ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF Chanyeol & Rit ] - M . A . N .O

    ลำดับตอนที่ #2 : M.A.N.O - 1

    • อัปเดตล่าสุด 3 มิ.ย. 57


     

    ทุกงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา..  ทุกความสนุกสนานย่อมมีวันจบลง
    จะมีก็แต่ความทรงจำดีๆที่จะอยู่กับเราได้ตลอดกาล


     


















    [Chanyeol Part]

     

    “พี่ๆทีมงานทุกคน เมมเบอร์ทุกคน ขอบคุณทุกคนมากนะครับสำหรับความตั้งใจในคอนเสิร์ตครั้งนี้”

    สิ้นเสียงพี่จุนมยอนเมมเบอร์ทั้ง 12คนก็ประสานมือกันก่อนจะตะโกน

    “We Are One!!!!!

    เสียงปรบมือดังก้องห้องอาหาร ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันกินอาหาร บ้างก็ร้องเพลงเต้นรำ ตามภาษาของ ปาร์ตี้หลังจบคอนเสิร์ต

    จบแล้วครับ..สำหรับคอนเสิร์ต EXO ในเมืองไทย ถึงจะเหนื่อยแต่ก็สนุกมาก แฟนๆชาวไทยน่ารักมาก แถมมีโปรเจคที่ทำให้พวกเราประทับใจมากๆอีกด้วย

     

     

    ผมเดินไปหยิบขวดโคล่าเดินมานั่งดื่มบนโซฟาข้างๆเวทีมองไปบรรยากาศโดยรอบเห็นเหล่าเมมเบอร์กำลังสนุกสนานกันอยู่ ไอ้ลูกหมาแบคกับพี่จุนกำลังแหกปากร้องอือรือรองอย่างเมามัน ส่วนพี่คริสกับพี่ลู่หานก็นั่งเหล่สาวเสิร์ฟกันอย่างสนุก  ก็อย่างว่า สาวไทยขึ้นชื่อเรื่องความสวย  สองเสือนั่นไม่พลาดหรอกครับ

     

    แต่ในขณะที่ผมกำลังจะเข้าไปเต้นมันส์กับแบคฮยอน พี่เมเนเจอร์ก็มาเรียกพวกเราไปรวมกันซะก่อน

     

    “ เออ คือมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นน่ะ ทีมงานเขาจองตั๋วเครื่องบินผิด จะเลื่อนก็ไม่ได้.. พี่ปรึกษาทางบริษัทแล้ว เพื่อเป็นโบนัสสำหรับความตั้งใจของพวกนาย  บริษัทจะให้พวกนายเที่ยวในเมืองไทย 1 สัปดาห์”

    เยเฮททททททททททททททททททททท

     

    เสียงเฮดังลั่น เมมเบอร์ทุกคนกระโดดโลดเต้นด้วยความยินดี โดยเฉพาะไอ้มักเน่เซฮุน ที่ชอบเมืองไทยมากๆผมเองก็ยังอดจะดีใจไม่ได้ ><

    1สัปดาห์ในเมืองไทย  ต้องสนุกแน่ๆเลยครับ ชานยอลฟันธง เย้!!!!!!!!!!

     

     

     

     .........
     

    เช้าวันแรกของการเที่ยวไทยของพวกเราชาว EXO

    พวกเรามีล่ามมาพาเที่ยวด้วยครับ ไปกันแบบเงียบๆ ครับ แต่ก็พอมีแฟนไทยรู้กันอยู่แหละ แหมตามเป็นพรวนยังกะถ่ายรายการ

    ที่ที่เราไปก็เป็นวัดที่เราเคยมากันแล้วเมื่อปีก่อนๆ ผมค่อนข้างเบื่อเล็กน้อย แต่ที่ไม่เบื่อคืออาหารไทยครับ แม้จะเผ็ดไปหน่อยแต่อร่อยทุกร้านคอนเฟิร์ม

    วันแรกผ่านไป .. พวกเราก็กลับมาพักผ่อนที่โรงแรม พรุ่งนี้พวกเราก็มีแผนจะไปเที่ยว ช็อปชิมชิลอีก  ต้องรีบนอนเก็บแรงไว้ก่อนนะครับ

     

     





     

    ....

     





     

    รุ่งเช้า...

     

    ผมตื่นมาพบกับความว่างเปล่า....

     

    ไอ้ลูกหมาแบคที่นอนกับผมก็หาย ตามหาเมเนเจอร์ และเมมเบอร์คนอื่นก็ไม่มี เห้ย เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ผมหยิบโทรศัพท์รีบโทรหาแบคฮยอน

     

     

    [“ชานยอลชิ ขอโทษนะพวกเราลืมนายอ่า”]

     

    “เห้ยย ลืมได้ไง แล้วฉันจะไปเที่ยวด้วยได้ยังไง”

    [“ง่า  ตอนนี้พวกเราถึงที่เที่ยวแล้ว นายรอที่ห้องได้มั้ย เดี๋ยวให้คนไปรับ”]

    เป็นเรื่องธรรมดาของวงเราครับที่จะลืมสมาชิกในวง เพราะเรามีกันตั้ง 12 คนแต่คราวนี้ดันเป็นผมซะได้......

    ....และแล้วผมก็คิดเรื่องสนุกๆขึ้นได้ ..

     “เอางี้ๆ ไม่ต้องหรอก บอกมาว่าพวกนายอยู่ไหน เดี๋ยวฉันไปหา”

    [“เห้ย จะดีหรอ นายจะมาได้หรอ นี่ไม่ใช่เกาหลีนะ”]

    “เหอะน่า ฉันไปได้ ปาร์คชานยอลซะอย่าง บอกมาว่าอยู่ตรงไหน”

    [“มันค่อนข้างไกลนะ แต่เดี๋ยวฉันถามล่ามให้”]

    เสียงแบคฮยอนคุยกับล่ามซักพักก่อนจะมาคุยกับผมต่อ

    [“ล่ามเขาบอกว่าอยู่ที่ กอเกด อะไรซักอย่างอ่ะ”(จริงๆคือ เกาะเกร็ด)

    “อะไรกอเกดๆ”

    [“กอเกด งี้มั้ง”]

    “อ่า ๆ โอเค เดี๋ยวฉันนั่งแท็กซี่ไป ขอบใจนะลูกหมา บาย จุฟ”

    ผมรีบกดวาง ทันที

     

    เยเฮทท!!! ได้เที่ยวลุยเดี่ยว สุดยอดเลย ถ้าไปเล่าให้เมมเบอร์คนอื่นฟังต้องดูเท่ห์แน่ๆ ><

    ว่าแล้วผมก็รีบแต่งตัวออกจากห้องเลยครับ

     

     

    ก่อนอื่น ผมต้องไปหาอะไรกิน มีทีมงานที่เป็นคนไทย เขาบอกอาหารตามข้างถนนนี่อร่อยสุดๆ ต้องลอง

    ผมน่ะพกสมุดศัพท์ ไทย-เกาหลี-อังกฤษ มาด้วยแหละ คงไม่ลำบากหรอกพี่ปาร์คซะอย่าง ต้องรอบคอบ><

     

    เห้ยยยยยยยย!!!

     

    นั่น!...นั่นผัดไทยใช่มั้ย! ผัดไทยที่อร่อยๆ ที่พี่คยูเคยคุยหนักคุยหนาว่าอร่อยเทพอย่างงั้นอย่างงี้ และพวกเราเอ็กโซคงไม่มีบุญได้กินแบบพี่เขาเพราะมันหากินได้ยากมาก!(โดนหลอกและ - -) ตอนนั้นเล่นเอาซะผมแทบจะโทรสั่งจากไทยให้ไปส่งที่เกาหลีเลยทีเดียว

     

    แต่ขอโทษนะคร้าบบบตอนนี้คงไม่ต้องเพราะผัดไทยมันมาอยู่ตรงหน้าผมแล้ว!!! วร๊ายถ้าได้เจอเมมเบอร์คงต้องอวดกันหน่อยล่ะคิกๆ

     

    ผมรีบตรงเข้าไปแล้วชี้ไปที่รูปอาหารที่ต้องการ แล้วรีบมานั่งรอที่โต๊ะทันที แดดเปรี้ยงๆ ส่องมายังหัวผมอย่างจัง แต่ช่างเถอะถึงร้อนหน่อยแต่ก็คุ้มกับการได้กินอาหารที่หาได้ยากแบบนี้ฮึบ….

     

    ไม่นานผัดไทยหอมฉุยก็ลอยมาตกลงตรงหน้าผมผมกล่าวขอบคุณแม่ค้าก่อนที่จะลงมือรับประทานทันที

     

    อ้ามมมม~~ ….

     

    กรี๊ดดดดดดปาร์คฟินนนน

     

    ทำไมมันอร่อยแบบนี้!!

     

    เพราะอากาศร้อนจนแทบจะเป็นลม ทำให้ผมไม่มีเวลาที่จะนั่งละเมียดละไมผัดไทยที่รักมากนัก รีบเร่งมือกินแล้วรีบไปหาของกินต่อดีกว่า เผื่อจะเจอร้านขายสาหร่ายเถ้าแก่น้อยที่พี่คุณของผมเป็นพรีเซนเตอร์อยู่แฮร่!

     

    Rrrrrr

     

    “ยอโบเซโย~~”

    [ชานยอลนายอยู่ไหนแล้วเนี่ย!!]

     

    ผมยกโทรศัพท์ออกห่างจากหูทันทีเมื่อเสียงแว๊ดของลูกหมาประจำวงลอดเข้ามา  โอยอะไรเนี่ย

     

    “ฉันอยู่ที่…(๐ ๐    )(    ๐ ๐)…”

    [ที่??]

    “ที่….เอ่อ…” ตอนนี้ผมอยู่ที่ไหนหว่า?

    [จะเอ่ออีกนานมั้ยชานยอลตอบมาสักทีสิ!]

    “ง่าแบคฮยอนอ่า”

     

    ผมเรียกแบคฮยอนเสียงหวาน เดาว่าปลายสายคงจะรู้คำตอบอยู่แล้ว ได้ยินเสียงถอนหายใจแรงๆ ดังผ่านปลายสายมาอีกที

     

    [กลับโรงแรมไปเดี๋ยวนี้เลยชานยอลไม่ต้องมาแล้ว]

    “เฮ้ย!ไม่ได้นะ!”

     

    เรื่องอะไรผมต้องกลับไปนอนอุดอู้อยู่ที่โรงแรมในขณะที่ทุกคนได้เที่ยวด้วยล่ะเหวย!

     

    [กลับไปเดี๋ยวนี้! แล้วค่อยไปเที่ยววันอื่นตอนที่พวกฉันกลับไป]

    “ไม่เอาหรอก”

    [ถ้านายไม่กลับก็ไม่ต้องมาพูดกับฉันอีก!]

    “แบคฮยอนอย่ามาขู่กันนะ!”

    [ไม่ได้ขู่ฉันพูดจริงถ้านายยังยืนยันที่จะมานะ!]

    “ฉันจะไป!!”

    […ห๊ะ? อะไรนะ]

    “ฉันจะไปหาพวกนาย!จะไปให้ได้ด้วยคอยรับโทรศัพท์อีกทีตอนที่ฉันถึงที่นู่นแล้วเถอะแค่นี้นะ”

    [นายจะบ้าหรอชานยอ….ตู๊ดๆๆๆ]

     

    ผมตัดสายแล้วรีบปิดเครื่องโทรศัพท์อย่างด่วนๆ เพราะกลัวแบคฮยอนจะโทรกลับมาด่าอีก จะมาห้ามไม่ให้ผมเที่ยวแล้วตัวเองกับพรรคพวกก็ลั้ลลาสบายเรอะ ใครจะไปยอมว้า

     

    ปิ๊นนนนนน!

     

    เสียงแตรรถดังลั่น ทำเอาผมที่เดินอยู่ริมฟุตบาทถึงกับสะดุ้ง พอหันไปมองก็พบแท็กซี่สีชมพูหวานแหววคันหนึ่งจอดเทียบอยู่ คนขับลดกระจกลงก่อนที่จะยื่นหน้ามา

     

    “เฮ้ไอ้หนุ่ม76#^&%*&*@^&”

     

    เอ่อเขาพูดอะไรของเขา?

     

    อ้าว นี่คนต่างชาติหรอแวร์อาร์ยูสะโก้ผมทำหน้างงในขณะที่สมองกำลังประมวลผลคำพูดที่ดูเหมือนจะเป็นภาษาอังกฤษที่แปลว่า ไปป่าววว

     

    อ๊ออออ คุณแท็กซี่กำลังชวนผมขึ้นรถเพื่อไปส่งที่หมายนี่เอง

     

    “ไปครับๆๆๆ”

     

    ผมรีบกระโจนขึ้นรถแท็กซี่ของคุณลุงที่หน้าตาแอบโหดๆ เอ่อดั้งลุงไม่ค่อยมีนะครับ สงสัยจะไม่เคยผ่านมีดหมอมา

     

    หน้าสดได้สุดยอดเลยลุง (*+++*)

     

    บนรถแท็กซี่แอร์เย็นเฉียบชวนนอนเป็นที่สุด แต่คุณลุงคนขับรถกลับไม่ยอมออกรถไปไหน ผมทำหน้างงใส่คุณลุงที่ดูเหมือนจะกำลังลำบากใจ

     

    “…เป็นอะไรหรอลุง”

     

    “….&*%^$%(เว่าไทยได้บ่ล่าบักเกาหลี)*%^&%^&”

     

    คุณลุงพูด….อะไร?

     

    ปัญหาด้านภาษาที่เกิดขึ้น ทำให้ผมเกิดภาวะมึนงงชั่วคราว แต่ก็คิดได้ว่าตัวเองมีสมุดคำศัพท์ที่อุตส่าห์ซื้อมา เย้เฮท คว้ามาได้ผมก็จัดทันที

     

    “เอ่อพมรั้กคุ่น”

     

    ทันทีที่พูดจบ ผมก็ส่งรอยยิ้มหวานพร้อมกับสายตาหวานซึ้งตราตรึงให้คุณลุง

     

    คุณลุงหน้าแดงก่อนจะเอียงอายอย่างน่ารัก

     

    เฮ้ย!! ตื่นๆไม่ใช่แล้ว

     

    ผมรีบเปิดสมุดคำศัพท์ไปหน้าอื่นทันที เพราะเริ่มรู้สึกขนลุกกเกรียวไปทั้งตัวยังไงก็ไม่รู้ เวลาแบบนี้มันต้องเป็นคำว่าอะไรล่ะ คำว่าอะไรดี

     

    อ๊ะนี่คงพอได้

     

    “อ่าพมจาไปเท่ว”

     

    แหมภาษาวิบัติมาเต็ม

     

    แต่ก็นั่นล่ะครับมันน่าจะพอใช้ได้ ในเมื่อคุณลุงทำหน้าเหมือนจะเข้าใจ เหยดดด สกิลภาษาไทยผมไม่ใช่ขี้ๆ คอยดูจะไปอวดไอ้ฮุน

     

    “สิไปไสล่ะแหวอายูโก๊”

     

    อ่าอันนี้ผมว่าผมเข้าใจ คุณลุงถามว่าจะไปที่ไหน ตอนคุยกับแบคฮยอนไอ้หมามันบอกเอาไว้ว่าอะไรว้า อะไรกอๆ อะไรนะ - -

     

    อ๋อออ นึกออกแล้ว!

     

    “พมจาไปกอแกด”

     

    “ห๊ะ?...” เครื่องหมายคำถามเด้งขึ้นมาเต็มหน้าคุณลุงโอเคๆ ผมจะพูดให้ชัดกว่าเดิม

     

    “ไปกอแกด”

     

    “*^*%*&(เว่าอิหยังว่ะบักหล่านิ)&^*^*7”

     

    คุณลุงสบถเป็นภาษาไทยอะไรไม่รู้รัวๆ เล่นเอาผมมึนตึ้บ ตอนแรกว่าจะยื่นหนังสือคำศัพท์ในมือให้คุณลุงไปแล้ว แต่ปรากฏว่ากลับเป็นคุณลุงนั่นเองที่ยื่นกระดาษแผ่นโตมาให้ผม

     

    หือ อิหยัง เอ้ย อะไรอ่ะ?

     

    “ยูซีผมมองไปที่กระดาษตามที่คุณลุงบอก ในกระดาษเป็นลิสชื่ออะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด มันเป็นรายชื่อที่ผมไม่ค่อยคุ้น เหมือนสถานที่ท่องเที่ยว? อ๋อใบนี้ต้องเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแน่ๆ คุณลุงเอามาให้ผมดูว่าผมจะไปที่ไหน เยเฮท เราฉลาด

     

    ไหนหว่า?

     

    Bangkok >>บางกอก

    Burirum>>พุรีรุม

    Chainat>>ชัยนาทึ

    Korat>>โคราทึ

    Khonkaen>>กอนแกน

     

    กอเกด>>กอแกด>>กอนแกน

     

    เฮ้ยยยยยยย!! เจอแล้วววว

     

    ผมว่าที่นี่แหละออกเสียงใกล้เคียงที่สุด เพราะเราเป็นคนเกาหลีคงจะพูดชื่อไม่ถูก คุณลุงก็เลยงงแน่ๆ ผมรีบเอาจิ้มๆ ไปที่กอนแกนทันทีคุณลุงเบิกตากว้างหน่อยๆ แล้วพูดภาษาไทยรัวๆ ใส่ผมอีกครั้ง

     

    “*(*&%^&9*(สิไปขอนแก่นแม่นบ่)*&%@$%^”

     

    “…(พยักหน้ามั่นใจ)…”

     

    “โอเคบักเกาหลี”

     

    คุณลุงพยักหน้าเข้าใจได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะหันกลับไปประจำที่คนขับดังเดิม ผมร้องอย่างฮึกเหิม เมื่อคุณลุงตะโกนปลุกใจเสียงดัง

     

    “ไปขอนแก่นโลด!!!”

     

    “เยสสสส!!!”

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     


     

    ….ฟิ้ววววววววว….

     

    อย่าแปลกใจในเสียงที่คุณได้ยิน มันคือเสียงลมแห่งความว้าเหว่ ที่กำลังเกิดขึ้นกับผม…

     

    แค่เพียงเสี้ยวเดียวที่ผมเผลอหลับไปบนรถแท็กซี่ ลืมตามาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ที่มีแต่รถบัสของไทยเต็มไปหมด ไม่รู้จะไปทางไหน แต่โชคดีเหลือเกินที่คุณลุงขับแท็กซี่ที่มาด้วยกันนั้นโคตรจะใจดี เดินไปซื้อตั๋วรถพร้อมกับยัดมือใส่ผม แถมยังพามาจนถึงรถที่จะต้องขึ้น

     .
    .
    .
    .

     

    แล้วรถก็วิ่งมาจนสุดทาง…นานเป็นบ้า ราวๆ 5-6 ชั่วโมง มาถึงก็บ่ายแก่ๆแล้ว

     

    ทุกคนบนรถลงจนหมด ผมก็เลยจำต้องลงด้วย พอกะว่าจะถามคนขับ ไม่ก็ผู้โดยสารคนอื่นสักหน่อยว่าไอ้กอแกดบ้าบออะไรนี่มันไปทางไหน ทุกคนก็พร้อมใจหนีหายไปจากรอบกายผมอย่างรวดเร็วบอกตรงๆตอนนี้เคว้งสุด

     

    อ๊ะหรือว่าควรจะโทรบอกแบคฮยอนก่อนดี

     

    ผมรีบคว้าโทรศัพท์คู่ใจขึ้นมา ก่อนที่จะรีบเปิดเครื่อง พอเปิดปุ๊บแจ้งเตือนก็เด้งเข้ามาเป็นสิบๆ สายมีทั้งสายของแบคฮยอนและพี่เมเนเจอร์ โหย ใจเย็นๆ พี่ปาร์คกำลังโทรกลับครับ

     

    ตรู๊ดดดดดดดดดดด

     

    [ฮัลโหล ไอ้ปาร์คแกอยู่ไหน!!!]

     

    ขี้หูเกือบละลายยยย

     

    “ฮัลโหล แบคฮยอน”

    [แกอยู่ที่ไหน!]

    “ตอนนี้ฉันอยู่ที่กอ…./ผลั่ก!!!”

     

    โอ๊ยยยยยย!!

     

    ไอ้เสียงเมื่อกี้คือเสียงร้องของผมก่อนที่ก้นจะจ้ำเบ้าลงไปกับพื้นอย่างจัง เมื่อกี้รู้สึกเหมือนมีมือยาวๆ สักคู่มากระชากโทรศัพท์ออกไปจากหูเลยเอ๊ะโทรศัพท์!!!

     

    “เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยผมรีบตะโกนพร้อมกับชี้ไปที่ไอ้โจรห้าร้อยที่บังอาจมากระชากโทรศัพท์ไปจากมือ ตอนนี้โทรศัพท์มอยู่ในมือมัน แต่ดูเหมือนมันจะถือไม่ค่อยสะดวกเพราะติดถือกระเป๋าเป้สีแดงเก๋หนึ่งใบอยู่ที่มือ

     

    ห๊ะกระเป๋าเป้?

     

    เยดเข้ นั่นมันของกู๊!!!!

     

    พอเรียงลำดับเรื่องได้ สมองก็สั่งให้ขายาวๆ ของผมออกวิ่งตามไอ้โจรนั้นไปอย่างรวดเร็ว ไอ้โทรศัพท์น่ะไม่เท่าไหร่หรอกนะ แต่ในกระเป๋าใบนั้นมันมีแต่ของสำคัญอยู่ทั้งนั้นเลยนี่สิ

     

    ทั้งเงินทั้งบัตรต่างๆรวมทั้งพาสปอร์ต!!

     

    อย่าเอาของปาร์คไปเลยนะ ปาร์คยังต้องกลับไปขึ้นสเตจเต้นโอเวอร์โดสฮิปๆ อีกฮือออออ

     

    สองขาที่วิ่งไปพร้อมกับสมองที่คิดเรื่องต่างๆ นาๆ ไปล่วงหน้า ทำให้ร่างสูงไม่ได้รับรู้เลยว่าตัวเองได้วิ่งตัดผ่านถนนใหญ่ที่พลุกพล่านไปด้วยรถราจำนวนมหาศาล  ซึ่งหากใครสามารถหลบหลีกรถที่วิ่งไปวิ่งมาเหล่านี้ได้ ก็คงจะเป็นเทพเจ้า

     

    และบังเอิญว่าปาร์คชานยอลไม่ใช่

     

    “เฮ้ยคุณระวัง!!!!!”

     

    โครมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!!!!!

     

     

     

    [Ritz Part]

     

    “น้องหมอริท ลงเวรแล้วหรอคะ” พี่พยาบาลท่านหนึ่งทักผมในขณะที่ผมกำลังจะเดินลงบันไดหน้าโรงพยาบาลเพื่อไปขึ้นรถ

    “อ่อ ครับ ลงเวรแล้ว” พูดจบก็ยิ้มหวานแจกพี่พยาบาลไปอีกหนึ่งรอบตามสไตล์ของคนยิ้มง่าย คริคริ

    กระผม นักศึกษาแพทย์เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช หรือ ริทเดอะสตาร์ที่แฟนๆรู้จัก ตอนนี้อยู่ปี4แล้วครับ

    หลังรับเสื้อกาวน์ก็เรียนๆและฝึกงานตลอด พูดเลยเหนื่อยมากแต่ก็คุ้มนะครับ นอกจากพ่อแม่จะภูมิใจแล้ว แฟนคลับก็ยังภูมิใจในตัวริทอีกด้วย

    .... แม้จะมีบางคนแอบปันใจไปติ่งเกาหลีบ้าง (me : สะดุ้ง) แต่ริทใจกว้างครับ ขอแค่อย่าลืมริทก็พอแล้ว  อุอิ(me : น่าร้ากกกก)

     

    “ริทๆ รถกูเป็นเชี่ยไรไม่รู้ มันสตาร์ทไม่ติดอ่ะ”

    ไอ้เขต เพื่อนนักเรียนหมอคลาสเดียวกับผมมางุ้งงิ้งๆ ตรงกระโปรงรถผม
    "ทำไมไม่ใช้น้ำมันไดเกียวล่ะ"

    "เพราะใช้แล้ว เครื่องฟิต สตาร์ทติดง่าย.. ถุ๊ย!!!1  นี่เสียจริง ไปเล่นตลกมั้ย"

    “ฮ่าๆๆ โทรเรียกช่างดิ”

    “โทรแล้ว ช่างกำลังมา แต่... ริท กูรีบมากกูต้องไปทำธุระที่ บขสอ่ะ มึงไปส่งกูหน่อยดิฮริ้งงง ”

    ไอ้เขตพูดพลางทำหน้าแบ๊วๆใส่ผม  ตลกครับ - -  ผมพยักหน้าเร็วๆ ก่อนจะออกรถไปส่งมันที่ บขสขอนแก่น

     

    ..

     

    หลังจากที่ไอ้เขตมันทำธุระเสร็จผมก็ขับรถจะออกจาก บขส

    อย่างว่าผมมันเซียนรถ ขับสบายๆ (ไว)นิดหน่อยตามสไตล์ริทเดอะสตาร์ฮี่ๆ><

     

    แต่จู่ๆก็มีบางอย่างวิ่งตัดหน้ารถผม

     

    “เฮ้ย!!!!

     

    โครมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!!!!!

     

     

    ชิบหายย!!!

     

     

    ผมกับไอ้เขตรีบลงจากรถไปดูทันที

     

    ขับรถชนคน!! ตายห่าล่ะ

     

    ผมรีบเข้าไปดูอาการ ร่างยาวๆนั้นนอนสลบแต่ยังหายใจอยู่ ที่ศีรษะมีเลือดออกเล็กน้อยตรงบริเวณหน้าผากผมลองเรียกคนเจ็บเสียงดังๆเพื่อประเมินระบบประสาทก่อน ปรากฏว่า เขาหมดสติไปแล้วครับ ผมจึงรีบกดเบอร์โทรห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลทันที    ถามว่าทำไมผมไม่รีบพาเขาขึ้นรถตัวเองไป รพ ก็ผมไม่มั่นใจนิครับว่าเขากระดูกหักตรงไหนบ้างรึเปล่า เผลอๆหามไป ซี่โครงแทงปอดจะแย่เอา  เพราะงั้นเรียกรถกู้ภัยมานั่นแหละแน่นอนที่สุด

     

     

     

    -  โรงพยาบาล    -

     

    หลังจากผมเคลียร์กับตำรวจ ก็ได้ข้อสรุปว่าเขาผิดเองที่วิ่งมาตัดหน้ารถผม  แต่ผมไม่คิดจะเอาเรื่องอะไรหรอกนะครับ เพราะคนเจ็บย่อมสำคัญกว่าอยู่แล้ว (จิตวิญญาณคุณหมอสุดๆ) ส่วนรถผมมีรอยเล็กน้อย ไม่เป็นไรหรอก ชิวๆ

    รีบไปดูอาการคนเจ็บก่อนดีกว่า  ยังไงซะผมก็ว่าตัวเองมีส่วนผิดที่ขับเร็วไปนิดนึง(นิดเดียวจริงจริ๊ง)

     

    “พี่หมอครับ คนไข้เป็นยังไงบ้างครับ”

    “ยังไม่รู้สึกตัวเลย พี่ให้ไป CT SCAN  แล้วล่ะ ไม่มีเลือดออกในสมอง , Chest X ray (เอกซ์เรย์ทรวงอก)ไม่มี rib fracture(ซี่โครงหัก)แต่มี Incomplete fracture Right arm ตรง radius boneนิดหน่อย(กระดูกแขนขวาร้าว)ไม่หนักมากหรอก ใส่เฝือกสักพักก็หาย ส่วนอาการทางสมองต้องรอดูตอนรู้สึกตัวอีกที แผลที่หัวก็ไม่ลึกนะ พี่ให้พยาบาลทำแผลละ ตอนนี้พี่ให้ IV(น้ำเกลือ) อยู่ ถ้าฟื้นแล้วคง OFF ให้กินข้าวได้ ”

    พี่หมอเล่าเคสให้ผมฟังแบบคร่าวๆ (?)เห้ออ โล่งไปที คิดว่าจะเป็นอะไรเยอะซะอีก น่าตกใจชะมัด

     

    ผมรีบโทรบอกพ่อกับแม่ตัวเองโดนป๋าต้อมแกดุมาด้วยแหละ  รู้งี้ไม่โทรไปเล่าซะก็ดีT T

     

    โทรเสร็จก็เข้าไปดูคนเจ็บต่อ

     

    ร่างยาวๆ (ตัวเขายาวจริงๆนา..) นอนนิ่งท่าศีรษะสูง 30 องศา (flowler’s position)ในชุด ร.พ. ที่แขนมีผ้าพันๆไว้กับไม้ เฝือกคงยังไม่เสร็จ และยังมีผ้าก็อซเล็กๆแปะตรงหน้าผากด้วย

     

    หล่อใช่เล่น

     

    ผมสีแดงเชียว ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นชาวต่างชาติก็ได้   เขาหล่อแถมยังโคตรสูงเลยขาเกือบจะเลยเตียง ร.พ. แน่ะ นี่ถ้าแบ่งความสูงจากเขามาให้ผมได้ก็คงจะดี (. .) แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ควรจะคิด  สิ่งที่ผมควรคิดตอนนี้คือจะทำยังไงกับหมอนี่ดี   กระเป๋าสตางค์ไม่มี!  มือถือไม่มี! บัตรประจำตัวอะไรก็ไม่มีติดตัวมาเลยสักอย่างพระเจ้า! นี่มันคนเถื่อนชัดๆ (คนเถื่อนที่หน้าตาดีมาก) T^T

     

    ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าไม่มีใครรู้ชื่อแซ่หรือที่อยู่หรือแม้แต่ควรจะติดต่อคนรู้จักของเขายังไงได้เลย  

     

    หวังว่าผมคงไม่ดันไปขับรถชนผู้ร้ายเข้าหรอกนะ

     

    ++++++++++++++

     

     

     ห้าชั่วโมงต่อมา

     

    ผมกลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วกลับมานั่งๆนอนๆอ่านหนังสือที่ข้างเตียงคนป่วย จะให้ผมทิ้งไปเลยก็กระไรอยู่ เลยกะจะรอให้เขารู้สึกตัวก่อน ค่อยว่ากัน

     

    “อ๊า...อาพายอ..”

    เสียงพึมพำมาจากร่างสูงที่อยู่บนเตียง อ๊า ฟื้นซักที!

     

    “คุณ ฟื้นแล้วหรอ”ผมเข้าไปสะกิดเรียก  คนเจ็บค่อยๆกระพริบตา

     

    “เป็นยังไงบ้าง ปวดตรงไหนหรือเปล่า”ตากลมโตมองผมแบบงงๆ ชิบหายละ ฟังไทยไม่ออกรึเปล่าเนี่ย

    “อา...เออะ...อาร์ยูโอเค๊?”

    “โอเค๊ ??”

    เสียงทุ้มพูดตามผมก่อนจะจ้องหน้าผมด้วยสายตาที่งงแล้วก็งงอีก

     

    กรรมของเวร เอาไงดีจะพูดกันรู้เรื่องมั้ยเนี่ย..

     

     
     

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     



    วิ้ดดดดด บู้มมมม !! มาแล้วตอนแรก กร้ากกกกก อย่าถือสาเลย บอกแล้วนี่ฟิคมโน 
    ฟิคเรื่องนี้เป็นฟิคสั้นๆนะ อ่านเอาฮา อ่านเอามันส์ สนองนี้ดให้คนแต่ง

    ลงชื่อ (สามติ่ง)

     


     
    >SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×