คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
เราเปลี่ยนชื่อใหม่ง่ะ เดิมทีชื่อเรื่องคือ คารีเฟียร์นักฆ่ามือใหม่
----------------------------------------------------------------------------------------
“ท่านพ่อ ข้าไม่เป็นนักฆ่าไม่ได้หรือ...”
“ไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องเป็นนักฆ่า...”
“แต่... ข้าไม่เข้าใจว่าทำไม”
“เพราะเจ้าเป็นทายาทคนเดียวของตระกูลเฟอร์เทียร์ ตระกูลที่ขึ้นชื่อว่าเป็นตระกูลนักฆ่าอันดับหนึ่ง เจ้าต้องไม่ทำให้ข้าและนางผิดหวัง...”
“แต่...”
“ไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ ทั้งสิ้น...”
เด็กสาวผมตรงยาวสีน้ำตาลเข้าทรงหน้ารูปไข่ ตากลมโตสีน้ำตาลอ่อน ผิวขาวอมชมพู คิ้วโก้ง ริมฝีปากได้รูปสีแดงกลีบกุหลาบ หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูแม้ว่าตอนนี้จะมีดวงตาบวมแดงกล่ำน้ำตาไหลลงอาบแก้มทั้งสองข้างมองหน้าชายวัยกลางคนผมสีดำยุ่งเหยิง ตาสีน้ำตาลอ่อน ผิวสีแทน รูปร่างล่ำสันท่าทางน่าเกรงขาม
จนกระทั่งเวลาผ่านไปสิบปี จากเด็กสาวกลายเป็นสาวน้อยวัยแรกรุ่นอายุสิบห้าปี รูปร่างบางระหง หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูที่ชำนาญการต่อสู้ทุกรูปแบบ อีริคและคาทีน่ากำลังมองลูกสาวคนเดียวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของทั้งคู่ ภายในห้องถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ลวดลายโบราณ ผนังห้องทาด้วยสีฟ้าอ่อนแลดูสบายตา เพดานด้านบนเป็นรูปของเทพตัวน้อยในป่า ในมือถือคันธนูขนาดเล็กเหมาะกับตัว
“อีริคที่รัก ข้าคงคิดถึงลูก...” หญิงสาววัยกลางคนมองสบตาสามีผู้เป็นที่รัก
“มันถึงเวลาแล้วที่คารีเฟียร์ต้องเข้าเรียน...” ชายวัยกลางคนกุมมือภรรยาผู้เป็นที่รัก
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าต้องเข้าเรียนที่โรงเรียนมหาเวทวาเคซัสที่ได้ชื่อว่าเป็นโรงเรียนเวทมนต์อันดับหนึ่งจริง ๆ หรือท่านพ่อ ท่านแม่” สาวน้อยมองหน้าพ่อแม่ด้วยดวงตาใสซื่อ จนทั้งสองรู้สึกรัก และเอ็นดูลูกสาวมากขึ้น
“ใช่ ตอนนี้ลูกต้องเตรียมตัวเดินทางได้แล้ว...”
“ค่ะ...” เด็กสาวตอบรับสั้น ๆ พร้อมทั้งเดินจากไปภายในใจคารีเฟียร์รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก เพราะนั่นเป็นครั้งแรกที่เด็กสาวจะมีเพื่อน ตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เธอยังจำความไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเธอถูกจับให้ถือดาบ ฝึกการต่อสู้ทุกรูปแบบ แต่เธอก็รู้สึกเสียใจที่ต้องจากครอบครัวที่เธอรักไป ตลอดทางที่คารีเฟียร์เดินผ่านไปยังห้องนอนนั้น รูปภาพบรรพบุรุษในตระกูลของเธอราวกับมีชีวิต และเธอก็รู้สึกว่ารูปภาพเหล่านั้นกำลังมองตามเธอ ถ้าเป็นตอนเด็กเธอคงกลัว ซึ่งเธอไม่ต้องการให้ใครมาเห็น
แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องกระทบหยดน้ำค้างส่องแสงระยิบระยับ สัตว์น้อยใหญ่ต่างพากันออกจากรังเพื่อออกหากิน ในห้องนอนใหญ่ที่ตกแต่งอย่างสวยหรู ผนังห้องทาสีเขียวอ่อน ๆ ให้ความรู้สึกสบายตา เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ครบครัน บนเตียงใหญ่สาวน้อยหน้าตาน่ารักกำลังนอนหลับตาพริ้มท่าทางหลับลึก จนกระทั่ง
“ลูก... ตื่นได้แล้ว” ยังไม่มีเสียงตอบรับจากบุคคลที่ท่านเรียก
“ตื่น... คารีเฟียร์” คราวนี้น้ำเสียงของคนที่ทำหน้าที่นาฬิกาปลุกเริ่มดังขึ้น และเงาออร่าสีดำทะมึนเริ่มแผ่ออกมาจากร่างของหญิงสาววัยกลางคนผมตรงยาวเป็นลอนสีน้ำตาลพลิ้วไสวตามแรงลม ดวงตาสีเงิน รูปร่างสูงโปร่งบางระหง ผิวขาวเนียนอมชมพู คารีเฟียร์สะดุ้งตื่น พร้อมทั้งเรียกอาวุธคู่กายออกมา หมายจะสู้กับคนที่คิดจะลอบทำร้ายตน แต่เมื่อสายตาแลมาสบพบมารดาของตนที่กำลังยืนมองด้วยสายตาเหนื่อยใจ
“โธ่... ท่านแม่ไม่เห็นต้องแผ่ไอสังหารออกมาเลย ข้าตกใจหมด” สาวน้อยขี้เซายังทำท่าว่าจะนอนต่อ
“ลูก... ถ้าไม่รีบจะไปไม่ทันนะ แล้วอีกอย่างเป็นนักฆ่าที่ไหนตื่นสาย ยังไม่พอยังหลับลึกอีก อย่างนี้เจ้าจะโดนฆ่าตาย ก่อนเจ้าจะได้ฆ่าคนอื่นนะลูก”
คราวนี้ผู้เป็นแม่บ่นยาวเหยียดจนสาวน้อยต้องรีบไปอาบน้ำแต่ตัว และเธอต้องเตรียมเดินทางหลังจากที่รับประทานอาหารกับพ่อแม่เสร็จ การเดินทางในครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เด็กสาวจะต้องออกเดินทางคนเดียว
“ถ้าลูกสอบเข้าเรียนที่โรงเรียนมหาเวทวาเคซัสได้แล้ว แจ้งข่าวให้พ่อแม่รู้ด้วยนะ”
การส่งจดหมายบอกข่าวนั้นจะนิยมใช้เหยี่ยวในการส่งจดหมายตั้งแต่ในอดีต แต่ปัจจุบันได้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมของชาวเมืองในขณะนี้คงหนีไม่พ้น การส่งอีเมล์ การเดินทางไปสมัครเรียนที่โรงเรียนมหาเวทวาเคซัสนั้น คารีเฟียร์ต้องเดินทางอย่างรวดเร็ว เพราะต้องเดินทางข้ามภูเขาดาร์ดโกตส์น ภูเขาที่มีเรื่องเล่าขานกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษว่าตอนกลางคืนในคืนที่พระจันทร์เต็มดวงจะมีวิญญาณออกมาไล่ล่าบุคคลผู้ล่วงล้ำเข้ามาในภูเขาดาร์ดโกตส์ และป่าดำไนท์ ออฟ ไลฟ์
“ชื่อป่านี่ก็น่ารักดีอยู่หรอก แต่ทุกอย่างในตอนกลางคืนนี่สิดันมีชีวิตขึ้นมา” คารีเฟียร์บ่นในใจ
ทั้งที่เดินทางตั้งแต่เช้าจนเวลานี้ก็ใกล้เวลาพบค่ำแล้ว เมื่อยก็เมื่อยแต่ยังหยุดไม่ได้ เราต้องเร่งเดินทางในพ้นจากเขตของภูเขาดาร์ดโกตส์ก่อน การเดินทางสิ้นสุดลงจนถึงเขตทางเข้าชายป่าดำไนท์ ออฟ ไลฟ์ คารีเฟียร์หยุดพักด้วยความเหนื่อยล้า กระบอกน้ำถูกดึงขึ้นเปิดฝา พร้อมทั้งของเหลวที่อยู่ข้างในไหลเข้าไปภายในปาก บนใบหน้าเกิดประกายหยดน้ำใสเล็ก ๆ ที่ผุดขึ้นตามไรผม และบนหน้าผากมน
“คืนนี้คงต้องเดินทางให้ออกจากป่าดำไนท์ ออฟ ไลฟ์ก่อน”
คารีเฟียร์รีบเก็บสัมภาระทั้งหลายให้เสร็จโดยเร็ว เพราะไม่คิดอยากจะพิสูจน์เรื่องเล่าใด ๆ ทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าการเดินทางจะพ้นจากภูเขาดาร์ดโกสต์โดยไม่มีสิ่งผิดปกติใดๆ เกิดขึ้น แต่การเดินทางในป่าดำนั้นมืดจนมองไม่เห็น เพราะต้นไม้ในป่าดำไนท์ ออฟ ไลฟ์นั้นขึ้นสูงจนบดบังแสงจันทร์ และแสงดาว
“ไลท์... ค่อยมองเห็นทางหน่อย” คารีเฟียร์เปล่งคาถาด้วยเสียงแผ่วเบา พร้อมทั้งแสงสว่างที่เกิดขึ้นจากหัวลูกแก้วที่คทา การเดินทางจึงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่ง
“กร็อบ...”
“นั่นใคร..” คารีเฟียร์ส่งเสียงถาม พร้อมทั้งเรียกอาวุธคู่กายออกมา
“ดาบสายลมสังหาร...” ดาบสีเงินเล่มเล็กเรียวบาง ใบดาบมีลมหมุนวนอยู่รอบๆใบดาบ น้ำหนักเบามือเหมาะกับเจ้าของใบดาบส่องแสงสีฟ้าอ่อน ๆ ลวดลายที่ด้านดาบแลดูเข้มแข็งปรากฏอยู่ในมือผู้เป็นเจ้าของ หลังจากนั้นความเงียบสงัดจึงเกิดขึ้น จน......
“ข้าถามว่านั่นใคร...”
คราวนี้คารีเฟียร์เห็นสิ่งผิดปกติเบื้องหน้า ซึ่งสิ่งที่เห็นทำให้เธอต้องรีบวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เพราะสิ่งที่เธอเห็นนั้น คือบรรดาต้นไม้ในป่าต่างมีชีวิตขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“ไฟร์..”
ลูกไฟขนาดเล็กหลายลูกขยายตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และพุ่งตรงใส่ต้นไม้รอบตัวเธอ พร้อมกับการปรากฏตัวของชายหนุ่มแปลกหน้าทั้งสองคน ต้นไม้ที่ถูกลูกไฟโดนเผาไปเพียงบางส่วน ต่างพากันวิ่งไปที่แม่น้ำ เพื่อใช้น้ำในแม่น้ำดับไฟ ส่วนต้นไม้ที่ไม่โดนลูกไฟเผาต่างพากันวิ่งหนีไปอย่างไม่รู้ทิศรู้ทาง
คารีเฟียร์มองหน้าผู้แปลกหน้าทั้งสอง คนหนึ่งมีผมสีเงินยุ่งเหยิง ตาสีฟ้าสดใส ท่าทางสง่างาม รูปร่างสูงโปร่ง แต่ก็ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ ส่วนอีกคนมีผมสีดำยาวถูกรวบไว้อย่างลวก ๆ ตาสีเขียวมรกตสดใส ท่าทางขี้เล่นซึ่งแฝงอยู่ในแววตา รูปร่างสูงโปร่งแต่ดูแล้วสูงน้อยกว่าเด็กหนุ่มผมสีเงินนิดหน่อย
“เอคัส ข้าว่าเราเจอเพื่อนร่วมเดินทางคนใหม่แล้วล่ะ...” เด็กหนุ่มผมสีดำ กล่าวกับเด็กหนุ่มผมสีเงินอีกคน
“คารอส ถ้าเจ้าอยากได้เพื่อนร่วมเดินทาง ก็แล้วแต่เจ้า ส่วนข้าไม่อยากเสียเวลากับคนแปลกหน้า...” เด็กหนุ่มผมสีเงินกล่าวกับเด็กหนุ่มที่ชื่อคารอส ซึ่งคำพูดของเด็กหนุ่มผมสีเงินทำให้คารีเฟียร์ต้องเลือดขึ้นหน้าด้วยความโกรธ
“ใครอยากร่วมเดินทางไปกับคนอย่างเจ้า ไอหัวเงิน ไอแก่...” คารีเฟียร์ไม่ว่าเปล่า พร้อมทั้งเดินไปหมายจะชกหน้าให้สะใจ คารอสเห็นท่าไม่ดี จึงรีบเข้ามาห้ามพร้อมทั้งแนะนำตัว “เอ่อ... ข้าชื่อคารอส ราสเวียร์ ส่วนเจ้านี่ชื่อเอคัส เซราฟ”
“ข้าชื่อคารีเฟียร์ เฟอร์เทียร์ เรียกข้าว่าเฟียร์... ข้าจะไปสมัครเรียนที่โรงเรียนมหาเวทวาเคซัส แล้วพวกเจ้าจะไปไหนกัน” คารีเฟียร์ถามพร้อมทั้งมองสบตาบุคคลทั้งสอง
“ข้าสองคนก็จะไปสมัครเรียนที่โรงเรียนมหาเวทวาเคซัสเหมือนกัน แล้วเจ้าชื่ออะไรนะ... อ้อ! เฟียร์เจ้าจะเดินทางไปพร้อมกับพวกเราไหม” เฟียร์มองหน้าบุคคลทั้งสอง พร้อมทั้งคิดอย่างหนักว่าจะเดินทางไปกับคารอส และเอคัสหรือไม่
“ตกลง... ถ้าไอหัวเงินนั่นจะไม่แสดงท่าทางหยิ่ง เย็นชาใส่ข้า”
คารอสเห็นท่าว่าทั้งสองจะเริ่มต้นทะเลาะกันอีก จึงได้เร่งให้ออกจากป่าดำไนท์ ออฟ ไลฟ์ ซึ่งทั้งหมดก็ยอมทำตามแต่โดยดี จนกระทั่งพ้นชายป่าดำไนท์ ออฟ ไลฟ์ ในตอนใกล้รุ่ง ทั้ง ๆ ที่ พระอาทิตย์ยังไม่ส่องแสงจากขอบฟ้า ทั้งสามจึงพักผ่อนก่อนออกเดินทางในตอนสาย แต่การเดินทางของทั้งสามยังไม่มีใครรู้ว่าจะเป็นอย่างไร รู้แต่ยังมีสิ่งที่ท้าทายอีกมากให้ค้นหา
ความคิดเห็น