคัส  ซึ่งนั่นก็ทำให้คารอสหัวเราะจนท้องแข็ง  ส่วนเอคัสนั้นได้แต่ส่งสายตาเย็นชาเป็นทำนองว่าถ้ายังจะหัวเราะอีก  จะสาปให้เป็นแมลงสาบ  ทางด้านคารีเฟียร์  และคารอสได้เห็นสายตาของเอคัสที่ส่งมาให้จึงได้แต่กลั้นหัวเราะจนน้ำตาเล็ด

                   

    เมื่อเดินทางผ่านตลาดแม่ค้าพ่อค้าต่างพากันขายของอยู่ที่แพงอย่างคึกคัก  เกวียนขนาดต่างๆ วิ่งกันจนเต็มถนน  ปราสาทของโรงเรียนมหาเวทวาเคซัสจึงปรากฏแก่สายตาของทั้งสาม  สถาปัตยกรรมของโรงเรียนมหาเวทวาเคซัสนั้นดูสวยงามกว่าตัวเมืองเกลเบี้ยนหลายเท่า  ปราสาทนี้สร้างแบบสถาปัตยกรรมอังกฤษ  ทำให้ดูลึกลับและเต็มไปด้วยเวทมนต์  ทั้งหมดรีบเดินไปเข้าแถวที่ต่อกันยาวเหยียดเพื่อสมัครเรียน 

                    จนเวลาผ่านไปสักยี่สิบสองนาทีประตูของโรงเรียนก็เปิดขึ้น  พร้อมทั้งการปรากฏตัวของชายวัยกลางคน  อายุราวๆยี่สิบสามปี  ผมหยิกดำเป็นมันถูกหวีจนเรียบติดหนังศีรษะ  ดวงตาสีม่วงสดใส  รูปร่างสูงโปร่ง  สวมชุดสูทสีครีม  หน้าอกมีเป็นสัญลักษณ์รูปหัวคทาไขว้กับดาบ  พื้นสีฟ้าอ่อน

                    สวัสดี ทุกคน  ข้าชื่อซามาน  อินดิวา  ขอให้ทุกคนเข้าแถวตอนเป็นแถวเดียว  แล้วเดินตามข้ามา  ทุกคนเดินตามซามานไป

                    ตลอดทางเดินที่ทุกคนเดินผ่านเป็นทางเข้าของโรงเรียนมหาเวทวาเคซัส  พื้นห้องปูด้วยพื้นหินอ่อนสีขาว  มีรูปปั้นของเทพอนูบิส  ซึ่งมีส่วนหัวเป็นหมาใน  ตั้งแต่คอลงไปเป็นคนยืนถือหอกอยู่  ถัดมาเป็นรูปปั้นกากอลย์  มังกร  พ่อมด  แม่มด  อัศวิน  ทุกคนเดินตามซามานจนมาหยุดอยู่หน้าประตูบานหนึ่ง  ประตูสูงจรดเพดานสลักลวดลายสวยงาม  ไม่นานประตูก็เปิดออกทั้งหมดจึงเดินตามซามานเข้าไปในห้อง ซึ่งเป็นห้องใหญ่ที่สามารถจุคนได้ประมาณสองพันคนอย่างสบาย ๆ  ห้องนี้คือห้องโถงพื้นหินอ่อน  เพดานเป็นท้องทะเลจำลอง  หากมองขึ้นไปแล้วจะเห็นปะการัง สาหร่ายและหมู่ปลานานาชนิดจำนวนมากมาย ว่ายวนไปวนมาในน้ำสีฟ้าใสไกลสุดลูกหูลูกตา 

                    นี่...  เอคัส  คารอส  ดูเพดานสิสวยมากๆ เลย  เด็กสาวไม่ว่าเปล่าพร้อมทั้งทำท่าประกอบไปมาอย่างตื่นเต้น  คารอสมองขึ้นไปบนเพดานตามทันที

                    เฮ้ย! เอคัสนายดูเพดานนี่สิ  สวยมากเลย  คารอสชี้ชวนให้เอคัสมองเพดานด้วยความตื่นเต้น

                    พวกเจ้าไม่รู้เหรอ  ว่าเพดานที่นี่เค้าใช้เวทมนต์โบราณทำให้เพดานกลายเป็นทะเลจำลอง

                    ทุกคนฟังทางนี้  เสียงของซามานดั่งขึ้นขัดจังหวะการคุยของคนหลายกลุ่ม 

    ให้ออกมารับใบสมัครที่ตั้งอยู่บนโต๊ะไปกรอกข้อมูล  และขอให้พวกเธออ่านรายละเอียดในใบสมัครให้ดี  เพราะถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเธอทางโรงเรียนจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น  แล้วอีกครึ่งชั่วโมงจะมีศาสตราจารย์เอมบิทมาบอกรายละเอียดให้พวกเธอฟัง ศาสตราจารย์ซามานพูดเสร็จก็เดินจากไป

     

                    ทั้งหมดต่างเดินไปหยิบใบสมัครมากรอกข้อมูล  พอคารีเฟียร์อ่านรายละเอียดก็ถึงกับอ้าปากค้าง  ส่วนคารอสเห็นท่าทางของหญิงสาวจึงอ่านดังๆ  ให้พอได้ยินกันแค่สามคน

                   

                    ข้อตกลงในการสมัครเข้าเรียนโรงเรียนมหาเวทวาเคซัส

                    เนื่องจากการทดสอบก่อนเข้าเรียนของโรงเรียนมหาเวทวาเคซัสนั้นอาจเกิดอันตรายได้  ขอให้ท่านลงชื่อในช่องว่างข้างล่าง  เพราะทางโรงเรียนจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้นต่อชีวิตของทุกท่าน

     

                    แค่นี้เองคารีเฟียร์  เธอก็ทำเป็นตกใจไปได้   คารอสพูด  พร้อมทั้งปลอบใจคารีเฟียร์

                    ทั้งคารีเฟียร์  เอคัส  และคารอสต่างลงชื่อในช่องว่างข้างต้น  หลังจากกรอกข้อมูลส่วนตัวเสร็จ  คารอสได้หันไปมองข้อมูลของเพื่อนสาวคนเดียว

                    คารีเฟียร์  เธอเป็นนักฆ่าเหรอ  เด็กสาวมองหน้าเพื่อนของตน

                    แปลกเหรอ  คารีเฟียร์พูดพรางมองหน้าเพื่อนทั้งสองของตน

                    ก็เธอเป็นนักฆ่าในตระกูลเฟอร์เทียร์นะ  เป็นตระกูลที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนักฆ่าอันดับหนึ่ง  ที่อยู่ของตระกูลนี้ก็ไม่มีในแผนที่  คารอสพูดพร้อมทั้งทำท่าตื่นเต้น

                    แล้วตอนอยู่ในป่าพวกนายไม่เห็นจะสงสัยกันเลย  เอาไว้ปิดเทอมพวกนายไปเที่ยวบ้านของฉันก็ได้  คารีเฟียร์พูดกับเพื่อนทั้งสอง

     

                    ทั้งสองหยุดการสนทนากันไว้แค่นั้น  เพราะมีหญิงชราผมสีแดงซึ่งในเวลานี้มีสีขาวแซมอยู่เต็มศีรษะ  รูปร่างสูงโปร่ง  บนใบหน้าและร่างกายมีร่องรอยของกาลเวลาปรากฏ  ใส่ชุดสูทแขนยาวสีดำหน้าอกมีเป็นสัญลักษณ์รูปหัวคทาไขว้กับดาบ  พื้นสีฟ้าอ่อน  ข้าชื่อเอมบิท  โบเวสก้า  เป็นรองศาสตราจารย์ใหญ่ของโรงเรียนมหาเวทวาเคซัส  ขอให้ทุกคนส่งใบสมัคร  แล้วเดินตามข้ามา  ทั้งหมดส่งใบสมัครจนถึงคนสุดท้าย  แล้วเอมบิทจึงเดินนำทุกคนเข้าไปในห้องอีกห้องหนึ่ง  ในห้องนี้มีประตูทั้งหมดสามบาน

                    พอข้าเรียกชื่อใครขอให้เดินออกมายืนอยู่ข้างหน้าก่อน  พอครบสามคนจึงค่อยเดินเข้าไปในประตูทั้งสามบาน  ให้พวกเจ้าเลือกบานใดบานหนึ่งเท่านั้น  ข้างในประตูจะมีด่านทดสอบให้พวกเจ้า  การทดสอบของที่โรงเรียนมหาเวทเวเคซัสนั้นไม่จำกัดจำนวนของนักเรียน  แต่จะรับเข้าเป็นนักเรียนก็ต่อเมื่อผ่านด่านทดสอบของทางโรงเรียนได้  พอศาสตราจารย์เอมบิทพูดจบก็เกิดเสียงพูดคุยดังขึ้น

     

                    เอคัส ฟามินโก้ เวล เซราฟ  เกิดเสียงซุบซิบขึ้น

                    คารอส ซาฟิก้า ไฟร์ ราสเวียร์ เกิดเสียงดังมากขึ้น  พร้อมกับเสียงที่ได้ยินฟังซัดว่า  คราวนี้จะเป็นใครอีกล่ะ  มีสองเจ้าชายแล้ว  จะเป็นเจ้าหญิงหรือนักฆ่าอีกล่ะ แต่เอมบิทยังไม่สนใจ  พร้อมทั้งประกาศชื่อต่อ

                    คารีเฟียร์  เฟอร์เทียร์  คราวนี้เป็นเสียงที่เกิดขึ้นเพราะความตกใจที่หญิงสาวหน้าตาน่ารักคนที่กำลังเดินผ่านพวกเขาไปนั้นเป็นนักฆ่าของตระกูลเฟอร์เทียร์

                    ทั้งสามมองหน้ากันและเดินเข้าไปในประตูอย่างไม่สนใจเสียงซุบซิบของใคร  เอคัสเลือกประตูบานที่สอง  คารอสเรียกประตูบานที่หนึ่ง  ส่วนคารีเฟียร์เลือกประตูบานที่สาม  เวลาผ่านไปสิบนาที  เอมบิทจึงเรียกชื่อคนต่อไป

                    เนวิล  ฟาเรคิน

                    คำสิงห์  เวลเดอกอน

                    เอลล่า  ทิมพาเมล

                    เมอริก้า  โกโดร่า

                    อลิซ  คารานอลย์

                    กิบบ้อน  บาโลด้า

                    รายชื่อยังถูกเรียกต่อไปเรื่อย ๆ  ทุกสิบนาที

                    ทางด้านคารอสที่เดินเข้าประตูบานที่หนึ่งมาก็ได้พบแต่ความมืดมิด

                    ไฟร์ฟินิกส์  คทาประจำราชวงศ์ถูกเรียกมาปรากฏอยู่ในมือผู้เป็นเจ้าของ  หัวลูกแก้วสีแดงเพลิง  ด้ามจับเป็นไม้เนื้ออ่อนสีน้ำตาลไหม้  ลวดลายสวยงาม

                    ไลท์  แสงสว่างสีขาวค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนหัวลูกแก้วสีแดงเพลิง  คารอสมองไปรอบๆ  สังเกตพบว่าเป็นถ้ำ  แต่เดินไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ปรากฏเสียงคนเดินประมาณสองคนกำลังเดินมาทางตน  คารอสหลบซ่อนตัวในความมืด  และดับแสงบนหัวลูกแก้วทันที

     

                    เสียงเท้ายังคงดังมาเรื่อยๆ จนเห็นแสงสว่างบนหัวลูกแก้วบนคทาของคนทั้งสอง  คทาอันหนึ่งหัวลูกแก้วเป็นสีขาวใส  ที่มีลมหมุนอยู่ข้างใน  ด้ามคทาเป็นไม้สีดำเงามีอักขระของพรายที่ด้ามจับ  ส่วนคทาอีกอันหัวลูกแก้วสีฟ้าใส  มีสายน้ำไหลวนอยู่ข้างใน  ด้ามคทาเป็นไม้เนื้ออ่อนสีขาว  ลวดลายสวยงาม  ทำให้คารอสมองเห็นใบหน้าของแขกทั้งสอง

                    เอคัส  คารีเฟียร์  พวกเจ้ามาที่นี่ได้ยังไง  คารอสวิ่งออกจากที่ซ่อนเพื่อไปหาเพื่อนทั้งสอง

                    หลังจากเดินเข้าประตูมา  เดินตามทางมาเรื่อยๆ ก็เจอทางแยกสองทาง  ฉันเลือกทางซ้ายเดินมาอีกหน่อยก็พบเอคัส  คารีเฟียร์ตอบ

                    แล้วนายมาอยู่นี่ได้ไง   เอคัสถามคารอส

                    ก็เดินตามทางมาเรื่อยๆ  แล้วก็พบพวกนาย  คารอสตอบ

                    งั้นแสดงว่าประตูทั้งสามบานมีทางเดินเชื่อมสู่กัน  เอคัสพูด  พร้อมทั้งวิเคราะห์

                    ข้าว่า  พวกเรารีบไปต่อกันดีกว่า  คารอสพูดกับเพื่อนทั้งสอง  พร้อมทั้งเปล่งเสียงท่องคาถาเบาๆ  หัวลูกแก้วก็ปรากฏแสงสว่าง

     

                    ทั้งสามเดินตามทางเดินไปเรื่อยๆ จนก็ทั่งพบเรือลำหนึ่งจอดอยู่  ทั้งหมดมองหน้ากันไปมา  อย่างตัดสินใจ  จนเอคัสเดินลงเรือไปเป็นคนแรก  ตามด้วยคารอส  และคารีเฟียร์  ชายหนุ่มทั้งสองพายเรือไปเรื่อยๆ  ปล่อยให้หญิงสาวนั่งมองทางไปเรื่อยๆ สาเหตุมาจากคารีเฟียร์พายเรือไม่เป็น  แต่แล้วคารีเฟียร์ก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปรกติ  ซึ่งตอนแรกเด็กสาวคิดว่าตาฝาดเพราะคงไม่มีโรงเรียนไหนทดสอบนักเรียนโดยให้พายเรือ  ทั้งที่ในน้ำมีจระเข้  แต่แล้ว

                    คารอส  เอคัสในน้ำมีจระเข้...  สาวน้อยบอกกับเด็กหนุ่มทั้งสอง

                    ข้างหน้ามีหกตัว  เอคัสพูดขึ้น  แต่ยังรักษามาดเย็นชาไว้ได้

                    ข้างหลังมีประมาณเกือบๆ ยี่สิบตัว  คารอสพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล

                    ไฟร์วอล์  คารอสเปล่งคาถาแผ่วเบา  ไฟพุ่งขึ้นมาทางด้านหน้าลำเรือ  และวนจนล้อมรอบเรือไว้  ฝูงจระเข้ต่างว่ายวนไปวนมารอบๆ เรือ  แต่เข้าใกล้ไม่ได้เพราะกำแพงไฟที่ล้อมรอบตัวเรือ

                    จะทำไงต่อ เอคัส  คารอสพูด  แต่ในใจกำลังรู้สึกสนุกเหมือนได้ของเล่นชิ้นใหม่  แต่แล้วก็มีจระเข้ตัวหนึ่งว่ายเข้ามาใต้ท้องเรือและใช้หางของมันกระแทกเรือจากใต้ท้องเรือ  ทำให้ทั้งสามตกลงในน้ำ  ฝูงจระเข้ต่างว่ายเข้ามาหาเหยื่อของมันด้วยความหิวโหย  ซึ่งตัวหนึ่งว่ายเข้ามาอ้าปากอวดซี่ฟันสีเหลืองและกำลังจะกัดกระชากแขนของคารีเฟียร์  แต่....

                    เวิร์ดพูล  เอคัสเปล่งคาถาเสียงดัง  น้ำที่เคยนิ่งสงบเกิดกระแสน้ำวนขึ้นและขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ  จระเข้บางตัวถูกดูดเข้าไปในน้ำวน  แต่ก็ยังทำอะไรจระเข้พวกนี้ไม่ได้  เพราะจระเข้เป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ 

                    สตร็อม  คารีเฟียร์เปล่งคาถาเสียงดัง  เกิดลมพัดรอบตัวบุคคลทั้งสาม  แต่เป็นสายลมที่อ่อนโยน  และอบอุ่น

                    เอคัส  คารอสจับฉันไว้นะ  เด็กหนุ่มทั้งสองต่างพร้อมใจกันจับมือคารีเฟียร์ไว้แน่น  พร้อมกับที่คารีเฟียร์พาทั้งสองไปจนถึงพื้นดิน 

                    คราวนี้เอาไงต่อ  เด็กสาวพูดพร้อมทั้งรอคำตอบ

                    เราควรรีบออกไปให้เร็วที่สุด  คารอสพูดขึ้นอย่างเคร่งเครียด

                    ดาบความกราดเกรี้ยวที่อ่อนโยนแห่งสายน้ำ  ดาบเล่มเล็กเรียวบางสีฟ้าใส  ใบดาบเป็นระรอกคลื่นตามน้ำส่องแสงระยิบระยับตลอดเวลา  ด้ามดาบเป็นเงินสลักลวดลายอ่อนโยน  ปรากฏในมือของเอคัสพร้อมทั้งส่งสัญญาณให้ทั้งสองเรียกดาบของตนขึ้นมา  และออกเดินทางกันต่อ

                    ดาบวิญญาณแห่งเปลวเพลิง  ดาบคู่เล่มใหญ่  ใบมีดกว้างและหนา  ใบดาบสีแดงเข้ม  แต่ใบดาบนั้นใส  และเปลวไฟที่ลุกอยู่ภายในใบดาบแลดูสวยงาม  ด้ามดาบเป็นสีเงิน  สลักลวดลายเข้มแข็ง  ปรากฏอยู่ในมือของคารอส

                    ดาบสายลมสังหาร...  ดาบสีเงินเล่มเล็กเรียวบาง  ใบดาบมีลมหมุนวนอยู่รอบๆใบดาบ  น้ำหนักเบามือเหมาะกับเจ้าของส่องแสงสีฟ้าอ่อน ๆ  ลวดลายที่ด้านดาบแลดูเข้มแข็งปรากฏอยู่ในมือของคารีเฟียร์

     

                    ทั้งสามเดินไปตามทางเดินที่เคยแคบขนาดเดินได้คนเดียวแล้วค่อยๆ ขยายทางกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนขนาดสี่คนเดินได้สบายๆ ตามมาด้วยคบไฟที่เริ่มปรากฏให้เห็นจนพบประตูบานหนึ่ง  เมื่อคารีเฟียร์เปิดประตูเข้าไปก็พบเข้ากับห้องว่างเปล่า  ตรงกลางห้องมีแท่นสี่เหลี่ยมสลักลวดลายสวยงาม  บนแท่นมีลูกแก้ววางอยู่  ทั้งหมดเดินไปดูและพบว่ามีประตูอีกบานหนึ่ง  คารอสเดินไปเปิดประตูนั้นแต่ประตูล็อกจึงเดินมาบอกคารีเฟียร์ และเอคัส  แค่เอคัสสังเกตุเห็นตรงกลางประตูมีรูตรงกลางขนาดน่าจะพอดีกับลูกแก้วบนแท่น จึงหยิบลูกแก้วไปวางตรงรูบนบานประตู  สักครู่จึงมีเสียงสลักบานประตูที่กำลังคลายล็อกประตูจนประตูเปิดออก

                    ทั้งสามเดินเข้าไปและพบกับห้องๆ หนึ่ง  ซึ่งมีคนใส่ชุดดำทั้งหมดสามคนยืนอยู่

                    พวกเราจะผ่านห้องนี้ไปได้ยังไง  คารีเฟียร์ถามคนใส่ชุดดำ

                    ไม่ยาก  แค่สู้พวกเราให้ชนะก็พอ  เป็นแบบการต่อสู่ตัวต่อตัว  แค่คนเดียวเท่านั้นในกลุ่มของพวกเจ้าที่จะสู้  ชายคนหนึ่งที่ใส่ชุดดำในกลุ่มบอก 

                    งั้นข้าเอง  เพราะข้าเป็นนักฆ่า  คารีเฟียร์บอกกับชายหนุ่มทั้งสอง  พร้อมทั้งเดินออกไปกลางห้อง

     

                    คารีเฟียร์เดินออกไปอย่างมาดมั่นพร้อมทั้งจับอาวุธคู่กาย  ชายชุดดำหนึ่งคนก้าวออกมากับอาวุธคู่กายเช่นกัน  อาวุธของชายชุดดำเป็นดาบคู่ใบมีดเล็กเรียว  ด้ามดาบเป็นเงินสลักอักขระของพราย  ทั้งสองปะดาบกันเกิดเสียงดังก้องไปทั้งห้อง  เอคัส  และคารอสมองการต่อสู้ของทั้งสอง  คารีเฟียร์ตวัดดาบครั้งเดียวก็เกิดสายลมเข้าฟันคู่ต่อสู้  ทั้งที่คมดาบยังไม่ถึงตัวชายชุดดำด้วยซ้ำ  ชายชุดดำง้างดาบฟันเต็มแรงหมายจะให้โดนแขนของคารีเฟียร์  แต่หญิงสาวใช้มือจับดาบทั้งสองมือ  และยกดาบขึ้นกันดาบของชายชุดดำได้ทัน  ส่วนชายชุดดำตอนนี้มีบาดแผลทั่วตัวเป็นบาดแผลที่ไม่ลึก  แต่ก็ทำให้พละกำลังอ่อนล้าไปได้เนื่องจากเสียเลือด  ตอนนี้ชายชุดดำเริ่มร่ายเวทมนต์แล้ว   ทำให้คารีเฟียร์ร่ายมนต์กางเขตอาคมทันที  และไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นชายชุดดำก็ส่งเสียงร้องโหยหวนบิดตัวไปมา  พร้อมทั้งส่งสัญญาณยอมแพ้  ทั้งสามจึงเดินผ่านห้องนี้ไป

                    คารีเฟียร์  เธอนี่เก่งจังนะ  คารอสพูด  พร้อมกับที่เอคัสพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

                    คารีเฟียร์ เธอกางเขตอาคมอะไรเหรอ  คารอสถามพร้อมทั้งมองหน้าคารีเฟียร์  และเอคัสก็หันมามองคารีเฟียร์เพื่อรอคำตอบเช่นกัน

                    ก็แค่เงื่อนไขที่ว่าถ้าอยู่ในข่ายเวทย์จะรู้สึกเหมือนโดนเข็มเป็นพันๆเล่มทิ่มแทงร่างกายแค่นั้นเอง  เอคัส  และคารอสมองหน้ากันอย่างสื่อความหมายตรงคำว่าแค่นี้เองของเพื่อนสาวของตน  ก็รู้สึกขนลุกขึ้นมา  และตั้งปณิธานว่าจะไม่ทำให้คารีเฟียร์โกรธอย่างแน่นอน

                    ทั้งสามเดินไปจนถึงบานประตู  และเปิดประตูออกมาพบห้องประชุมที่มีคณาจารย์ยืนอยู่  ซึ่งมีกลุ่มคนที่เข้าร่วมการทดสอบเข้าสมัครเรียนนั่งอยู่บนโต๊ะบางส่วนแล้ว  และกำลังนั่งคุยกันอยู่  ซึ่งทุกคนต่างมีสภาพสะบัดสะบอม  และมอมแมมไปตามๆ กัน  ทั้งสามจึงเดินไปนั่งที่เก้าอี้  ไม่นานก็มีกลุ่มคนเดินมาสมทบอีก  จนกระทั่งเมื่อศาสตราจารย์เอมบิทพูดขึ้นเสียงพูดคุยต่างๆ จึงหยุดลง

                    ขอต้อนรับนักเรียนทุกคนเข้าสู่โรงเรียนมหาเวทวาเคซัส  ฉันมีชื่อว่าศาสตราจารย์เอมบิท  โบเวสก้า  รองศาสตราจารย์โรงเรียนมหาเวทวาเคซัส  ตอนนี้พวกเธอทุกคนเป็นนักเรียนของโรงเรียนแล้ว  และขอเชิญศาสตราจารย์โฮเรมเฮบ  มุนตาเมล  อาจารย์ใหญ่โรงเรียนมหาเวทวาเคซัสให้โอวาสกับนักเรียนใหม่ทุกคน  ศาสตราจารย์เอมบิทเดินลงจากเวทีไป  พร้อมกับที่ชายชราผมสีขาวทั้งศีรษะ  ร่างสูงโปร่ง  อยู่ในชุดสูธสีครีม  ตรงหน้าอกมีสัญลักษณ์เป็นรูปหัวคทาไขว้กับดาบ  พื้นสีฟ้าอ่อน

     

                    ขอต้อนรับนักเรียนทุกคน  วันนี้ทุกคนคงเหนื่อยกันน่าดูครูจะไม่รบกวนเวลาของพวกเธอมากนัก  จะได้ให้เวลาพวกเธอได้พักผ่อนกันโดยเร็ว  ซึ่งครูของบอกกฎของโรงเรียนก่อน 

                    ข้อแรก  นักเรียนสามารถท้าคนอื่นสู้ได้  แต่ห้ามนักเรียนสู้กันจนถึงแก่ชีวิต

                    ข้อสอง  ห้ามนักเรียนเล่นการพนันในโรงเรียน

                    ข้อสาม  นักเรียนสามารถออกมาเดินเล่นในตอนกลางคืนนอกหอพักได้

    ต่อไปพวกเธอจะได้พบรุ่นพี่ของพวกเธอ  และจัดให้อยู่ในหอพัก  ซึ่งโรงเรียนของเรามีหอพักอยู่สามหอ  ส่วนการจัดแบ่งหอของเรานั้นจะดูว่าพวกเธอใช้เวทมนต์ในลักษณะไหน  โดยในการทดสอบเราได้ติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดไว้แล้ว  ดังนั้นเราจึงพิจารณาได้ไม่ว่าจะเป็นพวกมนต์ขาว  มนต์ดำ  และใช้ธรรมชาติรอบตัว  หอพักแรกมีชื่อว่าหอคอยผู้พิทักษ์เป็นหอพักของผู้ใช้เวทที่ดึงพลังมาจากมนต์ขาว  หอพักจะอยู่ทางซ้าย  หอพักที่สองมีชื่อว่าวิหารเจ้าจันทราเป็นหอพักของผู้ใช้เวทที่ดึงพลังมาจากมนต์ดำ  หอพักจะอยู่ทางขวา  และหอพักที่สามมีชื่อว่าพีระมิดจัตุภาคเป็นหอพักของผู้ใช้เวทที่ดึงพลังเวทจากธาตุทั้งสี่มาใช้  คือดิน  น้ำ  ลม  ไฟ  หอพักจะอยู่ตรงกลาง  แต่ก่อนอื่นขอให้พวกเธอเตรียมตัวให้พร้อมกับการแข่งขันกีฬาภายในของโรงเรียน  ครูพูดมานานแล้ว  ขอให้พวกเธอพบกับรุ่นพี่ของพวกเธอได้  ศาสตราจารย์โฮเรมเฮบเดินลงจากเวที 

     

                    ชายหนุ่มสามคน  และหญิงสาวสามคนเดินขึ้นมาจากเวที  ซึ่งชายคนแรกใส่เครื่องแบบสีครีมสะอาดตา  ผูกเนคไท  มีตราสัญลักษณ์โรงเรียนอยู่ที่หน้าอกทางด้านซ้ายมือ  แขนข้างขวามีผ้าสีฟ้าพันไว้  ส่วนหญิงสาวใส่ชุดสูธแขนยาวสีครีม  กระโปรงสั้นสีดำลายสก็อต  ส่วนชายอีกสองคนใส่เครื่องแบบลักษณะเดียว  แต่เป็นสีดำ  และสีเทา  และหญิงสาวอีกสองคนใส่ชุดสีดำ  และสีเทา  กระโปรงสั้นสีดำลายสก็อต

                    ถ้าข้าเรียกชื่อใคร  ให้ออกมายืนเป็นแถวตามมุมห้อง  โดยทางซ้ายจะเป็นหอหอคอยผู้พิทักษ์ถัดมาทางขวาเป็นหอวิหารเจ้าจันทราและพีระมิดจัตุภาคจะอยู่ตรงมุมประตู  รุ่นพี่ประจำหอจะยื่นรอตรงจุดที่นัดไว้

                    เนวิล  ฟาเรคิน  วิหารเจ้าจันทรา  เด็กหนุ่มผมสีชาชี้ไม่เป็นทรง  ตาสีม่วง  รูปร่างท้วมเดินออกไปด้วยท่าทางตื่นเต้น

                    เมอริก้า  โกโดร่า  หอหอคอยผู้พิทักษ์  เด็กสาวผมสีแดงหยักโศก  ตาสีแดง  รูปร่างสูงโปร่ง  ผิวขาวอมชมพูเดินออกไป

                    คารีเฟียร์  เฟอร์เทียร์  พีระมิดจัตุภาค 

                    เอลล่า  ทิมพาเมล  วิหารเจ้าจันทรา

                    คารอส ซาฟิก้า ไฟร์ ราชเวียร์  พีระมิดจัตุภาค

                    เอคัส ฟามินโก้ เวล เซราฟ  พีระมิดจัตุภาค

                    คำสิงห์ เวลเดอกอน  พีระมิดจัตุภาค

                    กิบบ้อน  บาโลด้า  หอหอคอยผู้พิทักษ์

                    อลิซ  คารานอลย์  วิหารเจ้าจันทรา

                    รายชื่อยังคงประกาศต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสิ้นสุดลง  และทุกคนเดินไปรวมกลุ่มประจำหอพัก  หอแต่ละหอมีนักเรียนในชั้นปีทั้งหมดเก้าคน  รุ่นพี่เดินนำรุ่นน้องไปจนถึงหอพักของตัวเอง 

     

    ส่วนหอพักของพีระมิดจัตุภาคสวนด้านหน้าถูกตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับหลากชนิด  ต้นหญ้าถูกตัดสั้น  ทางเข้าหอพักมีรูปปั้นของพ่อมดยืนอยู่ในท่าทางสบายๆ  ใบหน้ายิ้มแย้ม  รุ่นพี่เดินนำรุ่นน้องไปตลอดทาง  ในห้องเป็นพื้นหินอ่อน  และมีรูปปั้นต่างๆ มากมาย 

                    ข้าชื่อเวลเมอรอน  ราเทตโก้  เป็นหัวหน้าหอพีระมิดจัตุภาคทุกคนในหอพักของแต่ละปี  จะมีหัวหน้าชั้นสี่คนแบ่งตามความสามารถตามการทดสอบ  ซึ่งหัวหน้าชั้นปีจะอยู่ในห้องพักหัวหน้าชั้นปี  กฎของที่นี่คือใครจะท้าใครประลองก็ได้ไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่ท้ารุ่นน้อง  หรือรุ่นน้องท้ารุ่นพี่  ต่อไปฉันจะประกาศชื่อหัวหน้าหอ  คือ  เอคัส ฟามินโก้ เวล เซราฟ, คารอส ซาฟิก้า ไฟร์ ราสเวียร์, คารีเฟียร์  เฟอร์เทียร์  และคำสิงห์  เวลเดอกอน  เกิดเสียงซุบซิบดังขึ้น  เนื่องจากหัวหน้าชั้นปีเป็นนักฆ่าสองคน  และเจ้าชายสองคน  ส่วนคนที่ชื่อคำสิงห์  เวลเดอกอน  คารีเฟียร์สังเกตุว่าเป็นชาวเอเชีย  ชายหนุ่มมีรูปร่างสูงโปร่ง  ผมสีดำ  ตาสีน้ำตาล  ผิวสีแทนแบบคนเอเชีย 

     

                    และนี่คือเพื่อนร่วมชั้นของพวกเธออีกห้าคน

    เจมิไน  คานารอล

                    อาซีฟ   ไฟร์เมอร์

                    กิลเดอรอน  อิลลาฮัม

                    ยูเรียส  เซซอสตริส

                    เฮอร์เดอก้า  เทนโทเพต

                    ส่วนห้องพักของปีหนึ่งจะอยู่ชั้นสอง    ห้องของผู้หญิงอยู่ทางซ้าย  ผู้ชายอยู่ทางขวา  ตอนนี้ให้พวกเธอแยกย้ายกันไปนอน  แล้วพรุ่งนี้เจอกันตอนเช้าเวลาเจ็ดโมงเช้าที่ห้องอาหาร  พูดจบรุ่นพี่ก็เดินจากไป

     

                    เป็นที่แน่นอนว่ายังไม่มีใครที่ต้องการนอนพักผ่อนในตอนนี้  เพราะทุกคนต่างก็อยากจะทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมหอเดียวกัน  พร้อมทั้งเล่าเรื่องที่ตนผ่านด่านทดสอบอะไรมา  ซึ่งทุกคนต่างผ่านด่านในการใช้พลังเวทในการเรียกสิ่งของ  และการใช้เวทมนต์ในคาถาบทง่ายๆ กันมาทั้งนั้น  ซึ่งนั่นก็ทำให้คารีเฟียร์รู้สึกไม่ยุติธรรมเอาซะเลย  เพราะพวกเธอทั้งสามผ่านด่านที่ยากกว่ากันตั้งเยอะ  ส่วนคำสิงห์นั้นผ่านเข้าไปในด่านที่เป็นห้องๆ หนึ่งดูแล้วธรรมดา  แต่ดันมีเลเซอร์มาตั้งอยู่ในห้องนี่สิ  ซึ่งคำสิงห์เล่าว่าถ้าตลอดระยะทางถ้าเผลอไปโดนเลเซอร์เข้าจะทำให้ขวานยักษ์บนเพดานทำงาน  โดยการแกว่งไปแกว่งมาทั่วทั้งห้อง  ซึ่งนั่นทำให้คารีเฟียร์ไม่ต้องคิดถึงชีวิตที่เหลืออยู่เลย  ส่วนความง่ายของการทดสอบหลังจากที่ทุกคนฟังมา  ก็พบเหมือกันคือทางแยกทั้งสามทาง  คือทางซ้าย  ตรงกลาง  และทางขวา  ซึ่งทุกคนต่างก็เลือกทางตรงกลางกันถึงได้เจอด่านง่าย  ส่วนเธอกับชายหนุ่มทั้งสองก็เลือกทางซ้าย  และคำสิงห์นั้นเลือกทางขวา  และนั่นก็ทำให้คารีเฟียรอดคิดไม่ได้ว่าไหนใครๆ ก็บอกไว้ว่าขวาร้าย  ซ้ายดี  แต่นี่แล้วเลี้ยวซ้ายแล้วเจอกันท่าจะดี  ทำไมมันถึงได้เจอด่านยากอีกเนี่ย

     

                    หลังจากที่ทำความรู้จักกันเสร็จทั้งหมดได้ลงความเห็นต้องกันว่าสมควรจะเข้านอนกันได้แล้ว  ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปนอนที่ห้องพักของตนเอง  ส่วนสัมภาระทั้งหลายนั้นได้วางอยู่ในห้องนอนของตัวเองแล้ว  เหลือแค่จัดเก็บของให้เข้าที่เท่านั้น  คารีเฟียร์ที่ยังไม่รู้สึกง่วงเพราะกำลังตื่นเต้นที่ได้เจอเพื่อนใหม่จำนวนมาก  จึงยังนอนไม่หลับ  ดังนั้นหญิงสาวจึงเก็บของให้เข้าที่เสร็จแล้วจึงล้มตัวนอนลง  แต่พอนอนลงบนหมอน  ความง่วงก็ถาถมเข้ามาทำให้เปลือกตาหนักอึ้ง  จนหญิงสาวลืมตาไม่ขึ้นจึงปล่อยให้ห้วงนิทรานำพาไปอย่างไม่คิดจะขัดขืน 

     

                    โห้...  สวยจัง  คารีเฟียร์มองไปยังทุ่งดอกไม้หลากสีสัน  ธรรมชาติรอบกายก็เป็นใจสายลมอ่อนพัดมา  ทำให้ต้นไม้น้อยใหญ่พลิ้วไหวตามแรงลม  ถัดจากทุ่งดอกไม้ไปเป็นลำธารใส  มองเห็นก้อนหินด้านล่าง  หมู่ปลาพากันไหว้ไปมาดูแล้วเพลินตา  เด็กสาวเดินต่อไปจนถึงอาคารหลังหนึ่งมีลักษณะเป็นทรงโดม  ตัวอาคารสร้างด้วยหินอ่อนสีชมพูอ่อน  ชั้นบนสุดของอาคารมีระเบียงตั้งอยู่  พร้อมด้วยสิ่งที่ทำให้คารีเฟียร์ตกใจ  เพราะตรงระเบียงของอาคารมีคนรูปร่างหน้าตาเหมือนสัตว์อสูร  ขนดกสีน้ำตาลอ่อน  ใบหน้ามีลักษณะเป็นหมาใน  ช่วงไหล่ลงมาถึงเท้ามีรูปร่างเหมือนมนุษย์  มันส่งเสียงคำรามดังกึกก้อง  พร้อมกับนัยต์ตาสีแดงก่ำจ้องมองมาทางเจอ  ในมือถือหนังสือเล่มหนึ่ง  ความหนาประมาณเกือบ ๆ สองพันหน้า  หนังสือในมือส่องแสงสีทองอ่อนแลดูสวยดี  ที่หน้าปกมีอัญมณีสีเขียวมรกตส่องสว่างสุกใส  พร้อมทั้งเสียงคำรามดังกึกก้องที่ครั้งนี้เสียงดังสนั่นกว่าเดิม

     

                    อย่า...   คารีเฟียร์สะดุ้งตื่นขึ้นมา  พร้อมทั้งหยดน้ำใสเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นบนใบหน้า

                    สงสัยจะฝันร้าย  เด็กสาวบ่นกับตัวเอง  และล้มตัวนอนต่อ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×